ติ๊งงง!! เสียงประตูลิฟท์เปิดออก คนตัวสูงก็ยังคงคว้าข้อมือฉันเดินตามเข้าไปในลิฟท์ไม่เลิก ฉันเองก็เดินตามเขามาโดยที่ไม่ได้โวยวายอะไรเลยด้วย เพราะตอนนี้ฉันกำลังสับสนและงงกับสิ่งที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้
พนักงานของโรงแรมขายข้อมูลลูกค้าของโรงแรมเอ.เอส.เอ็นให้บริษัทคู่แข่งอย่างบริษัทวีเค และคนที่มาซื้อข้อมูลก็คือทิวเขาเหรอ? ถ้าเป็นคนอื่นฉันก็พอเข้าใจได้ แต่นี่ดันเป็นทิวเขา ทิวเขาที่เป็นเพื่อนคนเดียวของฉัน ทำไมนายถึงทำแบบนี้นะทิวเขา นายไม่ใช่คนที่จะทำอะไรแบบนี้สักหน่อยนี่ หรือว่า…จะเป็นเพราะพ่อนายบังคับอีกรึเปล่านะ? ฉัน…ไม่อยากให้นายทำแบบนี้เลยนะทิว “ทำไมเงียบไปล่ะ?” “คุณรู้ได้ยังไงว่าพนักงานพวกนั้นขายข้อมูลให้บริษัทวีเค?” “เรื่องเล็กแค่นี้ ไม่มีทางรอดพ้นสายตาฉันไปได้หรอก” เขาพูดแบบนี้…หมายความว่าเขารู้เรื่องนี้มาตั้งแต่แรกเลยเหรอ? “คุณ…รู้เรื่องนี้มานานแล้วสินะ” “ใช่ ขาดก็แค่หลักฐานเท่านั้นแหละ!” หลักฐานเหรอ? อ่อ…หมายถึงคลิปในห้องพักกับคำสารภาพของพนักงานพวกนั้นสินะ “นี่คุณ…ตั้งใจพาฉันมาที่นี่เพื่อเป็นเครื่องมือในการหาหลักฐานมาตั้งแต่แรกแล้วสินะ” “หึ! ฉลาดดีนี่!” อ่า ฉัน…เป็นแค่เครื่องมือสำหรับเขาสินะ ขวับ!! คนตัวสูงหันหน้ากลับมามองกันที่เอาแต่ก้มหน้าลงบนพื้นด้วยความสับสน ทำไมจู่ๆบรรยากาศภายในลิฟท์มันก็อึดอัดขึ้นมาซะได้ล่ะ? “แล้วเธอล่ะ? รู้จักกับไอ้เด็กนั่นด้วยเหรอ?” ไอ้เด็กนั่น? หมายถึงทิวเขาน่ะเหรอ? “เขาเป็นเพื่อนฉัน” “เฮ้อออ ทำไมเธอถึงชอบเข้าไปยุ่งกับคนที่ไม่ควรเข้าไปยุ่งด้วยอยู่เรื่อยเลย เกวลิน” พลั่ก!! ฉันสะบัดข้อมือของตัวเองออกจากการควบคุมของคนตัวสูง เฮอะ! ชีวิตนี้คนที่ฉันไม่ควรยุ่งด้วยก็คงมีแค่คุณนั่นแหละ “ทิวเขา…เป็นเพื่อนฉัน! ทำไมฉันจะยุ่งกับเขาไม่ได้!” “แต่เธอก็รู้ใช่มั้ย? ว่ามันเป็นคู่แข่งฉัน!” “แล้วไงล่ะ? คู่แข่งคุณไม่ใช่คู่แข่งฉันซะหน่อย!” “ลืมไปแล้วรึไงว่าเธอ…เป็นคนของอัศวนันทร์ คู่แข่งของอัศวนันทร์ ก็เป็นคู่แข่งของเธอด้วย” เฮอะ! ตรรกะบ้าบออะไรของเขา