Beranda / โรแมนติก / ปกรณัมใต้แสงดาว / Chapter3. เสี้ยวเวลาอันแสนสั้น

Share

Chapter3. เสี้ยวเวลาอันแสนสั้น

last update Terakhir Diperbarui: 2024-10-27 01:15:30

 มือหยาบกร้านเพราะจับกระบี่กรำศึกมายาวนานยื่นไปปัดม่านมุ้งออก  แม้บอกตัวเองว่าอยู่สนามรบมานาน ทว่าเมื่อเห็นสตรีที่หมดสติ แขนเต็มไปด้วยแผลถลอก ร่องรอยขูดขีด  ยังเหลือรอยเลือดยังแห้งกรังที่ผมของนาง ข้อเท้าข้างขวาถูกพันผ้าอย่างแน่นหนา  

เสี้ยวเวลาอันแสนสั้นก่อนหมดสติ ดวงตาของนางเบิกกว้างด้วยความตกใจ ปฏิกิริยาในตอนนี้แม้นางยังหลับอยู่ แต่ยังคงเป็นความหวาดกลัว เปลือกตาของนางกระตุก ปลายนิ้วมือขยับเกร็ง หลัวหลิวหยางเอื้อมมือไปกุมมือหญิงสาวไว้โดยไม่ทันคิด

“ไม่เป็นไรแล้ว เจ้าปลอดภัยแล้ว”

ไม่ใช่ถ้อยคำอ่อนโยนหวานหู แต่น้ำเสียงหนักแน่นที่พร้อมปกป้องขับไล่ความหวาดกลัวของหญิงสาว นางบีบมือของเขาแน่นราวกับเป็นสิ่งเดียวที่ยึดเหนี่ยว เขาไม่อาจผละไปจากนางได้จึงค่อยๆ นั่งลงบนเตียงข้างนาง  ดวงตาของเขาจ้องมองริมฝีปากของนางพึมพำ แม้รู้ว่านางยังไม่ได้สติแต่เขากลับโน้มตัวลง แนบใบหูใกล้ริมฝีปากของนาง   

“ท่านช่วยชีวิตข้า” หญิงสาวพึมพำแทบฟังไม่ออก นางลืมตาขึ้นมองเขา แล้วพยายามขยับตัว เพียงการขยับตัวเล็กน้อยก็ทำให้นางหลุดเสียงร้องเจ็บปวดออกมา

“นอนลงไป ใจเย็นๆ”

“ข้า...”  นางพยายามอย่างสุดกำลัง อย่างน้อยนางก็ได้มาพบหน้า ‘เขา’ แล้ว “ข้าต้องพูดกับท่าน”

“เจ้ารู้จักข้ารึ?”

เหมือนนางจะฝืนยิ้ม แต่เป็นรอยยิ้มอันแสนเศร้า หลัวหลิวหยางพยายามเค้นสมองว่าเคยพบนางที่ใดมาก่อนหรือไม่

“จง...” นางกลืนน้ำลายลงคออย่างลำบาก “จง...ระวัง...อนุชา...แห่ง...แคว้นเหยี่ยน...ให้มาก ...เขา..คิด...ไม่ซื่อกับแคว้นจ้าวของเรา”

นางอยากพูดมากกว่านี้ แต่ทุกครั้งที่เปล่งเสียงก็เจ็บแปลบไปทั่วแผ่นอก นางสูดลมหายใจลึกสะกดความเจ็บปวดเหล่านั้นไว้

            “ระวัง..จงระวังตัว..”

