บรรยากาศในห้องตอนนี้อึมครึมน่าอึดอัดสุดๆ ตอนนี้มีคนนั่งอยู่ในห้องประชุมนี้แค่ไม่กี่คนเท่านั้น มีฉัน อีตาประธานจอมเผด็จการนั่น คนที่ชื่อธนิน แล้วก็พนักงานที่มีรายชื่ออีกสามคน ดูท่าคนที่น่าจะอึดอัดและประหม่าที่สุดก็คงไม่พ้นพนักงานสามคนที่นั่งกันอยู่ตรงหน้า น่าสงสารพวกเขาชะมัด ที่ต้องมาเจอประธานคนใหม่ที่เหี้ยมแล้วก็เผด็จการแบบนี้
“มีอะไรอยากจะพูดกับผมก่อนโดนไล่ออกมั้ย?” น้ำเสียงเรียบนิ่งถูกเปล่งออกมาจากคนตัวสูง สายตาที่เขาจ้องมองไปยังพนักงานเหล่านั้น มันเยือกเย็นจนทำให้พวกเขาพากันตัวสั่นไม่กล้าพูดอะไรออกมาสักคำ ท่าทางของพนักงานเหล่านี้มันคุ้นๆชะมัด เหมือนได้เห็นท่าทีของตัวเองตอนกลัวคนตัวสูงผ่านพวกเขาเลย “ยะ…อย่าไล่พวกเราออกเลยนะครับ ถ้าไล่พวกเราออก พวกเราต้องแย่แน่ๆ ผมขอร้องล่ะนะครับท่านประธาน” หนึ่งในพนักงานคนนั้นเอ่ยปากขอร้องอ้อนวอนคนเป็นประธาน แต่คำพูดพวกนั้นดูเหมือนจะไม่เข้าหูประธานจอมเผด็จการของพวกเขาเลยสักนิด “หึๆ! ไม่น่าแย่หรอกมั้ง? ถึงจะโดนไล่ออกจากที่นี่แล้ว…ก็ยังมีบริษัทวีเครอรับพวกนายอยู่ไม่ใช่เหรอ?” หืม? ทำไมจู่ๆเขาถึงพูดถึงบริษัทวีเคขึ้นมาได้ล่ะ? “เอ่อ…คือ…” สีหน้าของพนักงานที่นั่งอยู่ดูเลิ่กลั่กขึ้นมาทันที หลังจากที่คุณคิมหันต์พูดถึงบริษัทวีเค “ธนิน!” เขาหันไปเรียกคนที่ชื่อธนิน ก่อนที่เขาคนนั้นจะก้มลงไปทำอะไรสักอย่างกับคอมตรงหน้าตัวเอง พรึ่บ!! หลังจากนั้นไม่นานภาพบนหน้าจอก็เริ่มเปลี่ยนไปจากเดิม จากภาพนิ่งในตอนแรกกลายเป็นวิดีโอภาพเคลื่อนไหวแทน แต่เดี๋ยวนะ!! นั่นมัน…ฉันนี่! ฉันไปโผล่อยู่ในคลิปนั่นได้ยังไงกัน!? วิดีโอที่เห็นตรงหน้าคือภาพบันทึกของฉันเมื่อคืนตอนที่ฉันแอบย่องออกมาจากห้องพัก ตามมาด้วยวิดีโอตอนที่ฉันกำลังยัดอาหารเข้าปากไปอย่างมูมมาม ‘หนีไปตอนนี้เลยดีมั้ยนะ’ ชัดเลย! เสียงที่ดังออกมาจากคลิปมันคือเสียงฉันชัดๆ “นี่มันอะไรกันเนี่ย? คุณคิมหันต์!!” ฟุ่บ!! ฉันลุกขึ้นจากเก้าอี้ที่นั่งอยู่ ก่อนจะเดินกระทืบเท้าไปหาคนตัวสูงอย่างไม่พอใจ “เธอคิดจะหนีเหรอเกวลิน?!” แทนที่จะตอบคำถามฉัน เขากลับถามคำถามบ้าๆออกมาทั้งยังจ้องเขม็งมาที่ฉันราวกับกำลังคาดโทษจากฉันอยู่งั้นแหละ “นี่มันใช่เวลามาถามคำถามนั้นเหรอคะ? คุณควรอธิบายเรื่องวิดีโอในจอนั้นมากกว่านะ คุณคิมหันต์!!” “รู้ใช่มั้ยว่าฉันได้วิดีโอนี้มาจากไหน?” เฮอะ! นี่เขา…มองข้ามหัวฉันไปได้ยังไง? “เอ่อ…ไม่ใช่ผมนะครับ ผมไม่ได้เป็นคนซ่อนกล้องนะครับท่านประธาน! มันนี่แหละครับซ่อน” ซ่อนกล้อง? พนักงานชายคนนั้น…แอบซ่อนกล้องไว้ในห้องพักงั้นเหรอ? “ไม่จริงเลยนะครับ มันนี่แหละที่สั่งให้ผมแอบซ่อนกล้องในห้องพักลูกค้าเพื่อแอบเก็บข้อมูลอ่ะ” ท่าทีร้อนรนของพนักงานชายทั้งสองคนยืนยันได้เป็นอย่างดีว่าสิ่งที่ฉันคาดเดาเอาไว้คือเรื่องจริงแน่ๆ “จะให้ฉันจัดการยังไงดี? จับส่งตำรวจเลยดีมั้ย?” “อย่านะครับท่านประธาน! อย่าส่งเราไปให้ตำรวจเลยนะครับ พวกเราทำไปตามคำสั่งอ่ะ เราไม่มีทางเลือกจริงๆครับ” ทั้งสองคนพากันคุกเข่าขอร้องอ้อนวอนคนตัวสูง ที่ตอนนี้กำลังขมวดคิ้วจ้องเขม็งไปยังพนักงานสองคนนั้น สายตาแบบนี้ของเขา มันกำลังบอกว่า…เขากำลังโกรธอยู่แน่ๆ “วีเคกรุ๊ป! นายขายข้อมูลของลูกค้าโรงแรมฉันให้คนฝั่งนั้นใช่มั้ย?” วีเคกรุ๊ปเหรอ? คนพวกนี้แอบขายข้อมูลให้วีเคกรุ๊ปงั้นเหรอ? วีเคกรุ๊ปเป็นบริษัทคู่แข่งของเอ.เอส.เอ็น เพราะงั้นฝั่งนั้นถึงแอบมาซื้อข้อมูลจากคนของที่นี่สินะ แต่สิ่งที่ได้ยินมามันจะไม่ทำให้ฉันตกใจมากขนาดนี้เลย ถ้าฉันไม่รู้จักกับคนของวีเคกรุ๊ป แต่…ทิวเขา! บริษัทวีเคกรุ๊ป เป็นบริษัทของพ่อทิวเขานี่ ฉันไม่รู้หรอกว่าเรื่องแบบนี้มันเป็นเรื่องปกติในการทำธุรกิจมั้ย แต่ฉันแอบกังวลว่าเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นวันนี้…มันจะเกี่ยวข้องกับทิวเขา “ชะ…ใช่ครับ!” ฟึ่บ!! คุณคิมหันต์นั่งลงไปบนเก้าอี้ก่อนจะโยนมือถือไปให้พนักงานทั้งสองคนที่นั่งคุกเข่าอยู่บนพื้น “โทรไปหาคนนั้นสิ” “อะไรนะครับ?” “คนที่มาซื้อข้อมูลกับนาย โทรไปหาเขา เดี๋ยวนี้!!” ทั้งน้ำเสียง ทั้งท่าทีทุกอย่างของคนตัวสูง มันเยือกเย็นจนฉันเองก็แอบขนลุกไปด้วย แม้ฉันจะไม่ใช่คนผิดก็ตาม เพราะงั้นคงไม่ต้องให้ฉันพูดหรอกว่าพนักงานสองคนนั้นจะกลัวจนตัวสั่นขนาดไหน “เอ่อ…คือ…” “เลือกเอาว่าจะโทรหาคนๆนั้น