LOGINในห้องที่ความมืดสลัวโอบล้อมเอาไว้ ริสาเดินเซเข้ามาในห้องอย่างอ่อนแรงและทิ้งตัวลงบนเตียงนุ่มโดยไม่ทันสังเกตเห็นว่ามีใครนอนอยู่ก่อนแล้ว ความอบอุ่นที่โอบกอดเข้ามาทำให้เธอยิ่งซบเข้าไปใกล้กับแผงอกกว้างพร้อมกับขยับตัวซุกซนอย่างออดอ้อน ริมฝีปากบางพร่ำเพ้อเสียงแผ่ว “ทำไมความฝันนี้มันรู้สึกดีจังเลยนะ” มือบางเริ่มลูบไล้ขึ้นไปตามลำคอแกร่งราวกับสำรวจโลกใหม่ที่ไม่เคยพบเจอ
ในขณะที่ฤทธิ์แอลกอฮอล์กำลังปลุกเร้าอารมณ์ของธนา การสัมผัสที่ดูแผ่วเบาแต่ร้อนแรงจากคนข้างตัวยิ่งทำให้ความเป็นชายของเขาพลุ่งพล่าน เขาพลิกตัวขึ้นคร่อมพร้อมกับจับข้อมือบางกดลงไปกับเตียง ก่อนจะก้มลงจูบอย่างเร่าร้อนและดุดัน และซุกไซ้ไปตามซอกคอหอมกรุ่น ความมึนเมาบวกกับความเร่าร้อนที่เผาผลาญภายในทำให้ทั้งคู่ตกอยู่ในห้วงแห่งราคะ เขาปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตของเธอออกอย่างรวดเร็วและโยนมันทิ้งไปอย่างไม่ใยดี ในความมืดสลัวที่ลอดเข้ามาจากแสงจันทร์หน้าต่าง ร่างกายที่ขาวผ่องของเธอยิ่งดึงดูดสายตาของเขาให้ตะลึงงันไปชั่วขณะ ก่อนที่เขาจะรีบจัดการกับเสื้อผ้าของตัวเองอย่างเร่งรีบราวกับอดอยากมานานปี
ธนาก้มลงใช้ริมฝีปากดูดดื่มไปกับเนินอกขาวผ่องของเธอราวกับกำลังตักตวงความหวาน ส่วนริสาในห้วงแห่งความฝันอันล้ำลึกก็ปล่อยให้ตัวเองดื่มด่ำไปกับรสสัมผัสที่หวานล้ำจนเกินบรรยาย ในใจเธอได้แต่พร่ำเพ้อว่า “นี่คือความฝันแรกที่พิเศษที่สุด” บทรักที่เกิดขึ้นนี้มันร้อนแร
ราวกับไฟที่กำลังแผดเผา ทั้งคู่ปลดปล่อยความต้องการที่ซ่อนอยู่ภายในใจจนหมดสิ้น ความสัมพันธ์ที่เร่าร้อนในยามค่ำคืนที่ขับเคลื่อนด้วยฤทธิ์ของแอลกอฮอล์ทำให้ทั้งคู่เข้าถึงความสุขที่ไม่อาจหาคำมาบรรยายได้ ในช่วงเวลาที่ความต้องการอยู่เหนือทุกอย่าง ทั้งสองต่างไม่รู้ด้วยซ้ำว่าคนที่อยู่ตรงหน้าคือใคร แต่สุดท้ายก็ได้พาตัวเองไปถึงจุดหมายที่ปรารถนาจนหมดแรงและหลับใหลไปในที่สุด ความเงียบสงบในห้องทำให้ทั้งสองคนที่ต่างหมดสติไปจากฤทธิ์ของแอลกอฮอล์หลับใหลไปในที่สุด และเรื่องราวไม่คาดฝันก็เกิดขึ้นในคืนนั้นโดยที่ทั้งคู่ต่างไม่ทันตั้งตัว
