“ไอ้เพ...ฉันเพื่อนแกนะ” ใบหน้าหวานบ่งบอกถึงความหงุดหงิด แม้จะสะดุ้งกับคำพูดของชายหนุ่มก่อนหน้านี้ก็ตาม
“ถ้าไม่อยากเป็นเพื่อน เลื่อนมาเป็นเมียก็ได้นะ!”
เพียะ!!
ไม่ทันที่เพทายจะได้ทำอะไรต่อ ฝ่ามือพิฆาตของมานิตาก็ฟาดเข้าไปที่อกเปลือยของเพทายอย่างแรง ทำเอาชายหนุ่มสะดุ้งด้วยความตกใจก่อนจะก้มมองแผงอกของตัวเองที่มีรอยนิ้วมือทั้งห้าของคนตัวเล็กประทับตราเป็นดวงเลย
“โอ๊ย!! ตีเข้ามาได้ โรคจิตเหรอ หรือซาดิสม์เนี่ย” เพทายนิ่วหน้าจากนั้นก็ใช้มือของตัวเองลูบตรงผิวที่เพิ่งโดนหญิงสาวฟาดเต็มแรง
“ก็นายชอบลามกยังไงล่ะ เราเพื่อนกันนะเว้ย ที่ฉันให้นายนอนที่นี่เพราะเห็นว่าเสื้อผ้านายเปียกกับฝนตกนะ ถึงให้อยู่ด้วย ได้คืบจะเอาศอก”
“ไม่อยากเอาศอก แต่ ‘เอาเธอ’ ได้ไหม”
“ไอ้เพ!!” มานิตาขบกรามของตัวเองอย่างโมโหเมื่อคนตัวโตยังเล่นไม่เลิกจนตอนนี้เธอเริ่มสับสนแล้วว่าชายหนุ่มเล่นหรือคิดจริงกันแน่
“จ๋า...ดุจังวุ้ย...แต่ดุแบบนี้ไอ้เพชอบเลย อยากจับทำเมีย!!” เพทายยิ้มและหัวเราะออกมาเมื่อเจอฤทธิ์ฝ่ามือของมานิตา เขาชอบเหลือเกินที่ได้แกล้งเธอแบบนี้ ยิ่งได้เห็นใบหน้าบึงตึงของเธอมันยิ่งทำให้เขาชอบใจใหญ่กว่าเดิม
“เมียห่าไร...ไม่เป็นเว้ย...นอนได้แล้วไหม ง่วงจะแย่แล้ว และก่อนจะนอนช่วยเอามือออกจากสะโพกฉันด้วยค่ะ” มานิตาโวยวายเพราะเพทายเล่นไม่เลิก ถ้าไม่ติดว่าเป็นเพื่อนรักแม้แต่ปลายเล็บก็ไม่มีทางได้จับหรอกนะ
“งั้นจะคอยดู ไว้ถ้าเป็นเมียฉัน อย่ามาขอร้องให้ฉันเ...ย...ซ้ำแล้วกัน”
“หยาบคาย! พูดมาได้ไม่อายปาก” แม้ปากจะด่าชายหนุ่มแต่ไม่รู้ทำไมเธอถึงเขินจัง จริงๆ การที่เป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่ปีหนึ่งทำให้สามารถพูดหยาบคายใส่กันได้ และยิ่งเรียนวิศวะด้วยกันแล้วนั้นเธอซึ่งเป็นผู้หญิงส่วนน้อยก็ต้องไหลตามน้ำไปกับพวกผู้ชายที่ดูดิบเถื่อน
“อายอะไร เรื่องธรรมชาติ”
“ธรรมชาติบ้านแกสิ หัดมองฉันเป็นผู้หญิงบ้างเถอะ พูดแต่ละคำออกมา...เอาไว้ใช้กับเพื่อนๆ ผู้ชายนายนู้น”
“ก็พูดกับผู้ชายแล้วมันไม่เสียวเท่ากับพูดกับเธอนิ”
จบคำพูดของคนตัวโตมานิตาก็นิ่งจ้องมองเขา อัตราการเต้นของหัวใจที่เริ่มเต้นแรงขึ้นๆ จนกลัวว่าชายหนุ่มข้างกายจะได้ยิน มันดังมาก
“อะไร เสียวบ้าอะไร ฉันไม่เสียวกับนายทั้งนั้นแหละ”
