เมื่อกลับไปถึงโรงแรมที่พักผู้เป็นลูกก็เรียกแม่เพื่อที่จะคุยเรื่องแต่งงานนี้
"แม่ก็ดูท่าทีเด็กนั้นก็ไม่ได้อยากแต่งงานกับผมเสียหน่อยแม่ลองเอาแบบนี้ดีไหมล่ะ ให้เขาติดหนี้เราไปก่อนถ้าเขายังไม่มีเงินจ่ายแล้วค่อยทยอยจ่ายภายหลังไม่ใช่ไปบังคับให้เขาแต่งงานแบบนั้นผมรู้สึกสงสารเขานะแม่"
ตะวันพูดขึ้นเพราะตัวเองก็ไม่ต้องการที่จะถูกบังคับแต่งงานแต่อย่างใด แต่เรื่องเงินนั้นสำคัญเพราะว่าแม่บอกว่าถ้าเขาไม่ยอมแต่งงานกับผู้หญิงคนนี้ แม่ก็จะไม่ให้เงินเขาใช้ ส่วนไร่ที่ตนเป็นคนทำนั้นเขาเองก็ไม่ได้รับเงินอยู่แล้ว แม่คอยจ่ายค่าคนงานในไร่ให้และจัดแจงค่าใช้จ่ายทุกอย่างรวมไปถึงรายเดือนที่ตะวันเองใช้จ่ายด้วย ซึ่งถ้าตนไม่มีเงินส่วนที่แม่ก็จะไม่มีเงินลงทุนผับที่ตัวเองแอบเปิด แต่ถ้าได้แต่งงานกับผู้หญิงคนนี้แม่บอกว่าจะยอมให้เขาลองบริหารเงินของตัวเอง ตนจึงต้องตอบตกลงและตามแม่มาที่นี่
"แกสงสารเขาหรือ ยิ่งแก่สงสารเขาแกก็ต้องรีบแต่งงานกับเขาเพื่อที่จะได้ยกฐานะของครอบครัวเขาให้สูงขึ้น เพราะถ้าเขาแต่งงานกับแกแล้วแม่ก็มีเงินให้กับครอบครัวเขาโดยไม่ต้องคิดอะไรมาก ถ้าให้ไปฟรีๆเขาก็จะคิดมาก ครอบครัวเราก็มีพร้อมแล้วแกเองก็จะได้เป็นฝั่งเป็นฝา"
ผู้เป็นแม่กล่าวขึ้น
"แม่ก็รู้อยู่แล้วนี่ว่าผมมีแฟนแล้วชื่อของขวัญ ถ้าแม่อยากให้ผมเป็นฝั่งเป็นฝาก็ยอมให้เราแต่งงานกันสิครับ ผมจะได้โทรไปบอกเขาให้กลับมาจากต่างประเทศเพื่อที่จะได้แต่งงานกับผมแม่เองก็จะได้วางใจ เด็กนั้นก็จะไม่ได้ฝืนใจที่จะแต่งงานกับผมด้วย"
ผู้เป็นลูกชายพูดขึ้น ถึงแม้ของขวัญเองพูดว่าเขาเองไม่ต้องการที่จะแต่งงาน แต่ถ้าให้เหตุผลก็คงจะแต่ง
"ไม่หรอกยายของขวัญอะไรนั้นของแก ไม่เหมาะสมกับแกเลยสักนิด ดูสิบ้านเขาก็รวยขนาดนั้น แล้วแกเองล่ะมีเงินหรือที่จะไปขอเขา พ่อแม่เขาจะยอมหรือไม่ถ้าแกไปขอลูกเขาแต่งงานโดยที่ไม่มีเงินสักบาท เพราะแม่ไม่มีทางที่จะให้เงินแกไปแต่งหรอก"
ผู้เป็นแม่เลี้ยงกล่าวขึ้น
"แล้วเด็กนี่ที่แม่จะไปขอให้ไม่ต้องใช้เงินหรือ ก็ในเมื่อแม่ใช้เงินไปกับการรักษาย่าให้เขาแล้ว ก็ถือว่าให้เงินเขาไปแล้วมันก็มีค่าเท่ากัน หรือแม่จะให้ผมไปทวงกับเขาเพื่อจะเอาเงินส่วนนั้นไปขอของขวัญหรือ"
ลูกชายพูดขึ้นบ้าง
