หน้าหลัก / รักโบราณ / บ้าไปแล้ว! ข้าหลงไปในนิยายจีนเซินเจิ้น! / บทที่4 ตำแหน่งไท่จือเฟยนี้มิได้มาโดยง่าย

แชร์

บทที่4 ตำแหน่งไท่จือเฟยนี้มิได้มาโดยง่าย

ผู้เขียน: PunnyG
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2024-12-21 10:02:50

"ว๊าย! "

เสียงกรีดร้องดังลั่นหน้าประตู ไป๋เจินจูตกใจจนเกือบเหยียบพลาด นางรีบเกาะขอบหน้าต่างไว้แน่น จนเล็บแทบจิกลงไปในเนื้อไม้

"คุณหนู! ท่านขึ้นไปทำอะไรตรงนั้นเจ้าคะ! "

ไป๋เจินจูหันมามองอีกฝ่ายตาขวาง พร้อมกับตวาด

"เจ้าจะเสียงดังทำไม! ข้าก็จะไป...เอ่อ ข้าแค่อยากมองเห็นเจ้านกน้อยบนต้นไม้ให้ชัดอีกหน่อย"

นางเหลือบตามองผู้มาใหม่แล้วทำท่ายืนชะเง้อมอง

"เจินจู...เจ้าลงมาได้แล้ว"

"โอ้ ท่านน้า ท่านมาเมื่อไรกัน" นางทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ ขณะกระโดดลงมาจากขอบหน้าต่าง ด้านหญิงสองนางที่เหลือในห้อง พอเห็นการกระทำของนาง ต่างยกมือขึ้นมาทาบอก

"เจินจู จะ...เจ้า ดูแปลกไป" ไป๋อี้หลาน มองหลานสาวของตนด้วยสายตาคลางแคลงใจ ปกติไป๋เจินจูนิสัยกรีดกราย เย่อหยิ่ง ไม่มีทางที่จะขึ้นไปเกาะขอบประตูหน้าต่าง ฉีกแข้งฉีกขาไม่สมเป็นกุลสตรีแบบนี้

"ข้าหรือแปลก..." ไป๋เจินจูยกนิ้วขึ้นจิ้มอกตนเอง "ท่านน้าคิดมากไปแล้ว ดูหน้าข้าสิ ข้าคือใคร..."

"เจินจู..."

"ใช่ ข้าคือเจินจู ท่านน้า...ถ้าข้าไม่ใช่ข้า แล้วจะเป็นใคร" นางแกล้งพูดวกวนพาคนสับสน "เอาล่ะ ท่านน้าเรียกหาข้าเพราะท่านพ่อกระมัง"

"ใช่ เจ้ารีบไปหาท่านพ่อเจ้า"

เห็นท่าทางร้อนรนของไป๋อี้หลาน นางก็หน้านิ่วคิ้วขมวด ตั้งแต่ตายแล้วมาเข้าร่างนี้ นางยังไม่เคยพบท่านพ่อผู้นั้นเลย และก็ยังไม่อยากจะไปพบหน้าด้วย บิดาที่ต้องการจะจับนางคลุมถุงชนผู้นั้น!

"ทำไมต้องรีบ..."

"เอ๊ะ! หยุดซักถาม ตามน้ามา" ไป๋อี้หลานดุก่อนฉุดแขนหลานสาวให้รีบเดินตาม

ห้องโถงใหญ่

ในห้องโถงใหญ่ ปรากฏร่างบุรุษวัยกลางคนนั่งจิบชา ท่วงท่าสบาย ๆ ทว่าเปี่ยมไปด้วยอำนาจ อัครเสนาบดีไป๋ฉางชิง มองบุตรีเพียงคนเดียวที่เกิดจากฮูหยินเอกผู้ล่วงลับด้วยสายตาเรียบนิ่ง ไป๋เจินจู เป็นบุตรีหัวแก้วหัวแหวน เพราะเขาและภรรยาอันเป็นที่รักมีลูกยาก และยังมีลูกในวัยเกือบสี่สิบปี ไป๋เจินจูจึงเหมือนของขวัญที่สวรรค์ประทานให้ แต่เพียงไม่นานก็เกิดเหตุการณ์สะเทือนใจขึ้น เมื่อภรรยาคู่ทุกข์คู่ยากหลังจากคลอดบุตรีตัวน้อยก็เจ็บป่วยกระเสาะกระแสะเรื่อยมา สุดท้ายก็จากไปตอนที่นางอายุได้เพียงสองขวบ ภรรยาเอกเพียงคนเดียวที่เขารักมั่น ทิ้งลูกสาวให้ดูต่างหน้า เขาจึงรักและตามใจนางตลอดจนเติบใหญ่ วีรกรรมร้ายกาจเอาแต่ใจลอยมาเข้าหูอยู่เนื่อง ๆ หากไม่ถึงขั้นร้ายแรงเขาก็ไม่ตำหนิ แต่ช่วงนี้ดูเหมือนหลายวันที่ผ่านมาบุตรีผู้นี้ดูจะเงียบขรึม สงบเรียบร้อยประหลาด ไม่ก่อเรื่องก่อราว ไม่เอะอะทุบตีสาวใช้ วัน ๆ หมกตัวอยู่แต่ในห้องหอ แม้กระทั่งสาวใช้คนสนิทก็ไม่ยอมให้เข้าไปติดตามรับใช้ สร้างความสงสัย แปลกใจให้เขามากจนต้องเรียกมาซักถาม

