Share

บทที่ 7

Author: ACHICHI
last update Last Updated: 2025-04-18 03:11:13

CHAPTER 7

ชิดใกล้

ตอนค่ำ

หลังจากประตูห้องปิดลง ร่างสูงก็ปรายหางตามองไปยังห้องฝั่งตรงข้ามที่คนด้านในเงียบเชียบหายไปตั้งแต่ช่วงเย็น เสียงระบายลมหายใจพรืดใหญ่ดังยาว ก่อนเจ้าของเสียงจะตัดสินใจเดินไปเคาะบานประตูซึ่งปิดสนิทในนาทีสุดท้าย

ทว่าเพียง ‘ก๊อก’ แรกดังขึ้น บานประตูห้องที่ว่าก็ถูกเหวี่ยงเปิดออกแทบจะในทันที พร้อมกับเจ้าของห้องโผล่หน้าออกมาให้ได้เห็น

“เปลี่ยนใจจะพาเราไปด้วยเหรอ?” เรนยิ้มแป้น กระวีกระวาดสวมใส่รองเท้า จัดการล็อกประตูลงกลอนอย่างรวดเร็ว “ปะ เราพร้อมแล้ว”

“…” เพลิงถึงกับพูดไม่ออก เมื่อได้เห็นสภาพของคู่สนทนาที่ราวกับเตรียมความพร้อมที่จะออกไปข้างนอกอยู่ก่อนแล้ว

คนตัวเล็กซึ่งกำลังเงยหน้ามองเขาในขณะนี้ สวมใส่สายเดี่ยวเอวลอยกับกระโปรงยีนสั้นเหนือเข่ากว่าสองคืบ และแค่ได้เห็น เพลิงก็คว้ากุญแจมาจากมือเจ้าของ ถือวิสาสะไขลูกบิดเปิดห้องหมายเลข 13 อีกรอบ

“เพลิงทำอะไร?”

“ถ้าจะไป ไปหาเสื้อที่มันปิดมิดชิดมากกว่านี้” เสียงเรียบให้การตอบกลับสายตางุนงงของเพื่อนตัวเล็ก

ใบหน้าหล่อมีสีหน้ายุ่งยาก ใช่ว่าเพลิงไม่เคยเห็นเนินหน้าอกขาวผ่องของเพื่อนสนิท แต่เขาได้เห็นทีไรหน้ายายน้อยกับน้าศรีก็ลอยมาแต่ไกลทุกที

“เราว่าน่ารักดีออก ดูนี่สิ…” หญิงสาวชูหางเปียเดี่ยวให้ดู แสร้งไม่ได้ยินคำทัดทานกับการหลุบมองด้วยสายตาเยียบเย็น “น่ารักจะตาย”

“จะไปไม่ไป?” เพลิงตัดบท ตั้งท่ากอดอกพิงวงกบประตูด้วยสีหน้าเป็นต่อ “ถ้าเธอดื้อ เราจะโทรฟ้องน้าศรี”

“เพลิงกล้าเหรอ?” เรนถึงกับทำตาโตร้องเสียงดัง “เอาสิ ถ้าเพลิงฟ้องแม่เรา เราจะฟ้องแม่เพลิง”

“กลัวที่ไหน?” คนตัวโตไหวไหล่ไม่ยี่หระ แม้จะเบื่อกับคำบ่นของแม่แต่อย่างน้อยไอ้เพลิงก็เป็นผู้ชาย หากใครจะโดนดุมากกว่าคงไม่พ้นฝ่ายหญิง “แม่รู้อยู่แล้วว่าเราเป็นไง แต่ถ้าน้าศรีรู้ว่าเธอดื้อแบบนี้…”

“ก็ได้ ๆ” ไม่ต้องรอให้เพลิงพูดจบประโยค คนซึ่งเป็นฝ่ายเพลี่ยงพล้ำเสียทีก็จำต้องยกมือยอมแพ้

เรนรู้ดีว่าหากมีคนช่างฟ้องเอาไปพูดขึ้นมาจริง ๆ เธอจะต้องโดนแม่สวดยับเป็นแน่ แต่สำหรับเพลิงที่โดนด่าเป็นประจำคงไม่มีอะไรให้เสียมากไปกว่าที่เป็น

“เชิญไปเปลี่ยนเสื้อ” เพลิงพยักพเยิดส่งสัญญาณ

ใบหน้าหล่อกระตุกยิ้มมุมปากอย่างผู้กำชัย สายตาฉายแววขบขันมองตามคนตัวเล็กที่กระแทกเท้าเดินผ่านหน้ากลับเข้าห้องไปอย่างจำใจ ก่อนประตูจะกระแทกปิดลง

ปึง!

