LOGIN“เป็นอะไรเหรอคะที่ว่ามากกว่าเพื่อนน้องสาว แอนไม่เข้าใจที่คุณชาร์มมิ่งพูดเลยค่ะ” แอนนาตีหน้าซื่อขอคำตอบที่กระจ่างกว่านี้
ชาร์มมิ่งสบตาชายหนุ่มที่นั่งอยู่ระหว่างกลาง แล้วมองเลยไปที่แอนนาที่กำลังเอียงคอรอฟังคำตอบ
“คุณแอนนาจำเป็นต้องรู้ด้วยเหรอคะ ในเมื่อคุณแอนนาเป็นแค่ลูกสาวผู้ถือหุ้นคนหนึ่งเท่านั้น”
แอนนารู้สึกเสียหน้ากับคำตำหนิซึ่ง ๆ หน้าของชาร์มมิ่ง ที่บ่งบอกชัดเจนว่าตนนั้นไม่ได้มีความสัมพันธ์พิเศษกับชายหนุ่ม ไม่ควรจะมาก้าวก่ายเรื่องส่วนตัวของเขา
“ถึงแอนจะเป็นแค่คนรู้จักกับคุณวิโมกข์ แต่ถ้าตาคุณชาร์มมิ่งมีแวว ก็คงเห็นชัดเจนว่าแอนต้องการเป็นมากกว่านั้น” แอนนาย้อนกลับและเกี่ยวแขนของชายหนุ่มเอาไว้ เพื่อให้อีกฝ่ายรู้ว่าสิ่งที่ตนต้องการจะเป็นนั้นคืออะไร
“ตอนนี้ชาร์มตาลายมากเพราะเมา ก็เลยมองไม่เห็นอะไรเลยค่ะ อย่าว่าแต่มองเลยนะคะ ต่อให้หยิกหน้าแบบนี้ก็ยังไม่เจ็บ เพราะหน้ามันด้านมาก ๆ” เธอทำท่าบีบแก้มตัวเองด้วยท่าทางน่ารัก แต่คำพูดนั้นจงใจว่าแขวะอีกฝ่ายเต็ม ๆ
“สงสัยคุณชาร์มมิ่งคงจะเมาจริง ๆ นะคะถึ
“ก็ไม่มีเรื่องอะไรมากนักหรอก แต่มันก็เป็นเรื่องที่ไม่ควรมองข้ามเหมือนกัน” “เชิญพูดมาได้เลยครับคุณอา” ชายหนุ่มคะยั้นคะยอเมื่อเห็นท่าทางอ้ำอึ้งของอีกฝ่าย “เรื่องนี้อาอยากได้ยินคำตอบจากปากของหลานชาย” เขาคิดทบทวนอย่างถ้วนถี่มานานมากแล้วสำหรับเรื่องนี้ ถ้าลูกชายของเพื่อนรุ่นพี่ตนคนนี้ตอบว่าเธอเป็นภรรยา เขาจะไม่พูดถึงหนี้สินที่เธอเคยติดค้างมาจากบ่อนพนัน เพราะเห็นแก่ความสัมพันธ์ที่ดีต่อพ่อของเขาในอดีต แต่ถ้าไม่ใช่เขาก็ปล่อยให้เงินก้อนนั้นหลุดมือไปไม่ได้เหมือนกัน “เรื่องมีนา เธอเป็นเมียของหลานตามที่เคยเป็นข่าวจริงหรือเปล่า.. อาขอโทษนะที่ต้องถามหลานชายตรง ๆ แบบนี้ เพราะหลังจากข่าวมีนาไม่นาน อาก็เห็นหลานมีข่าวกับสาวลูกครึ่งอีกคน อาก็เลยสงสัยว่าข่าวไหนจริง ข่าวไหนปลอมกันแน่” วิโมกข์พยักหน้าคล้อยตามคำอธิบายของอีกฝ่าย หลังจากฟังจบก็นิ่งเงียบไปสักพัก แล้วค่อยคลี่ยิ้ม
เมื่อเป็นอิสระเจสสิก้าก็ถอยห่างจากชายหนุ่มทันที มองเขาด้วยสายตาชิงชังก่อนจะเดินจากไปเงียบ ๆ“แมรี่ ลองไปเดินหาหลานสาวฉันดูซิ บางทีเธออาจจะยังอยู่แถวนี้ก็ได้” นางไม่เชื่อคำพูดของผู้ชายผิวเหลือง ที่หวังจะมาเป็นหลานเขยนางเด็ดขาดชายหนุ่มมองตามหลังสตรีที่ยังดูสาว และแข็งแรงกว่าวัยด้วยความเอือมระอา ก่อนจะเดินแยกไปอีกทาง เพราะไม่อยากบังเอิญเจอกับท่านอีก...