เสียงหัวเราะครึกครื้นกับบทสนทนาโหวกเหวกประหนึ่งใครตั้งวงเหล้าดังสนั่นจนชวนหงุดหงิด
“อื้อ…หนวกหูจัง”
“เอ๋…พี่ใหญ่ ๆ มาดูเร็ว เหมือนนางจะได้สติแล้วนะขอรับ” ชายฉกรรจ์ทั้งร่างบึกบึน ตัวสูง ตัวเตี้ย ต่างมารุมล้อมเมียงมองสตรีร่างระหงที่นอนสลบไสลไร้สติอยู่บนกองฟางด้วยความสนใจใคร่รู้
เปลือกตาบางค่อย ๆ ขยับแผ่ว แพขนตาหนาระริกไหวดั่งผีเสื้อกระพือปีก อึดใจถัดมาก็แง้มเปิดแช่มช้า
“ฟื้นแล้ว นางฟื้นแล้ว”
ภาพตรงหน้าเลือนรางเป็นอย่างมาก ไม่นานก็เริ่มกระจ่างชัด หญิงสาวดีดกายผึงพร้อมสีหน้าตื่นตระหนก ริมฝีปากอ้าเผยอทว่าไร้เสียง
บรรดาชายร่างใหญ่ร่างเล็กต่างถอยกรูดแตกกระเจิงเพราะตกใจต่อท่าทีประหลาดของนาง
นัยน์ตาดอกท้อเหลือบซ้ายแลขวาพลันถอยหลังกรูดไปนั่งกอดเข่าด้วยความหวาดกลัว
โจรงั้นเหรอ แต่ชุดที่พวกเขาสวมเก่าไปหน่อยไหม ชุดโบราณ นี่ก็ชุดโบราณ คนนี้ก็ชุดโบราณ
ฟางเซี่ยนเซี่ยนกลอกตาไปมาจนรู้สึกสับสน กระทั่งชายร่างแคระสูงไม่พ้นเข่าชายกำยำเอ่ย “ดูเหมือนนางคงตกใจจนเป็นใบ้”
จู่ ๆ พวกเขาก็หัวเราะครืนด้วยความสนุกสนาน
ฟางเซี่ยนเซี่ยนตั้งสติ “พวกแกเป็นใคร”
ชายร่างสูงตอบ “คนสวยเจ้าจำไม่ได้งั้นหรือ ข้าก็เป็นเจ้าบ่าวของเจ้าอย่างไรเล่า”
ฟางเซี่ยนเซี่ยนเบิกตากว้างประหนึ่งไข่ห่าน เสียงหัวเราะขบขันก็ดังขึ้นอีกระลอก
“พอแล้ว ๆ พวกเจ้ารังแกสตรีสนุกมากนักหรือ”
ชายร่างมอมทุกคนต่างแหวกทางให้คนที่เอ่ยเมื่อครู่แทรกตัวเข้ามา ฟางเซี่ยนเซี่ยนช้อนตามองอีกฝ่ายเขม็ง
คนผู้นี้ใบหน้าหล่อเหลาไม่คล้ายพวกที่รุมล้อมตนเมื่อครู่สักนิด แม้เครื่องแต่งกายจัดว่าเก่าซีด ทว่าไม่อาจบดบังความสง่างามที่แผ่กำจายออกมาได้เลยสักเสี้ยว ขบคิดไปมาฟางเซี่ยนเซี่ยนก็ถึงขั้นสบถเสียงหลงอยู่ภายในใจ
อะไรกัน ชุดจีนโบราณ เอ๊ะ…หรือเป็นพวกคนป่า!