เพลิงยืนรอไม่กี่นาที คนด้านในก็เดินกลับออกมาอีกหน…

ร่างผอมบางเปลี่ยนเป็นสวมเสื้อแขนยาวคอเต่าที่ก็ยังอวดโชว์เอวคอดกิ่วไม่ต่างจากเดิม ต่างที่ขนาดของเนื้อผ้าที่คราวนี้ปกปิดสูงถึงช่วงลำคอ

“พอใจรึยัง?”

“…”

เพลิงนึกอยากจะขัดอีกสักรอบ อยากวิ่งเข้าไปหาเสื้อยืดโง่ ๆ สักตัวมายัดใส่หัวอีกฝ่าย แต่เพราะเป็นเพียงเพื่อนกันเขาไม่มีสิทธิ์ก้าวก่ายให้มากเกินพอดี สุดท้ายจึงได้แต่เงียบเสียงเป็นฝ่ายเริ่มออกเดินนำ โดยมีคนเดินตามส่งเสียงบ่นพึมพำ

“ให้มาด้วยแล้วก็อย่าบ่น” เพลิงอดไม่ได้ที่จะแทรกเสียงขัด

ตลอดช่วงบ่ายหญิงสาวรบเร้าจะให้เขาพาไปเที่ยวด้วย ตอนแรกไอ้เพลิงก็ใจแข็งปฏิเสธได้อยู่ แต่เจ้าตัวคงรู้ว่าเขาจะต้องใจอ่อนในนาทีสุดท้าย มิเช่นนั้นคงไม่ลงทุนแต่งหน้าแต่งตัว เตรียมพร้อมออกท่องราตรีขนาดนี้

“ถ้าบ่นมากวันหลังก็อยู่ห้องไป” เสียงเรียบขู่สำทับ แต่ขู่ไปก็เท่านั้นเมื่อคนซึ่งเดินตีคู่อยู่ข้างกันยังคงกอดอกเงยหน้าเถียง

“เราไม่ได้บ่นสักหน่อย แต่เพลิงชอบทำตัวเหมือนคนหัวโบราณ ทั้งที่ก็ชอบส่องนมตามไอจี แถมคบผู้หญิงแต่ละคนนมงี้เท่าลูกฟุตบอล”

คิ้วหนาเลื่อนขมวดเข้าหากันกับคำประชดเกินจริงที่ได้ฟัง

เพลิงยอมรับว่าชอบดูนม ผู้ชายชอบนมมันผิดตรงไหน ไม่ชอบนมสองเต้า จะให้ชอบไข่สองพวงหรือยังไง

“เราชอบดูนมมันก็ดีแล้ว ถ้ายายน้อยรู้ว่าไอ้เพลิงชอบดูอย่างอื่นคงได้อกแตกตาย”

“แล้วนมเรามันต่างจากคนอื่นตรงไหน?” เรนอยากรู้จริง ๆ ว่านมเธอมันไม่น่ามองบ้างเลยหรือยังไง

ทว่าเพียงได้ยินคำถามร่างสูงก็ชะงักหยุดเดิน เพลิงเริ่มตีหน้าจริงจังทำราวกับนมเธอเป็นปัญหาแห่งจักรวาลอย่างไรก็อย่างนั้น

“ทำไมเดี๋ยวนี้เถียงเก่ง?”

“เขาเรียกถาม ไม่ใช่เถียง”

“ก็เห็นอยู่ว่าเถียงคำไม่ตกฟาก เธอกลับห้องไปนอนดีไหม?” เพลิงตั้งท่าจะคว้าแขนคนตัวเล็กประกอบคำขู่ แต่คนขี้เถียงก็ฉลาดพอจะเบี่ยงตัวรีบเดินหนีอย่างรู้ทัน

“ร้านอยู่ไกลรึเปล่า?”