            “ข้ารู้แล้ว”  เขาตอบเพื่อให้นางสบายใจ “เจ้าพักผ่อนก่อน เจ้าได้รับบาดเจ็บสาหัส ต้องพักผ่อนให้มาก”

            เขามองนิ้วมือของนางที่เริ่มผ่อนคลายลง ท่าทางนางหลับไปอีกครั้ง เขาสัมผัสนิ้วมือของนาง แม้เขาจะไม่เชี่ยวชาญเรื่องสตรี แต่รับรู้ได้ว่ามือคู่นี้ผ่านอะไรมามาก มือนางอาจไม่เนียนนุ่มแต่ไม่ได้หยาบกระด้าง ข้อนิ้วแข็งแรงเหมือนคนจับพู่กันอยู่เสมอ แต่ในขณะเดียวกันก็ให้ความรู้สึกเปราะบางละเอียดอ่อน เพียงการสัมผัสเล็กน้อยนี้กลับทำให้เขาปั่นป่วน เมื่อมั่นใจว่านางหลับไปจริงๆ แล้วเขาจึงขยับตัวช้าๆ ออกมาจากเตียงพลางครุ่นคิดว่าเคยพบนางที่ใด เหตุใดนางลืมตาแค่แวบเดียวกลับรู้ว่าเป็นเขาและพูดเรื่องสำคัญเช่นนี้  มีน้อยคนนักจะรู้ว่าตอนนี้การเมืองในแคว้นเหยี่ยนปั่นปวนมากเพียงใด นอกจากจะเป็นคนขององค์ฮ่องเต้หรือรัชทายาท

            แต่ทำไมถึงเป็นนาง ทำไมถึงเป็นสตรีบอบบางเดินทางมาเพียงลำพังเช่นนี้ 

            แม่ทัพใหญ่ครุ่นคิดพลางเดินออกมาแล้วเดินกลับไปที่ห้องหนังสืออีกครั้ง เดิมทีคิดจะพักผ่อน แต่เห็นทีว่าเขาต้องอ่านรายงานที่ส่งมาจากเมืองหลวงอีกครั้ง

            บานประตูปิดสนิทแล้ว จางฟางซินจึงค่อยๆ ลืมตาขึ้นอีกครั้ง  ทำไมนางต้องพบเขาในสภาพนี้ด้วย เหตุใดรถม้าที่แสนธรรมดาของนางเป็นที่ต้องตาต้องใจของโจรชั่วได้ ทั้งที่นางเดินทางอย่างระวังตัวมาตลอด  นางควรพบเขาในฐานะ “จางฟางหรง”  

            เขาจำนางไม่ได้จริงๆ หรือเพราะนางไม่มีความงดงามดึงดูดจิตใจบุรุษได้เลย เขาจึงไม่เคยรู้ว่าคนที่เคยเดินหมาก ถกเนื้อหาในตำราพิชัยยุทธที่สำนักศึกษาไผ่หยกคือนางเอง

            พลันเจ็บแปลบที่ทรวงอกอีกระลอก เจ็บครั้งนี้ประหลาดนัก เจ็บยิ่งกว่าบาดแผลทีได้รับ คือเจ็บที่หัวใจที่รู้ว่าในสายตาของเขาไม่เคยมีนางอยู่เลย

            “ฟางหรง เจ้าควรดูพี่สาวเจ้าเป็นตัวอย่าง”

หยางอี้เสียงอดบ่นลูกชายบุญธรรมไม่ได้  จางฟางหรงเบ้ปากสีหน้าเบื่อหน่าย ในขณะที่จางฟางซินเผยยิ้มกว้างดีใจกับคำชมของพ่อบุญธรรม

            “ใช่ๆ ข้าสมองทึบไม่เหมือนพี่สาวคนดี” จางฟางหรงหยิบพัดแล้วชี้ไปทางพี่สาวต่างมารดาที่นั่งอยู่ใกล้ๆ “บางทีวิญญาณของข้ากับพี่สาวอาจสลับร่างกันก็เป็นได้ หากพี่ฟางซินเป็นบุรุษละก็  ป่านนี้นางคงสอบ จอหงวนนำชื่อเสียงมาสู่ตระกูลจางแล้วไปแล้ว”

            “เหลวไหล” หยางอี้เสียงส่ายหน้าไปมา “หากเจ้าขยันหมั่นเพียรย่อมทำได้ดีไม่น้อยกว่าฟางซิน แต่เจ้าเอาแต่ชอบเล่นสนุก ไม่ขยันอ่านตำราหรือฝึกเขียนอักษร”

