LOGINเมฆ (เมฆินทร์): หนุ่มหล่อมาดนิ่ง สุขุม และอ่อนโยน เป็นเพื่อนสนิทของธนาและวายุตั้งแต่เด็ก ด้วยธุรกิจที่บ้านใกล้เคียงกัน ทำให้ทั้งสามเติบโตมาด้วยกันและมีความผูกพันที่แน่นแฟ้น เมฆเป็นคนที่มีความเป็นผู้นำสูง และเป็นที่พึ่งพาของเพื่อน ๆ ได้เสมอ
วายุ: หนุ่มกะล่อน เจ้าสำราญ และมีอารมณ์ขันตลอดเวลา เป็นเพื่อนซี้ของธนามาตั้งแต่เด็กเช่นกัน แม้จะมีนิสัยต่างกับเมฆและธนาอย่างสิ้นเชิง แต่ความรักและห่วงใยที่มีให้กันนั้นไม่เคยลดลง วายุเป็นคนที่มีพลังบวกและชอบสร้างบรรยากาศให้ครึกครื้นอยู่เสมอ
วายุเดินนำหน้าเข้างานมาอย่างคึกคัก พร้อมกับเมฆที่ยืนส่งยิ้มบาง ๆ
วายุ: "เฮ้ย! ว่าไงวะคุณธนา! คุณพ่อคงดีใจตายเลยนะที่เห็นคุณลูกชายกลับมาอยู่บ้านได้ในที่สุดวันนี้" (วายุพูดเสียงดังขึ้นอย่างล้อเลียน)
เมฆ: (เดินเข้ามาสมทบพร้อมยิ้มบาง ๆ) "ว่าไงวะ ทำไมถึงมาด้วยกันได้ นี่อย่าบอกนะว่าไอ้วายุ แกเลิกสถิตอยู่แต่ที่คอนโดไอ้เมฆได้แล้ว"
วายุ: "แหม ไอ้ท่านรองประธานนี่ก็พูดเวอร์ไป ฉันแค่เปลี่ยนบรรยากาศเฉย ๆ ป่ะ" (วายุสวนกลับทันควัน ในขณะที่เมฆยังคงยืนยิ้ม)
ธนา: (หันไปมองเมฆอย่างหงุดหงิด) "แล้วแกจะยืนยิ้มอีกนานไหม จะไม่พูดอะไรหน่อยเหรอ ขอบใจมากนะที่อุตส่าห์ยอมโผล่หัวมางานสำคัญพิเศษวันนี้ได้"
เมฆ: (สีหน้าจริงจังขึ้นเล็กน้อย) "แกทำหน้าอะไรแบบนั้นธนา นี่มันวันพิเศษของคุณอานะ"
ธนา: "ก็ใช่ไง วันพิเศษของพ่อฉัน ไม่ใช่ของฉันสักหน่อย!" (ธนาพูดจบก็ยกแก้วไวน์ขึ้นกระดกจนหมดแก้วด้วยสีหน้าเซ็ง ๆ อย่างชัดเจน)
เมฆ: (รีบถามด้วยความเป็นห่วง) "นี่เป็นอะไรอีก อย่าบอกนะว่ายังห่วงพ่อเรื่องที่พ่อจะหาแม่ใหม่ให้แก ได้ข่าวว่ามีน้องสาวคนใหม่ด้วยนี่"
ธนา: (ยิ่งโมโหขึ้นกว่าเดิม) "อย่าให้พูดเลยว่ะ...ป่ะ เข้าไปในงานกันเถอะ" (ทั้งสามคนเดินลึกเข้าไปในงาน)
ทันใดนั้น สายตาของธนาก็เหลือบไปเห็นหญิงสาวคุ้นตาคนหนึ่งกำลังยืนหมุนตัวไปมาในชุดราตรีสีชมพูอ่อน ๆ ที่สวยราวกับเจ้าหญิง ภาพตรงหน้าทำให้ชายหนุ่มทั้งสามคนถึงกับตะลึงในความงามของริสา
วายุ: "โอ้โห! นี่มันนางฟ้าชัด ๆ นั่นลูกใครวะ ทำไมไม่เคยเห็นในแวดวงธุรกิจของพ่อนายมีลูกสาวบ้านไหนสวยขนาดนี้มาก่อนเลยวะ ไปมาก็หลายงานแล้วไม่เคยเห็นแก๊งสาวสวยแก๊งนี้เลย"
เมฆ: (มองไปที่หญิงสาวทั้งสามด้วยสายตาที่หวานเยิ้ม แต่สายตาของเขาไปสะดุดเข้ากับหญิงสาวที่ยืนหันหลังให้อยู่ในชุดสีฟ้า) "ผู้หญิงที่ยืนหันหลังอยู่ในชุดสีฟ้านั่น...ฉันรู้จัก"
วายุ: "ใครวะ"
เมฆ: "ยิ่งกว่ารู้จักอีก!"
