LOGINเมฆ (เมฆินทร์): หนุ่มหล่อมาดนิ่ง สุขุม และอ่อนโยน เป็นเพื่อนสนิทของธนาและวายุตั้งแต่เด็ก ด้วยธุรกิจที่บ้านใกล้เคียงกัน ทำให้ทั้งสามเติบโตมาด้วยกันและมีความผูกพันที่แน่นแฟ้น เมฆเป็นคนที่มีความเป็นผู้นำสูง และเป็นที่พึ่งพาของเพื่อน ๆ ได้เสมอ
วายุ: หนุ่มกะล่อน เจ้าสำราญ และมีอารมณ์ขันตลอดเวลา เป็นเพื่อนซี้ของธนามาตั้งแต่เด็กเช่นกัน แม้จะมีนิสัยต่างกับเมฆและธนาอย่างสิ้นเชิง แต่ความรักและห่วงใยที่มีให้กันนั้นไม่เคยลดลง วายุเป็นคนที่มีพลังบวกและชอบสร้างบรรยากาศให้ครึกครื้นอยู่เสมอ
วายุเดินนำหน้าเข้างานมาอย่างคึกคัก พร้อมกับเมฆที่ยืนส่งยิ้มบาง ๆ
วายุ: "เฮ้ย! ว่าไงวะคุณธนา! คุณพ่อคงดีใจตายเลยนะที่เห็นคุณลูกชายกลับมาอยู่บ้านได้ในที่สุดวันนี้" (วายุพูดเสียงดังขึ้นอย่างล้อเลียน)
เมฆ: (เดินเข้ามาสมทบพร้อมยิ้มบาง ๆ) "ว่าไงวะ ทำไมถึงมาด้วยกันได้ นี่อย่าบอกนะว่าไอ้วายุ แกเลิกสถิตอยู่แต่ที่คอนโดไอ้เมฆได้แล้ว"
วายุ: "แหม ไอ้ท่านรองประธานนี่ก็พูดเวอร์ไป ฉันแค่เปลี่ยนบรรยากาศเฉย ๆ ป่ะ" (วายุสวนกลับทันควัน ในขณะที่เมฆยังคงยืนยิ้ม)
ธนา: (หันไปมองเมฆอย่างหงุดหงิด) "แล้วแกจะยืนยิ้มอีกนานไหม จะไม่พูดอะไรหน่อยเหรอ ขอบใจมากนะที่อุตส่าห์ยอมโผล่หัวมางานสำคัญพิเศษวันนี้ได้"
เมฆ: (สีหน้าจริงจังขึ้นเล็กน้อย) "แกทำหน้าอะไรแบบนั้นธนา นี่มันวันพิเศษของคุณอานะ"
ธนา: "ก็ใช่ไง วันพิเศษของพ่อฉัน ไม่ใช่ของฉันสักหน่อย!" (ธนาพูดจบก็ยกแก้วไวน์ขึ้นกระดกจนหมดแก้วด้วยสีหน้าเซ็ง ๆ อย่างชัดเจน)
เมฆ: (รีบถามด้วยความเป็นห่วง) "นี่เป็นอะไรอีก อย่าบอกนะว่ายังห่วงพ่อเรื่องที่พ่อจะหาแม่ใหม่ให้แก ได้ข่าวว่ามีน้องสาวคนใหม่ด้วยนี่"
ธนา: (ยิ่งโมโหขึ้นกว่าเดิม) "อย่าให้พูดเลยว่ะ...ป่ะ เข้าไปในงานกันเถอะ" (ทั้งสามคนเดินลึกเข้าไปในงาน)
ทันใดนั้น สายตาของธนาก็เหลือบไปเห็นหญิงสาวคุ้นตาคนหนึ่งกำลังยืนหมุนตัวไปมาในชุดราตรีสีชมพูอ่อน ๆ ที่สวยราวกับเจ้าหญิง ภาพตรงหน้าทำให้ชายหนุ่มทั้งสามคนถึงกับตะลึงในความงามของริสา
วายุ: "โอ้โห! นี่มันนางฟ้าชัด ๆ นั่นลูกใครวะ ทำไมไม่เคยเห็นในแวดวงธุรกิจของพ่อนายมีลูกสาวบ้านไหนสวยขนาดนี้มาก่อนเลยวะ ไปมาก็หลายงานแล้วไม่เคยเห็นแก๊งสาวสวยแก๊งนี้เลย"
เมฆ: (มองไปที่หญิงสาวทั้งสามด้วยสายตาที่หวานเยิ้ม แต่สายตาของเขาไปสะดุดเข้ากับหญิงสาวที่ยืนหันหลังให้อยู่ในชุดสีฟ้า) "ผู้หญิงที่ยืนหันหลังอยู่ในชุดสีฟ้านั่น...ฉันรู้จัก"
วายุ: "ใครวะ"
เมฆ: "ยิ่งกว่ารู้จักอีก!"