เช้าแห่งความสับสน
แสงอาทิตย์ยามเช้าสาดส่องเข้ามาในห้อง ทำให้ริสารู้สึกตัวตื่นขึ้นมาด้วยความสับสนและตกใจ เธอเหลือบมองไปรอบๆ ห้องที่เต็มไปด้วยข้าวของที่ไม่คุ้นตา ก่อนจะเบนสายตาไปหยุดอยู่ที่ร่างของชายหนุ่มที่นอนหลับอยู่ข้างๆ หัวใจของเธอเต้นระรัวด้วยความหวาดกลัวและอับอาย ทันทีที่เธอเห็นใบหน้าของเขาอย่างชัดเจน ความทรงจำที่เธอพยายามจะลืมเลือนก็พุ่งเข้ามาราวกับกระแสน้ำเชี่ยว เขาคือผู้ชายที่หล่อเหลาจนสะดุดตาตั้งแต่แรกเห็นในวันที่เธอย้ายเข้ามาอยู่คอนโดนี้ ผู้ชายในฝันที่เธอแอบมองมาตลอดคือคนที่เธอทำความผิดพลาดด้วยในคืนที่ผ่านมา ริสารีบดึงผ้าห่มขึ้นมาคลุมตัว มองสำรวจร่างกายตัวเองอย่างรวดเร็ว และเมื่อแน่ใจว่าเรื่องราวเมื่อคืนไม่ใช่แค่ความฝัน เธอก็รีบเก็บเสื้อผ้าที่กระจัดกระจายอยู่บนพื้น ก่อนจะวิ่งออกจากห้องไปอย่างรวดเร็วโดยไม่แม้แต่จะหันกลับมามอง
ธนาตื่นขึ้นมาด้วยความรู้สึกปวดหัวตุบๆ พร้อมกับความมึนงงที่เข้าจู่โจม ดวงตาเหลือบไปเห็นรอยสีแดงบนผ้าปูที่นอน หัวใจก็กระตุกวูบ ภาพในคืนที่ผ่านมาผุดขึ้นมาในหัวราวกับถูกฉายซ้ำ รอยยับยู่ยี่บนเตียงและกลิ่นน้ำหอมจางๆ ทำให้เขาแน่ใจว่านี่ไม่ใช่ความฝัน เขารีบก้มลงมองตัวเอง และเมื่อเห็นว่าบ็อกเซอร์ถูกถอดออกไป เขาถึงกับตัวชาไปชั่วขณะ
“ซวยแล้ว! นี่มันเรื่องจริงเหรอ?”
ความสับสนและคำถามมากมายถาโถมเข้ามาในหัว เขาไม่มีแม้แต่ความทรงจำว่าผู้หญิงคนนั้นเป็นใครกันแน่ ธนารีบวิ่งไปเปิดประตูห้องและมองซ้ายมองขวา แต่ก็ไม่พบใคร เขาปิดประตูลงอย่างรวดเร็วพลางคิดในใจว่าเมื่อคืนกลับมาได้อย่างไร
เขาวิ่งไปหากระเป๋าสตางค์และรีบเช็กโทรศัพท์มือถือ ทุกอย่างยังอยู่ครบ มีเพียงรูปถ่ายงานเลี้ยงเมื่อคืนที่ยังคงค้างอยู่ในหน้าจอ เขาจึงกดโทรหาผู้ช่วยคนสนิททันที
ธนา: “ฮัลโหลคุณพงษ์พัฒน์ เมื่อคืนผมกลับมาได้ยังไง?”
พงษ์พัฒน์: “ผมเรียกคนขับรถให้ครับท่านรอง เมื่อคืนผมเองก็ดื่มเหมือนกัน ขอโทษด้วยนะครับที่ขับไปส่งท่านรองไม่ได้ มีเรื่องอะไรหรือเปล่าครับ?”