วายุ: "ใครวะ!"
เมฆ: "ก็ยัยเมย์ไง...น้องสาวของฉันเอง!"
(เมฆยิ้มอ่อนโยนก่อนจะเดินเข้าไปหาเมย์อย่างไม่ลังเล ทิ้งให้ธนาและวายุนิ่งอึ้งไปครู่หนึ่ง)
(เมย์ หญิงสาวร่างเล็กหน้าหวานเพื่อนสนิทของริสา สะดุ้งเมื่อได้ยินเสียงที่คุ้นเคย เธอหันกลับไปเจอพี่ชายร่างสูงหล่อคมที่ยืนอยู่ด้านหลัง)
เมย์: "พี่เมฆ! มาด้วยเหรอคะ"
เมฆ: "ทำไมมางานนี้ไม่บอกพี่เลย เมย์เองก็ไม่เห็นบอกว่าจะย้ายกลับมาจากเชียงใหม่"
เมย์: "คุณพ่อคุณแม่ไม่ได้มาค่ะ เมย์เองก็เพิ่งรู้ว่างานที่เมย์จะมาคือบ้านของคุณอาศักดิ์ชัย แล้วอีกอย่างพี่ก็ไม่ค่อยกลับบ้าน มัวแต่อยู่คอนโดหนิคะ" (เมฆหันไปมองธนาและวายุด้วยรอยยิ้ม ก่อนจะผายมือไปทางน้องสาว)
เมฆ: "นี่ไง...ขอแนะนำ เมย์ น้องสาวฉันเอง ที่แกกับไอ้ธนาไม่เคยเห็นก็ไม่แปลก เพราะยัยเมย์ไปอยู่เชียงใหม่กับคุณยายตั้งแต่อยู่มัธยม เพิ่งจะย้ายกลับมาตอนเข้ามหาวิทยาลัยนี่แหละ"
(วายุถึงกับถลึงตามองอย่างตกใจ)
วายุ: "นี่น้องสาวแกโตขนาดนี้แล้วเหรอวะ! โอ้โห...นึกว่าจะอยู่เชียงใหม่อีกสักสิบปี"
(จี๊ดและริสาทำหน้างง ในขณะที่วายุมองไปเห็นเมย์ที่สวยและน่ารักจนตาค้าง ทุกคนที่ยืนอยู่ตรงนั้นต่างงงกันหมด)
จิ๊ด: (ถามขึ้นมาอย่างสงสัย) "อ้าว ยายเมย์ นี่แกรู้จักเจ้าของบ้านหลังนี้เหรอ"
เมย์: "เออ แก...รู้จัก พอดีพ่อกับแม่ฉันสนิทกับคุณอาผู้หญิงที่เสียไปแล้ว (หมายถึงแม่ของธนา) ตอนแรกฉันก็ไม่รู้ว่าแกจะชวนมางานอะไร บอกแค่ว่าเป็นงานเปิดตัวแม่ของริสา พอมาถึงฉันก็มัวแต่ตกใจอยู่ เลยยังไม่ได้บอกว่าฉันรู้จักเจ้าของบ้านนี้"
จี๊ด: "โธ่เอ๊ย! แกไม่ยอมบอกฉัน ฉันก็ลืมไปว่าแกมันลูกคุณหนู ก็น่าจะอยู่ในแวดวงนี้ มีแต่คนกันเองทั้งนั้นเลย" (ในขณะนั้น ริสารู้สึกหวั่นใจและหนักหน่วง เธอคิดว่าเหตุการณ์ต่อจากนี้คงไม่ราบรื่นเหมือนที่คิดไว้ก่อนจะเข้ามาที่บ้านหลังนี้)
วายุ: (เริ่มแนะนำตัวเองกับทุกคนอย่างเป็นกันเอง) "เอาล่ะครับ! ในเมื่อพวกเรารู้จักกันแล้ว พี่ขอแนะนำตัวอย่างเป็นทางการอีกครั้งนะครับ พี่ชื่อวายุ และนี่พี่เมฆครับ"
(เมย์ก็แนะนำเพื่อน ๆ ให้พี่ชายรู้จัก ทุกคนต่างแนะนำตัวเองและพูดคุยกันอย่างสนุกสนาน)
ธนา: (เสียงทุ้มต่ำพูดขึ้นมาอย่างเย็นชา) "ถ้าอย่างนั้น ผมก็ขอแนะนำเหมือนกันนะครับ..."
