“อีเจ้ มาอยู่นี่ได้ไง ไหนว่าบ้านรวยพร้อมเปย์ไง”
พราวลลิลเป็นฝ่ายเปิดบทสนทนาขึ้นมาก่อนเมื่อหย่อนก้นนั่งลงบนเก้าอี้ที่อยู่คู่กับโต๊ะทำงานใหม่ที่ยังคงโล่งไม่มีเอกสารหรืออะไรเกี่ยวกับการทำงานวางเอาไว้สักอย่างเดียว ที่ตรงนี้คงถูกเตรียมไว้สำหรับเธอ ข้างๆกับโต๊ะทำงานอีกโต๊ะที่มีผู้ชายร่างหญิงกำลังหย่อนก้นนั่งลงไป
ด้วยความอยากรู้อยากเห็นตามประสาของเธอ เพราะก่อนหน้านี้ที่มักจะเจออีเจ้กัสที่บาร์โฮลบ่อยๆ อีเจ้นี้มันชอบอวดอ้างสรรพคุณว่ารวยนักรวยหนาและพร้อมเปย์ผู้ทุกคน
“ก่อนรวยก็ทำงานก่อนไหมห๊ะ”
กล้าหาญตอบกลับอย่างชัดถ้อยชัดคำ ส่วนมือนั้นก็เตรียมเอกสารให้วุ่นไปหมดเพื่อการประชุมที่กำลังจะเกิดขึ้น
“ทำเป็นคุยโวให้เด็กมันหลง ที่แท้ก็เป็นลูกจ้างเขา”
เป็นจังหวะเหมาะพอดีที่เด็กอย่างเธอที่ยังคงต้องเกาะพ่อกับแม่กินอยู่สามารถเอาชนะแม่ใหญ่สาวพราวเสน่ห์ที่มักแย่งเด็กหล่อๆจากเธอไปได้ประจำเลย
“นี่นังชะนี หุบปาก”
กล้าหาญส่งเสียงเล็กเสียงน้อยใส่คนตัวเล็กที่ดันรู้ความลับของเขาเยอะเสียด้วยให้หุบปากลงสักที ก่อนที่จะมีใครผ่านไปผ่านมาได้ยินเรื่องแบบนี้เขา
นังชะนีเด็กจะว่าอะไรเขา เขาไม่สนหรอก แต่เขากลัวจะกระทบกับตำแหน่งหน้าที่การงานนะสิ ถึงปล่อยให้พูดตามใจไม่ได้
นี่ถ้าตบปิดปากได้ ก็น่าจะต้องฟาดสักทีสองที
“คราวหน้าห้ามแย่งเด็กหนูอีกนะเจ้”
ก่อนจะยอมหุบปากง่ายๆ พราวลลิลรีบยกสัญญาขึ้นมาให้อีกฝ่ายเซ็นยินยอมในทันที เพราะคราวหน้าเจอกันที่บาร์จะได้ไม่มาแย่งผลประโยชน์กันอีก สาวสวยอย่างเธอต้องได้ครอบครองคนหล่อเพียงคนเดียวเท่านั้น
“เออๆ”
ใบหน้าหล่อคมแต่ทว่าเกลี้ยงเกลาในแบบฉบับผู้หญิงพยักหน้ารับคำอีกฝ่ายอย่างหมดทางจะหลีกเลี่ยง
จำยอมต้องรับปากบ้าๆบอๆนั้นไปเพื่อให้อีกฝ่ายยอมสงบปากสงบคำ ก่อนที่จะมีอีกผู้จัดการฝ่ายไหนสักฝ่ายที่จ้องหาเรื่องเขาอยู่ผ่านมาได้ยินเรื่องส่วนตัวพวกนี้
“แล้วนี่เธอมาที่นี่ได้ไง ทำไมถึงมาเป็นเลขาบอสได้ล่ะ”
พอจัดแจงเตรียมเอกสารการประชุมจนพร้อมเรียบร้อยที่จะพาหญิงสาวผู้มาใหม่ผู้มีตำแหน่งเป็นเลขาของเจ้านายเข้าประชุมด้วย กล้าหาญก็เริ่มเป็นฝ่ายสัมภาษณ์อีกฝ่ายในทันที
มันยังพอมีเวลาที่จะรู้เรื่องส่วนตัวของชะนีเด็กนี้ รวมไปถึงอาจได้รู้เรื่องส่วนตัวของเจ้านายไปด้วย