วายุ: "ใครวะ!"
เมฆ: "ก็ยัยเมย์ไง...น้องสาวของฉันเอง!"
(เมฆยิ้มอ่อนโยนก่อนจะเดินเข้าไปหาเมย์อย่างไม่ลังเล ทิ้งให้ธนาและวายุนิ่งอึ้งไปครู่หนึ่ง)
(เมย์ หญิงสาวร่างเล็กหน้าหวานเพื่อนสนิทของริสา สะดุ้งเมื่อได้ยินเสียงที่คุ้นเคย เธอหันกลับไปเจอพี่ชายร่างสูงหล่อคมที่ยืนอยู่ด้านหลัง)
เมย์: "พี่เมฆ! มาด้วยเหรอคะ"
เมฆ: "ทำไมมางานนี้ไม่บอกพี่เลย เมย์เองก็ไม่เห็นบอกว่าจะย้ายกลับมาจากเชียงใหม่"
เมย์: "คุณพ่อคุณแม่ไม่ได้มาค่ะ เมย์เองก็เพิ่งรู้ว่างานที่เมย์จะมาคือบ้านของคุณอาศักดิ์ชัย แล้วอีกอย่างพี่ก็ไม่ค่อยกลับบ้าน มัวแต่อยู่คอนโดหนิคะ" (เมฆหันไปมองธนาและวายุด้วยรอยยิ้ม ก่อนจะผายมือไปทางน้องสาว)
เมฆ: "นี่ไง...ขอแนะนำ เมย์ น้องสาวฉันเอง ที่แกกับไอ้ธนาไม่เคยเห็นก็ไม่แปลก เพราะยัยเมย์ไปอยู่เชียงใหม่กับคุณยายตั้งแต่อยู่มัธยม เพิ่งจะย้ายกลับมาตอนเข้ามหาวิทยาลัยนี่แหละ"
(วายุถึงกับถลึงตามองอย่างตกใจ)
วายุ: "นี่น้องสาวแกโตขนาดนี้แล้วเหรอวะ! โอ้โห...นึกว่าจะอยู่เชียงใหม่อีกสักสิบปี"
(จี๊ดและริสาทำหน้างง ในขณะที่วายุมองไปเห็นเมย์ที่สวยและน่ารักจนตาค้าง ทุกคนที่ยืนอยู่ตรงนั้นต่างงงกันหมด)
จิ๊ด: (ถามขึ้นมาอย่างสงสัย) "อ้าว ยายเมย์ นี่แกรู้จักเจ้าของบ้านหลังนี้เหรอ"
เมย์: "เออ แก...รู้จัก พอดีพ่อกับแม่ฉันสนิทกับคุณอาผู้หญิงที่เสียไปแล้ว (หมายถึงแม่ของธนา) ตอนแรกฉันก็ไม่รู้ว่าแกจะชวนมางานอะไร บอกแค่ว่าเป็นงานเปิดตัวแม่ของริสา พอมาถึงฉันก็มัวแต่ตกใจอยู่ เลยยังไม่ได้บอกว่าฉันรู้จักเจ้าของบ้านนี้"
จี๊ด: "โธ่เอ๊ย! แกไม่ยอมบอกฉัน ฉันก็ลืมไปว่าแกมันลูกคุณหนู ก็น่าจะอยู่ในแวดวงนี้ มีแต่คนกันเองทั้งนั้นเลย" (ในขณะนั้น ริสารู้สึกหวั่นใจและหนักหน่วง เธอคิดว่าเหตุการณ์ต่อจากนี้คงไม่ราบรื่นเหมือนที่คิดไว้ก่อนจะเข้ามาที่บ้านหลังนี้)
วายุ: (เริ่มแนะนำตัวเองกับทุกคนอย่างเป็นกันเอง) "เอาล่ะครับ! ในเมื่อพวกเรารู้จักกันแล้ว พี่ขอแนะนำตัวอย่างเป็นทางการอีกครั้งนะครับ พี่ชื่อวายุ และนี่พี่เมฆครับ"
(เมย์ก็แนะนำเพื่อน ๆ ให้พี่ชายรู้จัก ทุกคนต่างแนะนำตัวเองและพูดคุยกันอย่างสนุกสนาน)
ธนา: (เสียงทุ้มต่ำพูดขึ้นมาอย่างเย็นชา) "ถ้าอย่างนั้น ผมก็ขอแนะนำเหมือนกันนะครับ..."
