/ โรแมนติก / บ้านไร่ในฝัน / ตอนที่ 4 มรสุมที่คาดไม่ถึง

공유

ตอนที่ 4 มรสุมที่คาดไม่ถึง

last update 최신 업데이트: 2025-08-08 05:41:26

ชีวิตของขุนในเมืองใหญ่ยังคงดำเนินไปอย่างยากลำบาก เขาเปลี่ยนงานมาหลายครั้ง จนกระทั่งได้งานเป็นคนงานใน โรงงานผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ แห่งหนึ่ง แม้จะเป็นงานที่ต้องยืนนาน ๆ และใช้ความละเอียดสูง แต่ค่าแรงก็ดีกว่างานที่เคยทำมา และมีโอทีให้พอได้ลืมตาอ้าปากบ้าง

โรงงานแห่งนี้เป็นเหมือนโลกอีกใบที่เขาไม่เคยรู้จัก คนงานจำนวนมากมารวมตัวกันจากทุกสารทิศ ต่างคนต่างมีเรื่องราวและความฝันเป็นของตัวเอง ขุนเริ่มมีเพื่อนร่วมงานบ้างประปราย หนึ่งในนั้นคือ สมศักดิ์ ชายหนุ่มรุ่นราวคราวเดียวกันที่ดูใจดีและชอบช่วยเหลือผู้อื่น สมศักดิ์มักจะชวนขุนคุยเรื่องต่าง ๆ เล่าเรื่องชีวิตในเมืองใหญ่ให้ฟัง และดูเหมือนจะเข้าใจความรู้สึกโดดเดี่ยวของขุนเป็นอย่างดี

วันหนึ่ง สมศักดิ์เดินเข้ามาหาขุนด้วยท่าทางเคร่งเครียด

“ขุน…นายพอจะมีเงินให้เรายืมสักก้อนไหม” สมศักดิ์ถามเสียงเบา “พอดีแม่เราป่วยหนัก ต้องใช้เงินด่วนจริง ๆ”

ขุนชะงัก เขาไม่ได้มีเงินเก็บมากมายอะไร แต่เมื่อเห็นแววตาอ้อนวอนของสมศักดิ์และความจำเป็นที่ฟังดูน่าเห็นใจ เขาก็รู้สึกสงสาร

“เราไม่ค่อยมีหรอกนะสมศักดิ์…แต่พอช่วยได้นิดหน่อย” ขุนบอกอย่างลังเล

สมศักดิ์ส่ายหน้า “ไม่พอหรอกขุน…แต่นายพอจะกู้เงินจากพวกปล่อยกู้นอกระบบให้เราได้ไหม เดี๋ยวเราจะช่วยจ่ายดอก แล้วจะรีบคืนให้เร็วที่สุดเลย”

ขุนตกใจ เขาไม่เคยข้องเกี่ยวกับเงินกู้นอกระบบ รู้ดีว่ามันอันตรายแค่ไหน แต่สมศักดิ์ก็คะยั้นคะยอ อ้างถึงความจำเป็นของแม่ที่กำลังป่วยหนัก และรับปากว่าจะไม่ทิ้งให้ขุนต้องรับผิดชอบคนเดียว

ด้วยความที่ไว้ใจสมศักดิ์และความไม่ประสีประสาในเรื่องการเงิน ขุนจึงยอมใจอ่อน เขายอมไป กู้เงินนอกระบบ มาให้สมศักดิ์ก้อนหนึ่ง โดยมีชื่อของเขาเป็นผู้กู้ ทุกวันหลังเลิกงาน ขุนจะแบ่งเงินค่าแรงของตัวเองไปจ่ายดอกเบี้ยตามที่สมศักดิ์บอก

แต่แล้ว…ความจริงอันโหดร้ายก็ปรากฏขึ้น

ไม่นานหลังจากนั้น สมศักดิ์ก็ หายตัวไป เขาขาดงาน ไม่มาทำงานอีกเลย เบอร์โทรศัพท์ที่เคยติดต่อได้ก็ปิดไปแล้ว ขุนพยายามตามหาทุกวิถีทาง แต่ก็ไม่พบร่องรอยใด ๆ ของสมศักดิ์เลย