(เขาเดินมุ่งตรงเข้ามาหาริสาและใช้มือโอบไหล่เธอไว้)
(ริสารู้สึกเหมือนหายใจไม่ทั่วท้อง แขนขาอ่อนแรงไปหมดทันที)
ธนา: "คนนี้...ริสา น้องสาวผมเอง"
(ทุกคนต่างยืนอึ้งกับคำพูดของธนา เสียงตบมือของวายุดังขึ้นเพื่อปรับบรรยากาศที่ตึงเครียดให้กลับมาเป็นปกติ)
วายุ: "ดีเลย! ดีเลย! มีแต่คนกันเองทั้งนั้นเลย! คนนี้น้องไอ้เมฆ คนนี้น้องไอ้ธนา ส่วนผม...ไม่มีน้อง งั้นน้องจิ๊ดเป็นน้องพี่ไหมล่ะ ฮ่าๆๆๆ"
(จี๊ดที่กำลังกินขนมเต็มปากก็หัวเราะแก้เก้อ เธอรีบตบมือไปพร้อมกับวายุเพื่อช่วยคลายบรรยากาศที่อึดอัด)
วายุ: "เอาล่ะ ๆ! ในเมื่อเราทุกคนรู้จักกันอย่างเป็นทางการแล้ว เย็นวันเสาร์ที่จะถึงนี้พี่จะเปิดไนท์คลับอย่างเป็นทางการ สาว ๆ ไปกันนะ! ดื่มฟรี! ฟรีทั้งงานทั้งคืน! โอเคไหม!"
จี๊ด: (ปรบมือดีใจ) "ดีค่ะ! ดีค่ะ! ดีค่ะ!"
(ในขณะที่สายตาของธนาจ้องไปที่ริสาอย่างกับจะกินเลือดกินเนื้อ ส่วนริสาก็จ้องกลับอย่างไม่ลดละ)
บรรยากาศในงานเลี้ยงดูผ่อนคลายขึ้นทันทีที่เสียงดนตรีจากวงออเคสตราบรรเลงกังวานไปทั่วบริเวณ ผู้คนเริ่มขยับตัวคลอตามจังหวะเพลงอย่างสบายอารมณ์ ในมือแต่ละคนถือแก้วไวน์ใบสวย
การเต้นรำที่ไม่คาดคิด
ในจังหวะนั้นเอง เมฆที่ยืนอยู่ไม่ไกลจากกลุ่มสามสาวก็วางแก้วไวน์ลง ก่อนจะเดินตรงไปหาริสา เขาโค้งตัวลงอย่างสง่างาม พร้อมเอ่ยเชิญชวนด้วยรอยยิ้มอบอุ่น
"ขอเรียนเชิญเต้นรำกับพี่สักเพลงได้ไหมครับ น้องริสา"
ริสาที่กำลังตกใจกับท่าทีของเขาถึงกับอึ้งไปครู่หนึ่ง ก่อนจะค่อยๆ วางแก้วไวน์ในมือลง แล้วยื่นมือออกไปรับสัมผัสอันอ่อนโยนของเมฆ ทั้งคู่เดินออกไปกลางฟลอร์เต้นรำ ดูราวกับเจ้าชายและเจ้าหญิงในเทพนิยาย
"น้องริสานี่ดังในโซเชียลใช่ไหมครับ" เมฆเอ่ยขึ้นระหว่างที่เต้นรำ "พี่เห็นคนติดตามเยอะมากเลยนะ รีวิวสินค้าแต่ละที ยอดขายถล่มทลายเลย"
ริสายิ้มอย่างเขินอาย ใบหน้าเธอแดงระเรื่อราวกับลูกตำลึงสุก "แหม...ไม่ได้ขนาดนั้นหรอกค่ะพี่เมฆ สินค้าที่ริสารีวิวของเขาดีอยู่แล้วค่ะ ถึงริสาไม่พรีเซนต์ก็ขายได้อยู่ดี"
