แชร์

บทที่5 บุตรีผู้มากด้วยโชควาสนา

ผู้เขียน: PunnyG
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-01-06 10:28:21

 ขบวนรับเจ้าสาวหยุดหน้าประตูจวนอัครเสนาบดี เสียงดนตรีและเสียงประทัดดังกึกก้อง ไป๋เจินจูยืนอยู่ในห้องโถง นางถูกจับแต่งกายในชุดมงคลสีแดง แขกเหรื่อต่างเข้ามาแสดงความยินดีกับบิดา

"ยินดีด้วยนะท่านอัครเสนาบดี คุณหนูไป๋ช่างมีบุญวาสนาจริง ๆ "

เสียงชื่นชมยินดีดังเข้าหู พร้อมกับเสียงบิดาที่หัวเราะชอบใจ

มีความสุขเสียงจริง!

ไป๋เจินจูที่ใบหน้ามีผ้ามงคลสีแดงคลุมอยู่แอบเบ้ปาก

เฮอะ บุญวาสนาบ้าบออะไร!

หลังจากนางบอกว่าไม่อยากแต่งเข้าตำหนักองค์รัชทายาท บิดาก็สั่งให้คนจับตามองนางทุกฝีก้าว แผนที่จะแอบหนีไปจึงพังไม่เป็นท่า ความคิดต่อมาหลังจากรู้ว่าจะต้องแต่งงานกับองค์รัชทายาทสายหื่นคือนางต้องหนี

หนีไปท่องยุทธภพ หรือไปตามหารักแร้ เอ๊ย รักแท้!

ในเมื่อส่งนางมาอยู่ในนิยายบ้า ๆ นี้ นางก็จะเป็นคนลิขิตชีวิตตัวเอง!

...ลิขิตเองกะผีน่ะสิ สุดท้ายวันนี้ก็ถูกจับเป็นเจ้าสาวจนได้

ไป๋เจินจูอยากจะกรีดร้องนัก!

"ยืนนิ่ง ๆ เจินจู" เสียงบิดาดังขึ้นด้านข้าง เมื่อเห็นนางขย้ำชายกระโปรงจนยับย่น "อย่าทำให้ข้าเสียหน้า"

นางกัดริมฝีปาก กลอกตามองบนอย่างเต็มที่ เมื่อมีผ้าคลุมหน้าอยู่จะทำหน้าตาอย่างไรก็ไม่มีคนเห็น จู่ ๆ เสียงพูดคุยครึกครื้นก็เงียบลง แทนด้วยเสียงฝีเท้ามั่นคงหนักแน่น

ไป๋เจินจูรับรู้ได้ว่าต้นเหตุของความเงียบโดยพร้อมเพรียงกันมาจากว่าที่เจ้าบ่าวของนางแน่ๆ

เสียงฝีเท้าหยุดอยู่ตรงหน้านาง ก่อนที่ฝ่ามืออ่อนนุ่มของนางจะถูกจับจูง นางและเขาเดินออกห้องโถงช้า ๆ จนถึงหน้าประตูจวน

"ขึ้นหลังข้าสิ"

นางชะงัก เมื่อฝ่ามืออุ่นร้อนที่จับไว้ปล่อยออก พร้อมกับเสียงทุ้มที่ดังขึ้น

"เอ่อ..."

"จะขึ้นหลัง หรือจะให้ข้าอุ้ม"

พอได้ยินดังนั้น นางจึงเกาะแผ่นหลังเขาอย่างทุลักทุเล เสียงโห่ร้องแสดงความยินดีดังขึ้นอีกครั้ง นางเอียงไปมาตามแรงเหวี่ยง สุดท้ายก็มาถึงเกี้ยว มีบ่าวรับใช้สองคนช่วยพยุงนางเข้าไปนั่ง

เมื่อเข้าไปอยู่ในเกี้ยว จึงแอบเปิดผ้าที่คลุมหน้าออก ยกมือขึ้นพัดวีเป็นพัลวัน

อึดอัดจะตายอยู่แล้ว!

เกี้ยวเริ่มโคลงเคลง เสียงประทัดถูกจุดอีกครั้ง เสียงอาชาร้องฮี้ ตามด้วยเสียงกุบกับ ขบวนเจ้าสาวออกจากจวนอัครเสนาบดีอย่างยิ่งใหญ่

ข่าวลือแพร่สะพัด องค์รัชทายาทแต่งไท่จือเฟยเข้าตำหนัก

รักมากจนถึงขนาดยอมให้ขี่หลัง

สมัยโบราณ การที่บุรุษยอมให้สตรีขี่หลังนั่นแปลว่า บุรุษนั้นชีวิตหลังแต่งงานจะต้องให้ภรรยาเป็นใหญ่!