เรนทำทีเปลี่ยนเรื่องคุย สีหน้าไม่สลดเลยสักนิด แต่เพลิงก็ไม่ได้คิดจะลากใครกลับห้องอย่างเป็นจริงเป็นจังเช่นกัน

เขาขู่ไปก็เท่านั้น สุดท้ายก็ใจอ่อนทุกที

ครึ่งชั่วโมงต่อมา

ฤกษ์เหล้า

เรนคิดว่าร้านเหล้าก็เหมือนกันทุกที่ หากไม่ใช่ผับบาร์ก็ต้องเป็นร้านนั่งชิลล์ที่มีดนตรีสดกับจำนวนคนเยอะ ๆ ซึ่งยั้วเยี้ยเหมือนหนอน ไม่ว่าจะชลบุรีหรือเชียงใหม่ก็ไม่ต่าง และหากเป็นย่านที่มีนักศึกษาคนก็จะยิ่งเยอะเป็นพิเศษ

เสียงดนตรีสดในจังหวะชวนเต้นดังคลอไปกับเสียงพูดคุยของนักท่องราตรีซึ่งส่วนใหญ่ไม่พ้นเด็กมหา’ลัยเดียวกัน

ขณะที่ตากลมโตกวาดมองไปโดยรอบเพื่อสำรวจบรรยากาศ คนเดินนำหน้าก็หันมองกลับมาแทบจะทุกสองวินาที เพลิงทำอย่างกับกลัวเธอจะหลงอย่างไรก็อย่างนั้น ทั้งที่อายุเท่ากันแต่อีกฝ่ายชอบทำเหมือนว่าเธอเป็นเด็กอยู่เรื่อย

“ไอ้เพลิงมานู่นแล้ว”

“เพลิง!” เสียงตะโกนเรียกดังมาจากทางหนึ่ง

และเมื่อพบต้นเสียงทั้งสองก็ปรี่เดินไปยังทิศทางดังกล่าวทันที

“อ้าว! ไหนมึงว่าเรนไม่มา?” เติร์กเป็นคนแรกที่กุลีกุจอลุกขึ้น ตะโกนร้องขอเก้าอี้เพิ่มจากเด็กร้าน

ขณะเดียวกันเพลิงก็กดไหล่คนที่พามาด้วยให้นั่งเก้าอี้ซึ่งว่างเว้น พร้อมทั้งก้มหน้าส่งภาษาที่ข้างใบหูของหญิงสาวในระยะประชิด

“อยู่กับเพื่อนเราได้ใช่ไหม? จะไปเข้าห้องน้ำ”

“ดะ… ได้สิ” เรนอึกอักตอบกลับเมื่อเจอเข้ากับความใกล้ชิดโดยไม่ทันได้เตรียมใจ ทั้งสัมผัสจากมือหนาซึ่งบีบบริเวณลาดไหล่ทั้งสองข้าง รวมถึงใบหน้าคมคายที่เฉียดข้างแก้มใสเพียงนิดเดียวก็ด้วย

หากแสงไฟหรี่สลัวของร้านสว่างกว่านี้อีกนิด ทุกคนคงได้เห็นผิวแก้มของเธอฝาดแดงเป็นแน่ ทว่าคนซึ่งป้องปากตะโกนใส่หูแข่งกับเสียงเพลง คงไม่รู้เลยว่าทำให้ใจดวงน้อยสั่นไหวมากเพียงใด

ร่างสูงของเพลิงผละห่างออกไปแล้ว ทว่าอุณหภูมิร้อนจากลมหายใจอุ่นยังคงหลงเหลือบางเบาที่ข้างแก้มใส แต่แล้วเสียงของคนข้าง ๆ ก็กระชากสติหญิงสาวให้ตื่นจากภวังค์

“เหล้าหรือเบียร์”

“เบียร์ก็ได้” พลันยิ้มหวานก็ปรากฏบนใบหน้าผ่องใส เรนเพิ่งมีโอกาสได้มองไฉในระยะใกล้ ๆ และเป็นครั้งแรกที่อีกฝ่ายยิ้มตอบอย่างเป็นมิตร