หรือจะให้ฉันส่งตัวพวกนายไปให้ตำรวจจัดการ” “ไม่ครับๆ ผะ…ผมจะโทรไปเดี๋ยวนี้เลยครับ!!” พนักงานคนหนึ่งหยิบมือถือตรงหน้าขึ้นมา ก่อนจะก้มลงไปกดเบอร์โทรในมือถือ ตืดๆๆ!! เสียงรอสายดังขึ้นมา ไม่รู้ทำไมแต่ใจฉันมันเต้นตุ้มๆต่อมๆ กังวลทุกครั้งที่เสียงรอสายดังขึ้น พนักงานคนนั้นกดโทรออกหาใครกันนะ คงไม่ใช่นายหรอกใช่มั้ย? ทิว… [“มีอะไร? ฉันบอกแล้วใช่มั้ยว่าถ้าได้เงินไปแล้วก็อย่าโทรมาอีก”] ฉันแอบหวังว่ามันจะไม่ใช่ทิวเขา แต่… “ทำไมถึงเป็นนายได้ล่ะ? ทิว!” ฉันจำเสียงทิวเขาได้ตั้งแต่คำแรกที่เขาพูดออกมาเลยล่ะ [“ใครน่ะ? เกวเหรอ? เกวใช่มั้ย? เกว…นี่เกวไปอยู่กับมันได้ยังไง?”] “ทิว…” ติ๊ด!! ยังไม่ทันที่ฉันจะได้ถามอะไรออกไปต่อ คนตัวสูงก็หยิบมือถือจากพนักงานคนนั้นมากดวางสายทันที “เธอรู้จักกับมันด้วยเหรอ?” คุณคิมหันต์หันกลับมาเขม่นตาถามฉัน ฉันควรตอบกลับไปยังไงดี? ฉันมั่นใจว่าเสียงที่ได้ยินเมื่อกี้คือเสียงของทิวเขาแน่ๆ แต่ถ้า…ฉันตอบไปว่าใช่ มันจะทำให้ทิวเขาเดือดร้อนรึเปล่านะ? “ฉะ…ฉันไม่รู้!” ฉันหลบตาของคนตัวสูงที่จ้องมาทางฉัน ก่อนจะตอบสิ่งที่มันตรงข้ามกับความเป็นจริงออกไป “ไม่รู้ก็ไม่เป็นไร! เพราะทุกอย่างที่เกิดขึ้นในห้องนี้ถูกบันทึกภาพเก็บไว้หมดแล้ว ธนิน…ฝากจัดการต่อด้วยนะ!” “ได้ครับ” “ส่วนเธอ…” หมับ!! คนตัวสูงเข้ามาคว้าข้อมือของฉันไว้ แล้วลากออกไปจากห้องทันที “…มากับฉัน!” “โอ้ย! คุณคิมหันต์ คุณจะพาฉันไปไหนเนี่ย?”[คิมหันต์]“คุณคิมหันต์!! มาดูนี่เร็ววว~” เสียงของคนตัวเล็กที่ยืนอยู่ริมทะเลหันมาร้องเรียกผมพร้อมกับรอยยิ้มที่สดใส“หึๆ” ผมที่ที่กำลังเดินอยู่ก็รีบเร่งฝีเท้าเดินเข้าไปหาเกวลินโดยทันที พร้อมกับหิ้วไก่ทอดที่ซื้อมาก่อนหน้านี้ติดมือมาด้วย ตามคำสั่งของคนตัวเล็ก“คุณคิมหันต์ พระอาทิตย์ตกสวยมากเลยว่ามั้ยคะ?” พอเดินเข้ามาถึงตัวเกวลินแล้ว เธอก็ยังคงยกยิ้มสดใสออกมาด้วยความสดใส แถมยังกระโดดไปมาดุกดิกด้วยความตื่นเต้นกับวิวพระอาทิตย์ตกริมทะเลตรงหน้าอีกด้วยผมที่ได้เห็นท่าทีของเธอที่น่ารักของเธอ ก็อดไม่ได้ที่จะยกยิ้มออกมาด้วยความเอ็นดู“ไหนว่าจะกลับห้องไง ทำไมถึงพามาที่นี่ล่ะ?” หลังจากออกมาจากห้างก่อนหน้านี้ ผมตั้งใจว่าจะพาเกวลินกลับไปพักที่ห้องของเธอทันที แต่เธอก็ดื้อดึงอ้อนให้ผมพามาดูพระอาทิตย์ตกที่นี่จนได้ แล้วท่าทีตอนที่เกวลินอ้อนผมมันก็ดันน่ารักซะจนผมปฏิเสธเธอไม่ลงเลยจริงๆ“จะกลับเลยได้ยังไงล่ะคะ วันนี้อุตส่าห์ได้พักทั้งที ต้องออกมาเที่ยวซะหน่อยสิ”หมับ!! เกวลินพูดพร้อมกับส่งยิ้มหวานมาให้ผม ขณะเดียวกันเธอก็ยื่นมือตัวเองมาจับมือที่ว่างอยู่ของผมเอาไว้ ก่อนจะพูดอะไรบางอย่างที่ทำให้ผมใจสั
[เกวลิน]“แน่ใจนะว่าไม่ต้องไปโรงพยาบาล” คุณคิมหันต์ที่ขับรถอยูข้างๆเอ่ยถามคำถามนีเป็นรอบที่สิบได้แล้วมั้ง? หลังจากที่ฉันดีขึ้นแล้ว คุณริมหันต์ก็จัดการเรื่องลางานกับผู้จัดการให้ฉัน แถมยังอาสาพาฉันกลับห้องอีกด้วย และตั้งแต่ที่ออกมามาจากโรงแรม เขาก็เอาแต่ถามย้ำกับฉันอยู่ได้ว่าไม่เป็นไรแน่นะ? ไม่ต้องโรงพยาบาลแน่นะ? ให้ฉันพาไปโรงพยาบาลมั้ย? ถามย้ำรอบที่สิบได้แล้วมั้งน่ะ“เกวไม่เป็นไรแล้วจริงๆค่า แข็งแรงดี สบายใจหายห่วงได้ค่ะ”“ถ้างั้นกลับห้องไปก็พักผ่อนให้เต็มที่่นะ”“เอ่อ คือว่า…ก่อนกลับห้อง เกวมีที่ที่ต้องไปก่อนน่ะค่ะ” จริงๆวันนี้ฉันต้องไปทำธุระสำคัญอย่างหนึ่ง ตอนแรกฉันตั้งใจว่าจะไปคนเดียวด้วยซ้ำ แต่คุณคิมหันต์ก็ดื้อดึงจะไปส่งฉันให้ได้ ฉันปฏิเสธเขาไม่ได้เลยจริงๆ เลยต้องยอมให้เขามาส่งให้จนได้“ไว้รอหายดีก่อนแล้วค่อยไปวันหลัง วันนี้เธอต้องกลับไปพักก่อน”“ไม่ได้ค่ะ เกวต้องไปทำธุระสำคัญมากๆ ต้องไปวันนี้เท่านั้นค่ะ”“ฉันไม่ให้ไป” คนตัวสูงข้างๆเอ่ยออกมาอย่างเด็ดขาด“คุณคิมหันต์! นี่คุณจะเห็นแก่ตัวเกินไปแล้วนะ ฉันไปแค่แปบเดียว คุณแค่ไปส่งฉันแล้วนั่งรออยู่บนรถก็ได้”“ธุระอะไรจะสำคัญไป
[คิมหันต์]พรึ่บ!! ผมค่อยๆลืมตาขึ้นมาอย่างช้าๆ ก่อนที่จะต้องหรี่ตาลงเมื่อแสงที่เล็ดลอดผ่านผ้าม่านสอดส่องเข้ามากระทบกับดวงตา และเมื่อปรับสายตาให้คงที่ได้แล้ว ผมถึงได้รู้ว่าตัวเองยังคงนอนอยู่ใขอบนเตียงในห้องพักของเกวลินเหมือนเดิมเพียงแต่ตอนนี้ที่ข้างๆที่เคยมีเกวลินนอนอยู่ด้วย กลับเหลือไว้เพียงแค่รอยยับที่ว่างเปล่าเท่านั้นเกวลิน…ยัยนั่นทิ้งผมไปอีกแล้วเหรอเนี่ย?