(เขาเดินมุ่งตรงเข้ามาหาริสาและใช้มือโอบไหล่เธอไว้)
(ริสารู้สึกเหมือนหายใจไม่ทั่วท้อง แขนขาอ่อนแรงไปหมดทันที)
ธนา: "คนนี้...ริสา น้องสาวผมเอง"
(ทุกคนต่างยืนอึ้งกับคำพูดของธนา เสียงตบมือของวายุดังขึ้นเพื่อปรับบรรยากาศที่ตึงเครียดให้กลับมาเป็นปกติ)
วายุ: "ดีเลย! ดีเลย! มีแต่คนกันเองทั้งนั้นเลย! คนนี้น้องไอ้เมฆ คนนี้น้องไอ้ธนา ส่วนผม...ไม่มีน้อง งั้นน้องจิ๊ดเป็นน้องพี่ไหมล่ะ ฮ่าๆๆๆ"
(จี๊ดที่กำลังกินขนมเต็มปากก็หัวเราะแก้เก้อ เธอรีบตบมือไปพร้อมกับวายุเพื่อช่วยคลายบรรยากาศที่อึดอัด)
วายุ: "เอาล่ะ ๆ! ในเมื่อเราทุกคนรู้จักกันอย่างเป็นทางการแล้ว เย็นวันเสาร์ที่จะถึงนี้พี่จะเปิดไนท์คลับอย่างเป็นทางการ สาว ๆ ไปกันนะ! ดื่มฟรี! ฟรีทั้งงานทั้งคืน! โอเคไหม!"
จี๊ด: (ปรบมือดีใจ) "ดีค่ะ! ดีค่ะ! ดีค่ะ!"
(ในขณะที่สายตาของธนาจ้องไปที่ริสาอย่างกับจะกินเลือดกินเนื้อ ส่วนริสาก็จ้องกลับอย่างไม่ลดละ)
บรรยากาศในงานเลี้ยงดูผ่อนคลายขึ้นทันทีที่เสียงดนตรีจากวงออเคสตราบรรเลงกังวานไปทั่วบริเวณ ผู้คนเริ่มขยับตัวคลอตามจังหวะเพลงอย่างสบายอารมณ์ ในมือแต่ละคนถือแก้วไวน์ใบสวย
การเต้นรำที่ไม่คาดคิด
ในจังหวะนั้นเอง เมฆที่ยืนอยู่ไม่ไกลจากกลุ่มสามสาวก็วางแก้วไวน์ลง ก่อนจะเดินตรงไปหาริสา เขาโค้งตัวลงอย่างสง่างาม พร้อมเอ่ยเชิญชวนด้วยรอยยิ้มอบอุ่น
"ขอเรียนเชิญเต้นรำกับพี่สักเพลงได้ไหมครับ น้องริสา"
