“ที่นี่ใช่ไหม”
ใกล้ได้เวลานัดของพราวลลิล นนท์ธิวรรธน์ก็ทำหน้าที่ขับรถออกมาส่งเธอตามที่บอกกันเอาไว้เมื่อตอนเย็น
เขาถามสถานที่นัดหมายมาแล้วจากกล้าหาญผู้ช่วยของเขา ทำให้ง่ายต่อการเดินทางมา ใช้เวลาไม่นานเขาก็พาเธอมาถึงตรงตามเวลาที่นัดเอาไว้พอดิบพอดี
“ถูกต้องแล้วครับ”
พราวลลิลที่แต่งตัวมาด้วยชุดกางเกงยีนเสื้อยืดรัดรูปเพื่อให้คล่องตัวต่อการมานั่งที่บาร์เอ่ยตอบด้วยรอยยิ้มที่แสนจะมีความสุข ด้วยนานเกือบจะหนึ่งเดือนได้แล้วมั้งที่เธอไม่ได้ออกมาท่องราตรีแบบนี้
อีกอย่างเธอกำลังจะได้เจอกับนักร้องที่ชื่นชอบ แม้ว่าเขาจะไม่ดังเท่าไหร่แต่สำหรับเธอนั้น เสียงของเขามันไพเราะที่สุดเลย จนเธอฝันอยากจะเห็นหน้าเขาจริงๆสักครั้งให้ได้ และครั้งนี้ความฝันนั้นก็กำลังจะเป็นจริง
“เที่ยวให้สนุกล่ะ ถ้าอยากกลับก็ไลน์มาบอก”
“เดี๋ยวฉันกลับกับคุณกล้าก็ได้ ขากลับคงขับรถไม่อ้อมมากนักหรอก”
เขาจอดรถตรงบริเวณด้านหน้าของบาร์เพื่อให้เธอได้เดินลงไป แถมบอกว่าจะมารับเธออีกด้วย
เธอเลยเอ่ยตอบกลับด้วยความเกรงใจ เพราะคงใช้เวลาอีกหลายชั่วโมงเลยล่ะกว่าเธอจะกลับ นี่ก็เพิ่งจะสองทุ่มกว่านักร้องจะมาก็สี่ทุ่มกว่าจะฟังเพลงจบก็ต้องใช้เวลาต่อไปอีก เธอเกรงใจกลัวเขาจะรอนานเสียเวลาพักผ่อนของเขา
“ฉันมีธุระแถวนี้พอดี”
เขาหยิบงานมาทำด้วยไม่ใช่แค่ว่าจะมาจอดรถรอเธอเปล่าๆหรอก อีกอย่างเธอก็เป็นคนของบ้านเขาแล้ว จะให้เธอไปกลับยังไงโดยที่เขาไม่รู้ก็คงดูน่าเกลียดเกินไป เสียเวลากลับเข้าบ้านช้านิดหน่อยเพื่อความสบายใจจะดีกว่า
“ถ้าอย่างนั้นก็ตามใจคุณก็แล้วกัน”
“คิดจะใช้คำนั้น เธออาจต้องเหนื่อยหน่อยนะ”
“เหนื่อยบ้าอะไรเล่า ถ้างานจบแล้วจะรีบไลน์ไปบอกก็แล้วกัน ขอบคุณนะที่มาส่ง”
คนตัวเล็กรีบเดินลงจากรถด้วยความรวดเร็ว ไม่อยู่สนทนากับเขาต่ออีกเพราะเหมือนเธอจะเสียท่าพูดอะไรผิดตรงไหนเข้าให้อีกแล้ว
คนอย่างเขาเนี้ยมันเหลือเกินจริงๆเลย เธอพูดผิดเป็นไม่ได้เลยทีเดียว คนอย่างเขาต้องหาทางมาทำให้เธอเสียอาการอยู่เรื่อยเลย
“หึๆ”
เสียงหนาเอ่ยหัวเราะเบาๆในลำคออย่างนึกชอบอกชอบใจไปกับอาการลุกลี้ลุกลนของหญิงสาว ก่อนจะขับรถออกไปจอดที่ห้างสรรพสินค้าที่อยู่ไม่ไกลจากตรงนี้มากนักเพื่อรอเธอ
“นี่เธอเมาเหรอ”
หลังจากที่เขาส่งเธอที่หน้าผับได้เพียงแค่ชั่วโมงกว่าๆ กล้าหาญผู้ช่วยของเขาที่เป็นคนเอ่ยปากชวนเธอออกมาเที่ยวในคืนนี้ก็โทรตามเขาให้มารับเธอ
