Accueil / โรแมนติก / บ้านไร่ในฝัน / ตอนที่ 4 มรสุมที่คาดไม่ถึง

Share

ตอนที่ 4 มรสุมที่คาดไม่ถึง

last update Dernière mise à jour: 2025-08-08 05:41:26

ชีวิตของขุนในเมืองใหญ่ยังคงดำเนินไปอย่างยากลำบาก เขาเปลี่ยนงานมาหลายครั้ง จนกระทั่งได้งานเป็นคนงานใน โรงงานผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ แห่งหนึ่ง แม้จะเป็นงานที่ต้องยืนนาน ๆ และใช้ความละเอียดสูง แต่ค่าแรงก็ดีกว่างานที่เคยทำมา และมีโอทีให้พอได้ลืมตาอ้าปากบ้าง

โรงงานแห่งนี้เป็นเหมือนโลกอีกใบที่เขาไม่เคยรู้จัก คนงานจำนวนมากมารวมตัวกันจากทุกสารทิศ ต่างคนต่างมีเรื่องราวและความฝันเป็นของตัวเอง ขุนเริ่มมีเพื่อนร่วมงานบ้างประปราย หนึ่งในนั้นคือ สมศักดิ์ ชายหนุ่มรุ่นราวคราวเดียวกันที่ดูใจดีและชอบช่วยเหลือผู้อื่น สมศักดิ์มักจะชวนขุนคุยเรื่องต่าง ๆ เล่าเรื่องชีวิตในเมืองใหญ่ให้ฟัง และดูเหมือนจะเข้าใจความรู้สึกโดดเดี่ยวของขุนเป็นอย่างดี

วันหนึ่ง สมศักดิ์เดินเข้ามาหาขุนด้วยท่าทางเคร่งเครียด

“ขุน…นายพอจะมีเงินให้เรายืมสักก้อนไหม” สมศักดิ์ถามเสียงเบา “พอดีแม่เราป่วยหนัก ต้องใช้เงินด่วนจริง ๆ”

ขุนชะงัก เขาไม่ได้มีเงินเก็บมากมายอะไร แต่เมื่อเห็นแววตาอ้อนวอนของสมศักดิ์และความจำเป็นที่ฟังดูน่าเห็นใจ เขาก็รู้สึกสงสาร

“เราไม่ค่อยมีหรอกนะสมศักดิ์…แต่พอช่วยได้นิดหน่อย” ขุนบอกอย่างลังเล

สมศักดิ์ส่ายหน้า “ไม่พอหรอกขุน…แต่นายพอจะกู้เงินจากพวกปล่อยกู้นอกระบบให้เราได้ไหม เดี๋ยวเราจะช่วยจ่ายดอก แล้วจะรีบคืนให้เร็วที่สุดเลย”

ขุนตกใจ เขาไม่เคยข้องเกี่ยวกับเงินกู้นอกระบบ รู้ดีว่ามันอันตรายแค่ไหน แต่สมศักดิ์ก็คะยั้นคะยอ อ้างถึงความจำเป็นของแม่ที่กำลังป่วยหนัก และรับปากว่าจะไม่ทิ้งให้ขุนต้องรับผิดชอบคนเดียว

ด้วยความที่ไว้ใจสมศักดิ์และความไม่ประสีประสาในเรื่องการเงิน ขุนจึงยอมใจอ่อน เขายอมไป กู้เงินนอกระบบ มาให้สมศักดิ์ก้อนหนึ่ง โดยมีชื่อของเขาเป็นผู้กู้ ทุกวันหลังเลิกงาน ขุนจะแบ่งเงินค่าแรงของตัวเองไปจ่ายดอกเบี้ยตามที่สมศักดิ์บอก

แต่แล้ว…ความจริงอันโหดร้ายก็ปรากฏขึ้น

ไม่นานหลังจากนั้น สมศักดิ์ก็ หายตัวไป เขาขาดงาน ไม่มาทำงานอีกเลย เบอร์โทรศัพท์ที่เคยติดต่อได้ก็ปิดไปแล้ว ขุนพยายามตามหาทุกวิถีทาง แต่ก็ไม่พบร่องรอยใด ๆ ของสมศักดิ์เลย