ริสาที่กำลังตกใจกับท่าทีของเขาถึงกับอึ้งไปครู่หนึ่ง ก่อนจะค่อยๆ วางแก้วไวน์ในมือลง แล้วยื่นมือออกไปรับสัมผัสอันอ่อนโยนของเมฆ ทั้งคู่เดินออกไปกลางฟลอร์เต้นรำ ดูราวกับเจ้าชายและเจ้าหญิงในเทพนิยาย
"น้องริสานี่ดังในโซเชียลใช่ไหมครับ" เมฆเอ่ยขึ้นระหว่างที่เต้นรำ "พี่เห็นคนติดตามเยอะมากเลยนะ รีวิวสินค้าแต่ละที ยอดขายถล่มทลายเลย"
ริสายิ้มอย่างเขินอาย ใบหน้าเธอแดงระเรื่อราวกับลูกตำลึงสุก "แหม...ไม่ได้ขนาดนั้นหรอกค่ะพี่เมฆ สินค้าที่ริสารีวิวของเขาดีอยู่แล้วค่ะ ถึงริสาไม่พรีเซนต์ก็ขายได้อยู่ดี"
"ถ่อมตัวจังเลยนะครับ ตัวเล็กแค่นี้ ไม่น่าเชื่อเลยว่าจะทำอะไรได้ตั้งหลายอย่าง" เมฆพูดด้วยแววตาชื่นชม
สายตาอันตราย
ขณะที่เมฆกับริสากำลังเต้นรำกันอย่างโรแมนติก สายตาคู่หนึ่งกำลังจ้องมองมาอย่างเกรี้ยวกราด ธนากำหมัดแน่น มองภาพตรงหน้าด้วยสายตาที่เหมือนจะฉีกริสาให้เป็นชิ้นๆ เขาจิบไวน์ในมือจนหมดแก้ว ก่อนจะวางแก้วลงอย่างแรง แล้วหันไปถามหญิงสาวที่ยืนอยู่ข้างๆ
"มีใครจะเต้นรำกับพี่ไหม" เสียงทุ้มต่ำของเขาฟังดูเย็นชาจน จิ๊ดกับเมย์สะดุ้งเล็กน้อย ทั้งคู่มองหน้ากันอย่างไม่แน่ใจ
จิ๊ดจึงเป็นฝ่ายอาสา "ดะ...ได้ค่ะ"
ธนาลากจิ๊ดออกไปกลางฟลอร์อย่างไม่มีความโรแมนติกใดๆ ทั้งสิ้น แล้วพาเธอเข้าไปเต้นอยู่ข้างๆ คู่ของเมฆกับริสา
เมื่อเพลงกำลังจะจบลง ทั้งคู่หมุนตัวสลับคู่กันอย่างงงๆแบบไม่ทันตั้งตัว ธนาเหวี่ยงจิ๊ดไปอย่างแรงจนเมฆต้องรีบรับเธอไว้ด้วยความงุนงง ในจังหวะนั้นเอง ธนาก็ดึงตัวริสาเข้ามาหาอย่างรวดเร็ว...
