“อย่าทำตัวมีปัญหา จะหาว่าฉันไม่เตือน”
ร่างหนาของชายหนุ่มที่อยู่ในชุดสูทสีเข้มก้าวลงจากรถที่พ่อกับแม่ขับมาส่งในทันทีที่เดินทางมาถึงยังบริเวณหน้าบริษัท
แล้วร่างหนานั้นก็ต้องรีบก้าวฉับๆเดินไปดักหน้าหญิงสาวที่เขายังจำชื่อเธอไม่ได้ด้วยซ้ำไปเพื่อเอ่ยเตือน ก่อนที่เธอจะทำคนทั้งบริษัทของเขาแตกตื่นและเป็นอันต้องเสียระบบการปกครองที่เขาสร้างเอาไว้อย่างดีไปหมด
“รู้หรอกนะ ฉันมืออาชีพพอ”
พราวลลิลเอ่ยอย่างตัดรำคาญที่เขาเข้ามาสั่งนู้นสั่งนี้ราวกับเธอเป็นเด็กๆ ปีนี้เธอก็อายุยี่สิบห้าแล้วก็ต้องรู้เรื่องการแสดงละครอะไรแบบนี้ไหม
เธอไม่ได้โง่พอที่จะทำให้ตัวเองต้องมาเดือดร้อนเพราะเงินร้อยล้านที่ยายของเธอรับเอาไปแล้วให้เธอมาแต่งงานชดใช้
“ก็หวังว่าจะทำได้ดีเหมือนกับที่ปากพูดเอาไว้”
เขาออกเดินนำหน้าเธอไปเมื่อดูจะไม่มีอะไรให้ต้องกังวลแล้ว ถึงเธอจะดูเด็กกว่าเขาหลายปีแต่ก็นับว่ามีความเป็นผู้ใหญ่พอตัว เท่าที่ได้ถกเถียงกันมาตั้งแต่เช้ายันสายป่านนี้แล้ว
“แล้วไหนล่ะโต๊ะทำงานของฉัน รีบพาไปสิ”
เขาเดินนำหน้าเธอไปหลายก้าวโดยที่เธอตามไม่ทัน หญิงสาวที่สูงเพียงร้อยหกสิบห้าก็เลยจำเป็นต้องวิ่งตามเขาบนรองเท้าส้นเข็มที่สูงสามนิ้ว
เธอไม่ทันจะวิ่งไปดักหน้าเขาเอาไว้ แต่ทว่าก็ทันที่จะพูดกับเขาโดยที่ไม่ต้องตะโกนให้เกิดเสียงดัง
เหนื่อยฉิบหายเลย ที่ต้องมาเดินตามคนขายาวที่สูงเกือบจะร้อยเก้าสิบล่ะมั้ง ถึงได้เดินเร็วขนาดนี้
“ตามมา อย่าว่อกแว่กมาล้วงข้อมูลบริษัทฉันไปขายล่ะ เพราะเธอจะได้รับผลตอบแทนอย่างสาสมแน่นอน”
มือหนาคว้าเอาต้นแขนเล็กๆของเธอมาจับเอาไว้ ก่อนจะพาเดินไปยังลิฟต์เพื่อจะพาเธอขึ้นไปยังห้องทำงาน
ปากก็เอ่ยพูดเตือนเธอไปเรื่อยๆเพราะเขาไม่ไว้ใจเธอเลยแม้แต่นิดกลัวเธอจะมาล้วงเอาความลับของบริษัทเขาไปขาย
“บริษัทผลิตแบตเตอรี่รถยนต์ยักษ์ใหญ่ ปีๆหนึ่งได้กำไรไม่รู้กี่สิบล้านหรืออาจจะถึงร้อยล้าน มีแผนการบริหารที่ค่อนข้างเฉียบขาดและเป็นหนึ่งไม่มีเจ้าไหนเทียบติด แต่เสียใจด้วย ที่บ้านฉันทำธุรกิจค้าขาย ธุรกิจของคุณฉันไม่ได้อยากรู้นักหรอก”
เขาคงลืมไปแล้วว่าเธอไม่ได้อยากมาที่นี่ตั้งแต่แรกแล้ว แล้วเธอจะเอาความลับของบริษัทเขาที่เธอก็พอรู้อยู่บ้างว่าเป็นบริษัทอะไรเมื่อเห็นป้ายใหญ่โตตรงทางเข้ามาก่อนหน้านี้ไปทำอะไรมิทราบ บ้านของเธอก็รวยพอเลี้ยงตัวเองได้ ธุรกิจก็มีให้ดูแล