แต่ใครจะกล้าพูดตรง ๆ ว่า อนาคตองค์รัชทายาทจะต้องกลัวไท่จือเฟยล่ะ ประเดี๋ยวหัวกุดกันเป็นแถว!

ไป๋ฉางชิงมองขบวนเกี้ยวที่หายลับไป รู้สึกใจหายเมื่อบุตรสาวอันเป็นที่รักแต่งเข้าบ้านอื่น แต่เมื่อคิดถึงอนาคต และความรุ่งเรืองของตระกูลไป๋ ก็หมุนตัวกลับเข้าจวน ใบหน้ายิ้มยินดี

เขารู้ว่าบุตรสาวไม่ยินยอมที่จะเป็นพระชายา แต่เขาไม่อาจตามใจนางเหมือนเช่นเคย เรื่องนี้เกี่ยวพันไปถึงตำแหน่งอัครเสนาบดี หากปฏิเสธราชโองการของสวรรค์ ตระกูลไป๋ก็จะถึงคราวล่มจม

เห็นได้ชัดว่าตั้งแต่วันนี้ไปตระกูลไป๋เป็นคนขององค์รัชทายาท ที่ฮ่องเต้ประทานสมรสให้ก็เพราะต้องการให้อัครเสนาบดีอย่างเขาเป็นฐานและกำลังให้กับองค์รัชทายาท ในภายภาคหน้า...องค์รัชทายาทหลี่รุ่ยจะได้ขึ้นครองราชย์อย่างมั่นคง

ตำหนักองค์รัชทายาท

เกี้ยวที่โคลงเคลงมาตลอดทาง เมื่อถึงหน้าพระตำหนักก็หยุดลง สาวใช้แหวกม่านแล้วเข้าไปประคองไป๋เจินจูให้ลงจากเกี้ยวอย่างระมัดระวัง องค์รัชทายาทหลี่รุ่ยที่อยู่ในชุดมงคลสีแดงเต็มยศ ลงจากหลังม้า หันไปมองสตรีที่ตอนนี้เป็นพระชายาของเขาแล้วยกยิ้ม

หลี่รุ่ยเดินตรงไปหาเจ้าสาว แล้วรวบตัวนางขึ้นอุ้มแนบอก

"ว๊าย! " เสียงอุทานตกใจดังขึ้น ไป๋เจินจูอยากจะเลิกผ้าคลุมหน้าแล้วด่า พระสวามี ที่ไม่ต้องการนัก เพราะรู้ว่าอีกฝ่ายเป็นถึงโอรสฮ่องเต้ จึงได้แต่เก็บงำความขุ่นเคือง ปล่อยให้เขาอุ้มเข้าตำหนัก

หลี่รุ่ยกระชับหญิงสาวในอ้อมกอดแน่น เดินตรงเข้าไปยังเรือนหอที่จัดไว้ หน้าเรือนประดับด้วยพู่มงคลสีแดง ข้าวของเครื่องใช้ล้วนเป็นของชั้นดี เขาเดินไปถึงเตียงแล้ววางหญิงสาวในอ้อมอกลงอย่างเบามือ

ไป๋เจินจูนั่งนิ่ง ตัวแข็งทื่อ นางรู้ว่าตอนนี้ถึงเรือนหอแล้ว...

อยู่เรือนหอแล้วจะทำอะไร ถ้าไม่ใช่เข้าหอ!

ผ้าคลุมหน้าถูกเลิกขึ้น ไป๋เจินจูเงยหน้าขึ้นมองชายที่นางแต่งด้วย ใบหน้าขาวราวหยก คิ้วเข้ม ริมฝีปากแดงหยักได้รูป ดวงตาลุ่มลึก ฉายแววเจ้าเล่ห์ รูปร่างหน้าตาหล่อเหลา นางคิดขณะใช้สายตาสำรวจเงียบ ๆ

