ปริบๆ! ฉันกำลังนอนกระพริบตาไปสองสามทีมองไปยังเพดานห้องที่ไม่คุ้นเคย ความจริงก็ลืมตามาได้สักพักแล้วล่ะ แต่ตอนนี้กำลังงงๆอยู่ว่าเกิดอะไรขึ้นกับตัวเอง? แล้วตอนนี้ฉันอยู่ที่ไหน?
“โอ้ย!!” ฉันพลิกตัวเพื่อจะลุกขึ้น แต่กลับต้องร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด ทำไมมันปวดหลังอย่างงี้เนี่ย?! ฟุ่บ!! แม้จะปวดหลังแต่ก็พยายามพยุงตัวขึ้นมานั่งได้สำเร็จ แต่เมื่อก้มลงไปมองข้างล่าง ฉันถึงได้รู้ว่าทำไมฉันถึงได้ตื่นมาแล้วปวดหลังขนาดนี้ …พื้น! ใช่! ฉันนอนบนพื้น! ขวับ!! และพอเงยหน้าขึ้นไปสังเกตรอบๆห้องก็รู้ได้ทันทีว่าตอนนี้ฉันมานอนอยู่ที่ไหน? นี่มันห้องของอีตานั่นนี่ ฉันกำลังนอนอยู่บนพื้นในห้องของอีตาคิมหันต์นั่น อ่อ! ฉันจำได้ล่ะ! ฉันจำได้ว่าตัวเองเกิดอาการหายใจไม่ออก(กลัวแหละ)แล้วก็สลบไปต่อหน้าอีตานั่น! ตรงนี้เลย! ตรงที่ฉันกำลังนั่งอยู่นี่เลย! เฮอะ! อย่าบอกนะว่าหลังจากฉันสลบไปอีตานั่นคงปล่อยให้ฉันนอนอยู่ที่เดิมอย่างนี้มาตลอดเลยเหรอ? แต่ก็อย่างที่รู้แหละนะ คนใจร้ายแบบเขาไม่มีทางสนใจคนที่นอนสลบจะเป็นจะตายอยู่ตรงหน้าหรอก ฉันรู้ดี! “ไอ้คนเฮงซวย!!” “ฟื้นแล้วเหรอ?” “เฮ้ย!!” เสียงที่ดังขึ้นมาทำฉันตกใจจนสะดุ้ง และเมื่อหันไปมองก็เห็นว่าเจ้าของเสียงกำลังนั่งเหยียดขาอ่านหนังสืออยู่บนเตียงตรงข้ามฉันที่นอนบนพื้นอย่างสบายใจ เฮอะ! นี่เขาอยู่ตรงนั้นมาตลอดเลยหรือไง? ฟุ่บ!! เห็นแบบนั้นแล้วฉันก็ไม่รอช้ารีบลุกขึ้นมายืนอย่างไว คงต้องรีบออกไปจากห้องนี้ให้เร็วที่สุดแล้วล่ะ เฮ้ออ! เห็นท่าทีสบายใจของเขาแล้วมัน…เจ็บใจชะมัด! ถ้าไม่คิดจะช่วยอย่างน้อยก็ปลุกให้ฉันตื่นหน่อยก็ได้ ไม่ใช่ปล่อยให้นอนอยู่บนพื้นกลางห้องจนถึงตอนนี้ “ขอโทษค่ะ ฉันจะรีบออกไปเดี๋ยวนี้เลย” “เดี๋ยว!” กึก! ยังไม่ทันจะได้ก้าวเท้าออกไปเลยสักก้าว ก็กลับต้องหยุดชะงักขึ้นมาอีกแล้ว อะไรอีกล่ะเนี่ย?! “ไปเตรียมน้ำให้ฉัน ฉันจะอาบน้ำ!” อะไรนะ? บอกฉันทีว่าเขากำลังล้อฉันเล่นอยู่ “ทำไมฉันต้อง…!” ฉันไม่เข้าใจว่าทำไมฉันต้องมาทำอย่างที่เขาว่าด้วย ไม่สิ! ก็รู้หรอกว่าเขาเอาฉันมารับใช้เขา แต่…ถึงขั้นตัองเตรียมน้ำให้เลยเนี่ยนะ? มันเกินไปแล้วนะ ขวับ!! กำลังจะโพล่งถามออกไปอยู่แล้วเชียว แต่เมื่อคนตรงหน้าละสายตาอันเยือกเย็นนั่นจากหนังสือมามองทางฉัน มันก็… “ได้ค่ะ!” เฮ้อออ! ปฏิเสธไม่ได้ทุกที