"คารวะท่านพ่อ"

ไป๋เจินจูเดินมาหยุดเบื้องหน้าชายวัยกลางคนท่าทางองอาจเปี่ยมด้วยอำนาจ ย่อตัวทำความเคารพ แล้วถอยหลังไปหนึ่งก้าวพลางเอามือประสานกัน ท่าทางสงบเสงี่ยมเจียมตัว

นางจำท่าทางแบบนี้มาจากละครทีวีที่เคยดูในยุคปัจจุบันหรอก...

"อืม" ไป๋ฉางชิงมองบุตรสาว แล้วเอ่ยถาม "ช่วงนี้...เจ้าไม่สบายหรือเปล่า"

"ข้า? " นางเงยหน้ามองบิดา ท่าทางงุนงง "ข้าก็สบายดีนะเจ้าคะ"

"อ๋อ" ไป๋ฉางชิงมองบุตรีด้วยสายตาคลางแคลงใจ ปกตินางจะต้องวิ่งเข้ามากอดแขน ออดอ้อน ทำตัวเหมือนยังเป็นเด็กหญิงตัวน้อยที่ไม่รู้จักโต ท่าทางของนางดูแปลกไปจริง ๆ แต่อาจจะเพราะเติบโตขึ้น พ้นวัยปักปิ่นก็เป็นหญิงสาวเต็มตัวแล้ว จึงรู้จักสำรวมและควบคุมอารมณ์

"ท่านพ่อเรียกข้ามา...มีอะไรหรือเจ้าคะ" นางเอ่ยถาม เพราะเริ่มรู้สึกอึดอัดเมื่อถูกบิดาตรงหน้ามองแล้วนิ่งเงียบ สายตาเปี่ยมด้วยอำนาจมองนางจนเหมือนมองให้ทะลุไปถึงจิตวิญญาณข้างใน

"ข้าแค่จะบอกให้เจ้าเตรียมตัว"

"เตรียมตัว? "

"วันที่แปดเดือนแปด ขบวนจากตำหนักองค์รัชทายาทจะมารับเจ้า ตั้งแต่พรุ่งนี้เป็นต้นไปจะมีมามามาสอนธรรมเนียมในรั้ววังให้ เจ้าก็เตรียมตัวให้พร้อมเสียล่ะ"

"เอ่อ ท่านพ่อเจ้าคะ ลูกมีเรื่องอยากจะขอ..."

"ว่ามาสิ" ไป๋ฉางชิงตอบรับโดยง่าย แล้วนึกถึงนิสัยบุตรีก็ไม่เห็นจะแปลกอะไรมากมายเหมือนที่สาวใช้ข้างกายนางมารายงาน นี่ก็คงจะขอเปลี่ยนบ่าวใหม่ ขายบ่าวเก่าที่ทำให้ไม่พอใจอีกแล้วกระมัง

"คือลูก...ไม่อยากแต่งเข้าตำหนักองค์รัชทายาทเจ้าค่ะ" สุดท้ายนางก็พูดออกไปดั่งใจคิด

"เจ้าว่าอะไรนะ! "

เห็นท่าทางโกรธจนหนวดสั่นของบิดา ไป๋เจินจูก็เกิดความกลัวจนพูดต่อไม่ออก...