“ก็ดี”
เดินเข้ามาภายในลิฟต์พร้อมมือหนาที่ยังจับแขนของเธออยู่ แขนนุ่มนิ่มนั้นพอได้จับแล้วก็เพลินมือดีเหมือนกัน จนลืมตัวไม่ได้ปล่อยออก
“ห้องทำงานอยู่ชั้นสิบ ตึกนี้มีทั้งหมดสิบสองชั้น ชั้นที่สิบเอ็ดและสิบสองเป็นห้องประชุมและห้องจัดเลี้ยง ส่วนชั้นล่างๆก็แบ่งไปตามสายงานต่างๆเดี๋ยวเธอคงรู้เอง ส่วนด้านหลังเป็นโรงงาน”
เขากดลิฟต์ไปก็อธิบายคร่าวๆเกี่ยวกับบริษัทของเขาไปด้วย เพื่อที่ว่าเวลาเธอเดินไปไหนมาไหนจะได้ไม่หาเรื่องหลงไปล้วงข้อมูลของบริษัทเขา และจริงๆแล้วเธอในฐานะเลขาของเขาควรจะทำงานอยู่แค่ที่ชั้นสิบเท่านั้น
“มีโรงอาหารไหม”
เรื่องอื่นๆที่เขาพร่ำพูดไม่ยอมหยุด พราวลลิลฟังแล้วก็ไม่ได้สนใจสักเท่าไหร่ เพราะไม่คิดว่าจะทำงานอยู่นานเกินสามวัน
แต่เธอสนใจเรื่องปากท้องมากกว่า เพราะตอนนี้ท้องเริ่มร้องท้วงว่าหิวข้าวเช้าใหญ่โตแล้วตามความเคยชินที่ได้กินข้าวเช้าทุกวันก่อนออกตามพ่อกับแม่ไปทำงาน
“ที่หลังหิวก็รู้จักรับของจากผู้ใหญ่ ไม่ใช่เอาแต่เดินหยิ่ง”
มือหนาอีกข้างที่เอาแนบลำตัวไว้ตลอดถูกยกขึ้นมาพร้อมกับห่อข้าวเช้าที่แม่ของเขาจัดการห่อใส่กล่องมาให้เป็นอย่างดี
“ขอบใจ”
ไม่รอช้าที่จะรับเอาน้ำใจจากเขาเป็นครั้งแรก คนฉลาดอย่างเธอยอมลดศักดิ์ศรีลงเล็กน้อยดีกว่าหิวจนเป็นลมล้มหัวฟาดพื้นตายไปก่อนวัยอันควร
คำขอบคุณเล็กๆของเธอทำเอาภายในลิฟต์เงียบสงบ ชายหนุ่มทำเหมือนจะยอมสงบศึกชั่วคราวเพราะเสียงหวานๆนั้น
ทำเอาคนตัวเล็กแอบโล่งใจนิดๆถึงขั้นแกะห่อข้าวเช้าออกมากินเงียบๆได้ ไม่ต้องระแวงว่าเขาจะเอ่ยปากถกเถียงกับเธอเมื่อไหร่
“คุณกล้า”
ลิฟต์ใช้เวลาเดินทางไม่นานก็ถึงที่หมายที่ชั้นสิบ ประตูลิฟต์เปิดออกอย่างช้าๆ พร้อมปรากฏภาพเบื้องหน้าเป็นผู้ชายร่างผอมบางในชุดสูทสีสภาพมายืนรออยู่บริเวณด้านหน้า
ผู้ชายร่างผอมบางคนนั้นเป็นผู้ช่วยของนนท์ธิวรรธน์เอง เรียกได้ว่าเป็นมือขวาของของเขาก็ว่าได้
“สวัสดีครับบอส”
กล้าหาญเอ่ยทักทายเจ้านายที่เขานั้นมายืนรอรับอยู่บริเวณด้านหน้าลิฟต์ ทำแบบนี้ประจำเพราะบางทีเจ้านายก็อยากจะสั่งงานเขาในทันทีที่เดินทางมาถึง เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลาแม้แต่นาทีเดียวในการทำงาน
“อีเจ้กัส”
คนตัวเล็กที่ยืนอยู่ภายในลิฟต์โผล่หน้าออกมาที่หลังเขาเพราะมัวแต่เคี้ยวมื้อเช้าคำสุดท้ายอยู่