ในขณะที่ทั้งคู่ที่ยืนสบตากันธนา รุกด้วยท่าทีที่นุ่มนวล "ทำอะไรกันอยู่ครับ ไม่เห็นชวนพี่มาบ้างเลย อุตส่าห์รอให้ชวน ก็ไม่เห็นชวน เลยต้องเดินมากดกริ่ง"ริสาถึงกับเขิน ธนาจับไปที่แก้มสีชมพูของคนตรงหน้า "หน้าแดงใหญ่เลย เขินพี่ขนาดนั้นเลยเหรอ"ริสาที่ยังอึ้งรีบดึงสติแล้วเดินกลับไปนั่งที่โซฟา "ริสาแค่ทำตัวไม่ถูกค่ะ พี่จะกลับมาทำไมไม่บอกล่วงหน้า ยังส่งข้อความคุยกันอยู่เลย กลับมาแล้วน่าจะบอกริสาหน่อย"ธนา เดินตามมานั่งลงตรงข้ามเธอ "ก็พี่ยุ่งๆ กับห้องใหม่อยู่เลยยังไม่เข้าที่เข้าทาง... ทำไม ถ้ารู้ว่าเป็นพี่ย้ายมาอยู่ข้างห้อง จะช่วยพี่จัดของเหรอ"ริสา "เปล่าสักหน่อย ริสาก็แค่... แค่ทำตัวไม่ถูก ที่พี่มาอยู่ตรงหน้าแบบกะทันหันแบบนี้"ธนา เสียงนุ่มนวลและจริงใจ "หลายเดือนที่ผ่านมา พี่ขอโทษริสานะ ที่พี่ไม่ได้อยู่ข้างๆ ริสา"ริสา "จะขอโทษทำไมคะ มันเป็นความต้องการของริสาเอง มันทำให้ริสาทำใจง่าย การที่ไม่เจอหน้าพี่ในช่วงนั้น... ถ้าริสาต้องเจอพี่ในตอนนั้นมันมีแต่ความเจ็บปวดของการสูญเสีย"ธนานั่งนิ่งเงียบ สีหน้าเริ่มเศร้าลงมา พร้อมกับคำถามที่แสนจริงใจ "แล้วตอนนี้... เจอหน้าพี่... แล้วยังเจ็บปวดอยู่ไห
หกเดือนผ่านไป...หลังเหตุการณ์ที่พลิกผันชีวิต ริสา เลือกที่จะย้ายออกจากบ้านตามความต้องการของตัวเอง ทว่าเพื่อคลายความกังวลของของแม่ เธอจึงยอมรับข้อเสนอของพ่อเลี้ยงที่มอบคอนโดมิเนียมให้เป็นที่พักพิง และรอคอยวันที่เธอพร้อมจะกลับมาริสาใช้ชีวิตอย่างเรียบง่ายที่คอนโด เธอทำงานรับงานรีวิวบ้าง ขายของออนไลน์บ้าง พยายามดำเนินชีวิตให้กลับสู่ภาวะปกติ ทว่าบาดแผลจากการสูญเสียครั้งใหญ่ยังคงฝังลึกในใจ ไม่มีวันลบเลือนเสียงตะกุกตะกักดังมาจากห้องข้างๆ ริสาเปิดประตูออกไปดูด้วยความแปลกใจ "อ้าว! ห้องนี้มีคนซื้อแล้วเหรอ... เพื่อนบ้านใหม่จะเป็นผู้หญิงหรือผู้ชายนะ" เธอพึมพำกับตัวเอง ก่อนจะปิดประตูและกลับมานั่งดูทีวีต่อหลังจากที่ริสาปิดประตู... ชายหนุ่มรูปร่างสูงโปร่ง ผิวขาว คิ้วเข้มคมคาย ก้าวออกมาจากลิฟต์ เขาหยุดยืนอยู่หน้าห้องของตน แต่สายตาและใบหน้ากลับจับจ้องไปยังประตูห้องข้างๆ ที่เพิ่งปิดลง รอยยิ้มเล็กๆ แห่งความหวังฉายชัดบนใบหน้า ก่อนที่เขาจะเดินเข้าสู่ห้องใหม่ที่เพิ่งขนข้าวของเข้ามา เขาเปิดม่านรับแสงแดดยามบ่ายอ่อนๆ ยืนเท้าเอวทอดสายตาไปยังวิวเบื้องหน้าอันกว้างไกล ก่อนจะหันมาพึมพำกับตัวเอง"นี่แหละค
