บรรยากาศในห้องตอนนี้อึมครึมน่าอึดอัดสุดๆ ตอนนี้มีคนนั่งอยู่ในห้องประชุมนี้แค่ไม่กี่คนเท่านั้น มีฉัน อีตาประธานจอมเผด็จการนั่น คนที่ชื่อธนิน แล้วก็พนักงานที่มีรายชื่ออีกสามคน ดูท่าคนที่น่าจะอึดอัดและประหม่าที่สุดก็คงไม่พ้นพนักงานสามคนที่นั่งกันอยู่ตรงหน้า น่าสงสารพวกเขาชะมัด ที่ต้องมาเจอประธานคนใหม่ที่เหี้ยมแล้วก็เผด็จการแบบนี้
“มีอะไรอยากจะพูดกับผมก่อนโดนไล่ออกมั้ย?” น้ำเสียงเรียบนิ่งถูกเปล่งออกมาจากคนตัวสูง สายตาที่เขาจ้องมองไปยังพนักงานเหล่านั้น มันเยือกเย็นจนทำให้พวกเขาพากันตัวสั่นไม่กล้าพูดอะไรออกมาสักคำ ท่าทางของพนักงานเหล่านี้มันคุ้นๆชะมัด เหมือนได้เห็นท่าทีของตัวเองตอนกลัวคนตัวสูงผ่านพวกเขาเลย “ยะ…อย่าไล่พวกเราออกเลยนะครับ ถ้าไล่พวกเราออก พวกเราต้องแย่แน่ๆ ผมขอร้องล่ะนะครับท่านประธาน” หนึ่งในพนักงานคนนั้นเอ่ยปากขอร้องอ้อนวอนคนเป็นประธาน แต่คำพูดพวกนั้นดูเหมือนจะไม่เข้าหูประธานจอมเผด็จการของพวกเขาเลยสักนิด “หึๆ! ไม่น่าแย่หรอกมั้ง? ถึงจะโดนไล่ออกจากที่นี่แล้ว…ก็ยังมีบริษัทวีเครอรับพวกนายอยู่ไม่ใช่เหรอ?” หืม? ทำไมจู่ๆเขาถึงพูดถึงบริษัทวีเคขึ้นมาได้ล่ะ? “เอ่อ…คือ…” สีหน้าของพนักงานที่นั่งอยู่ดูเลิ่กลั่กขึ้นมาทันที หลังจากที่คุณคิมหันต์พูดถึงบริษัทวีเค “ธนิน!” เขาหันไปเรียกคนที่ชื่อธนิน ก่อนที่เขาคนนั้นจะก้มลงไปทำอะไรสักอย่างกับคอมตรงหน้าตัวเอง พรึ่บ!! หลังจากนั้นไม่นานภาพบนหน้าจอก็เริ่มเปลี่ยนไปจากเดิม จากภาพนิ่งในตอนแรกกลายเป็นวิดีโอภาพเคลื่อนไหวแทน แต่เดี๋ยวนะ!! นั่นมัน…ฉันนี่! ฉันไปโผล่อยู่ในคลิปนั่นได้ยังไงกัน!? วิดีโอที่เห็นตรงหน้าคือภาพบันทึกของฉันเมื่อคืนตอนที่ฉันแอบย่องออกมาจากห้องพัก ตามมาด้วยวิดีโอตอนที่ฉันกำลังยัดอาหารเข้าปากไปอย่างมูมมาม ‘หนีไปตอนนี้เลยดีมั้ยนะ’ ชัดเลย! เสียงที่ดังออกมาจากคลิปมันคือเสียงฉันชัดๆ “นี่มันอะไรกันเนี่ย? คุณคิมหันต์!!” ฟุ่บ!! ฉันลุกขึ้นจากเก้าอี้ที่นั่งอยู่ ก่อนจะเดินกระทืบเท้าไปหาคนตัวสูงอย่างไม่พอใจ “เธอคิดจะหนีเหรอเกวลิน?!” แทนที่จะตอบคำถามฉัน เขากลับถามคำถามบ้าๆออกมาทั้งยังจ้องเขม็งมาที่ฉันราวกับกำลังคาดโทษจากฉันอยู่งั้นแหละ “นี่มันใช่เวลามาถามคำถามนั้นเหรอคะ? คุณควรอธิบายเรื่องวิดีโอในจอนั้นมากกว่านะ คุณคิมหันต์!!” “รู้ใช่มั้ยว่าฉันได้วิดีโอนี้มาจากไหน?” เฮอะ! นี่เขา…มองข้ามหัวฉันไปได้ยังไง? “เอ่อ…ไม่ใช่ผมนะครับ ผมไม่ได้เป็นคนซ่อนกล้องนะครับท่านประธาน! มันนี่แหละครับซ่อน” ซ่อนกล้อง? พนักงานชายคนนั้น…แอบซ่อนกล้องไว้ในห้องพักงั้นเหรอ? “ไม่จริงเลยนะครับ มันนี่แหละที่สั่งให้ผมแอบซ่อนกล้องในห้องพักลูกค้าเพื่อแอบเก็บข้อมูลอ่ะ” ท่าทีร้อนรนของพนักงานชายทั้งสองคนยืนยันได้เป็นอย่างดีว่าสิ่งที่ฉันคาดเดาเอาไว้คือเรื่องจริงแน่ๆ “จะให้ฉันจัดการยังไงดี? จับส่งตำรวจเลยดีมั้ย?” “อย่านะครับท่านประธาน! อย่าส่งเราไปให้ตำรวจเลยนะครับ พวกเราทำไปตามคำสั่งอ่ะ เราไม่มีทางเลือกจริงๆครับ” ทั้งสองคนพากันคุกเข่าขอร้องอ้อนวอนคนตัวสูง ที่ตอนนี้กำลังขมวดคิ้วจ้องเขม็งไปยังพนักงานสองคนนั้น สายตาแบบนี้ของเขา มันกำลังบอกว่า…เขากำลังโกรธอยู่แน่ๆ “วีเคกรุ๊ป! นายขายข้อมูลของลูกค้าโรงแรมฉันให้คนฝั่งนั้นใช่มั้ย?” วีเคกรุ๊ปเหรอ? คนพวกนี้แอบขายข้อมูลให้วีเคกรุ๊ปงั้นเหรอ? วีเคกรุ๊ปเป็นบริษัทคู่แข่งของเอ.เอส.เอ็น เพราะงั้นฝั่งนั้นถึงแอบมาซื้อข้อมูลจากคนของที่นี่สินะ แต่สิ่งที่ได้ยินมามันจะไม่ทำให้ฉันตกใจมากขนาดนี้เลย ถ้าฉันไม่รู้จักกับคนของวีเคกรุ๊ป แต่…ทิวเขา! บริษัทวีเคกรุ๊ป เป็นบริษัทของพ่อทิวเขานี่ ฉันไม่รู้หรอกว่าเรื่องแบบนี้มันเป็นเรื่องปกติในการทำธุรกิจมั้ย แต่ฉันแอบกังวลว่าเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นวันนี้…มันจะเกี่ยวข้องกับทิวเขา “ชะ…ใช่ครับ!” ฟึ่บ!! คุณคิมหันต์นั่งลงไปบนเก้าอี้ก่อนจะโยนมือถือไปให้พนักงานทั้งสองคนที่นั่งคุกเข่าอยู่บนพื้น “โทรไปหาคนนั้นสิ” “อะไรนะครับ?” “คนที่มาซื้อข้อมูลกับนาย โทรไปหาเขา เดี๋ยวนี้!!” ทั้งน้ำเสียง ทั้งท่าทีทุกอย่างของคนตัวสูง มันเยือกเย็นจนฉันเองก็แอบขนลุกไปด้วย