LOGINใช่หรือเปล่า...?
เท้าของธนารีบเหยียบเบรกทันทีจนรถเอี๊ยดเสียงดัง เขามองผ่านกระจกข้างด้วยหัวใจที่เต้นระรัว
'ใช่ไหมนะ... เธอหรือเปล่า'
รถเมล์สาย 12X เลี้ยวเข้ามาจอดเทียบป้ายพอดี หญิงสาวคนนั้นก้าวขึ้นรถไปอย่างไม่รีรอ ธนามองตามจนรถเมล์เคลื่อนตัวออกไปอย่างช้าๆ ก่อนจะค่อยๆ ขับรถตามไปติดๆ
เขาลดกระจกลง พยายามชะเง้อมองหญิงสาวบนรถเมล์คันนั้น เธอหันหลังให้ นั่งก้มหน้าก้มตาอยู่กับโทรศัพท์มือถือ ดูเหมือนจะไม่มีทางรู้เลยว่ามีคนแอบมองอยู่ ธนาขับตามไปเรื่อยๆ โดยไม่ทันรู้ตัวว่าเวลาได้ล่วงเลยไปนานแค่ไหนแล้ว จนกระทั่งรถเมล์จอดสนิทที่ป้ายสุดท้าย และริสาก้าวลงจากรถไป
ธนาสะดุ้งสุดตัวเหมือนเพิ่งตื่นจากภวังค์
"บ้าเอ๊ย! เราทำอะไรอยู่วะ" เขาพึมพำกับตัวเองด้วยความสับสน ตั้งสติได้จึงรีบกลับรถมุ่งหน้าสู่คอนโดของตัวเอง
เมื่อทิ้งตัวลงบนเตียง เขาก็ยังคงคิดวนเวียนถึงใบหน้าของหญิงสาวคนนั้น 'หรือว่าเราตาฝาด? จะใช่เธอจริงๆ เหรอ' เขานึกสงสัย ก่อนจะคว้าโทรศัพท์ขึ้นมาเปิดไลฟ์สดขายเสื้อผ้าที่เคยดูประจำ และวินาทีที่เห็นชุดเดรสสีชมพูตัวนั้น เขาก็จำได้ในทันทีว่าเคยเห็นเธอใส่ในไลฟ์สดมาก่อน
หญิงสาวในไลฟ์ดูแตกต่างจากที่เจอที่ป้ายรถเมล์ เธอแต่งหน้าจัดเต็มจนสวยสะดุดตา แต่ที่ป้ายรถเมล์... เธอมาในหน้าสด ผิวพรรณดูเปล่งปลั่ง สดใส น่ารัก และเป็นธรรมชาติกว่ามาก
ธนานั่งดูไลฟ์ไปยิ้มไป... ทำไมวันนี้ถึงไปเจอเธอแถวนั้นได้นะ? เธอไปทำอะไรกันแน่?
โทรศัพท์ดังขึ้นขัดจังหวะ ชื่อที่หน้าจอคือ "คุณพ่อ"
"ฮัลโหลครับคุณพ่อ มีอะไรหรือเปล่า" ธนากดรับสายด้วยน้ำเสียงเหนื่อยหน่าย
"ธนา วันนี้แกไม่ให้เกียรติพ่อเลยนะ ช่วยมีมารยาทกว่านี้ไม่ได้เหรอ พ่ออุตส่าห์พาครอบครัวท่านมารู้จัก" เสียงของพ่อดุดันจนปลายสายแทบจะสำลัก
"ผมทำอะไรผิดครับ? เมียใหม่พ่อไม่พอใจเหรอ" ธนาตอบกลับอย่างไม่ลดราวาศอก
"ไม่เกี่ยวหรอก ฉันนี่แหละโทรมาหาแกเอง อีกหน่อยก็จะกลายเป็นครอบครัวเดียวกันแล้ว หัดมีสัมมาคารวะด้วย แล้วก็หัดเป็นพี่ชายที่ดีหน่อย เดี๋ยวแกก็มีน้องเพิ่มมา ไม่ใช่อยากพูดอะไรก็พูด อยากทำอะไรก็ทำ"
"น้อง? น้องอะไรครับแม่ผมมีผมคนเดียวนี่" ธนาโต้กลับอย่างไม่เข้าใจ
"แกอย่ามาทำยอกย้อน! น้ามณีเขามีลูกสาวคนหนึ่ง ถ้าเขาแต่งเข้ามา แกสองคนก็เหมือนเป็นพี่น้องกันนั่นแหละ หัดทำตัวให้ชินกับการเป็นพี่ชายได้แล้ว!"