ห้องน้ำ ซ่าาาา!!! ฉันยืนเปิดน้ำให้ไหลลงอ่างจากุชชี่ขนาดใหญ่ในห้องน้ำกว้างไปเรื่อยๆ เปิดสลับน้ำเย็นกับน้ำร้อนจนได้อุณหภูมิที่อุ่นพอดี เสียงน้ำที่กำลังไหลลงไปในอ่างมันไม่ได้ฟังดูสบายหูเลยสักนิด ยิ่งฟังยิ่งเพิ่มความรู้สึกหงุดหงิดมากขึ้นเรื่อยๆ พอๆกับปริมาณน้ำ “ไอ้คนใจร้าย! ไอ้คนเฮงซวย! ไอ้คนไม่มีหัวใจ!!” ฉันเหลือจะทนกับผู้ชายคนนั้นจริงๆเลย เห็นฉันเป็นลมไม่คิดจะช่วยไม่เท่าไร แต่พอฉันตื่นขึ้นมาก็ใช้งานฉันทันทีเนี่ยนะ! คนเราจะใจร้ายอะไรได้ขนาดนี้ ฉันเกลียดอีตานี่ที่สุดเลย!! เกลียดๆๆๆๆๆ “ฉันจะอาบน้ำแล้ว!” ตกใจหมดเลย! เข้ามาตอนไหนเนี่ย? ขวับ!! ฉันตกใจเสียงเจ้าของห้องที่ดังโพล่งขึ้นมาในห้องน้ำไม่ให้ซุ้มให้เสียง จนต้องหันหลังกลับไปมอง “OO!! กรี๊ดดดดด!!!” ทันทีหันหลังกลับไปมองคนที่เพิ่งเดินเข้ามาในห้องน้ำ ฉันก็ถึงกับเบิกตาโพลงขึ้นมาแล้วร้องกรี๊ดด้วยความตกใจ เพราะอีตาบ้านั่นดันเดินเข้ามาในห้องน้ำในสภาพที่ล่อนจ้อนไปทั้งตัว ล่อนจ้อนแบบที่ฉันเห็นไปทุกส่วนได้แบบเต็มๆตา!! พลั่ก!! เพราะตกใจเลยเผลอถอยหลังหนีจนไปชนเข้ากับขอบอ่าง แล้วจากนั้นก็… ตู้มมม!!! ตกลงไปในอ่างในสภาพที่หัวจมน้ำ ขาชี้ฟ้า เปียกไปทั้งตัว!! “แค่กๆๆ!” เพราะจมลงไปครึ่งตัวเลยได้กินน้ำในอ่างไปหลายอึกเลย ก่อนจะพยายามตะเกียกตะกายเอาหัวขึ้นมาจากน้ำ พรึ่บ!! พอขึ้นมาจากน้ำได้แล้วฉันก็รีบยกมือขึ้นมาปิดตาทั้งสองข้างของตัวเองไม่ให้เห็นสิ่งที่ไม่ควรเห็นของคนตรงหน้า “คุณคิมหันต์! นี่คุณทำอะไรของคุณเนี่ยฮ่ะ?!” “ฉันทำอะไร? เธอนั่นแหละ! ลงไปในน้ำทำไม!?” เฮอะ! ยังจะกล้ามาถามอีก เพราะคุณนั่นแหละ! ไอ้คนโรคจิต!! พรวด!! ฉันทนอยู่ตรงนี้ต่อไปไม่ไหวแล้ว เลยลุกขึ้นมาจากอ่างทั้งๆที่ยังคงใช้มือปิดตาตัวเองอยู่อย่างนั้นไม่วาง และพยายามจะก้าวขอออกไปจากอ่างให้ได้ แต่เพราะปิดตาอยู่เลยทำให้การก้าวขาออกจากอ่างเลยกลายเป็นเรื่องที่ยากมากในตอนนี้ หมับ!! และในตอนที่ฉันกำลังพยายามจะก้าวเท้าออกจากอ่างอยู่นั้น จู่ๆก็รู้สึกเหมือนมีมือมาเข้ามาโอบเอวฉันเอาไว้ แถมฉันยังได้ยินเสียงลมหายใจของอีกฝ่ายใกล้จนรดหูอยู่แล้ว อย่าบอกนะว่าคนที่กำลังโอบเอวฉันอยู่ตอนนี้คือ… “หึ! ถือว่าเจ้าท์กันนะ” เสียงกระซิบของคนตัวสูงดังขึ้นมาข้างๆหู “อ้ะ!” ฟึ่บ!! ฉันร้องตกใจออกมา