ปริบๆ! ฉันกำลังนอนกระพริบตาไปสองสามทีมองไปยังเพดานห้องที่ไม่คุ้นเคย ความจริงก็ลืมตามาได้สักพักแล้วล่ะ แต่ตอนนี้กำลังงงๆอยู่ว่าเกิดอะไรขึ้นกับตัวเอง? แล้วตอนนี้ฉันอยู่ที่ไหน?
“โอ้ย!!” ฉันพลิกตัวเพื่อจะลุกขึ้น แต่กลับต้องร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด ทำไมมันปวดหลังอย่างงี้เนี่ย?! ฟุ่บ!! แม้จะปวดหลังแต่ก็พยายามพยุงตัวขึ้นมานั่งได้สำเร็จ แต่เมื่อก้มลงไปมองข้างล่าง ฉันถึงได้รู้ว่าทำไมฉันถึงได้ตื่นมาแล้วปวดหลังขนาดนี้ …พื้น! ใช่! ฉันนอนบนพื้น! ขวับ!! และพอเงยหน้าขึ้นไปสังเกตรอบๆห้องก็รู้ได้ทันทีว่าตอนนี้ฉันมานอนอยู่ที่ไหน? นี่มันห้องของอีตานั่นนี่ ฉันกำลังนอนอยู่บนพื้นในห้องของอีตาคิมหันต์นั่น อ่อ! ฉันจำได้ล่ะ! ฉันจำได้ว่าตัวเองเกิดอาการหายใจไม่ออก(กลัวแหละ)แล้วก็สลบไปต่อหน้าอีตานั่น! ตรงนี้เลย! ตรงที่ฉันกำลังนั่งอยู่นี่เลย! เฮอะ! อย่าบอกนะว่าหลังจากฉันสลบไปอีตานั่นคงปล่อยให้ฉันนอนอยู่ที่เดิมอย่างนี้มาตลอดเลยเหรอ? แต่ก็อย่างที่รู้แหละนะ คนใจร้ายแบบเขาไม่มีทางสนใจคนที่นอนสลบจะเป็นจะตายอยู่ตรงหน้าหรอก ฉันรู้ดี! “ไอ้คนเฮงซวย!!” “ฟื้นแล้วเหรอ?” “เฮ้ย!!” เสียงที่ดังขึ้นมาทำฉันตกใจจนสะดุ้ง และเมื่อหันไปมองก็เห็นว่าเจ้าของเสียงกำลังนั่งเหยียดขาอ่านหนังสืออยู่บนเตียงตรงข้ามฉันที่นอนบนพื้นอย่างสบายใจ เฮอะ! นี่เขาอยู่ตรงนั้นมาตลอดเลยหรือไง? ฟุ่บ!! เห็นแบบนั้นแล้วฉันก็ไม่รอช้ารีบลุกขึ้นมายืนอย่างไว คงต้องรีบออกไปจากห้องนี้ให้เร็วที่สุดแล้วล่ะ เฮ้ออ! เห็นท่าทีสบายใจของเขาแล้วมัน…เจ็บใจชะมัด! ถ้าไม่คิดจะช่วยอย่างน้อยก็ปลุกให้ฉันตื่นหน่อยก็ได้ ไม่ใช่ปล่อยให้นอนอยู่บนพื้นกลางห้องจนถึงตอนนี้ “ขอโทษค่ะ ฉันจะรีบออกไปเดี๋ยวนี้เลย” “เดี๋ยว!” กึก! ยังไม่ทันจะได้ก้าวเท้าออกไปเลยสักก้าว ก็กลับต้องหยุดชะงักขึ้นมาอีกแล้ว อะไรอีกล่ะเนี่ย?! “ไปเตรียมน้ำให้ฉัน ฉันจะอาบน้ำ!” อะไรนะ? บอกฉันทีว่าเขากำลังล้อฉันเล่นอยู่ “ทำไมฉันต้อง…!” ฉันไม่เข้าใจว่าทำไมฉันต้องมาทำอย่างที่เขาว่าด้วย