แม้ฉันจะไม่ใช่คนผิดก็ตาม เพราะงั้นคงไม่ต้องให้ฉันพูดหรอกว่าพนักงานสองคนนั้นจะกลัวจนตัวสั่นขนาดไหน “เอ่อ…คือ…” “เลือกเอาว่าจะโทรหาคนๆนั้น หรือจะให้ฉันส่งตัวพวกนายไปให้ตำรวจจัดการ” “ไม่ครับๆ ผะ…ผมจะโทรไปเดี๋ยวนี้เลยครับ!!” พนักงานคนหนึ่งหยิบมือถือตรงหน้าขึ้นมา ก่อนจะก้มลงไปกดเบอร์โทรในมือถือ ตืดๆๆ!! เสียงรอสายดังขึ้นมา ไม่รู้ทำไมแต่ใจฉันมันเต้นตุ้มๆต่อมๆ กังวลทุกครั้งที่เสียงรอสายดังขึ้น พนักงานคนนั้นกดโทรออกหาใครกันนะ คงไม่ใช่นายหรอกใช่มั้ย? ทิว… [“มีอะไร? ฉันบอกแล้วใช่มั้ยว่าถ้าได้เงินไปแล้วก็อย่าโทรมาอีก”] ฉันแอบหวังว่ามันจะไม่ใช่ทิวเขา แต่… “ทำไมถึงเป็นนายได้ล่ะ? ทิว!” ฉันจำเสียงทิวเขาได้ตั้งแต่คำแรกที่เขาพูดออกมาเลยล่ะ [“ใครน่ะ? เกวเหรอ? เกวใช่มั้ย? เกว…นี่เกวไปอยู่กับมันได้ยังไง?”] “ทิว…” ติ๊ด!! ยังไม่ทันที่ฉันจะได้ถามอะไรออกไปต่อ คนตัวสูงก็หยิบมือถือจากพนักงานคนนั้นมากดวางสายทันที “เธอรู้จักกับมันด้วยเหรอ?” คุณคิมหันต์หันกลับมาเขม่นตาถามฉัน ฉันควรตอบกลับไปยังไงดี? ฉันมั่นใจว่าเสียงที่ได้ยินเมื่อกี้คือเสียงของทิวเขาแน่ๆ แต่ถ้า…ฉันตอบไปว่าใช่ มันจะทำให้ทิวเขาเดือดร้อนรึเปล่านะ? “ฉะ…ฉันไม่รู้!” ฉันหลบตาของคนตัวสูงที่จ้องมาทางฉัน ก่อนจะตอบสิ่งที่มันตรงข้ามกับความเป็นจริงออกไป “ไม่รู้ก็ไม่เป็นไร! เพราะทุกอย่างที่เกิดขึ้นในห้องนี้ถูกบันทึกภาพเก็บไว้หมดแล้ว ธนิน…ฝากจัดการต่อด้วยนะ!” “ได้ครับ” “ส่วนเธอ…” หมับ!! คนตัวสูงเข้ามาคว้าข้อมือของฉันไว้ แล้วลากออกไปจากห้องทันที “…มากับฉัน!” “โอ้ย! คุณคิมหันต์ คุณจะพาฉันไปไหนเนี่ย?”“อ้ะ!” ฉันร้องลั่นขึ้นมาเมื่อคนตัวสูงกระแทกเอวสวนจนรู้สึกจุกไปหมด“แต่ฉันชอบสุดๆไปเลยล่ะ~” เสียงกระซิบบองชอบที่แหบพร่า บวกกับแววตาหื่นกระหายของคนตรงหน้าทำให้ความเขินอายที่มีในตอนแรก เลแปรเปลี่ยนเป็นความร้อนรุ่มที่เพิ่มมากขึ้นกว่าเดิมไปอีก“จุ๊บ!! อื้ม~” ฉันก้มลงไปประทับริมฝีปากของตัวเองลงบนริมฝีปากหนา จู่ๆฉันก็เกิดความคิดประหลาดๆขึ้นมา คราวนี้ฉันอยากจะลองเป็นคนเดินเกมส์ดูบ้าง ฉันอยากจะรู้…ว่าฉันสามารถทำให้คนตรงหน้าเสียสติได้มาก เท่ากับที่เขา…ทำให้ฉันเสียสติจวนจะบ้าตายอย่างในตอนนี้รึเปล่านะ?ฉันส่งเรียวลิ้นของตัวเองเข้าไปเกี่ยวตระหวัดดูดเม้มกับเรียวลิ้นของเขาอย่างร้อนแรง เหมือนกันที่เขาทำกับฉัน และช่วงชิมรสหวานจากปากของเขาอย่างหื่นกระหาย เหมือนกันที่เขาทำกับฉัน“อืมมม~” เสียงครวญครางที่ดังออกมาจากในลำคอของคนใต้ร่าง มันทำให้ฉัพอใจมากเลยล่ะ แต่แค่นี้ยังไม่พอหรอก ฉันอยากเห็นเขา…พอใจสัมผัสของฉันมากกว่านี้“อ่าส์ เกว~” ฉันเปลี่ยนตำแหน่จาริมฝีปากของคนตัวสูง มาซุกไซร้ซอกคอแกร่งของเขาแทน ฉันใช้เรียวลิ้นของตัวเองไล้เลียและดูดเม้มไปตามผิวเนียนของเขาอย่างหื่นกระหาย ให้เหมือนกับที่เขาทำกับฉัน
วันต่อมาเมื่อวานหลังจากกลับมาจากห้องของคุณคิมหันต์แล้ว ฉันก็นั่งทำโอทียาวมาจนถึงเช้าเลยล่ะ ยังไม่ได้นอนมาตั้งแต่เมื่อคืนเลย ง่วงจนตาจะปิดอยู่แล้วเนี่ยกริ๊งงง!! ระหว่างที่กำลังนั่งเฝ้าล็อบบี้รอเวลาออกกะอยู่นั้น เสียงมือถือที่วางอยู่หน้าล็อบบี้ก็ดังขึ้นมา รินณ์ที่นั่งทำงานอยู่ใกล้ๆเลยทำหน้าที่รับสายแทน“สวัสดีค่ะ”“อาหารเช้าสองที่เหรอคะ?”“ได้ค่ะ เดี๋ยวทางเราจะเตรียมไว้ให้นะคะ”“ให้ใครไปเสริฟ์นะคะ?”“พนักงานที่ชื่อ…เกวลิน”“ได้ค่ะ อีกสามสิบนาทีเราจะเอาอาหารไปให้นะคะ”ทันทีที่วางสายฉันกับรินณ์หันมาสบตากันอย่างไม่ได้นัดหมาย“มีอะไรเหรอรินณ์?” “ก็แฟน…เอ่อ…คุณคิมหันต์อ่ะ เขาขอให้เกวเอาอาหารเช้าเสริฟ์ให้น่ะสิ” รินณ์มองซ้ายมองขวาก่อนจะเขยิบมากระซิบใกล้ๆฉันคุณคิมหันต์ให้ฉันเอาอาหารไปเสริฟ์ให้เนี่ยนะ? คิดจะแกล้งอะไรฉันอีกล่ะเนี่ย?ห้องพักกริ๊งงง!! ฉันกดออดที่หน้าห้องพักของคุณคิมหันต์ หลังจากที่เข็นรถเข็นอาหารมาส่งให้เขาถึงหน้าห้อง ตามคำสั่งที่สั่งไว้ก่อนหน้านี้แอ๊ดดด!! ผ่านไปเพียงไม่กี่วิ คนตัวสูงก็เปิดประตูห้องออกมา แต่ทันทีที่ฉันเห็นร่างของคนที่อยู่ในห้อง ฉันถึงกับเบิกตาโ
