LOGINแสงไฟจากโคมระย้าคริสตัลสะท้อนชุดราตรีผ้าไหมสีชมพูอ่อนที่ "ริสา" สวมใส่ แม้จะเรียบง่ายแต่กลับขับเน้นความสง่างามของเธอ ทรงผมที่เกล้ามวยต่ำเผยให้เห็นลำคอระหงส์และผิวพรรณเปล่งปลั่ง ขณะที่ใบหน้าแต่งแต้มเพียงเล็กน้อยแต่ก็สะกดทุกสายตาได้อย่างอยู่หมัด
งานเลี้ยงเปิดตัวภรรยาและลูกสาวคนใหม่ของ ศักดิ์ชัย เจ้าพ่ออสังหาริมทรัพย์ชื่อดังถูกจัดขึ้นอย่างหรูหราแต่ก็อบอุ่น แขกผู้มีเกียรติที่มาร่วมงานต่างก็เป็นบุคคลสำคัญในแวดวงธุรกิจ ไม่ว่าจะเป็นนักพัฒนาโครงการ สถาปนิก หรือผู้บริหารระดับสูงจากสถาบันการเงิน
"ริสา สวยมากเลยลูก" มณี เอ่ยชมลูกสาวด้วยรอยยิ้มภาคภูมิใจที่เห็นเธอดูสง่างามในสถานะใหม่
ธนาที่ยืนมองมาแต่ไกลอยู่ในห้วงภวังค์แห่งความงามของเธอ...ในชุดราตรีสีชมพูอ่อนขับเน้นความสง่าและงดงามราวกับเจ้าหญิงในเทพนิยาย แต่เมื่อสายตาเลื่อนไปเห็น มณี ที่เดินเคียงข้างมา...ภาพความงามที่เคยตราตรึงก็พลันแตกสลาย หัวใจที่เคยเต้นรัวกลับเย็นเยียบลงในทันที ความรู้สึกไม่ดี ที่มีต่อแม่เลี้ยงพุ่งตรงไปที่เธอโดยไม่มีเหตุผล เขาไม่รู้มาก่อนว่าริสาคือลูกสาวของมณีผู้หญิงที่เข้ามาในชีวิตพ่อของเขา...ทุกอย่างดูเหมือนภาพที่ถูกจัดฉากเอาไว้ตั้งแต่วันที่เขาเห็นเธอที่ร้านอาหารในวันนั้น
ริสาจับมือแม่ไว้แน่น มอบยิ้มหวานตอบกลับด้วยความรู้สึกซาบซึ้งใจ ทั้งสามคนเดินเคียงข้างกันอย่างสง่าผ่าเผย ตามหลังศักดิ์ชัยที่ภูมิใจในตัวภรรยาและลูกสาวคนใหม่อย่างออกนอกหน้า ขณะที่กำลังทักทายแขก ริสาก็พลันเหลือบไปเห็นดวงตาคู่หนึ่งจ้องมองมาจากมุมหนึ่งของงาน หัวใจของเธอพลันกระตุกวูบเมื่อได้เห็นใบหน้าของเขาอย่างชัดเจน
"เขามาทำไม..." ริสาพึมพำกับตัวเองด้วยความตกตะลึง
คนที่ยืนอยู่ตรงนั้นคือ...ชายหนุ่มที่เธอจำได้ดีว่าเป็นคนเดียวกับเมื่อหลายเดือนก่อน ในคืนที่เธอเมาจนเข้าห้องผิดและมีความสัมพันธ์กับเขาอย่างไม่ตั้งใจโดยที่ไม่ได้กล่าวลา และไม่คิดเลยว่าจะได้กลับมาพบกันอีกในสถานการณ์แบบนี้
ธนาในชุดสูทสีเข้มดูสูงสง่า ริมฝีปากที่เคยฉายรอยยิ้มถูกแทนที่ด้วยความเรียบนิ่งที่ยากจะคาดเดาความรู้สึก เขา...คือลูกชายคนเดียวของศักดิ์ชัย และดูเหมือนว่าเขาจะเป็นคนสำคัญของงานนี้ด้วย