เมื่อรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังโดนคนตรงหน้าอุ้มฉันขึ้นมา ก่อนจะวางฉันลงบนพื้นแล้วปล่อยมือจากเอวฉันไป โอ๊ะ! พื้นไม่มีน้ำแล้ว นี่อย่าบอกนะว่าเขาอุ้มฉันออกมาจากอ่างอ่ะ “ออกไปได้แล้ว ฉันจะอาบน้ำ!” ฉันก็ไม่ได้อยากอยู่ ฟิ้ว!! ฉันไม่รอช้ารีบก้มหน้าลงพื้น ก่อนจะแอบเปิดตาดูทาง แล้ววิ่งออกไปจากห้องน้ำทันที นี่มันเรื่องบ้าอะไรกันเนี่ย? เจ้าท์กันงั้นเหรอ? นี่เขาคงไม่ได้จงใจแก้ผ้าเข้ามาในห้องน้ำเพื่อให้ฉันเห็นอยู่แล้วหรอกใช่มั้ย? เพราะถ้าเป็นแบบนั้นจริงๆล่ะก็ เขาก็ไม่ต่างอะไรจากคนโรคจิตเลยสักนิด!! บ้าที่สุด! เปลืองตาชะมัด! กลับไปฉันคงต้องเอาน้ำเกลือล้างตาให้เยอะๆแล้วแหละ!!ความมืดมิดในยามค่ำคืน ความเงียบสงัดกำลังกัดกินบรรยากาศให้น่าขนลุกยิ่งขึ้น แต่เหนือสิ่งอื่นใด…สิ่งที่น่ากลัวที่สุดตอนนี้ คงหนีไม่พ้นสายตาคู่นั้นของคนตัวสูง ที่กำลังจ้องมองมาที่ฉันอย่างไม่วางตาตึก!ตึก!ตึก! เสียงฝีเท้าของเขาที่ดังใกล้เข้ามาเรื่อยๆ ยิ่งทำให้ฉันตัวแข็งทื่อจนขยับไปไหนไม่ได้“เธอเกลียดฉันมากเลยเหรอ? เกวลิน” ระยะห่างของเราสองคนที่ห่างกันเพียงไม่ถึงคืบ เสียงทุ้มที่เอ่ยออกมาเรียบนิ่ง โดยเฉพาะแววตาเหยียดหยามที่จ้องมองที่ฉันราวฉันเป็นเพียงแค่สัตว์ตัวเล็กคู่นั้นของเขา ทำฉันรู้สึกเกลียดที่สุด! เกลียดจนแทบจะไม่อยากมองหน้าด้วยซ้ำไป“ใช่ค่ะ! เกลียด ฉันเกลียดคุณที่สุด”“หึ! แต่ฉันชอบนะ ชอบ…เวลาที่เธอทำท่าทีเกลียดฉันจนจะตาย” นิสัยน่ารังเกียจตอนนี้ของเขาก็เหมือนกัน มันทำฉันเกลียดจนขยาดจะแย่“ทำไมคะ? ทำไมคุณต้องคอยหาเรื่องฉันอยู่เรื่อยด้วย ทำไมต้องมาคอยแกล้งฉันตลอดเวลาด้วย!!” ตั้งแต่ฉันเข้ามาในบ้านหลังนี้ ไม่เคยมีวันไหนที่ฉันจะอยู่อย่างสงบสุข โดยที่ไม่โดนคนๆนี้เข้ามาคุกคาม“เพราะสนุกไง!” คำพูดของเขาทำฉันกำหมัดแน่นด้วยความโกรธ “ถ้าฉันออกไปจากบ้านหลังนี้ได้ ฉันจะไม่มีวันกลับมาเ
ชีวิตของคนปกติทั่วไปอาจจะถูกขับเคลื่อนด้วยปัจจัยยังชีพที่แตกต่างกันไป บางคนอาจจะมีชีวิตอยู่เพื่อการทำงาน บางคนอาจจะเป็นเพราะความรัก แต่สำหรับชีวิตของฉัน…มันถูกขับเคลื่อนด้วยคำว่าหนี้บุญคุณแค่นั้น ฉันมีชีวิตอยู่ทุกวันนี้เพราะหนี้บุญคุณ และไอ้คำว่าหนี้บุญคุณเนี่ยแหละ ที่พรากหลายสิ่งหลายอย่างไปจากฉัน ทั้งความรัก ทั้งเพื่อน ทั้งเงิน โดยเฉพาะ…อิสระ ตลอดเวลาที่อยู่ในบ้านหลังนี้ ในตระกูลยิ่งใหญ่ที่อันตรายแบบนี้ สิ่งเดียวฉันเฝ้าคอยมาตลอดก็คือ…อิสระ แม้ท่านประธานจะเป็นคนที่มีบุญคุณกับฉันมากๆ แต่ตลอดระยะเวลากว่าเจ็ดปีที่ฉันอยู่ที่นี่ ฉันจงรักษ์ภักดีต่อท่านประธาน และตระกูลมาเสมอ จนเมื่อถึงตอนนี้…ตอนที่ฉันบรรลุนิติภาวะแล้ว ฉันอยากจะออกไปใช้ชีวิตที่อิสระของตัวเองสักที ฉันอยากจะออกไปใช้ชีวิตเหมือนคนธรรมดาทั่วๆไปบ้าง“ฮู่ววว!!” ฉันถอนหายใจออกมาเพื่อเตรียมความพร้อม พลางกระชับแก้วน้ำชาที่อยู่ในมือให้แน่นไม่ให้มันสั่นไหว เพราะตอนนี้ฉันกำลังจะไปทำสิ่งที่สำคัญต่อชีวิตของฉันที่สุด นั่นก็คือ…การร้องขออิสระจากผู้มีพระคุณของฉันนั่นเอง ก๊อกๆๆ! ฉันค่อยๆยกมือขึ้นไปเคาะประตูห้องท่านประธานสามครั้งตามปกติ
ซ่าาา!! ฉันปล่อยให้สายน้ำจากฝักบัวไหลรดผ่านใบหน้าและลำตัวไปอย่างช้าๆ พลางใช้เวลาระหว่างนี้นึกถึงคำพูดของท่านประธานที่พูดกับฉันก่อนหน้านี้‘พรุ่งนี้เธอเตรียมตัวย้ายออกจากบ้านใหญ่ไปบ้านเจ้าคิมหันต์มันซะนะ เกวลิน’‘หมายความว่ายังไงคะ?’‘ฉันตกลงกับเจ้าคิมหันต์มันแล้ว ว่าจะยกเธอให้มัน’‘ท่านประธานช่วยฟังเรื่องที่เกวจะขอก่อนได้มั้ยคะ?’‘เฮ้อ…เธอว่ามาสิ’‘ความจริงวันนี้…เกวตั้งใจจะมาขออนุญาติท่านประธาน…ให้เกวออกไปจากตระกูลได้มั้ยคะ?’‘เฮ้อออ!! ฉันรับฟังเธอนะ แต่ตอนนี้…ฉันไม่มีสิทธิ์ในตัวเธอแล้ว ฉันยกเธอให้คิมหันต์ไปแล้ว เพราะฉะนั้น…คนที่เธอจะต้องไปขออนุญาติคือเจ้าคิมหันต์ ไม่ใช่ฉันอีกแล้ว’‘อ่าา เข้าใจแล้วค่ะ’เฮอะ! ฟังดูน่าขำชะมัดว่ามั้ย? สุดท้ายแล้ว…ความหวังที่จะเป็นอิสระของฉันมันก็เป็นเพียงแค่ความหวังลมๆแล้วๆที่ไม่มีทางเป็นไปได้ตั้งแต่แรกอยู่แล้ว ความสัมพันธ์ของเจ้านายกับลูกน้อง ผู้มีบุญคุณกับผู้ตอบแทนบุญคุณ มันตัดกันง่ายๆไม่ได้สินะ เฮ้อออ…คนเป็นเจ้านายคงจะทำอะไรกับลูกน้องอย่างฉันก็ได้สินะ จะรับมาเลี้ยงตอนไหนก็ได้ จะยกให้ใครง่ายๆเหมือนสิ่งของก็คงไม่ใช่เรื่องยากเลย แล้วยิ่งเจ้านายคนใหม่ขอ
ณ บ้านคิมหันต์ตอนนี้ฉันกำลังยืนอยูในบ้านของคุณคิมหันต์ บ้านเล็กที่ใหญ่โตโอ่อ่าไม่แพ้บ้านใหญ่ของท่านประธาน ในที่สุดฉันก็ถูกย้ายให้มาอยู่ที่นี่จนได้“คุณคิมไม่ได้บอกให้ป้าเตรียมห้องไว้ ยังไงคืนนี้หนูนอนในห้องนี้ไปก่อนล่ะกันนะ แล้วเดี๋ยวพรุ่งนี้ป้าทำความสะอาดห้องให้หนูเสร็จแล้ว ค่อยย้ายไปอีกห้อง” ป้ากานเป็นแม่บ้านที่บ้านของคุณคิมหันต์ ป้ากานเป็นคนที่คอยแนะนำฉันทันทีที่ฉันมาถึงที่นี่ และยังเป็นคนพาฉันมาที่ห้องพักอีกด้วย “ไม่เป็นไรหรอกค่ะ ห้องไหนหนูก็อยู่ได้ทั้งนั้นแหละ” “ถ้างั้น…เดี๋ยวเก็บของเสร็จแล้ว ก็อย่าลืมขึ้นไปหาคุณคิมที่ห้องด้วยนะ” “ได้ค่ะ ขอบคุณมากนะคะ” สิ้นเสียงของฉันป้ากานก็หันหลังเดินออกไปจากห้องตุบ!! ทันทีที่ป้ากานเดินออกไปจากห้อง ฉันรีบเดินเข้ามาทิ้งตัวลงไปนอนบนเตียงอย่างเหนื่อยหน่าย “เฮ้อออ! เหนื่อยชะมัด” ฉันเดินทางมาที่นี่พร้อมกับคุณคิมหันต์ แค่สองคน! ตลอดระยะเวลาเกือบสามชั่วโมงที่ฉันต้องนั่งรถมากับเขา รู้สึกอึดอัดจนแทบหายใจไม่ออก แค่เห็นหน้าเขา ไม่สิ! แค่ได้ยินชื่อเขาแค่นั้น มันก็ทำให้ฉันหวนนึกถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อคืนอยู่ตลอดเวลา ความรู้สึกทั้งโกรธ ทั้งเกลียด
คิมหันต์ จุดเริ่มต้นของความเกลียดและความกลัวที่ฉันมีต่อผู้ชายคนนี้…มันเริ่มตั้งแต่ตอนไหนกันนะ? พอมาคิดๆดูแล้ว…มันเริ่มตั้งแต่แรกเลยนี่ ฉันเกลียดผู้ชายคนนี้ ตั้งแต่วันแรกที่เข้ามาอยู่ในบ้านตระกูลอัศวนันทร์เลยด้วยซ้ำ “เกวลิน! ต่อไปนี้เธอมาอยู่ที่บ้านหลังนี้นะ ฉันจะส่งเสียเลี้ยงดูเธอเอง” นี่คือคำพูดของคุณกรณ์หรือท่านประธานที่พูดกับฉันไว้เมื่อเจ็ดปีก่อน เมื่อเจ็ดปีก่อนฉันสูญเสียพ่อไปจากอุบัติเหตุทางรถยนต์ พ่อฉันถูกคนขับรถของตระกูลอัศวนันทร์ขับรถชนจนเสียชีวิต หลังจากงานศพพ่อหนึ่งอาทิตย์ ฉันกับแม่ก็ประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ และจากอุบัติเหตุครั้งนั้นทำให้ฉัน…สูญเสียแม่ไปด้วยอีกคน ส่วนตัวฉัน…ฉันจำเหตุการณ์ตอนที่ตัวเองโดนรถชนไม่ได้เลย พอรู้สึกตัวอีกทีก็ตื่นขึ้นมาในโรงพยาบาลแล้ว ภายในเวลาแค่เดือนเดียวฉันสูญเสียทั้งพ่อและแม่ไปทั้งคู่ เหตุการณ์นี้มันสร้างความเจ็บปวดให้ฉันที่อายุแค่สิบสามปีในตอนนั้นเป็นอย่างมาก เพราะชีวิตฉันนอกจากพ่อแม่แล้วฉันก็ไม่เหลือใครให้พึ่งพิงอีกเลย จนกระทั่ง…คุณกรณ์ คนที่เป็นเจ้านายของคนที่ขับรถชนพ่อฉันเข้ามาหา เขาบอกว่าเขารู้สึกผิดกับสิ่งที่ลูกน้องเขาทำไป เลยต้องการจะร