หนี้เงินกู้นอกระบบก้อนใหญ่ที่สมศักดิ์ทิ้งไว้ กลายเป็นภาระหนักอึ้งที่ขุนต้องแบกรับไว้เพียงคนเดียว ดอกเบี้ยมหาโหดเพิ่มพูนขึ้นทุกวัน ทวงถามด้วยวิธีการข่มขู่ที่ทำให้ขุนหวาดกลัว เขาทำงานหนักขึ้นเป็นสองเท่าเพื่อหาเงินมาจ่ายหนี้ แต่ก็ยังไม่พอ

ชีวิตที่เคยโดดเดี่ยวอยู่แล้ว ยิ่งมืดมิดและสิ้นหวังมากขึ้นไปอีก ขุนต้องอยู่อย่างหวาดระแวง ไม่กล้าออกไปไหนคนเดียว ไม่กล้าเปิดประตูห้องให้ใครที่ไม่รู้จัก เขาเริ่มอดมื้อกินมื้อเพื่อให้มีเงินไปจ่ายหนี้ ชีวิตของเขากลายเป็นนรกบนดิน

ในความมืดมิดและสิ้นหวังนั้น ขุนรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังจมดิ่งลงสู่ก้นบึ้งที่มองไม่เห็นทางออก เขาไม่รู้จะหันหน้าไปพึ่งใคร ไม่มีใครที่เขากล้าเล่าเรื่องนี้ให้ฟัง ความรู้สึกผิดที่หลงเชื่อคนง่ายและความอับอายถาโถมเข้าใส่จนเขาแทบจะยืนไม่ไหว

ขุนใช้ชีวิตอยู่กับความหวาดกลัวและภาระหนี้สินที่ถาโถม เขาทำงานหนักหามรุ่งหามค่ำ ทุกบาททุกสตางค์ที่ได้มาถูกนำไปจ่ายดอกเบี้ยมหาโหดจนแทบไม่เหลือ เขาผ่ายผอมลงไปมาก ดวงตาที่เคยมีประกายแห่งความฝันบัดนี้กลับเต็มไปด้วยความเหนื่อยล้าและความสิ้นหวัง

วันแล้ววันเล่า เดือนแล้วเดือนเล่า ขุนอดทนทำงานอย่างหนักหน่วง ใช้หนี้ไปทีละเล็กละน้อย จนในที่สุด…วันที่เขาเป็นอิสระจากพันธนาการหนี้สินก็มาถึง

ขุนยืนอยู่กลางห้องเช่าแคบ ๆ ของเขา มองดูความว่างเปล่ารอบกาย เขาปลดเปลื้องภาระหนักอึ้งลงได้แล้ว แต่กลับไม่รู้สึกถึงความสุขใด ๆ มีเพียงความว่างเปล่าที่เข้ามาแทนที่ ความรู้สึกเหนื่อยล้าที่สะสมมานานทำให้เขาอยากจะพักผ่อน อยากกลับไปในที่ที่คุ้นเคย

เขาตัดสินใจกลับบ้าน เขาซื้อตั๋วรถโดยสารกลับไปที่บ้านเกิดทันทีที่ได้เงินก้อนสุดท้ายจากการทำงานหนัก

เมื่อรถโดยสารแล่นเข้าสู่เขตจังหวัดที่คุ้นเคย หัวใจของขุนก็เต้นแรงขึ้นเรื่อย ๆ เขามองออกไปนอกหน้าต่าง เห็นทิวทัศน์ของไร่ลำไยที่เขียวขจีสุดลูกหูลูกตา ภาพเหล่านั้นทำให้เขานึกถึงวันเก่า ๆ ที่เคยมีความสุข

แต่แล้ว…เมื่อรถแล่นเข้าใกล้ไร่ลำไยของครอบครัว แสงไฟสลัว ๆ จากบ้านหลังใหญ่ทำให้ขุนเห็นบางอย่างที่ทำให้หัวใจเขาบีบรัด

หน้าบ้านมีรถพยาบาลจอดอยู่ ผู้คนในชุดดำยืนมุงดูด้วยสีหน้าโศกเศร้า ขุนรู้สึกเหมือนมีบางอย่างผิดปกติ เขาสั่งให้คนขับจอดรถทันที แล้วรีบวิ่งลงไปจากรถโดยสารอย่างเงียบเชียบ ไม่มีใครสังเกตเห็นการมาถึงของเขา