"ริสา...ธนา นี่คือลูกชายคนเดียวของพ่อนะ" เสียงของศักดิ์ชัยดึงสติเธอให้กลับคืนมา ริสาพยายามรวบรวมความกล้าเงยหน้าขึ้นสบตาเขา แม้ในใจจะตกใจแค่ไหนก็พยายามควบคุมสีหน้าให้นิ่งที่สุด
ดวงตาของทั้งคู่ประสานกัน ธนาก็ตกใจไม่แพ้กันที่เห็นเธอในฐานะลูกเลี้ยงคนใหม่ของพ่อ แต่เขาก็ฉายรอยยิ้มมุมปากเล็กน้อยก่อนจะทักทายแม่ของเธอด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่งราวกับไม่เคยรู้จักกันมาก่อน
ธนา: สวัสดีครับ... น้องริสา ยินดีที่ได้รู้จักครับ
เขาเน้นคำว่า "น้อง" ชัดเจน ทำให้เธอรูู้้สึกถึงความยอกย้อนที่ซ่อนอยู่
ธนาเดินจากไปอย่างรวดเร็ว ริสาที่เหมือนถูกตรึงไว้กับที่ เมื่อได้สติเธอก็รีบเดินตามเขาไปจนถึงมุมที่สงบของงาน
ริสา: คุณ...
ชายหนุ่มหันมา ดวงตาของเขาฉายแววที่ซับซ้อนบางอย่าง
ธนา: มีอะไรหรือเปล่าครับ
ริสา: คุณ... เป็นลูกชายคุณพ่อ
ธนายิ้มเยาะ
ธนา: 'คุณพ่อ' งั้นเหรอ? คุณเรียกได้เต็มปากเลยนะ
ริสาถึงกับทำตัวไม่ถูก เธอพยายามควบคุมสีหน้าให้เป็นปกติ
ริสา: ท่านอยากให้เราทำความรู้จักกันค่ะ ก็ไม่ใช่เรื่องแปลกนี่คะ ในเมื่อตอนนี้แม่กับคุณพ่อ...ใช้ชีวิตคู่ร่วมกันแล้ว
ธนา: ถ้าอย่างนั้น คุณก็ต้องเป็นน้องสาวผมสิ
ริสา: ใช่ค่ะ...ฉันเป็นน้องสาวคุณ...คุณคือพี่ชายของฉัน เราสองคนเป็นพี่น้องกัน
ริสาพูดพลางหลบตา ขณะที่ธนาจ้องมองอย่างจับผิด เขาแน่ใจทันทีว่าเธอจำเรื่องคืนนั้นได้ แต่แสร้งทำเป็นจำไม่ได้ เขาจึงตัดสินใจพูดบางอย่างขึ้นมา
ธนา: ในเมื่อเป็นครอบครัวเดียวกันแล้ว ก็ไม่ต้องเรียก 'คุณ' นะ... เรียกผมว่า 'พี่' นะครับ น้องริสา
ริสาตัวสั่นเล็กน้อยก่อนจะเงยหน้าสบตาเขา
ริสา: ค่ะ... พี่ธนา
ธนา: ดีเลย... ถ้าเป็นครอบครัวเดียวกัน ต่อจากนี้พี่จะได้ย้ายกลับมาอยู่บ้าน จะได้เป็นครอบครัวที่สมบูรณ์แบบ
คำพูดของธนาทำให้ริสาใจหายวาบ เธอรู้สึกไม่มั่นใจว่าจะใช้ชีวิตร่วมกับผู้ชายคนนี้ได้ยังไง ความคิดที่ว่าจะต้องมาอยู่บ้านเดียวกับ 'ลูกเลี้ยง' ของแม่ก็แย่พออยู่แล้ว แต่นี่...ลูกเลี้ยงคนนั้นกลับเป็นผู้ชายที่เธอเคยมีความสัมพันธ์ด้วย เธอพยายามสงบสติอารมณ์และตอบกลับไป