หนี้เงินกู้นอกระบบก้อนใหญ่ที่สมศักดิ์ทิ้งไว้ กลายเป็นภาระหนักอึ้งที่ขุนต้องแบกรับไว้เพียงคนเดียว ดอกเบี้ยมหาโหดเพิ่มพูนขึ้นทุกวัน ทวงถามด้วยวิธีการข่มขู่ที่ทำให้ขุนหวาดกลัว เขาทำงานหนักขึ้นเป็นสองเท่าเพื่อหาเงินมาจ่ายหนี้ แต่ก็ยังไม่พอ

ชีวิตที่เคยโดดเดี่ยวอยู่แล้ว ยิ่งมืดมิดและสิ้นหวังมากขึ้นไปอีก ขุนต้องอยู่อย่างหวาดระแวง ไม่กล้าออกไปไหนคนเดียว ไม่กล้าเปิดประตูห้องให้ใครที่ไม่รู้จัก เขาเริ่มอดมื้อกินมื้อเพื่อให้มีเงินไปจ่ายหนี้ ชีวิตของเขากลายเป็นนรกบนดิน

ในความมืดมิดและสิ้นหวังนั้น ขุนรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังจมดิ่งลงสู่ก้นบึ้งที่มองไม่เห็นทางออก เขาไม่รู้จะหันหน้าไปพึ่งใคร ไม่มีใครที่เขากล้าเล่าเรื่องนี้ให้ฟัง ความรู้สึกผิดที่หลงเชื่อคนง่ายและความอับอายถาโถมเข้าใส่จนเขาแทบจะยืนไม่ไหว

ขุนใช้ชีวิตอยู่กับความหวาดกลัวและภาระหนี้สินที่ถาโถม เขาทำงานหนักหามรุ่งหามค่ำ ทุกบาททุกสตางค์ที่ได้มาถูกนำไปจ่ายดอกเบี้ยมหาโหดจนแทบไม่เหลือ เขาผ่ายผอมลงไปมาก ดวงตาที่เคยมีประกายแห่งความฝันบัดนี้กลับเต็มไปด้วยความเหนื่อยล้าและความสิ้นหวัง

วันแล้ววันเล่า เดือนแล้วเดือนเล่า ขุนอดทนทำงานอย่างหนักหน่วง ใช้หนี้ไปทีละเล็กละน้อย จนในที่สุด…วันที่เขาเป็นอิสระจากพันธนาการหนี้สินก็มาถึง

ขุนยืนอยู่กลางห้องเช่าแคบ ๆ ของเขา มองดูความว่างเปล่ารอบกาย เขาปลดเปลื้องภาระหนักอึ้งลงได้แล้ว แต่กลับไม่รู้สึกถึงความสุขใด ๆ มีเพียงความว่างเปล่าที่เข้ามาแทนที่ ความรู้สึกเหนื่อยล้าที่สะสมมานานทำให้เขาอยากจะพักผ่อน อยากกลับไปในที่ที่คุ้นเคย

เขาตัดสินใจกลับบ้าน เขาซื้อตั๋วรถโดยสารกลับไปที่บ้านเกิดทันทีที่ได้เงินก้อนสุดท้ายจากการทำงานหนัก

เมื่อรถโดยสารแล่นเข้าสู่เขตจังหวัดที่คุ้นเคย หัวใจของขุนก็เต้นแรงขึ้นเรื่อย ๆ เขามองออกไปนอกหน้าต่าง เห็นทิวทัศน์ของไร่ลำไยที่เขียวขจีสุดลูกหูลูกตา ภาพเหล่านั้นทำให้เขานึกถึงวันเก่า ๆ ที่เคยมีความสุข

แต่แล้ว…เมื่อรถแล่นเข้าใกล้ไร่ลำไยของครอบครัว แสงไฟสลัว ๆ จากบ้านหลังใหญ่ทำให้ขุนเห็นบางอย่างที่ทำให้หัวใจเขาบีบรัด

หน้าบ้านมีรถพยาบาลจอดอยู่ ผู้คนในชุดดำยืนมุงดูด้วยสีหน้าโศกเศร้า ขุนรู้สึกเหมือนมีบางอย่างผิดปกติ เขาสั่งให้คนขับจอดรถทันที แล้วรีบวิ่งลงไปจากรถโดยสารอย่างเงียบเชียบ ไม่มีใครสังเกตเห็นการมาถึงของเขา