"มองพอใจหรือยัง หืม" หลี่รุ่ยถามพระชายาตัวน้อย ที่กวาดตามองเขาจนจะทะลุ

"อ๊ะ! ขะ ข้าเปล่ามองท่านเสียหน่อย" นางรีบหลบสายตา รู้สึกใบหน้าร้อนวูบวาบ

"หึ" หลี่รุ่ยเห็นท่าทางตื่นกลัวของนางก็หัวเราะหึ ก่อนเอี้ยวตัวไปหยิบสุรามงคลที่ถูกจัดเตรียมไว้ จอกหนึ่งของตน อีกจอกหนึ่งยื่นให้คนตรงหน้า "ของเจ้า"

"ต้องดื่มด้วยหรือ" ไป๋เจินจูมองจอกเหล้าตรงหน้า แล้วทำหน้าย่น "ข้าไม่เคย ไม่ดื่มได้หรือไม่"

"ไม่ได้..." หลี่รุ่ยบอกยิ้ม ๆ "ไม่เคยก็ต้องเคย เจ้าแต่งให้ข้าแล้ว หากไม่ดื่ม พิธีก็ไม่เสร็จสมบูรณ์"

ไป๋เจินจูยื่นมือรับจอกในมือเขา ท่าทางไม่ใคร่เต็มใจ สองหนุ่มสาวมองตากัน แล้วยกจอกเหล้าขึ้นแตะริมฝีปาก...

"อี๋! ไม่เห็นจะอร่อย ขมเป็นบ้า" นางหลับตาปี๋ เมื่อสุรามงคลไหลลงคอ

หลี่รุ่ยมองท่าทางของนางแล้วอมยิ้ม เขายื่นรับจอกเหล้ามาไว้ในมือ ก่อนยื่นให้บ่าวรับใช้ที่เข้ามาเก็บ

"หากข้าไม่เรียก ก็ไม่ต้องเข้ามา..." เขาพูดขึ้นลอย ๆ "พวกเจ้าเฝ้าหน้าประตูให้ดี หากใครล่วงล้ำ รบกวนเวลาของข้า จงจัดการมันซะ! "

"ท่านพูดกับใคร..." นางมองเขาที่พูดลอย ๆ ด้วยท่าทางขึงขังก็อดถามด้วยความสงสัยไม่ได้

"องค์รักษ์เงา..." เขาหันมาตอบ แล้วยิ้มหวาน มองหญิงสาวในชุดมงคลอย่างพึงพอใจ "วันนี้เจ้างดงามมาก..."

"เอ่อ..." นางกระถดถอย เมื่อเขานั่งลงข้างกาย "ทะ ท่านจะทำอะไรองค์รัชทายาท"

"เรียกข้าว่าหลี่รุ่ย..." เขาดึงหญิงสาวเข้ามากอด เชยคางมนขึ้น มองริมฝีปากจิ้มลิ้มเย้ายวนอยู่ตรงหน้า "เวลานี้เป็นเวลาเข้าหอของเราจะเสียเวลาถามข้าทำไม อะไรที่ไม่เคยข้าจะสอนเจ้า ชายารัก..."

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • บ้าไปแล้ว! ข้าหลงไปในนิยายจีนเซินเจิ้น!   ตอนพิเศษ วันวันของพระชายา (ต้องเจอกับอะไรบ้าง)

    "องค์รัชทายาท ข้าง่วง เมื่อไรจะปล่อยให้ข้าได้นอนเสียที! "ไป๋เจินจูพยายามเบี่ยงตัวหนี ร่างกายเปลือยเปล่าชื้นไปด้วยเหงื่อ นางถูกเขารังแกตั้งแต่ยามซวี ตอนนี้จะค่อนคืนแล้ว อีกฝ่ายยังไม่มีทีท่าว่าจะเลิกแทง เอ๊ย ทำ!"ปากเจ้าบอกให้พอ...แต่ร่างกายกลับตอบสนองข้า..."หลี่รุ่ยมองร่างกายขาวเนียนของพระชายา แสงจากตะเกียงทำให้เห็นเงา ภาพความงดงามตรงหน้าทำจิตใจปั่นป่วน ฝ่ามือร้อนลากไล้ไปทั่ว ก่อนหยุดอยู่ที่ซาลาเปาอวบ...ไป๋เจินจูตอนนี้ที่เป็นมารดา เคยผ่านการให้นมบุตร จากรูปร่างผอมบางกลับดูอวบอิ่ม มีน้ำมีนวลขึ้น จับตรงไหนก็ให้ความรู้สึกดี"อะ! ขะ ข้าเปล่าเสียหน่อย! " นางปฎิเสธเสียงแผ่ว แม้สองตาจะแทบลืมไม่ขึ้น แต่ร่างกายกลับขยับไปตามจังหวะของบุรุษที่ทาบทับอยู่ด้านบน ประกอบกับถูกกระตุ้นจากฝ่ามือร้อน แผ่นหลังก็แอ่นขึ้นอัตโนมัตินางกับเขาใช้ชีวิตร่วมกันมาห้าปีแล้ว ไม่รู้ว่านางควรดีใจที่เขายึดมั่นในคำสัญญาว่าจะไม่มีชายารอง หรือนางน้อย ๆ มาให้นางกวนใจ หรือควรสงสารตนเอง ที่แม้เวลาผ่านไปห้าปีแล้ว เขายังขยันอุ่นเตียง รังแกนางทุกค่ำคืนโดยไม่รู้จักเหน็ดจักเหนื่อย!ต้องโทษที่ตำแหน่งองค์รัชทายาทเป็นตำแหน่งที่ว่าง