“อยากฟังเหรอ ยาวนะ”
“ถ้าเล่าสั้นๆไม่ได้ ถ้ามีปัญหาเรื่องงานฉันไม่ช่วยเธอหรอกนะ”
“รู้จักการถูกคลุมถุงชนไหม”
ได้ยินคำของสาวใหญ่ใจโตอย่างอีเจ้กัสเอ่ยพูดแก้มขู่ขึ้นมา พราวลลิลก็นิ่งไปสักพักเพื่อคิดไตร่ตรอง
แล้วคนที่ยังไม่มีทางไปอย่างเธอ ที่ไม่รู้จะแก้ปัญหากับเงินร้อยล้านได้ยังไง ก็เริ่มเอ่ยพูดถึงเรื่องส่วนตัวของตัวเธอเอง
ไม่แน่ว่าต่อไปในอนาคตอันใกล้นี้ อีเจ้กัสอาจจะช่วยเธอได้ เพราะฉะนั้นก็หว่านพืชไปก่อนเพื่อจะได้ผลตอบแทนที่ดี
“อือฮึ”
เนื้อเรื่องที่หลุดออกจากปากของหญิงสาวชักเริ่มน่าสนใจ กล้าหาญก็เริ่มขยับเก้าอี้ที่ด้านล่างเป็นล้อเข้ามาใกล้ๆกับหญิงสาวมากขึ้นเพื่อฟังให้ชัดเจน
“นั่นแหละถึงมาอยู่ที่นี่ไง”
“อีหนมหวาน อีบ้า แกเนี้ยนะ”
“มันควรจะเกิดขึ้นหลายครั้งแล้วล่ะ แต่ทว่ายายเขาทำไม่สำเร็จ หนูก็หาเรื่องหนีมาตลอด”
“แล้วครั้งนี้ทำไมถึงสำเร็จล่ะ แกชอบบอสนนท์เหรอ”
“เปล่า เพิ่งเคยเห็นหน้ากันเมื่อเช้านี้เอง”
“แล้วทำไมล่ะ รีบๆพูดมาสิ”
“ก็เมื่อคืนไปเที่ยวที่บาร์นั่นแหละ และก็ไม่รู้ว่าอิท่าไหนถึงได้เมาหลับไปแล้วเช้าก็มาโผล่อยู่บ้านเขา”
“แกเนี้ยโชคดีจริงๆเลยนะ ได้บอสนนท์เป็นผัว”
“เดี๋ยวอิเจ้ในเย็นก่อน ยังไม่ได้ได้กันซะหน่อย แค่มาฟื้นที่บ้านเขาแล้วก็ถูกลากมาทำงานด้วยเนี้ยแหละ”
“แกรู้ไหมว่าบอสเป็นที่ต้องการของตลาดมากแค่ไหน แกรู้ไหม”
“แต่ว่า...
เขาจะเป็นที่ต้องการของใครเธอไม่รู้ แต่ไม่ใช่เธอแน่ๆที่ต้องการเขา เพราะเธออยากกลับบ้านมากที่สุดเลยในตอนนี้ หรือไม่ก็หาทางหนีไปให้ไกลจากเรื่องที่มันบังคับจิตใจนี้ ไปให้ไกลที่สุด ไปให้ไกลสุดขอบฟ้าเลยยิ่งดี
“อย่าเพิ่งปฏิเสธหนุ่มหล่อหน้าตี๋ผิวขาวราวกับหยวกกล้วยอย่างบอสสิ”
“ทำไมล่ะ เขามีดีกว่าความขาวและตาตี่หรือไง”
“อยู่ๆไปเดี๋ยวแกก็รู้เอง”
เจ้านายของเขามีดีทุกอย่าง ทำงานก็เก่ง หาเงินก็เก่ง เป็นสุภาพบุรุษตัวพ่อ แถมไปถึงกับข้าวก็ทำได้ และกะเทยอย่างเขาก็เชื่อว่าผู้ชายแบบนี้จะดูแลเมียได้อย่างดีเท่าที่ชีวิตของผู้ชายคนหนึ่งจะทำได้เลยล่ะ
ว่าไปแล้วก็น่าอิจฉานังชะนีเด็กคนนี้จริงๆ เจ้านายที่เขาเฝ้าอ่อยเสน่ห์มาตั้งหลายปีเสร็จนั่งตัวดีจนได้