“อย่าเข้ามานะ พวกแกเป็นใคร ทำไมต้องจับตัวฉันมาด้วย”
“หือ…” ชายร่างสูงยอบกายนั่งขนาบข้างฟางเซี่ยนเซี่ยน มือหยาบกร้านเอื้อมไปเบื้องหน้าหมายยลโฉมอีกฝ่ายให้ชัด ๆ ทว่าหญิงสาวกลับเบี่ยงใบหน้าหนี
ชายหนุ่มยิ้มบาง “สาวน้อย เจ้าคงเสียดายมากสิท่าที่ไม่ได้เข้าวิวาห์กับเจ้าหมอนั่น ข้าได้ยินมาว่าเจ้าไม่อยากแต่งมิใช่หรือ ก็ถือว่าข้าเป็นผู้มีพระคุณ เจ้าต้องขอบคุณข้าถึงจะถูก”
ฟางเซี่ยนเซี่ยนกะพริบตางุนงง “พูดบ้าอะไรของคุณ แต่งงานอะไรมิทราบ ฉันใกล้ตายอยู่ข้างถนนดี ๆ ก็มาโผล่ที่นี่เนี่ยล่ะ”
“เห็นงดงามเรียบร้อยคิดว่าจะเชื่อฟังเสียอีก พี่ใหญ่จัดการนางเลยดีหรือไม่ ถึงอย่างไรนางก็เป็นลูกขุนนางชั่วนั่น พ่อสารเลวอย่างไร ลูกก็คงจะงามแต่รูปจูบไม่หอม”
ชายหนุ่มยกมือปราม “อาฮ่าว เจ้าใจเย็นก่อน ถามไถ่กันให้รู้ความเสียหน่อย ถึงอย่างไรก็พานางกลับมาแล้ว ทำเช่นนั้นใจจืดใจดำกับผู้หญิงตัวเล็ก ๆ เกินไปกระมัง”
ฟางเซี่ยนเซี่ยนหงุดหงิด ไม่รู้พวกเขาพล่ามอะไรเจ้า ๆ ข้า ๆ ราวกับอยู่ในซีรีส์จีนย้อนยุค
เสียงใสโพล่ง “พวกแกนี่เสียสติหรือยังไง จะบอกให้นะว่าถ้าจะจับตัวฉันมาเรียกค่าไถ่พวกแกคิดผิดแล้ว เพราะบ้านฉันจนมาก ป้าขี้งก ลุงขี้เมา จะเอาอะไรมาให้กันเล่า โธ่!”
“แม่นางน้อยนี่ช่างปากดีจริง ๆ เจ้าจะแสร้งเป็นคนจนได้อย่างไร ในเมื่อพ่อของเจ้าโกงกินบ้านเมืองจนร่ำจนรวย โกหกตาใส”
ฟางเซี่ยนเซี่ยนอ้าปากหวอ ต้องเป็นเรื่องเข้าใจผิดกันอย่างแน่นอน คนพวกนี้จะจับลูกสาวเศรษฐีแต่ดันไปลากตัวนางที่นอนแอ้งแม้งใกล้ตายข้างถนนมาเนี่ยนะ ไม่เรียกว่าโง่คงเรียกว่าประสาท
แต่แล้วเมื่อนึกมาถึงเรื่องที่ตนนอนหมดสติที่ข้างทาง ฟางเซี่ยนเซี่ยนก็รู้สึกว่ามันผิดปกติ มือเรียวยกขึ้นคลำไปยังท้ายทอยของตนเอง ทว่ากลับไร้ซึ่งความเจ็บปวด ลูบ ๆ ศีรษะตัวเองไปมาก็ยิ่งแตกตื่น เพราะไม่รู้ว่ากำลังใส่อะไรเอาไว้รุงรังไปหมด
บรรดาชายฉกรรจ์มองดูอาการประหลาดของฟางเซี่ยนเซี่ยนก็พากันขมวดคิ้วยุ่ง