ไร้สาระชะมัด “แต่อัศวนันทร์กรุ๊ปไม่ใช่ของฉันซะหน่อย ต่อให้อัศวนันทร์กรุ๊ปจะเป็นยังไง มันก็ไม่ใช่เรื่องของฉัน! ฉันไม่สนเรื่องคู่แข่งอะไรนั่นด้วยหรอก ถ้าต้องเลือกระหว่างอัศวนันทร์กับเพื่อนฉัน ยังไงฉันก็ต้องเลือกเพื่…อุบ!!” ตุบ!! คนตัวสูงพุ่งตัวเข้ามาจูบฉันอย่างเอาแต่ใจ ทั้งยังผลักร่างของฉันให้เข้าไปติดกับผนังลิฟท์ ก่อนที่เขาจะจับข้อมือทั้งสองข้างของฉันขึงไว้ไม่ให้ขยับตัวไปไหนได้ “อื้อ!” ฉันร้องประท้วงขึ้นมาในลำคอ เมื่อสัมผัสได้ถึงเรียวลิ้นร้อนของคนตัวสูง ที่สอดใส่เข้ามาเกี่ยวตระหวัดกับเรียวลิ้นบางของฉันอย่างไม่ทันตั้งตัว ฉันที่พยายามขยับเรียวลิ้นของตัวเองหนี กลับกลายเป็นเหมือนยิ่งเชิญชวนให้เขารุกล้ำเข้ามามากกว่าเดิม คนตัวสูงใช้เรียวลิ้นของตัวเองกว้านชิมไปทั่วริมฝีปากของฉัน ทั้งยังพยายามขบเม้มและดูดดึงริมฝีปากบาง ไล่ตั้งแต่ริมฝีปากบนลงมายังริมฝีปากล่าง “อื้อ!!” ฉันร้องประท้วงขึ้นมาอีกครั้งเมื่อรู้สึกได้ถึงแรงขบกัดของฟันที่ฝังลงมาบนริมฝีปากบางของฉันอย่างแรง เขากัดฉัน! กัดซะแรงเลยด้วย บ้าไปแล้วรึไง!! “อื้อ! อ่อยอะ! (ปล่อยนะ)” ฉันนึกว่ามันจะจบแล้วซะอีก! แต่เขากลับประกบปากของเขาเข้ามาอีกครั้ง แต่ครั้งนี้มันกลับร้อนแรงมากกว่าสัมผัสในตอนแรก เรียวลิ้นที่เข้ามาเกี่ยวตระหวัดในช่องปากของฉัน มันทั้งรุนแรงและเร็วจนฉันหายใจไม่ทันขึ้นมาซะได้ แถมยังรู้สึกร้อนไปทั่วทั้งปาก ร้อน…ราวกับว่าริมฝีปากจะละลายสลายหายไปอย่างไงอย่างงั้นเลย ติ้งงง!! และทันใดนั้นเสียงลิฟท์ที่เป็นเหมือนแสงสว่างเดียวที่จะช่วยชีวิตของฉันได้ก็ดังขึ้นมา “แฮ่กๆๆ!!” คนตัวสูงถอนริมฝีปากของเขาออกจากฉัน ฉันรีบกอบโกยลมหายใจเข้าไปเต็มปอดทันทีที่ริมฝีปากฉันเป็นอิสระจากคนตัวสูง แต่ความโล่งใจในตอนแรกมันกลับมาได้แค่แปบเดียวเท่านั้น เพราะสิ่งที่คนตัวสูงทำหลังจากนั้น มันทำให้ฉันใจหายวูบหล่นไปอยู่ที่ตาตุ่ม “แต่เธอ…เป็นของฉันเกวลิน!” เขาก้มหน้าลงมากระซิบข้างหูฉันด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง ฟึ่บ!! ก่อนจะยื่นมือออกไปกดปุ่มปิดประตูลิฟต์ที่อยู่ข้างตัวอีกครั้ง ไม่นะ! ประตูลิฟต์กำลังจะปิดแล้ว “คุณทำบ้าอะระ…อื้อ!!” ฉันต้องเบิกตาโพลงด้วยความตกใจขึ้นมาอีกครั้ง เมื่อจู่ๆคนตัวสูงดึงฉันเข้าไปประกบจูบกับเขาอีกครั้ง เขาใช้มือข้างเดียวที่เหลืออยู่รวบข้อมือฉันขึ้นไปขึงไว้กับผนังลิฟต์ และจู่โจมเข้ามาช่วงชิมริมฝีปากของฉันอย่างหนักหน่วง ห้องพัก ปัง!! ไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อไรที่ฉันโดนคนตัวสูงควบคุมตัวเอาไว้ไม่ปล่อย รู้ตัวอีกทีก็ถูกลากเข้ามาในห้องพักห้องเดิมซะแล้ว เสียงประตูห้องที่ถูกกระแทกปิดโดยคนตัวสูง มันดังพอๆกับใจของฉันที่เต้นรัวจนแทบจะหยุดไม่อยู่แล้วด้วยซ้ำ “จุ๊บๆ จ๊วบ!! อื้อ!! อุณอิม!! (คุณคิม!!)” ฉันโดนคนตัวสูงควบคุมริมฝีปากไม่เลิก เขากระหน่ำจูบฉันตั้งแต่หน้าห้องยันในห้องก็ยังไม่ยอมปล่อยสักที เรียวลิ้นร้อนของคนตัวสูงยังคงบุกรุกเข้ามาดูดดึง และเกี่ยวตระหวัดกับเรียวลิ้นบางของฉันไม่พัก แถมยังเพิ่มความร้อนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ จนฉันหายใจแทบไม่ออกแล้ว บวกกับหน้าอกข้างซ้ายที่มันเต้นแรงจนร่างกายสูบฉีดเลือดไม่ทัน มันยิ่งทำให้ฉันแทบจะสิ้นลมหายใจไปซะเดี๋ยวนี้ให้ได้ พรึ่บ!! ความน่าตกใจยังไม่หมดเท่านี้ เมื่อจู่ๆเสื้อสูทสีดำของคนตัวสูงดันตกลงไปอยู่ที่พื้น ก่อนที่เขาจะเอื้อมมือลงไปถอดกระดุมเสื้อเชิ๊ตของตัวเองด้วยมือข้างเดียว ส่วนมืออีกข้างก็ดึงรั้งข้อมือทั้งสองข้างของฉันไว้กับประตูห้อง! เขาถอดเสื้อทำไม? ไม่ได้นะ! ถ้าเลยเถิดไปมากกว่านี้มันต้องแย่แน่ๆ เพราะตอนนี้…ฉันเองก็เริ่มจะควบคุมสติของตัวเองไม่อยู่แล้วเหมือนกันอ่ะ“อ้ะ!” ฉันร้องลั่นขึ้นมาเมื่อคนตัวสูงกระแทกเอวสวนจนรู้สึกจุกไปหมด“แต่ฉันชอบสุดๆไปเลยล่ะ~” เสียงกระซิบบองชอบที่แหบพร่า บวกกับแววตาหื่นกระหายของคนตรงหน้าทำให้ความเขินอายที่มีในตอนแรก เลแปรเปลี่ยนเป็นความร้อนรุ่มที่เพิ่มมากขึ้นกว่าเดิมไปอีก“จุ๊บ!! อื้ม~” ฉันก้มลงไปประทับริมฝีปากของตัวเองลงบนริมฝีปากหนา จู่ๆฉันก็เกิดความคิดประหลาดๆขึ้นมา คราวนี้ฉันอยากจะลองเป็นคนเดินเกมส์ดูบ้าง ฉันอยากจะรู้…ว่าฉันสามารถทำให้คนตรงหน้าเสียสติได้มาก เท่ากับที่เขา…ทำให้ฉันเสียสติจวนจะบ้าตายอย่างในตอนนี้รึเปล่านะ?