โดยที่กล้าหาญนั้นพยุงเธอออกมารอขึ้นรถที่หน้าบาร์ด้วยสภาพยืนเองไม่ไหว จนทำให้เขาต้องลงจากรถมาช่วยพยุงเธออีกแรง
“ปากก็บอกว่าคอแข็งๆ แต่พอดื่มไปสามแก้วก็มีสภาพเป็นแบบนี้”
กล้าหาญเล่าเพียงคร่าวๆให้เจ้านายของเขาได้ฟังพร้อมช่วยประคองแม่ตัวดีไปขึ้นรถเพื่อกลับบ้าน เพราะให้อยู่ต่อเขาก็ดูแลไม่ไหวเธอเล่นจะเดินไปทั่วบาร์ราวกับเดินเล่นที่บ้านเลย
“ไม่ได้ดื่มอะไรผิดแปลกไปใช่ไหม”
เสียงหนาเอ่ยถามขึ้นเมื่อนึกถึงความไม่ปลอดภัยที่ผู้หญิงอาจจะเจอเวลาออกมาเที่ยวกลางคืนแบบนี้
“นั่งอยู่แต่กับพวกผมครับ ไม่มีคนอื่นเข้ามาร่วมวงด้วย”
ถึงเขาจะเป็นกะเทยดูไม่แมนพอจะปกป้องใครได้ แต่เขาก็ดูแลยัยคนสวยดีเหมือนดูแลน้องสาวคนหนึ่งเลยล่ะ และยิ่งเป็นเมียเจ้านายเขาก็ยิ่งดูแลดีมากขึ้นอีก ก็กลัวเจ้านายจะเป็นห่วงจนออกนอกหน้าแบบนี้ไง
“แล้วนี่เธอได้เจอกับนักร้องนั้นหรือยัง”
“ยังเลยครับ นักร้องมาตอนสี่ทุ่ม”
“เฮ้อ เช้ามาคงโวยวายน่าดูเลย”
จับร่างเล็กขึ้นนั่งบนรถด้วยความยากลำบาก เพราะเธอเอาแต่ทิ้งตัวแข็งขาอ่อนแรงยืนเองไม่ได้
จากคนตัวเล็กๆที่น้ำหนักไม่ถึงห้าสิบ ก็ทำเอาหนักขึ้นเป็นเท่าตัวเหมือนกัน
“อือ ยังไม่กลับอ่ะ ยังไม่ได้ร้องเพลงเลย”
เหมือนจะได้สติขึ้นมาเล็กน้อยจากก่อนหน้านี้ พราวลลิลก็เริ่มส่งเสียงร้องท้วงไม่อยากจะกลับบ้านขึ้นมา
“เธอเมาแล้วกลับบ้านไปนอนพักได้แล้ว ไว้วันอื่นค่อยหาโอกาสมาดูใหม่”
กล้าหาญยืนปลอบใจหญิงสาวอยู่ใกล้ๆ หวังให้หญิงสาวสงบแล้วยอมกลับบ้านง่ายๆ
“ไม่เอาๆๆ หนมจะดูนักร้อง”
แต่เธอก็ยังคงโวยวายอยู่ และจะลงจากรถมาให้ได้ แม้เจ้านายของเขาจับเอาไว้ก็แทบจะจับไว้ไม่อยู่
“กลับบ้านไปก่อนเถอะนะ เดี๋ยวงวดหน้าเจ๊พามาดูใหม่ แถมจะให้ดูฟรีๆเลยด้วย”
กะเทยเฒ่าถึงกับต้องงัดเอาไม้ตายออกมา เอาไว้ไปกลับคำตอนยัยคนสวยนี่หายเมาเอาแล้วกัน
“จริงนะ”
“จริงสิ”
แล้วทุกอย่างก็ได้ผลอย่างง่ายได้เพียงแค่พูดคำว่าของฟรีออกมาเท่านั้นแหละ พราวลลิลสงบลงเหมือนโดนเป่ามนตร์ใส่ ยอมกลับบ้านแต่โดยดี
“ไปไอ้หนุ่ม กลับบ้านกัน”
แถมยังตบไหล่คนขับรถแหมะๆสองสามทีเพื่อเร่งรีบให้ไปขับรถออกไปแล้วคนเมาอย่างเธอพร้อมกับบ้านแล้ว
“ขับรถดีๆนะครับบอส”
กล้าหาญยืนโบกมือลาเจ้านายของเขาและก็ภรรยาขี้เมาของเจ้านายอยู่หนาบาร์เพื่อส่งทุกคนก่อนที่เขาจะกลับไปสนุกต่อที่ด้านในบาร์
“อืม”
นนท์ธิวรรธน์พยักหน้ารับเล็กน้อยก่อนจะขับรถออกไปเพื่อกลับบ้าน