ฟุ่บ!! ผมลุกขึ้นมาจากเตียงนอน ก่อนจะเดินตรงเข้าไปในห้องน้ำเพื่อล้างหน้าล้างตา แต่เมื่อก้าวเข้าไปในห้องน้ำแล้ว บางสิ่งบางอย่างอยู่ในนั้นกลับทำให้ผมแปลกใจขึ้นมาบนกระจกในห้องน้ำมีกระดาษอยู่สามแผ่นแปะเรียงกันไว้อย่างเป็นแถวเลยล่ะฟึ่บ! ผมเอื้อมมือไปหยิบกระดาษโน้ตแผ่นที่แปะอยู่บนกระจกห้องน้ำมาอ่าน‘เกวต้องออกไปทำงานแต่เช้าเมื่อคืนคุณดูเหนื่อยมากเกวเลยไม่อยากปลุก ขอโทษที่ปล่อยให้อยู่คนเดียวนะคะ’“หึ! ใครกันแน่ที่เหนื่อย” ผมยกยิ้มขึ้นมาอย่างพอใจทันทีที่ได้อ่านข้อความที่เกวลินทิ้งไว้ให้ฟึ่บ!! จากนี้ก็หยิบกระดาษโน้ตใบที่สองขึ้นมาอ่านต่อ‘คุณอาบน้้ำแปรงฟันก่อนได้นะคะ เกวแขวนเสื้อผ้าที่คุณพอจะใส่ได้ไว้ให้ที่ตู้แล้ว’ผมอดไม่ไ
วันต่อมาณ โรงแรมพาวิลงเลียน“อ้าวเกว” เสียงของรินณ์เอ่ยทักขึ้นทันทีที่รินณ์เดินเข้ามาในห้องพักพนักงาน ซึ่งมีฉันที่นั่งอยู่ก่อนหน้าแล้ววันนี้ฉันตั้งใจออกจากห้องมาแต่เช้า เช้าถึงขนาดที่คุณคิมหันต์ยังไม่ตื่นเลยด้วยซ้ำ “ไงรินณ์”“ทำไมมาเช้าจังอ่ะ วันนี้เกวเข้างานกะบ่ายไม่ใช่เหรอ?”“อ่อ เราแลกเวรกับพี่แอนอ่ะ พอดี…ตอนเย็นเรามีธุระต้องไปทำธน่ะ” ใช่แล้วล่ะ! จริงๆ วันนี้ฉันเข้างานกะบ่าย แต่ช่วงเย็นวันนี้ฉันมีที่ที่ต้องไปน่ะ เลยแลกเวรกับพี่แอนไว้“ไปไหนอ่ะ? หรือว่า…ไปเดทเหรอ?” รินณ์ยิ้มกรุ้มกริ่มพลางเดินเข้ามากระซิบใกล้ฉัน อะไรกัน? ยิ้มแบบนี้หมายความว่าไงเนี่ย?“ดะ เดทอะไรกันเล่า? ไม่ใช่ซะหน่อย” “เอ้า! ไม่ใช่หรอกเหรอ แต่เมื่อคืนเราเห็นน้า ผู้หญิงชุดฟ้าที่เดินควงแขนกับคุณคิมหันต์” รินณ์เข้ามานั่งใกล้ๆ ก่อนจะเขยิบมากระซิบข้างๆหู“นี่รินณ์เห็นด้วยเหรอ?0_0!” ฉันถึงกับเบิกตาโพลงออกมาด้วยความตกใจ ไม่คิดว่าเมื่อคืนจะมีคนเห็นฉันกันคุณคิมหันต์ด้วย นี่ขนาดแอบย่องออกไปตอนไม่มีคนแล้วน่ะเนี่ย ยังมีคนเห็นอีกเหรอเนี่ย? “อื้ม เมื่อคืนเราอยู่ทำโอทีน่ะ”“นอกจากรินณ์แล้ว…”“ไม่ต้องห่วงหรอก เมื