ก๊อก ๆ ๆ ก๊อก ๆ ๆบารมีรีบออกจากห้องน้ำแล้วตรงไปเปิดประตู “เป็นอะไรวิ เคาะซะตกใจหมดเลย”“ทำอะไรอยู่คะพี่ทศ รู้ไหมว่าวิโทรหาอยู่ตั้งนานกว่าจะเดินมาเรียก”“พี่อาบน้ำอยู่จ้ะ เปิดเพลงดังด้วยมั้งก็เลยไม่ได้ยิน” ถ้าไม่ใช่เพราะอาบน้ำเสร็จพอดี เขาก็คงไม่ได้ยินเสียงเคาะประตูของเธออีก วิเวียนมองไปที่เรือนร่างของเขาเมื่อได้ยินดังนั้น เห็นผิวกายที่มีลอนกล้ามสวยงามมีหยดน้ำเกาะอยู่ก็ถึงกับใจกระตุก รู้สึกใบหน้าร้อนผะผ่าว รีบเมินหน้ามองไปทางอื่นเพราะกลัวเขาจะเห็นอาการของตน“วิจะมาบอกว่าพี่โมกกลับบ้านไปแล้วนะคะ พรุ่งนี้ให้พว
“ผมว่าท่านกลับไปที่ห้องพักก่อนดีกว่านะครับ ขอเราทำใจกับเรื่องนี้กันก่อน ขอบคุณครับ” วิโมกข์ไม่สนใจอะไรอีกแล้ว จับสตรีสูงวัยดันออกไปจากห้อง “ช่วยพาท่านกลับไปก่อนนะครับ” บอกกับคนติดตามของท่านที่รออยู่หน้าห้อง แล้วปิดประตูใส่หน้าอย่างไม่ใยดีก๊อก ๆ ๆ“ชาร์มมิ่งย่าขอโทษ ย่าไม่ได้ตั้งใจจะทำให้หลานเจ็บแบบนั้นเลย ย่าแค่โมโหจนลืมตัวเท่านั้น ยกโทษให้ย่าด้วยนะหลานรัก” เจ็สสิก้าเคาะประตูและยืนพูดอยู่ที่หน้าห้องด้วยความเสียใจอย่างสุดซึ้ง แต่ก็ไร้การตอบรับจากคนข้างใน จึงได้แต่เดินคอตกกลับไปที่ห้องพักของตนเอง...วิโมกข์ได้แต่นั่งเป็นกำลังใจอยู่ใกล้ ๆ คนรักที่เอาแต่กอดเข่าร้องไห้อยู่เงียบ ๆ ไม่รู้ว่าจะปลอบใจยังไงดี เพราะคนที่ทำร้ายเธอเป็นย่าของเธอเองเกือบครึ่งชั่วโมงต่อมา ชาร์มมิ่งก็เงยหน้าขึ้นมาสบตากับเขา ดวงตาแดงระเรื่อและบวมช้ำเพราะผ่านการร้องไห้อย่างหนัก“ชาร์มจะกลับอเมริกาค่ะ พี่โมกไปส่งชาร์มที่สนามบินหน่อยนะคะ” เธอพูดเจือเสียงสะอื้น“ได้สิ แต่ชาร์มจะกลับตอนนี้เลยเหรอ” เขาใช้มือเช็ดน้ำตาที่ป
“จริงเหรอ” เขาแกล้งทำเป็นตื่นเต้น ทั้ง ๆ ที่เคยได้ยินเรื่องนี้มาจากปากของน้องสาวบ้างแล้ว “เล่าเรื่องครั้งแรกที่เราได้เจอกันให้พี่ฟังหน่อยสิ พี่อยากรู้ว่าทำไมเราถึงอยากแต่งงานกับพี่” เขาหอมที่แก้มนวลเมื่อถามจบ และหวังว่าการชวนเธอคุยเรื่องนี้จะทำให้เธอรู้สึกดีขึ้นมาบ้างหญิงสาวเริ่มเล่าเรื่องราวครั้งเก่าเมื่อสิบสองปีที่แล้วให้เขาฟังอย่างตั้งใจ ตั้งแต่ตอนที่เขาช่วยเหลือเธอจากสุนัขที่หลุดออกมาจากบ้านใครสักหลังตัวนั้น จนถึงตอนที่เธอรู้ว่าเขาคือพี่ชายของวิเวียน“ตั้งแต่นั้นชาร์มจึงพยายามใกล้ชิดกับป้าปราณีและวิเวียนมากเป็นพิเศษ เพราะอยากรู้เรื่องราวของพี่โมกผ่านทางพวกเขาค่ะ และก็ตั้งใจเรียนภาษาไทยอย่างจริงจังมากขึ้น เพราะหวังว่าสักวันจะมีโอกาสได้เจอกับพี่โมก และสร้างความประทับใจให้พี่โมกได้บ้าง”เขาจูบเธอเมื่อได้ยินฟังเรื่องราวจากปากของเธอจบ “แล้วเสียใจไหมที่รู้ว่าพี่มีแฟนแล้ว”“เสียใจสิคะ แต่ทำยังไงได้ล่ะ ในเมื่อมันเป็นรักข้างเดียว ชาร์มก็ไม่ได้คาดหวังอยู่แล้วว่าจะได้รับรักตอบจากพี่โมก” เธอผงกศีรษะขึ้น