“งั้นก็ให้พิสูจน์สิว่าไม่เสียว” ร่างใหญ่กระเถิบเข้ามาใกล้กว่าเดิม จนร่างกายของทั้งสองที่ตะแคงมองกันยิ่งแนบชิดมากกว่าเดิม ที่เธอไว้ใจให้เขานอนที่นี่เพราะเห็นว่าตั้งแต่ปีหนึ่งถึงปีสี่ก็ไปกินเหล้า ไปค้างบ้านเพื่อนคนนั้นคนนี่ด้วยกันเสมอ เลยไม่ได้ไว้เนื้อไว้ตัวอะไรมากนัก อีกอย่างเธอมั่นใจว่าคนอย่างเพทายไม่มีทางชอบผู้หญิงห้าวๆ อย่างเธอแน่นอน
“อะไร”
“ขอจับตรงนั้นได้ไหม”
“จะ...จับอะไรอีก”
“ตรงนั้นอะ” นิ้วเรียวชี้ไปที่เบื้องล่าง ซึ่งมันเป็นตำแหน่งของกึ่งกลางความเป็นจริงที่ทำเอาเธอเสียววูบวาบไปหมด เธอพยายามสลัดความรู้สึกนี้ออกไปเพราะคิดว่าเพทายกำลังกลั่นแกล้งตนเองให้เสียอาการ
“บ้าไหม”
“ถ้าไม่เสียวก็ต้องไม่แฉะ แต่ถ้าแฉะแสดงว่าเสียว” มุมปากหยักยกขึ้นแล้วจ้องมองไปที่เบื้องล่างที่มีกางเกงขาสั้นปกปิดเอาไว้อยู่
“ไอ้บ้า...โรคจิต ฉันไม่คุยกับคนลามกอย่างนายแล้ว ฉันจะนอนแล้ว ไม่ต้องมายุ่งกันเลยนะ” เมื่อพูดจบร่างเล็กก็พลิกตะแคงหันมาอีกข้างหนึ่ง พร้อมกับทำการกดโทรศัพท์เล่นทั้งๆ ที่หัวใจกำลังเต้นโครมครามไม่เป็นจังหวะ
“ไหนว่าจะนอนแล้ว ทำไมยังเล่นโทรศัพท์ล่ะ หันมาคุยกันก่อนสิ” มือหนายื่นมาจับที่เอวคอดเพื่อดึงให้สาวเจ้าหันกลับมา แต่คนตัวเล็กกลับขืนตัวเอาไว้
“ไม่เอา...ต่างคนต่างนอนสิเพ”
ติ๊ด!!
(ทำอะไรอยู่ครับ นอนหรือยัง) เสียงข้อความแจ้งเตือนจากแอปฯ ที่ญาณินติดตั้งให้ ทำให้มานิตากดเข้าไปดูและพบว่าผู้ชายที่เธอเลือกตอบเขาคนเดียวทักมา
(ยังค่ะ พี่ซันล่ะคะ จะนอนหรือยัง) นิ้วเล็กกดไปที่แป้นพิมพ์บนหน้าจออย่างรวดเร็วเพราะไม่อยากให้คนในแชตรอนาน และหลังจากที่คุยกันตั้งแต่นั่งรถเพทายเธอเลยรู้ว่าเขาชื่อ ‘ซัน หรือตะวันฉาย’
(ยังไม่ง่วงเลยครับ พี่จะรอให้ตัวเล็กนอนก่อนดีไหม) คำพูดหวานๆ ของคนในแชตทำเอามานิตาเขินตัวม้วนเลย เธอรู้สึกตื่นเต้นที่มีคนมาคุยเล่นแบบนี้ แม้จะเป็นคนแปลกหน้าก็ตาม แต่อย่างน้อยก็สามารถคุยยามเหงาได้
(ไม่เห็นจะดีเลยค่ะ พี่ซันไชน์ไม่เห็นต้องรอมิลค์กี้เลย)
(อยากรอครับ ให้รอนานกว่านี้ก็ได้นะ) มานิตาไม่รู้หรอกว่าคนในแชตโสดหรือเปล่า แต่เธอจะวางตัวเท่าที่ทำได้ ไม่มากไม่น้อยจนเกินไป
“คุยกับใคร...พิมพ์รัวขนาดนั้น” น้ำเสียงเคืองๆ จากคนที่นอนข้างตัวร้องถาม
“ยุ่งน่ะเพ...”