            “นางก็ไม่ขยันเช่นกัน เรื่องที่สตรีต้องฝึกฝนเรียนรู้ไม่เห็นจะได้เรื่องได้ราว งานเย็บปักก็ทำได้แค่ถุงเงินใบเล็กๆ อาหารการกินก็ทำได้เพียงไม่กี่อย่าง เรื่องที่สตรีควรทำนางทำได้สักครึ่งเสียทีไหน พ่อบุญธรรมต้องเคี่ยวเข็ญนางให้มากๆ ไม่เช่นนั้นยามออกเรือนจะถูกแม่สามีรังเกียจเอาได้”

            “ถ้าเป็นเช่นนั้นข้าไม่แต่งงานก็ได้”  จางฟานซินขึงตาใส่น้องชาย  “ข้าจะอยู่ดูแลพ่อบุญธรรม ไม่แต่งงานไม่ออกเรือน”

            หยางอี้เสียงอดหัวเราะไม่ได้ แม้จะเสียใจที่เพื่อนรักตายจากแต่ก็ดีใจที่เพื่อนรักไว้วางใจมอบบุตรชายและบุตรสาวที่น่ารักให้เขาดูแล  จางฟางซินเป็นหญิงสาวที่ชอบอ่านเขียนเรียนหนังสือ แต่เพราะนางเป็นหญิงจึงไม่ได้เข้าเรียนในสำนักศึกษาของเขา แต่เขาก็สั่งสอนนางด้วยตนเองเสมอ ผิดกับจางฟางหรงผู้เป็นน้อง แท้จริงเป็นคนเฉลียวฉลาดแต่มักชอบเล่นสนุกซุกซน ขาดความสุขุมเยือกเย็น

            “ก็พี่สาวมีบุรุษในดวงใจ จะเหลือสายตาไว้มองผู้อื่นรึ”   จางฟางหรงไม่ยอมแพ้ เรื่องโต้เถียงเขาถนัดนัก

            “เจ้า!”   จางฟางซินถึงกับหน้าแดง ได้แต่ขึงตาใส่น้องชาย

            “พี่สาวคนดี  ท่านยังไม่หักอกหักใจจากหลัวหลิวหยางอีกหรือ?”

            “เจ้า! ห้ามพูดเรื่องนี้นะ”

            “โธ่! พี่สาวคิดว่าพ่อบุญธรรมไม่รู้เรื่องนี้หรือ? ทุกครั้งที่ศิษย์พี่มาเยี่ยมเยือนพ่อบุญธรรม ท่านน่ะต้องไปแอบมองเขาทุกที!”

            “จาง-ฟาง-หรง!”

            “เอาล่ะๆ เจ้าอย่าได้เถียงกันอีกเลย” 

            หยางอี้เสียงมองบุตรสาวบุญธรรมที่เฉไฉทำเป็นไม่สนใจเรื่องที่ถูกหยอกล้อ  หลัวหลิวหยางเป็นศิษย์ที่สร้างชื่อให้สำนักไผ่หยกของเขา แต่เดิมครอบครัวของหลัวหลิวหยางไม่ใช่ตระกูลขุนนางเก่าแก่หรือนักรบ  เป็นเพียงชาวนาที่มีลูกมาก หลัวหลิวหยางมีความเพียรพยายามใฝ่หาความรู้และฝึกฝนเพลงยุทธ์แม้แรกเริ่มจะเป็นครูพักลักจำ แต่เมื่อเขาเห็นแววของเด็กชายคนนี้จึงยื่นมือเข้าสอนสั่ง และฝากฝั่งให้เรียนเพลงยุทธ์กับสหายที่มีฝีมือโดยไม่คิดค่าเล่าเรียน  หลัวหลัวหยางมีทักษะที่ดีเยี่ยม โดดเด่นและผลักดันตัวเองเข้ากองทหารตั้งแต่อายุยังน้อย ไต้เต้าด้วยความสามารถจนบัดนี้อายุยี่สิบหก ได้เป็นแม่ทัพพิทักษ์บูรพา  ฐานะความเป็นอยู่ครอบครัวจากชาวนายากไร้กลายเป็นตระกูลที่มีคนเคารพยกย่อง พี่น้องในครอบครัวพลอยเป็นอยู่สุขสบาย  มีเพียงแค่หลัวหลิวหยางที่ยังแบกรับภาระหน้าที่และไร้คู่เรียงหมอน และคาดว่าจะไม่มีลูกสาวบ้านไหนกล้าแต่งกับบุรุษที่มีดวงกินภรรยาเช่นนั้น