ริสา: ริสาว่าก็ดีนะคะ ถ้าพี่กลับมาอยู่ที่บ้าน คุณพ่อจะได้สบายใจและมีความสุข พี่ชายเองก็คงอยากเห็นท่านมีความสุขเหมือนกันใช่ไหมคะ
ธนา: (ปรบมืออย่างประชดประชัน) ดีใจแทนคุณพ่อนะ ที่อยู่ดีๆ ก็มีลูกสาวที่ไหนไม่รู้โผล่มาเป็นลูกรักเอาใจอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน คุณพ่อผมโชคดีจริงๆ ได้ทั้งเมียทั้งลูกสาวมาในคราวเดียวกัน ไม่รู้ทำบุญด้วยอะไร
คำพูดของเขาทำให้ริสารู้ว่าธนาที่เธอเคยเจอในคืนนั้นเป็นเพียงภาพลวงตา จากความหวาดกลัว ใบหน้าของเธอเปลี่ยนเป็นเรียบนิ่ง สายตาแข็งกร้าวขึ้นมาทันที
ริสา: ก็ต้องทำบุญหนักหน่อยนะคะ ถ้าจะให้เจอคนดีๆ แบบริสา ไม่ใช่จะหากันง่ายๆ ถ้าแต้มบุญไม่ถึงก็คงหาไม่ได้หรอกค่ะ
คำนั้นทำให้ธนารู้สึกหงุดหงิดและโมโห เขาใช้มือกระชากแขนเธอเข้ามาใกล้และบีบข้อมืออย่างแรง
ธนา: (ยิ้มเหยียดหยาม) แบบนี้คงไม่ต้องใช้แต้มบุญหรอก...แค่เศษบุญก็เกินพอแล้ว
ริสา: โอ๊ย...ปล่อยนะ...ริสาเจ็บ!
เธอพยายามดิ้นให้หลุด ข้อมือที่ขาวเนียนเป็นรอยแดงจากรอยบีบและสร้อยข้อมือที่กดทับ ริสาเช็ดน้ำตาที่คลอเบ้าพร้อมลูบข้อมือตัวเองแล้วรีบเดินหนี เธอเดินชนไหล่เขาเล็กน้อยก่อนจะจากไป
ธนา: (พึมพำกับตัวเอง) มารยา...ทำเป็นสำออย...ไม่น่าล่ะพ่อถึงได้หลง...
เมฆ (เมฆินทร์): หนุ่มหล่อมาดนิ่ง สุขุม และอ่อนโยน เป็นเพื่อนสนิทของธนาและวายุตั้งแต่เด็ก ด้วยธุรกิจที่บ้านใกล้เคียงกัน ทำให้ทั้งสามเติบโตมาด้วยกันและมีความผูกพันที่แน่นแฟ้น เมฆเป็นคนที่มีความเป็นผู้นำสูง และเป็นที่พึ่งพาของเพื่อน ๆ ได้เสมอ วายุ: หนุ่มกะล่อน เจ้าสำราญ และมีอารมณ์ขันตลอดเวลา เป็นเพื่อนซี้ของธนามาตั้งแต่เด็กเช่นกัน แม้จะมีนิสัยต่างกับเมฆและธนาอย่างสิ้นเชิง แต่ความรักและห่วงใยที่มีให้กันนั้นไม่เคยลดลง วายุเป็นคนที่มีพลังบวกและชอบสร้างบรรยากาศให้ครึกครื้นอยู่เสมอ วายุเดินนำหน้าเข้างานมาอย่างคึกคัก พร้อมกับเมฆที่ยืนส่งยิ้มบาง ๆ วายุ: "เฮ้ย! ว่าไงวะคุณธนา! คุณพ่อคงดีใจตายเลยนะที่เห็นคุณลูกชายกลับมาอยู่บ้านได้ในที่สุดวันนี้" (วายุพูดเสียงดังขึ้นอย่างล้อเลียน) เมฆ: (เดินเข้ามาสมทบพร้อมยิ้มบาง ๆ) "ว่าไงวะ ทำไมถึงมาด้วยกันได้ นี่อย่าบอกนะว่าไอ้วายุ แกเลิกสถิตอยู่แต่ที่คอนโดไอ้เมฆได้แล้ว" วายุ: "แหม ไอ้ท่านรองประธานนี่ก็พูดเวอร์ไป ฉันแค่เปลี่ยนบรรยากาศเฉย ๆ ป่ะ" (วายุสวนกลับทันควัน ในขณะที่เมฆยังคงยืนยิ้ม) ธนา: (หันไปมองเมฆอย่างหงุดหงิด) "แล้วแกจะยืนยิ้ม
แสงไฟจากโคมระย้าคริสตัลสะท้อนชุดราตรีผ้าไหมสีชมพูอ่อนที่ "ริสา" สวมใส่ แม้จะเรียบง่ายแต่กลับขับเน้นความสง่างามของเธอ ทรงผมที่เกล้ามวยต่ำเผยให้เห็นลำคอระหงส์และผิวพรรณเปล่งปลั่ง ขณะที่ใบหน้าแต่งแต้มเพียงเล็กน้อยแต่ก็สะกดทุกสายตาได้อย่างอยู่หมัด งานเลี้ยงเปิดตัวภรรยาและลูกสาวคนใหม่ของ ศักดิ์ชัย เจ้าพ่ออสังหาริมทรัพย์ชื่อดังถูกจัดขึ้นอย่างหรูหราแต่ก็อบอุ่น แขกผู้มีเกียรติที่มาร่วมงานต่างก็เป็นบุคคลสำคัญในแวดวงธุรกิจ ไม่ว่าจะเป็นนักพัฒนาโครงการ สถาปนิก หรือผู้บริหารระดับสูงจากสถาบันการเงิน "ริสา สวยมากเลยลูก" มณี เอ่ยชมลูกสาวด้วยรอยยิ้มภาคภูมิใจที่เห็นเธอดูสง่างามในสถานะใหม่ ธนาที่ยืนมองมาแต่ไกลอยู่ในห้วงภวังค์แห่งความงามของเธอ...ในชุดราตรีสีชมพูอ่อนขับเน้นความสง่าและงดงามราวกับเจ้าหญิงในเทพนิยาย แต่เมื่อสายตาเลื่อนไปเห็น มณี ที่เดินเคียงข้างมา...ภาพความงามที่เคยตราตรึงก็พลันแตกสลาย หัวใจที่เคยเต้นรัวกลับเย็นเยียบลงในทันที ความรู้สึกไม่ดี ที่มีต่อแม่เลี้ยงพุ่งตรงไปที่เธอโดยไม่มีเหตุผล เขาไม่รู้มาก่อนว่าริสาคือลูกสาวของมณีผู้หญิงที่เข้ามาในชีวิตพ่อของเขา...ทุกอย่างดูเหมือนภาพ
แสงไฟจากโคมระย้าคริสตัลสะท้อนชุดราตรีผ้าไหมสีชมพูอ่อนที่ "ริสา" สวมใส่ แม้จะเรียบง่ายแต่กลับขับเน้นความสง่างามของเธอ ทรงผมที่เกล้ามวยต่ำเผยให้เห็นลำคอระหงส์และผิวพรรณเปล่งปลั่ง ขณะที่ใบหน้าแต่งแต้มเพียงเล็กน้อยแต่ก็สะกดทุกสายตาได้อย่างอยู่หมัดงานเลี้ยงเปิดตัวภรรยาและลูกสาวคนใหม่ของ ศักดิ์ชัย เจ้าพ่ออสังหาริมทรัพย์ชื่อดังถูกจัดขึ้นอย่างหรูหราแต่ก็อบอุ่น แขกผู้มีเกียรติที่มาร่วมงานต่างก็เป็นบุคคลสำคัญในแวดวงธุรกิจ ไม่ว่าจะเป็นนักพัฒนาโครงการ สถาปนิก หรือผู้บริหารระดับสูงจากสถาบันการเงิน"ริสา สวยมากเลยลูก" มณี เอ่ยชมลูกสาวด้วยรอยยิ้มภาคภูมิใจที่เห็นเธอดูสง่างามในสถานะใหม่ธนาที่ยืนมองมาแต่ไกลอยู่ในห้วงภวังค์แห่งความงามของเธอ...