ดวงตากลมๆที่อยู่ภายใต้แผงขนตางอนๆถึงกับโตขึ้นเป็นเท่าตัวเมื่อเห็นว่ามีใครมายืนรออยู่หน้าลิฟต์
เขาคนนั้นคืออีเจ้กัสที่เธอเจอบ่อยๆเวลาไปเที่ยวบาร์โฮล คนนี้แหละที่ชอบแย่งเด็กหนุ่มกับเธอ
“อีชะนีเด็ก”
กล้าหาญทักทายอีกฝ่ายอย่างลืมตัว พร้อมกับสะบัดมือขึ้นชี้หน้าคนตัวเล็กประกอบคำพูดนั้น
ลืมตัวไปชั่วขณะ นึกว่าเจอคู่แข่งเวลาอยู่ในบาร์โฮลที่มักไปทุกคืนวันศุกร์เพื่อออกล่าเหยื่อหนุ่มๆ
นนท์ธิวรรธน์มองหน้าผู้ช่วยของเขาตาแข็ง หวังให้อีกฝ่ายเก็บอาการเอาไว้บ้าง อย่างทำตัวประเจิดประเจ้อเดี๋ยวจะเสียการเสียงานเอาได้
“ขอโทษครับบอส”
กล้าหาญรีบเก็บมือที่ยกขึ้นมากรีดนิ้วเมื่อตะกี้ลงข้างตัวในทันที หน้าตาที่เชิดขึ้นเพื่อจิกหน้าให้ดูเล็กลงถูกปรับให้อยู่ในองศาปกติ
เรื่องที่เขาเป็นแบบนี้คนทั้งบริษัทรู้ดี แต่เขาไม่เคยแสดงอาการอะไรแบบนี้มาก่อนเพื่อให้สะดวกต่อการทำงาน ก็เลยจำต้องเก็บอาการเอาไว้เป็นอย่างมาก
“นี่เลขาคนใหม่ พาไปสอนงานด้วย”
นนท์ธิวรรธน์ที่มีงานให้ต้องทำอีกมากส่งตัวปัญหาในเช้าวันนี้ของเขาให้ผู้ช่วยของเขารับเอาไปดูแล
ส่วนตัวเขาจะต้องรีบไปเตรียมเข้าประชุมที่จะเกิดขึ้นในอีกครึ่งชั่วโมงข้างหน้าแทน คงพักเรื่องเสียเวลาเอาไว้เท่านี้ก่อน
“ครับๆ คุณหญิงโทรมาบอกแล้วครับ”
กล้าหาญก้มหัวเล็กน้อยเพื่อรับงานง่ายๆไปทำ เพราะคุณหญิงวรรณวิภาโทรมาบอกเขาตั้งแต่เมื่อวานตอนหัวค่ำแล้วว่าจะมีคนมาให้ช่วยดูแล แต่ก็ไม่คิดว่าจะเป็นอีชะนีเด็กคนนี้
“แล้วเอกสารการประชุมพร้อมหรือยัง”
ถามหางานกับลูกน้องต่อเพื่อจะเตรียมตัวเข้าประชุม แล้วร่างหนานั้นก็ออกเดินนำไปยังห้องทำงานของเขาที่อยู่ถัดออกไปอีก
“พร้อมแล้วครับ วางอยู่บนโต๊ะแล้วครับ”
“อืม”
“อีชะนีเด็กตามมานี้เลย”
ส่วนกล้าหาญนั้นไม่ได้เดินตามเจ้านายของเขาไป แต่กลับพาชะนีเด็กไปยังโต๊ะทำงานที่ตั้งอยู่ตรงหน้าห้องแทน เพื่อเริ่มสัมภาษณ์กัน เอ๊ย เริ่มทำงานกัน
*** ฝากเรื่อง หวงรักมาเฟียเถื่อน ด้วยน๋า***
“พี่นนท์คะ”เสียงหวานเอ่ยเรียกสามีของเธอที่นั่งรออยู่บนเตียงนอนอย่างเย้ายวนพร้อมกับค่อยๆเดินอย่างเชื่องช้าออกมาจากภายในห้องแต่งตัว ด้วยชุดนอนแบบที่เรียกได้ว่าใส่แล้วคงไม่ได้นอน