Beranda / โรแมนติก / ปกรณัมใต้แสงดาว / Chapter4. แค่ฝุ่นผงในสายตาของเขา

Share

Chapter4. แค่ฝุ่นผงในสายตาของเขา

last update Terakhir Diperbarui: 2024-10-27 01:15:56

ยามใดที่จางฟางหรงออกไปชุมนุมกับเหล่าบัณฑิต จางฟางซินจะออกไปด้วย นางแต่งกายเป็นบุรุษ แต่ก่อนยังเยาว์วัย จางฟางซินมักแต่งกายเป็นชายเสมอ เพราะนิสัยนางที่ชื่นชอบการใช้ชีวิตนอกรั้วบ้าน บิดามารดารักใคร่เอ็นดู ตามใจลูกสาวคนเดียว จางฟางหรงจึงเหมือนมีคู่แฝด แต่เมื่อเติบโตขึ้น รูปร่างของเขาสูงโปร่ง ในขณะที่นางอรชรอ้อนแอ้น ความแตกต่างระหว่างชายหญิงเห็นได้เด่นชัด แม้ว่านางพยายามปกปิดเพียงใดก็ตาม

            ในบางประเด็นที่ถกเถียงกัน จางฟางซินที่แต่งกายเป็นชายติดตามจางฟางหรง ไม่อาจแสดงความคิดใดได้ นางจึงเขียนจดหมายน้อยให้จางฟางหรงเอ่ยตอบไปแทนนาง ปรัชญาเมธีหรือแม้แต่ตำรายุทธ ล้วนเป็นนางที่ท่องจำเข้าใจอย่างท่องแท้ แต่จางฟางหรงมักชอบการเขียนโคลงกลอนชื่นชมความของธรรมชาติและสตรี  ทุกครั้งที่นางอยากถกปัญหาบ้านเมือง นางจะเขียนในจดหมายน้อยโดยใช้ชื่อของจางฟางหรง เป็นเช่นนี้มานานจนทุกคนเข้าใจไปว่าจางฟางหรงผู้มีบุคลิกเสเพลเป็นเสือซ่อนเล็บที่ทรงความรู้ความสามารถ แต่เมื่อไปสอบจอหงวนกลับพลาดอย่างน่าเสียดาย  แต่กระนั้น ยามใดที่องครัชทายาทมีปัญหาใดมักมาปรึกษากับจางฟางหรง และจางฟางหรงก็หอบปัญหาเหล่านั้นมาให้จางฟางซินแก้ไข ก่อนจะส่งคำตอบกลับไปในชื่อของเขา

            เรื่องที่จางฟางซินใส่ใจที่สุดคือเรื่องของหลัวหลิวหยาง แม้จางฟางหรงมิได้อยากใกล้ชิดคนในรั้วในวังหรือตระกูลขุนนาง แต่ก็ไม่เคยขัดใจพี่สาวคนเดียวที่เหลืออยู่  ทั้งสองทะเลาะโต้เถียงกันบ่อย แต่แท้จริงแล้วรักใคร่กลมเกลียว อาจเพราะ เหลือกันอยู่เพียงแค่นี้

            “พี่สาวคนดีจะใช้ชื่อข้าทำเรื่องเช่นนี้ตลอดไปไม่ได้หรอกนะ”  จางฟางหรงเตือนพี่สาว “ท่านไม่กลัวแม่ทัพหลัวหรือ? เขามีดวงกินภรรยาเชียวนะ ข้ามีท่านเป็นญาติคนเดียวที่เหลืออยู่ไม่อยากเห็นท่านอายุสั้นหรอก”

            “พูดจาเหลวไหล”

            “หมายถึงเรื่องใด” จางฟางหรงยักไหล่  เก็บจดหมายของจางฟางซินใส่อกเสื้อ เขาถอนหายใจเบาๆ หากรู้ว่าคนผู้นั้นเป็นองค์รัชทายาท เขาจะไม่ทำตัวสนิทสนมด้วยเลย ตอนนี้เขาเลยกลายเป็นเด็กส่งจดหมายให้จางฟางซินเสียนี่