"ใครบอกเราว่าเงินส่วนนั้นจะเป็นสินสอดสำหรับหนูปลายฝัน แม่จะต้องเตรียมเงินสินสอดไว้สำหรับน้องเขาอยู่แล้ว ให้เงินส่วนนั้นมันก็คือเงินที่เขาเป็นหนี้เรา แม่ไม่ได้เอามาข้องเกี่ยวกันอยู่แล้ว แล้วถ้าเขาแต่งงานแล้วมีลูกให้แกก็ถือว่าเป็นครอบครัวเดียวกันแล้วแล้วแม่จะไปคิดเล็กคิดน้อยกับเงินส่วนนั้นซึ่งไม่กี่ล้านเอง"
ผู้เป็นแม่กล่าวขึ้น ทำให้ลูกชายโมโหสุดๆ
"แล้วถ้าผมไม่ยอมแต่งล่ะคุณแม่มาบังคับผมไม่ได้หรอกดูเถอะถ้าถึงวันแต่งงานผมจะไม่มา และเดี๋ยวพรุ่งนี้ผมก็จะไม่ไปงานของญาติเด็กคนนั้นด้วย"
ลูกชายตระโกนด้วยความโมโห และลุกขึ้นไปเข้าห้องของตัวเอง ซึ่งอยู่ข้างๆห้องของแม่ และที่เขานั่งคุยกันคือห้องโถงหลัก เขาสองคนแม่ลูกพักที่โรงแรมห้องชุดในเครือของเขาเอง
"ก็ตามใจแก ก็แม่พูดไปทุกอย่างแล้วถ้าแกไม่อยากอยู่ที่ไร่ก็หาทางออกไปเถอะ แต่ถ้าแกยังอยากอยู่ที่ไร่เรียกแม่ว่าแม่แกก็ต้องทำตามที่แม่พูด"
ผู้เป็นแม่ตระโกนไล่หลัง ความจริงแล้วเธอเองก็สงสารลูกชายไม่ใช่น้อย แต่เรื่องแต่งงานของทั้งสองเธอเองได้วางแผนกับผู้เป็นย่าของปลายฝันตั้งแต่แรกแล้ว ยาของปลายฝันคือคนที่ช่วยเหลือพ่อของแม่เลี้ยงไว้ เมื่อตอนเป็นหนุ่ม พ่อของเธอเป็นพ่อเลี้ยงที่มีอิทธิพลอยู่มากจึงทำให้มีผู้ไม่หวังดีมีมากเช่นเดียวกัน พอจึงถูกตามฆ่าจนเกือบเอาชีวิตไม่รอด และได้ย่าของปลายฝันช่วยไว้ จนรักษาตัวพ่อให้หายดีและพามาส่งที่ไร่ คุณพ่อจึงขอร้องให้ย่าของปลายฝันอยู่ที่ไร่ต่อสักระยะเพราะย่าของปลายฝันไม่มีบ้านอยู่ แล้วถ้าพ่อเคลียร์งานอะไรเสร็จก็อยากที่จะตอบแทนโดยการไปส่งยาของปลายฝัน จึงทำให้คุณแม่เข้าใจผิดในวันที่คุณพ่อไม่อยู่คุณแม่ก็ได้นำตัวของยาของปลายฝันไปส่งที่สถานีรถไฟและให้เงินของย่าไป 1 ก้อนซึ่งแค่นั้นย่าของปลายฝันก็คิดว่ามันมากเกินไปเสียแล้ว สำหรับคุณพ่อเองคุณพ่อคิดว่ายังไม่ได้ตอบแทนสิ่งใดเพราะความจริงแล้วคุณพ่ออยากจะหาที่ให้ย่าของปลายฝันอยู่สักที่หนึ่ง แล้วก็มอบเงินหนึ่งก้อน แต่เมื่อคุณแม่ตัดสินใจทำแบบนั้นไปแล้วคุณพ่อก็ไม่ได้ว่าอะไรแต่ก็จะพยายามหาตัวของคุณย่าเองแต่ไปพบ จึงให้เธอตามหาและตอบแทนบุญคุณ พอเธอเองพบตัวว่าอยู่ที่ไหนและเข้ามาทำความรู้จักกับย่าแล้วก็รู้ว่าย่าเป็นคนดีไม่น้อย เธองเองจะตอบแทนคุณย่าด้วยที่ดิน ย่าก็บอกว่ามีแล้ว และช่วงที่เธอเข้ามาก็พบว่าย่าเองไม่สบายและต้องใช้เงินมากมายในการรักษา