เป็นผ้าลื่นๆมันๆตัดขอบด้วยผ้าลูกไม้สีดำทั้งชุดร่างบางที่ตุ้ยนุ้ยขึ้นพร้อมกับท้องโตๆที่ใกล้คลอดเต็มแก่แล้วนั่งลงบนตักใหญ่ของสามีอย่างจงใจยั่วยวนเขาแม้ใกล้คลอดเต็มทนไม่ควรจะมาทำอะไรแบบนี้กัน แต่ทว่าบรรยากาศมันก็พาไปทำให้เธออดใจเอาไว้ไม่ไหวจริงๆอีกอย่างการอยู่ใกล้ท่านประธานที่หล่อเหลากว่าหนุ่มโฮสเป็นไหนๆแบบนี้ ใครล่ะจะไปอดใจถือศีลไหวกัน“หืม นมหวาน”นนท์ธิวรรธน์วางมือหนาบนท้องโตๆของเมียคนสวยแล้วลูบวนเบาๆอย่างอดใจต่อไปไม่ไหว ก่อนจะขยับปลายมือมาบีบขย้ำไปตามอกอวบของเธอที่มันใหญ่เพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัวจากการเตรียมตัวเป็นแม่คนไม่คาดคิดเลยว่าของขวัญวันเกิดในปีนี้ที่ได้เมียมานั้นจะแสนถูกใจเสียจนห้ามใจเอาไว้ไม่ไหวเลย ทั้งที่ก่อนหน้านี้ตั้งใจเป็นพ่อที่ดีไม่ไปเร่งรัดให้ลูกน้องคลอดออกมาก่อนกำหนด“แบบนี้พอจะเป็นของขวัญของพี่นนท์ได้ไหมคะ”พราวลลิลเอนกายซบพิงไปกับร่างกำยำของผู้เป็นสามีพร้อมกับเปิดชายของชุดนอนขึ้นมาเล็กน้อยให้พ
ชีวิตหลังแต่งงานของนนท์ธิวรรธน์ไม่ต่างอะไรจากชีวิตก่อนแต่งงานเลยสักนิดเดียว เขายังคงทำตัวเหมือนเดิม เหมือนเมื่อตอนที่มีเธอเดินเข้ามาในชีวิตวันแรกไม่มีเปลี่ยนไปเลยเขาตื่นแต่เช้าออกไปทำงานทุกวัน บางวันก็พาเมียไปทำงานด้วย บางวันก็ไม่ได้พาเธอไปด้วยอย่างเช่นตอนนี้เพราะเธอนั้นท้องแก่ใกล้คลอดเต็มทนแล้ว เขาก็เลยให้เธอพักอยู่บ้านซะมากกว่า จะมีพาไปบ้างก็แค่บางวันที่เธอดูจะเบื่อการอยู่บ้านเท่านั้นและเขาก็จะรีบกลับจากที่ทำงานเพื่อมาที่บ้านในทันทีหลังจากที่เลิกงาน ไม่เคยแวะข้างทางที่ไหนเพื่อจะมาหาเมียให้เร็วที่สุด หรือถ้ามีเธอไปด้วยเขาก็รีบกลับบ้านอยู่ดีถ้าเธออยากกลับหรือพาเธอออกไปใช้ชีวิตหลังเลิกงานด้วยกันบ้างถ้าเธออยากไปและในวันนี้เขาก็เลิกงานค่อนข้างดึกพอสมควรเพราะอาทิตย์หน้าเจ้าตัวน้อยในท้องเมียน่าจะลืมตาดูโลกแล้วตามที่หมอคาดการณ์เอาไว้ เขาก็เลยคิดว่าน่าจะต้องลางานอีกหลายวันเลยละก็เลยเริ่มที่จะเคลียร์งานออกไปบ้างแล้ว แล้วก็รีบกลับบ้านมาหาเมียในทันที“ทำอะไรอยู่ครับ”ร่างสูงรีบเดินขึ้นมายังห้องนอนที่เมียขึ้นมาก่อนหน้านี้แล้วหลังจากที่เขานั้นให้เธอกินมื้อเย็นล่วงหน้าไปก่อนไม่ต้องรอเขาด้วยวันน