            “แม่ทัพหลัวเป็นคนดี” นางพูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่น “เจ้าก็รู้เหมือนข้า เขาเติบโตสร้างชื่อเสียงด้วยตนเอง ไม่มีตระกูลใหญ่สนับสนุน สิ่งที่เขาทำล้วนทุ่มเทเพื่อให้แคว้นของเราสงบสุข เขาไม่อาจทันเล่ห์เหลี่ยมคนในวังที่แบ่งฝักแบ่งฝ่ายได้หรอก หากข้าไม่ค่อยแนะนำ เอ่อ ไม่ใช่สิ ข้าแค่เสนอความคิดเห็นเล็กๆ น้อยๆ เท่านั้น  อ้อ! หากข้าไม่ทำเช่นนี้ผู้ใดจะช่วยเหลือเขาเล่า”

            “ขอรับท่านกุนซือ”

            “เลิกล้อข้าเล่นได้แล้ว”  นางหัวเราะออกมา หากนางเป็นชายคงสามารถแบ่งเบาภาระเขาได้บ้าง แต่นางเป็นหญิง ซ้ำยังเป็นสตรีที่ไร้ยศถาบรรดาศักดิ์ พูดตามตรงอย่างยอมรับความจริงคือนางไม่มีอะไรเคียงข้างเขาได้ ทว่าสตรีสองคนที่เขาเลือกแต่งงานด้วย ก็เป็นสตรีที่งดงามเพียบพร้อม เล่าลือกันว่ากิริยาอ่อนหวานน่าทะนุถนอม ซึ่งตรงข้ามกับนางอย่างสิ้นเชิง มองอย่างไร นางก็คงเป็นแค่ฝุ่นผงในสายตาของเขา ซึ่งนางก็เตรียมใจไว้แล้ว

            จนกระทั้งวันหนึ่งรัชทายาทลอบมาพบจางฟางหรงด้วยตนเองถึงเรือนของเขา จางฟางซินหลบหลังฉากกั้นฟังเรื่องราวที่รัชทายาทมาปรึกษาหารือ  ทหารนำสาส์นถูกลอบสังหาร ข่าวสารและจดหมายที่พยายามลอบส่งไปให้หลัวหลิวหยางถูกดักปล้นชิงไปหมดสิ้น  รัชทายาทหวังใจจะให้จางฟางหรงเดินทางไปด้วยตนเอง สติปัญหาอย่างเขาน่าจะช่วยหลัวหลิวหยางได้ดี

            “กระหม่อมนะหรือ?”  จางฟางหรงชี้หน้าตัวเอง

            “ข้ารู้ว่านี่เป็นการขอร้องมากเกินไป”

            “มันไม่ใช่เรื่องนั้น” จางฟางหรงเหลือบมองไปทางฉากกั้นที่พี่สาวซ่อนตัวอยู่ ให้เขาไปจะช่วยอะไรได้ คนที่ช่วยได้คือจางฟางซินต่างหาก

            “ให้หม่อมฉันไปเพคะ!”  

            ด้วยความร้อนใจ จางฟางซินโผล่พรวดออกมาจากหลังฉากกั้น นางสวมเสื้อผ้าเรียบง่าย รัชทายาทขมวดคิ้วที่เห็นว่ามีสตรีซ่อนอยู่ในที่นี่ด้วย

            “นี่เรื่องอันใดกันแน่”

            จางฟางหรงถอนหายใจให้กับความใจร้อนของพี่สาวและเล่าเรื่องราวทั้งหมดให้รัชทายาทฟัง  ด้วยสถานการณ์บีบบังคับ องค์รัชทายาทมอบป้ายหยกของพระองค์ให้นางเพื่อยืนยันฐานะของนางต่อหลัวหลิวหยาง  การเดินทางของจางฟางซินจึงเริ่มขึ้น