ธนา: “ปะ...ปะ...เปล่าๆ! ไม่มีอะไรหรอก ผมแค่เมาจนจำไม่ได้ว่ากลับยังไง งั้นแค่นี้แหละ วันนี้ผมไม่เข้าบริษัทนะ พอดีมึนหัวนิดหน่อย คุณช่วยดูจัดการแทนผมด้วย”
พงษพัฒน์: “ได้ครับท่านรอง”
ทันทีที่วางสาย ธนารีบจัดการธุระส่วนตัวและลงไปที่เคาน์เตอร์นิติบุคคลพร้อมกับรปภ.เพื่อขอดูกล้องวงจรปิด เขาดูภาพหน้าคอนโดแล้วก็เห็นเพียงแค่ตัวเองเดินเข้ามาคนเดียว
ธนา: “งั้นขอดูกล้องที่ชั้น 9 หน่อยครับ”
ภาพในกล้องก็ยังคงเหมือนเดิม เขานั่งดูอยู่นานก็ไม่มีใครเข้ามาในห้องของเขาเลย ธนารู้สึกขนลุกซู่ไปทั้งตัวหรือว่าเมื่อคืนจะเป็นผี เขารีบส่ายหัวสลัดความคิดนี้ทิ้งไป
ธนา: “ช่วยกลับไปดูก่อนหน้านี้หน่อยได้ไหมครับที่หน้าห้องผม”
ภาพย้อนกลับไปช่วงก่อนที่เขาจะเข้าห้องก็ไม่มีใคร แต่แล้วเมื่อภาพถูกฉายมาถึงตอนที่เขากำลังจะออกไป และภาพก็เริ่มบันทึกไปทึงช่วงที่มีหญิงสาวออกมาจากลิฟท์ เขาหยุดชะงัก ค่อยๆเดินถอยหลังกลับมาดู...!
ธนา: “เดี๋ยวๆๆๆๆ เมื่อกี้ครับ อย่าเพิ่ง! ขอดูต่อหน่อยครับว่าหลังจากนี้เกิดอะไรขึ้น”
ภาพเบื้องหน้าปรากฏให้เห็นหญิงสาวคนหนึ่งที่เดินโซซัดโซเซมาหยุดอยู่ตรงหน้าห้องของเขาและห้องข้างๆ จังหวะที่กำลังจะไขประตูคีย์การ์ดก็หลุดมือ เธอพยายามหยิบมันขึ้นมาอย่างทุลักทุเล แล้วทันใดนั้นเองเธอก็ผลักประตูห้องของธนาและก้าวเข้าไปด้านในอย่างไม่ลังเล
รปภ.คนที่ A: “อ๋อ คนนี้นี่เอง”
ธนา: “เขาคือใครครับ?”
รปภ.คนที่ A: “ลูกบ้านของคอนโดนี้แหละ แต่ไม่ใช่สิ ต้องบอกว่าอดีตลูกบ้านมากกว่า ตั้งแต่เช้า เธอมาทำเรื่องแจ้งย้ายออกแล้ว แปลกมากที่ข้าวของก็ทิ้งไว้ แต่ก็มีไม่เยอะหรอกเพราะเธอเพิ่งย้ายเข้ามา เสียดายเงินค่ามัดจำจริงๆ มาอยู่แป๊บเดียวก็ออกไปแล้ว ว่าแต่คุณไม่เคยเห็นเธอเหรอครับ นักศึกษาสาวสวย รู้สึกว่าเธอเป็น... อะไรรู้สึกจะเป็นอินฟลูเอนเซอร์น่ะครับ”
ธนา: “เธอย้ายออกไปนานหรือยังครับ?”