ปริบๆ! ฉันกำลังนอนกระพริบตาไปสองสามทีมองไปยังเพดานห้องที่ไม่คุ้นเคย ความจริงก็ลืมตามาได้สักพักแล้วล่ะ แต่ตอนนี้กำลังงงๆอยู่ว่าเกิดอะไรขึ้นกับตัวเอง? แล้วตอนนี้ฉันอยู่ที่ไหน? “โอ้ย!!” ฉันพลิกตัวเพื่อจะลุกขึ้น แต่กลับต้องร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด ทำไมมันปวดหลังอย่างงี้เนี่ย?!ฟุ่บ!! แม้จะปวดหลังแต่ก็พยายามพยุงตัวขึ้นมานั่งได้สำเร็จ แต่เมื่อก้มลงไปมองข้างล่าง ฉันถึงได้รู้ว่าทำไมฉันถึงได้ตื่นมาแล้วปวดหลังขนาดนี้ …พื้น! ใช่! ฉันนอนบนพื้น! ขวับ!! และพอเงยหน้าขึ้นไปสังเกตรอบๆห้องก็รู้ได้ทันทีว่าตอนนี้ฉันมานอนอยู่ที่ไหน? นี่มันห้องของอีตานั่นนี่ ฉันกำลังนอนอยู่บนพื้นในห้องของอีตาคิมหันต์นั่น อ่อ! ฉันจำได้ล่ะ! ฉันจำได้ว่าตัวเองเกิดอาการหายใจไม่ออก(กลัวแหละ)แล้วก็สลบไปต่อหน้าอีตานั่น! ตรงนี้เลย! ตรงที่ฉันกำลังนั่งอยู่นี่เลย! เฮอะ! อย่าบอกนะว่าหลังจากฉันสลบไปอีตานั่นคงปล่อยให้ฉันนอนอยู่ที่เดิมอย่างนี้มาตลอดเลยเหรอ? แต่ก็อย่างที่รู้แหละนะ คนใจร้ายแบบเขาไม่มีทางสนใจคนที่นอนสลบจะเป็นจะตายอยู่ตรงหน้าหรอก ฉันรู้ดี! “ไอ้คนเฮงซวย!!” “ฟื้นแล้วเหรอ?”“เฮ้ย!!” เสียงที่ดังขึ้นมาทำฉันตกใจจนสะดุ้ง และเมื่
คิมหันต์ จุดเริ่มต้นของความเกลียดและความกลัวที่ฉันมีต่อผู้ชายคนนี้…มันเริ่มตั้งแต่ตอนไหนกันนะ? พอมาคิดๆดูแล้ว…มันเริ่มตั้งแต่แรกเลยนี่ ฉันเกลียดผู้ชายคนนี้ ตั้งแต่วันแรกที่เข้ามาอยู่ในบ้านตระกูลอัศวนันทร์เลยด้วยซ้ำ “เกวลิน! ต่อไปนี้เธอมาอยู่ที่บ้านหลังนี้นะ ฉันจะส่งเสียเลี้ยงดูเธอเอง” นี่คือคำพูดของคุณกรณ์หรือท่านประธานที่พูดกับฉันไว้เมื่อเจ็ดปีก่อน เมื่อเจ็ดปีก่อนฉันสูญเสียพ่อไปจากอุบัติเหตุทางรถยนต์ พ่อฉันถูกคนขับรถของตระกูลอัศวนันทร์ขับรถชนจนเสียชีวิต หลังจากงานศพพ่อหนึ่งอาทิตย์ ฉันกับแม่ก็ประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ และจากอุบัติเหตุครั้งนั้นทำให้ฉัน…สูญเสียแม่ไปด้วยอีกคน ส่วนตัวฉัน…ฉันจำเหตุการณ์ตอนที่ตัวเองโดนรถชนไม่ได้เลย พอรู้สึกตัวอีกทีก็ตื่นขึ้นมาในโรงพยาบาลแล้ว ภายในเวลาแค่เดือนเดียวฉันสูญเสียทั้งพ่อและแม่ไปทั้งคู่ เหตุการณ์นี้มันสร้างความเจ็บปวดให้ฉันที่อายุแค่สิบสามปีในตอนนั้นเป็นอย่างมาก เพราะชีวิตฉันนอกจากพ่อแม่แล้วฉันก็ไม่เหลือใครให้พึ่งพิงอีกเลย จนกระทั่ง…คุณกรณ์ คนที่เป็นเจ้านายของคนที่ขับรถชนพ่อฉันเข้ามาหา เขาบอกว่าเขารู้สึกผิดกับสิ่งที่ลูกน้องเขาทำไป เลยต้องการจะร