ไม่สิ! ก็รู้หรอกว่าเขาเอาฉันมารับใช้เขา แต่…ถึงขั้นตัองเตรียมน้ำให้เลยเนี่ยนะ? มันเกินไปแล้วนะ ขวับ!! กำลังจะโพล่งถามออกไปอยู่แล้วเชียว แต่เมื่อคนตรงหน้าละสายตาอันเยือกเย็นนั่นจากหนังสือมามองทางฉัน มันก็… “ได้ค่ะ!” เฮ้อออ! ปฏิเสธไม่ได้ทุกที ห้องน้ำ ซ่าาาา!!! ฉันยืนเปิดน้ำให้ไหลลงอ่างจากุชชี่ขนาดใหญ่ในห้องน้ำกว้างไปเรื่อยๆ เปิดสลับน้ำเย็นกับน้ำร้อนจนได้อุณหภูมิที่อุ่นพอดี เสียงน้ำที่กำลังไหลลงไปในอ่างมันไม่ได้ฟังดูสบายหูเลยสักนิด ยิ่งฟังยิ่งเพิ่มความรู้สึกหงุดหงิดมากขึ้นเรื่อยๆ พอๆกับปริมาณน้ำ “ไอ้คนใจร้าย! ไอ้คนเฮงซวย! ไอ้คนไม่มีหัวใจ!!” ฉันเหลือจะทนกับผู้ชายคนนั้นจริงๆเลย เห็นฉันเป็นลมไม่คิดจะช่วยไม่เท่าไร แต่พอฉันตื่นขึ้นมาก็ใช้งานฉันทันทีเนี่ยนะ! คนเราจะใจร้ายอะไรได้ขนาดนี้ ฉันเกลียดอีตานี่ที่สุดเลย!! เกลียดๆๆๆๆๆ “ฉันจะอาบน้ำแล้ว!” ตกใจหมดเลย! เข้ามาตอนไหนเนี่ย? ขวับ!! ฉันตกใจเสียงเจ้าของห้องที่ดังโพล่งขึ้นมาในห้องน้ำไม่ให้ซุ้มให้เสียง จนต้องหันหลังกลับไปมอง “OO!! กรี๊ดดดดด!!!” ทันทีหันหลังกลับไปมองคนที่เพิ่งเดินเข้ามาในห้องน้ำ ฉันก็ถึงกับเบิกตาโพลงขึ้นมาแล้วร้องกรี๊ดด้วยความตกใจ เพราะอีตาบ้านั่นดันเดินเข้ามาในห้องน้ำในสภาพที่ล่อนจ้อนไปทั้งตัว ล่อนจ้อนแบบที่ฉันเห็นไปทุกส่วนได้แบบเต็มๆตา!! พลั่ก!! เพราะตกใจเลยเผลอถอยหลังหนีจนไปชนเข้ากับขอบอ่าง แล้วจากนั้นก็… ตู้มมม!!! ตกลงไปในอ่างในสภาพที่หัวจมน้ำ ขาชี้ฟ้า เปียกไปทั้งตัว!! “แค่กๆๆ!” เพราะจมลงไปครึ่งตัวเลยได้กินน้ำในอ่างไปหลายอึกเลย ก่อนจะพยายามตะเกียกตะกายเอาหัวขึ้นมาจากน้ำ พรึ่บ!! พอขึ้นมาจากน้ำได้แล้วฉันก็รีบยกมือขึ้นมาปิดตาทั้งสองข้างของตัวเองไม่ให้เห็นสิ่งที่ไม่ควรเห็นของคนตรงหน้า “คุณคิมหันต์! นี่คุณทำอะไรของคุณเนี่ยฮ่ะ?!” “ฉันทำอะไร? เธอนั่นแหละ! ลงไปในน้ำทำไม!?” เฮอะ! ยังจะกล้ามาถามอีก เพราะคุณนั่นแหละ! ไอ้คนโรคจิต!! พรวด!! ฉันทนอยู่ตรงนี้ต่อไปไม่ไหวแล้ว เลยลุกขึ้นมาจากอ่างทั้งๆที่ยังคงใช้มือปิดตาตัวเองอยู่อย่างนั้นไม่วาง และพยายามจะก้าวขอออกไปจากอ่างให้ได้ แต่เพราะปิดตาอยู่เลยทำให้การก้าวขาออกจากอ่างเลยกลายเป็นเรื่องที่ยากมากในตอนนี้ หมับ!! และในตอนที่ฉันกำลังพยายามจะก้าวเท้าออกจากอ่างอยู่นั้น จู่ๆก็รู้สึกเหมือนมีมือมาเข้ามาโอบเอวฉันเอาไว้ แถมฉันยังได้ยินเสียงลมหายใจของอีกฝ่ายใกล้จนรดหูอยู่แล้ว อย่าบอกนะว่าคนที่กำลังโอบเอวฉันอยู่ตอนนี้คือ… “หึ! ถือว่าเจ้าท์กันนะ” เสียงกระซิบของคนตัวสูงดังขึ้นมาข้างๆหู “อ้ะ!” ฟึ่บ!! ฉันร้องตกใจออกมา เมื่อรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังโดนคนตรงหน้าอุ้มฉันขึ้นมา ก่อนจะวางฉันลงบนพื้นแล้วปล่อยมือจากเอวฉันไป โอ๊ะ! พื้นไม่มีน้ำแล้ว นี่อย่าบอกนะว่าเขาอุ้มฉันออกมาจากอ่างอ่ะ “ออกไปได้แล้ว ฉันจะอาบน้ำ!” ฉันก็ไม่ได้อยากอยู่ ฟิ้ว!! ฉันไม่รอช้ารีบก้มหน้าลงพื้น ก่อนจะแอบเปิดตาดูทาง แล้ววิ่งออกไปจากห้องน้ำทันที นี่มันเรื่องบ้าอะไรกันเนี่ย? เจ้าท์กันงั้นเหรอ? นี่เขาคงไม่ได้จงใจแก้ผ้าเข้ามาในห้องน้ำเพื่อให้ฉันเห็นอยู่แล้วหรอกใช่มั้ย? เพราะถ้าเป็นแบบนั้นจริงๆล่ะก็ เขาก็ไม่ต่างอะไรจากคนโรคจิตเลยสักนิด!! บ้าที่สุด! เปลืองตาชะมัด! กลับไปฉันคงต้องเอาน้ำเกลือล้างตาให้เยอะๆแล้วแหละ!![คิมหันต์]“คุณคิมหันต์!! มาดูนี่เร็ววว~” เสียงของคนตัวเล็กที่ยืนอยู่ริมทะเลหันมาร้องเรียกผมพร้อมกับรอยยิ้มที่สดใส“หึๆ” ผมที่ที่กำลังเดินอยู่ก็รีบเร่งฝีเท้าเดินเข้าไปหาเกวลินโดยทันที พร้อมกับหิ้วไก่ทอดที่ซื้อมาก่อนหน้านี้ติดมือมาด้วย ตามคำสั่งของคนตัวเล็ก“คุณคิมหันต์ พระอาทิตย์ตกสวยมากเลยว่ามั้ยคะ?” พอเดินเข้ามาถึงตัวเกวลินแล้ว เธอก็ยังคงยกยิ้มสดใสออกมาด้วยความสดใส แถมยังกระโดดไปมาดุกดิกด้วยความตื่นเต้นกับวิวพระอาทิตย์ตกริมทะเลตรงหน้าอีกด้วยผมที่ได้เห็นท่าทีของเธอที่น่ารักของเธอ ก็อดไม่ได้ที่จะยกยิ้มออกมาด้วยความเอ็นดู“ไหนว่าจะกลับห้องไง ทำไมถึงพามาที่นี่ล่ะ?” หลังจากออกมาจากห้างก่อนหน้านี้ ผมตั้งใจว่าจะพาเกวลินกลับไปพักที่ห้องของเธอทันที แต่เธอก็ดื้อดึงอ้อนให้ผมพามาดูพระอาทิตย์ตกที่นี่จนได้ แล้วท่าทีตอนที่เกวลินอ้อนผมมันก็ดันน่ารักซะจนผมปฏิเสธเธอไม่ลงเลยจริงๆ“จะกลับเลยได้ยังไงล่ะคะ วันนี้อุตส่าห์ได้พักทั้งที ต้องออกมาเที่ยวซะหน่อยสิ”หมับ!! เกวลินพูดพร้อมกับส่งยิ้มหวานมาให้ผม ขณะเดียวกันเธอก็ยื่นมือตัวเองมาจับมือที่ว่างอยู่ของผมเอาไว้ ก่อนจะพูดอะไรบางอย่างที่ทำให้ผมใจสั