"ทำไมผมต้องชินด้วยครับ? ผมโตขนาดนี้แล้วต้องให้ผมไปเลี้ยงน้อง พาเด็กน้อยไปซื้อไอศกรีมแบบนี้เหรอ" ธนาแค่นหัวเราะ
"น้องเขาไม่ได้เด็กขนาดนั้น โตจนจะจบมหาวิทยาลัยแล้ว! ไม่ต้องไปดูแลอะไรหรอก แค่อย่าทำตัวมีปัญหาให้เขาลำบากใจก็พอ แล้วช่วงที่เขาเข้ามาอยู่บ้าน แกช่วยกลับบ้านบ่อยๆ หน่อยนะ เดี๋ยวเขาจะคิดว่าแกไม่อยู่เพราะพวกเขาย้ายเข้ามา"
"เกี่ยวอะไรกับผม! ผมก็อยู่ข้างนอกแบบนี้มาตั้งนานแล้ว! พ่อจะพาเมียใหม่กับลูกสาวเข้ามาอยู่บ้านผมก็ไม่ได้ว่าอะไรแล้วจะมาบังคับให้ผมกลับบ้านทำไม!"
"ฉันไม่ได้บังคับแก ธนา! ฉันแค่ขอให้แกเป็นลูกที่ดีให้พ่อสักครั้งไม่ได้เหรอ" เสียงของพ่อเริ่มอ่อนลง
"แล้วทุกวันนี้ผมเป็นลูกที่ไม่ดีเหรอครับ งานผมก็ทำ บริษัทผมก็ช่วยดูแล ผมยังดีไม่พออีกเหรอ"
"ฉันหมายถึงเรื่องในบ้าน ไม่ใช่เรื่องงาน! ฉันรู้ว่าเรื่องงานแกรับผิดชอบได้ดี แต่เรื่องที่บ้านเนี่ยแกทำให้พ่อแค่นี้ไม่ได้เหรอ!"
"พ่อมีอะไรอีกไหม ถ้าไม่มีผมจะไปอาบน้ำ" ธนาตัดบทก่อนจะวางสายไปเลยทันที
ศักดิ์ชัยมองโทรศัพท์ในมืออย่างเคืองๆ "ไอ้ลูกคนนี้..." เขาพึมพำกับตัวเอง "ถ้ารู้ว่าเป็นแบบนี้ หาแม่ใหม่ให้แกนานแล้ว" แล้วเขาก็หัวเราะกับตัวเอง "แต่ไม่ได้สิ... ถ้ารีบหาแม่ใหม่ ก็จะไม่ได้เจอมณี"
ความสุขของแม่
"แม่เป็นอะไรหรือเปล่าคะ ทำไมหน้าตาดูไม่สบายใจ" ริสาถามทันทีที่กลับถึงบ้านและเห็นหน้าแม่
"เปล่าลูก แม่ไม่ได้เป็นอะไร" มณีตอบเสียงเบา
"เปล่าได้ยังไงคะ หน้าแม่ฟ้องชัดๆ เลย... คุณลูกชายเขามาแล้วไม่โอเคเหรอ"
"ก็ไม่เชิงนะลูก เขาดูห่างเหินมาก แม้กระทั่งกับพ่อของเขาเอง"
"เขาได้พูดอะไรให้แม่ไม่สบายใจหรือเปล่าคะ"
"ไม่หรอก เขาพูดตรงๆ มีอะไรก็พูดเลย แต่แม่ก็แอบกลัวจะทำตัวไม่ถูก เขาเป็นผู้ชายที่ต้องเลี้ยงตัวเองมาคนเดียวตั้งแต่เด็ก มันก็ต้องเป็นแบบนี้แหละ น่าเห็นใจเขานะ"
"น่าเห็นใจทำไมคะแม่ คุณลุงดูเป็นคนอบอุ่นน่ารัก แต่ถ้าลูกเขาจะทำตัวไม่น่ารักก็คงเป็นนิสัยของเขาเอง แม่ไม่ต้องไปใส่ใจหรอก" ริสาบอกอย่างไม่พอใจ
"แม่ไม่เป็นไรหรอกลูก แต่ที่แม่หนักใจคือ... ต่อไปนี้แม่ต้องอยู่บ้านเดียวกันกับเขา"