“ตอนแรกไอ้เพลิงมันว่าจะไม่ให้เธอมา” ไฉเป็นฝ่ายชวนคุย สีหน้าแสดงความประหลาดใจเล็กน้อย “บอกว่าเธอเป็นเด็กอนามัยนอนไว”

คำที่ได้ฟังทำเอา ‘เด็กอนามัย’ เม้มริมฝีปากเย้ยเสียงเยาะในใจ “เราไม่ใช่เด็กอนามัยอะไรหรอก” เรนอดไม่ได้ที่จะแก้ต่าง “แต่เพลิงคงกลัวไม่ได้ส่องสาวน่ะสิ”

“อืม” ไฉขานเสียงรับ ระหว่างคีบน้ำแข็งก็หลุบสายตาสำรวจเรือนร่างขาวเนียนที่ดูบอบบางเหมือนเต้าหู้นุ่มนิ่มไปด้วย “มันน่าจะกลัวคนมาวอแวเธอมากกว่า”

“เพลิงเนี่ยเหรอ?” เรนสั่นหัวปฏิเสธ “เพลิงไม่สนใจเราขนาดนั้นหรอก ที่ให้มาด้วยก็เอาแต่บ่นตลอดทาง ว่าจะเป็นภาระอย่างนั้นอย่างนี้”

“หึ” ไฉหัวเราะออกมาอีกหนึ่งคำ “บ่นแต่ก็ยอมให้มา?”

“เพลิงเป็นคนใจอ่อน ตื๊อนิดตื๊อหน่อยก็คงทนรำคาญไม่ไหว” ยิ้มหวานปรากฏบนใบหน้าของหญิงสาว แต่คู่สนทนาไม่เห็นด้วย

“งั้นเราน่าจะอยู่กันคนละเซิร์ฟ” ไฉไม่เคยเห็นใครใจแข็งต่อคำรบเร้าได้เท่ากับคนซึ่งถูกอ้างถึง เห็นได้ชัดว่าเพลิงคงเลือกใจอ่อนแค่กับบางคน

“ไฉ ม้าบอกว่าม่าคิดถึง” เสียงบุคคลที่สามดังขึ้นในจังหวะนี้เอง

อาโปส่งต่อสมาร์ตโฟนให้เพื่อน ก่อนจะนั่งกอดอกไขว่ห้างอย่างเบื่อหน่าย เรือนผมหลุดลุ่ยจากการรวบมัดอย่างไม่ตั้งใจ กระทั่งใบหน้าไร้การแต้มแต่งบ่งบอกว่าไม่ผ่านการเตรียมตัวที่จะออกมาเที่ยว แต่ไฉก็เลือกที่จะส่งสัญญาณกับเจ้าของสีหน้าไร้อารมณ์คนที่ว่า

“มึงเทเบียร์ให้เพื่อนหน่อย”

“เอาเบียร์ใช่ไหม?”

“อือ” เรนพยายามจะแจกยิ้มอีกครั้ง ในบรรดาเพื่อนของเพลิง เธอแอบหวั่นใจในสีหน้าเรียบตึงกับท่าทีอ่านไม่ออกของอาโปที่สุด ถึงจะเป็นเพศเดียวกัน แต่โปต่างจากนิ้งโดยสิ้นเชิง ขณะที่คนหนึ่งเป็นมีนิสัยเปิดเผยอัธยาศัยดี แต่อีกคนดูจะขี้รำคาญไม่น้อย ทว่าก็ต้องแปลกใจที่ได้รับยิ้มตอบกลับจากคนที่ว่าเป็นครั้งแรก แม้จะเป็นยิ้มเล็กน้อยพอเป็นพิธีก็ตามที

“ม่าหรือม้ากันแน่?” เสียงบ่นดังมาจากไฉที่กำลังขมวดคิ้วอยู่กับหน้าจอ “ม้าอยากให้กูกลับบ้านอะดิ”

“ม่าหรือม้าแล้วต่างกันยังไง? กลับบ้านบ้างเถอะ กูเบื่อต้องเป็นนกพิราบคอยส่งข่าว” อาโปตั้งท่าจะดึงของส่วนตัวกลับคืน

ทว่าไฉก็เริ่มรัวนิ้วลงบนหน้าจอ “กูคุยเอง”