เขาเดินลัดเลาะเข้าไปใกล้บ้านอย่างช้า ๆ หัวใจเต้นรัวด้วยความหวาดกลัว เสียงสะอื้นแผ่ว ๆ ลอยออกมาจากในบ้าน ขุนแอบอยู่หลังต้นลำไยต้นหนึ่งที่อยู่ห่างจากตัวบ้านไม่มากนัก เขามองเข้าไปในบ้าน เห็นพี่เข้มกำลังนั่งกอดร่างของแม่ที่นอนแน่นิ่งอยู่บนเตียง

ขุนยืนนิ่งอยู่ตรงนั้น ราวกับถูกตรึงไว้กับพื้นดิน เขาอยากจะวิ่งเข้าไปหาแม่ อยากจะกอดแม่เป็นครั้งสุดท้าย อยากจะบอกว่าเขาคิดถึงแม่มากแค่ไหน แต่ขาของเขากลับก้าวไม่ออก ความรู้สึกผิดที่ทิ้งแม่ไป ความเสียใจที่ไม่ได้อยู่ดูแลแม่ในยามที่ท่านป่วยหนัก…ทุกอย่างถาโถมเข้าใส่จนเขาแทบจะยืนไม่ไหว

เขาได้แต่ยืนมองอยู่ตรงนั้น มองดูแผ่นหลังของพี่เข้มที่สั่นสะท้านด้วยความเสียใจ มองดูร่างของแม่ที่ไร้ซึ่งลมหายใจ

ในคืนนั้น…แม่ของขุนก็จากไปอย่างสงบ

ขุนไม่ได้เข้าไปในงานศพ เขาได้แต่ยืนอยู่ตรงริมต้นลำไย ปล่อยให้น้ำตาไหลอาบแก้มอย่างเงียบงัน ความเสียใจที่กัดกินหัวใจทำให้เขารู้สึกเหมือนโลกทั้งใบพังทลายลง ไม่มีใครรู้ว่าเขามา ไม่มีใครเห็นว่าเขาอยู่ที่นั่น

หลังจากนั้นไม่กี่วัน ขุนก็ไม่ได้อยู่ที่ไร่ลำไยนานนัก ความรู้สึกผิดที่ไม่ได้อยู่กับแม่ในวาระสุดท้าย และความเจ็บปวดที่ฝังลึกอยู่ในใจ ทำให้เขาตัดสินใจกลับไปใช้ชีวิตที่กรุงเทพฯ เหมือนเดิม

เขากลับไปใช้ชีวิตในห้องเช่าแคบ ๆ ทำงานหนักเหมือนเคย แต่คราวนี้ในใจของเขามีความว่างเปล่าที่ยิ่งใหญ่กว่าเดิม

ขณะเดียวกัน…

เดือน ในวัย สิบห้าปี ที่กำลังเติบโตเป็นเด็กสาว เธอยังคงใช้ชีวิตอยู่บ้านที่ติดไร่ลำไย แม้จะไม่มีใครบอกเธอโดยตรง แต่เธอก็รู้สึกได้ถึงบรรยากาศบางอย่างที่เปลี่ยนไปในคืนที่แม่ของขุนจากไป เธอเห็นรถพยาบาล เห็นความเศร้าของผู้คน

เดือนไม่รู้ว่าขุนแอบกลับมา แต่หัวใจของเธอกลับรู้สึกถึงการเปลี่ยนแปลงบางอย่างในอากาศ เธอยังคงเฝ้ามองบ้านของขุนเสมอ ทุกวันเธอจะมองไปยังบ้านหลังนั้นด้วยความหวังว่าสักวันหนึ่งขุนจะกลับมาอยู่ตรงนั้นอีกครั้ง

เมื่อรู้ว่าขุนกลับไปกรุงเทพฯ อีกครั้งหลังจากงานศพของแม่โดยที่เธอไม่ทันได้เจอ หัวใจของเดือนก็รู้สึกเจ็บปวดซ้ำอีก แต่กระนั้น เธอก็ยังคงเชื่อมั่นในคำสัญญาที่เคยให้ไว้ เธอจะยังคง คิดถึงพี่ขุนเสมอ ไม่ว่าเขาจะอยู่ที่ไหนก็ตาม และจะรอคอยวันที่เขาจะกลับมาอย่างเป็นทางการอีกครั้ง