"หือ... อะไรนะคะ แม่จะอยู่บ้านเดียวกันกับเขา หมายความว่ายังไง" ริสาถึงกับอึ้งไป
"ก็หมายความว่า... ถ้าจะใช้ชีวิตคู่ก็ต้องย้ายไปอยู่บ้านเดียวกันหรือเปล่าล่ะ หนูจะให้แม่แยกกันอยู่กับคุณลุงเขาเหรอ"
"หนู... ลืมคิดเรื่องนี้ไปเลย" ริสาหน้าเจื่อนลง "แต่แม่ไม่ต้องซีเรียสนะคะ แม่ย้ายเข้าไปตอนไหน ตามใจแม่เลยค่ะ! อยู่ที่ี่่่นี่ริสาก็อยู่คนเดียวได้สบา แม่ไม่ต้องห่วง"
"ได้ยังไงกันลูก! หนูจะให้แม่ทิ้งหนูไว้คนเดียวที่นี่เพื่อไปมีความสุขคนเดียวเหรอ แม่ทำแบบนั้นไม่ได้หรอก"
"โถ่แม่... อยู่ที่ไหนก็เหมือนกันนั่นแหละค่ะ ทุกวันนี้ริสาก็กลับบ้านบ้างไม่กลับบ้าง บางทีก็ไปนอนคอนโดเพื่อน..."
"มันไม่เหมือนกันไงลูก! เวลาหนูไปนอนบ้านเพื่อนหรือไปทำงานต่างจังหวัดนั่นคือหนูก็จะกลับมาบ้านที่มีแม่รออยู่ แต่ถ้าแม่แต่งงานกับคุณลุง นั่นคือแม่กำลังจะไปสร้างครอบครัวใหม่ ถ้าหนูไม่ไปกับแม่ นั่นก็เท่ากับแม่กำลังทิ้งหนูไว้คนเดียว" มณีอธิบายด้วยความรักและเป็นห่วง
"โถ่แม่... อย่าคิดมากสิคะ" ริสาเข้ามากอดแม่แน่น "ไปก็ไปค่ะ แต่มีเรื่องที่ต้องคิดอยู่นะ"
"คิดอะไรเหรอลูก... ว่าจะอยู่ก่อนแต่งหรือแต่งก่อนอยู่" ริสาหัวเราะพลางหันไปถามแม่
"นี่สรุปใครเป็นผู้ปกครองกันเนี่ย! แม่รู้สึกเหมือนอยู่ในความปกครองของหนูเลยลูก" มณีหัวเราะตามไปด้วย "อายุขนาดนี้แล้วแม่ไม่อยากจัดอะไรใหญ่โตหรอก เขาอยากจัดงานเลี้ยงเล็กๆ"
"โอเค หนูเข้าใจแม่ค่ะ อะไรที่ทำให้แม่มีความสุข แม่ตัดสินใจได้เลย" ริสาบอกด้วยความรัก
ในขณะที่ทั้งคู่ที่ยืนสบตากันธนา รุกด้วยท่าทีที่นุ่มนวล "ทำอะไรกันอยู่ครับ ไม่เห็นชวนพี่มาบ้างเลย อุตส่าห์รอให้ชวน ก็ไม่เห็นชวน เลยต้องเดินมากดกริ่ง"ริสาถึงกับเขิน ธนาจับไปที่แก้มสีชมพูของคนตรงหน้า "หน้าแดงใหญ่เลย เขินพี่ขนาดนั้นเลยเหรอ"ริสาที่ยังอึ้งรีบดึงสติแล้วเดินกลับไปนั่งที่โซฟา "ริสาแค่ทำตัวไม่ถูกค่ะ พี่จะกลับมาทำไมไม่บอกล่วงหน้า ยังส่งข้อความคุยกันอยู่เลย กลับมาแล้วน่าจะบอกริสาหน่อย"ธนา เดินตามมานั่งลงตรงข้ามเธอ "ก็พี่ยุ่งๆ กับห้องใหม่อยู่เลยยังไม่เข้าที่เข้าทาง... ทำไม ถ้ารู้ว่าเป็นพี่ย้ายมาอยู่ข้างห้อง จะช่วยพี่จัดของเหรอ"ริสา "เปล่าสักหน่อย