“สองคนนี้เป็นเพื่อนสนิทกัน ที่บ้านก็สนิทกัน เหมือนเรนกับเพลิงเปี๊ยบเลย” คะนิ้งชะโงกหน้าข้ามโต๊ะเพื่อให้ข้อมูลกับเพื่อนใหม่ ก่อนอีกคนที่บังเอิญได้ยินจะรีบหันมาสมทบเสียง

“กูว่าไอ้สองตัวนี้ดูเป็นเพื่อนกันจริง ส่วนเรนกับไอ้เพลิงกูว่าเคมีมันไม่ได้ เป็นเพื่อนกันจริง?” เติร์กเลิกคิ้วรอฟังอย่างคนสอดรู้

ทว่าเรนก็พยักหน้ายืนยันให้ความเป็นธรรมกับอีกคนที่ไม่ได้อยู่ตรงนี้

“เป็นเพื่อนสิ เพื่อนตั้งแต่เด็ก อาบน้ำกะละมังเดียวกันเลยแหละ”

“ถ้าสภาพกัดกันทุกวันแบบไอ้สองตัวนี้กูจะไม่สงสัยเลย” คะนิ้งบุ้ยใบ้ให้ได้เห็นสถานการณ์แย่งชิงสมาร์ตโฟนระหว่างไฉกับโป “แต่ไอ้เพลิงไม่ยักพูดหยาบกับเธอสักคำ”

“บวกหนึ่ง ทีคุยกับกูนี่นะ นึกว่าปากแม่งขนหมามาทั้งฟาร์ม”

“ถูก”

“แถมปกติมันไม่ยอมอะไรใคร แล้วมึงเห็นวันนี้ปะไอ้นิ้ง…” เติร์กสะกิดเรียกคะนิ้งที่ก็รีบเคาะโต๊ะตัดสินมาอีกคน

“จริง”

“แล้วดูไอ้สองตัวนี้ดิ”

เติร์กยังคงเปรียบเทียบให้เห็นภาพด้วยการชี้ไปยังอาโปที่กำลังบิดแขนไฉจนฝ่ายชายหน้าเบี้ยว กระทั่งบทสนทนาระหว่างสองคนที่ว่าก็ไร้ซึ่งความอ่อนโยน แน่นอนว่าต่างจากการใช้สรรพนามระหว่างเรนและเพลิง

เรนได้แต่นั่งยิ้มเพราะไม่รู้จะตอบกลับว่าอย่างไร ทว่าคะนิ้งก็เอื้อมมือข้ามโต๊ะมาตบไหล่ ใบหน้าสวยผุดยิ้มกว้างอย่างคนอารมณ์ดี

“ไม่มีไรหรอก แซวเล่นเฉย ๆ เพลิงมันไม่เคยเล่าเรื่องเธอให้ฟัง เลยคิดว่ามันเอาสาวที่ไหนมาหลอกว่าเป็นแค่เพื่อนน่ะสิ”

“เพื่อนจริง” เรนหัวเราะเมื่อได้ฟังข้อสันนิษฐานดังกล่าว ก่อนจะรีบปัดเลื่อนจอสมาร์ตโฟนเข้าสู่แอปพลิเคชันรูปภาพ “นี่ไง”

“ไหน…” ทั้งเติร์กและนิ้งชะโงกหัวเข้าดูหลักฐานยืนยันพร้อมกัน ซึ่งก็เป็นภาพระหว่างเรนและเพลิงในชุดนักเรียน

“เรนใส่ชุดนักเรียนแล้วโคตรน่ารัก”

“เรนน่ารัก แต่หน้าเพื่อนมึงเรียกตีนมาตั้งนานแล้วแหละกูว่า”

“คุยไรกัน?”

แต่แล้วเดดแอร์ก็บังเกิดโดยฉับพลัน เมื่อคนโดนนินทาเดินกลับมาถึงโต๊ะ ทันทีที่เพลิงนั่งร่วมวง บทสนทนาลับหลังก็เป็นอันถูกแช่แข็งไปโดยปริยาย ทั้งเติร์กและคะนิ้งพากันสั่นศีรษะทำทีไม่รู้ไม่ชี้

“เปล่านะ พวกกูไม่ได้พูดถึงมึงเลย”

“หึ” เพลิงหัวเราะเมื่อได้เห็นอาการร้อนรนแก้ตัว แต่เขาไม่คิดจะถามหาเอาความเพราะรู้นิสัยเพื่อนเป็นอย่างดี

จากนั้นไม่มีคิดใครเอ่ยต่อในหัวข้อสนทนาเดิม ต่างเติมเครื่องดื่มจนเต็มแก้ว ก่อนใครสักคนจะร้องเสียงดัง ชูแก้วยื่นเข้าที่กลางวง

“หมดแก้ว!”