เขาเดินลัดเลาะเข้าไปใกล้บ้านอย่างช้า ๆ หัวใจเต้นรัวด้วยความหวาดกลัว เสียงสะอื้นแผ่ว ๆ ลอยออกมาจากในบ้าน ขุนแอบอยู่หลังต้นลำไยต้นหนึ่งที่อยู่ห่างจากตัวบ้านไม่มากนัก เขามองเข้าไปในบ้าน เห็นพี่เข้มกำลังนั่งกอดร่างของแม่ที่นอนแน่นิ่งอยู่บนเตียง

ขุนยืนนิ่งอยู่ตรงนั้น ราวกับถูกตรึงไว้กับพื้นดิน เขาอยากจะวิ่งเข้าไปหาแม่ อยากจะกอดแม่เป็นครั้งสุดท้าย อยากจะบอกว่าเขาคิดถึงแม่มากแค่ไหน แต่ขาของเขากลับก้าวไม่ออก ความรู้สึกผิดที่ทิ้งแม่ไป ความเสียใจที่ไม่ได้อยู่ดูแลแม่ในยามที่ท่านป่วยหนัก…ทุกอย่างถาโถมเข้าใส่จนเขาแทบจะยืนไม่ไหว

เขาได้แต่ยืนมองอยู่ตรงนั้น มองดูแผ่นหลังของพี่เข้มที่สั่นสะท้านด้วยความเสียใจ มองดูร่างของแม่ที่ไร้ซึ่งลมหายใจ

ในคืนนั้น…แม่ของขุนก็จากไปอย่างสงบ

ขุนไม่ได้เข้าไปในงานศพ เขาได้แต่ยืนอยู่ตรงริมต้นลำไย ปล่อยให้น้ำตาไหลอาบแก้มอย่างเงียบงัน ความเสียใจที่กัดกินหัวใจทำให้เขารู้สึกเหมือนโลกทั้งใบพังทลายลง ไม่มีใครรู้ว่าเขามา ไม่มีใครเห็นว่าเขาอยู่ที่นั่น

หลังจากนั้นไม่กี่วัน ขุนก็ไม่ได้อยู่ที่ไร่ลำไยนานนัก ความรู้สึกผิดที่ไม่ได้อยู่กับแม่ในวาระสุดท้าย และความเจ็บปวดที่ฝังลึกอยู่ในใจ ทำให้เขาตัดสินใจกลับไปใช้ชีวิตที่กรุงเทพฯ เหมือนเดิม

เขากลับไปใช้ชีวิตในห้องเช่าแคบ ๆ ทำงานหนักเหมือนเคย แต่คราวนี้ในใจของเขามีความว่างเปล่าที่ยิ่งใหญ่กว่าเดิม

ขณะเดียวกัน…

เดือน ในวัย สิบห้าปี ที่กำลังเติบโตเป็นเด็กสาว เธอยังคงใช้ชีวิตอยู่บ้านที่ติดไร่ลำไย แม้จะไม่มีใครบอกเธอโดยตรง แต่เธอก็รู้สึกได้ถึงบรรยากาศบางอย่างที่เปลี่ยนไปในคืนที่แม่ของขุนจากไป เธอเห็นรถพยาบาล เห็นความเศร้าของผู้คน

เดือนไม่รู้ว่าขุนแอบกลับมา แต่หัวใจของเธอกลับรู้สึกถึงการเปลี่ยนแปลงบางอย่างในอากาศ เธอยังคงเฝ้ามองบ้านของขุนเสมอ ทุกวันเธอจะมองไปยังบ้านหลังนั้นด้วยความหวังว่าสักวันหนึ่งขุนจะกลับมาอยู่ตรงนั้นอีกครั้ง

เมื่อรู้ว่าขุนกลับไปกรุงเทพฯ อีกครั้งหลังจากงานศพของแม่โดยที่เธอไม่ทันได้เจอ หัวใจของเดือนก็รู้สึกเจ็บปวดซ้ำอีก แต่กระนั้น เธอก็ยังคงเชื่อมั่นในคำสัญญาที่เคยให้ไว้ เธอจะยังคง คิดถึงพี่ขุนเสมอ ไม่ว่าเขาจะอยู่ที่ไหนก็ตาม และจะรอคอยวันที่เขาจะกลับมาอย่างเป็นทางการอีกครั้ง