[เกวลิน]“แน่ใจนะว่าไม่ต้องไปโรงพยาบาล” คุณคิมหันต์ที่ขับรถอยูข้างๆเอ่ยถามคำถามนีเป็นรอบที่สิบได้แล้วมั้ง? หลังจากที่ฉันดีขึ้นแล้ว คุณริมหันต์ก็จัดการเรื่องลางานกับผู้จัดการให้ฉัน แถมยังอาสาพาฉันกลับห้องอีกด้วย และตั้งแต่ที่ออกมามาจากโรงแรม เขาก็เอาแต่ถามย้ำกับฉันอยู่ได้ว่าไม่เป็นไรแน่นะ? ไม่ต้องโรงพยาบาลแน่นะ? ให้ฉันพาไปโรงพยาบาลมั้ย? ถามย้ำรอบที่สิบได้แล้วมั้งน่ะ“เกวไม่เป็นไรแล้วจริงๆค่า แข็งแรงดี สบายใจหายห่วงได้ค่ะ”“ถ้างั้นกลับห้องไปก็พักผ่อนให้เต็มที่่นะ”“เอ่อ คือว่า…ก่อนกลับห้อง เกวมีที่ที่ต้องไปก่อนน่ะค่ะ” จริงๆวันนี้ฉันต้องไปทำธุระสำคัญอย่างหนึ่ง ตอนแรกฉันตั้งใจว่าจะไปคนเดียวด้วยซ้ำ แต่คุณคิมหันต์ก็ดื้อดึงจะไปส่งฉันให้ได้ ฉันปฏิเสธเขาไม่ได้เลยจริงๆ เลยต้องยอมให้เขามาส่งให้จนได้“ไว้รอหายดีก่อนแล้วค่อยไปวันหลัง วันนี้เธอต้องกลับไปพักก่อน”“ไม่ได้ค่ะ เกวต้องไปทำธุระสำคัญมากๆ ต้องไปวันนี้เท่านั้นค่ะ”“ฉันไม่ให้ไป” คนตัวสูงข้างๆเอ่ยออกมาอย่างเด็ดขาด“คุณคิมหันต์! นี่คุณจะเห็นแก่ตัวเกินไปแล้วนะ ฉันไปแค่แปบเดียว คุณแค่ไปส่งฉันแล้วนั่งรออยู่บนรถก็ได้”“ธุระอะไรจะสำคัญไป
[คิมหันต์]พรึ่บ!! ผมค่อยๆลืมตาขึ้นมาอย่างช้าๆ ก่อนที่จะต้องหรี่ตาลงเมื่อแสงที่เล็ดลอดผ่านผ้าม่านสอดส่องเข้ามากระทบกับดวงตา และเมื่อปรับสายตาให้คงที่ได้แล้ว ผมถึงได้รู้ว่าตัวเองยังคงนอนอยู่ใขอบนเตียงในห้องพักของเกวลินเหมือนเดิมเพียงแต่ตอนนี้ที่ข้างๆที่เคยมีเกวลินนอนอยู่ด้วย กลับเหลือไว้เพียงแค่รอยยับที่ว่างเปล่าเท่านั้นเกวลิน…ยัยนั่นทิ้งผมไปอีกแล้วเหรอเนี่ย?