ฉันส่งเรียวลิ้นของตัวเองเข้าไปเกี่ยวตระหวัดดูดเม้มกับเรียวลิ้นของเขาอย่างร้อนแรง เหมือนกันที่เขาทำกับฉัน และช่วงชิมรสหวานจากปากของเขาอย่างหื่นกระหาย เหมือนกันที่เขาทำกับฉัน“อืมมม~” เสียงครวญครางที่ดังออกมาจากในลำคอของคนใต้ร่าง มันทำให้ฉัพอใจมากเลยล่ะ แต่แค่นี้ยังไม่พอหรอก ฉันอยากเห็นเขา…พอใจสัมผัสของฉันมากกว่านี้“อ่าส์ เกว~” ฉันเปลี่ยนตำแหน่จาริมฝีปากของคนตัวสูง มาซุกไซร้ซอกคอแกร่งของเขาแทน ฉันใช้เรียวลิ้นของตัวเองไล้เลียและดูดเม้มไปตามผิวเนียนของเขาอย่างหื่นกระหาย ให้เหมือนกับที่เขาทำกับฉัน
วันต่อมาเมื่อวานหลังจากกลับมาจากห้องของคุณคิมหันต์แล้ว ฉันก็นั่งทำโอทียาวมาจนถึงเช้าเลยล่ะ ยังไม่ได้นอนมาตั้งแต่เมื่อคืนเลย ง่วงจนตาจะปิดอยู่แล้วเนี่ยกริ๊งงง!! ระหว่างที่กำลังนั่งเฝ้าล็อบบี้รอเวลาออกกะอยู่นั้น เสียงมือถือที่วางอยู่หน้าล็อบบี้ก็ดังขึ้นมา รินณ์ที่นั่งทำงานอยู่ใกล้ๆเลยทำหน้าที่รับสายแทน“สวัสดีค่ะ”“อาหารเช้าสองที่เหรอคะ?”“ได้ค่ะ เดี๋ยวทางเราจะเตรียมไว้ให้นะคะ”“ให้ใครไปเสริฟ์นะคะ?”“พนักงานที่ชื่อ…เกวลิน”“ได้ค่ะ อีกสามสิบนาทีเราจะเอาอาหารไปให้นะคะ”ทันทีที่วางสายฉันกับรินณ์หันมาสบตากันอย่างไม่ได้นัดหมาย“มีอะไรเหรอรินณ์?” “ก็แฟน…เอ่อ…คุณคิมหันต์อ่ะ เขาขอให้เกวเอาอาหารเช้าเสริฟ์ให้น่ะสิ” รินณ์มองซ้ายมองขวาก่อนจะเขยิบมากระซิบใกล้ๆฉันคุณคิมหันต์ให้ฉันเอาอาหารไปเสริฟ์ให้เนี่ยนะ? คิดจะแกล้งอะไรฉันอีกล่ะเนี่ย?ห้องพักกริ๊งงง!! ฉันกดออดที่หน้าห้องพักของคุณคิมหันต์ หลังจากที่เข็นรถเข็นอาหารมาส่งให้เขาถึงหน้าห้อง ตามคำสั่งที่สั่งไว้ก่อนหน้านี้แอ๊ดดด!! ผ่านไปเพียงไม่กี่วิ คนตัวสูงก็เปิดประตูห้องออกมา แต่ทันทีที่ฉันเห็นร่างของคนที่อยู่ในห้อง ฉันถึงกับเบิกตาโ