"พี่ขุน..." เธอพึมพำแผ่วเบาเหมือนฝากคำเรียกไปกับสายลม

ไม่มีคำตอบกลับมา มีเพียงเสียงจั๊กจั่นและเสียงหยดน้ำที่หยดจากชายคา

เดือนยกมือปาดเหงื่อและน้ำตาที่ไม่รู้ตัวว่ารินไหลตั้งแต่เมื่อไหร่ เธอไม่รู้ว่าการรอคอยนั้นจะจบลงแบบใด แต่หัวใจของเธอก็ยังยืนยันหนักแน่นเธอจะไม่หันหลังให้คำสัญญา ไม่ว่าจะต้องรอนานแค่ไหนก็ตาม

ในขณะเดียวกัน...

ขุนกลับมายืนอยู่ที่ระเบียงห้องเช่าชั้นสี่ของเขาในเมืองหลวง เมืองที่วุ่นวายและเฉยชาต่อความเจ็บปวดของใครสักคน ฝนยังตกโปรยปรายเหมือนบาดแผลที่ไม่มีวันสมานสนิท

เขามองท้องฟ้าที่ไม่มีดาว ไม่มีแม้แต่เงาเมฆที่คุ้นเคยจากบ้านเกิด

มือของเขากำจดหมายฉบับเก่าที่แม่เคยเขียนให้ไว้ในลิ้นชักก่อนเขาจะออกจากบ้าน มันเปื้อนน้ำตาและหมึกจางลงตามกาลเวลา แต่ข้อความยังคงชัดเจน:

“ไม่ว่าจะไปอยู่ที่ไหน แม่ก็รอหนูกลับบ้านเสมอ บ้านของเราไม่เคยปิดประตูสำหรับลูกคนนี้เลย”

ขุนหลับตาแน่น รู้สึกเหมือนกำปั้นใหญ่ ๆ ทุบกลางอก

“แม่...ขอโทษ”

เขาพึมพำออกมาเบา ๆ แล้วทรุดตัวลงนั่งกับพื้น หัวพิงกำแพงเย็นเฉียบ ปล่อยให้น้ำฝนและน้ำตาไหลรวมกันอย่างเงียบงัน

ในคืนนั้น เขาฝันถึงแม่ ฝันถึงบ้าน และฝันถึงเด็กสาวคนหนึ่งที่ยืนยิ้มให้เขาอยู่ข้างต้นลำไย...

เธอใส่เสื้อยืดเก่า ๆ ผมเปียคู่ และดวงตากลมโตที่เต็มไปด้วยแววหวัง

เธอยื่นมือให้เขา “พี่ขุน...กลับบ้านเถอะ”

ขุนเอื้อมมือออกไป แต่พอปลายนิ้วจะแตะมือของเธอ ภาพทุกอย่างก็พังสลาย ราวกับกระจกที่แตกร้าวและร่วงหล่นทีละชิ้น

เขาสะดุ้งตื่นขึ้นมาในห้องแคบ ๆ ที่เปียกชื้น เสียงน้ำฝนยังคงกระทบหลังคาสังกะสีดังกรอบแกรบ กลิ่นอับชื้นปนกลิ่นยาแก้ปวดที่เขากินแทบทุกคืนตีขึ้นจมูก

ขุนลุกขึ้นนั่งช้า ๆ ใบหน้าเปียกทั้งจากเหงื่อและน้ำตา เขาเอื้อมหยิบกระดาษโน้ตใบนั้นอีกครั้งข้อความของแม่ที่ย้ำเตือนว่า ‘บ้านจะรอเขาเสมอ’

แต่มันก็เป็นเพียงกระดาษเก่า ๆ ใบหนึ่ง ที่ไม่มีมืออบอุ่นของแม่อยู่เบื้องหลังอีกแล้ว