ทุกคนที่นั่งร่วมโต๊ะจำต้องคว้าแก้วส่วนตัวขึ้นชน กระดกของเหลวสีอำพันลงคอจนหมดไม่เหลือแม้สักหยด สถานการณ์กลับมาคึกคักไหลตามสภาพแวดล้อมรอบตัว ระหว่างที่วงดนตรีสดกำลังซาวด์เช็กเพื่อเตรียมแสดงในรอบถัดไป เสียงจอแจก็ดังคลอไปกับเพลงจากลำโพงที่เปิดคั่นรายการ

แม้ผู้ร่วมโต๊ะทุกคนจะชิลล์กับปริมาณของมึนเมาที่ดื่มหมดในรวดเดียว ทว่ามีอยู่คนหนึ่งที่ถึงกับต้องยกหลังมือขึ้นปิดปากเพราะขยาดในรสชาติขมฝาดของเครื่องดื่มที่ไม่คุ้นเคย

เพลิงสังเกตเห็นท่าทีของคนที่ว่าเข้าพอดี จึงเสนอทางเลือกด้วยความหวังดี “เธอไม่ต้องกินก็ได้ ไอ้พวกนี้มันกินเยอะ เดี๋ยวเมา”

“นิดหน่อยเอง เราไม่เมาง่าย ๆ หรอก” เรนส่งสัญญาณว่ายังโอเค แต่นัยน์ตาคมที่จ้องสำรวจอาการบ่งชัดว่าไม่ศรัทธาในคำที่ได้ยิน

“ไม่เมาแน่?” เพลิงสบประมาทตรงไปตรงมา “คออ่อนแบบเธอ ไม่กี่แก้วก็คงได้น็อกหลับคาร้าน”

“ตอนอยู่เชียงใหม่เราก็กินอยู่บ้างหรอก” เรนโกหก

ปกติเธอไม่ดื่ม แต่เพราะอยากสนุกสนานกับเพื่อนใหม่ จึงไม่ลังเลที่จะรับอีกแก้วมาจากคะนิ้ง ทว่าแอลกอฮอล์แก้วที่สองแผดเผาจนลำคอผ่าวร้อนไม่ทันไร เทมป์ที่เพิ่งเดินกลับมาจากโต๊ะอื่นก็ส่งสัญญาณให้ทุกคนชนแก้วอีกครั้ง

เรนเพิ่งเห็นว่าคืนนี้เทมป์ไม่ได้สวมแว่น ความหล่อเหลาจึงไร้เครื่องบดบัง สายตาผู้หญิงโต๊ะที่อื่นมองมาเป็นตาเดียวราวกับจะช่วยยืนยันในสิ่งที่เธอคิด เพื่อนของเพลิงไม่ว่าจะหญิงชายน่าจะโซฮอตกันยกแก๊งเลยทีเดียว

และเมื่อการชนแก้วครั้งใหม่มาถึง คนคออ่อนก็ยังทำใจดีสู้ ยอมกระดกหมดแก้วท่ามกลางเสียงร้องเชียร์ทั้งจากเพื่อนโต๊ะเดียวกัน และเสียงจากคนเมาสักคนที่บังเอิญเดินผ่านมาร่วมแจมสร้างสีสันก็ด้วย

กึก!