รปภ.คนที่ A: “ก็ก่อนที่คุณจะมาไม่นาน เหมือนเธอจะรีบออกไป มีแค่กระเป๋าใบไม่ใหญ่มากแล้วก็ไปเลย”
รปภ.ทั้งสองคนมองหน้ากันแล้วหัวเราะเบาๆ
รปภ.คนที่ B: “อย่าบอกนะครับว่าเธอเข้าไปปล้นสวาท”
ธนา: “ฮ่าๆๆ”
ธนาหัวเราะแห้งๆ และใจก็คิดตาม
รปภ.คนที่ A: “ผมล้อเล่นครับ ว่าแต่คุณรู้จักเธอไหมครับ ทำไมเธอถึงเข้าห้องคุณ”
รปภ.คนที่ B: “น่าจะเข้าห้องผิดแหละ ดูจากท่าทางแล้วน่าจะเมามา”
ธนาอึ้งไปกับเหตุการณ์ที่ได้รู้ เขาเดินกลับห้องด้วยความรู้สึกหวั่นใจและหวาดกลัว คิดในใจว่า “จะติดโรคไหมวะ?” แต่จากเหตุการณ์ที่พอจะจำได้รางๆ หญิงสาวคนนั้นยังบริสุทธิ์อยู่เลย "เราต้องรับผิดชอบเธอไหมนะ แต่ถ้าเธอจะเรียกร้องเธอก็ต้องมาหาเราสิ เพราะเธอรู้ห้องหนิ ว่าเราอยู่ห้องไหน เขาก็คิดไปอีกว่าถ้าเธอเกิดท้องขึ้นมาจะเป็นอย่างไร" ธนาสับสนไปหมดจึงรีบวิ่งกลับไปหารปภ.อีกครั้ง
ธนา: “ขอโทษนะครับ คุณพอจะรู้ไหมว่าเธอชื่ออะไร ในช่องทางขายออนไลน์ของเธอ”
รปภ.คนที่ A: “รู้สิ เป็น FC เธออยู่เลย”
รปภ.รีบกดโทรศัพท์และยื่นให้ ธนารับมาดูและก็จำได้ว่าคือหญิงสาวที่เขาเจอในลิฟต์เมื่อวันก่อน เขาเคยแอบคิดในใจว่าทำไมนักศึกษาถึงมีเงินมาเช่าคอนโดหรู ที่แท้ก็เป็นแม่ค้าออนไลน์นี่เอง เขาจึงกดติดตามช่องทางออนไลน์ของเธอไป ไม่ใช่เพราะหลงใหล แต่เพราะเขากลัวว่าหญิงสาวจะท้อง เขาจึงเฝ้าดูความเคลื่อนไหวของเธอทุกวันเพื่อหวังว่าจะไม่เกิดความผิดปกติทางร่างกายขึ้น...
ในขณะที่ทั้งคู่ที่ยืนสบตากันธนา รุกด้วยท่าทีที่นุ่มนวล "ทำอะไรกันอยู่ครับ ไม่เห็นชวนพี่มาบ้างเลย อุตส่าห์รอให้ชวน ก็ไม่เห็นชวน เลยต้องเดินมากดกริ่ง"ริสาถึงกับเขิน ธนาจับไปที่แก้มสีชมพูของคนตรงหน้า "หน้าแดงใหญ่เลย เขินพี่ขนาดนั้นเลยเหรอ"ริสาที่ยังอึ้งรีบดึงสติแล้วเดินกลับไปนั่งที่โซฟา "ริสาแค่ทำตัวไม่ถูกค่ะ พี่จะกลับมาทำไมไม่บอกล่วงหน้า ยังส่งข้อความคุยกันอยู่เลย กลับมาแล้วน่าจะบอกริสาหน่อย"ธนา เดินตามมานั่งลงตรงข้ามเธอ "ก็พี่ยุ่งๆ กับห้องใหม่อยู่เลยยังไม่เข้าที่เข้าทาง... ทำไม ถ้ารู้ว่าเป็นพี่ย้ายมาอยู่ข้างห้อง จะช่วยพี่จัดของเหรอ"ริสา "เปล่าสักหน่อย ริสาก็แค่... แค่ทำตัวไม่ถูก