"ถ่อมตัวจังเลยนะครับ ตัวเล็กแค่นี้ ไม่น่าเชื่อเลยว่าจะทำอะไรได้ตั้งหลายอย่าง" เมฆพูดด้วยแววตาชื่นชม
สายตาอันตราย
ขณะที่เมฆกับริสากำลังเต้นรำกันอย่างโรแมนติก สายตาคู่หนึ่งกำลังจ้องมองมาอย่างเกรี้ยวกราด ธนากำหมัดแน่น มองภาพตรงหน้าด้วยสายตาที่เหมือนจะฉีกริสาให้เป็นชิ้นๆ เขาจิบไวน์ในมือจนหมดแก้ว ก่อนจะวางแก้วลงอย่างแรง แล้วหันไปถามหญิงสาวที่ยืนอยู่ข้างๆ
"มีใครจะเต้นรำกับพี่ไหม" เสียงทุ้มต่ำของเขาฟังดูเย็นชาจน จิ๊ดกับเมย์สะดุ้งเล็กน้อย ทั้งคู่มองหน้ากันอย่างไม่แน่ใจ
จิ๊ดจึงเป็นฝ่ายอาสา "ดะ...ได้ค่ะ"
ธนาลากจิ๊ดออกไปกลางฟลอร์อย่างไม่มีความโรแมนติกใดๆ ทั้งสิ้น แล้วพาเธอเข้าไปเต้นอยู่ข้างๆ คู่ของเมฆกับริสา
เมื่อเพลงกำลังจะจบลง ทั้งคู่หมุนตัวสลับคู่กันอย่างงงๆแบบไม่ทันตั้งตัว ธนาเหวี่ยงจิ๊ดไปอย่างแรงจนเมฆต้องรีบรับเธอไว้ด้วยความงุนงง ในจังหวะนั้นเอง ธนาก็ดึงตัวริสาเข้ามาหาอย่างรวดเร็ว...
เมฆ (เมฆินทร์): หนุ่มหล่อมาดนิ่ง สุขุม และอ่อนโยน เป็นเพื่อนสนิทของธนาและวายุตั้งแต่เด็ก ด้วยธุรกิจที่บ้านใกล้เคียงกัน ทำให้ทั้งสามเติบโตมาด้วยกันและมีความผูกพันที่แน่นแฟ้น เมฆเป็นคนที่มีความเป็นผู้นำสูง และเป็นที่พึ่งพาของเพื่อน ๆ ได้เสมอ วายุ: หนุ่มกะล่อน เจ้าสำราญ และมีอารมณ์ขันตลอดเวลา เป็นเพื่อนซี้ของธนามาตั้งแต่เด็กเช่นกัน แม้จะมีนิสัยต่างกับเมฆและธนาอย่างสิ้นเชิง แต่ความรักและห่วงใยที่มีให้กันนั้นไม่เคยลดลง วายุเป็นคนที่มีพลังบวกและชอบสร้างบรรยากาศให้ครึกครื้นอยู่เสมอ วายุเดินนำหน้าเข้างานมาอย่างคึกคัก พร้อมกับเมฆที่ยืนส่งยิ้มบาง ๆ วายุ: "เฮ้ย! ว่าไงวะคุณธนา! คุณพ่อคงดีใจตายเลยนะที่เห็นคุณลูกชายกลับมาอยู่บ้านได้ในที่สุดวันนี้" (วายุพูดเสียงดังขึ้นอย่างล้อเลียน) เมฆ: (เดินเข้ามาสมทบพร้อมยิ้มบาง ๆ) "ว่าไงวะ ทำไมถึงมาด้วยกันได้ นี่อย่าบอกนะว่าไอ้วายุ แกเลิกสถิตอยู่แต่ที่คอนโดไอ้เมฆได้แล้ว" วายุ: "แหม ไอ้ท่านรองประธานนี่ก็พูดเวอร์ไป ฉันแค่เปลี่ยนบรรยากาศเฉย ๆ ป่ะ" (วายุสวนกลับทันควัน ในขณะที่เมฆยังคงยืนยิ้ม) ธนา: (หันไปมองเมฆอย่างหงุดหงิด) "แล้วแกจะยืนยิ้ม