"พี่ขุน..." เธอพึมพำแผ่วเบาเหมือนฝากคำเรียกไปกับสายลม

ไม่มีคำตอบกลับมา มีเพียงเสียงจั๊กจั่นและเสียงหยดน้ำที่หยดจากชายคา

เดือนยกมือปาดเหงื่อและน้ำตาที่ไม่รู้ตัวว่ารินไหลตั้งแต่เมื่อไหร่ เธอไม่รู้ว่าการรอคอยนั้นจะจบลงแบบใด แต่หัวใจของเธอก็ยังยืนยันหนักแน่นเธอจะไม่หันหลังให้คำสัญญา ไม่ว่าจะต้องรอนานแค่ไหนก็ตาม

ในขณะเดียวกัน...

ขุนกลับมายืนอยู่ที่ระเบียงห้องเช่าชั้นสี่ของเขาในเมืองหลวง เมืองที่วุ่นวายและเฉยชาต่อความเจ็บปวดของใครสักคน ฝนยังตกโปรยปรายเหมือนบาดแผลที่ไม่มีวันสมานสนิท

เขามองท้องฟ้าที่ไม่มีดาว ไม่มีแม้แต่เงาเมฆที่คุ้นเคยจากบ้านเกิด

มือของเขากำจดหมายฉบับเก่าที่แม่เคยเขียนให้ไว้ในลิ้นชักก่อนเขาจะออกจากบ้าน มันเปื้อนน้ำตาและหมึกจางลงตามกาลเวลา แต่ข้อความยังคงชัดเจน:

“ไม่ว่าจะไปอยู่ที่ไหน แม่ก็รอหนูกลับบ้านเสมอ บ้านของเราไม่เคยปิดประตูสำหรับลูกคนนี้เลย”

ขุนหลับตาแน่น รู้สึกเหมือนกำปั้นใหญ่ ๆ ทุบกลางอก

“แม่...ขอโทษ”

เขาพึมพำออกมาเบา ๆ แล้วทรุดตัวลงนั่งกับพื้น หัวพิงกำแพงเย็นเฉียบ ปล่อยให้น้ำฝนและน้ำตาไหลรวมกันอย่างเงียบงัน

ในคืนนั้น เขาฝันถึงแม่ ฝันถึงบ้าน และฝันถึงเด็กสาวคนหนึ่งที่ยืนยิ้มให้เขาอยู่ข้างต้นลำไย...

เธอใส่เสื้อยืดเก่า ๆ ผมเปียคู่ และดวงตากลมโตที่เต็มไปด้วยแววหวัง

เธอยื่นมือให้เขา “พี่ขุน...กลับบ้านเถอะ”

ขุนเอื้อมมือออกไป แต่พอปลายนิ้วจะแตะมือของเธอ ภาพทุกอย่างก็พังสลาย ราวกับกระจกที่แตกร้าวและร่วงหล่นทีละชิ้น

เขาสะดุ้งตื่นขึ้นมาในห้องแคบ ๆ ที่เปียกชื้น เสียงน้ำฝนยังคงกระทบหลังคาสังกะสีดังกรอบแกรบ กลิ่นอับชื้นปนกลิ่นยาแก้ปวดที่เขากินแทบทุกคืนตีขึ้นจมูก

ขุนลุกขึ้นนั่งช้า ๆ ใบหน้าเปียกทั้งจากเหงื่อและน้ำตา เขาเอื้อมหยิบกระดาษโน้ตใบนั้นอีกครั้งข้อความของแม่ที่ย้ำเตือนว่า ‘บ้านจะรอเขาเสมอ’

แต่มันก็เป็นเพียงกระดาษเก่า ๆ ใบหนึ่ง ที่ไม่มีมืออบอุ่นของแม่อยู่เบื้องหลังอีกแล้ว

เขาร้องไห้อีกครั้งไม่ใช่แค่เพราะแม่ตาย แต่เพราะเขาไม่มีสิทธิ์แม้แต่จะร่ำลา

เพราะในวันที่คนทั้งบ้านโอบกอดกันด้วยความเศร้า…เขากลับยืนอยู่ใต้ต้นลำไยอย่างคนแปลกหน้า