“เพื่อนมึงกินเก่งว่ะไอ้เพลิง นึกว่าจะคออ่อน ไม่คิดว่าหน้าตาแบบนี้จะยกหมดได้ตั้งสามแก้วรวด” เติร์กหัวเราะอย่างคนอารมณ์ดี ท่าทางบ่งชัดว่าเมานำหน้าเพื่อนไปไกล

“…” เพลิงไม่ได้ตอบ

แต่เขาคิดว่าคงไม่ผิดจากที่เติร์กประมาณการ แม้คนตัวเล็กยังคงยิ้มได้ แต่อีกไม่นานยายเด็กดอยคงเป่าปี่ร้องขอให้ไอ้เพลิงพากลับห้องสิไม่ว่า รอดูได้เลย…

จากนั้นเวลาก็เดินหน้าอย่างรวดเร็ว…

ท่ามกลางแสงสีเสียงยามราตรี บรรยากาศเต็มไปด้วยความคึกคักสนุกสนาน ทุกอย่างยังเหมือนเดิมกับที่เคยเป็น แต่ที่ต่างคือคืนนี้เพลิงแทบไม่ได้ลุกเดินไปโต๊ะอื่น กระทั่งว่าชนเบียร์กับผู้หญิงคณะอื่นก็ไม่

หากไม่นั่งเป็นเพื่อน คนบางคนโกรธเขาไปอีกหลายวัน…

ทว่าหลายแก้วผ่านไป เพลิงก็อดทนอยู่ไม่ไหว ตะแคงคอป้องปากพูดคุยกับคนข้าง ๆ “พอได้แล้ว”

คนตัวเล็กหันมองเขา แม้ยิ้มหวานบนใบหน้าเพื่อนชาวดอยยังคงเดิม แต่ที่ต่างอย่างเห็นได้ชัดคือความหยาดเยิ้มบางชนิดซึ่งเข้าแทนที่ในแววตา

“ยังไม่เมา” ทันทีเรนก็คว้ามือหนาขึ้นเขย่าเพื่อขอต่อเวลา “เรากินต่อได้”

“เธอเมาแล้ว” เพลิงค้านด้วยข้อเท็จจริง “ตาเยิ้มขนาดนี้คือเมา”

“ถ้าเมาแล้วจะคุยกับเพลิงรู้เรื่องได้ไง?”

“ไอ้เติร์กเมามันยังคุยกับหมารู้เรื่อง”

“ไม่เหมือนกันสักหน่อย”

“เมาก็คือเมา”

ใบหน้าระหว่างทั้งคู่เฉียดกันไปมา เพราะต่างต้องเอียงคอส่งเสียงที่ข้างหูอีกฝ่าย ทว่านานเข้าเพลิงก็เริ่มเสียสมาธิเพราะความนุ่มนิ่มบางชนิดเบียดเสียดอยู่ที่ข้างแขน แต่เจ้าของเนื้อเต้าอวบอัดก็ยังคงพร่ำเสียงพูดโดยไม่รู้สึกตัว อีกทั้งหน้าแป้น ๆ ก็ยิ่งขยับเข้าชิดในระยะไม่ปลอดภัย

“ถ้าเพลิงตามใจเราจะรูดซิบปากให้สนิท คุณป้าจะไม่มีทางรู้เลยว่าเพลิงเนี่ย เจ้าชู้ม้าก…”

“นั่งให้มันนิ่ง ๆ”

“นะเพลิง…”

ไม่มีคำใดหลุดรอดผ่านริมฝีปากของคนได้รับสินบน

เพลิงยังไม่ผละใบหน้าออกห่าง แต่ก็ไร้การโต้ตอบใด ๆ

มีเพียงสายตาไม่บ่งบอกอารมณ์เท่านั้นที่พลั้งเผลอหลุบมองริมฝีปากอวบอิ่มซึ่งอยู่ห่างเพียงไม่กี่เซนติเมตร ผิวแก้มของเพื่อนตัวเล็กปลั่งแดงโดยธรรมชาติแม้ไม่จำเป็นต้องเมา และนั่นเป็นที่มาของฉายาเด็กดอยที่เพลิงใช้เรียก

กระทั่งกลิ่นหอมของเจ้าตัวก็เป็นกลิ่นเดิมกับที่เพลิงคุ้นเคย แค่กลิ่นโลชันบำรุงผิวกายไร้น้ำหอมปรุงแต่ง ทว่ากลิ่นหอมชนิดนี้กลับส่งผลต่อความรู้สึกของบุรุษเพศวัยกำลังกลัดมัน แปลกที่ในครั้งนี้มันช่างยากเย็นสำหรับเขาที่จะถอนลมหายใจกลับคืน
Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • ปกติ... คือแอบรัก   บทที่ 159