ริสาก็แค่... แค่ทำตัวไม่ถูก ที่พี่มาอยู่ตรงหน้าแบบกะทันหันแบบนี้"ธนา เสียงนุ่มนวลและจริงใจ "หลายเดือนที่ผ่านมา พี่ขอโทษริสานะ ที่พี่ไม่ได้อยู่ข้างๆ ริสา"ริสา "จะขอโทษทำไมคะ มันเป็นความต้องการของริสาเอง มันทำให้ริสาทำใจง่าย การที่ไม่เจอหน้าพี่ในช่วงนั้น... ถ้าริสาต้องเจอพี่ในตอนนั้นมันมีแต่ความเจ็บปวดของการสูญเสีย"ธนานั่งนิ่งเงียบ สีหน้าเริ่มเศร้าลงมา พร้อมกับคำถามที่แสนจริงใจ "แล้วตอนนี้... เจอหน้าพี่... แล้วยังเจ็บปวดอยู่ไห
หกเดือนผ่านไป...หลังเหตุการณ์ที่พลิกผันชีวิต ริสา เลือกที่จะย้ายออกจากบ้านตามความต้องการของตัวเอง ทว่าเพื่อคลายความกังวลของของแม่ เธอจึงยอมรับข้อเสนอของพ่อเลี้ยงที่มอบคอนโดมิเนียมให้เป็นที่พักพิง และรอคอยวันที่เธอพร้อมจะกลับมาริสาใช้ชีวิตอย่างเรียบง่ายที่คอนโด เธอทำงานรับงานรีวิวบ้าง ขายของออนไลน์บ้าง พยายามดำเนินชีวิตให้กลับสู่ภาวะปกติ ทว่าบาดแผลจากการสูญเสียครั้งใหญ่ยังคงฝังลึกในใจ ไม่มีวันลบเลือนเสียงตะกุกตะกักดังมาจากห้องข้างๆ ริสาเปิดประตูออกไปดูด้วยความแปลกใจ "อ้าว! ห้องนี้มีคนซื้อแล้วเหรอ... เพื่อนบ้านใหม่จะเป็นผู้หญิงหรือผู้ชายนะ" เธอพึมพำกับตัวเอง ก่อนจะปิดประตูและกลับมานั่งดูทีวีต่อหลังจากที่ริสาปิดประตู... ชายหนุ่มรูปร่างสูงโปร่ง ผิวขาว คิ้วเข้มคมคาย ก้าวออกมาจากลิฟต์ เขาหยุดยืนอยู่หน้าห้องของตน แต่สายตาและใบหน้ากลับจับจ้องไปยังประตูห้องข้างๆ ที่เพิ่งปิดลง รอยยิ้มเล็กๆ แห่งความหวังฉายชัดบนใบหน้า ก่อนที่เขาจะเดินเข้าสู่ห้องใหม่ที่เพิ่งขนข้าวของเข้ามา เขาเปิดม่านรับแสงแดดยามบ่ายอ่อนๆ ยืนเท้าเอวทอดสายตาไปยังวิวเบื้องหน้าอันกว้างไกล ก่อนจะหันมาพึมพำกับตัวเอง"นี่แหละค
ริสาหลับไปได้ราว 3 ชั่วโมง จากความอ่อนเพลียและความเจ็บปวดทั้งทางกายและใจ จนเสียงสะอื้นเงียบลงไปธนานั่งเฝ้าไม่ห่าง ค่อยๆ ขยับเข้าไปมองใบหน้าเธอใกล้ๆ ความรู้สึกเจ็บปวดที่ทิ่มแทงหัวใจเขา... เขาใช้ปลายนิ้วแตะไปที่ผ้าปิดแผลด้วยความรู้สึกผิดและลูบกลุ่มผมของเธอเบาๆ สัมผัสรอยน้ำตาข้างแก้มที่ยังไม่แห้งกรัง ปากเขาพึมพำแต่คำว่า "ขอโทษ" อย่างไม่หยุดหย่อนน้ำตาลูกผู้ชายไหลออกมาอย่างไม่อาจห้ามได้ ยอมรับความรู้สึกผิดอย่างแท้จริงชั่วขณะต่อมา ริสารู้สึกเหมือนมีบางสิ่งสัมผัสกายและใบหน้า เธอสะดุ้งเล็กน้อยแล้วลืมตาขึ้น พบว่าเป็นธนา ชายที่เธอรักมากที่สุด สายตาอ่อนล้าและเจ็บปวดในใจของเธอสบกับเขา เป็นสายตาที่ผสมผสานระหว่างความรักและความทนทุกข์ริสาไม่ได้ถาม ไม่ด่าทอ หรือแม้แต่ไล่เขาไป เธอกลับเงียบสนิทราวกับเขาไม่มีตัวตน ยิ่งทำให้ธนารู้สึกทรมานในหัวใจมากขึ้น"ริสา... ทำไมต้องเงียบแบบนี้ด้วย จะด่า จะว่า จะไล่พี่ก็ยังดี! พูดกับพี่สักคำได้ไหม พี่ขอร้อง พี่ขอโทษนะ อย่าเงียบแบบนี้เลย ให้โอกาสพี่สักครั้ง พี่ยอมรับผิดทุกอย่าง จะว่าพี่ยังไงก็ได้ แต่อย่าเงียบแบบนี้" ธนาอ้อนวอนด้วยเสียงสั่นเครือและใบหน้าเปื้อนน
ทันทีที่ธนาก้าวออกมาจากห้องพักฟื้น เขาเหมือนสูญสิ้นเรี่ยวแรง ร่างสูงใหญ่ทรุดฮวบลงนั่งคุกเข่าต่อหน้ามณีและศักดิ์ชัย ด้วยความรู้สึกผิดที่กัดกินหัวใจจนแทบจะแหลกสลายเมฆที่ยืนอยู่ใกล้ๆ รับรู้ถึงบรรยากาศอันหนักอึ้ง เขาเลือกที่จะเดินเลี่ยงออกไปอย่างเงียบเชียบ ปล่อยให้ครอบครัวได้เผชิญหน้าและสะสางเรื่องราวกันเองธนาก้มหน้าต่ำ ติดพื้นห้องเย็นเฉียบ น้ำตาเอ่อคลอ ก่อนจะเริ่มกล่าวคำขอโทษและสารภาพผิดทั้งหมดออกมาอย่างยากลำบาก"ผมขอโทษครับคุณน้า... ทุกอย่างเป็นความผิดของผมคนเดียว ถ้าผมชัดเจนและทำให้น้องมั่นใจในความสัมพันธ์ของเรามากกว่านี้... เรื่องของเราคงไม่ต้องปิดบังใคร... เป็นเพราะผม... ตั้งแต่แรก..."ธนาหยุดหายใจ พยายามรวบรวมสติ "ทั้งๆ ที่ทุกอย่างมันเกิดขึ้นตั้งแต่ที่เรายังไม่รู้จักกัน... ผมน่าจะทำให้มันถูกต้องตั้งแต่ทีแรก..."คำว่า 'ความผิดพลาดตั้งแต่ทีแรก' ทำให้มณีที่กำลังปวดร้าวอยู่แล้วยิ่งชะงักงัน"อะไรคือความผิดพลาดตั้งแต่ครั้งแรก... ตั้งแต่ยังไม่รู้จักกัน... น้าไม่เข้าใจ !" มณีเอ่ยถามเสียงสั่นเทาแฝงความประหลาดใจธนาเงยหน้าขึ้น ดวงตาแดงก่ำ เล่าเรื่องราวทั้งหมดให้มณีฟังอย่างละเอียดยิบ พ