เธอจึงยื่นมือเข้าช่วยแต่ย่าเองก็บอกกับเธอว่าเงินทุกบาทที่รักษาจะต้องคืนให้ และให้พ่อของปลายฝันเองรับรู้ด้วย เธอก็เคยเห็นปลายฝันเมื่อสองปีที่แล้วก็เกิดชอบอยู่มาก แต่เรื่องแต่งนั้นเธอพึ่งคิดเมื่อปลายปีที่แล้ว ที่เห็นแฟนของลูกชายของตัวเองกินข้าวกับลูกเจ้าของอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ในกรุงเทพ ตอนที่ตัวเองเข้ามาคุยงานในกรุงเทพวันนั้นเธอจำได้ดี เธอกำลังนั่งสนทนากับเจ้าของอสังหาริมทรัพย์ผู้นั้นก็หันไปเห็นผู้หญิงกับผู้ชายที่หน้าตาคุ้นๆนั่งกินข้าวกันอยู่ เธอจึงตั้งใจมองผ่านกระจกใสเข้าไปจนทำให้คู่สนทนาเกิดความสนใจจึงมองตาม
"อ้อ นึกว่าแม่เลี้ยงมองอะไรที่แท้ก็ลูกชายผมเองครับธาวินกำลังนั่งกินข้าวกับแฟนเขาชื่อของขวัญ เด็กคนนี้น่ารักนะครับ แม่เลี้ยงมองอย่างสนใจเดียวผมโทรเรียกลูกชายกับแฟนมานั่งกินข้าวด้วยดีกว่า"
เจ้าของอสังหาริมทรัพย์กล่าวขึ้นและกำลังจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา
"ไม่ต้องหรอกค่ะ ถึงว่าหน้าตาคุ้นๆธาวินนี้เอง โตแล้วหล่อนะค่ะ ทีแรกก็ไม่แน่ใจว่าเคยเห็นหรือป่าวเลยจ้องมองจนเสียมารยาทเลย ขอโทษนะคะ"
แม่เลี้ยงกล่าวขึ้น
"โอ้ไม่เลยครับแม่เลี้ยง ก็แม่เลี้ยงไม่ได้เจอหลานนานมากแล้วจึงจำไม่ได้ แต่ดีนะครับว่ายังคับคล้ายคับคา ถ้าเป็นผมนี้จำไม่ได้เลย ตอนนี้ลูกทั้งสองของแม่เลี้ยงผมก็ลืมหน้าหมดแล้วนะครับ"
เจ้าของอสังหาริมทรัพย์กล่าวขึ้น หลังจากวันนั้นแล้วเธอก็ไปพูดกับลูกชายแต่ลูกชายก็เหมือนว่าจะรักผู้หญิงคนนั้นมาก ตนก็ไม่รู้จะทำเช่นไรก็ไม่อยากให้ลูกชายเสียใจจึงหยุดที่จะพูดถึง และทั้งสองคนก็แต่งงานกันที่ต่างประเทศและปิดเรื่องนี้ไว้เป็นความรับไม่ให้ลูกชายของตัวเองรู้ และยังหลอกลูกชายของตัวเองว่าไปอยู่กับครอบครัว และนานๆก็กลับมาหาที ตนจึงหาทางออกโดยการเสนอการแต่งงานให้ลูกชายกับหลานย่าของปลายฝัน เพื่อตอบแทนบุญคุณย่าด้วย และย่าเองก็ถือว่าเป็นการใช้หนี้ที่แม่เลี้ยงนำเงินมารักษาตน จึงเขียนจดหมายขึ้นมาเพื่อให้รับรู้ทั้งสองฝ่าย