เขาร้องไห้อีกครั้งไม่ใช่แค่เพราะแม่ตาย แต่เพราะเขาไม่มีสิทธิ์แม้แต่จะร่ำลา

เพราะในวันที่คนทั้งบ้านโอบกอดกันด้วยความเศร้า…เขากลับยืนอยู่ใต้ต้นลำไยอย่างคนแปลกหน้า

ไม่มีเสียงเรียกชื่อเขาจากพี่เข้ม

ไม่มีมือแม่ที่แตะใบหน้าอย่างเคย

ไม่มีแม้แต่เงาของตนเองที่ได้อยู่ในภาพสุดท้ายของครอบครัว

ในวันนั้น เขารู้สึกว่า…เขาตายไปแล้ว

ตายทั้งเป็น

ในความทรงจำของแม่

ในความเชื่อใจของพี่เข้ม

และอาจรวมถึง…ในสายตาของใครบางคนที่เคยเฝ้ามองบ้านของเขาทุกวันอย่างเงียบ ๆ

เสียงในหัวของเขาเริ่มตะโกน

“กลับไปทำไม… ในเมื่อไม่มีใครต้องการให้กลับไปอีกแล้ว”

“ขุนไม่ใช่ใครอีกต่อไปแล้วในที่นั่น…”

เขาหัวเราะทั้งน้ำตา ร่างกายสั่นเทิ้ม ราวกับหัวใจจะหลุดออกมาทั้งดวง

ขุนล้มตัวลงนอนอีกครั้งบนเสื่อเก่าที่มีเพียงหมอนแบน ๆ และผ้าห่มขาดริม เขากอดตัวเองแน่นเหมือนเด็กหลงทาง

ในความเงียบของห้องเช่า…เสียงสะอื้นนั้นยังคงดังอยู่ตลอดทั้งคืน

ไม่มีใครได้ยิน

ไม่มีใครเคาะประตูถามว่า “ขุนเป็นอะไร”

เพราะในโลกนี้…เขาเหมือนไม่มีอยู่จริงอีกต่อไป

이 책을 계속 무료로 읽어보세요.
QR 코드를 스캔하여 앱을 다운로드하세요

최신 챕터

  • บ้านไร่ในฝัน   ตอนที่ 14 คืนแห่งการเฉลิมฉลอง

    บรรยากาศในบ้านของ พี่เข้ม เต็มไปด้วยความอบอุ่นและเสียงหัวเราะ ทุกคนมารวมตัวกันเพื่อเฉลิมฉลองให้กับ บัณฑิตใหม่ อย่าง ขุนพอล และ ลินดา เดินทางมาร่วมงานด้วย พวกเขานำไวน์ชั้นดีและขนมเค้กมาเป็นของขวัญ ข้าวหอมช่วยจัดเตรียมอาหารเย็นชุดใหญ่ มีทั้งอาหารพื้นบ้านและอาหารที่ขุนชอบเป็นพิเศษโต๊ะอาหารถูกจัดวางไว้นอกชานบ้าน ใต้แสงไฟสลัว ๆ ที่ห้อยระย้าจากต้นไม้ใหญ่ เสียงดนตรีเบา ๆ คลอเคล้าไปกับเสียงพูดคุยและเสียงแก้วกระทบกันเดือน มาถึงพร้อมกับรอยยิ้มที่สดใส เธอสวมชุดที่เรียบง่ายแต่ดูสง่างาม ดวงตาเป็นประกายเมื่อมองมาที่ขุน“ยินดีด้วยอีกครั้งนะคะพี่ขุน” เดือนเอ่ยพร้อมรอยยิ้มที่จริงใจขุนยิ้มตอบ “ขอบคุณนะเดือน” เขารู้สึกอบอุ่นอย่างประหลาดเมื่อได้เห็นเธออยู่ตรงนี้ทุกคนนั่งล้อมวงกันที่โต๊ะอาหาร พี่เข้มรินไวน์ให้ทุกคน พอลยกแก้วขึ้น“ขอแสดงความยินดีกับบัณฑิตใหม่ของเราด้วยนะขุน” พอลกล่าว “นายเก่งมากจริง ๆ”ทุกคนยกแก้วขึ้นชนกัน เสียง “ไชโย!” ดังขึ้นอย่างพร้อมเพรียงลินดายิ้มให้ขุน “ดีใจด้วยนะคะขุน ที่ดิน 50 ไร่ที่พี่เข้มให้…อยู่ติดกับไร่ดอกไม้ของลินดาเลยนะ” เธอเอ่ยขึ้น “ถ้ามีอะไรให้ช่วย บอกได้เลยนะ”ขุนพยั