ห้องพักวีไอพีกริ๊งงง!! ฉันตัดสินใจกดออดหน้าประตูห้องพักวีไอพีห้องหนึ่ง หลังจากที่ยืนทำให้อยู่หน้าห้องมาได้สักพักหนึ่งแล้วแอ๊ดดด!! ผ่านไปไม่กี่วินาที ประตูห้องก็ถูกเปิดออกมาช้าๆ ก่อนจะปรากฏร่างของคนตัวสูงที่ยืนยกยิ้มมุมปากอย่างเจ้าเล่ห์อยู่หลังประตู“ฉันเอากระเป๋ามาให้…”หมับ!! ยังไม่ทันที่จะพูดจบ คนตัวสูงก็คว้าร่างฉันเข้าไปในห้องอย่างไม่ทันตั้งตัว พร้อมกับกระเป๋าใบใหญ่ที่ลากเข้ามาในห้องด้วยกันอีกทีปัง!! ฉันสะดุ้งตกใจเสียงปิดประตูที่ดังขึ้นมาซะลั่นห้อง “คุณคิมหันต์! คุณจะทำอะไรเนี่ย?”ตุบ!! คนตัวสูงเตะกระเป๋าใชเดินทางใบใหญ่ของตัวเอทีกันเองมาด้วยออกไป ก่อนจะดันตัวฉันให้ติดกับประตห้องไม่ให้ไปไหน“ไม่ได้เจอกันนานเลยนะเกวลิน”“นั่นน่ะสิค่ะ เกวก็ไม่คิดว่าจะได้เจอคุณที่นี่ในฐานะแขกวีไอพีด้วยเหมือนกันค่ะ” ฉันพูดด้วยน้ำเสียงและสายตาที่ออกจะดุนิดหน่อย “คุณมาทำอะไรที่นี่คะ?”“ฉันคิดถึงเธอเกว~”ตึกตักๆๆ!! คนตัวสูงเลือกที่จะเปลี่ยนเรื่องเลี่ยงตอบคำถามของฉัน เป็นการกระซิบเบาที่ข้างหูฉันแทน ซึ่งวิธีนี้ก็ถือว่าเป็นวิธีทำให้ฉันใจสั่นขึ้นมาได้ดีเลยล่ะ“เราไม่ได้เจอกันตั้งเดือนนึงเลยนะเก
หนึ่งเดือนผ่านไปวันเวลาผ่านไปเร็วราวกับพลิกหน้ากระดาษ ตอนนี้ก็ผ่านมาเดือนกว่าแล้วที่ฉันมาฝึกงานที่นี่ ทุกๆวันที่อยู่ที่นี่ไม่เคยมีวันไหนที่ฉันจะไม่คิดถึงคนที่ตัวเองรักอย่างคุณคิมหันต์ แต่ถึงอย่างนั้น…ฉันก็ยังสนุกกับการฝึกงานที่นี่อยู่นั่นแหละและดูเหมือนว่าใกล้ถึงเวลาที่ฉันจะกลับไปหาคนที่ตัวเองรักสักที“เอ้า! ทุกคน ใกล้ถึงเวลาที่แขกวีไอพีขอบโรงแรมจะมาแล้ว รีบออกมาต้อนรับกันเร็ว” เสียงของผู้จัดการตะโกนร้องเรียกพนักงานทุกคนที่อยู่ในล็อบบี้โรงแรมเมื่อสองวันก่อนผู้จัดการแจ้งมาว่าในวันนี้จะมีแขกวีไอพีมาพักที่โรงแรม ซึ่งแขกคนนี้เป็นแขกคนสำคัญมากๆเลยล่ะ ลือกันว่าเขาเป็นเพื่อนของท่านประธานคนใหม่ของที่นี่ ดังนั้นเราจึงต้องให้การต้อนรับแขกวีไอพีคนนี้ให้ดีที่สุดและห้ามทำอะไรผิดพลาดโดยเด็ดขาด“ไปกันเถอะเกว” เสียงของรินณ์ที่ยืนอยู่หน้าล็อบบี้เรียกให้ออกไปยืนรอด้วยกัน“อื้อ!” ฉันกันรินณ์ออกไปรอต้อนรับแขกวีไอพีคนดังกล่าวที่หน้าประตูโรงแรม พร้อมกับผู้จัดการและพี่แอนเอี๊ยดดด!! ยืนรอกันได้อยู่พักหนึ่ง ไม่นานก็มีรถหรูคันหนึ่งเข้ามาจอดเทียบที่หน้าประตูโรงแรมพนักงานชายเดินไปเปิดประตูรถ ก่อนท