  • บ้าไปแล้ว! ข้าหลงไปในนิยายจีนเซินเจิ้น!   ตอนพิเศษ ก้อนแป้งน้อยมาแล้ว

    ไป๋เจินจูคลอดลูกในเวลาต่อมา เวลานั้นเป็นฤดูใบไม้ผลิ อากาศอบอุ่น นางคลอดเจ้าแป้งน้อยสามก้อน เป็นชายทั้งหมด ใบหน้าพิมพ์เดียวกัน สร้างความตื่นตะลึง และยินดีไปทั่วตำหนักองค์รัชทายาท ของขวัญแสดงความยินดีหลั่งไหลมาไม่ขาดสาย ฮ่องเต้และฮองเฮาก็เสด็จมาแสดงความยินดีหลังจากไป๋เจินจูคลอดเด็ก ๆ ออกมาอย่างปลอดภัย นางก็ผล็อยหลับไปเพราะความเหนื่อยอ่อน เมื่อลืมตาตื่นขึ้นมา ก็ร้องเรียกหาบุตรชายทั้งสาม พร้อมกับบอกความต้องการว่าจะให้นมลูกเอง หลินหลงและแม่นมจึงนำพระโอรสทั้งสามมาส่งที่ห้อง ไป๋เจินจูมองเจ้าก้อนแป้งน้อยทั้งสามก็ยิ้มทั้งน้ำตา นางค่อย ๆ อุ้มลูกน้อยขึ้น ใช้มืออีกข้างแกะเสื้อคลุมออก แล้วจับลูกน้อยหันหน้าตะแคงเข้าหาอกเสียงจ๊วบ ๆ ดังขึ้นแทบจะทันที ทั้งห้องตกอยู่ในความเงียบ หลี่รุ่ยไล่แม่นมและหลินหลงออกไปข้างนอกให้หมด เหลือเพียงเขาและพระชายารัก กับบุตรอีกสามคน เขามองไป๋เจินจูให้นมลูกเงียบ ๆ เมื่อคนแรกอิ่ม คนที่สองอิ่มก็ยกคนที่สามขึ้นมาบ้าง สลับวนเวียนไปอย่างนั้น เขาเดินเข้าไปใกล้นาง เห็นนางเหน็ดเหนื่อย ซูบผอมก็ปวดใจ“ให้ข้าเรียกแม่นมเข้ามาดีหรือไม่ เจ้าจะได้พัก”“ไม่ต้องหรอกเพคะ” ไป๋เจินจูเงยหน้า

