ตาค้าง!! ทำยังไงดี?! ฉันไม่สามารถข่มตาหลับลงไปได้เลย ได้แต่นอนกลิ้งไปกลิ้งมาอยู่บนเตียงมาเป็นชั่วโมงแล้ว ฉันหลับไม่ลงเลย ทันทีที่หลับตาลงภาพที่น่าขนลุกของผู้ชายคนนั้นก็โผล่ขึ้นมาในหัวอย่างชัดเจน ไม่ว่าจะพยายามลืมเท่าไรก็ลืมไม่ได้เลย พยายามข่มตาหลับแค่ไหนก็หลับไม่ลงสักที โอ้ยยย! ต้องทำยังไงฉันถึงจะกำจัดภาพน่าเกลียดนี่ออกจากหัวได้สักที!!
ฟุ่บ!! ไม่ได้การล่ะอยู่แบบนี้ต่อไปยังไงก็ไม่มีทางหลับลงได้แน่ๆ ฉันคิดว่าฉันควรจะลุกออกไปหาอะไรทำให้โล่งหัวก่อนดีกว่าเผื่อมันจะช่วยให้หลับลงได้ “ออกไปเดินเล่นดีกว่า” ว่าแล้วฉันก็ไม่รอช้ารีบเดินออกไปจากห้องตัวเองทันที ตอนออกมาจากห้องฉันเองก็ไม่รู้หรอกว่าควรจะออกไปเดินเล่นที่ไหนดี เพราะฉันไม่เคยมาที่นี่เลยสักครั้ง ไม่รู้หรอกว่าส่วนไหนเป็นอะไรบ้าง ทำได้แค่เดินตามทางออกมาเรื่อยๆ จนตอนนี้ฉันคิดว่าตัวเองน่าจะมาอยู่ตรงสวนหลังบ้านล่ะมั้ง? ตลอดทางที่เดินมาฉันก็ได้ใช้สายตาสังเกตรอบๆบ้านไปด้วย บ้านคุณคิมหันต์หลังใหญ่โตและกว้างขวางไม่แพ้บ้านใหญ่ของท่านประธานเลย แต่ถึงแม้ตัวบ้านจะใหญ่โตแค่ไหน…บรรยากาศในบ้านกลับเงียบเหงา วังเวง ไม่ต่างอะไรกับบ้านร้างเลย ตอนกลางวันก็ว่าเงียบมากแล้ว แต่ตอนกลางคืนทั้งเงียบทั้งหลอน อย่างกับอยู่ในบ้านผีสิง นี่คุณคิมหันต์อยู่ในบ้านหลังนี้คนเดียวมาตลอดได้ยังไงกันนะ? ฉันรู้มาว่าบ้านหลังนี้เป็นบ้านที่ท่านประธานสร้างให้กับภรรยาคนที่สองของเขา ซึ่งก็คือแม่ของคุณคิมหันต์นั่นเอง ฉันได้ยินพี่ๆแม่บ้านที่บ้านใหญ่คุยกันว่าตั้งแต่แม่ของคุณคิมหันต์เสีย เขาก็แทบจะไม่กลับไปที่บ้านใหญ่อีกเลย ตั้งแต่ฉันเข้าไปอยู่ในตระกูลอัศวนันทร์ ฉันเห็นคุณคิมหันต์กลับไปที่บ้านใหญ่แค่เดือนละครั้งเท่านั้น แถมเขาจะอยู่ค้างที่นั่นแค่หนึ่งคืน แล้วก็เดินทางกลับในเช้าวันถัดไป ฉันก็ไม่รู้หรอกนะว่าทำไม?แล้วก็ไม่คิดอยากจะรู้ด้วย! เพราะเอาเข้าจริง…การที่เขาไม่ค่อยไปที่บ้านใหญ่มันเป็นเรื่องที่ดีสำหรับฉันมากๆเลยล่ะ ฉันจะได้ไม่ต้องมาคอยหลบหน้าคนที่ฉันเกลียดอย่างเขาอยู่บ่อยๆไง ปกติแล้ววันไหนก็ตามที่คุณคิมหันต์กลับไปที่บ้านใหญ่ วันนั้นจะเป็นวันที่ฉันจะไม่เข้าไปเหยียบในตัวบ้านเด็ดขาด! เพื่อเลี่ยงความเสี่ยงที่จะต้องเจอกับเขา และฉันก็ทำมันได้ดีมาตลอด จนกระทั่งเมื่อวาน… เฮ้อออ! เพราะคุณคิมหันต์กลับมาที่บ้านใหญ่กะทันหัน