หลังจากได้ฟังคำตอบจากปากของเกวลินแล้ว สิ่งที่ค้างคาใจผมในตอนแรกก็คลายลง ผมตัดสินใจเดินออกมาจากร้านนั้น แล้วก็มาเดินเล่นที่ริมหาดกับไอ้กวินท์แทนระหว่างที่เดินเล่นอยู่ผมก็ทบทวนคำพูดของเกวลินอยู่ตลอดเวลาที่ผ่านมาสิ่งที่เกวลินต้องการมาตลอดก็คืออิสระ เพราะเธอโตมากับตระกูลของผม เลยทำให้เธอคิดว่าตัวเองติดหนี้บุญคุณตระกูลของผม ไอ้สิ่งที่ผูกมัดเกวลินมาตลอดคือ…ตระกูลอัศวนันทร์ และตัวผมนี่แหละผมไม่อยากสูญเสียเกวลินไป ผมอยากให้เกวลินอยู่กับผมไปตลอดเลยด้วยซ้ำ เพราะผมรักเธอ แต่มันคงไม่ง่ายสำหรับเกวลิน แม้เธอจะรักผม แต่เธอก็มีความต้องการเหมือนกัน และสิ่งที่เธอต้องการก็คือ…อิสระ เธอต้องการอิสระมาโดยตลอด เพราะงั้น…ผมตัดสินใจแล้วว่าผม…จะยอมให้อิสระกับเกวลิน อย่างที่เธอต้องการ“ดูเหมือนแกกับเด็กคนนั้นจะรักกันมากเลยนะ” ไอ้กวินท์พูดเหมือนเด็กฝึกงานที่มากับเกวลินไม่มีผิด“ไม่ใช่เรื่องของแก”“ครั้งแรกเลยนะที่ฉันเห็นแกร้อนรนแบบนี้อ่ะ”“อย่ามาทำเป็นรู้ดีหน่อยเหอะ”“นี่! ฉันกำลังเตือนสติแกอยู่นะเว้ย! ฉันไม่รู้หรอกนะว่าเพราะอะไรน้องเขาถึงหนีมาอยู่ที่นี่ได้อ่ะ แต่จากที่ฟังเมื่อกี้…น้องเขาคงจะรัก
[คิมหันต์]ณ ร้านอาหารแห่งหนึ่งผมขับรถตามรถของเกวลินมาเรื่อยๆ จนมาถึงที่ร้านอาหารที่ตั้งอยู่ริมทะเลร้านหนึ่ง เกวลินกันเพื่อนของเธอคงจะมากินอาหารกันที่นี่ ผมไม่อยากให้เกวบินคลาดสายตาผมไป เลยตามเกวลินเข้ามาในร้านด้วยเหมือนกันแต่ผมไม่เข้าใจว่าไอ้กวินท์มันจะตามผมมาถึงที่นี่ด้วยทำไมเนี่ย?“นั่งตรงนี้มั้ยเกว?”“ได้สิ” เกวลินกับเพื่อนของเธอเลือกนั่งลงบนโต๊ะๆหนึ่งในร้านอาหาร ฟุ่บ!! ผมที่เดินตามอยู่ห่างๆ เลยเดินเข้าไปนั่งใกล้กับโต๊ะของเกวลิน ซึ่งระยะห่างระหว่างผมกันเกวลินก็ห่างกันเพียงแค่โต๊ะอาหารคั่นกลางไว้แค่โต๊ะเดียวเท่านั้นตุบ!! ส่วนไอ้กวินท์ที่ตามติดมาด้วยก็ดันเลือกที่จะมานั่งข้างๆผมอีกซะงั้น ที่มีตั้งเยอะแยะจะมานั่งติดผมทำไมเนี่ย?