            ลูกศิษย์ของเขามักมองหลัวหลิวหยางเป็นแบบอย่างซึ่งนับเป็นเรื่องดี  และไม่แปลกใจที่จางฟางซินจะชื่นชมบุรุษเช่นหลัวหลิวหยาง ตั้งแต่นางยังเด็กก็ได้ยินเรื่องหลัวหลิวหยางราวกับเป็นนิทานก่อนนอน เติบโตขึ้นพร้อมเรื่องเล่าของวีรบุรุษ เมื่อใดก็ตามที่หลัวหลิวหยางกลับมาเมืองหลวงจะแวะมาเยี่ยมเยือนเขาทุกครั้ง  จางฟางซินที่กล้าหาญจะกลายเป็นคนเขินอายแอบหลบด้านหลัง ทำได้เพียงแค่แอบมอง   

            แต่เรื่องที่หยางอี้เสียงไม่รู้คือ จางฟางหรงที่มีนิสัยรักสนุก แม้จะไม่เชี่ยวชาญตำราพิชัยยุทธแต่เขาเป็นบุรุษที่ชื่นชอบการเขียนโคลงกลอน มีความสามารถโดดเด่นและมักไปชุมนุมสนทนากับเหล่าบัณฑิต และบังเอิญไปสนิทสนมกับองค์รัชทายาทที่ปลอมกายออกมาท่องเที่ยวนอกวัง 

Lanjutkan membaca buku ini secara gratis
Pindai kode untuk mengunduh Aplikasi

Bab terbaru

  • ปกรณัมใต้แสงดาว   Chapter 34.ภาคปิศาจภูเขาหิมะ จบ

    “ก็...ก็ใช่นะสิ เป็นของนายของข้ามอบให้มา” นางพยายามดิ้นรนแต่กลับถูกท่อนแขนรัดเอวนางแน่นขึ้นจนเผลอร้องด้วยความเจ็บปวดออกมา“นายเจ้าเป็นเศรษฐีที่ถูกหายตัวไปเมื่อสองเดือนก่อนรึ จุ๊ๆ เจ้าอย่ามาโกหกเลย บอกมาเถอะว่ารถม้าคันนั้นอยู่ที่ใด สมบัติในรถคันนั้นต้องมีมากกว่าที่เจ้าขนลงไปแน่”ฟางซินแตกตื่นจนพูดไม่ออก ยังไม่ทันคิดหาวิธีเอาตัวรอด ร่างของนางถูกเหวี่ยงลงพื้น หญิงสาวทั้งเจ็บและจุก พยายามดิ้นรนแต่ชายคนหนึ่งกลับคร่อมร่างนางไว้และอีกสองคนยึดแขนคนละข้าง เหตุการณ์กลับมาซ้ำรอยเดิมอีกครั้ง นางนึกถึงเพียงใบหน้าของปีศาจภูเขา แต่นี่อยู่นอกเขตอาคม เขาไม่อาจออกมาช่วยนางได้ไม่! เขาจะออกมานอกเขตอาคมไม่ได้! เขาอาจจะตาย! และถ้ามีคนรู้ว่าปีศาจภูเขามีอยู่จริง จะต้องถูกชาวบ้านเชิญนักพรตมาสังหารเป็นแน่! นางยอมให้เขาเป็นอะไรไม่ได้เด็ดขาด!“โอ๊ย!”แมวป่าตัวหนึ่งพุ่งเข้าใส่คนที่คร่อมร่างหญิงสาวอยู่ กรงเล็บของมันทำให้ใบหน้าของคนผู้นั้นเป็นรอยแผล และเพราะความเจ็บปวดที่ทำให้รับทำให้ชายคนนั้นจับแมวป่าตัวนั้นออกจากร่างของตนแล้วทุ่มลงบนพื้นกระแทกถูกก้อนหิน แมวป่าส่งเสียงร้องอย่างเจ็บปวด ลุกขึ้นยืนด้วยท่าทีอ่อนแรง

  • ปกรณัมใต้แสงดาว   Chapter 33.ภาคปิศาจภูเขาหิมะ 6.