ไม่มีเสียงเรียกชื่อเขาจากพี่เข้ม

ไม่มีมือแม่ที่แตะใบหน้าอย่างเคย

ไม่มีแม้แต่เงาของตนเองที่ได้อยู่ในภาพสุดท้ายของครอบครัว

ในวันนั้น เขารู้สึกว่า…เขาตายไปแล้ว

ตายทั้งเป็น

ในความทรงจำของแม่

ในความเชื่อใจของพี่เข้ม

และอาจรวมถึง…ในสายตาของใครบางคนที่เคยเฝ้ามองบ้านของเขาทุกวันอย่างเงียบ ๆ

เสียงในหัวของเขาเริ่มตะโกน

“กลับไปทำไม… ในเมื่อไม่มีใครต้องการให้กลับไปอีกแล้ว”

“ขุนไม่ใช่ใครอีกต่อไปแล้วในที่นั่น…”

เขาหัวเราะทั้งน้ำตา ร่างกายสั่นเทิ้ม ราวกับหัวใจจะหลุดออกมาทั้งดวง

ขุนล้มตัวลงนอนอีกครั้งบนเสื่อเก่าที่มีเพียงหมอนแบน ๆ และผ้าห่มขาดริม เขากอดตัวเองแน่นเหมือนเด็กหลงทาง

ในความเงียบของห้องเช่า…เสียงสะอื้นนั้นยังคงดังอยู่ตลอดทั้งคืน

ไม่มีใครได้ยิน

ไม่มีใครเคาะประตูถามว่า “ขุนเป็นอะไร”

เพราะในโลกนี้…เขาเหมือนไม่มีอยู่จริงอีกต่อไป

Continuez à lire ce livre gratuitement
Scanner le code pour télécharger l'application

Latest chapter

  • บ้านไร่ในฝัน   ตอนพิเศษ วันเกิดของปาฏิหาริย์เล็ก ๆ

    เสียงฝนพรำเบา ๆ ในวันนั้นถูกกลบด้วยเสียงฝีเท้าร้อนรนของขุน เขาวิ่งเข้าออกหน้าห้องคลอดด้วยใบหน้าเครียดจัด มือที่เคยมั่นคงสั่นน้อย ๆ อย่างห้ามไม่ได้ “ใจเย็นนะขุน…” พี่ลินดาวางมือบนไหล่ พยายามปลอบ แต่ดวงตาคมก็ยังจับจ้องประตูบานนั้นอย่างไม่กะพริบ ชั่วเวลาที่เหมือนเป็นนิรันดร์ ในที่สุดเสียงแผ่วเบาแต่ชัดเจนก็ดังลอดออกมา เสียงร้องแหลมเล็กของทารกแรกเกิด น้ำตาที่ขุนไม่เคยคิดว่าจะหลั่งง่าย ๆ กลับเอ่อคลอทันทีที่หมอเปิดประตูออกมา “ยินดีด้วยครับ… คุณพ่อ” เขาแทบไม่รอคำอธิบาย รีบก้าวเข้าไป เห็นเดือนนอนอ่อนแรงอยู่บนเตียง ผมเปียกชื้นด้วยเหงื่อ แต่รอยยิ้มบาง ๆ ที่มอบให้เขากลับงดงามที่สุดในชีวิต “พี่ขุน… เรามีลูกแล้วนะคะ” เสียงเธอเบาจนแทบเป็นกระซิบ ชายหนุ่มก้าวเข้าไปจับมือเธอแน่น ก่อนจะก้มลงจุมพิตหน้าผากด้วยหัวใจที่เต็มไปด้วยความรัก “เก่งที่สุดแล้วเดือน… ขอบคุณนะที่ให้พี่ได้เป็นพ่อ” พยาบาลอุ้มก้อนน้อยห่อผ้าเข้ามา เด็กน้อยตัวแดงจิ๋วส่งเสียงร้องแผ่ว ๆ เมื่อถูกวางลงบนอกแม่ เดือนหลั่งน้ำตาออกมาโดยไม่รู้ตัว ขณะที่ขุนนั่งข้าง ๆ มองภาพนั้นด้วยแววตาสั่นระริก เหมือนได้เห็น ความฝันของทั้งชีวิต กลายเป็นจริง