            ดวงตาที่ปิดสนิทอยู่ค่อยๆ ลืมตาขึ้นอย่างช้าๆ นางปรับสายตาอยู่ครู่หนึ่งก่อนค่อยๆ ยันกายขึ้นนั่งด้วยความยากลำบาก  ความเจ็บปวดจากบาดแผลทำให้นางรู้ว่าตนเองตื่นจากความฝัน ความทรงจำที่นำพานางให้มาพบหลัวหลัวหยาง  เดิมทีนางตั้งใจปรากฏตัวในฐานะจางฟางหรง มั่นใจว่าการแต่งกายเป็นชายของนางจะตบตาเขาได้ แต่ไม่คิดว่าจะเกิดเรื่องนี้ขึ้นทำให้นางต้องเปิดเผยตัวจริง

            นางตั้งใจจะวาดเท้าลงจากเตียง แต่การขยับเล็กน้อยทำให้นางหลุดเสียงร้องออกมา

            “โอ๊ย!”

            “อย่าขยับ!”  

น้ำเสียงดุดันทำให้นางชะงัก คล้ายได้ยินคำสั่งเช่นนี้มาก่อน นางหันไปตามเสียงที่ได้ยิน พบว่าหลัวหลิวหยางเดินตรงมาทางนาง  จางฟางซินมองบุรุษในชุดสีครามด้วยสายตาเลื่อนลอย ราวกับนางกำลังฝัน ฝันว่าได้อยู่ใกล้บุรุษที่ตนชื่นชอบ นางคิดว่าถ้าเขาเดินเข้ามาใกล้นางอีกนิด ภาพตรงหน้าคงจะหายวับไป ทว่าเขากลับเดินเข้าจนถึงตัวนาง ช่วยประคองให้นางนั่งหลังพิงหัวเตียงซ้ำยังหยิบหมอนมาหนุนหลังอีกให้อีก

หรือนางยังไม่ตื่นจากฝันกันแน่

“แม่นาง”   

หลัวหลิวหยางเรียก น้ำเสียงไม่ได้อ่อนโยนนักแต่เขาก็พยายามกดเสียงตัวเองไม่ให้ดุดันเหมือนเวลาพูดจากับทหาร ด้วยเกรงว่านางจะตื่นตระหนกตกใจหมดสติไป ทว่านางกลับยื่นมือมาแตะใบหน้าของเขาเบาๆ  คราวนี้เป็นเขาที่ชะงักไป

“แม่นาง”

“อ๊ะ!”

จางฟางซินได้สติรีบชักมือกลับ นางกะพริบตาปริบๆ จ้องมองเขาอยู่ครู่หนึ่งจึงก้มหน้าลง นึกก่นด่าตัวเองในใจ เหตุใดมือไวเช่นนี้นะ ไม่สิ เพราะคิดว่าตนเองฝันไป จึงได้กล้ายื่นมือไปแตะแก้มของเขาเช่นนั้น

ทว่าเมื่อนางตั้งสติได้ กลับต้องอ้าปากค้างเมื่อก้มมองเห็นว่าตนเองสวมเพียงเอี้ยมผ้าไหมเปิดเผยผิวกายต่อหน้าบุรุษ นางรีบคว้าผ้าห่มขึ้นปิดทรวงอกแล้วเงยหน้าขึ้นจ้องเขม็งไปทางหลัวหลิวหยาง ชายหนุ่มเข้าใจสายตาของนางจึงขยับกายถอยห่างแล้วหันหลังให้   

“แม่นางมีบาดแผลหลายแห่ง เพื่อสะดวกกับการใส่ยา แม่นมของข้าเป็นคนดูแลเจ้า”  เขาอึกอัก ลืมตัวไปว่ายามนี้นางแต่งกายไม่เรียบร้อยซึ่งแม่นมก็บอกเขาแล้ว เพียงแต่เขาไม่คิดว่านางจะได้สติแล้วจึงได้พบกันในจังหวะที่ไม่เหมาะนัก

“ข้าจะให้แม่นมมาดูแลเจ้า”

จางฟางซินเห็นเขาก้าวเดินทำท่าจะออกไป นางรีบเรียกเขาไว้ก่อน ทำให้ร่างสูงชะงักแต่ยังไม่หันกลับมา