ให้ตายเถอะ บิดาที่มีทั้งอำนาจและความน่าเกรงขาม แถมยังอยู่ในยุคที่สตรีไม่มีสิทธิ์มีเสียงนี่พูดคุยด้วยยากจัง นางคิดขณะหลุบตามองพื้นท่าทางหวาดกลัวกับเสียงตวาดของผู้ที่ได้ชื่อว่าเป็นบิดา

"ไป๋เจินจู! " นานแล้วที่ไป๋ฉางชิงไม่ได้คำรามด้วยความโกรธ กับบุตรสาวผู้นี้ เขาไม่เคยทำเสียงโมโห ดุดันใส่สักครั้ง แต่ครั้งนี้เกินจะทนจริง ๆ

จะเปลี่ยนบ่าวใหม่ อยากได้อะไร เขาไม่เคยตำหนิ แต่ถึงขนาดปฏิเสธที่จะแต่งเข้าตำหนักองค์รัชทายาททั้งที่ฮ่องเต้เป็นผู้ประทานสมรส เหลวไหลเกินไปแล้ว!

"จะ เจ้าค่ะท่านพ่อ" นางหลับตาปี๋ เมื่อได้ยินเสียงคำราม

"เจ้าพูดจาเหลวไหลอันใด จะแต่งไม่แต่งเจ้ามีสิทธิ์ออกความคิดเห็นหรือ! "

"นั่นไง ยุคเผด็จการของพวกผู้ชาย..." นางบ่นพึมพำ แอบเบ้ปาก คิดไว้ผิดคาดเสียที่ไหน 

"เจ้าพูดว่าอะไรนะ! "

"มะ ไม่มีอันใดเจ้าค่ะ"

"ถ้าไม่มีก็ออกไปได้" ไป๋ฉางชิงโบกมือไล่ มองบุตรสาวที่ย่อตัวคารวะแล้วหมุนตัวเดินจากไปด้วยสายตาไม่พอใจ

ไป๋ฉางชิงยกมืออีกข้างขึ้นนวดขมับ คิดอย่างหงุดหงิดใจ เชื่อบ่าวรับใช้ได้ที่ไหนว่าบุตรสาวตนไม่ได้ก่อเรื่องในช่วงนี้ ยิ่งก่อเรื่องมากกว่าเดิมสิไม่ว่า มีที่ไหนจะไม่ยอมแต่งเป็นชายาองค์รัชทายาท

หญิงสาวทั่วเมืองหลวงต่างต้องการเป็นพระชายา ตระกูลเล็กใหญ่ต่างใช้เส้นสายเพื่อให้เป็นที่สนใจของฮ่องเต้และองค์รัชทายาท โชคดีเพราะความจงรักภักดีของเขา และรูปโฉมงดงามล่มเมืองของบุตรสาวที่ฉายชัดขึ้นจนต้องตาต้องใจองค์รัชทายาท สุดท้ายฮ่องเต้ก็ประทานสมรสให้

ตำแหน่งไท่จือเฟยนี้มิได้มาโดยง่าย หากขัดขืนราชโองการ ก็เหมือนกับรนหาที่ตายทั้งตระกูล

หากบุตรสาวไม่ต้องการอย่างที่ปากว่า ก็เลอะเลือนเกินไปแล้ว!

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • บ้าไปแล้ว! ข้าหลงไปในนิยายจีนเซินเจิ้น!   ตอนพิเศษ วันวันของพระชายา (ต้องเจอกับอะไรบ้าง)

    "องค์รัชทายาท ข้าง่วง เมื่อไรจะปล่อยให้ข้าได้นอนเสียที! "ไป๋เจินจูพยายามเบี่ยงตัวหนี ร่างกายเปลือยเปล่าชื้นไปด้วยเหงื่อ นางถูกเขารังแกตั้งแต่ยามซวี ตอนนี้จะค่อนคืนแล้ว อีกฝ่ายยังไม่มีทีท่าว่าจะเลิกแทง เอ๊ย ทำ!"ปากเจ้าบอกให้พอ...แต่ร่างกายกลับตอบสนองข้า..."หลี่รุ่ยมองร่างกายขาวเนียนของพระชายา แสงจากตะเกียงทำให้เห็นเงา ภาพความงดงามตรงหน้าทำจิตใจปั่นป่วน ฝ่ามือร้อนลากไล้ไปทั่ว ก่อนหยุดอยู่ที่ซาลาเปาอวบ...ไป๋เจินจูตอนนี้ที่เป็นมารดา เคยผ่านการให้นมบุตร จากรูปร่างผอมบางกลับดูอวบอิ่ม มีน้ำมีนวลขึ้น จับตรงไหนก็ให้ความรู้สึกดี"อะ! ขะ ข้าเปล่าเสียหน่อย! " นางปฎิเสธเสียงแผ่ว แม้สองตาจะแทบลืมไม่ขึ้น แต่ร่างกายกลับขยับไปตามจังหวะของบุรุษที่ทาบทับอยู่ด้านบน ประกอบกับถูกกระตุ้นจากฝ่ามือร้อน แผ่นหลังก็แอ่นขึ้นอัตโนมัตินางกับเขาใช้ชีวิตร่วมกันมาห้าปีแล้ว ไม่รู้ว่านางควรดีใจที่เขายึดมั่นในคำสัญญาว่าจะไม่มีชายารอง หรือนางน้อย ๆ มาให้นางกวนใจ หรือควรสงสารตนเอง ที่แม้เวลาผ่านไปห้าปีแล้ว เขายังขยันอุ่นเตียง รังแกนางทุกค่ำคืนโดยไม่รู้จักเหน็ดจักเหนื่อย!ต้องโทษที่ตำแหน่งองค์รัชทายาทเป็นตำแหน่งที่ว่าง