  • บ้านไร่ในฝัน   ตอนที่ 13 วันแห่งความสำเร็จ

    หลังจากวันนั้นที่คาเฟ่ ขุน ตัดสินใจที่จะกลับไปเรียนต่อในเมืองตามคำแนะนำของ พี่เข้ม แม้ในใจลึก ๆ จะมีความรู้สึกบางอย่างที่อยากจะอยู่ใกล้ เดือน และไร่ลำไย แต่เขาก็รู้ว่าการเรียนคือโอกาสสำคัญที่พี่ชายมอบให้ และเป็นสิ่งที่เขาเคยใฝ่ฝันมาตลอดขุนเดินทางกลับเข้าสู่รั้วมหาวิทยาลัยอีกครั้ง เขาทุ่มเทให้กับการเรียนอย่างหนัก ใช้เวลาส่วนใหญ่อยู่ในห้องสมุดและห้องปฏิบัติการ ความรู้ใหม่ ๆ ที่ได้รับทำให้เขารู้สึกมีชีวิตชีวาอีกครั้ง เขามองเห็นอนาคตที่สดใสขึ้นเรื่อย ๆ และตั้งใจว่าจะนำความรู้ที่ได้กลับมาพัฒนา "บ้านไร่ในฝัน" ของเขาให้เป็นจริงตลอดช่วงเวลาที่ขุนเรียนอยู่ในเมือง เขาจะโทรศัพท์กลับมาคุยกับพี่เข้มและข้าวหอมเป็นประจำ เพื่อสอบถามสารทุกข์สุกดิบและข่าวคราวของไร่ลำไย และแน่นอนว่าเขามักจะแอบถามถึง เดือน เสมอเดือนเองก็ใช้ชีวิตอย่างเข้มแข็งและมีความสุขกับการทำงานที่คาเฟ่ดอกไม้ของ ลินดา เธอเติบโตเป็นหญิงสาวที่มั่นใจในตัวเองมากขึ้นเรื่อย ๆ แต่ในใจลึก ๆ ก็ยังคงเฝ้ารอคอยการกลับมาของขุนเสมอเวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว…ในที่สุด วันที่ ขุน รอคอยก็มาถึง วันรับปริญญา ของเขาพี่เข้มและข้าวหอมพร้อมด้วย ต้นฝัน ลูกสา

  • บ้านไร่ในฝัน   ตอนที่ 12 แววตาที่ไม่เหมือนเดิม

    เสียงเรียกชื่อของ เดือน แผ่วเบาจนแทบไม่ได้ยิน แต่ก็เพียงพอที่จะทำให้โลกทั้งใบของ ขุน หยุดนิ่ง ดวงตาของทั้งคู่สบกัน ขุนเห็นความตกใจและแปลกใจในแววตาของเดือน ส่วนเดือนก็เห็นความรู้สึกบางอย่างที่เธออ่านไม่ออกในดวงตาของเขาลูกค้าหนุ่ม ๆ ที่ยืนอยู่ข้างหน้าต่างก็หันมามองขุนด้วยความสงสัยเล็กน้อย เดือนที่ตั้งสติได้ก่อน รีบส่งยิ้มให้ลูกค้าพร้อมรับออเดอร์อย่างเป็นธรรมชาติ“พี่ขุนมาเมื่อไหร่คะ” เดือนถามขณะที่เธอกำลังชงกาแฟให้ลูกค้า มือของเธอดูคล่องแคล่ว แต่ขุนก็สังเกตเห็นว่ามันสั่นไหวเล็กน้อย“เมื่อวาน” ขุนตอบสั้น ๆ สายตาของเขายังคงจับจ้องอยู่ที่เดือน ไม่ได้สนใจลูกค้าคนอื่น ๆ เลยเมื่อเดือนชงกาแฟเสร็จและส่งให้ลูกค้าเรียบร้อยแล้ว เธอก็หันมาเผชิญหน้ากับขุนอย่างเต็มที่“มาเที่ยวคาเฟ่เหรอคะ” เดือนพยายามยิ้มให้เขาอีกครั้ง รอยยิ้มนั้นยังคงสวยงาม แต่ดูต่างไปจากรอยยิ้มสดใสในวัยเด็กอย่างสิ้นเชิง มันคือรอยยิ้มของหญิงสาวที่ผ่านเรื่องราวมามากมาย“มาเยี่ยมหลาน” ขุนตอบ และในที่สุดเขาก็เดินเข้าไปยืนที่หน้าเคาน์เตอร์ “พี่เข้มมีลูกสาวแล้ว ชื่อต้นฝัน”ดวงตาของเดือนเป็นประกายด้วยความยินดี “จริงเหรอคะ! ดีใจด้วยจังเล