“ห๊ะ ต้องให้อยู่อีกเหรอ”
พอได้ยินว่าจะต้องอยู่ต่อ พราวลลิลที่อยากจะหายตัวกลับบ้านไปซะเดี๋ยวนี้ก็เริ่มตั้งท่าโวยวายขึ้น ตามประสาลูกคุณหนูที่ถูกตามใจมาตั้งแต่เกิด
“ถ้าแกมีที่ไปก็คงไปนานแล้วใช่ไหม คนอย่างแกคงไม่ยอมมาถึงบริษัทเขาง่ายๆหรอก จริงไหม”
“ยืมโทรศัพท์หน่อยสิ”
พูดถึงทางหนีเธอก็พอมีอยู่บ้าง แต่ทว่าต้องหาทางติดต่อกับเพื่อนสนิทให้ได้เสียก่อน ไม่อย่างนั้นคงไม่มีใครหน้าไหนมาช่วยเธอหรอก
“ไปเข้าห้องน้ำให้เรียบร้อย เตรียมเข้าห้องประชุมเถอะ เรื่องโทรศัพท์ติดต่อประสานงานยังไม่ใช่งานของเธอนังชะนีเด็ก”
เรื่องการติดต่อสื่อสารอะไรพวกนี้ คุณหญิงวรรณวิภาสั่งห้ามเอาไว้เด็ดขาดว่าอย่าให้ชะดีเด็กคนนี้ได้เข้าใกล้ เธอในฐานะที่รับเงินพิเศษจากคุณหญิงวรรณวิภามาแล้วหลายก้อนเพื่อแลกกับข่าวของเจ้านาย ก็ย่อมจะทำตามคำสั่งคุณหญิงอย่างเคร่งครัด
“กะเทยเฒ่าขี้งก”
“ไปๆ อีกสิบนาทีเข้าประชุม”
“เชอะ”
ร่างเล็กในชุดเดรสยาวคลุมเข่ากับผมเผ้าที่ชี้ฟูแทบไม่เป็นทรง ลุกขึ้นจากเก้าอี้นั่งด้วยท่วงท่าสง่างามตามแบบฉบับหญิงไทยที่ถูกอบรมสั่งสอนเรื่องบุคลิกมาเป็นอย่างดี
สะบัดหน้าอย่างแรงใส่สาวใหญ่ร่างชายอย่างไม่พอใจนักที่อีกฝ่ายไม่ยอมคล้อยตามคำพูดของเธอ แต่กลับมาสั่งงานเธอ
ก่อนร่างที่สูงเพียงร้อยหกสิบห้าบนรองเท้าส้นสูงสามนิ้วจะรีบเดินไปที่ห้องน้ำเพื่อเตรียมตัวให้พร้อมก่อนเข้าประชุม
เพราะขืนชักช้า เธออาจมีปัญหากับใครเข้าอีกก็เป็นได้ และแผนที่จะหาใครมาช่วยพาเธอหนีไปก็อาจจะห่างออกไปอีก
***ฝากเรื่อง หวงรักมาเฟียเถื่อน ด้วยน๊า***
“พี่นนท์คะ”เสียงหวานเอ่ยเรียกสามีของเธอที่นั่งรออยู่บนเตียงนอนอย่างเย้ายวนพร้อมกับค่อยๆเดินอย่างเชื่องช้าออกมาจากภายในห้องแต่งตัว ด้วยชุดนอนแบบที่เรียกได้ว่าใส่แล้วคงไม่ได้นอน เป็นผ้าลื่นๆมันๆตัดขอบด้วยผ้าลูกไม้สีดำทั้งชุดร่างบางที่ตุ้ยนุ้ยขึ้นพร้อมกับท้องโตๆที่ใกล้คลอดเต็มแก่แล้วนั่งลงบนตักใหญ่ของสามีอย่างจงใจยั่วยวนเขาแม้ใกล้คลอดเต็มทนไม่ควรจะมาทำอะไรแบบนี้กัน แต่ทว่าบรรยากาศมันก็พาไปทำให้เธออดใจเอาไว้ไม่ไหวจริงๆอีกอย่างการอยู่ใกล้ท่านประธานที่หล่อเหลากว่าหนุ่มโฮสเป็นไหนๆแบบนี้ ใครล่ะจะไปอดใจถือศีลไหวกัน“หืม