“นางเป็นอันใดอีกแล้ว พี่ใหญ่ข้าว่านางตกใจจนเสียสติไปแล้วจริง ๆ”
มือเรียวยังคลำเรือนร่างตัวเองไม่หยุด กระทั่งสัมผัสโดนหน้าผากก็รู้สึกว่ามันบวมเป่งจนรู้สึกเจ็บมาก
“โอ๊ย”
ทำไมเจ็บตรงนี้ล่ะ ก็ตอนเราล้มท้ายทอยเลือดอาบเลยไม่ใช่เหรอ
ฟางเซี่ยนเซี่ยนหลุบตามองเสื้อผ้าที่ตัวเองสวมใส่ก็ลุกพรวด
“ชุดโบราณ สีแดงด้วย นะ…นี่ชุดแต่งงานสมัยโบราณนี่”
ชายฉกรรจ์ทั้งหลายถอยกรูดไปรวมกัน มองมาที่ฟางเซี่ยนเซี่ยนเป็นตาเดียวดั่งพบเจอตัวประหลาด
“นี่นาง นางผีเข้างั้นรึ”
“ข้าบอกแล้วว่านางตายแล้ว ๆ ให้ทิ้งเอาไว้พี่ใหญ่ก็ไม่เชื่อ จะช่วยนางกลับมาให้ได้ แล้วเป็นอย่างไร นางตื่นมาก็เสียสติ”
ฟางเซี่ยนเซี่ยนเซแทบล้มทั้งยืน ชายหนุ่มร่างสูงรุดเข้าหาหวังช่วยประคอง แต่สตรีตัวเล็กก็ก้าวเท้าหลบดุจดั่งลิงทโมน
“อย่าเข้ามานะ”
“ข้าไม่ได้จะทำร้ายเจ้า เจ้าก็คงได้ยินแล้วว่าข้าช่วยเจ้าเอาไว้”
ขาสูงค่อย ๆ เยื้องย่างเข้าใกล้สตรีตรงหน้าเนิบนาบ ฟางเซี่ยนเซี่ยนรู้สึกได้ว่าเขาใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ หญิงสาวจึงเร่งถอยกรูดไปไกล
เพราะเกรงว่าตนเองจะถูกทำไม่ดีไม่ร้าย นึกอะไรไม่ออกก็คว้ามั่ว ๆ ไปบนหัว ฉับพลันก็ได้ปิ่นปักผมมาอันหนึ่ง จากนั้นก็ใช้มันจี้คอตัวเองอย่างไม่ลังเล
เสียงตกใจดังอึงอล “นางรนหาที่ตายอีกแล้ว”
“พวกแกถอยไป ไม่งั้นฉันจะแทงคอตัวเองตาย แล้วสุดท้ายตำรวจต้องมาลากคอพวกแกเข้าตารางแน่นอน”
“นางพูดอะไร วาจาประหลาดยิ่งนัก พี่ใหญ่ข้าว่าเร่งจัดการนางเถอะขอรับ ดูท่าแล้วนางคงพูดไม่รู้ความ”
ฟางเซี่ยนเซี่ยนเบิกตาโพลง เพราะคิดว่าตัวเองจะถูกขืนใจ หากเป็นเช่นนั้นยอมตายเสียยังดีกว่า “เลวจริง ๆ นี่พวกแกเป็นไอ้รถคันนั้นที่ชนฉันแล้วทำเป็นหนี สุดท้ายก็วนกลับมาสินะ คนชั่ว”
“แม่นางข้าว่าเจ้าสงบสติแล้วนั่งลงคุยกันดี ๆ ก่อนเถิด” ชายหนุ่มหน้าวสันต์หันไปกำชับลูกน้อง “พวกเจ้าออกไปให้หมด”
“แต่พี่ใหญ่…”
“ข้าบอกให้ออกไป” เสียงทุ้มตัดบท
“ขอรับ” บรรดาลูกน้องต่างเดินคอตกกลับออกไป