“แกจะตามฉันมาด้วยทำไมเนี่ย?”“ฉันไม่ได้ตามแกมาซะหน่อย ลืมไปแล้วรึไงว่ารถที่แกขับมาน่ะ รถฉันเว้ย!” มันพูดด้วยท่าทีเลิ่กลั่ก ความจริง ผมสังเกตเห็นตั้งแต่ที่โรงแรมล่ะ ไอ้กวินท์เอาแต่ชะเง้อมองตามใครสักคนอยู่ตลอดเวลา ไม่ต่างจากผมเลยสักนิด และผมก็เดาว่าคนที่มันกำลังตามอยู่คงจะเป็นเพื่อนที่อยู่กับเกวลินตอนนี้แน่ๆ“ใครว่ะ? แฟนเหรอ?” ผมเป็นฝ่ายเอ่ยปากถาม
[คิมหันต์]ณ บริษัท เอ.เอส.เอ็นก๊อกๆๆ!! เสียงเคาะประตูห้องทำงานหน้าห้องของผมดังขึ้น“เข้ามา” ธนินเดินเข้ามาในห้องหลังจากได้รับอนุญาตจากผมแล้ว“เรื่องที่ให้ไปสืบเป็นไงบ้าง?“ ทันทีที่เห็นหน้าของธนินผมก็เอ่ยถามถึงงานที่ผมมอบหมายไปให้เมื่อวานนี้ “ได้ที่อยู่ของคุณเกวลินมาแล้วครับ” ซึ่งก็เป็นเรื่องไหนไม่ได้เลน นอกจากเรื่องของเกวลิน ยัยตัวแสบที่แอบหนีผมไปไงล่ะ เมื่อวานทันทีที่รู้ว่าเกวลินหนีไป ผมก็รีบยกหูโทรหาให้ธนินไปสืบหาที่อยู่ของเกวลินทันที “เกวลินอยู่ไหน?”“คุณเกวลิน ย้ายไปฝึกงานอยู่ที่โรงแรมพาวิลเลียนที่ต่างจังหวัดครับ” ได้ยินชื่อโรงแรมที่ธนินเอ่ยแล้วผมถึงกับต้องขมวดคิ้วขึ้นมาทันที เพราะเหมือนว่าชื่อโรงแรมนี้จะฟังดูคุ้นหูเอามากเลยล่ะ“โรงแรมพาวิลเลียนเหรอ?”“ครับ โรงแรมในเครือตระกูลอัครวานิชครับ” และผมก็อดที่จะยกยิ้มมุมปากขึ้นมาไม่ได้ เมื่อสิ่งที่ผมสงสัยได้รับการยืนยันจากธนินโรงแรมพาวิลเลียน ในเครือตระกูลอัครวานิช คือโรงแรมที่ไอ้กวินท์ เพื่อนสนิทสมัยเรียนมหาลัยของผมบริหารอยู่นี่เอง ตืดๆๆ!! ทันทีที่รู้ว่าเกวลินอยู่ที่นั่น ผมก็ไม่รอช้ารีบยกหูกดโทรออกหาไอ้กวินท์มันอย่า
[เกวลิน]“ยินดีต้อนรับน้องๆฝึกงานทุกคนเลยนะคะ” เสียงของผู้จัดการโรงแรมเอ่ยขึ้น หลังจากที่พาพวกเราที่เป็นเด็กฝึกงานใหม่ ไปแนะนำสถานที่ต่างๆในโรงแรมเสร็จแล้ว“ต่อไปนี้ก็ตั้งใจทำงาน