    ทว่านางกลับมีหมาป่าสองสามตัวติดตามลงมาส่ง นางเดาว่าปีศาจภูเขาคงขู่บังคับให้ทำเช่นนี้ คิดได้ดังนั้นหัวใจนางก็ยิ่งเต้นรัว นางไม่อยากจากเขาไปไหนเลย เพียงแต่ว่าครั้งนี้ได้มาลาบิดามารดาก่อนจะไปอยู่กับเขาชั่วชีวิต แต่เขาเป็นปีศาจ หากผู้อื่นรู้เขาเกรงว่าครอบครัวของนางจะลำบาก ระหว่างเดินทาง นางจึงครุ่นคิดหาแผนการเพื่อให้ได้ออกจากบ้านอย่างไร้กังวลหญิงสาวลอบเข้าบ้านหลังจากแน่ใจว่าไม่มีใครอื่นผ่านมาเห็น เสียงไอโขลกๆ ของมารดาทำให้ฟางซินแทบทิ้งทุกสิ่งที่หอบมาเพื่อเข้าไปในเรือน บานประตูที่ถูกผลักออกโดยง่ายนั้น ทำให้มารดาที่นั่งปักผ้าอยู่เงยหน้าขึ้น เมื่อเห็นใบหน้าบุตรสาวคนเดียวที่หายไปร่วมเดือนก็ดีใจจนหลั่งน้ำตา“แม่คิดว่าเจ้า...เจ้า...”“ข้าไม่เป็นอะไรท่านแม่” นางวางข้าวของที่หอบลงมาจากเขา เปิดห่อผ้าหยิบโสมคนออกมาให้มารดา “นี่โสมคนชั้นเยี่ยม ข้าจะนำมาไปให้ท่านหมอปรุงยาให้ท่านแม่”“เจ้าไปเอาของพวกนี้มาจากไหน แล้วนี่...เจ้าไปอยู่ที่ไหนมา ผู้อื่นลือกันว่าเจ้าตกเขาตายไปแล้ว”“เอ่อ...มีคนใจดีช่วยชีวิตข้าไว้” นางไม่อยากให้มารดารู้เรื่องที่เกือบถูกขืนใจ นางเองก็ไม่อยากคิดถึงเรื่องนั้นอีก “ข้า...ข้าข

  • ปกรณัมใต้แสงดาว   Chapter 32.ภาคปิศาจภูเขาหิมะ 5

    ฟางซินทั้งเขินอายและเสียวซ่าน นางผงกศีรษะขึ้นมอง เห็นเพียงศีรษะของเขาอยู่ตรงกลางหว่างขา นางอับอายเหลือเกินจึงพยายามดันศีรษะของเขาออก ทว่ารสสัมผัสที่เขามอบให้แสนเย้ายวนจนได้แต่ขยุ้มเส้นผมนุ่มสลวยที่นางบรรจงสางให้เขาอย่างดี เขาช้อนสะโพกนางให้ลอยขึ้น ถอนนิ้วเรียวออกแล้วห่อลิ้นแทรกเข้าไปแทนที่ น้ำหวานที่หลั่งออกมาทำให้ยิ่งฮึกเหิม เสียงครางกระเส่าของนางเสมือนรางวัลที่เขาตักตวงจากกายสาว สะโพกของนางลอยขึ้นจากพื้นโยกไหวตามอารมณ์รัญจวนที่เกิดขึ้น นางหลั่งน้ำหวานออกมามากล้นแต่ยังไม่เพียงพอสำหรับเขา เขาถอนลิ้นออกแล้วเปลี่ยนเป็นนิ้วเรียวสองนิ้วเข้าไป“อ๊า!” ฟางซินหลุดเสียงหวีดร้องออก สะบัดใบหน้าไปมา“เจ้า...ต้องพร้อมมากกว่านี้” เขาพูดเสียงแหบพร่า นิ้วร้ายยังคงเคลื่อนไหวเข้าออกนำพาน้ำหวานวาวใสให้หลั่งออกมาก ร่างกายของเขาแทบปริแตกด้วยความต้อง เขาจ้องมองร่างขาวเนียนบิดไปมาด้วยความรัญจวนจนกระทั่งร่างนางเกร็งและช่องทางที่แสนคับแคบบับรัดรุนแรงด้วยไปถึงจุดสุขสมฟางซินหวีดร้องอย่างไม่รู้ตัว ร่างกายร้อนผ่าวและหลอมละลายด้วยน้ำมือของเขา เขาถอนนิ้วออกช้าๆ นางหอบหายใจแรงมองเห็นเขาส่งนิ้วที่เปื้อนเปรอะน้ำ