    SPECIAL 3สัญญาใจ 3 สิบสองปีก่อน “ฮึก!” “กลับบ้านได้แล้ว ถ้าเธอยอมกลับ เราจะปั่นจักรยานให้ซ้อนทุกวัน” “เพลิงขี้โม้ ฮึก!” “เราใจดี” เด็กหญิงตัวน้อยสะอึกสะอื้นอยู่บนชิงช้าซึ่งไร้การกวัดแกว่ง โดยมีเด็กชายวัยเดียวกันยืนใช้ปลายเท้าเขี่ยดิน

  • ปกติ... คือแอบรัก   บทที่ 158

    ทว่าเพียงเรนหันมองกลับมา เพลิงกลับเบนสายตาไปอีกทางเสียงเกากีตาร์เพี้ยนผิดในหลายจังหวะบ่งชัดว่าตัวคนทำการแสดงเสียสมาธิ แต่เหล่าผู้รับชมที่ยังคงหลับหูหลับตาร้องกรี๊ดคงไม่รู้ถึงความจริงเพลิงรู้ว่าเขาไม่ได้เสียสมาธิ แม้ไม่อยากยอมรับแต่ปฏิเสธไม่ได้ว่าที่กำลังเป็นอยู่ในขณะนี้อาจเป็นเพราะเขาเสียอาการกับเ

  • ปกติ... คือแอบรัก   บทที่ 157

    SPECIAL 2สัญญาใจ 2สิบนาทีต่อมาร่างผอมบางของเรนยืนอยู่ที่ตำแหน่งเดิม สายตากวาดมองไปยังความคึกคักรอบด้าน เครื่องหน้าหมดจดมียิ้มมุมปากผุดเผยในสีหน้า เพียงคิดว่าเพลิงจะต้องกระดากอายกับจำนวนคนที่เพิ่มมากขึ้นเธอก็รู้สึกขบขันอย่างบอกไม่ถูกหลังจากการแสดงห้องล่าสุดของระดับชั้นจบลง เพียงแค่ร่างสูงคุ้นตาเด

  • ปกติ... คือแอบรัก   บทที่ 156

    SPECIAL 1สัญญาใจ 1 หลายปีก่อน “เพลิงจะเขินอะไร?” “ไม่เขินได้ไง? คนทั้งโรงเรียน” “รุ่นน้องกรี๊ดเพลิงกันทั้งนั้น ไม่เห็นต้องอาย” “อาย” เพลิงพยักหน้ารับไม่กระดากแม้แต่นิด “เธอลองขึ้นไปร้องเพลงแล้วมีคนเป็นพันนั่งมองอยู่ข้างล่างเวทีดูไหม?”

  • ปกติ... คือแอบรัก   บทที่ 155

    “เพลิง” คนตัวเล็กเงยหน้าขึ้นมอง ก่อนจะพยักพเยิดไปทางถนนอีกฟาก “เราไปหาถุงทองกันไหม วันก่อนแม่บอกว่ามันคลอดลูกตั้งห้าตัวแน่ะ…”ถุงทอง เป็นหมาพันธุ์โกลเดนรีทรีฟเวอร์ ที่ทั้งสองหนุ่มสาวมักจะแวะไปเล่นนั่งเล่นให้อาหารอยู่เป็นประจำ…แม้รู้ดีว่าถุงทองเป็นเพียงข้ออ้างเพื่อจะได้ไปเจอหน้าคนรู้จัก แต่เพลิงไม่เ

  • ปกติ... คือแอบรัก   บทที่ 154

    เพลิงได้แต่นึกหัวเราะในใจ ยายเด็กดอยเขินเป็นเสียที่ไหน…ทีเมื่อชั่วโมงก่อนคนที่อายแทบตายคือไอ้เพลิงคนนี้ ขณะที่เขาเขินจนตัวแดง ลูกรักของยายน้อยกลับจ้อไม่หยุดปาก ทีงี้ทำเป็นเขิน…จากนั้นสองหนุ่มสาวก็พากันแวะไปที่ร้านขายดอกไม้ซึ่งอยู่ในระยะเดินถึงกัน เวลาไม่นานทั้งสองคนก็หยุดยืนที่หน้าแผงขายดอกไม้คุ้น

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status