“พ่อหนุ่มกล้าโตจะพาเจ๊หนมไปไหนอ่ะ”
รถจอดติดไฟแดงพราวลลิลก็ขยับตัวเขาหาคนขับรถของเธอในทันทีด้วยความขาดสติ เธอคิดว่าเขาเป็นหนุ่มโฮสในฝันที่เธอไปเอฟได้มา
“กลับบ้านไง”
ปล่อยให้เธอเกาะแขนเขาไปตามอำเภอใจ เพราะเธอขืนเสียเวลาแกะออกก็คงไม่ยอมออกไปง่ายๆหรอก
“หนุ่มหอมแก้มเจ๊หนมก่อนจับพวงมาลัยรถนั้นสิ เดี๋ยวเจ๊หนมให้ติ๊บ”
แต่คนเมาไม่เลิกวอแวเขาสักทีแถมดึงมือเขาออกจากพวงมาลัยรถอีกตั้งหาก โชคดีแค่ไหนที่รถจอดติดไฟแดงอยู่ไม่ใช่วิ่งอยู่บนท้องถนน
“หนุ่ม หอมแก้มเจ๊หนมหน่อยเร็ว”
“หนุ่มจ๋า”
“เธอบังคับฉันเองนะ”
“อืม”
เธอไม่ยอมให้เขายกมือกลับขึ้นไปจับพวงมาลัย จะทำยังไงเธอก็ไม่ยอมจนเขานั้นต้องหอมแก้มขาวๆนั้นตามคำสั่งของเธอ ก่อนที่ไฟจราจรจะเปลี่ยนเป็นสีเขียว
“ไม่สิๆ ถ่ายรูปเก็บไว้ด้วยดีกว่า อืม”
มือบางควานหาโทรศัพท์มือถือในกระเป๋าถือใบเล็กด้วยความเคยชินแล้วคว้ามันขึ้นมาเปิดกล้องหน้าถ่ายรูป โดยที่เธอนั้นหอมแก้มพ่อหนุ่มโฮสกล้ามแน่นคืน
“ชื่นใจจังเลย อืม”
แล้วร่างเล็กก็ทิ้งตัวลงกับเบาะรถอย่างหมดแรง หลับพับไปกลางอากาศอย่างหมดฤทธิ์
“ถึงบ้านแล้ว”
นนท์ธิวรรธน์รีบขับรถด้วยความรวดเร็ว ใช้เวลาไม่นานเขาก็พาเธอมาถึงบ้านก่อนที่เธอจะตื่นขึ้นอีกรอบ
“อืม หอมแก้มเจ๊ก่อน เดี๋ยวเจ๊ให้ติ๊บ”
แต่เหมือนคนเมาจะไม่หมดฤทธิ์เพียงเท่านั้น เธอตื่นขึ้นมาอีกครั้งบนความขาดสติ
“เธอไม่มีเงิน”
เขาเองก็พยายามเตือนสติเธออยู่ตลอดเวลา หวังว่าเธอจะรู้สึกตัวขึ้นมาได้บ้าง แล้วเลิกสั่งให้เขาทำอะไรแบบนั้นสักที เพราะถ้าเขาห้ามตัวเองไม่ได้ขึ้นมา เธอนั้นแหละจะเดือดร้อน
“เอาไปทั้งกระเป๋าได้เลย หอมแก้มเจ๊ก่อนเร็วๆ”
“อืม”
จมูกโด่งเป็นสันของชายหนุ่มกดลงบนแก้มขาวของหญิงสาวอย่างไม่ได้ตั้งใจแต่ทว่าเธอยื่นแก้มนั้นเข้ามาหาเขาเอง
กลิ่นหอมจากกายเธอสร้างความชื่นใจให้แก่เขาไม่น้อย และปลุกความกำหนัดในตัวเขาให้เริ่มตื่นขึ้น
“โอ๊ยยย ชื่นใจจังเลย”
ทำเอาเขาต้องรีบคว้าร่างเล็กขึ้นมาอุ้มพาเธอกลับเข้าบ้านก่อนที่พ่อกับแม่ของเขาจะออกมาเห็นท่าทางแบบนี้ของเธอ แล้วพาลเข้าใจผิดคิดว่าเขากับเธอเป็นมากกว่าคู่ผัวเมียแค่ในนามนั้น
“ถึงเตียงแล้วเหรอ อืม”
ร่างเล็กพอถูกวางลงบนเตียงนุ่มก็เด้งตัวขึ้นหาคนตัวโต ส่งริมฝีปากบางเข้าไปหาริมฝีปากหนาในทันที
กดริมฝีปากเข้าหากันเบาๆ รับรู้ถึงการสัมผัสกันจนเธอเผลอยิ้มออกมา
“หนมหวาน!!!”