เรื่องของมานพและต้นข้าว ตะวันแค่แจ้งให้มานพรู้ว่า ต้นข้าวท้องลูกของมานพอยู่และใกล้คลอดออกมาแล้ว และตอนนี้ต้นข้าวอยู่ตอนโดวรโชติ ส่วนเรื่องอื่นๆให้มานพคิดและจัดการกับชีวิตเอาเอง"เพื่อนของคุณและเพื่อนของผมก็มีลูกกันแล้วเนาะ เราแต่งงานก่อนเขาเสียอีกยังไม่มีลูกเลย "ตะวันพูดขึ้น"ปลายว่าเราต้องค่อยๆเป็นค่อยๆไปค่ะ วันนี้พ่อเลี้ยงจะกินอะไรค่ะปลายจะได้ทำให้"ปลายฝันพูดขึ้น"พ่อเลี้ยงอยากกินหนูปลายได้หรือป่าวครับ"พ่อเลี้ยงกระซิบขึ้นทำสีหน้าละลื่น ทำใหคนฟังหน้าแดง พลางใช้มือใหญ่ๆโอบเอวบางจับให้คนตัวเล็กกว่านั่งบนตักตัวเอง"มันยังไม่มืดเลยนะคะ เดียวปลายไปทำกับข้าวนะอุ๊ยๆๆๆ"ปลายฝันพูดขึ้นแต่พ่อเลี้ยงไม่ลดละความพยายามทำให้ปลายฝันร้องออกมา"บางครั้งเราต้องเปลี่ยนช่วงบาง ทำช่วงเดิมซ้ำๆจะมีลูกได้อย่างไร เปลี่ยนช่วงเปลี่ยนบรรยากาศเสียบ้าง"ตะวันเอ่ยเย้า พลางจับคางให้เธอหันหน้ามาหาเขาและบดจูบอย่างเต็มที ปลายฝันก็ไม่ได้ฟืนอะไรเขาตอบสนองพ่อเลี้ยงอย่างไว สักพักก็หันหน้าออก"แต่ไม่นานก็ต้องมีคนมาตามปลายไปทำกับข้าว ปลายไปทำกับข้าวก่อนนะคะ"ปลายฝันพูดขึ้นอย่างหอบๆ พลางพลักอกใหญ่ๆของพ่อเลี้ยงออก"ไม่มี
"ที่แท้พ่อเลี้ยงตะวันกับคนพิภพก็เป็นพี่น้องกันหรือคะ เห็นเป็นข่าวใหญ่โตก็ไม่เห็นออกมายอมรับหลายๆคนนึกสงสัยและนำรูปมาเปรียบเทียบกันที่แท้พวกคุณก็หลอกสังคมอยู่นี่เอง ว่าพวกคุณไม่ใช่พี่น้องกันทั้งที่พวกคุณเป็นพี่น้องกัน"ของขวัญพูดขึ้นอย่างคนที่เหนือกว่าเขาเอาคำนี้ไปบอกนักข่าวรับรองว่าเป็นข่าวดังแน่ๆ"ผมไม่เคยบอกใครว่าผมกับตะวันไม่ใช่พี่น้องกัน และก็ไม่เคยยอมรับที่ไหนว่าเราเป็นพี่น้องกัน คุณว่าจริงหรือเปล่าครับ แล้วถ้าคุณจะเอาจุดนี้มาเป็นข้อได้เปรียบของพวกผมคุณคิดน้อยเกินไปแล้วล่ะครับคุณของขวัญ ตอนนี้ธุรกิจของผมก็ไปในทิศทางที่ดี ตะวันเองก็ไปในทิศทางที่ดีตอนนี้ถ้าทุกคนรู้ว่าเราเป็นพี่น้องกันชื่อเสียงของเราก็จะผลักดันกันครับ แต่เมื่อก่อนมันไม่ใช่เพราะถ้าทุกคนรู้ว่าพวกเราเป็นพี่น้องกันรั้งแต่จะฉุดให้อีกคนลงต่ำมา เพราะตะวันทำตัวเองไม่ได้เรื่อง มีแม่เลี้ยงที่พลอยอุ้มชูอยู่เท่านั้น คุณคงเข้าใจนะครับว่าทำไมผมไม่ออกมายอมรับว่าเขาคือน้องแต่ผมก็ไม่ได้ปฏิเสธนะครับ"พิภพพูดขึ้นให้ของขวัญกระจ่าง แม่เลี้ยงเป็นคนวางแผนเรื่องนี้มาตั้งแต่ต้นให้เขาทั้งสองคนแยกกันอยู่เพราะเรื่องที่ว่าผู้หนึ่งได้ดี แล้วต้