“วันนี้นมหวานสวยจังเลย”เสียงของนนท์ธิวรรธน์เอ่ยชมเมียคนสวยของเขาไม่ขาดปากในขณะที่กำลังเริ่มแต่งหน้าสำหรับงานเลี้ยงในรอบเย็น หลังจากที่เมื่อเช้านั้นเพิ่งจะจัดงานแต่งกันแบบไทยๆกันไปเมื่อในสายตาของเขานั้นเห็นว่าเมียสวยอยู่ตลอดเวลา เห็นแบบนี้มาตั้งแต่เจอหน้าเธอครั้งแรกก็ว่าได้“สวยตรงไหน สิวเม็ดเท่าช้างอยู่บนหน้าเนี้ยนะ”คนสวยตอบกลับด้วยความจริงเมื่อฮอร์โมนของคนท้องทำให้สิวหัวช้างขึ้นหน้าเธอตรงกลางหน้าผากพอดิบพอดีหัวสิวนั้นใหญ่เสียจนแต่งหน้ากลบยังไม่มิดเลย จะมีความสวยที่ไหนกันได้ล่ะ“สวยทุกตรงนั้นแหละ และก็สวยทุกวันเลยด้วย”ท่านประธานหนุ่มก็ยังคงไม่เลิกที่จะเอ่ยชมเมียตัวเล็กตัวน้อยของเขาที่สวยที่สุดสำหรับเขาอยู่ดี“หน้าก็ยังไม่ได้แต่ง ชุดก็ยังไม่ได้ใส่เนี้ยนะ”ถึงเขานั้นจะมองข้ามเรื่องสิวไปได้ก็ต้องเห็นเรื่องแต่งหน้าทำผมใส่ชุดของเธอบ้างแหละ ไม่ใช่มาหลับหูหลับตาชมเธอจนช่างแต่งหน้าอายแทนได้แบบนี้“เจ้าบ่าวออกไปรออีกห้องได้แล้วจ้ะ”นนท์ธิวรรธน์ยังไม่ทันได้เอ่ยชมเมียอีกสักรอบก็ถูกขัดจังหวะด้วยน้ำเสียงของแม่เขาที่เปิดประตูเข้ามาพอดี“ครับคุณแม่”และนั้นทำให้นนท์ธิวรรธน์ต้องรีบออกจากห้องแต่ง
“วันนี้งานที่บริษัทเป็นยังไงบ้างคะ เหนื่อยหรือเปล่า”เสียงหวานๆเอ่ยทักทายผู้เป็นสามีพร้อมกับเดินเข้าไปหาเพื่อช่วยเขาถอดเสื้อสูทออกจากตัวหลังจากที่เขาเพิ่งจะกลับมาจากทำงานทำหน้าที่ภรรยาเป็นอย่างดีแต่ช่วงนี้ไม่ได้ไปทำหน้าที่เลขาเลย ด้วยเธอนั้นยังคงมีอาการแพ้ท้องอยู่ ท่านประธานก็เลยเป็นห่วงกลัวว่าเธอจะเป็นอะไรมากไปกว่านี้ก็เลยสั่งหยุดงานเธออย่างไม่มีกำหนดไปก่อนเธอก็เลยทำได้แค่ส่งเขาออกไปทำงานในตอนเช้า และก็รอรับเขากลับเข้าบ้านในตอนเย็นเท่านั้น“อืม ก็นิดหน่อย”นนท์ธิวรรธน์เอ่ยตอบไปตามความจริงพร้อมกับหอมแก้มเมียไปอีกฟอดใหญ่เพื่อเติมเมียเข้าปอดให้ได้ชื่นใจ หลังจากที่เขาต้องนั่งทำงานอย่างเคร่งเครียดมาทั้งวัน“ปวดหัวไหมคะ ให้หนูนวดให้ไหม”พราวลลิลขันอาสาเป็นหมอนวดให้เขาอีกครั้งเมื่ออาการแพ้ท้องของเธอนั้นเริ่มดีขึ้นมากแล้ว และก็อยากจะช่วยเขาแบ่งเบาความเครียดหลังเลิกงานด้วย“ก็ดีเหมือนกันนะ”ท่านประธานรีบประคองเมียให้เดินไปที่โซฟาในทันที ให้เธอนั่งลงอย่างนุ่มนวลภายใต้การคอยมองของเขา ก่อนที่เขาจะลงนอนหนุนตักเธอรีบหลับตาพริ้มในทันทีเพื่อรอมือเล็กๆของเธอนั้นมากดนวดให้ตามจุดต่างๆที่มักรู้สึกปวด