นนท์ธิวรรธน์ตกใจร้องเสียงหลง ไม่คาดคิดว่าเธอจะกล้าทำแบบนี้ แต่เขาก็ไม่ฉวยโอกาสสานต่ออะไรทั้งนั้น รีบปล่อยเธอลงนอน
“เอาอีก อืม”
พราวลลิลเด้งตัวกลับไปหาเขาอีกครั้งแล้วประกบริมฝีปากเข้าหากันอีกรอบ เธอบดจูบเบาๆด้วยความไม่เป็น
แต่เขากลับเป็นฝ่ายจูบตอบเบาๆคลอไปกับแอลกอฮอล์ที่มันยังติดอยู่ที่ริมฝีปากของเธอ
“พอได้แล้ว นอนได้แล้ว เธอเมามากแล้ว”
แต่แล้วเขาก็ต้องรีบผละริมฝีปากออกก่อนที่อะไรมันจะเลยเถิดในเวลาที่เธอไม่มีสติแบบนี้
ยอมรับแบบลูกผู้ชายเลยว่าเธอเย้ายวนใจจนเขาอยากจะสานต่อ แต่ไม่อาจทำได้ด้วยไม่ใช่คนชอบฉวยโอกาส
“ฉันอยากอ่ะ อืม”
“นอนก่อนเถอะน่ะ”
กดร่างเล็กให้ลงนอนแล้วห่มผ้าให้แน่น หวังให้เธอหลับใหลซะจะได้ไม่ก่อเรื่องที่ไม่ควรก่ออีกต่อไป
“อืม ใจร้ายจัง”
ร่างเล็กที่กดให้แน่นิ่งไปกับเตียงนอนได้ไม่นานก็ผล็อยหลับไปเพราะความเมา แถมฝันหวานตั้งแต่ยังไม่หลับก็ยังคงติดค้างเอาไปฝันต่อจนยิ้มออกมาได้แม้หลับไปแล้ว
ส่วนคนตัวโตรีบเดินออกจากห้องนอนของตัวเองแม้ในยามนี้จะดึกมากแล้วก็ตามเพื่อไปที่รถของเขาที่ยังคงจอดอยู่นอกโรงจอด ก่อนจะขับรถนั้นออกไปอย่างไร้จุดหมายเพื่อสงบสติอารมณ์ของตัวเองที่มันเตลิดไปไกลจนเรียกกลับมาแทบไม่ได้
จูบนั้นหวานเหลือเกิน ยังคงดังก้องอยู่ในหัวเขา จนต้องขับรถออกไปไกลแสนไกลเกือบจะสว่างถึงได้กลับบ้าน
“พี่นนท์คะ”เสียงหวานเอ่ยเรียกสามีของเธอที่นั่งรออยู่บนเตียงนอนอย่างเย้ายวนพร้อมกับค่อยๆเดินอย่างเชื่องช้าออกมาจากภายในห้องแต่งตัว ด้วยชุดนอนแบบที่เรียกได้ว่าใส่แล้วคงไม่ได้นอน เป็นผ้าลื่นๆมันๆตัดขอบด้วยผ้าลูกไม้สีดำทั้งชุดร่างบางที่ตุ้ยนุ้ยขึ้นพร้อมกับท้องโตๆที่ใกล้คลอดเต็มแก่แล้วนั่งลงบนตักใหญ่ของสามีอย่างจงใจยั่วยวนเขาแม้ใกล้คลอดเต็มทนไม่ควรจะมาทำอะไรแบบนี้กัน แต่ทว่าบรรยากาศมันก็พาไปทำให้เธออดใจเอาไว้ไม่ไหวจริงๆอีกอย่างการอยู่ใกล้ท่านประธานที่หล่อเหลากว่าหนุ่มโฮสเป็นไหนๆแบบนี้ ใครล่ะจะไปอดใจถือศีลไหวกัน“หืม นมหวาน”นนท์ธิวรรธน์วางมือหนาบนท้องโตๆของเมียคนสวยแล้วลูบวนเบาๆอย่างอดใจต่อไปไม่ไหว