“ผัวเหรอ แอบมีผัวตอนไหนฉันไม่เห็นรู้เรื่อง”
“นี่!! ฉันยังไม่มีผัวย่ะ แต่อนาคตไม่แน่ อย่ามาด่วนตัดสินอะไรก่อนนะ” มานิตาวางโทรศัพท์ไว้ข้างหมอน จากนั้นก็ลุกขึ้นมามองเพทายที่นอนหงายสบายใจเฉิบบนที่นอนของเธอ
“ไม่ดีตรงไหน ฉันทำอะไรผิดล่ะ” “นี่นายยังไม่รู้ตัวเลยเหรอ นายปล้ำฉันนะ นายยังมีหน้ามาบอกตัวเองไม่ผิดอีกเหรอ” ใบหน้าหวานแดงก่ำเพราะไม่เข้าใจคนตัวโตที่ไม่ยอมสำนึกอะไรเลย “ก็บอกจะรับผิดชอบเธอก็เล่นหนีหายหน้าไปเป็นอาทิตย์เนี่ย ตอนงานแต่งเพทายกับมิลค์กี้เธอก็เอาแต่หลบหน้าฉัน” วาโยไม่รู้ใจของผู้หญิงคนหนึ่ง การที่หญิงสาวหลบหน้าเขามันทำให้เขากระวนกระวายใจอย่างบอกไม่ถูก “ฉันบอกแล้วไงว่าถ้านายแค่อยากรับผิดชอบก็ลืมๆ เรื่องคืนนั้นไปเถอะ ฉันไม่ได้คิดอะไรแล้ว” หญิงสาวหันไปทางอื่นพร้อมกับความรู้สึกที่เจ็บลึก เธอไม่ต้องการแค่นั้น มันอาจจะดูโลภเกินไปแต่ใครจะทนอยู่กับผู้ชายที่แค่ต้องการรับผิดชอบเราแค่นั้นล่ะ “แล้วต้องการอะไรอีกหือ” เสียงเข้มบอกอย่างออดอ้อนเมื่อคนตัวเล็กกำลังทำเหมือนงอนเขาเสียนี่ “เปล่า” “ถ้างั้นบอกรักก่อนสิ ละเดี๋ยวจะให้อย่างอื่นด้วย” จู่ๆ ชายหนุ่มก็โพล่งบางอย่างออกมา ญาณินเลยเงยหน้ามองคนตัวโตอย่างสงสัยกับคำพูดของเขา “อะไรของนาย” “รักฉันไม่ใช่ไง ไม่คิดจะบอกรักผัวตัวเองหน่อยเหรอ” คำพูดของวาโยสร้างคว
“ถ้านายต้องการแค่รับผิดชอบฉันไม่เอาหรอก เพราะฉันไม่อยากอยู่กับคนที่ไม่ได้รักฉัน ปล่อยนะ ฉันโทร.ให้ที่บ้านมารับแล้ว ฉันจะไม่รบกวนคนอย่างนายอีกต่อไป!” ก่อนจากวาโยเห็นว่าญาณินมีน้ำตาที่ขอบตาจนอยากจะเอามือหนาไปปาดคราบน้ำตาของคนตัวเล็ก แต่ก็ต้องชะงักมือกลับเพราะถ้าทำอะไรมากกว่านี้เธออาจจะโกรธ วาโยมองญาณินที่เดินออกจากห้องด้วยหัวใจที่หดหู่ ไม่รู้ทำไมคำพูดของเธอมันฉายเข้ามาในความคิดซ้ำๆ ถ้าเธอไม่ต้องการความรับผิดชอบแล้วต้องการอะไรกันแน่ ตั้งแต่เกิดเหตุการณ์วันนั้นญาณินก็แทบไม่ได้ออกไปไหน จนกระทั่งเพิ่งผ่านพ้นงานแต่งของเพื่อนรักอย่างมานิตายิ่งได้เห็นว่าเพื่อนมีความสุขเธอก็ยินดี แต่สักพักก็รู้สึกหดหู่ใจเมื่อหันมามองความรักของตัวเอง เธอไม่รู้ว่าควรจะทำอย่างไรต่อดี ความบริสุทธิ์ก็ถูกวาโยช่วงชิงไปจนไม่เหลือชิ้นดี ถามว่ารู้สึกดีไหมคงตอบว่าใช่ มันไม่ใช่แค่ความสัมพันธ์ทางกายแต่มันมากกว่านั้น เธอชอบวาโยมาตั้งนานแล้ว นานจนจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าเริ่มชอบตอนไหน ตลอดระยะเวลาการเป็นเพื่อนกันเธอพยายามไม่สนิทกับชายหนุ่มมากไปกว่าเพื่อนคนอื่นในกลุ่มเพราะกลัวว่าสักวันความรู้ส