“เอาล่ะ ตอนนี้มีเพียงเจ้ากับข้าแล้ว แม่นางเจ้าวางปิ่นลงก่อนเถิด หากเจ้าบริสุทธิ์พวกเราไม่คิดทำร้ายเจ้าแน่นอน”
ฟางเซี่ยนเซี่ยนลังเล “ฉันไม่เชื่อ เคยได้ยินมาว่าไม่มีสัจจะในหมู่โจร พวกแกเป็นโจรใช่ไหม”
ชายหนุ่มพยักหน้า “ใช่ พวกเราเป็นโจร โจรแล้วอย่างไร พวกเราก็ยังดีกว่าขุนนางเศรษฐีที่เอาแต่ขูดเลือดขูดเนื้อกับชาวบ้านตาดำ ๆ”
ฟางเซี่ยนเซี่ยนรับรู้ได้ว่าน้ำเสียงของชายหนุ่มเปลี่ยนไป เพราะกลัวว่าตัวเองจะไปกระตุกหนวดเสือเข้า จึงเลือกสงบคำลง คำพูดเมื่อครู่ของเขาทำให้หญิงสาวนึกบางอย่างขึ้นได้
หรือว่า…
“นี่อย่าบอกว่าพวกนายทำตัวเป็นโรบินฮู้ดน่ะ”
ชายหนุ่มเลิกคิ้วด้วยความฉงน “โรบินหูอะไรของเจ้า”
ฟางเซี่ยนเซี่ยนถอนหายใจ ดูเหมือนว่าหญิงสาวไม่ได้พบกับโจรธรรมดา ทว่ากลับเป็นโจรผดุงคุณธรรมเสียอย่างนั้น
เพียงแต่พวกเขาเลือกจับผิดคนแล้ว
“เอาล่ะ ฉันพอเดาได้ราง ๆ แล้ว ที่แท้พวกนายก็เลือกปล้นเงินจากคนรวยที่ได้มาอย่างผิดกฎหมายไร้ศีลธรรมเพื่อไปช่วยคนจนอย่างนั้นสินะ”
ชายหนุ่มแค่นยิ้ม ดูเหมือนอารมณ์ของเขาเริ่มดีขึ้นมาหน่อยแล้ว “แม่นาง คิดไม่ถึงว่าเจ้าก็ฉลาดอยู่บ้าง เช่นนั้นเราจะคุยกันดี ๆ ได้หรือยัง”
“ราชครู ท่านเข้าใจอะไรผิดหรือไม่ นางคงไม่ใช่คนที่ท่านตามหา” ย่วนเผิงเฟยดึงแขนฟางเซี่ยนเซี่ยนให้ไปหลบด้านหลังซ่งเหวยซูย้ำอีกครั้ง “นางเป็นคู่หมั้นของข้า ในวันส่งตัวเจ้าสาวเป็นพวกเจ้าที่ดักปล้น หากไม่ยอมรับเช่นนั้นก็ต้องชดใช้”ฟางเซี่ยนเซี่ยนตาโต “พี่ใหญ่ย่วน คนผู้นี้หรือที่ท่านบอกว่าเป็นเจ้าบ่าวไม่ได้เรื่องของข้า มักมากในสตรีและเงินทอง หากเป็นเขาข้าไม่กลับ ข้าไม่รู้จักเขา”ย่วนเผิงเฟยกลืนน้ำลายหนืดเหนียวลงคอ ก่อนที่เยว่หานจะสาวเท้าเข้ามากระซิบข้างหูเขาอีกฝั่งด้วยสีหน้าซีดขาว“พี่ใหญ่ วันนั้นมีขบวนเจ้าสาวของสกุลจี้จริง ทว่าในวันเดียวกันก็มีขบวนเจ้าสาวของลูกสาวใต้เท้าฟางด้วยขอรับ ดูเหมือนว่าพวกเราจะปล้นผิดเสียแล้ว”ย่วนเผิงเฟยใจเต้นระรัวประหนึ่งฟ้าถล่มลงตรงหน้า ที่แท้นางก็มิใช่ลูกคุณหนูธรรมดา ทว่ากลับเป็นถึงบุตรีของใต้เท้าฟางขุนนางที่ถือครองตำแหน่งจงซูเสิ่ง [1] ย่วนเผิงเฟยค่อย ๆ เหลียวมองสตรีข้างกายที่ยืนตาใส ดูเหมือนว่านางเองก็ความจำเสื่อมแต่แล้วอย่างไร ในเมื่อตอนนี้นางไม่อยากกลับก็ต้องมีเหตุให้ทุกข์ใจแน่“ท่านราชครู แต่เดิ