ชาร์มมิ่งหลับตาข่มอารมณ์โกรธไว้ในใจอย่างที่สุด ในอดีตท่านก็เคยกีดกันความรักของพ่อแม่เธอ ทำให้เธอต้องกลายเป็นเด็กกำพร้าพ่ออยู่หลายปี แต่เพราะพ่อรักแม่มากจึงไม่ยอมแต่งงาน ใหม่กับผู้หญิงที่คุณย่าเลือกให้ จนในที่สุดสวรรค์ก็เห็นใจความรักของพ่อ ทำให้ท่านได้เจอเธอกับแม่อีกครั้ง และได้กลับมาใช้ชีวิตคู่อยู่ด้วยกันจนถึงทุกวันนี้เรื่องพวกนี้พ่อเธอเป็นคนเล่าให้ฟังเองจากปาก เธอจึงเชื่อสนิทใจ และตอนนี้ท่านก็กำลังทำแบบเดียวกับที่เคยทำในอดีตอีกใช่ไหม“แค่นี้ใช่ไหมคะที่คุณย่าต้องการ ถ้าอย่างนั้นหนูขอตัวไปพักผ่อนนะคะ ไปกันเถอะค่ะพี่โมก”วิโมกข์พยักหน้ารับ แต่ก่อนที่จะไปเขาก็กวักมือเรียกพนักงานเพื่อให้คิดค่าอาหาร เพราะไม่อยากถูกย่าของเธอดูถูกตามหลังว่าไม่มีปัญญาจ่าย“มื้อนี้ฉันเลี้ยงเองดีกว่านะ” เจ็สสิก้าพูดเพียงสั้น ๆ ใช้สายตามองอาหารบนโต๊ะ และสิ้นสุดที่ขวดไวน์ยี่ห้อดัง“ให้ผมได้เลี้ยงท่านสักมื้อนะครับ ในเมื่อผมเป็นคนเลือกร้านอาหารร้านนี้เอง และไวน์ขวดนั้นผมก็เป็นคนสั่งเองด้วย ความจริงผมสั่งไวน์ที่ท่านชอบดื่มให้แล้วนะครับ แต่บังเอิญว่า
“พี่รักเราพี่ต้องทนเก็บความรู้สึกไว้ด้วยเหรอ พี่จะไม่เก็บอีกต่อไปแล้ว และก็อย่าหวังว่าไอ้ฝรั่งหน้าไหนจะมาแย่งเราไปจากพี่ได้ ไม่ว่ามันจะมีใครหนุนหลังอยู่ก็ตาม” เขามองไปที่โรเจอร์กับย่าของเธอ และกลับมามองเธออีกครั้ง “แล้วเราก็อย่าคิดนอกใจพี่ด้วย ไม่งั้นได้เห็นดีกันแน่”“ชาร์มไม่กล้าหรอกค่ะ” สาวน้อยตอบออกไปด้วยความสัตย์ซื่อ ก็เธอรักเขามากจนไม่รู้จะบรรยายเป็นคำพูดได้ยังไง เรื่องคิดนอกใจจึงไม่เคยอยู่ในหัวสมองเลยสักนิด “ทุกวันนี้ชาร์มคิดแต่เรื่องที่จะเข้าไปอยู่ในใจพี่โมกมากกว่า”วิเวียนสะกิดคนรักพร้อมกับแอบยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ เพราะขัดเขินต่อคำพูดของเพื่อนรักกับพี่ชาย แบบนี้ความหวังของเธอก็คงจะเป็นจริงสินะ แต่มันคงไม่ง่ายนัก เพราะมีตอชิ้นใหญ่อย่างคุณย่าอีกทั้งคน“คนแรกของหัวใจ คนสุดท้ายของชีวิต” บารมีกระซิบบอกแฟนสาว แอบซึ้งใจแทนเพื่อนรักที่มีคนรักเขาด้วยความจริงใจ“พูดอะไรกัน พูดให้ย่าเข้าใจด้วยสิ” เจ็สสิก้าต่อว่าหลานสาว แต่สายตาขุ่นเคืองนั้นกลับส่งไปให้วิโมกข์“เราก็แค่บอกรักกันเท