นมหวาน”นนท์ธิวรรธน์วางมือหนาบนท้องโตๆของเมียคนสวยแล้วลูบวนเบาๆอย่างอดใจต่อไปไม่ไหว ก่อนจะขยับปลายมือมาบีบขย้ำไปตามอกอวบของเธอที่มันใหญ่เพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัวจากการเตรียมตัวเป็นแม่คนไม่คาดคิดเลยว่าของขวัญวันเกิดในปีนี้ที่ได้เมียมานั้นจะแสนถูกใจเสียจนห้ามใจเอาไว้ไม่ไหวเลย ทั้งที่ก่อนหน้านี้ตั้งใจเป็นพ่อที่ดีไม่ไปเร่งรัดให้ลูกน้องคลอดออกมาก่อนกำหนด“แบบนี้พอจะเป็นของขวัญของพี่นนท์ได้ไหมคะ”พราวลลิลเอนกายซบพิงไปกับร่างกำยำของผู้เป็นสามีพร้อมกับเปิดชายของชุดนอนขึ้นมาเล็กน้อยให้พ
ชีวิตหลังแต่งงานของนนท์ธิวรรธน์ไม่ต่างอะไรจากชีวิตก่อนแต่งงานเลยสักนิดเดียว เขายังคงทำตัวเหมือนเดิม เหมือนเมื่อตอนที่มีเธอเดินเข้ามาในชีวิตวันแรกไม่มีเปลี่ยนไปเลยเขาตื่นแต่เช้าออกไปทำงานทุกวัน บางวันก็พาเมียไปทำงานด้วย บางวันก็ไม่ได้พาเธอไปด้วยอย่างเช่นตอนนี้เพราะเธอนั้นท้องแก่ใกล้คลอดเต็มทนแล้ว เขาก็เลยให้เธอพักอยู่บ้านซะมากกว่า จะมีพาไปบ้างก็แค่บางวันที่เธอดูจะเบื่อการอยู่บ้านเท่านั้นและเขาก็จะรีบกลับจากที่ทำงานเพื่อมาที่บ้านในทันทีหลังจากที่เลิกงาน ไม่เคยแวะข้างทางที่ไหนเพื่อจะมาหาเมียให้เร็วที่สุด หรือถ้ามีเธอไปด้วยเขาก็รีบกลับบ้านอยู่ดีถ้าเธออยากกลับหรือพาเธอออกไปใช้ชีวิตหลังเลิกงานด้วยกันบ้างถ้าเธออยากไปและในวันนี้เขาก็เลิกงานค่อนข้างดึกพอสมควรเพราะอาทิตย์หน้าเจ้าตัวน้อยในท้องเมียน่าจะลืมตาดูโลกแล้วตามที่หมอคาดการณ์เอาไว้ เขาก็เลยคิดว่าน่าจะต้องลางานอีกหลายวันเลยละก็เลยเริ่มที่จะเคลียร์งานออกไปบ้างแล้ว แล้วก็รีบกลับบ้านมาหาเมียในทันที“ทำอะไรอยู่ครับ”ร่างสูงรีบเดินขึ้นมายังห้องนอนที่เมียขึ้นมาก่อนหน้านี้แล้วหลังจากที่เขานั้นให้เธอกินมื้อเย็นล่วงหน้าไปก่อนไม่ต้องรอเขาด้วยวันน
“วันนี้นมหวานสวยจังเลย”เสียงของนนท์ธิวรรธน์เอ่ยชมเมียคนสวยของเขาไม่ขาดปากในขณะที่กำลังเริ่มแต่งหน้าสำหรับงานเลี้ยงในรอบเย็น หลังจากที่เมื่อเช้านั้นเพิ่งจะจัดงานแต่งกันแบบไทยๆกันไปเมื่อในสายตาของเขานั้นเห็นว่าเมียสวยอยู่ตลอดเวลา เห็นแบบนี้มาตั้งแต่เจอหน้าเธอครั้งแรกก็ว่าได้“สวยตรงไหน