  • บ้านไร่ในฝัน   ตอนพิเศษ เช้าที่ไม่เหมือนเดิม

    แสงแดดยามเช้าส่องลอดผ้าม่านไม้ไผ่เข้ามาในห้องพักเล็ก เดือนขยับตัวจะลุกขึ้นตามปกติ แต่ทันทีที่ยืนขึ้น ร่างบางก็เซไปเล็กน้อย ความเวียนศีรษะแล่นเข้ามาอย่างกะทันหัน“อ๊ะ…” เธอเผลอร้องเบา ๆ มือคว้าขอบเตียงไว้แน่นขุนที่เพิ่งสวมเสื้อเชิ้ตพอดี รีบเข้ามาประคองทันที “เดือน! เป็นอะไรครับ ทำไมหน้าซีดแบบนี้”หญิงสาวยิ้มจาง ๆ “ไม่เป็นไรค่ะ แค่เวียนหัวนิดหน่อย”ในครัว พี่ไหมกำลังตั้งหม้อข้าวต้มอ่อน ๆ ไว้สำหรับแขกที่เพิ่งตื่น เสียงน้ำเดือดเบา ๆ คลอไปกับกลิ่นหอมอบอวลของข้าวสุกใหม่ แต่สำหรับเดือน กลับไม่เป็นเช่นนั้น เพียงแค่กลิ่นลอยมาแตะจมูก เธอรีบเอามือปิดปาก สีหน้าเปลี่ยนเป็นขาวซีดทันที“พี่ขุน… หนูเหม็นกลิ่นข้าวต้มจังเลย”ขุนตาเบิกกว้าง หัวใจเต้นแรงไม่เป็นจังหวะ ความตกใจแล่นวาบผ่านใบหน้าคม “หรือว่า…” เขาเอื้อมมากุมมือเธอแน่นขึ้น สายตาเต็มไปด้วยทั้งห่วงใยและความตื่นเต้นที่ยังไม่กล้าพูดออกมาเสียงพี่ไหมดังแทรกขึ้นจากครัว “หนูเดือน ตื่นแล้วเหรอจ๊ะ เดี๋ยวพี่ตักข้าวต้มให้นะ กินอุ่น ๆ จะได้ไม่เวียนหัว”แต่เดือนเพียงส่ายหน้าเบา ๆ ก่อนจะหันไปซบอกขุนด้วยความอ่อนแรง ขุนกอดร่างบางไว้แน่น พลางมองออกไปนอกหน้าต่

  • บ้านไร่ในฝัน   ตอนพิเศษ ช้าของครอบครัวใหม่

    หนึ่งเดือนหลังงานแต่ง บ้านไร่ในฝันโฮมสเตย์ยังคงอบอวลด้วยความสุข แขกที่แวะมาพักทยอยเข้ามาอย่างต่อเนื่อง พี่ไหมกับพี่นิ่มก็ทำงานได้ดี รอยยิ้มและเสียงหัวเราะของพวกเธอทำให้ไร่เล็ก ๆ แห่งนี้ดูมีชีวิตชีวายิ่งขึ้นเช้าวันนั้น ขุนลืมตาตื่นขึ้นท่ามกลางอ้อมกอดอุ่น ร่างเล็กของเดือนซุกแนบอยู่ข้าง ๆ ราวกับยังไม่อยากลุกจากเตียงไม้ที่ทั้งคู่ช่วยกันจัดแต่งเมื่อคราวเริ่มเปิดบ้านพักใหม่ ขุนก้มลงหอมแก้มภรรยาเบา ๆ จนเธอสะดุ้งยิ้มเขิน ๆ“พี่ขุน แกล้งหนูแต่เช้าเลยนะคะ”“ก็เมียพี่น่ารักนี่นา” เขาตอบเรียบ ๆ แต่สายตากลับเต็มไปด้วยความรักทั้งคู่ลุกขึ้นมาช่วยกันทำอาหารเช้าง่าย ๆ ข้าวต้มหม้อเล็กกับผักสดที่เด็ดมาจากสวนหลังบ้าน เสียงหัวเราะดังเบา ๆ เมื่อเดือนทำขิงหั่นบางเกินไป ขุนเลยแอบแซวว่า “นี่เมียพี่ตั้งใจหั่นให้พี่กินทั้งแปลงหรือเปล่า”หลังมื้อเช้า ขุนกับเดือนเดินเล่นรอบไร่ ลมเช้าพัดกลิ่นดอกไม้จากไร่เรือนกระจกของพี่ลินดามาแตะจมูก ขณะที่ด้านไกลเห็นแขกกลุ่มหนึ่งนั่งจิบกาแฟอย่างสบายใจ“พี่ขุน…” เดือนเอ่ยขึ้นเบา ๆ “ถ้าวันหนึ่งมีเสียงเด็กวิ่งเล่นในไร่ คงจะดีไม่น้อยนะคะ”ขุนหยุดเดิน หันมามองใบหน้าของภรรยาที่แดงระเ