แล้วก็ขอให้โชคดีกับการฝึกงานนะคะ” พี่แอนพี่พนักงานอีกคนหนึ่งเอ่ยขึ้น“ขอบคุณค่ะ” ฉันและเพื่อนอีกคนที่เป็นเด็กฝึกงานเหมือนกันเอ่ยขอบคุณผู้จัดการและพี่แอนพร้อมๆกัน“วันนี้ก็คงไม่มีอะไรแล้วล่ะ เราสองคนกลับไปพักผ่อนกันก่อนเถอะ แล้วเดี๋ยวค่อยมาเริ่มงานพรุ่งนี้อีกที”“ได้ค่ะ”“งั้นพี่ไปก่อนนะ” ร่ำลากันเสร็จผู้ตัดการกับพี่แอนก็เดินกลับไปทำงานของตัวเองกันต่อ เหลือไว้แค่ฉันกับเพื่อนร่วมฝึกงานกันอยู่สองคน“หวัดดี เราชื่อรินณ์นะ” เพื่อนอีกคนที่ยืนอยู่ข้างๆ หันมาทักทายด้วยสีหน้าที่สดใส“หวัดดี เราชื่อเกว”“เกวมาจากกรุงเทพเหรอ?”“อื้อ แล้วรินณ์อ่ะ?”“เราเรียนที่นี่แหละ แล้วก็อยู่ที่นี่มาตั้งแต่เด็กแล้วด้วย” อ่อ เป็นคนที่นี่สินะ“อ่อ อื้ม!”“แล้วนี่…เกวจะกลับเลยรึเปล่า? เราไปกินข้าวกันมั้ย?”“โทษทีนะ พอดีเราเพิ่งย้ายมาที่นี่เมื่อวานเองอ่ะ คงต้องขอตัวกลับไปจัดของที่ห้องก่อน” “อ่อ งั้นไม่เป็นไร ไว้ไปกินข้าวกั
[คิมหันต์]เช้าวันต่อมา พรึ่บ!! ผมลืมตาขึ้นมาช้าๆ หลังจากที่หลับพักผ่อนจากกิจกรรมอันเหน็ดเหนื่อยเมื่อคืนไปทั้งคืนอย่างเต็มที่แล้ว แสงแดดที่เล็ดลอดผ่านผ้าม่านสีดำในห้องของตัวเองสาดส่องเข้ามา ทำผมถึงกับต้องหรี่ตาลงเพื่อปรับสายตาของตัวเองให้คงที่ขวับ!! เมื่อสายตากลับมาอยู่ในสภาพคงที่แล้ว ผมจึงพลิกตัวมาอีกฝั่งหนึ่งของเตียง ด้วยความหวังที่ว่าจะเจอกันคนตัวเล็กอย่างเกวลินนอนอยู่ข้างๆกาย"..." แต่แล้วสิ่งที่ผมเจอมีเพียงแค่รอยยับของผ้าปูที่ว่างเปล่าและไร้ซึ่งร่างของคนตัวเล็กเกวลินตื่นแล้วเหรอ?ฟุ่บ!! ผมคิดว่าคนตัวเล็กคนจะตื่นก่อนผมไปแล้ว ผมจึงลุกออกจากเตียง ก่อนจะเดินหยิบกางเกงนอนของตัวเองมาใส่ แล้วเดินออกไปจากห้อง ด้วยความหวังที่ว่าเกวลินคงจะอยู่ข้างนอกห้อง หรือที่ไหนสักที่ในบ้านนั่นแหละ"..." แต่ผมกลับต้องขมวดคิ้วด้วยความแปลกใจมากกว่าเดิม เมื่อลงมาแล้วไม่เจอกับเกวลินอยู่ที่ชั้นล่างของบ้าน ในครัวก็ไม่อยู่ ในห้องรับแขกก็ไม่เจอ "เกวลิน!" ผมลองตะโกนร้องเรียกชื่อของคนตัวเล็ก แต่ก็ไร้ซึ่งเสียงใดๆตอบรับกลับมาใจผมเริ่มสั่นไหวขึ้นมา จู่ๆความคิดที่ไม่ดีก็ดันโผล่เข้ามาในหัว ตอนนี้ผมกำลังคิดว่า