ฉันเลยโชคร้ายไปเจอกับเขาเข้าจนได้ จนต้องมาลงเอยอยู่ที่นี่แบบนี้ไง เฮ้อออ!! อยู่บ้านหลังเดียวกันก็คงต้องเจอหน้ากันบ่อยขึ้น แบบนี้…ฉันคงไม่มีทางหลบหน้าเขาได้ตลอดแน่ๆ แค่คิดก็อึดอัดจะแย่อยู่แล้ว!! กึก!! เมื่อเดินมาได้สักพักหนึ่ง ฉันกลับต้องหยุดชะงักลง เมื่อได้เห็นสิ่งที่น่าสนใจอยู่ตรงหน้า “ที่นี่มีเรือนกระจกด้วยเหรอ?” ไม่คิดเลยว่าที่นี่จะมีเรือนกระจกหลังใหญ่โตที่ถูกสร้างเอาไว้ที่สวนหลังบ้านแบบนี้ด้วย โครงสร้างของมันดูกว้างขวางและใหญ่เหมือนเรือนกระจกที่อยู่ในอุทยานเลย แอ๊ดดด!! ฉันตื่นตาตื่นใจกับสิ่งปลูกสร้างที่น่าสนใจตรงหน้ามากๆ จนอดไม่ได้ที่เปิดประตูเข้ามาชมบรรยากาศข้างในเรือนกระจกด้วยสองตาใกล้ๆ “หืม! หอมจัง!” ทันทีที่เข้ามาข้างในกลิ่นหอมของดอกไม้ก็ลอยโชยขึ้นมาเตะจมูก แม้ภายในเรือนกระจกแห่งนี้จะไม่ค่อยสว่างสักเท่าไร มีเพียงแค่แสงสว่างจากหลอดไฟสีเหลืองเพียงไม่กี่ดวงเท่านั้นที่เปิดอยู่รอบๆ นอกเหนือจากนั้นก็เป็นแสงสว่างจากดวงจันทร์ที่ส่องสะท้อนผ่านหลังคากระจกลงมา โดยเฉพาะบริเวณตรงกลางของเรือนกระจกที่ถูกแสงจันทร์ส่องลงมามากที่สุด จนสว่างไสวโดดเด่นขึ้นมาท่ามกลางความมืด “ดอกกุหลาบสีแดงเหรอ?” ฉันไม่รอช้าที่จะก้าวเท้ามุ่งตรงไปยังจุดที่สว่างไสวที่สุด ฉันตื่นเต้นกับกลุ่มดอกกุหลาบสีแดงมากมายเบ่งบานท่ามกลางแสงจันทร์พวกนี้เป็นอย่างมากเลย ฟึ่บ!! เพราะความสวยงามที่น่าหลงไหลของมันทำให้ฉันอดใจไม่ไหวที่จะเอื้อมมือจับกลีบดอกสวย และก้มลงไปสูดกลิ่นของมันใกล้ๆ “สวยจัง!” ทั้งสวยทั้งหอม ฉันชอบเรือนกระจกนี่จัง “เธอเข้ามาที่นี่ได้ยังไง!!?” “ฮ่ะ!” ขวับ!! เสียงที่โพล่งดังขึ้นมาท่ามกลางความเงียบสงัดในที่แห่งนี้ ทำให้ฉันที่กำลังเพลิดเพลินกับดอกกุหลาบตรงหน้าถึงกับสะดุ้งโหยงด้วยความตกใจ ก่อนจะรีบหันไปมองตามต้นเสียงที่ดังมาจากข้างหลัง พลั่ก!! และเพราะฉันรีบหันหลังกลับไป ทำให้มือตัวเองเผลอปัดไปโดนหนึ่งในกระถางดอกกุหลาบตรงนั้นตกลงไป เพล้ง!!! กระถางดอกกุหลาบที่ตกลงไปกระทบพื้นแตกเป็นเสี่ยงๆจนต้นกุหลาบและดอกของมันในกระถางกระจายออกมาทั้งต้นทั้งดอก และสิ่งที่น่าตกใจอีกสิ่งหนึ่งไม่แพ้กระถางที่แตกไปแล้วก็คือ… “คุณคิมหันต์!”