ห้องพักวีไอพีกริ๊งงง!! ฉันตัดสินใจกดออดหน้าประตูห้องพักวีไอพีห้องหนึ่ง หลังจากที่ยืนทำให้อยู่หน้าห้องมาได้สักพักหนึ่งแล้วแอ๊ดดด!! ผ่านไปไม่กี่วินาที ประตูห้องก็ถูกเปิดออกมาช้าๆ ก่อนจะปรากฏร่างของคนตัวสูงที่ยืนยกยิ้มมุมปากอย่างเจ้าเล่ห์อยู่หลังประตู“ฉันเอากระเป๋ามาให้…”หมับ!! ยังไม่ทันที่จะพูดจบ คนตัวสูงก็คว้าร่างฉันเข้าไปในห้องอย่างไม่ทันตั้งตัว พร้อมกับกระเป๋าใบใหญ่ที่ลากเข้ามาในห้องด้วยกันอีกทีปัง!! ฉันสะดุ้งตกใจเสียงปิดประตูที่ดังขึ้นมาซะลั่นห้อง “คุณคิมหันต์! คุณจะทำอะไรเนี่ย?”ตุบ!! คนตัวสูงเตะกระเป๋าใชเดินทางใบใหญ่ของตัวเอทีกันเองมาด้วยออกไป ก่อนจะดันตัวฉันให้ติดกับประตห้องไม่ให้ไปไหน“ไม่ได้เจอกันนานเลยนะเกวลิน”“นั่นน่ะสิค่ะ เกวก็ไม่คิดว่าจะได้เจอคุณที่นี่ในฐานะแขกวีไอพีด้วยเหมือนกันค่ะ” ฉันพูดด้วยน้ำเสียงและสายตาที่ออกจะดุนิดหน่อย “คุณมาทำอะไรที่นี่คะ?”“ฉันคิดถึงเธอเกว~”ตึกตักๆๆ!! คนตัวสูงเลือกที่จะเปลี่ยนเรื่องเลี่ยงตอบคำถามของฉัน เป็นการกระซิบเบาที่ข้างหูฉันแทน ซึ่งวิธีนี้ก็ถือว่าเป็นวิธีทำให้ฉันใจสั่นขึ้นมาได้ดีเลยล่ะ“เราไม่ได้เจอกันตั้งเดือนนึงเลยนะเก
หนึ่งเดือนผ่านไปวันเวลาผ่านไปเร็วราวกับพลิกหน้ากระดาษ ตอนนี้ก็ผ่านมาเดือนกว่าแล้วที่ฉันมาฝึกงานที่นี่ ทุกๆวันที่อยู่ที่นี่ไม่เคยมีวันไหนที่ฉันจะไม่คิดถึงคนที่ตัวเองรักอย่างคุณคิมหันต์ แต่ถึงอย่างนั้น…ฉันก็ยังสนุกกับการฝึกงานที่นี่อยู่นั่นแหละและดูเหมือนว่าใกล้ถึงเวลาที่ฉันจะกลับไปหาคนที่ตัวเองรักสักที“เอ้า! ทุกคน ใกล้ถึงเวลาที่แขกวีไอพีขอบโรงแรมจะมาแล้ว รีบออกมาต้อนรับกันเร็ว” เสียงของผู้จัดการตะโกนร้องเรียกพนักงานทุกคนที่อยู่ในล็อบบี้โรงแรมเมื่อสองวันก่อนผู้จัดการแจ้งมาว่าในวันนี้จะมีแขกวีไอพีมาพักที่โรงแรม ซึ่งแขกคนนี้เป็นแขกคนสำคัญมากๆเลยล่ะ ลือกันว่าเขาเป็นเพื่อนของท่านประธานคนใหม่ของที่นี่ ดังนั้นเราจึงต้องให้การต้อนรับแขกวีไอพีคนนี้ให้ดีที่สุดและห้ามทำอะไรผิดพลาดโดยเด็ดขาด“ไปกันเถอะเกว” เสียงของรินณ์ที่ยืนอยู่หน้าล็อบบี้เรียกให้ออกไปยืนรอด้วยกัน“อื้อ!” ฉันกันรินณ์ออกไปรอต้อนรับแขกวีไอพีคนดังกล่าวที่หน้าประตูโรงแรม พร้อมกับผู้จัดการและพี่แอนเอี๊ยดดด!! ยืนรอกันได้อยู่พักหนึ่ง ไม่นานก็มีรถหรูคันหนึ่งเข้ามาจอดเทียบที่หน้าประตูโรงแรมพนักงานชายเดินไปเปิดประตูรถ ก่อนท