ณ บ้านคิมหันต์ตอนนี้ฉันกำลังยืนอยูในบ้านของคุณคิมหันต์ บ้านเล็กที่ใหญ่โตโอ่อ่าไม่แพ้บ้านใหญ่ของท่านประธาน ในที่สุดฉันก็ถูกย้ายให้มาอยู่ที่นี่จนได้“คุณคิมไม่ได้บอกให้ป้าเตรียมห้องไว้ ยังไงคืนนี้หนูนอนในห้องนี้ไปก่อนล่ะกันนะ แล้วเดี๋ยวพรุ่งนี้ป้าทำความสะอาดห้องให้หนูเสร็จแล้ว ค่อยย้ายไปอีกห้อง” ป้ากานเป็นแม่บ้านที่บ้านของคุณคิมหันต์ ป้ากานเป็นคนที่คอยแนะนำฉันทันทีที่ฉันมาถึงที่นี่ และยังเป็นคนพาฉันมาที่ห้องพักอีกด้วย “ไม่เป็นไรหรอกค่ะ ห้องไหนหนูก็อยู่ได้ทั้งนั้นแหละ” “ถ้างั้น…เดี๋ยวเก็บของเสร็จแล้ว ก็อย่าลืมขึ้นไปหาคุณคิมที่ห้องด้วยนะ” “ได้ค่ะ ขอบคุณมากนะคะ” สิ้นเสียงของฉันป้ากานก็หันหลังเดินออกไปจากห้องตุบ!! ทันทีที่ป้ากานเดินออกไปจากห้อง ฉันรีบเดินเข้ามาทิ้งตัวลงไปนอนบนเตียงอย่างเหนื่อยหน่าย “เฮ้อออ! เหนื่อยชะมัด” ฉันเดินทางมาที่นี่พร้อมกับคุณคิมหันต์ แค่สองคน! ตลอดระยะเวลาเกือบสามชั่วโมงที่ฉันต้องนั่งรถมากับเขา รู้สึกอึดอัดจนแทบหายใจไม่ออก แค่เห็นหน้าเขา ไม่สิ! แค่ได้ยินชื่อเขาแค่นั้น มันก็ทำให้ฉันหวนนึกถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อคืนอยู่ตลอดเวลา ความรู้สึกทั้งโกรธ ทั้งเกลียด
ซ่าาา!! ฉันปล่อยให้สายน้ำจากฝักบัวไหลรดผ่านใบหน้าและลำตัวไปอย่างช้าๆ พลางใช้เวลาระหว่างนี้นึกถึงคำพูดของท่านประธานที่พูดกับฉันก่อนหน้านี้‘พรุ่งนี้เธอเตรียมตัวย้ายออกจากบ้านใหญ่ไปบ้านเจ้าคิมหันต์มันซะนะ เกวลิน’‘หมายความว่ายังไงคะ?’‘ฉันตกลงกับเจ้าคิมหันต์มันแล้ว ว่าจะยกเธอให้มัน’‘ท่านประธานช่วยฟังเรื่องที่เกวจะขอก่อนได้มั้ยคะ?’‘เฮ้อ…เธอว่ามาสิ’‘ความจริงวันนี้…เกวตั้งใจจะมาขออนุญาติท่านประธาน…ให้เกวออกไปจากตระกูลได้มั้ยคะ?’‘เฮ้อออ!! ฉันรับฟังเธอนะ แต่ตอนนี้…ฉันไม่มีสิทธิ์ในตัวเธอแล้ว ฉันยกเธอให้คิมหันต์ไปแล้ว เพราะฉะนั้น…คนที่เธอจะต้องไปขออนุญาติคือเจ้าคิมหันต์ ไม่ใช่ฉันอีกแล้ว’‘อ่าา เข้าใจแล้วค่ะ’เฮอะ! ฟังดูน่าขำชะมัดว่ามั้ย? สุดท้ายแล้ว…ความหวังที่จะเป็นอิสระของฉันมันก็เป็นเพียงแค่ความหวังลมๆแล้วๆที่ไม่มีทางเป็นไปได้ตั้งแต่แรกอยู่แล้ว ความสัมพันธ์ของเจ้านายกับลูกน้อง ผู้มีบุญคุณกับผู้ตอบแทนบุญคุณ มันตัดกันง่ายๆไม่ได้สินะ เฮ้อออ…คนเป็นเจ้านายคงจะทำอะไรกับลูกน้องอย่างฉันก็ได้สินะ จะรับมาเลี้ยงตอนไหนก็ได้ จะยกให้ใครง่ายๆเหมือนสิ่งของก็คงไม่ใช่เรื่องยากเลย แล้วยิ่งเจ้านายคนใหม่ขอ