เวลาผันผ่านไปหนึ่งสัปดาห์ ฟางเซี่ยนเซี่ยนก็สนิทสนมและปรับตัวเข้ากับคนที่นี่อย่างรวดเร็ว หญิงสาวได้เรียนรู้ว่าที่แท้การเป็นโจรก็มิใช่ว่าจะโหดร้ายเสมอไป ในยามที่พวกเขาออกปล้นส่วนใหญ่แล้วไม่ทำร้ายคนบริสุทธิ์ ทว่าพวกเขาจะเลือกเฉพาะบรรดาคนรวยที่ได้เงินมาอย่างผิดศีลธรรม จากนั้นก็จะนำไปแจกจ่ายให้บรรดาคนไร้บ้าน คนที่ยากไร้เพียงแต่ฟางเซี่ยนเซี่ยนไม่รู้ว่าเหตุใดตนเองจึงสามารถทะลุมิติมายังที่แห่งนี้ได้ อันที่จริง จิตวิญญาณของนางเข้ามาสวมร่างเจ้าของร่างเดิมต่างหาก เพราะย่วนเผิงเฟยบอกว่าตอนเขาไปถึงก็เห็นนางนอนนิ่งไร้ลมหายใจอยู่ในเกี้ยวเจ้าสาว ส่วนบ่าวรับใช้คนอื่น ๆ หนีเตลิดหายกันไปหมด“กำลังคิดอะไรหรือ”ฟางเซี่ยนเซี่ยนผินหน้าไปยังต้นเสียง ครั้นเห็นว่าเป็นผู้ใดริมฝีปากก็ยกยิ้มขึ้น “พี่ใหญ่ย่วน ข้าเพียงกำลังนึกบางอย่างเพลิน ๆ เท่านั้น”เจ้าของร่างสูงหย่อนกายลงนั่งขนาบข้างคนตัวเล็ก เขามองมือที่กำลังวาดบางอย่างก็เลิกคิ้วฉงน“นี่เจ้ากำลังทำอะไรหรือ”ฟางเซี่ยนเซี่ยนมองภาพวาดในมือ จากนั้นก็ปัดฝุ่นที่ปลิวเกาะกระดาษออก “พี่ใหญ่ย่วน อันนี้ข้าให้ท่าน ข้าจดรายละเอี
กลิ่นหอมกรุ่นของอาหารโชยเข้าแตะปลายจมูก เสียงจอกกระทบกันสรวลเสดังขึ้นเป็นระยะ“พี่ใหญ่ ท่านแน่ใจหรือว่าให้นางทำอาหารน่ะ แล้วถ้าหากนางวางยาพวกเราเล่าจะทำอย่างไร”ไพ่นกกระจอกตัวสุดท้ายถูกหงายแนบโต๊ะ “ข้าชนะแล้ว”“หา…พี่ใหญ่ชนะแล้ว ชนะอีกแล้วโธ่”บรรดาลูกน้องต่างร้องโอดครวญ ไม่ว่าทำอย่างไรพวกเขาก็พ่ายแพ้ต่อลูกพี่ใหญ่ของตนเองอยู่เรื่อยย่วนเผิงเฟยขบขัน เขาดึงกระดาษสามสี่แผ่นที่ยังเหลือแปะใบหน้าของผู้แพ้ทีละคน และไม่ลืมตอบคำถามที่ค้างคาไว้ “นางไม่มีทางทำแน่”“มาแล้วเจ้าค่ะ อาหารเลิศรส เชิญพวกท่านมาลองชิมดู”เหล่าชายฉกรรจ์หลากหลายรูปร่างต่างกรูเข้าห้อมล้อมจานอาหารที่วางเรียงกันบนโต๊ะนับสิบ สายตาของทุกคนเป็นประกายลุกวาว“อื้อฮือ…หอมมาก หอมจริง ๆ”“ข้าขอชิมดูหน่อย”เพียะ!