หลังจากได้ฟังคำตอบจากปากของเกวลินแล้ว สิ่งที่ค้างคาใจผมในตอนแรกก็คลายลง ผมตัดสินใจเดินออกมาจากร้านนั้น แล้วก็มาเดินเล่นที่ริมหาดกับไอ้กวินท์แทนระหว่างที่เดินเล่นอยู่ผมก็ทบทวนคำพูดของเกวลินอยู่ตลอดเวลาที่ผ่านมาสิ่งที่เกวลินต้องการมาตลอดก็คืออิสระ เพราะเธอโตมากับตระกูลของผม เลยทำให้เธอคิดว่าตัวเองติดหนี้บุญคุณตระกูลของผม ไอ้สิ่งที่ผูกมัดเกวลินมาตลอดคือ…ตระกูลอัศวนันทร์ และตัวผมนี่แหละผมไม่อยากสูญเสียเกวลินไป ผมอยากให้เกวลินอยู่กับผมไปตลอดเลยด้วยซ้ำ เพราะผมรักเธอ แต่มันคงไม่ง่ายสำหรับเกวลิน แม้เธอจะรักผม แต่เธอก็มีความต้องการเหมือนกัน และสิ่งที่เธอต้องการก็คือ…อิสระ เธอต้องการอิสระมาโดยตลอด เพราะงั้น…ผมตัดสินใจแล้วว่าผม…จะยอมให้อิสระกับเกวลิน อย่างที่เธอต้องการ“ดูเหมือนแกกับเด็กคนนั้นจะรักกันมากเลยนะ” ไอ้กวินท์พูดเหมือนเด็กฝึกงานที่มากับเกวลินไม่มีผิด“ไม่ใช่เรื่องของแก”“ครั้งแรกเลยนะที่ฉันเห็นแกร้อนรนแบบนี้อ่ะ”“อย่ามาทำเป็นรู้ดีหน่อยเหอะ”“นี่! ฉันกำลังเตือนสติแกอยู่นะเว้ย! ฉันไม่รู้หรอกนะว่าเพราะอะไรน้องเขาถึงหนีมาอยู่ที่นี่ได้อ่ะ แต่จากที่ฟังเมื่อกี้…น้องเขาคงจะรัก
[คิมหันต์]ณ ร้านอาหารแห่งหนึ่งผมขับรถตามรถของเกวลินมาเรื่อยๆ จนมาถึงที่ร้านอาหารที่ตั้งอยู่ริมทะเลร้านหนึ่ง เกวลินกันเพื่อนของเธอคงจะมากินอาหารกันที่นี่ ผมไม่อยากให้เกวบินคลาดสายตาผมไป เลยตามเกวลินเข้ามาในร้านด้วยเหมือนกันแต่ผมไม่เข้าใจว่าไอ้กวินท์มันจะตามผมมาถึงที่นี่ด้วยทำไมเนี่ย?“นั่งตรงนี้มั้ยเกว?”“ได้สิ” เกวลินกับเพื่อนของเธอเลือกนั่งลงบนโต๊ะๆหนึ่งในร้านอาหาร ฟุ่บ!! ผมที่เดินตามอยู่ห่างๆ เลยเดินเข้าไปนั่งใกล้กับโต๊ะของเกวลิน ซึ่งระยะห่างระหว่างผมกันเกวลินก็ห่างกันเพียงแค่โต๊ะอาหารคั่นกลางไว้แค่โต๊ะเดียวเท่านั้นตุบ!! ส่วนไอ้กวินท์ที่ตามติดมาด้วยก็ดันเลือกที่จะมานั่งข้างๆผมอีกซะงั้น ที่มีตั้งเยอะแยะจะมานั่งติดผมทำไมเนี่ย?