  • บ้านไร่ในฝัน   ตอนที่ 57 เช้าวันใหม่ของคู่แต่งงาน

    แสงอรุณสาดลอดผ่านกิ่งไม้ใหญ่ ขุนลืมตาตื่นขึ้นมาพร้อมสัมผัสอุ่นจากร่างเล็กที่ยังซุกอยู่ในอ้อมกอด รอยยิ้มบางปรากฏบนใบหน้าคมเมื่อได้เห็นเดือนหลับตาพริ้ม แก้มแดงระเรื่อจากความเหน็ดเหนื่อยเมื่อคืน“ตื่นได้แล้วคนสวย…เช้านี้เราต้องรีบกลับบ้าน เดี๋ยวใครมาเห็นเข้าจะเอาใหญ่” ขุนก้มลงกระซิบเบา ๆ พลางกดจูบหน้าผากเธอเดือนขยับตัวเล็กน้อย ก่อนจะลืมตาขึ้นด้วยความงัวเงีย พอได้สติ สีหน้าก็แดงจัด รีบคว้าผ้าห่มมาคลุมกายพลางเบือนหน้าหนี“อายจังเลยพี่ขุน…เมื่อคืนเรา…”“เมื่อคืนเดือนชอบนี่นา” เขายิ้มอบอุ่น ก่อนจะช่วยประคองเธอลุกขึ้นจัดเสื้อผ้าให้เรียบร้อยทั้งคู่รีบเก็บสิ่งของและเดินกลับบ้านด้วยหัวใจเต้นแรง ยิ่งใกล้ถึงเรือนหลังเล็กของแม่เดือน ความเขินก็ยิ่งทวีขึ้น เพราะรู้ดีว่าไม่นานนัก ทุกคนในไร่จะมาหาคู่แต่งงานหมาด ๆ ในเช้าวันนี้เดือนกระซิบเบา ๆ พลางจับมือเขาแน่น “พี่ขุน…อย่าปล่อยมือหนูนะ”ขุนหันมายิ้ม ดึงมือเธอมากุมแน่นกว่าเดิม “ไม่มีวันปล่อย…เราจะกลับไปเริ่มต้นบ้านของเรา…ด้วยกัน”ทั้งสองเดินเคียงกันไปใต้แสงเช้า ใบหน้าที่เต็มไปด้วยความสุข แม้ยังมีความเขินอาย แต่ก็อบอุ่นเหลือเกินไม่นานหลังจากทั้งคู่กลั