“เป็นอะไรไป ทำไมวันนี้ตื่นสายจัง”หลังจากที่เมื่อวานครอบครัวของเขาและก็ของเธอนั้นได้รวมตัวกันกินข้าวมื้อใหญ่เพื่อประกาศข่าวดีกันที่บ้านของคุณยายเธอ เขากับเธอก็กลับมานอนกันที่บ้านตามปกติด้วยตอนเช้านั้นเขามีประชุมต้องเดินทางออกจากบ้านแต่เช้า ก็เลยไม่ได้อยู่ค้างกันที่นู่นแต่พอในเช้าวันใหม่นี้ก็มีอะไรแปลกๆเกิดขึ้น เมื่อคนตัวเล็กที่มักตื่นนอนพร้อมกับเขาหรือบางทีก็ตื่นก่อนเขา วันนี้กลับไม่เหมือนวันอื่นๆเขานั้นอาบน้ำแต่งตัวจนเสร็จเรียบร้อยแล้วเธอจะเพิ่งตื่นขึ้นมา แถมสีหน้ายังไม่สดชื่นอีกตั้งหาก“สงสัยเมื่อวานหนูจะกินขาหมูมากเกินไป เช้านี้ก็เลยไขมันขึ้น”พราวลลิลมีอาการพะอืดพะอมตั้งแต่ลืมตาตื่นขึ้นมาเลยก็ว่าได้ และก็เวียนหัวจนแทบไม่อยากลุกจากที่นอนเลยล่ะเป็นอาการไม่สบายที่ทำให้นึกถึงคุณยายเป็นอย่างมากในเวลาที่ไขมันท่านขึ้นสูงจนต้องพาไปพบหมออยู่บ่อยๆ“อาการมันเป็นยังไง ทำไมถึงรู้ว่าตัวเองไม่สบายแบบนั้นล่ะ”มือหนาๆวางลงบนศีรษะเล็กอย่างอ่อนโยนก่อนจะลูบเบาๆด้วยความเป็นห่วง “ก็หนูเวียนหัวเหมือนคุณยายเวลาที่ไขมันท่านขึ้นสูง”“พี่ว่าไม่น่าจะใช่นะ”อาการของเธอไม่น่าจะใช้ไขมันขึ้นสูงแบบที่เธอกำลังค
“เป็นอะไรไป”เสียงหนาเอ่ยถามอย่างอบอุ่นเช่นเคยในเช้าวันหยุดที่เขากับเธอยังคงนอนเล่นกันอยู่บนเตียงไม่ได้รีบร้อนลุกไปทำงานเหมือนทุกวันเมื่อเขาเห็นว่าเธอดูจะหงอยเหงาผิดปกติไปจากเช้าวันอื่นๆที่ถึงแม้รีบเร่งไปทำงานก็ยังดูสดชื่นกว่าวันนี้เป็นเท่าตัวอาการเหล่านี้มันออกหลังจากที่เธอนั้นหยิบเอาโทรศัพท์มือถือขึ้นมาดูแจ้งเตือนบางอย่างที่ส่งเสียงร้องอยู่สักพัก ก่อนจะวางมือถือนั่งลงแล้วก็ถอดถอนหายใจยาวออกมาเขาไม่รู้ว่ามันคือเรื่องอะไรแต่มันคงไม่ดีสักเท่าไหร่ ไม่อย่างนั้นพราวลลิลที่เปรียบเสมอความสดใสนั้นคงไม่ดูหม่นหมองถึงเพียงนี้“เปล่า”มือเล็กๆยกขึ้นปาดน้ำตาที่หางตาเบาๆไม่ให้คนที่นอนอยู่ข้างๆรับรู้เรื่องราวของเธอไปด้วย ก่อนหน้านี้เธอเคยตั้งใจอย่างแน่วแน่ว่าจะทำเรื่องนี้ให้สำเร็จ แต่พอมาถึงวันนี้ในระยะเพียงสั้นๆเท่านั้นเธอกลับเสียใจตั้งแต่ยังไม่ได้ตัดสินใจให้เด็ดเดี่ยวเลยด้วยซ้ำไป“ไม่เป็นอะไรแล้วร้องไห้ทำไมคะ”ท่าทางของเธอไม่ได้โจ่งแจ้งสักเท่าไหร่แต่ทว่าเขานั้นอยู่ใกล้เธอมากจนไม่อาจมองข้ามไปได้ถึงแม้ว่าเธอจะนอนหันหลังให้เขาอยู่ก็ตาม เขาก็ยังรับรู้ได้อยู่ดี“ฮืออออ”พราวลลิลก็ปล่อยเสียงร้องไห้