ฟุ่บ!! ผมลุกขึ้นมาจากเตียงนอน ก่อนจะเดินตรงเข้าไปในห้องน้ำเพื่อล้างหน้าล้างตา แต่เมื่อก้าวเข้าไปในห้องน้ำแล้ว บางสิ่งบางอย่างอยู่ในนั้นกลับทำให้ผมแปลกใจขึ้นมาบนกระจกในห้องน้ำมีกระดาษอยู่สามแผ่นแปะเรียงกันไว้อย่างเป็นแถวเลยล่ะฟึ่บ! ผมเอื้อมมือไปหยิบกระดาษโน้ตแผ่นที่แปะอยู่บนกระจกห้องน้ำมาอ่าน‘เกวต้องออกไปทำงานแต่เช้าเมื่อคืนคุณดูเหนื่อยมากเกวเลยไม่อยากปลุก ขอโทษที่ปล่อยให้อยู่คนเดียวนะคะ’“หึ! ใครกันแน่ที่เหนื่อย” ผมยกยิ้มขึ้นมาอย่างพอใจทันทีที่ได้อ่านข้อความที่เกวลินทิ้งไว้ให้ฟึ่บ!! จากนี้ก็หยิบกระดาษโน้ตใบที่สองขึ้นมาอ่านต่อ‘คุณอาบน้้ำแปรงฟันก่อนได้นะคะ เกวแขวนเสื้อผ้าที่คุณพอจะใส่ได้ไว้ให้ที่ตู้แล้ว’ผมอดไม่ไ
วันต่อมาณ โรงแรมพาวิลงเลียน“อ้าวเกว” เสียงของรินณ์เอ่ยทักขึ้นทันทีที่รินณ์เดินเข้ามาในห้องพักพนักงาน ซึ่งมีฉันที่นั่งอยู่ก่อนหน้าแล้ววันนี้ฉันตั้งใจออกจากห้องมาแต่เช้า เช้าถึงขนาดที่คุณคิมหันต์ยังไม่ตื่นเลยด้วยซ้ำ “ไงรินณ์”“ทำไมมาเช้าจังอ่ะ วันนี้เกวเข้างานกะบ่ายไม่ใช่เหรอ?”“อ่อ เราแลกเวรกับพี่แอนอ่ะ พอดี…ตอนเย็นเรามีธุระต้องไปทำธน่ะ” ใช่แล้วล่ะ! จริงๆ วันนี้ฉันเข้างานกะบ่าย แต่ช่วงเย็นวันนี้ฉันมีที่ที่ต้องไปน่ะ เลยแลกเวรกับพี่แอนไว้“ไปไหนอ่ะ? หรือว่า…ไปเดทเหรอ?” รินณ์ยิ้มกรุ้มกริ่มพลางเดินเข้ามากระซิบใกล้ฉัน อะไรกัน? ยิ้มแบบนี้หมายความว่าไงเนี่ย?“ดะ เดทอะไรกันเล่า? ไม่ใช่ซะหน่อย” “เอ้า! ไม่ใช่หรอกเหรอ แต่เมื่อคืนเราเห็นน้า ผู้หญิงชุดฟ้าที่เดินควงแขนกับคุณคิมหันต์” รินณ์เข้ามานั่งใกล้ๆ ก่อนจะเขยิบมากระซิบข้างๆหู“นี่รินณ์เห็นด้วยเหรอ?0_0!” ฉันถึงกับเบิกตาโพลงออกมาด้วยความตกใจ ไม่คิดว่าเมื่อคืนจะมีคนเห็นฉันกันคุณคิมหันต์ด้วย นี่ขนาดแอบย่องออกไปตอนไม่มีคนแล้วน่ะเนี่ย ยังมีคนเห็นอีกเหรอเนี่ย? “อื้ม เมื่อคืนเราอยู่ทำโอทีน่ะ”“นอกจากรินณ์แล้ว…”“ไม่ต้องห่วงหรอก เมื
“อื้มมม~” เสียงครวญครางของเราสองคนดังลั่นไปทั่วทั้งห้องพักของฉัน เพราะรสจูบที่ร้อนแรงเกินกว่าจะต้านทานของกันและกัน เรียวลิ้นที่สอดประสานกันไปมาของเราสองคน มันเต็มไปด้วยความรุ่มร้อน แต่ก็แฝงไปด้วยความปรารถนาที่เหลือล้น ยิ่งเวลาผ่านไปนานเท่าไร