  • ปกรณัมใต้แสงดาว   Chapter 31.ภาคปิศาจภูเขาหิมะ 4

    “เปล่า” เขาส่ายหน้าไปมา “เป็นข้าที่ต้องดูแลเจ้า เจ้าถอดเสื้อผ้าสิ เร็วเข้า” “ไม่ เอ่อ...” เพราะเห็นว่าอีกฝ่ายมีเจตนาดีไม่คิดรังแกนาง นางจึงยอมทำตามที่เขาสั่ง แต่การจะเปลือยกายต่อหน้าผู้อื่นนั้น นางไม่อาจทำได้ “เอาอย่างนี้ ท่านขึ้นจากน้ำไปก่อน ข้าจะถอดเสื้อผ้าในน้ำนี้” “อย่างนั้นรึ” เขาถามและนางก็พยักหน้ายืนยันแทนคำตอบ เขาจึงยอมเป็นฝ่ายขึ้นจากน้ำไปก่อน ฟางซินถอนหายใจโล่งอก ปีศาจตนนี้เอาใจไม่ยากนัก นิสัยคล้ายเด็กมากกว่า แต่นางก็ไม่เคยรู้จักปีศาจตนใดมาก่อนจึงไม่รู้ว่าปีศาจตนอื่นเป็นเช่นนี้หรือไม่ ฟางซินเห็นเขาหันหลังให้เหมือนยามที่นั่งหน้ากองไฟทุกค่ำคืน นางจึงถอดเสื้อผ้าที่เปียกน้ำนี่ออก ให้ร่างกายเปลือยเปล่าได้สัมผัสความอุ่นร้อนพอดีของสายน้ำ นางหลับตาอย่างผ่อนคลาย มันสบายอย่างนี้เองหรือ นางเผลอคลางออกมาอย่างไม่รู้ตัวแต่ประสาทการรับรู้ของปีศาจภูเขานั้นยอดเยี่ยม เขาหันขวับมามองด้วยความเป็นห่วง ทว่าภาพที่เห็นคือสาวงามเปลือกกายในสระน้ำ หัวใจของเขาเต้นรัวราวกับจะทะลุออกมาจากทรวงอก ดอกบัวคู่งามปริ่มน้ำชวนหลงใหล ผิวกายของนางแม้มีรอยบอบช้ำทว่ากลับน่ายื่นม