ในชุดราตรีสีชมพูอ่อนขับเน้นความสง่าและงดงามราวกับเจ้าหญิงในเทพนิยาย แต่เมื่อสายตาเลื่อนไปเห็น มณี ที่เดินเคียงข้างมา...ภาพความงามที่เคยตราตรึงก็พลันแตกสลาย หัวใจที่เคยเต้นรัวกลับเย็นเยียบลงในทันที ความรู้สึกไม่ดี ที่มีต่อแม่เลี้ยงพุ่งตรงไปที่เธอโดยไม่มีเหตุผล เขาไม่รู้มาก่อนว่าริสาคือลูกสาวของมณีผู้หญิงที่เข้ามาในชีวิตพ่อของเขา...ทุกอย่างดูเหมือนภาพที่ถูกจัดฉากเ
ใช่หรือเปล่า...?เท้าของธนารีบเหยียบเบรกทันทีจนรถเอี๊ยดเสียงดัง เขามองผ่านกระจกข้างด้วยหัวใจที่เต้นระรัว'ใช่ไหมนะ... เธอหรือเปล่า'รถเมล์สาย 12X เลี้ยวเข้ามาจอดเทียบป้ายพอดี หญิงสาวคนนั้นก้าวขึ้นรถไปอย่างไม่รีรอ ธนามองตามจนรถเมล์เคลื่อนตัวออกไปอย่างช้าๆ ก่อนจะค่อยๆ ขับรถตามไปติดๆเขาลดกระจกลง พยายามชะเง้อมองหญิงสาวบนรถเมล์คันนั้น เธอหันหลังให้ นั่งก้มหน้าก้มตาอยู่กับโทรศัพท์มือถือ ดูเหมือนจะไม่มีทางรู้เลยว่ามีคนแอบมองอยู่ ธนาขับตามไปเรื่อยๆ โดยไม่ทันรู้ตัวว่าเวลาได้ล่วงเลยไปนานแค่ไหนแล้ว จนกระทั่งรถเมล์จอดสนิทที่ป้ายสุดท้าย และริสาก้าวลงจากรถไปธนาสะดุ้งสุดตัวเหมือนเพิ่งตื่นจากภวังค์"บ้าเอ๊ย! เราทำอะไรอยู่วะ" เขาพึมพำกับตัวเองด้วยความสับสน ตั้งสติได้จึงรีบกลับรถมุ่งหน้าสู่คอนโดของตัวเองเมื่อทิ้งตัวลงบนเตียง เขาก็ยังคงคิดวนเวียนถึงใบหน้าของหญิงสาวคนนั้น 'หรือว่าเราตาฝาด? จะใช่เธอจริงๆ เหรอ' เขานึกสงสัย ก่อนจะคว้าโทรศัพท์ขึ้นมาเปิดไลฟ์สดขายเสื้อผ้าที่เคยดูประจำ และวินาทีที่เห็นชุดเดรสสีชมพูตัวนั้น เขาก็จำได้ในทันทีว่าเคยเห็นเธอใส่ในไลฟ์สดมาก่อนหญิงสาวในไลฟ์ดูแตกต่างจากที่เจอ