ที่พี่มาอยู่ตรงหน้าแบบกะทันหันแบบนี้"ธนา เสียงนุ่มนวลและจริงใจ "หลายเดือนที่ผ่านมา พี่ขอโทษริสานะ ที่พี่ไม่ได้อยู่ข้างๆ ริสา"ริสา "จะขอโทษทำไมคะ มันเป็นความต้องการของริสาเอง มันทำให้ริสาทำใจง่าย การที่ไม่เจอหน้าพี่ในช่วงนั้น... ถ้าริสาต้องเจอพี่ในตอนนั้นมันมีแต่ความเจ็บปวดของการสูญเสีย"ธนานั่งนิ่งเงียบ สีหน้าเริ่มเศร้าลงมา พร้อมกับคำถามที่แสนจริงใจ "แล้วตอนนี้... เจอหน้าพี่... แล้วยังเจ็บปวดอยู่ไห
หกเดือนผ่านไป...หลังเหตุการณ์ที่พลิกผันชีวิต ริสา เลือกที่จะย้ายออกจากบ้านตามความต้องการของตัวเอง ทว่าเพื่อคลายความกังวลของของแม่ เธอจึงยอมรับข้อเสนอของพ่อเลี้ยงที่มอบคอนโดมิเนียมให้เป็นที่พักพิง และรอคอยวันที่เธอพร้อมจะกลับมาริสาใช้ชีวิตอย่างเรียบง่ายที่คอนโด เธอทำงานรับงานรีวิวบ้าง ขายของออนไลน์บ้าง พยายามดำเนินชีวิตให้กลับสู่ภาวะปกติ ทว่าบาดแผลจากการสูญเสียครั้งใหญ่ยังคงฝังลึกในใจ ไม่มีวันลบเลือนเสียงตะกุกตะกักดังมาจากห้องข้างๆ ริสาเปิดประตูออกไปดูด้วยความแปลกใจ "อ้าว! ห้องนี้มีคนซื้อแล้วเหรอ... เพื่อนบ้านใหม่จะเป็นผู้หญิงหรือผู้ชายนะ" เธอพึมพำกับตัวเอง ก่อนจะปิดประตูและกลับมานั่งดูทีวีต่อหลังจากที่ริสาปิดประตู... ชายหนุ่มรูปร่างสูงโปร่ง ผิวขาว คิ้วเข้มคมคาย ก้าวออกมาจากลิฟต์ เขาหยุดยืนอยู่หน้าห้องของตน แต่สายตาและใบหน้ากลับจับจ้องไปยังประตูห้องข้างๆ ที่เพิ่งปิดลง รอยยิ้มเล็กๆ แห่งความหวังฉายชัดบนใบหน้า ก่อนที่เขาจะเดินเข้าสู่ห้องใหม่ที่เพิ่งขนข้าวของเข้ามา เขาเปิดม่านรับแสงแดดยามบ่ายอ่อนๆ ยืนเท้าเอวทอดสายตาไปยังวิวเบื้องหน้าอันกว้างไกล ก่อนจะหันมาพึมพำกับตัวเอง"นี่แหละค
ริสาหลับไปได้ราว 3 ชั่วโมง จากความอ่อนเพลียและความเจ็บปวดทั้งทางกายและใจ จนเสียงสะอื้นเงียบลงไปธนานั่งเฝ้าไม่ห่าง ค่อยๆ ขยับเข้าไปมองใบหน้าเธอใกล้ๆ ความรู้สึกเจ็บปวดที่ทิ่มแทงหัวใจเขา... เขาใช้ปลายนิ้วแตะไปที่ผ้าปิดแผลด้วยความรู้สึกผิดและลูบกลุ่มผมของเธอเบาๆ สัมผัสรอยน้ำตาข้างแก้มที่ยังไม่แห้งกรัง ปากเขาพึมพำแต่คำว่า "ขอโทษ" อย่างไม่หยุดหย่อนน้ำตาลูกผู้ชายไหลออกมาอย่างไม่อาจห้ามได้ ยอมรับความรู้สึกผิดอย่างแท้จริงชั่วขณะต่อมา ริสารู้สึกเหมือนมีบางสิ่งสัมผัสกายและใบหน้า เธอสะดุ้งเล็กน้อยแล้วลืมตาขึ้น พบว่าเป็นธนา ชายที่เธอรักมากที่สุด สายตาอ่อนล้าและเจ็บปวดในใจของเธอสบกับเขา เป็นสายตาที่ผสมผสานระหว่างความรักและความทนทุกข์ริสาไม่ได้ถาม ไม่ด่าทอ หรือแม้แต่ไล่เขาไป เธอกลับเงียบสนิทราวกับเขาไม่มีตัวตน ยิ่งทำให้ธนารู้สึกทรมานในหัวใจมากขึ้น"ริสา... ทำไมต้องเงียบแบบนี้ด้วย จะด่า จะว่า จะไล่พี่ก็ยังดี! พูดกับพี่สักคำได้ไหม พี่ขอร้อง พี่ขอโทษนะ อย่าเงียบแบบนี้เลย ให้โอกาสพี่สักครั้ง พี่ยอมรับผิดทุกอย่าง จะว่าพี่ยังไงก็ได้ แต่อย่าเงียบแบบนี้" ธนาอ้อนวอนด้วยเสียงสั่นเครือและใบหน้าเปื้อนน
ทันทีที่ธนาก้าวออกมาจากห้องพักฟื้น เขาเหมือนสูญสิ้นเรี่ยวแรง ร่างสูงใหญ่ทรุดฮวบลงนั่งคุกเข่าต่อหน้ามณีและศักดิ์ชัย ด้วยความรู้สึกผิดที่กัดกินหัวใจจนแทบจะแหลกสลายเมฆที่ยืนอยู่ใกล้ๆ รับรู้ถึงบรรยากาศอันหนักอึ้ง เขาเลือกที่จะเดินเลี่ยงออกไปอย่างเงียบเชียบ ปล่อยให้ครอบครัวได้เผชิญหน้าและสะสางเรื่องราวกันเองธนาก้มหน้าต่ำ ติดพื้นห้องเย็นเฉียบ น้ำตาเอ่อคลอ ก่อนจะเริ่มกล่าวคำขอโทษและสารภาพผิดทั้งหมดออกมาอย่างยากลำบาก"ผมขอโทษครับคุณน้า... ทุกอย่างเป็นความผิดของผมคนเดียว ถ้าผมชัดเจนและทำให้น้องมั่นใจในความสัมพันธ์ของเรามากกว่านี้... เรื่องของเราคงไม่ต้องปิดบังใคร... เป็นเพราะผม... ตั้งแต่แรก..."ธนาหยุดหายใจ พยายามรวบรวมสติ "ทั้งๆ ที่ทุกอย่างมันเกิดขึ้นตั้งแต่ที่เรายังไม่รู้จักกัน... ผมน่าจะทำให้มันถูกต้องตั้งแต่ทีแรก..."คำว่า 'ความผิดพลาดตั้งแต่ทีแรก' ทำให้มณีที่กำลังปวดร้าวอยู่แล้วยิ่งชะงักงัน"อะไรคือความผิดพลาดตั้งแต่ครั้งแรก... ตั้งแต่ยังไม่รู้จักกัน... น้าไม่เข้าใจ !" มณีเอ่ยถามเสียงสั่นเทาแฝงความประหลาดใจธนาเงยหน้าขึ้น ดวงตาแดงก่ำ เล่าเรื่องราวทั้งหมดให้มณีฟังอย่างละเอียดยิบ พ