  • บ้าไปแล้ว! ข้าหลงไปในนิยายจีนเซินเจิ้น!   บทที่13 ความฝันที่ต้องเลือก

    ไป๋เจินจูฝัน...นางเดินอยู่บนเส้นทางแห่งหนึ่ง รอบด้านขาวโพลน เมื่อเดินไปเรื่อย ๆ ก็มองเห็นหญิงสาวคนหนึ่งยืนอยู่ปลายทาง นางเร่งฝีเท้าไปใกล้ อยากจะถามหญิงสาวผู้นั้นว่าที่นี่คือที่ไหน“ขออภัย คือข้าอยากจะถาม...” นางมองหญิงสาวในชุดกระโปรงสีครีม คนตรงหน้ารูปร่างผอมบาง ใบหน้าเล็กเรียว นัยน์ตาโศก เมื่อเห็นการแต่งกายเหมือนหญิงสาวยุคปัจจุบัน ถ้อยคำต่อมาจึงเปลี่ยนเป็นทันสมัยอัตโนมัติ “ที่นี่ที่ไหนคะ คุณพอจะทราบไหม”หญิงสาวตรงหน้านิ่งเงียบ ไป๋เจินจูจึงถามย้ำอีกครั้ง“คุณคะ...ได้ยินที่ฉันพูดใช่ไหม”“ค่ะ ได้ยิน”ได้ผล คนตรงหน้าตอบกลับ เมื่อตอบนางเสร็จก็เผยรอยยิ้มลึกลับ ไป๋เจินจูรู้สึกขนลุก จนยกมือขึ้นกอดตัวเองยะ...อย่าบอกนะว่า นางเจอผี!“ใช่ ฉันเป็นผี”เสียงหญิงสาวในชุดสีครีมดังขึ้นก้องหูโดยที่ริมฝีปากไม่ขยับ ไป๋เจินจูเผลอถอยหลังไปหนึ่งก้าว ตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทั้ง ๆ ที่นางคิดในใจ แต่อีกฝ่ายกลับได้ยิน“เอ่อ...”“เป็นยังไงนิยายที่ฉันแต่ง เธอบ่นว่าไม่สนุก ไร้สมอง แต่เมื่อมาอยู่ในนิยายของฉัน สุดท้ายเธอก็หลงรักพระเอกที่เธออ่านไปด่าไป”“ธะ เธอ เป็นคนแต่งนิยายเรื่องนี้?”“ใช่” หญิงสาวตรงหน้าบอ

  • บ้าไปแล้ว! ข้าหลงไปในนิยายจีนเซินเจิ้น!   บทที่12 ก้อนแป้งน้อย...มีกี่ก้อนกันนะ

    ไป๋เจินจูเดินเข้าตำหนักเงียบ ๆ ด้านหลังมีองค์รัชทายาทหลี่รุ่ยเดินตามมาติด ๆ นางได้ยินเสียงฝีเท้าตามไม่ห่างแต่ก็ไม่ได้ว่าอะไร ใบหน้าเล็กแดงระเรื่อ นึกถึงเหตุการณ์ในรถม้าเมื่อครู่หัวใจก็เต้นแรง...เขาสารภาพรักกับนาง...แล้วนางควรทำอย่างไร...“พระชายา...”เสียงองค์รัชทายาทเรียกนาง ไป๋เจินจูหยุดฝีเท้า สูดลมหายใจเข้าลึกแล้วหมุนตัวมาเผชิญหน้า พยายามปรับสีหน้าให้เป็นปกติ แต่เมื่อได้สบตาคมเข้มของเขา ถ้อยคำที่ตระเตรียมไว้ก็นึกไม่ออก เสียงที่เปล่งออกมาจึงตะกุกตะกัก“ขะ ข้า...”หลี่รุ่ยมองเห็นอาการเขินอายอย่างเห็นได้ชัดของนาง ก็ยิ้มกว้าง เดินตรงเข้ามาแล้วยกร่างบอบบางขึ้น“อ๊ะ” ไป๋เจินจูร้องอย่างตกใจ จู่ ๆ ก็ถูกยกจนตัวลอย นางถูกเขากอดรัดจนเท้าลอยเหนือพื้น “องค์รัชทายาท ท่านเล่นอะไร ปล่อยข้าลงนะ ข้าเวียนหัว”หลุ่รุ่ยได้ยินดังนั้นจึงปล่อยนางลง“ขอโทษ...ข้าดีใจจนลืมตัวไปหน่อย” เสียงของเขานุ่มทุ้ม แววตาที่มองนางเต็มไปด้วยความรักใคร่ “ดีใจ...ที่ความรู้สึกของเราตรงกัน”“ทะ ท่านมัน...หลงตัวเองนัก ข้าไม่ได้พูดแบบนั้นเสียหน่อย”“แค่เจ้าจูบตอบข้า อิงแอบแนบอกข้า ข้าก็รู้แล้ว...” เขาพูดพลางดึงมือนางไปกุม“หย

  • บ้าไปแล้ว! ข้าหลงไปในนิยายจีนเซินเจิ้น!   บทที่11 หากไม่รัก ข้าจะทำอย่างนี้หรือ