  • บ้านไร่ในฝัน   ตอนที่ 11: ดอกไม้บานในใจเดือน

    หลังจากวันที่ ขุน จากไปอีกครั้งพร้อมกับคำสัญญาที่ยังค้างคา เดือน ใช้เวลาอยู่กับตัวเองเงียบ ๆ เธอปล่อยให้น้ำตาไหลรินออกมาจนหมดสิ้น ก่อนจะค่อย ๆ ลุกขึ้นยืนอีกครั้ง เดือนรู้ดีว่าชีวิตต้องดำเนินต่อไป และเธอจะต้องเข้มแข็งให้ได้เวลาผ่านไป เดือนเริ่มเติบโตเป็นสาวเต็มตัว ไม่ใช่แค่รูปร่างหน้าตา แต่เป็นความคิดและจิตใจ เธอตัดสินใจที่จะไม่จมอยู่กับความเศร้า แต่จะใช้ชีวิตให้ดีที่สุด เพื่อรอคอยวันที่ไม่รู้ว่าจะมาถึงเมื่อไหร่ด้วยความช่วยเหลือของ พี่เข้ม และ ข้าวหอม เดือนได้มีโอกาสเข้าไปทำงานใน ไร่ดอกไม้เรือนกระจกของลินดา ซึ่งอยู่ทางเหนือของไร่ลำไย เธอเริ่มต้นจากการเป็นผู้ช่วยเล็ก ๆ น้อย ๆ เรียนรู้การดูแลดอกไม้ การจัดดอกไม้ และการบริหารจัดการคาเฟ่ดอกไม้ที่สวยงามลินดา มองเห็นความตั้งใจและความมุ่งมั่นในตัวเดือน เธอเอ็นดูเดือนเหมือนน้องสาวคนเล็ก คอยสอนงาน ให้คำแนะนำ และเป็นที่ปรึกษาในทุก ๆ เรื่อง ลินดาไม่ได้สอนแค่เรื่องงาน แต่ยังสอนเรื่องการใช้ชีวิต การจัดการกับอารมณ์ และการมองโลกในแง่บวก“ดอกไม้ก็เหมือนใจคนนะเดือน” ลินดาเคยพูดขึ้นในวันหนึ่งขณะที่ทั้งคู่กำลังจัดดอกไม้อยู่ในเรือนกระจก “ถ้าเราดูแลมันดี