มือหยาบกร้านไม่ทันคว้าเจ้าขาแพะชิ้นโตก็ต้องหดกลับทันควัน เมื่อถูกสหายข้างกายฟาดจนต้องหน้ายู่“ทำอะไรของเจ้า”“เจ้าไม่
ท้ายที่สุดฟางเซี่ยนเซี่ยนก็ยินยอมสงบสติและคุยกับอีกฝ่ายอย่างสันติเสียที ชายหนุ่มหย่อนกายลงนั่งตรงเก้าอี้ไม้ฝั่งตรงข้าม จากนั้นจึงเอ่ยปากเชื้อเชิญ “แม่นาง เจ้ามานั่งนี่สิ”ฟางเซี่ยนเซี่ยนยังคงลังเลพลางกวาดตามองโดยรอบ ที่แห่งนี้กลิ่นอายไม่คล้ายยุคสมัยที่จากมาเลยสักนิด อกซ้ายของฟางเซี่ยนเซี่ยนกระเพื่อมถี่ประหนึ่งสายน้ำเกิดระลอกคลื่นข้าวของทุกอย่างดูเก่าคร่ำคร่า ทั้งการแต่งกายของพวกเขาก็ล้าสมัยเฉกเช่นกำลังถ่ายทำซีรีส์ย้อนยุคเสียงทุ้มเอ่ยซ้ำ “เจ้าไม่วางใจหรือ”ฟางเซี่ยนเซี่ยนสะดุ้งแผ่ว “เปล่า เพียงแต่ฉันมีข้อสงสัย”ชายหนุ่มเลิกคิ้ว “สงสัยงั้นหรือ เจ้าอยากถามเรื่องใดกันเล่า”“ที่นี่คือที่ไหนเหรอ”ชายหนุ่มอมยิ้ม มือหยาบกร้านยกกาน้ำชาขึ้นรินลงถ้วยดินเผา “ที่นี่เป็นรังโจร แล้วข้าจำเป็นต้องบอกที่ตั้งแก่เจ้าด้วยหรือ”นั่นสินะ เดี๋ยวลองคุยกับหมอนี่ดูแล้วกัน อย่างน้อย ๆ เขาก็เป็นประเภทโจรที่มีมโนธรรมอยู่บ้าง“มัวยืนอ้ำอึ้ง หากเจ้าไม่มาข้าจะลากเจ้ามานั่งเดี๋ยวนี้”“ฉันไป ฉันไป”ร่างระหงสาวเท้าไปยังเก้าอี้ฝั่งตรงข้ามชายหนุ่มทันควัน ฟางเซี่ยนเซี่ยนหย่อนกายลงนั่ง จากนั้นอีกฝ่ายก็เลื่อนถ้วยชาส่งให้น
เสียงหัวเราะครึกครื้นกับบทสนทนาโหวกเหวกประหนึ่งใครตั้งวงเหล้าดังสนั่นจนชวนหงุดหงิด“อื้อ…หนวกหูจัง”“เอ๋…พี่ใหญ่ ๆ มาดูเร็ว เหมือนนางจะได้สติแล้วนะขอรับ” ชายฉกรรจ์ทั้งร่างบึกบึน ตัวสูง ตัวเตี้ย ต่างมารุมล้อมเมียงมองสตรีร่างระหงที่นอนสลบไสลไร้สติอยู่บนกองฟางด้วยความสนใจใคร่รู้เปลือกตาบางค่อย ๆ ขยับแผ่ว แพขนตาหนาระริกไหวดั่งผีเสื้อกระพือปีก