    นางตกตะลึง คิดคำพูดไม่ออกชั่วครู่ เมื่อเห็นเขาจะเดินจากไปจึงได้สติร้องเรียก"เดี๋ยว! ""หืม" บุรุษผู้นั้นหยุดเดิน หันกลับมามองนาง ไป๋เจินจูมองสำรวจ เขาสวมชุดขุนนาง อายุราวยี่สิบปี ใบหน้าคมเข้ม ผิวคล้ำตัดกับฟันขาวสะอาด หน้าตาก็...นับว่าหล่อเหลา เสียแต่ว่าดวงตาดูเจิดจ้าเกินไป นิสัยก็...เหมือนจะมือเติบ เห็นได้จากการควักเงินซื้อสิ่งของให้สตรีตามข้างทาง โดยที่ไม่ได้รู้จัก ดูก็รู้ว่าเป็นคนเจ้าชู้"หลินหลงเอาเงินค่าปิ่นคืนให้เขา" นางสั่งหลินหลง"ข้าไม่รับ ข้าซื้อให้เจ้า" เขาโบกมือ ตั้งท่าจะเดินต่อ ไป๋เจินจูรีบตะโกนบอก"ข้าไม่รู้จักท่าน ทำไมต้องซื้อของให้ข้า หากท่านไม่รับเงินคืน ข้าก็ไม่เอาปิ่นนี้หรอกนะ” นางพูดก่อนวางปิ่นไม้ลงเมื่อนางพูดจบ เขาก็หยุดเดินอีกครั้ง สุดท้ายก็หมุนตัวกลับมา ยื่นมือรับเงินที่หลินหลงเดินไปยื่นให้ เห็นว่าอีกฝ่ายยอมรับเงินค่าปิ่นคืนไป นางจึงหยิบปิ่นไม้ขึ้น แล้วยิ้มรับคำขอบคุณจากคนขาย เมื่อตั้งท่าจะเดินไปที่อื่นต่อ เสียงบุรุษก็ร้องเรียกขึ้นบ้าง“เดี๋ยว!”นางหันไป“เจ้าชื่ออะไร”ไป๋เจินจูยกนิ้วชี้ใส่ตนเอง “ถามข้า?”“ถามเจ้านั่นแหละ” บรุษผิวคล้ำส่งเสียงอึกอัก “เจ้าเป็นบุต

  • บ้าไปแล้ว! ข้าหลงไปในนิยายจีนเซินเจิ้น!   บทที่10 ออกนอกวัง

    หลายวันผ่านไป ณ หอสุราหว่าชุน"องค์รัชทายาทมีเรื่องกลุ้มใจอันใด อยู่ดี ๆ ถึงชวนข้ามากินดื่มนอกวัง"องค์ชายห้าหลี่จิ้นยื่นมือรับจอกเหล้าที่ถูกรินไว้รอ เขายกขึ้นจดริมฝีปาก สายตามองบุรุษที่นั่งตรงข้าม บัดนี้หลี่รุ่ยผู้มีฐานะเป็นองค์รัชทายาทนั่งเงียบ ใบหน้าดำคล้ำ เคร่งขรึม ดูน่ากลัวอย่างบอกไม่ถูก"ทะเลาะกับพระชายามาหรือ" เขาวางจอกเหล้าลงแล้วถามไปตรง ๆหลี่รุ่ยเงยหน้ามอง นิ่งไปนานกว่าจะเอ่ยปาก"ข้ามองออกง่ายขนาดนั้นเลยหรือ..." เขาพูดพลางยกจอกเหล้าขึ้นบ้าง "ก็ไม่เชิงว่าทะเลาะหรอก...""ถ้าไม่ทะเลาะ ทำไมท่านจึงมีสีหน้าอมทุกข์เช่นนี้" หลี่จิ้นยื่นใบหน้าไปใกล้ เอียงคอมองอีกฝ่าย "มีพระชายาอายุน้อย ท่านต้องรู้จักเอาใจ ถนอมนางบ้างสิ""แล้วข้าไม่ถนอมนางหรือ" เขาวางจอกเหล้ากระแทกกับโต๊ะเสียงดัง “เรื่องยุ่งยากภายในข้าไม่เคยคิดให้นางมาร่วมกังวล เสด็จพ่อต้องการให้ข้าแต่งชายารองเข้าตำหนัก วางตัวบุตรสาวราชครูฟางไว้แล้ว แต่เพราะข้าถนอมนาง ไม่อยากให้นางต้องมายุ่งกับวังวนอำนาจ ไม่อยากให้นางต้องมาปวดหัว รบรากับสตรีอื่น มากสตรี ก็มากความ ข้าจึงกำชับให้นางปฏิเสธหากถูกถามความเห็น แต่ทำไมนางจึงทำท่าปั่นปึ่งใส่ข้า

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status