“อื้มมม~” เสียงครวญครางของเราสองคนดังลั่นไปทั่วทั้งห้องพักของฉัน เพราะรสจูบที่ร้อนแรงเกินกว่าจะต้านทานของกันและกัน เรียวลิ้นที่สอดประสานกันไปมาของเราสองคน มันเต็มไปด้วยความรุ่มร้อน แต่ก็แฝงไปด้วยความปรารถนาที่เหลือล้น ยิ่งเวลาผ่านไปนานเท่าไร ฉันก็ยิ่งรู้สึกว่าริมฝีปากของคนตัวสูงยิ่งหอมหวานน่าช่วงชิมมากกว่าเดิมขึ้นไปเรื่อยๆหมับ!! ฉันเอื้อมมือออกไปค้วาท้ายทอยของคนตัวสูงเหนือร่างลงมากอดไว้แน่น เพื่อให้เราสองคนแลกเปลี่ยนรสจูบจากกันและกันได้แนบแน่นกันมากยิ่งขึ้น“อื้อออ~” ดูเหมือนว่าจะไม่ได้มีแค่ฉันคนเดียวที่ต้องการสัมผัสจากคุณคิมหันต์ เขาเองก็คงจะรู้สึกเช่นเดียวกันกับฉัน ฉันส่งเสียงครวญครางผ่านลำคอออกมาด้วยความเสียวซ่าน เมื่อคนตัวสูงเลื่อนไล้มือหนาของตัวเอง ลงไปสัมผัสกับกลีบกุหลาบที่ซ่อนตัวอยู่ใต้กางเกงนอนของฉัน ในขณะที่ปากของเขาก็ยังคงดูดเม้ม ช่วงชิมรสหวานจากปากของฉันอย่างไม่ลดละ“อื้อ!!~” ฉันเริ่มจะทนกับความเสียวซ่านที่ถูกกระตุ้นทั้งช่วงบน และช่วงล่างไม่ไหวแล้ว จนต้องส่งเสียงร้องประท้วงผ่านลำคอออกมาเพื่อให้เขาปล่อยส่วนใดส่วนหนึ่งซะที ก่อนที่ฉันจะทนไม่ไหวจนขาดใจตายไปซะก่อน“อึก!
หลังจากที่คุณคิมหันต์บุกเข้ามาหาถึงห้อง แล้วขอนอนค้างด้วย ตอนนี้เขา…กำลังนอนอยู่บนเตียงข้างๆฉันถึงแม้ว่าคุณคิมหันต์จะนอนก่ายหน้าผากอยูข้างฉัน แต่เขากลับไม่เอ่ยปากคุยอะไรกับฉันต่อเลยแม้แต่คำเดียวนี่เขา…กำลังไม่พอใจฉันอยูแน่ๆเลย“คุณคิมหันต์ หลับรึยังคะ?” ฉันรู้ว่าเขายังไม่หลับแน่ๆ“หลับแล้ว” หลับแล้วเขาจะตอบฉันได้ยังไงล่ะ?“คุณ…โกรธเกวเหรอคะ?”“…” สิ้นสุดคำถามของฉัน ก็ไม่มีเสียงตอบรับใดๆจากคนข้างๆอีกเลย“เกวขอโทษนะคะ ที่ทิ้งคุณไว้ที่ร้านอาหารคนเดียว”“…” คราวนี้ก็ยังเงียบเหมือนเดิม“เกวแค่กลัวที่จะเผชิญหน้ากับความจริงน่ะค่ะ”“เกวลิน…”“คะ?”“รู้ใช่มั้ย…ว่าฉันรักเธอ?” คุณคิมหันต์ที่เอาแต่หลับตาในตอนแรก ตอนนี้เขากลับลืมตาหันมามองฉันที่อยู่ใกล้ๆ ด้วยแววตาที่อ่อนโยน“…รู้ค่ะ” ฉันจ้องมองเข้าไปในดวงตาของเขา พลางเอ่ยคำตอบที่รู้ดีอยู่แก่ใจออกไปอย่างลึกซึ้ง“แล้วเธอล่ะ?” คำถามที่คาดไม่ถึงจากคนตัวสูงตรงหน้า ทำฉันอึ้งจนอ้าปากค้าง ทำไมเขาถึงถามแบบนี้ออกมาได้“รักสิคะ เกวรักคุณมากๆค่ะ”“ถ้างั้น…อย่าทิ้งฉันไปอีกได้มั้ยเกว?” คำถามที่เอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือของคนตรงหน้า บวกกับ