  • บ้านไร่ในฝัน   ตอนที่ 10 อ้อมกอดแห่งการจากลา

    วันเดินทางมาถึง ท้องฟ้าแจ่มใสผิดกับคืนก่อน ๆ ที่มืดครึ้ม ขุน ตื่นแต่เช้า จัดกระเป๋าเสื้อผ้าเพียงไม่กี่ชุดลงในกระเป๋าเดินทางใบเก่า ความรู้สึกตื่นเต้นระคนสับสนยังคงวนเวียนอยู่ในใจหลังจากทานอาหารเช้าที่ ข้าวหอม เตรียมไว้ให้ ขุนก็เดินออกมาที่หน้าบ้าน พี่เข้ม ยืนรออยู่แล้ว ข้าง ๆ เขาคือรถกระบะคันเก่าของไร่ สีซีดจางไปตามกาลเวลา แต่ก็ยังดูดีและใช้งานได้“รถคันนี้…พี่ให้แกเอาไปใช้ในเมือง” พี่เข้มพูดขึ้น น้ำเสียงของเขานิ่งเรียบ แต่แววตาเต็มไปด้วยความห่วงใย “มันอาจจะเก่าหน่อย แต่ก็ยังวิ่งได้ดี ดูแลมันดี ๆ นะ”ขุนมองรถคันนั้นด้วยความรู้สึกตื้นตันใจ เขาไม่คิดว่าพี่เข้มจะให้รถเขาไปใช้ในเมือง “ขอบคุณครับพี่”พี่เข้มวางมือบนไหล่น้องชาย “ไปถึงแล้วก็ตั้งใจเรียนนะ ไม่ต้องห่วงทางนี้”ขุนพยักหน้า เขารับกุญแจรถมาจากพี่เข้ม ก่อนจะเดินไปเปิดประตูรถ เตรียมตัวที่จะก้าวเข้าไปก่อนที่จะสตาร์ทรถ ขุนเหลือบมองไปยัง บ้านของเดือน ที่อยู่ไม่ไกลนัก เขาสัมผัสได้ถึงความเงียบสงบที่ปกคลุมอยู่ แต่ในใจก็อดคิดถึงเธอไม่ได้เขาถอนหายใจเฮือกใหญ่ ก่อนจะเสียบกุญแจและบิดสตาร์ทเครื่องยนต์ เสียงเครื่องยนต์เก่า ๆ ดังกระหึ่มขึ้นมาใน

  • บ้านไร่ในฝัน   ตอนที่ 9 การชดเชยของพี่ชาย

    เช้าวันรุ่งขึ้น หลังจากค่ำคืนที่เต็มไปด้วยความคิดคำนึงถึงคำสัญญาในวัยเด็ก ขุน ตื่นขึ้นมาด้วยความรู้สึกที่ยังหนักอึ้ง แต่เขาก็พยายามฝืนตัวเองให้ลุกขึ้นมาช่วยงานในไร่ลำไยเหมือนเช่นเคยขณะที่ขุนกำลังช่วย พี่เข้ม ตัดแต่งกิ่งลำไยอยู่กลางไร่ พี่เข้มก็วางกรรไกรลง เขามองไปยังขุนด้วยแววตาที่จริงจังกว่าปกติ“ขุน…แกอยากกลับไปเรียนไหม” พี่เข้มเอ่ยขึ้นมาอย่างกะทันหันขุนชะงักมือที่กำลังตัดกิ่งไม้ เขาเงยหน้าขึ้นมองพี่ชายด้วยความประหลาดใจ ไม่คิดว่าพี่เข้มจะพูดเรื่องนี้ขึ้นมา“เรียนเหรอครับพี่” ขุนทวนคำถามพี่เข้มพยักหน้า “ใช่…พี่รู้ว่าแกอยากเรียนมาตลอด พี่…พี่ขอโทษนะที่วันนั้นพี่พูดไม่ดี” น้ำเสียงของพี่เข้มแผ่วลงเล็กน้อย แววตาของเขาเต็มไปด้วยความรู้สึกผิดที่เก็บงำมานาน “พี่อยากจะชดเชยให้แก”ขุนยืนนิ่ง เขามองพี่ชายด้วยความรู้สึกที่หลากหลาย ทั้งแปลกใจ ตื้นตัน และสับสน เขาไม่เคยคิดว่าพี่เข้มจะพูดคำว่าขอโทษ และไม่เคยคิดว่าพี่ชายจะยังจำความฝันเรื่องการเรียนของเขาได้“พี่ได้คุยกับ อาจารย์สมศักดิ์ ที่มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์แล้ว ท่านเป็นเพื่อนเก่าของพ่อเรา ท่านบอกว่าถ้าแกสนใจ ท่านจะช่วยดูเรื่องทุนการศึกษาให้

더보기
좋은 소설을 무료로 찾아 읽어보세요
GoodNovel 앱에서 수많은 인기 소설을 무료로 즐기세요! 마음에 드는 책을 다운로드하고, 언제 어디서나 편하게 읽을 수 있습니다
앱에서 책을 무료로 읽어보세요
앱에서 읽으려면 QR 코드를 스캔하세요.
DMCA.com Protection Status