แสงไฟจากโคมระย้าคริสตัลสะท้อนชุดราตรีผ้าไหมสีชมพูอ่อนที่ "ริสา" สวมใส่ แม้จะเรียบง่ายแต่กลับขับเน้นความสง่างามของเธอ ทรงผมที่เกล้ามวยต่ำเผยให้เห็นลำคอระหงส์และผิวพรรณเปล่งปลั่ง ขณะที่ใบหน้าแต่งแต้มเพียงเล็กน้อยแต่ก็สะกดทุกสายตาได้อย่างอยู่หมัด งานเลี้ยงเปิดตัวภรรยาและลูกสาวคนใหม่ของ ศักดิ์ชัย เจ้าพ่ออสังหาริมทรัพย์ชื่อดังถูกจัดขึ้นอย่างหรูหราแต่ก็อบอุ่น แขกผู้มีเกียรติที่มาร่วมงานต่างก็เป็นบุคคลสำคัญในแวดวงธุรกิจ ไม่ว่าจะเป็นนักพัฒนาโครงการ สถาปนิก หรือผู้บริหารระดับสูงจากสถาบันการเงิน "ริสา สวยมากเลยลูก" มณี เอ่ยชมลูกสาวด้วยรอยยิ้มภาคภูมิใจที่เห็นเธอดูสง่างามในสถานะใหม่ ธนาที่ยืนมองมาแต่ไกลอยู่ในห้วงภวังค์แห่งความงามของเธอ...ในชุดราตรีสีชมพูอ่อนขับเน้นความสง่าและงดงามราวกับเจ้าหญิงในเทพนิยาย แต่เมื่อสายตาเลื่อนไปเห็น มณี ที่เดินเคียงข้างมา...ภาพความงามที่เคยตราตรึงก็พลันแตกสลาย หัวใจที่เคยเต้นรัวกลับเย็นเยียบลงในทันที ความรู้สึกไม่ดี ที่มีต่อแม่เลี้ยงพุ่งตรงไปที่เธอโดยไม่มีเหตุผล เขาไม่รู้มาก่อนว่าริสาคือลูกสาวของมณีผู้หญิงที่เข้ามาในชีวิตพ่อของเขา...ทุกอย่างดูเหมือนภาพ
แสงไฟจากโคมระย้าคริสตัลสะท้อนชุดราตรีผ้าไหมสีชมพูอ่อนที่ "ริสา" สวมใส่ แม้จะเรียบง่ายแต่กลับขับเน้นความสง่างามของเธอ ทรงผมที่เกล้ามวยต่ำเผยให้เห็นลำคอระหงส์และผิวพรรณเปล่งปลั่ง ขณะที่ใบหน้าแต่งแต้มเพียงเล็กน้อยแต่ก็สะกดทุกสายตาได้อย่างอยู่หมัดงานเลี้ยงเปิดตัวภรรยาและลูกสาวคนใหม่ของ ศักดิ์ชัย เจ้าพ่ออสังหาริมทรัพย์ชื่อดังถูกจัดขึ้นอย่างหรูหราแต่ก็อบอุ่น แขกผู้มีเกียรติที่มาร่วมงานต่างก็เป็นบุคคลสำคัญในแวดวงธุรกิจ ไม่ว่าจะเป็นนักพัฒนาโครงการ สถาปนิก หรือผู้บริหารระดับสูงจากสถาบันการเงิน"ริสา สวยมากเลยลูก" มณี เอ่ยชมลูกสาวด้วยรอยยิ้มภาคภูมิใจที่เห็นเธอดูสง่างามในสถานะใหม่ธนาที่ยืนมองมาแต่ไกลอยู่ในห้วงภวังค์แห่งความงามของเธอ...