[คิมหันต์]“คุณคิมหันต์!! มาดูนี่เร็ววว~” เสียงของคนตัวเล็กที่ยืนอยู่ริมทะเลหันมาร้องเรียกผมพร้อมกับรอยยิ้มที่สดใส“หึๆ” ผมที่ที่กำลังเดินอยู่ก็รีบเร่งฝีเท้าเดินเข้าไปหาเกวลินโดยทันที พร้อมกับหิ้วไก่ทอดที่ซื้อมาก่อนหน้านี้ติดมือมาด้วย ตามคำสั่งของคนตัวเล็ก“คุณคิมหันต์ พระอาทิตย์ตกสวยมากเลยว่ามั้ยคะ?” พอเดินเข้ามาถึงตัวเกวลินแล้ว เธอก็ยังคงยกยิ้มสดใสออกมาด้วยความสดใส แถมยังกระโดดไปมาดุกดิกด้วยความตื่นเต้นกับวิวพระอาทิตย์ตกริมทะเลตรงหน้าอีกด้วยผมที่ได้เห็นท่าทีของเธอที่น่ารักของเธอ ก็อดไม่ได้ที่จะยกยิ้มออกมาด้วยความเอ็นดู“ไหนว่าจะกลับห้องไง ทำไมถึงพามาที่นี่ล่ะ?” หลังจากออกมาจากห้างก่อนหน้านี้ ผมตั้งใจว่าจะพาเกวลินกลับไปพักที่ห้องของเธอทันที แต่เธอก็ดื้อดึงอ้อนให้ผมพามาดูพระอาทิตย์ตกที่นี่จนได้ แล้วท่าทีตอนที่เกวลินอ้อนผมมันก็ดันน่ารักซะจนผมปฏิเสธเธอไม่ลงเลยจริงๆ“จะกลับเลยได้ยังไงล่ะคะ วันนี้อุตส่าห์ได้พักทั้งที ต้องออกมาเที่ยวซะหน่อยสิ”หมับ!! เกวลินพูดพร้อมกับส่งยิ้มหวานมาให้ผม ขณะเดียวกันเธอก็ยื่นมือตัวเองมาจับมือที่ว่างอยู่ของผมเอาไว้ ก่อนจะพูดอะไรบางอย่างที่ทำให้ผมใจสั
[เกวลิน]“แน่ใจนะว่าไม่ต้องไปโรงพยาบาล” คุณคิมหันต์ที่ขับรถอยูข้างๆเอ่ยถามคำถามนีเป็นรอบที่สิบได้แล้วมั้ง? หลังจากที่ฉันดีขึ้นแล้ว คุณริมหันต์ก็จัดการเรื่องลางานกับผู้จัดการให้ฉัน แถมยังอาสาพาฉันกลับห้องอีกด้วย และตั้งแต่ที่ออกมามาจากโรงแรม เขาก็เอาแต่ถามย้ำกับฉันอยู่ได้ว่าไม่เป็นไรแน่นะ? ไม่ต้องโรงพยาบาลแน่นะ? ให้ฉันพาไปโรงพยาบาลมั้ย? ถามย้ำรอบที่สิบได้แล้วมั้งน่ะ“เกวไม่เป็นไรแล้วจริงๆค่า แข็งแรงดี สบายใจหายห่วงได้ค่ะ”“ถ้างั้นกลับห้องไปก็พักผ่อนให้เต็มที่่นะ”“เอ่อ คือว่า…ก่อนกลับห้อง เกวมีที่ที่ต้องไปก่อนน่ะค่ะ” จริงๆวันนี้ฉันต้องไปทำธุระสำคัญอย่างหนึ่ง ตอนแรกฉันตั้งใจว่าจะไปคนเดียวด้วยซ้ำ แต่คุณคิมหันต์ก็ดื้อดึงจะไปส่งฉันให้ได้ ฉันปฏิเสธเขาไม่ได้เลยจริงๆ เลยต้องยอมให้เขามาส่งให้จนได้“ไว้รอหายดีก่อนแล้วค่อยไปวันหลัง วันนี้เธอต้องกลับไปพักก่อน”“ไม่ได้ค่ะ เกวต้องไปทำธุระสำคัญมากๆ ต้องไปวันนี้เท่านั้นค่ะ”“ฉันไม่ให้ไป” คนตัวสูงข้างๆเอ่ยออกมาอย่างเด็ดขาด“คุณคิมหันต์! นี่คุณจะเห็นแก่ตัวเกินไปแล้วนะ ฉันไปแค่แปบเดียว คุณแค่ไปส่งฉันแล้วนั่งรออยู่บนรถก็ได้”“ธุระอะไรจะสำคัญไป