ริสาหลับไปได้ราว 3 ชั่วโมง จากความอ่อนเพลียและความเจ็บปวดทั้งทางกายและใจ จนเสียงสะอื้นเงียบลงไปธนานั่งเฝ้าไม่ห่าง ค่อยๆ ขยับเข้าไปมองใบหน้าเธอใกล้ๆ ความรู้สึกเจ็บปวดที่ทิ่มแทงหัวใจเขา... เขาใช้ปลายนิ้วแตะไปที่ผ้าปิดแผลด้วยความรู้สึกผิดและลูบกลุ่มผมของเธอเบาๆ สัมผัสรอยน้ำตาข้างแก้มที่ยังไม่แห้งกรัง ปากเขาพึมพำแต่คำว่า "ขอโทษ" อย่างไม่หยุดหย่อนน้ำตาลูกผู้ชายไหลออกมาอย่างไม่อาจห้ามได้ ยอมรับความรู้สึกผิดอย่างแท้จริงชั่วขณะต่อมา ริสารู้สึกเหมือนมีบางสิ่งสัมผัสกายและใบหน้า เธอสะดุ้งเล็กน้อยแล้วลืมตาขึ้น พบว่าเป็นธนา ชายที่เธอรักมากที่สุด สายตาอ่อนล้าและเจ็บปวดในใจของเธอสบกับเขา เป็นสายตาที่ผสมผสานระหว่างความรักและความทนทุกข์ริสาไม่ได้ถาม ไม่ด่าทอ หรือแม้แต่ไล่เขาไป เธอกลับเงียบสนิทราวกับเขาไม่มีตัวตน ยิ่งทำให้ธนารู้สึกทรมานในหัวใจมากขึ้น"ริสา... ทำไมต้องเงียบแบบนี้ด้วย จะด่า จะว่า จะไล่พี่ก็ยังดี! พูดกับพี่สักคำได้ไหม พี่ขอร้อง พี่ขอโทษนะ อย่าเงียบแบบนี้เลย ให้โอกาสพี่สักครั้ง พี่ยอมรับผิดทุกอย่าง จะว่าพี่ยังไงก็ได้ แต่อย่าเงียบแบบนี้" ธนาอ้อนวอนด้วยเสียงสั่นเครือและใบหน้าเปื้อนน
ทันทีที่ธนาก้าวออกมาจากห้องพักฟื้น เขาเหมือนสูญสิ้นเรี่ยวแรง ร่างสูงใหญ่ทรุดฮวบลงนั่งคุกเข่าต่อหน้ามณีและศักดิ์ชัย ด้วยความรู้สึกผิดที่กัดกินหัวใจจนแทบจะแหลกสลายเมฆที่ยืนอยู่ใกล้ๆ รับรู้ถึงบรรยากาศอันหนักอึ้ง เขาเลือกที่จะเดินเลี่ยงออกไปอย่างเงียบเชียบ ปล่อยให้ครอบครัวได้เผชิญหน้าและสะสางเรื่องราวกันเองธนาก้มหน้าต่ำ ติดพื้นห้องเย็นเฉียบ น้ำตาเอ่อคลอ ก่อนจะเริ่มกล่าวคำขอโทษและสารภาพผิดทั้งหมดออกมาอย่างยากลำบาก"ผมขอโทษครับคุณน้า... ทุกอย่างเป็นความผิดของผมคนเดียว ถ้าผมชัดเจนและทำให้น้องมั่นใจในความสัมพันธ์ของเรามากกว่านี้... เรื่องของเราคงไม่ต้องปิดบังใคร... เป็นเพราะผม... ตั้งแต่แรก..."ธนาหยุดหายใจ พยายามรวบรวมสติ "ทั้งๆ ที่ทุกอย่างมันเกิดขึ้นตั้งแต่ที่เรายังไม่รู้จักกัน... ผมน่าจะทำให้มันถูกต้องตั้งแต่ทีแรก..."คำว่า 'ความผิดพลาดตั้งแต่ทีแรก' ทำให้มณีที่กำลังปวดร้าวอยู่แล้วยิ่งชะงักงัน"อะไรคือความผิดพลาดตั้งแต่ครั้งแรก... ตั้งแต่ยังไม่รู้จักกัน... น้าไม่เข้าใจ !" มณีเอ่ยถามเสียงสั่นเทาแฝงความประหลาดใจธนาเงยหน้าขึ้น ดวงตาแดงก่ำ เล่าเรื่องราวทั้งหมดให้มณีฟังอย่างละเอียดยิบ พ