ไม่ทราบว่าพวกคุณเป็นญาติของคนไข้หรือเปล่าครับ...ทุกคนเงียบกริบ ธนา, มณี, และศักดิ์ชัย ก้าวเข้าไปหาคุณหมอพร้อมกันด้วยความหวังอันริบหรี่คุณหมอ สีหน้าเคร่งเครียดและเศร้าสร้อย"ต้องขอแสดงความเสียใจด้วยนะครับ..."คำพูดนั้น... ทำให้ ธนา ทรุดตัวลงกับพื้น มณีร้องไห้โฮอย่างสุดเสียงธนา เสียงแตกพร่า คุณหมอ... หมายความว่ายังไงครับ! ริสา... !คุณหมอ "คนไข้ปลอดภัยครับ แต่เนื่องจากคนไข้ได้รับแรงกระแทกอย่างรุนแรงจากการตกบันได... ทำให้... เราไม่สามารถช่วยชีวิตเด็กในครรภ์ไว้ได้ครับ คนไข้มีภาวะแท้งคุกคามจากการกระทบกระเทือนอย่างรุนแรง..."ความเงียบเข้าปกคลุมทุกคนศักดิ์ชัยถึงกับกุมขมับอย่างเคร่งเครียด ส่วนธนาคุกเข่าตัวสั่นงันงกลงกับพื้นด้วยความเจ็บปวดมณีหยุดร้องไห้ชั่วขณะด้วยความสับสนมณี เสียงแหบแห้ง "เด็ก... เด็กอะไรคะ! ลูกสาวฉัน... ริสา... ริสาท้องเหรอคะ...!"ศักดิ์ชัยหันไปมองธนาอย่างไม่เชื่อสายตา "ธนา... นี่แก... เป็นแก...แกทำอะไรลงไป...!"ธนา ไม่สามารถตอบได้ เขาร้องไห้สะอึกสะอื้นอย่างบ้าคลั่ง ความเจ็บปวดจากการสูญเสียที่มาพร้อมกับการรับรู้ถึงการมีอยู่ของลูก! และการสูญเสียครั้งนี้เกิดจ
จีน่า รีบวิ่งตามออกมา "เดี๋ยวก่อนอย่าเพิ่งไป!"ริสาไม่สนใจรีบเดินลิ่ว จีน่า รีบวิ่งตามมาคว้าแขนเธอไว้"ฉันบอกว่าหยุด!" นี่เธอมีปัญหากับพี่ชายของเธอเพราะรูปถ่ายใบนั้นเหรอ! ฉันไม่คิดว่าเขาจะยังเก็บไว้อยู่! และอีกอย่างนึง รูปนั้น..."ริสา ไม่ฟังสะบัดแขนจีน่าออกอย่างรวดเร็ว แล้วรีบวิ่งไปที่ลิฟท์ แต่ลิฟท์ไม่เปิด เธอจึงวิ่งไปทาง บันไดหนีไฟ ทันที เพื่อที่จะรีบออกจากที่น่ารังเกียจนี้ให้เร็วที่สุดธนา ที่วิ่งตามมาเห็นคนรักที่ตกบันไดไปต่อหน้าต่อตา หัวใจของเขาร่วงหล่นตามร่างเธอลงไป เขาตกใจจนแทบหยุดหายใจ ริสากลิ้งลงไปจนถึงขั้นสุดท้ายของบันได แล้วเธอก็ แน่นิ่งไปทันทีที่ ธนา วิ่งมาถึงร่างของเธอ เขาไม่สนใจอาการบาดเจ็บที่มือของตัวเอง รีบช้อนร่างบางของเธอขึ้นมา... เลือด ที่ไหลออกมาจากไรผมของเธอ และที่น่าตกใจกว่านั้นคือ เลือดที่ไหลออกมาจากช่วงล่างของเธอ เต็มไปถึงขา"ริสา... ริสา..." เขาพยายามเรียกชื่อเธอและเขย่าเบาๆ แต่เธอก็ไม่ได้สติน้ำตาเขาไหลพรากออกมาอย่างบ้าคลั่งด้วยความเจ็บปวดอย่างที่สุด ราวกับมีดนับพันเล่มกรีดแทงกลางอก เขาไม่มีเวลาเสียใจ ความหวาดกลัวเข้ากัดกินจนไร้สติ รีบอุ้มร่างของเธอขึ้น