“ข้ามาด้วยมีเรื่องด่วนต้องพูดกับท่านแม่ทัพ” นางรีบใช้ผ้าห่มพันกายแต่เพราะร่างกายเต็มด้วยบาดแผลฟอกช้ำ แม้อดทนต่อความเจ็บปวดอย่างไร นางก็หลุดร้องเสียงหลงออกมาไม่ได้

หลัวหลิวหยางไม่ชอบสตรีอ่อนแอที่เอาแต่ร้องโอดครวญ แต่บาดแผลของนางนั้น เขาเห็นแล้วว่าเจ็บปวดไม่น้อยจึงเชื่อว่านางไม่ได้มารยาใส่เขา

“รอให้บาดแผลของเจ้าดีขึ้นค่อยพูดเถิด เอ็นข้อเท้าของเจ้าฉีกขาด ท่านหมอสั่งให้เจ้าอยู่นิ่งๆ ข้าจะให้เด็กรับใช้มาคอยดูแลเจ้า หากต้องการสิ่งใดก็สั่งเด็กๆ ได้” 

“ข้ามีเรื่องสำคัญ” นางปรับน้ำเสียงของตน กลืนความตื่นตระหนกลงไปหมดสิ้น  น้ำเสียงสงบเยือกเย็นของนางทำให้หลัวหลิวหยางยอมหันกลับมามอง  

“ข้าเป็นคนขององค์รัชทายาท” นางพยายามค้นหาถุงใส่ป้ายหยกของตน แต่บนตัวนางมีเพียงผ้าสองชิ้น  

“เจ้าหาสิ่งนี้อยู่หรือ?” เขาหยิบป้ายหยกยื่นให้นาง แน่นอนว่าเขาจำเป็นต้องตรวจค้นข้าวของของนางเพื่อจะได้รู้ว่านางเป็นใคร

“ใช่” นางยื่นมือไปรับไว้ “ท่านคงรู้แล้ว”

Lanjutkan membaca buku ini secara gratis
Pindai kode untuk mengunduh Aplikasi

Bab terbaru

  • ปกรณัมใต้แสงดาว   Chapter 34.ภาคปิศาจภูเขาหิมะ จบ

    “ก็...ก็ใช่นะสิ เป็นของนายของข้ามอบให้มา” นางพยายามดิ้นรนแต่กลับถูกท่อนแขนรัดเอวนางแน่นขึ้นจนเผลอร้องด้วยความเจ็บปวดออกมา“นายเจ้าเป็นเศรษฐีที่ถูกหายตัวไปเมื่อสองเดือนก่อนรึ จุ๊ๆ เจ้าอย่ามาโกหกเลย บอกมาเถอะว่ารถม้าคันนั้นอยู่ที่ใด สมบัติในรถคันนั้นต้องมีมากกว่าที่เจ้าขนลงไปแน่”ฟางซินแตกตื่นจนพูดไม่ออก ยังไม่ทันคิดหาวิธีเอาตัวรอด ร่างของนางถูกเหวี่ยงลงพื้น หญิงสาวทั้งเจ็บและจุก พยายามดิ้นรนแต่ชายคนหนึ่งกลับคร่อมร่างนางไว้และอีกสองคนยึดแขนคนละข้าง เหตุการณ์กลับมาซ้ำรอยเดิมอีกครั้ง นางนึกถึงเพียงใบหน้าของปีศาจภูเขา แต่นี่อยู่นอกเขตอาคม เขาไม่อาจออกมาช่วยนางได้ไม่! เขาจะออกมานอกเขตอาคมไม่ได้! เขาอาจจะตาย! และถ้ามีคนรู้ว่าปีศาจภูเขามีอยู่จริง จะต้องถูกชาวบ้านเชิญนักพรตมาสังหารเป็นแน่! นางยอมให้เขาเป็นอะไรไม่ได้เด็ดขาด!“โอ๊ย!”แมวป่าตัวหนึ่งพุ่งเข้าใส่คนที่คร่อมร่างหญิงสาวอยู่ กรงเล็บของมันทำให้ใบหน้าของคนผู้นั้นเป็นรอยแผล และเพราะความเจ็บปวดที่ทำให้รับทำให้ชายคนนั้นจับแมวป่าตัวนั้นออกจากร่างของตนแล้วทุ่มลงบนพื้นกระแทกถูกก้อนหิน แมวป่าส่งเสียงร้องอย่างเจ็บปวด ลุกขึ้นยืนด้วยท่าทีอ่อนแรง

  • ปกรณัมใต้แสงดาว   Chapter 33.ภาคปิศาจภูเขาหิมะ 6.