ผับของตะวันเองไปได้สวยแล้ว ทางด้านแม่เลี้ยงก็เห็นเป็นอย่างดีจึงยอมที่จะให้ลูกชายจัดการไร่เองทั้งหมดรวมกับรายได้ของไร่ตะวันด้วย เขาจึงเรียกลูกชายทั้งสองกับลูกสะใภ้มาพร้อมๆกันที่ไร่ตะวัน"คุณพลอยไพลินฝากคุณหนูทั้งสองไว้กับป้าก็ได้นะ"ป้าสายพูดขึ้นเมื่อทั้งสี่เข้ามาถึงบ้านไร่ วันจึงเดินออกมาอุ้มน้องพริมและป้าสายก็จูงมือน้องพร้อมไป ทั้งสองจึงเข้าไปนั่งรอแม่เลี้ยงที่ห้องทำงานตะวัน ซึ่งตะวันก็นั่งรอพวกเขาอยู่แล้ว เมื่อคนทั้งสองมาปลายฝันจึงยกของว่างไปให้ทั้งสอง พลอยจึงยกน้ำส้มเข้าไปให้"สวัสดีคะพี่พิภพพี่พลอย ลองชิมขนมดูหน่อยค่ะปลายทำเองเลยนะ คุ๊กกี้สามรสค่ะ "ปลายฝันพูดและยื่นขนมให้กับพลอยไพลินลองชิม พลอยไพลินถือจานมาและหยิบไปหนึ่งชิ้นและวางจานลง ไม่นานแม่เลี้ยงก็เดินเข้ามานั่งอยู่หัวโต๊ะ ตะวันกับพิภพก็นั่งข้างๆและถัดมาปลายฝันกับพลอยไพลินก็นั่งตรงข้ามกัน"วันนี้ที่แม่เรียกทั้งสองมาก็เพราะว่าแม่เห็นว่าเกือบหนึ่ง ปีที่ผ่านมานี้ไร่ของตะวันดำเนินไปด้วยความสะดวกแล้ว แม่ต้องขอบคุณที่ปลายฝันเข้ามาช่วยตะวันดูแลไร่ ค่าใช้จ่ายในไร่ของตะวันลดน้อยลงแต่ก็ไม่ทำให้คนงานเดือดร้อน รวมทั้งค่าน้ำค่าไฟค่ากินค่
หลังจากที่ตะวันไปที่ผับแล้วก็เอาโทรศัพท์มาดูที่ปลายฝันตั้งหน้าโปรไฟล์ facebook ขึ้นว่าผับตะวันแล้วเขาก็นำรูปที่ตะวันถ่ายไว้ในโทรศัพท์ออกมาเป็นรูปโปรไฟล์ ตะวันจึงโทรไปหามานพเพื่อนที่อยู่นครพนมบอกให้เพิ่มเพื่อนกับเขาทางเฟสบุ๊ค"โถแต่ก่อนมึงไม่อยากจะมีเฟสทำไมตอนนี้ถึงมีเฟสได้ว่ะ"มานพถามขึ้น"แล้วมันไม่ดีหรอวะถ้ากูมีเฟสนะ"ตะวันพูดขึ้น"ก็ดีน่ะสิเพราะมึงทำงานเกี่ยวกับผับถ้ามึงเข้าถึงคนจำนวนมากได้ก็จะเป็นผลดีต่อมึงแล้ว อีกอย่างมันมีประโยชน์กับการที่มึงจะไปหาแหล่งซื้อเหล้าซื้อเบียร์พวกนี้ด้วยจะได้ของที่ถูกและดีขึ้น"มานพพูดแล้วเพิ่มเพื่อนตะวันไป หลังจากที่ตะวันเพิ่มเพื่อนไปหลายๆคน เขาก็นึกสงสัยเกี่ยวกับการแต่งงานของของขวัญจึงเข้าไปดูในเฟสของของขวัญ ก็พบว่าไม่ได้มีการแต่งงานหรืออะไรทั้งนั้น ตะวันจึงเข้าไปดูเฟสของธาวินเขาก็พบกับรูปแต่งงานตรงหน้าโปรไฟล์จึงกดเข้าไปดูก็พบว่าเป็นธาวินกับของขวัญจริงๆด้วย เขาช่างโง่เง้าเสียเหลือเกิน วันนั้นมันน่าจะเป็นข่าวใหญ่พอสมควร แต่เพราะเขามัวแต่อยู่ในไร่ไม่สนใจโทรทัศน์ข่าวคราวใดๆและไม่เล่นโซเชียลจึงทำให้เขาเหมือนคนโง่ มีคนงานในไร่พยายามที่จะพูดแต่พอแม่เลี้ย