ลำกายหนากระเสือกกระสนเข้ามาในโพรงสาวอย่างรุนแรงจนเขารับรู้ว่าคนตัวเล็กกำลังกระตุกอย่างรุนแรงพร้อมกับเสียงกรีดร้องเป็นทางยาวที่บ่งบอกถึงความสุข “กรี๊ด” มือน้อยที่จับที่ต้นแขนแกร่งที่เอื้อมมาบีบเคล้นอกอิ่ม “เสร็จแล้วเหรอ ตอดแรงขนาดนี้” วาโยกระหยิ่มยิ้มเมื่อเห็นคนตัวเล็กสุขสมแล้ว ต่อไปถึงตาของเขาบ้าง และคืนนี้มันจะไม่จบเพียงเท่านี้อย่างแน่นอน วาโยเปลี่ยนท่าให้คนตัวเล็กนอนคว่ำ จากนั้นเขาก็จัดการยกสะโพกสวยขึ้นเพื่อรับกับเอ็นร้อนที่เยิ้มไปด้วยคราบน้ำรักของเธอ จากนั้นก็สวนมันเข้าไปในโพรงสาวที่ยังคงแน่นหนึบอย่างแรง “อ๊า...เจ็บ” “ทั้งเจ็บทั้งเสียวเลย” วาโยคุกเข่าแล้วเสยตัวตนร้องเข้าไปอย่างแรงจนใบหน้าหวานลู่แนบกับที่นอนหนานุ่มเพราะหมดเรี่ยวแรงจะทำอะไรต่อไป “อ๊ะ...จะทำอะไรโย” “ท่าหมาไง คราวก่อนเธอบอกฉันปากหมา วันนี้ฉันเลยจะเอาท่าหมาให้เธอดู” วาโยมองเอ็นร้อนที่ผลุบเข้าออกมาโพรงสาวจากทางด้านหลัง มันยิ่งทำให้เขาซาบซ่านอย่างไม่เคยเกิดขึ้นกับใครมาก่อน การที่ได้กระแทกเข้าไปในกายสาวที่ตัวเองชอบมาตั้งแต่ปีหนึ่ง ก็เพิ่มความดุ
“หึหึ...ทำตัวน่ายั่วขนาดนี้ผู้ชายที่ไหนจะทนได้” “แต่นายเป็นเพื่อนฉัน นายต้องทนได้สิ เพื่อนกันใครเขาทำแบบนี้” “ไอ้เพมันยังทำกับมิลค์กี้ ทำไมฉันจะทำกับเธอไม่ได้วะ เลิกเอาคำว่าเพื่อนมาพูดได้แล้วไหม เข้าไปอยู่ในตัวแบบนี้คำว่าเพื่อนมันขาดสะบั้นไปตั้งนานแล้ว” วาโยตะโกนบอกที่คนตัวเล็กชอบย้ำคำว่าเพื่อนกับเขายิ่งนัก อยากเป็นอะไรหนักหนาเพื่อนเนี่ย “อยากเป็นอะไรหนักหนากับคำว่าเพื่อน ให้เป็นผัวเหอะ เดี๋ยวจะเลี้ยงอย่างดีเลย” “ไอ้วาโย” “เปลี่ยนจากเรียกไอ้ไปเรียกผัวแทนได้ไหม นับตั้งแต่นี้เธอเป็นเมียฉันละ ถ้ายังพูดเพื่อนๆ อะไรอีก เดี๋ยวจับปล้ำไม่ให้เห็นเดือนเห็นตะวันเลย” วาโยร้องขู่เพราะจะจัดการคนตัวเล็กที่ชอบเอาคำว่าเพื่อนมาอ้างตลอด ตอนนี้หญิงสาวได้สติแล้ว แต่ร่างกายเบื้องล่างตอดขนาดนี้ คำว่าเพื่อนมันก็ไม่ต้องจำเป็นแล้วไหม ญาณินรีบหุบปากของตัวเองทันทีเมื่อเจอคำขู่ของวาโย แถมชายหนุ่มยังกระหน่ำสะโพกสอบเข้ามาอย่างรุนแรง มือบางทั้งสองข้างจิกลงบนที่นอนหนานุ่ม ส่วนใบหน้าหวานหลับพริ้มเมื่อความเจ็บแปรเปลี่ยนเป็นความเสียวซ่านไปทั่วเรือนร่าง