ในชุดราตรีสีชมพูอ่อนขับเน้นความสง่าและงดงามราวกับเจ้าหญิงในเทพนิยาย แต่เมื่อสายตาเลื่อนไปเห็น มณี ที่เดินเคียงข้างมา...ภาพความงามที่เคยตราตรึงก็พลันแตกสลาย หัวใจที่เคยเต้นรัวกลับเย็นเยียบลงในทันที ความรู้สึกไม่ดี ที่มีต่อแม่เลี้ยงพุ่งตรงไปที่เธอโดยไม่มีเหตุผล เขาไม่รู้มาก่อนว่าริสาคือลูกสาวของมณีผู้หญิงที่เข้ามาในชีวิตพ่อของเขา...ทุกอย่างดูเหมือนภาพที่ถูกจัดฉากเ
ใช่หรือเปล่า...?เท้าของธนารีบเหยียบเบรกทันทีจนรถเอี๊ยดเสียงดัง เขามองผ่านกระจกข้างด้วยหัวใจที่เต้นระรัว'ใช่ไหมนะ... เธอหรือเปล่า'รถเมล์สาย 12X เลี้ยวเข้ามาจอดเทียบป้ายพอดี หญิงสาวคนนั้นก้าวขึ้นรถไปอย่างไม่รีรอ ธนามองตามจนรถเมล์เคลื่อนตัวออกไปอย่างช้าๆ ก่อนจะค่อยๆ ขับรถตามไปติดๆเขาลดกระจกลง พยายามชะเง้อมองหญิงสาวบนรถเมล์คันนั้น เธอหันหลังให้ นั่งก้มหน้าก้มตาอยู่กับโทรศัพท์มือถือ ดูเหมือนจะไม่มีทางรู้เลยว่ามีคนแอบมองอยู่ ธนาขับตามไปเรื่อยๆ โดยไม่ทันรู้ตัวว่าเวลาได้ล่วงเลยไปนานแค่ไหนแล้ว จนกระทั่งรถเมล์จอดสนิทที่ป้ายสุดท้าย และริสาก้าวลงจากรถไปธนาสะดุ้งสุดตัวเหมือนเพิ่งตื่นจากภวังค์"บ้าเอ๊ย! เราทำอะไรอยู่วะ" เขาพึมพำกับตัวเองด้วยความสับสน ตั้งสติได้จึงรีบกลับรถมุ่งหน้าสู่คอนโดของตัวเองเมื่อทิ้งตัวลงบนเตียง เขาก็ยังคงคิดวนเวียนถึงใบหน้าของหญิงสาวคนนั้น 'หรือว่าเราตาฝาด? จะใช่เธอจริงๆ เหรอ' เขานึกสงสัย ก่อนจะคว้าโทรศัพท์ขึ้นมาเปิดไลฟ์สดขายเสื้อผ้าที่เคยดูประจำ และวินาทีที่เห็นชุดเดรสสีชมพูตัวนั้น เขาก็จำได้ในทันทีว่าเคยเห็นเธอใส่ในไลฟ์สดมาก่อนหญิงสาวในไลฟ์ดูแตกต่างจากที่เจอ
ใช่หรือเปล่า...?เท้าของธนารีบเหยียบเบรกทันทีจนรถเอี๊ยดเสียงดัง เขามองผ่านกระจกข้างด้วยหัวใจที่เต้นระรัว'ใช่ไหมนะ... เธอหรือเปล่า'รถเมล์สาย 12X เลี้ยวเข้ามาจอดเทียบป้ายพอดี หญิงสาวคนนั้นก้าวขึ้นรถไปอย่างไม่รีรอ ธนามองตามจนรถเมล์เคลื่อนตัวออกไปอย่างช้าๆ ก่อนจะค่อยๆ ขับรถตามไปติดๆเขาลดกระจกลง พยายามชะเง้อมองหญิงสาวบนรถเมล์คันนั้น