  • บ้านไร่ในฝัน   ตอนที่ 56 คืนใต้ต้นไม้ของเรา

    ใต้แสงจันทร์นวล เสื่อผืนบางถูกปูลงบนพื้นหญ้านุ่ม ๆ ข้างลำต้นไม้ใหญ่ที่คุ้นตา ลมกลางคืนพัดเอื่อย เสียงจักจั่นดังเป็นจังหวะคล้ายเสียงขับกล่อม เดือนค่อย ๆ นั่งลงบนตักพี่ขุน แขนเล็กโอบรอบต้นคออย่างเคยชิน แก้มกลมซบอยู่ใกล้ใบหน้าคมที่ส่งยิ้มอบอุ่นมาให้ “เหนื่อยมั้ยพี่ขุน…ทั้งวันเลยนะ” เดือนเอ่ยเบา ๆ พลางเอียงหน้ามองตาเขา ขุนส่ายหัวช้า ๆ แขนใหญ่โอบกอดร่างเล็กไว้แน่น “ไม่เหนื่อยเลย…แค่ได้กอดหนูแบบนี้ ทุกอย่างก็หายไปหมดแล้ว” คำพูดเรียบง่ายทำให้หัวใจเดือนเต้นแรงขึ้นทันที เธอหัวเราะเบา ๆ อย่างเขินอาย แต่ยังคงซุกตัวเข้าหาอ้อมแขนนั้นมากกว่าเดิม ขุนก้มลงหอมแก้มขาวเนียนอย่างแผ่วเบา กลิ่นหอมอ่อน ๆ จากผิวและเส้นผมของเธอลอยแตะปลายจมูกจนหัวใจเขาอุ่นวาบ เดือนยกมือแตะอกเขาเบา ๆ สบตาพร้อมรอยยิ้มละมุน “คืนนี้…ดีจังเลยพี่ ข้างนอกอาจจะเงียบ แต่หนูรู้สึกว่าหัวใจมันเต็มไปด้วยเสียงเพลง” ขุนหัวเราะในลำคอ ก่อนจะกระชับอ้อมกอดแน่นขึ้น ริมฝีปากแตะขมับเธออย่างแผ่วเบา เดือนเงยหน้าขึ้นสบตาพี่ขุน ดวงตากลมส่องประกายวาววับในเงาจันทร์ ก่อนจะโน้มตัวเข้ามาประกบริมฝีปากกับเขาอย่างแผ่วเบา รสจูบอุ่นร้อนค่อย ๆ ลึกซึ้งขึ้น

  • บ้านไร่ในฝัน   ตอนที่ 55 พิธีแห่งความสุขกลางไร่ในฝัน

    เวลาล่วงเลยจนเกือบบ่าย แสงแดดอ่อนคล้อยลงสาดผ่านต้นไม้ใหญ่ ลานไร่ที่เมื่อเช้ายังเต็มไปด้วยเสียงกลองยาวและความคึกคัก บัดนี้กลับอบอวลด้วยรอยยิ้มและเสียงหัวเราะเบา ๆ หลังพิธีเสร็จสิ้นขุนกับเดือนนั่งเคียงกัน มือทั้งคู่ยังคงกุมไว้แน่นบนตั่งที่ปูผ้าพื้นเมือง ข้อมือขาวมีสายด้ายผูกข้อมือที่ญาติผู้ใหญ่และเพื่อนบ้านร่วมอวยพร กลิ่นน้ำอบคละคลุ้งผสมกลิ่นดอกไม้สดรอบกายเสียงแซว เสียงอวยพรยังดังไม่ขาดสาย แต่สำหรับคนสองคนตรงกลางพิธีนั้น ราวกับโลกหมุนช้าลง เหลือเพียงความสุขเรียบง่ายที่เอ่อท่วมในหัวใจลินดายืนมองภาพนั้นอยู่ด้านข้าง รอยยิ้มสวยค่อย ๆ แปรเปลี่ยนเป็นน้ำตาที่ไหลอาบแก้ม เธอรีบยกมือเช็ด แต่ก็ไม่อาจหยุดได้ พอลที่ยืนข้าง ๆ เห็นเข้าก็เอื้อมมือมากุมไหล่ พลางเอ่ยเสียงนุ่ม “ร้องทำไมกัน…วันนี้มันเป็นวันดีนะ”ลินดาส่ายหน้าเบา ๆ หัวเราะทั้งน้ำตา “ก็เพราะมันดีไงพอล…ฉันเลยอดไม่ได้…เห็นเดือนกับขุนแล้วมันเหมือนฝันที่เป็นจริง เหมือนเราเองก็ได้ย้อนกลับมารู้ว่าความรักที่แท้จริงมันเป็นยังไง”แสงแดดบ่ายคล้อยลอดผ่านม่านใบไม้ลงมาส่องให้ภาพทั้งหมดเปล่งประกายราวกับถูกห่อหุ้มด้วยความอบอุ่น งานวิวาห์กลางไร่ในฝัน ที่

Plus de chapitres
Découvrez et lisez de bons romans gratuitement
Accédez gratuitement à un grand nombre de bons romans sur GoodNovel. Téléchargez les livres que vous aimez et lisez où et quand vous voulez.
Lisez des livres gratuitement sur l'APP
Scanner le code pour lire sur l'application
DMCA.com Protection Status