  • บ้าไปแล้ว! ข้าหลงไปในนิยายจีนเซินเจิ้น!   ตอนพิเศษ ก้อนแป้งน้อยมาแล้ว

    ไป๋เจินจูคลอดลูกในเวลาต่อมา เวลานั้นเป็นฤดูใบไม้ผลิ อากาศอบอุ่น นางคลอดเจ้าแป้งน้อยสามก้อน เป็นชายทั้งหมด ใบหน้าพิมพ์เดียวกัน สร้างความตื่นตะลึง และยินดีไปทั่วตำหนักองค์รัชทายาท ของขวัญแสดงความยินดีหลั่งไหลมาไม่ขาดสาย ฮ่องเต้และฮองเฮาก็เสด็จมาแสดงความยินดีหลังจากไป๋เจินจูคลอดเด็ก ๆ ออกมาอย่างปลอดภัย นางก็ผล็อยหลับไปเพราะความเหนื่อยอ่อน เมื่อลืมตาตื่นขึ้นมา ก็ร้องเรียกหาบุตรชายทั้งสาม พร้อมกับบอกความต้องการว่าจะให้นมลูกเอง หลินหลงและแม่นมจึงนำพระโอรสทั้งสามมาส่งที่ห้อง ไป๋เจินจูมองเจ้าก้อนแป้งน้อยทั้งสามก็ยิ้มทั้งน้ำตา นางค่อย ๆ อุ้มลูกน้อยขึ้น ใช้มืออีกข้างแกะเสื้อคลุมออก แล้วจับลูกน้อยหันหน้าตะแคงเข้าหาอกเสียงจ๊วบ ๆ ดังขึ้นแทบจะทันที ทั้งห้องตกอยู่ในความเงียบ หลี่รุ่ยไล่แม่นมและหลินหลงออกไปข้างนอกให้หมด เหลือเพียงเขาและพระชายารัก กับบุตรอีกสามคน เขามองไป๋เจินจูให้นมลูกเงียบ ๆ เมื่อคนแรกอิ่ม คนที่สองอิ่มก็ยกคนที่สามขึ้นมาบ้าง สลับวนเวียนไปอย่างนั้น เขาเดินเข้าไปใกล้นาง เห็นนางเหน็ดเหนื่อย ซูบผอมก็ปวดใจ“ให้ข้าเรียกแม่นมเข้ามาดีหรือไม่ เจ้าจะได้พัก”“ไม่ต้องหรอกเพคะ” ไป๋เจินจูเงยหน้า