สิวเม็ดเท่าช้างอยู่บนหน้าเนี้ยนะ”คนสวยตอบกลับด้วยความจริงเมื่อฮอร์โมนของคนท้องทำให้สิวหัวช้างขึ้นหน้าเธอตรงกลางหน้าผากพอดิบพอดีหัวสิวนั้นใหญ่เสียจนแต่งหน้ากลบยังไม่มิดเลย จะมีความสวยที่ไหนกันได้ล่ะ“สวยทุกตรงนั้นแหละ และก็สวยทุกวันเลยด้วย”ท่านประธานหนุ่มก็ยังคงไม่เลิกที่จะเอ่ยชมเมียตัวเล็กตัวน้อยของเขาที่สวยที่สุดสำหรับเขาอยู่ดี“หน้าก็ยังไม่ได้แต่ง ชุดก็ยังไม่ได้ใส่เนี้ยนะ”ถึงเขานั้นจะมองข้ามเรื่องสิวไปได้ก็ต้องเห็นเรื่องแต่งหน้าทำผมใส่ชุดของเธอบ้างแหละ ไม่ใช่มาหลับหูหลับตาชมเธอจนช่างแต่งหน้าอายแทนได้แบบนี้“เจ้าบ่าวออกไปรออีกห้องได้แล้วจ้ะ”นนท์ธิวรรธน์ยังไม่ทันได้เอ่ยชมเมียอีกสักรอบก็ถูกขัดจังหวะด้วยน้ำเสียงของแม่เขาที่เปิดประตูเข้ามาพอดี“ครับคุณแม่”และนั้นทำให้นนท์ธิวรรธน์ต้องรีบออกจากห้องแต่ง
“วันนี้งานที่บริษัทเป็นยังไงบ้างคะ เหนื่อยหรือเปล่า”เสียงหวานๆเอ่ยทักทายผู้เป็นสามีพร้อมกับเดินเข้าไปหาเพื่อช่วยเขาถอดเสื้อสูทออกจากตัวหลังจากที่เขาเพิ่งจะกลับมาจากทำงานทำหน้าที่ภรรยาเป็นอย่างดีแต่ช่วงนี้ไม่ได้ไปทำหน้าที่เลขาเลย ด้วยเธอนั้นยังคงมีอาการแพ้ท้องอยู่ ท่านประธานก็เลยเป็นห่วงกลัวว่าเธอจะเป็นอะไรมากไปกว่านี้ก็เลยสั่งหยุดงานเธออย่างไม่มีกำหนดไปก่อนเธอก็เลยทำได้แค่ส่งเขาออกไปทำงานในตอนเช้า และก็รอรับเขากลับเข้าบ้านในตอนเย็นเท่านั้น“อืม ก็นิดหน่อย”นนท์ธิวรรธน์เอ่ยตอบไปตามความจริงพร้อมกับหอมแก้มเมียไปอีกฟอดใหญ่เพื่อเติมเมียเข้าปอดให้ได้ชื่นใจ หลังจากที่เขาต้องนั่งทำงานอย่างเคร่งเครียดมาทั้งวัน“ปวดหัวไหมคะ ให้หนูนวดให้ไหม”พราวลลิลขันอาสาเป็นหมอนวดให้เขาอีกครั้งเมื่ออาการแพ้ท้องของเธอนั้นเริ่มดีขึ้นมากแล้ว และก็อยากจะช่วยเขาแบ่งเบาความเครียดหลังเลิกงานด้วย“ก็ดีเหมือนกันนะ”ท่านประธานรีบประคองเมียให้เดินไปที่โซฟาในทันที ให้เธอนั่งลงอย่างนุ่มนวลภายใต้การคอยมองของเขา ก่อนที่เขาจะลงนอนหนุนตักเธอรีบหลับตาพริ้มในทันทีเพื่อรอมือเล็กๆของเธอนั้นมากดนวดให้ตามจุดต่างๆที่มักรู้สึกปวด