“แกจะตามฉันมาด้วยทำไมเนี่ย?”“ฉันไม่ได้ตามแกมาซะหน่อย ลืมไปแล้วรึไงว่ารถที่แกขับมาน่ะ รถฉันเว้ย!” มันพูดด้วยท่าทีเลิ่กลั่ก ความจริง ผมสังเกตเห็นตั้งแต่ที่โรงแรมล่ะ ไอ้กวินท์เอาแต่ชะเง้อมองตามใครสักคนอยู่ตลอดเวลา ไม่ต่างจากผมเลยสักนิด และผมก็เดาว่าคนที่มันกำลังตามอยู่คงจะเป็นเพื่อนที่อยู่กับเกวลินตอนนี้แน่ๆ“ใครว่ะ? แฟนเหรอ?” ผมเป็นฝ่ายเอ่ยปากถาม
[คิมหันต์]ณ บริษัท เอ.เอส.เอ็นก๊อกๆๆ!! เสียงเคาะประตูห้องทำงานหน้าห้องของผมดังขึ้น“เข้ามา” ธนินเดินเข้ามาในห้องหลังจากได้รับอนุญาตจากผมแล้ว“เรื่องที่ให้ไปสืบเป็นไงบ้าง?“ ทันทีที่เห็นหน้าของธนินผมก็เอ่ยถามถึงงานที่ผมมอบหมายไปให้เมื่อวานนี้ “ได้ที่อยู่ของคุณเกวลินมาแล้วครับ” ซึ่งก็เป็นเรื่องไหนไม่ได้เลน นอกจากเรื่องของเกวลิน ยัยตัวแสบที่แอบหนีผมไปไงล่ะ เมื่อวานทันทีที่รู้ว่าเกวลินหนีไป ผมก็รีบยกหูโทรหาให้ธนินไปสืบหาที่อยู่ของเกวลินทันที “เกวลินอยู่ไหน?”“คุณเกวลิน ย้ายไปฝึกงานอยู่ที่โรงแรมพาวิลเลียนที่ต่างจังหวัดครับ” ได้ยินชื่อโรงแรมที่ธนินเอ่ยแล้วผมถึงกับต้องขมวดคิ้วขึ้นมาทันที เพราะเหมือนว่าชื่อโรงแรมนี้จะฟังดูคุ้นหูเอามากเลยล่ะ“โรงแรมพาวิลเลียนเหรอ?”“ครับ โรงแรมในเครือตระกูลอัครวานิชครับ” และผมก็อดที่จะยกยิ้มมุมปากขึ้นมาไม่ได้ เมื่อสิ่งที่ผมสงสัยได้รับการยืนยันจากธนินโรงแรมพาวิลเลียน ในเครือตระกูลอัครวานิช คือโรงแรมที่ไอ้กวินท์ เพื่อนสนิทสมัยเรียนมหาลัยของผมบริหารอยู่นี่เอง ตืดๆๆ!! ทันทีที่รู้ว่าเกวลินอยู่ที่นั่น ผมก็ไม่รอช้ารีบยกหูกดโทรออกหาไอ้กวินท์มันอย่า
[เกวลิน]“ยินดีต้อนรับน้องๆฝึกงานทุกคนเลยนะคะ” เสียงของผู้จัดการโรงแรมเอ่ยขึ้น หลังจากที่พาพวกเราที่เป็นเด็กฝึกงานใหม่ ไปแนะนำสถานที่ต่างๆในโรงแรมเสร็จแล้ว“ต่อไปนี้ก็ตั้งใจทำงาน