    ทว่านางกลับมีหมาป่าสองสามตัวติดตามลงมาส่ง นางเดาว่าปีศาจภูเขาคงขู่บังคับให้ทำเช่นนี้ คิดได้ดังนั้นหัวใจนางก็ยิ่งเต้นรัว นางไม่อยากจากเขาไปไหนเลย เพียงแต่ว่าครั้งนี้ได้มาลาบิดามารดาก่อนจะไปอยู่กับเขาชั่วชีวิต แต่เขาเป็นปีศาจ หากผู้อื่นรู้เขาเกรงว่าครอบครัวของนางจะลำบาก ระหว่างเดินทาง นางจึงครุ่นคิดหาแผนการเพื่อให้ได้ออกจากบ้านอย่างไร้กังวลหญิงสาวลอบเข้าบ้านหลังจากแน่ใจว่าไม่มีใครอื่นผ่านมาเห็น เสียงไอโขลกๆ ของมารดาทำให้ฟางซินแทบทิ้งทุกสิ่งที่หอบมาเพื่อเข้าไปในเรือน บานประตูที่ถูกผลักออกโดยง่ายนั้น ทำให้มารดาที่นั่งปักผ้าอยู่เงยหน้าขึ้น เมื่อเห็นใบหน้าบุตรสาวคนเดียวที่หายไปร่วมเดือนก็ดีใจจนหลั่งน้ำตา“แม่คิดว่าเจ้า...เจ้า...”“ข้าไม่เป็นอะไรท่านแม่” นางวางข้าวของที่หอบลงมาจากเขา เปิดห่อผ้าหยิบโสมคนออกมาให้มารดา “นี่โสมคนชั้นเยี่ยม ข้าจะนำมาไปให้ท่านหมอปรุงยาให้ท่านแม่”“เจ้าไปเอาของพวกนี้มาจากไหน แล้วนี่...เจ้าไปอยู่ที่ไหนมา ผู้อื่นลือกันว่าเจ้าตกเขาตายไปแล้ว”“เอ่อ...มีคนใจดีช่วยชีวิตข้าไว้” นางไม่อยากให้มารดารู้เรื่องที่เกือบถูกขืนใจ นางเองก็ไม่อยากคิดถึงเรื่องนั้นอีก “ข้า...ข้าข

  • ปกรณัมใต้แสงดาว   Chapter 32.ภาคปิศาจภูเขาหิมะ 5

    ฟางซินทั้งเขินอายและเสียวซ่าน นางผงกศีรษะขึ้นมอง เห็นเพียงศีรษะของเขาอยู่ตรงกลางหว่างขา นางอับอายเหลือเกินจึงพยายามดันศีรษะของเขาออก ทว่ารสสัมผัสที่เขามอบให้แสนเย้ายวนจนได้แต่ขยุ้มเส้นผมนุ่มสลวยที่นางบรรจงสางให้เขาอย่างดี เขาช้อนสะโพกนางให้ลอยขึ้น ถอนนิ้วเรียวออกแล้วห่อลิ้นแทรกเข้าไปแทนที่ น้ำหวานที่หลั่งออกมาทำให้ยิ่งฮึกเหิม เสียงครางกระเส่าของนางเสมือนรางวัลที่เขาตักตวงจากกายสาว สะโพกของนางลอยขึ้นจากพื้นโยกไหวตามอารมณ์รัญจวนที่เกิดขึ้น นางหลั่งน้ำหวานออกมามากล้นแต่ยังไม่เพียงพอสำหรับเขา เขาถอนลิ้นออกแล้วเปลี่ยนเป็นนิ้วเรียวสองนิ้วเข้าไป“อ๊า!” ฟางซินหลุดเสียงหวีดร้องออก สะบัดใบหน้าไปมา“เจ้า...ต้องพร้อมมากกว่านี้” เขาพูดเสียงแหบพร่า นิ้วร้ายยังคงเคลื่อนไหวเข้าออกนำพาน้ำหวานวาวใสให้หลั่งออกมาก ร่างกายของเขาแทบปริแตกด้วยความต้อง เขาจ้องมองร่างขาวเนียนบิดไปมาด้วยความรัญจวนจนกระทั่งร่างนางเกร็งและช่องทางที่แสนคับแคบบับรัดรุนแรงด้วยไปถึงจุดสุขสมฟางซินหวีดร้องอย่างไม่รู้ตัว ร่างกายร้อนผ่าวและหลอมละลายด้วยน้ำมือของเขา เขาถอนนิ้วออกช้าๆ นางหอบหายใจแรงมองเห็นเขาส่งนิ้วที่เปื้อนเปรอะน้ำ