ก่อนจะขยับปลายมือมาบีบขย้ำไปตามอกอวบของเธอที่มันใหญ่เพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัวจากการเตรียมตัวเป็นแม่คนไม่คาดคิดเลยว่าของขวัญวันเกิดในปีนี้ที่ได้เมียมานั้นจะแสนถูกใจเสียจนห้ามใจเอาไว้ไม่ไหวเลย ทั้งที่ก่อนหน้านี้ตั้งใจเป็นพ่อที่ดีไม่ไปเร่งรัดให้ลูกน้องคลอดออกมาก่อนกำหนด“แบบนี้พอจะเป็นของขวัญของพี่นนท์ได้ไหมคะ”พราวลลิลเอนกายซบพิงไปกับร่างกำยำของผู้เป็นสามีพร้อมกับเปิดชายของชุดนอนขึ้นมาเล็กน้อยให้พ
ชีวิตหลังแต่งงานของนนท์ธิวรรธน์ไม่ต่างอะไรจากชีวิตก่อนแต่งงานเลยสักนิดเดียว เขายังคงทำตัวเหมือนเดิม เหมือนเมื่อตอนที่มีเธอเดินเข้ามาในชีวิตวันแรกไม่มีเปลี่ยนไปเลยเขาตื่นแต่เช้าออกไปทำงานทุกวัน บางวันก็พาเมียไปทำงานด้วย บางวันก็ไม่ได้พาเธอไปด้วยอย่างเช่นตอนนี้เพราะเธอนั้นท้องแก่ใกล้คลอดเต็มทนแล้ว เขาก็เลยให้เธอพักอยู่บ้านซะมากกว่า จะมีพาไปบ้างก็แค่บางวันที่เธอดูจะเบื่อการอยู่บ้านเท่านั้นและเขาก็จะรีบกลับจากที่ทำงานเพื่อมาที่บ้านในทันทีหลังจากที่เลิกงาน ไม่เคยแวะข้างทางที่ไหนเพื่อจะมาหาเมียให้เร็วที่สุด หรือถ้ามีเธอไปด้วยเขาก็รีบกลับบ้านอยู่ดีถ้าเธออยากกลับหรือพาเธอออกไปใช้ชีวิตหลังเลิกงานด้วยกันบ้างถ้าเธออยากไปและในวันนี้เขาก็เลิกงานค่อนข้างดึกพอสมควรเพราะอาทิตย์หน้าเจ้าตัวน้อยในท้องเมียน่าจะลืมตาดูโลกแล้วตามที่หมอคาดการณ์เอาไว้ เขาก็เลยคิดว่าน่าจะต้องลางานอีกหลายวันเลยละก็เลยเริ่มที่จะเคลียร์งานออกไปบ้างแล้ว แล้วก็รีบกลับบ้านมาหาเมียในทันที“ทำอะไรอยู่ครับ”ร่างสูงรีบเดินขึ้นมายังห้องนอนที่เมียขึ้นมาก่อนหน้านี้แล้วหลังจากที่เขานั้นให้เธอกินมื้อเย็นล่วงหน้าไปก่อนไม่ต้องรอเขาด้วยวันน
“วันนี้นมหวานสวยจังเลย”เสียงของนนท์ธิวรรธน์เอ่ยชมเมียคนสวยของเขาไม่ขาดปากในขณะที่กำลังเริ่มแต่งหน้าสำหรับงานเลี้ยงในรอบเย็น หลังจากที่เมื่อเช้านั้นเพิ่งจะจัดงานแต่งกันแบบไทยๆกันไปเมื่อในสายตาของเขานั้นเห็นว่าเมียสวยอยู่ตลอดเวลา เห็นแบบนี้มาตั้งแต่เจอหน้าเธอครั้งแรกก็ว่าได้“สวยตรงไหน สิวเม็ดเท่าช้างอยู่บนหน้าเนี้ยนะ”คนสวยตอบกลับด้วยความจริงเมื่อฮอร์โมนของคนท้องทำให้สิวหัวช้างขึ้นหน้าเธอตรงกลางหน้าผากพอดิบพอดีหัวสิวนั้นใหญ่เสียจนแต่งหน้ากลบยังไม่มิดเลย