ชีวิตของคนปกติทั่วไปอาจจะถูกขับเคลื่อนด้วยปัจจัยยังชีพที่แตกต่างกันไป บางคนอาจจะมีชีวิตอยู่เพื่อการทำงาน บางคนอาจจะเป็นเพราะความรัก แต่สำหรับชีวิตของฉัน…มันถูกขับเคลื่อนด้วยคำว่าหนี้บุญคุณแค่นั้น ฉันมีชีวิตอยู่ทุกวันนี้เพราะหนี้บุญคุณ และไอ้คำว่าหนี้บุญคุณเนี่ยแหละ ที่พรากหลายสิ่งหลายอย่างไปจากฉัน ทั้งความรัก ทั้งเพื่อน ทั้งเงิน โดยเฉพาะ…อิสระ ตลอดเวลาที่อยู่ในบ้านหลังนี้ ในตระกูลยิ่งใหญ่ที่อันตรายแบบนี้ สิ่งเดียวฉันเฝ้าคอยมาตลอดก็คือ…อิสระ แม้ท่านประธานจะเป็นคนที่มีบุญคุณกับฉันมากๆ แต่ตลอดระยะเวลากว่าเจ็ดปีที่ฉันอยู่ที่นี่ ฉันจงรักษ์ภักดีต่อท่านประธาน และตระกูลมาเสมอ จนเมื่อถึงตอนนี้…ตอนที่ฉันบรรลุนิติภาวะแล้ว ฉันอยากจะออกไปใช้ชีวิตที่อิสระของตัวเองสักที ฉันอยากจะออกไปใช้ชีวิตเหมือนคนธรรมดาทั่วๆไปบ้าง“ฮู่ววว!!” ฉันถอนหายใจออกมาเพื่อเตรียมความพร้อม พลางกระชับแก้วน้ำชาที่อยู่ในมือให้แน่นไม่ให้มันสั่นไหว เพราะตอนนี้ฉันกำลังจะไปทำสิ่งที่สำคัญต่อชีวิตของฉันที่สุด นั่นก็คือ…การร้องขออิสระจากผู้มีพระคุณของฉันนั่นเอง ก๊อกๆๆ! ฉันค่อยๆยกมือขึ้นไปเคาะประตูห้องท่านประธานสามครั้งตามปกติ
ความมืดมิดในยามค่ำคืน ความเงียบสงัดกำลังกัดกินบรรยากาศให้น่าขนลุกยิ่งขึ้น แต่เหนือสิ่งอื่นใด…สิ่งที่น่ากลัวที่สุดตอนนี้ คงหนีไม่พ้นสายตาคู่นั้นของคนตัวสูง ที่กำลังจ้องมองมาที่ฉันอย่างไม่วางตาตึก!ตึก!ตึก! เสียงฝีเท้าของเขาที่ดังใกล้เข้ามาเรื่อยๆ ยิ่งทำให้ฉันตัวแข็งทื่อจนขยับไปไหนไม่ได้“เธอเกลียดฉันมากเลยเหรอ? เกวลิน” ระยะห่างของเราสองคนที่ห่างกันเพียงไม่ถึงคืบ เสียงทุ้มที่เอ่ยออกมาเรียบนิ่ง โดยเฉพาะแววตาเหยียดหยามที่จ้องมองที่ฉันราวฉันเป็นเพียงแค่สัตว์ตัวเล็กคู่นั้นของเขา ทำฉันรู้สึกเกลียดที่สุด! เกลียดจนแทบจะไม่อยากมองหน้าด้วยซ้ำไป“ใช่ค่ะ! เกลียด ฉันเกลียดคุณที่สุด”“หึ! แต่ฉันชอบนะ ชอบ…เวลาที่เธอทำท่าทีเกลียดฉันจนจะตาย” นิสัยน่ารังเกียจตอนนี้ของเขาก็เหมือนกัน มันทำฉันเกลียดจนขยาดจะแย่“ทำไมคะ? ทำไมคุณต้องคอยหาเรื่องฉันอยู่เรื่อยด้วย ทำไมต้องมาคอยแกล้งฉันตลอดเวลาด้วย!!” ตั้งแต่ฉันเข้ามาในบ้านหลังนี้ ไม่เคยมีวันไหนที่ฉันจะอยู่อย่างสงบสุข โดยที่ไม่โดนคนๆนี้เข้ามาคุกคาม“เพราะสนุกไง!” คำพูดของเขาทำฉันกำหมัดแน่นด้วยความโกรธ “ถ้าฉันออกไปจากบ้านหลังนี้ได้ ฉันจะไม่มีวันกลับมาเ