[คิมหันต์]พรึ่บ!! ผมค่อยๆลืมตาขึ้นมาอย่างช้าๆ ก่อนที่จะต้องหรี่ตาลงเมื่อแสงที่เล็ดลอดผ่านผ้าม่านสอดส่องเข้ามากระทบกับดวงตา และเมื่อปรับสายตาให้คงที่ได้แล้ว ผมถึงได้รู้ว่าตัวเองยังคงนอนอยู่ใขอบนเตียงในห้องพักของเกวลินเหมือนเดิมเพียงแต่ตอนนี้ที่ข้างๆที่เคยมีเกวลินนอนอยู่ด้วย กลับเหลือไว้เพียงแค่รอยยับที่ว่างเปล่าเท่านั้นเกวลิน…ยัยนั่นทิ้งผมไปอีกแล้วเหรอเนี่ย?ฟุ่บ!! ผมลุกขึ้นมาจากเตียงนอน ก่อนจะเดินตรงเข้าไปในห้องน้ำเพื่อล้างหน้าล้างตา แต่เมื่อก้าวเข้าไปในห้องน้ำแล้ว บางสิ่งบางอย่างอยู่ในนั้นกลับทำให้ผมแปลกใจขึ้นมาบนกระจกในห้องน้ำมีกระดาษอยู่สามแผ่นแปะเรียงกันไว้อย่างเป็นแถวเลยล่ะฟึ่บ! ผมเอื้อมมือไปหยิบกระดาษโน้ตแผ่นที่แปะอยู่บนกระจกห้องน้ำมาอ่าน‘เกวต้องออกไปทำงานแต่เช้าเมื่อคืนคุณดูเหนื่อยมากเกวเลยไม่อยากปลุก ขอโทษที่ปล่อยให้อยู่คนเดียวนะคะ’“หึ! ใครกันแน่ที่เหนื่อย” ผมยกยิ้มขึ้นมาอย่างพอใจทันทีที่ได้อ่านข้อความที่เกวลินทิ้งไว้ให้ฟึ่บ!! จากนี้ก็หยิบกระดาษโน้ตใบที่สองขึ้นมาอ่านต่อ‘คุณอาบน้้ำแปรงฟันก่อนได้นะคะ เกวแขวนเสื้อผ้าที่คุณพอจะใส่ได้ไว้ให้ที่ตู้แล้ว’ผมอดไม่ไ
วันต่อมาณ โรงแรมพาวิลงเลียน“อ้าวเกว” เสียงของรินณ์เอ่ยทักขึ้นทันทีที่รินณ์เดินเข้ามาในห้องพักพนักงาน ซึ่งมีฉันที่นั่งอยู่ก่อนหน้าแล้ววันนี้ฉันตั้งใจออกจากห้องมาแต่เช้า เช้าถึงขนาดที่คุณคิมหันต์ยังไม่ตื่นเลยด้วยซ้ำ “ไงรินณ์”“ทำไมมาเช้าจังอ่ะ วันนี้เกวเข้างานกะบ่ายไม่ใช่เหรอ?”“อ่อ เราแลกเวรกับพี่แอนอ่ะ พอดี…ตอนเย็นเรามีธุระต้องไปทำธน่ะ” ใช่แล้วล่ะ! จริงๆ วันนี้ฉันเข้างานกะบ่าย แต่ช่วงเย็นวันนี้ฉันมีที่ที่ต้องไปน่ะ เลยแลกเวรกับพี่แอนไว้“ไปไหนอ่ะ? หรือว่า…ไปเดทเหรอ?” รินณ์ยิ้มกรุ้มกริ่มพลางเดินเข้ามากระซิบใกล้ฉัน อะไรกัน? ยิ้มแบบนี้หมายความว่าไงเนี่ย?“ดะ เดทอะไรกันเล่า? ไม่ใช่ซะหน่อย” “เอ้า! ไม่ใช่หรอกเหรอ แต่เมื่อคืนเราเห็นน้า ผู้หญิงชุดฟ้าที่เดินควงแขนกับคุณคิมหันต์” รินณ์เข้ามานั่งใกล้ๆ ก่อนจะเขยิบมากระซิบข้างๆหู“นี่รินณ์เห็นด้วยเหรอ?0_0!” ฉันถึงกับเบิกตาโพลงออกมาด้วยความตกใจ ไม่คิดว่าเมื่อคืนจะมีคนเห็นฉันกันคุณคิมหันต์ด้วย นี่ขนาดแอบย่องออกไปตอนไม่มีคนแล้วน่ะเนี่ย ยังมีคนเห็นอีกเหรอเนี่ย? “อื้ม เมื่อคืนเราอยู่ทำโอทีน่ะ”“นอกจากรินณ์แล้ว…”“ไม่ต้องห่วงหรอก เมื