แล้วก็ขอให้โชคดีกับการฝึกงานนะคะ” พี่แอนพี่พนักงานอีกคนหนึ่งเอ่ยขึ้น“ขอบคุณค่ะ” ฉันและเพื่อนอีกคนที่เป็นเด็กฝึกงานเหมือนกันเอ่ยขอบคุณผู้จัดการและพี่แอนพร้อมๆกัน“วันนี้ก็คงไม่มีอะไรแล้วล่ะ เราสองคนกลับไปพักผ่อนกันก่อนเถอะ แล้วเดี๋ยวค่อยมาเริ่มงานพรุ่งนี้อีกที”“ได้ค่ะ”“งั้นพี่ไปก่อนนะ” ร่ำลากันเสร็จผู้ตัดการกับพี่แอนก็เดินกลับไปทำงานของตัวเองกันต่อ เหลือไว้แค่ฉันกับเพื่อนร่วมฝึกงานกันอยู่สองคน“หวัดดี เราชื่อรินณ์นะ” เพื่อนอีกคนที่ยืนอยู่ข้างๆ หันมาทักทายด้วยสีหน้าที่สดใส“หวัดดี เราชื่อเกว”“เกวมาจากกรุงเทพเหรอ?”“อื้อ แล้วรินณ์อ่ะ?”“เราเรียนที่นี่แหละ แล้วก็อยู่ที่นี่มาตั้งแต่เด็กแล้วด้วย” อ่อ เป็นคนที่นี่สินะ“อ่อ อื้ม!”“แล้วนี่…เกวจะกลับเลยรึเปล่า? เราไปกินข้าวกันมั้ย?”“โทษทีนะ พอดีเราเพิ่งย้ายมาที่นี่เมื่อวานเองอ่ะ คงต้องขอตัวกลับไปจัดของที่ห้องก่อน” “อ่อ งั้นไม่เป็นไร ไว้ไปกินข้าวกั
[คิมหันต์]เช้าวันต่อมา พรึ่บ!! ผมลืมตาขึ้นมาช้าๆ หลังจากที่หลับพักผ่อนจากกิจกรรมอันเหน็ดเหนื่อยเมื่อคืนไปทั้งคืนอย่างเต็มที่แล้ว แสงแดดที่เล็ดลอดผ่านผ้าม่านสีดำในห้องของตัวเองสาดส่องเข้ามา ทำผมถึงกับต้องหรี่ตาลงเพื่อปรับสายตาของตัวเองให้คงที่ขวับ!! เมื่อสายตากลับมาอยู่ในสภาพคงที่แล้ว ผมจึงพลิกตัวมาอีกฝั่งหนึ่งของเตียง ด้วยความหวังที่ว่าจะเจอกันคนตัวเล็กอย่างเกวลินนอนอยู่ข้างๆกาย"..." แต่แล้วสิ่งที่ผมเจอมีเพียงแค่รอยยับของผ้าปูที่ว่างเปล่าและไร้ซึ่งร่างของคนตัวเล็กเกวลินตื่นแล้วเหรอ?ฟุ่บ!! ผมคิดว่าคนตัวเล็กคนจะตื่นก่อนผมไปแล้ว ผมจึงลุกออกจากเตียง ก่อนจะเดินหยิบกางเกงนอนของตัวเองมาใส่ แล้วเดินออกไปจากห้อง ด้วยความหวังที่ว่าเกวลินคงจะอยู่ข้างนอกห้อง หรือที่ไหนสักที่ในบ้านนั่นแหละ"..." แต่ผมกลับต้องขมวดคิ้วด้วยความแปลกใจมากกว่าเดิม เมื่อลงมาแล้วไม่เจอกับเกวลินอยู่ที่ชั้นล่างของบ้าน ในครัวก็ไม่อยู่ ในห้องรับแขกก็ไม่เจอ "เกวลิน!" ผมลองตะโกนร้องเรียกชื่อของคนตัวเล็ก แต่ก็ไร้ซึ่งเสียงใดๆตอบรับกลับมาใจผมเริ่มสั่นไหวขึ้นมา จู่ๆความคิดที่ไม่ดีก็ดันโผล่เข้ามาในหัว ตอนนี้ผมกำลังคิดว่า