  • บ้าไปแล้ว! ข้าหลงไปในนิยายจีนเซินเจิ้น!   บทที่13 ความฝันที่ต้องเลือก

    ไป๋เจินจูฝัน...นางเดินอยู่บนเส้นทางแห่งหนึ่ง รอบด้านขาวโพลน เมื่อเดินไปเรื่อย ๆ ก็มองเห็นหญิงสาวคนหนึ่งยืนอยู่ปลายทาง นางเร่งฝีเท้าไปใกล้ อยากจะถามหญิงสาวผู้นั้นว่าที่นี่คือที่ไหน“ขออภัย คือข้าอยากจะถาม...” นางมองหญิงสาวในชุดกระโปรงสีครีม คนตรงหน้ารูปร่างผอมบาง ใบหน้าเล็กเรียว นัยน์ตาโศก เมื่อเห็นการแต่งกายเหมือนหญิงสาวยุคปัจจุบัน ถ้อยคำต่อมาจึงเปลี่ยนเป็นทันสมัยอัตโนมัติ “ที่นี่ที่ไหนคะ คุณพอจะทราบไหม”หญิงสาวตรงหน้านิ่งเงียบ ไป๋เจินจูจึงถามย้ำอีกครั้ง“คุณคะ...ได้ยินที่ฉันพูดใช่ไหม”“ค่ะ ได้ยิน”ได้ผล คนตรงหน้าตอบกลับ เมื่อตอบนางเสร็จก็เผยรอยยิ้มลึกลับ ไป๋เจินจูรู้สึกขนลุก จนยกมือขึ้นกอดตัวเองยะ...อย่าบอกนะว่า นางเจอผี!“ใช่ ฉันเป็นผี”เสียงหญิงสาวในชุดสีครีมดังขึ้นก้องหูโดยที่ริมฝีปากไม่ขยับ ไป๋เจินจูเผลอถอยหลังไปหนึ่งก้าว ตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทั้ง ๆ ที่นางคิดในใจ แต่อีกฝ่ายกลับได้ยิน“เอ่อ...”“เป็นยังไงนิยายที่ฉันแต่ง เธอบ่นว่าไม่สนุก ไร้สมอง แต่เมื่อมาอยู่ในนิยายของฉัน สุดท้ายเธอก็หลงรักพระเอกที่เธออ่านไปด่าไป”“ธะ เธอ เป็นคนแต่งนิยายเรื่องนี้?”“ใช่” หญิงสาวตรงหน้าบอ

  • บ้าไปแล้ว! ข้าหลงไปในนิยายจีนเซินเจิ้น!   บทที่12 ก้อนแป้งน้อย...มีกี่ก้อนกันนะ

    ไป๋เจินจูเดินเข้าตำหนักเงียบ ๆ ด้านหลังมีองค์รัชทายาทหลี่รุ่ยเดินตามมาติด ๆ นางได้ยินเสียงฝีเท้าตามไม่ห่างแต่ก็ไม่ได้ว่าอะไร ใบหน้าเล็กแดงระเรื่อ นึกถึงเหตุการณ์ในรถม้าเมื่อครู่หัวใจก็เต้นแรง...เขาสารภาพรักกับนาง...แล้วนางควรทำอย่างไร...“พระชายา...”เสียงองค์รัชทายาทเรียกนาง ไป๋เจินจูหยุดฝีเท้า สูดลมหายใจเข้าลึกแล้วหมุนตัวมาเผชิญหน้า พยายามปรับสีหน้าให้เป็นปกติ แต่เมื่อได้สบตาคมเข้มของเขา ถ้อยคำที่ตระเตรียมไว้ก็นึกไม่ออก เสียงที่เปล่งออกมาจึงตะกุกตะกัก“ขะ ข้า...”หลี่รุ่ยมองเห็นอาการเขินอายอย่างเห็นได้ชัดของนาง ก็ยิ้มกว้าง เดินตรงเข้ามาแล้วยกร่างบอบบางขึ้น“อ๊ะ” ไป๋เจินจูร้องอย่างตกใจ จู่ ๆ ก็ถูกยกจนตัวลอย นางถูกเขากอดรัดจนเท้าลอยเหนือพื้น “องค์รัชทายาท ท่านเล่นอะไร ปล่อยข้าลงนะ ข้าเวียนหัว”หลุ่รุ่ยได้ยินดังนั้นจึงปล่อยนางลง“ขอโทษ...ข้าดีใจจนลืมตัวไปหน่อย” เสียงของเขานุ่มทุ้ม แววตาที่มองนางเต็มไปด้วยความรักใคร่ “ดีใจ...ที่ความรู้สึกของเราตรงกัน”“ทะ ท่านมัน...หลงตัวเองนัก ข้าไม่ได้พูดแบบนั้นเสียหน่อย”“แค่เจ้าจูบตอบข้า อิงแอบแนบอกข้า ข้าก็รู้แล้ว...” เขาพูดพลางดึงมือนางไปกุม“หย

  • บ้าไปแล้ว! ข้าหลงไปในนิยายจีนเซินเจิ้น!   บทที่11 หากไม่รัก ข้าจะทำอย่างนี้หรือ