  • ปกรณัมใต้แสงดาว   Chapter 30.ภาคปิศาจภูเขาหิมะ 3

    ขึ้นเขาครั้งนี้เพราะหวังว่าจะหาโสมหรือสมุนไพรหายาก แต่ไม่คิดว่าจะเจอพวกคนในหมู่บ้านมาทำร้ายนางได้ นางหายออกจากบ้านมากี่วันแล้วนะ มีใครออกตามหานางบ้างไหม? มีคนเป็นห่วงนางหรือเปล่า? หรือคิดเพียงแค่ว่านางอาจหนีเอาตัวรอดทิ้งความยากจนไว้เบื้องหลัง เขารู้ว่าอาหารที่ตนทำไม่อร่อย แต่เห็นนางกินจนเกลี้ยงชามก็อดปิติยินดีไม่ได้ “ข้า...ข้ามาอยู่ที่นี่กี่วันแล้ว” “เจ็ดวัน” ปีศาจตอบ “ฝนตกติดต่อกัน หนักบ้างเบาบ้าง” “อย่างนั้นหรือ?” นางถามเหมือนรำพึงไม่ต้องการคำตอบ แต่ถ้าได้อยู่แบบนี้ไปเรื่อยๆ คงดีไม่น้อย ไม่ต้องกลับไปเผชิญเรื่องเลวร้ายใดอีก เห็นท่าทางนิ่งงันของนางแล้ว ปีศาจภูเขารู้สึกใจคอไม่ดีนัก เขายื่นมือไปแตะแขนนางเบาๆ ทำให้หญิงสาวเงยหน้าขึ้นสบตาเขา มุมปากค่อยๆ คลี่ยิ้มอ่อนหวานทำให้หัวใจของเขาเต้นแรงอีกครั้ง “ข้า...ข้าอยากอาบน้ำ” “อาบน้ำ?” เขาทำหน้างุนงงไปเล็กน้อยก่อนจะพยักหน้าเข้าใจ “ได้ๆ ตอนนี้ไม่มีฝนแล้ว ข้าจะพาไปที่สระน้ำกลางป่า มีน้ำพุร้อน ที่นั้นจะช่วยรักษาบาดแผลให้เจ้าได้” “น้ำพุ

  • ปกรณัมใต้แสงดาว   Chapter 29.ภาคปิศาจภูเขาหิมะ 2

    พายุฝนกระหน่ำทำเอาหญิงสาวต้องขดตัวกลมเพื่อปกป้องความเหน็บหนาวที่ถาโถมเข้าใส่ เสื้อผ้าบนร่างนั้นทั้งเก่าและขาดวิ่นแทบปกปิดเนินอกสล้างนั้นไม่ได้เลย หญิงสาวได้สติเมื่อผ้าผืนชุบน้ำผืนหนึ่งบรรจงเช็ดใบหน้าให้อย่างระวังว่ากรงเล็บจะถูกผิวกายของนาง หญิงสาวได้สติเพราะลมเย็นพัดผ่านผิวกาย มือเล็กยกขึ้นปกปิดทรวงอกไว้ เงาดำนั้นผงะเล็กน้อยแล้วถอยห่าง ฟางซินรู้สึกได้ว่าเงาดำนั้นก้าวออกไปจากบริเวณนั้นแล้ว นางจึงลุกขึ้นนั่ง ก้มมองสภาพตัวเองที่เสื้อผ้าแทบจะปกปิดอะไรไม่ได้เลย นางหยิบผ้าที่ที่วางในอ่างเล็กๆ นั้น ชุบน้ำแล้วเช็ดที่ใบหน้าและแขน แสงไฟจากกองไฟทำให้เห็นว่านางนั่งอยู่บนพรมหนังสัตว์ในถ้ำแห่งหนึ่ง ด้านนอกคงมีพายุฝนโหมกระหน่ำ นางอยู่ด้านในได้ยินเพียงเสียงฟ้าร้องคำรามและไอเย็นแผ่กระจายเข้ามา นางไม่กล้ามองเท้าขวาของตนเองเลย เจ็บจนน้ำตาร่วง และยิ่งคิดถึงเรื่องที่เกิดขึ้น นางก็ยิ่งขวัญเสีย “จะ...เจ็บ...เจ็บมากรึ” ฟางซินได้ยินเสียงแหบแห้งจากด้านหลัง ร่างใหญ่โตนั้นแทบบดบังแสงสว่างจากกองไฟหมดสิ้น นางอ้าปากแต่พูดไม่ออก มีเพียงเสียงสะอึกสะอื้นหลุดจากริมฝ

Bab Lainnya
Jelajahi dan baca novel bagus secara gratis
Akses gratis ke berbagai novel bagus di aplikasi GoodNovel. Unduh buku yang kamu suka dan baca di mana saja & kapan saja.
Baca buku gratis di Aplikasi
Pindai kode untuk membaca di Aplikasi
DMCA.com Protection Status