“เป็นอะไรไป ทำไมวันนี้ตื่นสายจัง”หลังจากที่เมื่อวานครอบครัวของเขาและก็ของเธอนั้นได้รวมตัวกันกินข้าวมื้อใหญ่เพื่อประกาศข่าวดีกันที่บ้านของคุณยายเธอ เขากับเธอก็กลับมานอนกันที่บ้านตามปกติด้วยตอนเช้านั้นเขามีประชุมต้องเดินทางออกจากบ้านแต่เช้า ก็เลยไม่ได้อยู่ค้างกันที่นู่นแต่พอในเช้าวันใหม่นี้ก็มีอะไรแปลกๆเกิดขึ้น เมื่อคนตัวเล็กที่มักตื่นนอนพร้อมกับเขาหรือบางทีก็ตื่นก่อนเขา วันนี้กลับไม่เหมือนวันอื่นๆเขานั้นอาบน้ำแต่งตัวจนเสร็จเรียบร้อยแล้วเธอจะเพิ่งตื่นขึ้นมา แถมสีหน้ายังไม่สดชื่นอีกตั้งหาก“สงสัยเมื่อวานหนูจะกินขาหมูมากเกินไป เช้านี้ก็เลยไขมันขึ้น”พราวลลิลมีอาการพะอืดพะอมตั้งแต่ลืมตาตื่นขึ้นมาเลยก็ว่าได้ และก็เวียนหัวจนแทบไม่อยากลุกจากที่นอนเลยล่ะเป็นอาการไม่สบายที่ทำให้นึกถึงคุณยายเป็นอย่างมากในเวลาที่ไขมันท่านขึ้นสูงจนต้องพาไปพบหมออยู่บ่อยๆ“อาการมันเป็นยังไง ทำไมถึงรู้ว่าตัวเองไม่สบายแบบนั้นล่ะ”มือหนาๆวางลงบนศีรษะเล็กอย่างอ่อนโยนก่อนจะลูบเบาๆด้วยความเป็นห่วง “ก็หนูเวียนหัวเหมือนคุณยายเวลาที่ไขมันท่านขึ้นสูง”“พี่ว่าไม่น่าจะใช่นะ”อาการของเธอไม่น่าจะใช้ไขมันขึ้นสูงแบบที่เธอกำลังค
“เป็นอะไรไป”เสียงหนาเอ่ยถามอย่างอบอุ่นเช่นเคยในเช้าวันหยุดที่เขากับเธอยังคงนอนเล่นกันอยู่บนเตียงไม่ได้รีบร้อนลุกไปทำงานเหมือนทุกวันเมื่อเขาเห็นว่าเธอดูจะหงอยเหงาผิดปกติไปจากเช้าวันอื่นๆที่ถึงแม้รีบเร่งไปทำงานก็ยังดูสดชื่นกว่าวันนี้เป็นเท่าตัวอาการเหล่านี้มันออกหลังจากที่เธอนั้นหยิบเอาโทรศัพท์มือถือขึ้นมาดูแจ้งเตือนบางอย่างที่ส่งเสียงร้องอยู่สักพัก ก่อนจะวางมือถือนั่งลงแล้วก็ถอดถอนหายใจยาวออกมาเขาไม่รู้ว่ามันคือเรื่องอะไรแต่มันคงไม่ดีสักเท่าไหร่ ไม่อย่างนั้นพราวลลิลที่เปรียบเสมอความสดใสนั้นคงไม่ดูหม่นหมองถึงเพียงนี้“เปล่า”มือเล็กๆยกขึ้นปาดน้ำตาที่หางตาเบาๆไม่ให้คนที่นอนอยู่ข้างๆรับรู้เรื่องราวของเธอไปด้วย ก่อนหน้านี้เธอเคยตั้งใจอย่างแน่วแน่ว่าจะทำเรื่องนี้ให้สำเร็จ แต่พอมาถึงวันนี้ในระยะเพียงสั้นๆเท่านั้นเธอกลับเสียใจตั้งแต่ยังไม่ได้ตัดสินใจให้เด็ดเดี่ยวเลยด้วยซ้ำไป“ไม่เป็นอะไรแล้วร้องไห้ทำไมคะ”ท่าทางของเธอไม่ได้โจ่งแจ้งสักเท่าไหร่แต่ทว่าเขานั้นอยู่ใกล้เธอมากจนไม่อาจมองข้ามไปได้ถึงแม้ว่าเธอจะนอนหันหลังให้เขาอยู่ก็ตาม เขาก็ยังรับรู้ได้อยู่ดี“ฮืออออ”พราวลลิลก็ปล่อยเสียงร้องไห้