จะมีความสวยที่ไหนกันได้ล่ะ“สวยทุกตรงนั้นแหละ และก็สวยทุกวันเลยด้วย”ท่านประธานหนุ่มก็ยังคงไม่เลิกที่จะเอ่ยชมเมียตัวเล็กตัวน้อยของเขาที่สวยที่สุดสำหรับเขาอยู่ดี“หน้าก็ยังไม่ได้แต่ง ชุดก็ยังไม่ได้ใส่เนี้ยนะ”ถึงเขานั้นจะมองข้ามเรื่องสิวไปได้ก็ต้องเห็นเรื่องแต่งหน้าทำผมใส่ชุดของเธอบ้างแหละ ไม่ใช่มาหลับหูหลับตาชมเธอจนช่างแต่งหน้าอายแทนได้แบบนี้“เจ้าบ่าวออกไปรออีกห้องได้แล้วจ้ะ”นนท์ธิวรรธน์ยังไม่ทันได้เอ่ยชมเมียอีกสักรอบก็ถูกขัดจังหวะด้วยน้ำเสียงของแม่เขาที่เปิดประตูเข้ามาพอดี“ครับคุณแม่”และนั้นทำให้นนท์ธิวรรธน์ต้องรีบออกจากห้องแต่ง
“วันนี้งานที่บริษัทเป็นยังไงบ้างคะ เหนื่อยหรือเปล่า”เสียงหวานๆเอ่ยทักทายผู้เป็นสามีพร้อมกับเดินเข้าไปหาเพื่อช่วยเขาถอดเสื้อสูทออกจากตัวหลังจากที่เขาเพิ่งจะกลับมาจากทำงานทำหน้าที่ภรรยาเป็นอย่างดีแต่ช่วงนี้ไม่ได้ไปทำหน้าที่เลขาเลย ด้วยเธอนั้นยังคงมีอาการแพ้ท้องอยู่ ท่านประธานก็เลยเป็นห่วงกลัวว่าเธอจะเป็นอะไรมากไปกว่านี้ก็เลยสั่งหยุดงานเธออย่างไม่มีกำหนดไปก่อนเธอก็เลยทำได้แค่ส่งเขาออกไปทำงานในตอนเช้า และก็รอรับเขากลับเข้าบ้านในตอนเย็นเท่านั้น“อืม ก็นิดหน่อย”นนท์ธิวรรธน์เอ่ยตอบไปตามความจริงพร้อมกับหอมแก้มเมียไปอีกฟอดใหญ่เพื่อเติมเมียเข้าปอดให้ได้ชื่นใจ หลังจากที่เขาต้องนั่งทำงานอย่างเคร่งเครียดมาทั้งวัน“ปวดหัวไหมคะ ให้หนูนวดให้ไหม”พราวลลิลขันอาสาเป็นหมอนวดให้เขาอีกครั้งเมื่ออาการแพ้ท้องของเธอนั้นเริ่มดีขึ้นมากแล้ว และก็อยากจะช่วยเขาแบ่งเบาความเครียดหลังเลิกงานด้วย“ก็ดีเหมือนกันนะ”ท่านประธานรีบประคองเมียให้เดินไปที่โซฟาในทันที ให้เธอนั่งลงอย่างนุ่มนวลภายใต้การคอยมองของเขา ก่อนที่เขาจะลงนอนหนุนตักเธอรีบหลับตาพริ้มในทันทีเพื่อรอมือเล็กๆของเธอนั้นมากดนวดให้ตามจุดต่างๆที่มักรู้สึกปวด