  • ปกรณัมใต้แสงดาว   Chapter 31.ภาคปิศาจภูเขาหิมะ 4

    “เปล่า” เขาส่ายหน้าไปมา “เป็นข้าที่ต้องดูแลเจ้า เจ้าถอดเสื้อผ้าสิ เร็วเข้า” “ไม่ เอ่อ...” เพราะเห็นว่าอีกฝ่ายมีเจตนาดีไม่คิดรังแกนาง นางจึงยอมทำตามที่เขาสั่ง แต่การจะเปลือยกายต่อหน้าผู้อื่นนั้น นางไม่อาจทำได้ “เอาอย่างนี้ ท่านขึ้นจากน้ำไปก่อน ข้าจะถอดเสื้อผ้าในน้ำนี้” “อย่างนั้นรึ” เขาถามและนางก็พยักหน้ายืนยันแทนคำตอบ เขาจึงยอมเป็นฝ่ายขึ้นจากน้ำไปก่อน ฟางซินถอนหายใจโล่งอก ปีศาจตนนี้เอาใจไม่ยากนัก นิสัยคล้ายเด็กมากกว่า แต่นางก็ไม่เคยรู้จักปีศาจตนใดมาก่อนจึงไม่รู้ว่าปีศาจตนอื่นเป็นเช่นนี้หรือไม่ ฟางซินเห็นเขาหันหลังให้เหมือนยามที่นั่งหน้ากองไฟทุกค่ำคืน นางจึงถอดเสื้อผ้าที่เปียกน้ำนี่ออก ให้ร่างกายเปลือยเปล่าได้สัมผัสความอุ่นร้อนพอดีของสายน้ำ นางหลับตาอย่างผ่อนคลาย มันสบายอย่างนี้เองหรือ นางเผลอคลางออกมาอย่างไม่รู้ตัวแต่ประสาทการรับรู้ของปีศาจภูเขานั้นยอดเยี่ยม เขาหันขวับมามองด้วยความเป็นห่วง ทว่าภาพที่เห็นคือสาวงามเปลือกกายในสระน้ำ หัวใจของเขาเต้นรัวราวกับจะทะลุออกมาจากทรวงอก ดอกบัวคู่งามปริ่มน้ำชวนหลงใหล ผิวกายของนางแม้มีรอยบอบช้ำทว่ากลับน่ายื่นม