เธอหันหลังให้ นั่งก้มหน้าก้มตาอยู่กับโทรศัพท์มือถือ ดูเหมือนจะไม่มีทางรู้เลยว่ามีคนแอบมองอยู่ ธนาขับตามไปเรื่อยๆ โดยไม่ทันรู้ตัวว่าเวลาได้ล่วงเลยไปนานแค่ไหนแล้ว จนกระทั่งรถเมล์จอดสนิทที่ป้ายสุดท้าย และริสาก้าวลงจากรถไปธนาสะดุ้งสุดตัวเหมือนเพิ่งตื่นจากภวังค์"บ้าเอ๊ย! เราทำอะไรอยู่วะ" เขาพึมพำกับตัวเองด้วยความสับสน ตั้งสติได้จึงรีบกลับรถมุ่งหน้าสู่คอนโดของตัวเองเมื่อทิ้งตัวลงบนเตียง เขาก็ยังคงคิดวนเวียนถึงใบหน้าของหญิงสาวคนนั้น 'หรือว่าเราตาฝาด? จะใช่เธอจริงๆ เหรอ' เขานึกสงสัย ก่อนจะคว้าโทรศัพท์ขึ้นมาเปิดไลฟ์สดขายเสื้อผ้าที่เคยดูประจำ และวินาทีที่เห็นชุดเดรสสีชมพูตัวนั้น เขาก็จำได้ในทันทีว่าเคยเห็นเธอใส่ในไลฟ์สดมาก่อนหญิงสาวในไลฟ์ดูแตกต่างจากที่เจอ
หลังจากเกิดเรื่องไม่คาดฝัน ริสาตัดสินใจมาขออาศัยอยู่กับ จี๊ด เพื่อนสนิท และเล่าเรื่องทั้งหมดให้ฟังริสา: "แก! ฉันขอไปอยู่กับแกหน่อยสิ ตอนนี้ฉันอยู่หน้าคอนโดแกแล้ว"จี๊ด (ตกใจ): "เดี๋ยวๆ ทำไมถึงย้ายเร็วนักวะ ไหนว่าจะไปอยู่คอนโดใหม่?"ริสา: "เรื่องมันยาวอ่ะ ลงมารับฉันก่อน เดี๋ยวฉันเล่าให้ฟัง"ริสาเล่าเรื่องคืนนั้นเมื่อมาถึงห้อง จี๊ดรินน้ำให้ริสาดื่ม แต่พอริสาเริ่มเล่าเรื่องที่ไม่น่าเชื่อ จี๊ดถึงกับสำลักน้ำริสา: "ก็ฉันดื่มไปเยอะจนจำอะไรไม่ได้ รู้ตัวอีกทีก็ไปนอนกอดผู้ชายคนนึงแล้ว"จี๊ด (หน้าเหวอ): "อะไรนะ! แกเนี่ยนะ! ไปนอนกับผู้ชายที่ไม่รู้จัก!?"ริสา (ก้มหน้า): "ฉันไม่ได้ตั้งใจ มันเป็นเพราะแกนั่นแหละ! แกชวนฉันดื่มเองนะ"จี๊ด (พยายามทำความเข้าใจ): "แล้วแกไปอยู่ในห้องเขาได้ยังไงวะ?"ริสา: "ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน รู้ตัวอีกทีก็ตื่นขึ้นมาแล้ว"สารภาพริสาเอาแต่มองเพดานอย่างสิ้นหวัง ขณะที่จี๊ดเกิดความสงสัยจี๊ด: "แต่... ผู้ชายคนนั้นหล่อไหมแก?"ริสา (ตาเป็นประกาย): "หล่อมาก! ดูอายุเยอะกว่าเราหน่อย คงสัก 4-5 ปี"จี๊ด (ยิ้ม): "โอ๊ย! แบบนี้ไม่เรียกแก่หรอก เขาเรียกว่าผู้ชายอบอุ่น! ทำไมแกไม่สานต