ไม่ทราบว่าพวกคุณเป็นญาติของคนไข้หรือเปล่าครับ...ทุกคนเงียบกริบ ธนา, มณี, และศักดิ์ชัย ก้าวเข้าไปหาคุณหมอพร้อมกันด้วยความหวังอันริบหรี่คุณหมอ สีหน้าเคร่งเครียดและเศร้าสร้อย"ต้องขอแสดงความเสียใจด้วยนะครับ..."คำพูดนั้น... ทำให้ ธนา ทรุดตัวลงกับพื้น มณีร้องไห้โฮอย่างสุดเสียงธนา เสียงแตกพร่า คุณหมอ... หมายความว่ายังไงครับ! ริสา... !คุณหมอ "คนไข้ปลอดภัยครับ แต่เนื่องจากคนไข้ได้รับแรงกระแทกอย่างรุนแรงจากการตกบันได... ทำให้... เราไม่สามารถช่วยชีวิตเด็กในครรภ์ไว้ได้ครับ คนไข้มีภาวะแท้งคุกคามจากการกระทบกระเทือนอย่างรุนแรง..."ความเงียบเข้าปกคลุมทุกคนศักดิ์ชัยถึงกับกุมขมับอย่างเคร่งเครียด ส่วนธนาคุกเข่าตัวสั่นงันงกลงกับพื้นด้วยความเจ็บปวดมณีหยุดร้องไห้ชั่วขณะด้วยความสับสนมณี เสียงแหบแห้ง "เด็ก... เด็กอะไรคะ! ลูกสาวฉัน... ริสา... ริสาท้องเหรอคะ...!"ศักดิ์ชัยหันไปมองธนาอย่างไม่เชื่อสายตา "ธนา... นี่แก... เป็นแก...แกทำอะไรลงไป...!"ธนา ไม่สามารถตอบได้ เขาร้องไห้สะอึกสะอื้นอย่างบ้าคลั่ง ความเจ็บปวดจากการสูญเสียที่มาพร้อมกับการรับรู้ถึงการมีอยู่ของลูก! และการสูญเสียครั้งนี้เกิดจ
จีน่า รีบวิ่งตามออกมา "เดี๋ยวก่อนอย่าเพิ่งไป!"ริสาไม่สนใจรีบเดินลิ่ว จีน่า รีบวิ่งตามมาคว้าแขนเธอไว้"ฉันบอกว่าหยุด!" นี่เธอมีปัญหากับพี่ชายของเธอเพราะรูปถ่ายใบนั้นเหรอ! ฉันไม่คิดว่าเขาจะยังเก็บไว้อยู่! และอีกอย่างนึง รูปนั้น..."ริสา ไม่ฟังสะบัดแขนจีน่าออกอย่างรวดเร็ว แล้วรีบวิ่งไปที่ลิฟท์ แต่ลิฟท์ไม่เปิด เธอจึงวิ่งไปทาง บันไดหนีไฟ ทันที เพื่อที่จะรีบออกจากที่น่ารังเกียจนี้ให้เร็วที่สุดธนา ที่วิ่งตามมาเห็นคนรักที่ตกบันไดไปต่อหน้าต่อตา หัวใจของเขาร่วงหล่นตามร่างเธอลงไป เขาตกใจจนแทบหยุดหายใจ ริสากลิ้งลงไปจนถึงขั้นสุดท้ายของบันได แล้วเธอก็ แน่นิ่งไปทันทีที่ ธนา วิ่งมาถึงร่างของเธอ เขาไม่สนใจอาการบาดเจ็บที่มือของตัวเอง รีบช้อนร่างบางของเธอขึ้นมา... เลือด ที่ไหลออกมาจากไรผมของเธอ และที่น่าตกใจกว่านั้นคือ เลือดที่ไหลออกมาจากช่วงล่างของเธอ เต็มไปถึงขา"ริสา... ริสา..." เขาพยายามเรียกชื่อเธอและเขย่าเบาๆ แต่เธอก็ไม่ได้สติน้ำตาเขาไหลพรากออกมาอย่างบ้าคลั่งด้วยความเจ็บปวดอย่างที่สุด ราวกับมีดนับพันเล่มกรีดแทงกลางอก เขาไม่มีเวลาเสียใจ ความหวาดกลัวเข้ากัดกินจนไร้สติ รีบอุ้มร่างของเธอขึ้น