“เป็นอะไรไป ทำไมวันนี้ตื่นสายจัง”หลังจากที่เมื่อวานครอบครัวของเขาและก็ของเธอนั้นได้รวมตัวกันกินข้าวมื้อใหญ่เพื่อประกาศข่าวดีกันที่บ้านของคุณยายเธอ เขากับเธอก็กลับมานอนกันที่บ้านตามปกติด้วยตอนเช้านั้นเขามีประชุมต้องเดินทางออกจากบ้านแต่เช้า ก็เลยไม่ได้อยู่ค้างกันที่นู่นแต่พอในเช้าวันใหม่นี้ก็มีอะไรแปลกๆเกิดขึ้น เมื่อคนตัวเล็กที่มักตื่นนอนพร้อมกับเขาหรือบางทีก็ตื่นก่อนเขา วันนี้กลับไม่เหมือนวันอื่นๆเขานั้นอาบน้ำแต่งตัวจนเสร็จเรียบร้อยแล้วเธอจะเพิ่งตื่นขึ้นมา แถมสีหน้ายังไม่สดชื่นอีกตั้งหาก“สงสัยเมื่อวานหนูจะกินขาหมูมากเกินไป เช้านี้ก็เลยไขมันขึ้น”พราวลลิลมีอาการพะอืดพะอมตั้งแต่ลืมตาตื่นขึ้นมาเลยก็ว่าได้ และก็เวียนหัวจนแทบไม่อยากลุกจากที่นอนเลยล่ะเป็นอาการไม่สบายที่ทำให้นึกถึงคุณยายเป็นอย่างมากในเวลาที่ไขมันท่านขึ้นสูงจนต้องพาไปพบหมออยู่บ่อยๆ“อาการมันเป็นยังไง ทำไมถึงรู้ว่าตัวเองไม่สบายแบบนั้นล่ะ”มือหนาๆวางลงบนศีรษะเล็กอย่างอ่อนโยนก่อนจะลูบเบาๆด้วยความเป็นห่วง “ก็หนูเวียนหัวเหมือนคุณยายเวลาที่ไขมันท่านขึ้นสูง”“พี่ว่าไม่น่าจะใช่นะ”อาการของเธอไม่น่าจะใช้ไขมันขึ้นสูงแบบที่เธอกำลังค
“เป็นอะไรไป”เสียงหนาเอ่ยถามอย่างอบอุ่นเช่นเคยในเช้าวันหยุดที่เขากับเธอยังคงนอนเล่นกันอยู่บนเตียงไม่ได้รีบร้อนลุกไปทำงานเหมือนทุกวันเมื่อเขาเห็นว่าเธอดูจะหงอยเหงาผิดปกติไปจากเช้าวันอื่นๆที่ถึงแม้รีบเร่งไปทำงานก็ยังดูสดชื่นกว่าวันนี้เป็นเท่าตัวอาการเหล่านี้มันออกหลังจากที่เธอนั้นหยิบเอาโทรศัพท์มือถือขึ้นมาดูแจ้งเตือนบางอย่างที่ส่งเสียงร้องอยู่สักพัก ก่อนจะวางมือถือนั่งลงแล้วก็ถอดถอนหายใจยาวออกมาเขาไม่รู้ว่ามันคือเรื่องอะไรแต่มันคงไม่ดีสักเท่าไหร่ ไม่อย่างนั้นพราวลลิลที่เปรียบเสมอความสดใสนั้นคงไม่ดูหม่นหมองถึงเพียงนี้“เปล่า”มือเล็กๆยกขึ้นปาดน้ำตาที่หางตาเบาๆไม่ให้คนที่นอนอยู่ข้างๆรับรู้เรื่องราวของเธอไปด้วย ก่อนหน้านี้เธอเคยตั้งใจอย่างแน่วแน่ว่าจะทำเรื่องนี้ให้สำเร็จ แต่พอมาถึงวันนี้ในระยะเพียงสั้นๆเท่านั้นเธอกลับเสียใจตั้งแต่ยังไม่ได้ตัดสินใจให้เด็ดเดี่ยวเลยด้วยซ้ำไป“ไม่เป็นอะไรแล้วร้องไห้ทำไมคะ”ท่าทางของเธอไม่ได้โจ่งแจ้งสักเท่าไหร่แต่ทว่าเขานั้นอยู่ใกล้เธอมากจนไม่อาจมองข้ามไปได้ถึงแม้ว่าเธอจะนอนหันหลังให้เขาอยู่ก็ตาม เขาก็ยังรับรู้ได้อยู่ดี“ฮืออออ”พราวลลิลก็ปล่อยเสียงร้องไห้