“อื้มมม~” เสียงครวญครางของเราสองคนดังลั่นไปทั่วทั้งห้องพักของฉัน เพราะรสจูบที่ร้อนแรงเกินกว่าจะต้านทานของกันและกัน เรียวลิ้นที่สอดประสานกันไปมาของเราสองคน มันเต็มไปด้วยความรุ่มร้อน แต่ก็แฝงไปด้วยความปรารถนาที่เหลือล้น ยิ่งเวลาผ่านไปนานเท่าไร ฉันก็ยิ่งรู้สึกว่าริมฝีปากของคนตัวสูงยิ่งหอมหวานน่าช่วงชิมมากกว่าเดิมขึ้นไปเรื่อยๆหมับ!! ฉันเอื้อมมือออกไปค้วาท้ายทอยของคนตัวสูงเหนือร่างลงมากอดไว้แน่น เพื่อให้เราสองคนแลกเปลี่ยนรสจูบจากกันและกันได้แนบแน่นกันมากยิ่งขึ้น“อื้อออ~” ดูเหมือนว่าจะไม่ได้มีแค่ฉันคนเดียวที่ต้องการสัมผัสจากคุณคิมหันต์ เขาเองก็คงจะรู้สึกเช่นเดียวกันกับฉัน ฉันส่งเสียงครวญครางผ่านลำคอออกมาด้วยความเสียวซ่าน เมื่อคนตัวสูงเลื่อนไล้มือหนาของตัวเอง ลงไปสัมผัสกับกลีบกุหลาบที่ซ่อนตัวอยู่ใต้กางเกงนอนของฉัน ในขณะที่ปากของเขาก็ยังคงดูดเม้ม ช่วงชิมรสหวานจากปากของฉันอย่างไม่ลดละ“อื้อ!!~” ฉันเริ่มจะทนกับความเสียวซ่านที่ถูกกระตุ้นทั้งช่วงบน และช่วงล่างไม่ไหวแล้ว จนต้องส่งเสียงร้องประท้วงผ่านลำคอออกมาเพื่อให้เขาปล่อยส่วนใดส่วนหนึ่งซะที ก่อนที่ฉันจะทนไม่ไหวจนขาดใจตายไปซะก่อน“อึก!
หลังจากที่คุณคิมหันต์บุกเข้ามาหาถึงห้อง แล้วขอนอนค้างด้วย ตอนนี้เขา…กำลังนอนอยู่บนเตียงข้างๆฉันถึงแม้ว่าคุณคิมหันต์จะนอนก่ายหน้าผากอยูข้างฉัน แต่เขากลับไม่เอ่ยปากคุยอะไรกับฉันต่อเลยแม้แต่คำเดียวนี่เขา…กำลังไม่พอใจฉันอยูแน่ๆเลย“คุณคิมหันต์ หลับรึยังคะ?” ฉันรู้ว่าเขายังไม่หลับแน่ๆ“หลับแล้ว” หลับแล้วเขาจะตอบฉันได้ยังไงล่ะ?“คุณ…โกรธเกวเหรอคะ?”“…” สิ้นสุดคำถามของฉัน ก็ไม่มีเสียงตอบรับใดๆจากคนข้างๆอีกเลย“เกวขอโทษนะคะ ที่ทิ้งคุณไว้ที่ร้านอาหารคนเดียว”“…” คราวนี้ก็ยังเงียบเหมือนเดิม“เกวแค่กลัวที่จะเผชิญหน้ากับความจริงน่ะค่ะ”“เกวลิน…”“คะ?”“รู้ใช่มั้ย…ว่าฉันรักเธอ?” คุณคิมหันต์ที่เอาแต่หลับตาในตอนแรก ตอนนี้เขากลับลืมตาหันมามองฉันที่อยู่ใกล้ๆ ด้วยแววตาที่อ่อนโยน“…รู้ค่ะ” ฉันจ้องมองเข้าไปในดวงตาของเขา พลางเอ่ยคำตอบที่รู้ดีอยู่แก่ใจออกไปอย่างลึกซึ้ง“แล้วเธอล่ะ?” คำถามที่คาดไม่ถึงจากคนตัวสูงตรงหน้า ทำฉันอึ้งจนอ้าปากค้าง ทำไมเขาถึงถามแบบนี้ออกมาได้“รักสิคะ เกวรักคุณมากๆค่ะ”“ถ้างั้น…อย่าทิ้งฉันไปอีกได้มั้ยเกว?” คำถามที่เอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือของคนตรงหน้า บวกกับ