  • ปกรณัมใต้แสงดาว   Chapter 30.ภาคปิศาจภูเขาหิมะ 3

    ขึ้นเขาครั้งนี้เพราะหวังว่าจะหาโสมหรือสมุนไพรหายาก แต่ไม่คิดว่าจะเจอพวกคนในหมู่บ้านมาทำร้ายนางได้ นางหายออกจากบ้านมากี่วันแล้วนะ มีใครออกตามหานางบ้างไหม? มีคนเป็นห่วงนางหรือเปล่า? หรือคิดเพียงแค่ว่านางอาจหนีเอาตัวรอดทิ้งความยากจนไว้เบื้องหลัง เขารู้ว่าอาหารที่ตนทำไม่อร่อย แต่เห็นนางกินจนเกลี้ยงชามก็อดปิติยินดีไม่ได้ “ข้า...ข้ามาอยู่ที่นี่กี่วันแล้ว” “เจ็ดวัน” ปีศาจตอบ “ฝนตกติดต่อกัน หนักบ้างเบาบ้าง” “อย่างนั้นหรือ?” นางถามเหมือนรำพึงไม่ต้องการคำตอบ แต่ถ้าได้อยู่แบบนี้ไปเรื่อยๆ คงดีไม่น้อย ไม่ต้องกลับไปเผชิญเรื่องเลวร้ายใดอีก เห็นท่าทางนิ่งงันของนางแล้ว ปีศาจภูเขารู้สึกใจคอไม่ดีนัก เขายื่นมือไปแตะแขนนางเบาๆ ทำให้หญิงสาวเงยหน้าขึ้นสบตาเขา มุมปากค่อยๆ คลี่ยิ้มอ่อนหวานทำให้หัวใจของเขาเต้นแรงอีกครั้ง “ข้า...ข้าอยากอาบน้ำ” “อาบน้ำ?” เขาทำหน้างุนงงไปเล็กน้อยก่อนจะพยักหน้าเข้าใจ “ได้ๆ ตอนนี้ไม่มีฝนแล้ว ข้าจะพาไปที่สระน้ำกลางป่า มีน้ำพุร้อน ที่นั้นจะช่วยรักษาบาดแผลให้เจ้าได้” “น้ำพุ

  • ปกรณัมใต้แสงดาว   Chapter 29.ภาคปิศาจภูเขาหิมะ 2

    พายุฝนกระหน่ำทำเอาหญิงสาวต้องขดตัวกลมเพื่อปกป้องความเหน็บหนาวที่ถาโถมเข้าใส่ เสื้อผ้าบนร่างนั้นทั้งเก่าและขาดวิ่นแทบปกปิดเนินอกสล้างนั้นไม่ได้เลย หญิงสาวได้สติเมื่อผ้าผืนชุบน้ำผืนหนึ่งบรรจงเช็ดใบหน้าให้อย่างระวังว่ากรงเล็บจะถูกผิวกายของนาง หญิงสาวได้สติเพราะลมเย็นพัดผ่านผิวกาย มือเล็กยกขึ้นปกปิดทรวงอกไว้ เงาดำนั้นผงะเล็กน้อยแล้วถอยห่าง ฟางซินรู้สึกได้ว่าเงาดำนั้นก้าวออกไปจากบริเวณนั้นแล้ว นางจึงลุกขึ้นนั่ง ก้มมองสภาพตัวเองที่เสื้อผ้าแทบจะปกปิดอะไรไม่ได้เลย นางหยิบผ้าที่ที่วางในอ่างเล็กๆ นั้น ชุบน้ำแล้วเช็ดที่ใบหน้าและแขน แสงไฟจากกองไฟทำให้เห็นว่านางนั่งอยู่บนพรมหนังสัตว์ในถ้ำแห่งหนึ่ง ด้านนอกคงมีพายุฝนโหมกระหน่ำ นางอยู่ด้านในได้ยินเพียงเสียงฟ้าร้องคำรามและไอเย็นแผ่กระจายเข้ามา นางไม่กล้ามองเท้าขวาของตนเองเลย เจ็บจนน้ำตาร่วง และยิ่งคิดถึงเรื่องที่เกิดขึ้น นางก็ยิ่งขวัญเสีย “จะ...เจ็บ...เจ็บมากรึ” ฟางซินได้ยินเสียงแหบแห้งจากด้านหลัง ร่างใหญ่โตนั้นแทบบดบังแสงสว่างจากกองไฟหมดสิ้น นางอ้าปากแต่พูดไม่ออก มีเพียงเสียงสะอึกสะอื้นหลุดจากริมฝ

Bab Lainnya
Jelajahi dan baca novel bagus secara gratis
Akses gratis ke berbagai novel bagus di aplikasi GoodNovel. Unduh buku yang kamu suka dan baca di mana saja & kapan saja.
Baca buku gratis di Aplikasi
Pindai kode untuk membaca di Aplikasi
DMCA.com Protection Status