ใช่หรือเปล่า...?เท้าของธนารีบเหยียบเบรกทันทีจนรถเอี๊ยดเสียงดัง เขามองผ่านกระจกข้างด้วยหัวใจที่เต้นระรัว'ใช่ไหมนะ... เธอหรือเปล่า'รถเมล์สาย 12X เลี้ยวเข้ามาจอดเทียบป้ายพอดี หญิงสาวคนนั้นก้าวขึ้นรถไปอย่างไม่รีรอ ธนามองตามจนรถเมล์เคลื่อนตัวออกไปอย่างช้าๆ ก่อนจะค่อยๆ ขับรถตามไปติดๆเขาลดกระจกลง พยายามชะเง้อมองหญิงสาวบนรถเมล์คันนั้น เธอหันหลังให้ นั่งก้มหน้าก้มตาอยู่กับโทรศัพท์มือถือ ดูเหมือนจะไม่มีทางรู้เลยว่ามีคนแอบมองอยู่ ธนาขับตามไปเรื่อยๆ โดยไม่ทันรู้ตัวว่าเวลาได้ล่วงเลยไปนานแค่ไหนแล้ว จนกระทั่งรถเมล์จอดสนิทที่ป้ายสุดท้าย และริสาก้าวลงจากรถไปธนาสะดุ้งสุดตัวเหมือนเพิ่งตื่นจากภวังค์"บ้าเอ๊ย! เราทำอะไรอยู่วะ" เขาพึมพำกับตัวเองด้วยความสับสน ตั้งสติได้จึงรีบกลับรถมุ่งหน้าสู่คอนโดของตัวเองเมื่อทิ้งตัวลงบนเตียง เขาก็ยังคงคิดวนเวียนถึงใบหน้าของหญิงสาวคนนั้น 'หรือว่าเราตาฝาด? จะใช่เธอจริงๆ เหรอ' เขานึกสงสัย ก่อนจะคว้าโทรศัพท์ขึ้นมาเปิดไลฟ์สดขายเสื้อผ้าที่เคยดูประจำ และวินาทีที่เห็นชุดเดรสสีชมพูตัวนั้น เขาก็จำได้ในทันทีว่าเคยเห็นเธอใส่ในไลฟ์สดมาก่อนหญิงสาวในไลฟ์ดูแตกต่างจากที่เจอ
หลังจากเกิดเรื่องไม่คาดฝัน ริสาตัดสินใจมาขออาศัยอยู่กับ จี๊ด เพื่อนสนิท และเล่าเรื่องทั้งหมดให้ฟังริสา: "แก! ฉันขอไปอยู่กับแกหน่อยสิ ตอนนี้ฉันอยู่หน้าคอนโดแกแล้ว"จี๊ด (ตกใจ): "เดี๋ยวๆ ทำไมถึงย้ายเร็วนักวะ ไหนว่าจะไปอยู่คอนโดใหม่?"ริสา: "เรื่องมันยาวอ่ะ ลงมารับฉันก่อน เดี๋ยวฉันเล่าให้ฟัง"ริสาเล่าเรื่องคืนนั้นเมื่อมาถึงห้อง จี๊ดรินน้ำให้ริสาดื่ม แต่พอริสาเริ่มเล่าเรื่องที่ไม่น่าเชื่อ จี๊ดถึงกับสำลักน้ำริสา: "ก็ฉันดื่มไปเยอะจนจำอะไรไม่ได้ รู้ตัวอีกทีก็ไปนอนกอดผู้ชายคนนึงแล้ว"จี๊ด (หน้าเหวอ): "อะไรนะ! แกเนี่ยนะ! ไปนอนกับผู้ชายที่ไม่รู้จัก!?"ริสา (ก้มหน้า): "ฉันไม่ได้ตั้งใจ มันเป็นเพราะแกนั่นแหละ! แกชวนฉันดื่มเองนะ"จี๊ด (พยายามทำความเข้าใจ): "แล้วแกไปอยู่ในห้องเขาได้ยังไงวะ?"ริสา: "ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน รู้ตัวอีกทีก็ตื่นขึ้นมาแล้ว"สารภาพริสาเอาแต่มองเพดานอย่างสิ้นหวัง ขณะที่จี๊ดเกิดความสงสัยจี๊ด: "แต่... ผู้ชายคนนั้นหล่อไหมแก?"ริสา (ตาเป็นประกาย): "หล่อมาก! ดูอายุเยอะกว่าเราหน่อย คงสัก 4-5 ปี"จี๊ด (ยิ้ม): "โอ๊ย! แบบนี้ไม่เรียกแก่หรอก เขาเรียกว่าผู้ชายอบอุ่น! ทำไมแกไม่สานต