หลังจากที่พ่อเลี้ยงกลับมาตอนบ่าย ๆ ก็กินข้าวเสร็จก็ถามหาปลายฝัน ตัววันดี เองก็ทำหน้าลำบากใจ เขาต้องเล่าให้พ่อเลี้ยงฟังหรือไม่ว่าคุณของขวัญมาที่ไร่ ทางคุณของขวัญก็ไม่ได้บอกว่าให้บอกพ่อเลี้ยงสักหน่อยแล้วพ่อเลี้ยงยัง ถามหาปลายฝันอีกไม่ใช่จะเอาเรื่องเขาหรือ วันดีคิดมากเหมือนคนทำผิดใหญ่หลวง"คุณปลายฝันไปทำงานตั้งแต่กลับมาแล้ว หลังจากทำกับข้าวให้พ่อเลี้ยงเสร็จก็ไปทำงานเลย พ่อเลี้ยงจะให้ป้าโทรตามคุณปลายฝันกลับมาหรือเปล่า วันนี้คุณของขวัญเข้ามาหาพ่อเลี้ยงด้วยแต่ก็มานั่งสักพักเขาไม่ได้รอและก็ออกไป"ป้าสายยืนรายงานพ่อเลี้ยงอยู่ พ่อเลี้ยงจึงเหลือบตาไปมองวันดีแป๊บนึง ทำให้วันดีก้มหน้าหลบทันที"โทรให้คุณปลายมาพบผมที่ห้องทำงานแล้วกันครับป้า วันดียกน้ำส้มไปให้ผมกับคุณปลายในห้องทำงานผมด้วย"หลังจากสั่งงานเสร็จพ่อเลี้ยงก็ขึ้นห้องไป ป้าสายจึงรีบโทรตามคุณปลายฝัน และเตรียมน้ำส้มให้ทั้งสองถ้าทั้งสองเข้าห้องทำงานแล้วจะได้ให้วันดียกไป"เป็นอะไรวันดีแกกำลังทำตัวมีพิรุธอยู่ ถ้าคุณปลายกับพ่อเลี้ยงเข้าไปในห้องทำงานแล้วยกน้ำส้มไปให้อย่าทำตัวมีพิรุธ อย่าทำให้น้ำส้มหกเลอะเทอะล่ะเดี๋ยวจะโดนโกรธ"ป้าสายพูดขึ้นและสั
ทางด้านตะวันเมามายได้ไม่นาน คนที่ผับติดต่อไม่ได้ก็ต้องโทรเข้าเบอร์บ้าน เพราะตอนนี้ของเริ่มหมดสต็อกอีกแล้ว พวกเขาต้องให้พ่อเลี้ยงตะวันอนุมัติเท่านั้นจึงต้องเร่ง"พ่อเลี้ยง คนทีผับโทรมาว่าติดต่อพ่อเลี้ยงไม่ได้ เขาว่ามันสำคัญมากป้าเลยเดินมาบอก"ป้าสายขึ้นมาบอกพ่อเลี้ยง"มีรถไปรับคุณปลายฝันกับวันดีแล้วหรือ เดียวผมจะออกไปผับเลยแล้วกันให้พลอยขึ้นมาเก็บห้องให้ด้วยนะครับเอาของพวกนั้นไปทิ้งให้หมดเลย"ตะวันพูดขึ้นพลางชีไปที่มุมห้อง"คนขับรถไปรับคุณปลายตั้งแต่เช้าแล้ว คุณตะวันจะกินอะไรก่อนไหมเดียวป้าไปทำให้"ป้าสายถามขึ้น"ไม่ต้องครับเดี๋ยวคุณปลายกลับมา แล้วให้เขาทำไว้รอผมแล้วกัน ผมอาบน้ำแล้วจะรีบไปพักเลย"ตะวันพูดขึ้นแล้วรีบไปอาบน้ำ ป้าสายจึงให้พลอยขึ้นมาทำความสะอาด แล้วให้คนงานขึ้นมายกของที่พ่อเลี้ยงต้องการทิ้ง ตะวันออกมาจากห้องน้ำเห็นพวกคนกำลังขนของลงไปเขาก็ไม่ได้ใส่ใจ และออกไปจากบ้านขับรถออกไปทันที"แม่เลี้ยงพ่อเลี้ยงออกไปแล้วค่ะ แล้วก็ให้คนงานขนของในห้องพ่อเลี้ยงออกไปทิ้งเป็นจำนวนหนึ่งน่าจะเป็นของของคุณของขวัญ"ป้าสายโทรไปรายงานแม่เลี้ยง"ดีแล้วล่ะเตรียมตัวรับมือกับของขวัญให้ดีแล้วกันเหมือ