ใบหน้าหล่อเหลาโน้มลงมาซุกไซ้ที่ซอกคอหอมกรุ่นจากนั้นปากหยักก็ทำรอยที่ต้นคอหญิงสาวอยู่หลายจุด ก่อนจะมาหยุดที่อกอิ่มชูชันท้าทายปากของเขาเหลือเกิน จ๊วบ!! มือหนาของวาโยรวบอกอิ่มเอาไว้ในมือแล้วใช้ปากหยักเข้าครอบครองป้านสีหวานที่ล่อตาล่อใจของเขาเหลือเกิน เม็ดเล็กแต่ชูชันรับกับปากหนาได้เป็นอย่างดี “อ๊า...อย่ากัดนะ” ญาณินร้องเสียงลงเมื่อวาโยใช้ฟันคมๆ งับลงไปด้วยแรงที่ไม่มากไม่น้อยเกินจนคนตัวเล็กที่รับรู้ถึงสัมผัสรู้สึกสั่นสะท้านไปทั่วสรรพางค์ “แม่งโคตรชอบเลยรู้ไหม เด้งรับปากฉิบหายเลย” ตอนนี้วาโยสลัดความคิดว่าที่เพื่อนไม่ควรเล่นเพื่อน แต่วันนี้มันอดใจไม่ไหวจริงๆ ในเมื่อญาณินสวยสดเหลือเกิน “อ๊า...อ๊ะ...โย” “หือ อะไรจ๊ะ” วาโยเหลือบตามองคนตัวเล็กที่กำลังร้องครวญครางราวกับกำลังจะขาดใจ “เสียว” “เดี๋ยวได้เสียวกว่านี้แน่ๆ เลยคนสวย” ว่าจบวาโยก็ชันร่างกายสูงของตัวเองขึ้นเพื่อจัดการเผด็จศึกคนตัวเล็กสักที เสียเพื่อนเขาก็เอาถ้ามันทำให้ได้ตัวของหญิงสาวมาไว้ในครอบครอง ถ้ารู้ว่าเธอสวยขนาดนี้ไม่ให้เป็นเพื่อนหรอก
“ไว้ญาณินตื่นขึ้นมากูจะบอกความเลวของพวกมึงให้หมดเลย ให้เลิกคบพวกมึงซะ” ว่าจบวาโยก็พาคนตัวเล็กออกมาจากโต๊ะ จากนั้นก็พาเดินเข้าไปหลังร้านที่มีห้องพักรับรองที่เวลล์สร้างเอาไว้ มีอยู่สามสี่ห้องเพื่อเอาไว้รองรับเพื่อนๆ ที่อาจจะเมาแล้วกลับไม่ไหว “เกิดอะไรขึ้นวะวาโย” เวลล์ที่เพิ่งไปรับลูกค้ามาเดินมาเจอวาโยกำลังโอบญาณินเข้ามาข้างในด้วยสภาพราวกับกำลังละเมอ “ไม่รู้ว่าเพื่อนของญาณินเอาอะไรให้เธอกิน เธอเลยมีสภาพนี้ ผมขอยืมห้องก่อนได้ไหมจะให้ไอ้ตัวเล็กมันเข้าไปพักก่อนแล้วค่อยกลับบ้าน” “เออได้ดิ จัดการเองได้ไหม เฮียมีรับลูกค้าเยอะวันนี้” “ครับไม่เป็นไร แค่ให้ยืมห้องผมก็ซึ้งน้ำใจละ” วาโยกล่าวขอบคุณเวลล์ที่เป็นเพื่อนพี่ชายคนหนึ่ง วาโยลากคนตัวเล็กเข้าไปพักผ่อนในห้องเพราะหวังให้หญิงสาวคืนสติโดยไว ไม่รู้พวกนั้นมันเอาอะไรให้ญาณินกินกันแน่ทำไมอาการของหญิงสาวถึงแปลกๆ อย่างนี้ “นอนก่อนนะญาณิน เดี๋ยวหาผ้ามาเช็ดให้” ร่างกายของหญิงสาวเริ่มร้อนขึ้นจนเขาอดเป็นห่วงไม่ได้ แต่ยังไม่ทันจะได้เดินไปไหนมือน้อยๆ ก็คว้าหมับที่ข้อมือทันที “วาโ