อึดใจถัดมาก็แง้มเปิดแช่มช้า“ฟื้นแล้ว นางฟื้นแล้ว”ภาพตรงหน้าเลือนรางเป็นอย่างมาก ไม่นานก็เริ่มกระจ่างชัด หญิงสาวดีดกายผึงพร้อมสีหน้าตื่นตระหนก ริมฝีปากอ้าเผยอทว่าไร้เสียงบรรดาชายร่างใหญ่ร่างเล็กต่างถอยกรูดแตกกระเจิงเพราะตกใจต่อท่าทีประหลาดของนางนัยน์ตาดอกท้อเหลือบซ้ายแลขวาพลันถอยหลังกรูดไปนั่งกอดเข่าด้วยความหวาดกลัวโจรงั้นเหรอ แต่ชุดที่พวกเขาสวมเก่าไปหน่อยไหม ชุดโบราณ นี่ก็ชุดโบราณ คนนี้ก็ชุดโบราณฟางเซี่ยนเซี่ยนกลอกตาไปมาจนรู้สึกสับสน กระทั่งชายร่างแคระสูงไม่พ้นเข่าชายกำยำเอ่ย “ดูเหมือนนางคงตกใจจนเป็นใบ้”จู่ ๆ พวกเขาก็หัวเราะครืนด้วยความสนุกสนานฟางเซี่ยนเซี่ยนตั้งสติ “พวกแกเป็นใคร”ชายร่างสูงตอบ “คนสวยเจ้าจำไม่ได้งั้นหรือ ข้าก็เป็นเจ้าบ่าวของ
ถนนสายหลักในเมืองหลวงเต็มไปด้วยรถราคลาคล่ำ ร้านไก่ทอดรสเลิศตั้งอยู่ตรงทำเลทองเข้าพอดีจึงทำให้ลูกค้าแวะเวียนเข้ามาไม่ขาดสาย“ขอบพระคุณที่แวะมาอุดหนุนนะคะ โอกาสหน้าเชิญใหม่ค่ะ” เข็มนาฬิกายามค่ำคืนเดินไปหยุดที่เลขเก้าและเลขสิบสอง บ่งบอกว่าถึงเวลาปิดร้านแล้ว ทันทีที่ลูกค้าคนสุดท้ายก้าวเท้าพ้นธรณีประตู หญิงสาวก็รีบถลาเข้าพลิกป้ายหน้าร้านเป็นปิดทำการอย่างรวดเร็ว กริ้ง เสียงกระดิ่งแขวนหน้าประตูดังขึ้นตามแรงขยับ“แหม…เซี่ยนเซี่ยน พรุ่งนี้หยุดก็รีบเลยเชียว”ฟางเซี่ยนเซี่ยนปัดมือไปมาพลางฉีกยิ้มกว้างจนดวงตายิบหยีเป็นครึ่งจันทร์เสี้ยว “แน่นอนอยู่แล้ว พรุ่งนี้เป็นวันหยุดยาวก่อนสิ้นปีนี่นา คอยดูเถอะจะกลับห้องไปอ่านนิยายให้ฉ่ำ”เผิงซินยวี่เพื่อนสาวต่างคณะส่ายศีรษะไปมาทว่าริมฝีปากกลับประดับไปด้วยรอยยิ้มเอ็นดู “คนอื่นเขามีแต่อยากรีบกลับไปเค้าต์ดาวน์พร้อมแฟนหรือครอบครัว ก็มีแต่เธอนี่แหละที่อยากไปอ่านนิยายข้ามปี”ฟางเซี่ยนเซี่ยนหัวเราะคิกคัก จากนั้นเดินไปเท้าคางหน้าเค้าน์เตอร์ที่เพื่อนสาวกำลังนับเงินปิดบัญชี “แน่นอนอยู่แล้ว เธอก็รู้ว่าครอบครัวเราเป็นยังไง อีกอย่างเราก็ไม่มีแฟน ไม่เหมือนใครบางคน”เผิง