ฉันก็ยิ่งรู้สึกว่าริมฝีปากของคนตัวสูงยิ่งหอมหวานน่าช่วงชิมมากกว่าเดิมขึ้นไปเรื่อยๆหมับ!! ฉันเอื้อมมือออกไปค้วาท้ายทอยของคนตัวสูงเหนือร่างลงมากอดไว้แน่น เพื่อให้เราสองคนแลกเปลี่ยนรสจูบจากกันและกันได้แนบแน่นกันมากยิ่งขึ้น“อื้อออ~” ดูเหมือนว่าจะไม่ได้มีแค่ฉันคนเดียวที่ต้องการสัมผัสจากคุณคิมหันต์ เขาเองก็คงจะรู้สึกเช่นเดียวกันกับฉัน ฉันส่งเสียงครวญครางผ่านลำคอออกมาด้วยความเสียวซ่าน เมื่อคนตัวสูงเลื่อนไล้มือหนาของตัวเอง ลงไปสัมผัสกับกลีบกุหลาบที่ซ่อนตัวอยู่ใต้กางเกงนอนของฉัน ในขณะที่ปากของเขาก็ยังคงดูดเม้ม ช่วงชิมรสหวานจากปากของฉันอย่างไม่ลดละ“อื้อ!!~” ฉันเริ่มจะทนกับความเสียวซ่านที่ถูกกระตุ้นทั้งช่วงบน และช่วงล่างไม่ไหวแล้ว จนต้องส่งเสียงร้องประท้วงผ่านลำคอออกมาเพื่อให้เขาปล่อยส่วนใดส่วนหนึ่งซะที ก่อนที่ฉันจะทนไม่ไหวจนขาดใจตายไปซะก่อน“อึก!
หลังจากที่คุณคิมหันต์บุกเข้ามาหาถึงห้อง แล้วขอนอนค้างด้วย ตอนนี้เขา…กำลังนอนอยู่บนเตียงข้างๆฉันถึงแม้ว่าคุณคิมหันต์จะนอนก่ายหน้าผากอยูข้างฉัน แต่เขากลับไม่เอ่ยปากคุยอะไรกับฉันต่อเลยแม้แต่คำเดียวนี่เขา…กำลังไม่พอใจฉันอยูแน่ๆเลย“คุณคิมหันต์ หลับรึยังคะ?” ฉันรู้ว่าเขายังไม่หลับแน่ๆ“หลับแล้ว” หลับแล้วเขาจะตอบฉันได้ยังไงล่ะ?“คุณ…โกรธเกวเหรอคะ?”“…” สิ้นสุดคำถามของฉัน ก็ไม่มีเสียงตอบรับใดๆจากคนข้างๆอีกเลย“เกวขอโทษนะคะ ที่ทิ้งคุณไว้ที่ร้านอาหารคนเดียว”“…” คราวนี้ก็ยังเงียบเหมือนเดิม“เกวแค่กลัวที่จะเผชิญหน้ากับความจริงน่ะค่ะ”“เกวลิน…”“คะ?”“รู้ใช่มั้ย…ว่าฉันรักเธอ?” คุณคิมหันต์ที่เอาแต่หลับตาในตอนแรก ตอนนี้เขากลับลืมตาหันมามองฉันที่อยู่ใกล้ๆ ด้วยแววตาที่อ่อนโยน“…รู้ค่ะ” ฉันจ้องมองเข้าไปในดวงตาของเขา พลางเอ่ยคำตอบที่รู้ดีอยู่แก่ใจออกไปอย่างลึกซึ้ง“แล้วเธอล่ะ?” คำถามที่คาดไม่ถึงจากคนตัวสูงตรงหน้า ทำฉันอึ้งจนอ้าปากค้าง ทำไมเขาถึงถามแบบนี้ออกมาได้“รักสิคะ เกวรักคุณมากๆค่ะ”“ถ้างั้น…อย่าทิ้งฉันไปอีกได้มั้ยเกว?” คำถามที่เอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือของคนตรงหน้า บวกกับ