ไม่ทราบว่าพวกคุณเป็นญาติของคนไข้หรือเปล่าครับ...ทุกคนเงียบกริบ ธนา, มณี, และศักดิ์ชัย ก้าวเข้าไปหาคุณหมอพร้อมกันด้วยความหวังอันริบหรี่คุณหมอ สีหน้าเคร่งเครียดและเศร้าสร้อย"ต้องขอแสดงความเสียใจด้วยนะครับ..."คำพูดนั้น... ทำให้ ธนา ทรุดตัวลงกับพื้น มณีร้องไห้โฮอย่างสุดเสียงธนา เสียงแตกพร่า คุณหมอ... หมายความว่ายังไงครับ! ริสา... !คุณหมอ "คนไข้ปลอดภัยครับ แต่เนื่องจากคนไข้ได้รับแรงกระแทกอย่างรุนแรงจากการตกบันได... ทำให้... เราไม่สามารถช่วยชีวิตเด็กในครรภ์ไว้ได้ครับ คนไข้มีภาวะแท้งคุกคามจากการกระทบกระเทือนอย่างรุนแรง..."ความเงียบเข้าปกคลุมทุกคนศักดิ์ชัยถึงกับกุมขมับอย่างเคร่งเครียด ส่วนธนาคุกเข่าตัวสั่นงันงกลงกับพื้นด้วยความเจ็บปวดมณีหยุดร้องไห้ชั่วขณะด้วยความสับสนมณี เสียงแหบแห้ง "เด็ก... เด็กอะไรคะ! ลูกสาวฉัน... ริสา... ริสาท้องเหรอคะ...!"ศักดิ์ชัยหันไปมองธนาอย่างไม่เชื่อสายตา "ธนา... นี่แก... เป็นแก...แกทำอะไรลงไป...!"ธนา ไม่สามารถตอบได้ เขาร้องไห้สะอึกสะอื้นอย่างบ้าคลั่ง ความเจ็บปวดจากการสูญเสียที่มาพร้อมกับการรับรู้ถึงการมีอยู่ของลูก! และการสูญเสียครั้งนี้เกิดจ
จีน่า รีบวิ่งตามออกมา "เดี๋ยวก่อนอย่าเพิ่งไป!"ริสาไม่สนใจรีบเดินลิ่ว จีน่า รีบวิ่งตามมาคว้าแขนเธอไว้"ฉันบอกว่าหยุด!" นี่เธอมีปัญหากับพี่ชายของเธอเพราะรูปถ่ายใบนั้นเหรอ! ฉันไม่คิดว่าเขาจะยังเก็บไว้อยู่! และอีกอย่างนึง รูปนั้น..."ริสา ไม่ฟังสะบัดแขนจีน่าออกอย่างรวดเร็ว แล้วรีบวิ่งไปที่ลิฟท์ แต่ลิฟท์ไม่เปิด เธอจึงวิ่งไปทาง บันไดหนีไฟ ทันที เพื่อที่จะรีบออกจากที่น่ารังเกียจนี้ให้เร็วที่สุดธนา ที่วิ่งตามมาเห็นคนรักที่ตกบันไดไปต่อหน้าต่อตา หัวใจของเขาร่วงหล่นตามร่างเธอลงไป เขาตกใจจนแทบหยุดหายใจ ริสากลิ้งลงไปจนถึงขั้นสุดท้ายของบันได แล้วเธอก็ แน่นิ่งไปทันทีที่ ธนา วิ่งมาถึงร่างของเธอ เขาไม่สนใจอาการบาดเจ็บที่มือของตัวเอง รีบช้อนร่างบางของเธอขึ้นมา... เลือด ที่ไหลออกมาจากไรผมของเธอ และที่น่าตกใจกว่านั้นคือ เลือดที่ไหลออกมาจากช่วงล่างของเธอ เต็มไปถึงขา"ริสา... ริสา..." เขาพยายามเรียกชื่อเธอและเขย่าเบาๆ แต่เธอก็ไม่ได้สติน้ำตาเขาไหลพรากออกมาอย่างบ้าคลั่งด้วยความเจ็บปวดอย่างที่สุด ราวกับมีดนับพันเล่มกรีดแทงกลางอก เขาไม่มีเวลาเสียใจ ความหวาดกลัวเข้ากัดกินจนไร้สติ รีบอุ้มร่างของเธอขึ้น