    นางตกตะลึง คิดคำพูดไม่ออกชั่วครู่ เมื่อเห็นเขาจะเดินจากไปจึงได้สติร้องเรียก"เดี๋ยว! ""หืม" บุรุษผู้นั้นหยุดเดิน หันกลับมามองนาง ไป๋เจินจูมองสำรวจ เขาสวมชุดขุนนาง อายุราวยี่สิบปี ใบหน้าคมเข้ม ผิวคล้ำตัดกับฟันขาวสะอาด หน้าตาก็...นับว่าหล่อเหลา เสียแต่ว่าดวงตาดูเจิดจ้าเกินไป นิสัยก็...เหมือนจะมือเติบ เห็นได้จากการควักเงินซื้อสิ่งของให้สตรีตามข้างทาง โดยที่ไม่ได้รู้จัก ดูก็รู้ว่าเป็นคนเจ้าชู้"หลินหลงเอาเงินค่าปิ่นคืนให้เขา" นางสั่งหลินหลง"ข้าไม่รับ ข้าซื้อให้เจ้า" เขาโบกมือ ตั้งท่าจะเดินต่อ ไป๋เจินจูรีบตะโกนบอก"ข้าไม่รู้จักท่าน ทำไมต้องซื้อของให้ข้า หากท่านไม่รับเงินคืน ข้าก็ไม่เอาปิ่นนี้หรอกนะ” นางพูดก่อนวางปิ่นไม้ลงเมื่อนางพูดจบ เขาก็หยุดเดินอีกครั้ง สุดท้ายก็หมุนตัวกลับมา ยื่นมือรับเงินที่หลินหลงเดินไปยื่นให้ เห็นว่าอีกฝ่ายยอมรับเงินค่าปิ่นคืนไป นางจึงหยิบปิ่นไม้ขึ้น แล้วยิ้มรับคำขอบคุณจากคนขาย เมื่อตั้งท่าจะเดินไปที่อื่นต่อ เสียงบุรุษก็ร้องเรียกขึ้นบ้าง“เดี๋ยว!”นางหันไป“เจ้าชื่ออะไร”ไป๋เจินจูยกนิ้วชี้ใส่ตนเอง “ถามข้า?”“ถามเจ้านั่นแหละ” บรุษผิวคล้ำส่งเสียงอึกอัก “เจ้าเป็นบุต

  • บ้าไปแล้ว! ข้าหลงไปในนิยายจีนเซินเจิ้น!   บทที่10 ออกนอกวัง

    หลายวันผ่านไป ณ หอสุราหว่าชุน"องค์รัชทายาทมีเรื่องกลุ้มใจอันใด อยู่ดี ๆ ถึงชวนข้ามากินดื่มนอกวัง"องค์ชายห้าหลี่จิ้นยื่นมือรับจอกเหล้าที่ถูกรินไว้รอ เขายกขึ้นจดริมฝีปาก สายตามองบุรุษที่นั่งตรงข้าม บัดนี้หลี่รุ่ยผู้มีฐานะเป็นองค์รัชทายาทนั่งเงียบ ใบหน้าดำคล้ำ เคร่งขรึม ดูน่ากลัวอย่างบอกไม่ถูก"ทะเลาะกับพระชายามาหรือ" เขาวางจอกเหล้าลงแล้วถามไปตรง ๆหลี่รุ่ยเงยหน้ามอง นิ่งไปนานกว่าจะเอ่ยปาก"ข้ามองออกง่ายขนาดนั้นเลยหรือ..." เขาพูดพลางยกจอกเหล้าขึ้นบ้าง "ก็ไม่เชิงว่าทะเลาะหรอก...""ถ้าไม่ทะเลาะ ทำไมท่านจึงมีสีหน้าอมทุกข์เช่นนี้" หลี่จิ้นยื่นใบหน้าไปใกล้ เอียงคอมองอีกฝ่าย "มีพระชายาอายุน้อย ท่านต้องรู้จักเอาใจ ถนอมนางบ้างสิ""แล้วข้าไม่ถนอมนางหรือ" เขาวางจอกเหล้ากระแทกกับโต๊ะเสียงดัง “เรื่องยุ่งยากภายในข้าไม่เคยคิดให้นางมาร่วมกังวล เสด็จพ่อต้องการให้ข้าแต่งชายารองเข้าตำหนัก วางตัวบุตรสาวราชครูฟางไว้แล้ว แต่เพราะข้าถนอมนาง ไม่อยากให้นางต้องมายุ่งกับวังวนอำนาจ ไม่อยากให้นางต้องมาปวดหัว รบรากับสตรีอื่น มากสตรี ก็มากความ ข้าจึงกำชับให้นางปฏิเสธหากถูกถามความเห็น แต่ทำไมนางจึงทำท่าปั่นปึ่งใส่ข้า

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status