เวลาล่วงเลยมาเกือบยี่สิบนาทีที่เพทายหายเข้าไปอาบน้ำเพราะเธอไม่ชอบคนซกมก แต่ก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าทำไมถึงยอมให้เพทายอยู่ที่นี่ ทั้งๆ ที่เขามีรถยนต์ส่วนตัวที่สามารถจะขับกลับตอนฝนตกได้
เสียงสายน้ำที่กระทบลงพื้นสงบลงพร้อมกับเสียงเปิดประตูที่ดังขึ้น จนคนที่กำลังนอนเล่นโทรศัพท์อยู่เงยหน้าขึ้นมอง และก็ต้องตกตะลึงเมื่อชายหนุ่มอยู่ในสภาพที่มีผ้าขนหนูคลุมกายเบื้องล่างอย่างหมิ่นเหม่ จนเธอหอบหายใจแรงอย่างตื่นเต้น เกิดมาไม่เคยเห็นผู้ชายในสภาพล่อแหลมแบบนี้มาก่อน
“นี่! เพ...นายแต่งตัวออกมาแบบนี้ไม่ได้นะ ฉันเป็นผู้หญิงนะ อีกอย่างนี่ก็ห้องของฉันด้วย หัดอายบ้างเถอะ” เสียงหวานร้องแว้ดใส่คนตัวโตที่ทำเหมือนไม่ยี่หระต่อคำพูดของเธอ ชายหนุ่มเดินเช็ดผมของตัวเองแล้วเดินมานั่งที่ปลายเตียง
“ทำไม...เขินเหรอที่เห็นฉันแบบนี้”
“คะ...ใครเขาจะเขินนาย คิดไปเองเถอะ”
“ถ้าไม่เขินงั้นช่วยเช็ดผมให้หน่อยได้ไหม” คนตัวโตเอี้ยวตัวมองคนตัวเล็กที่นอนเล่นอยู่บนเตียง จากนั้นสายตาคมกริบก็ไล่มองเรือนร่างเล็กที่ซ่อนรูป ใครจะรู้ว่าภายใต้เสื้อช็อปตัวใหญ่จะซุกซ่อนร่างอวบอิ่มเอาไว้ และเมื่อเธอสลัดชุดเหล่านั้นออกจากร่างกายเขาก็เห็นบางอย่างที่ดุนดันเสื้อออกมา มันใหญ่เสียจนเขาหายใจติดขัด
“ไม่เอา ขี้เกียจ...เช็ดเองดิ”
“มิลค์กี้...เช็ดผมให้หน่อย” มือหนาแตะที่ต้นขาของคนตัวเล็กจนเธอสะดุ้งโหยง เพราะมือของชายหนุ่มเย็นเฉียบจนเธอตกใจ
“ไม่เอา...จะนอนเล่นมือถือแล้ว”
“เช็ดให้แป๊บเดียว ง่วงแล้วด้วยมาช่วยหน่อย”
“เฮ้อ...นายเนี่ยนะ” ร่างเล็กผุดลุกขึ้นมาพร้อมกับหยิบผ้ามาเช็ดผมให้กับคนตัวโตอย่างจำใจ ด้วยความที่มานิตาชอบเช็ดผมให้ตัวเองอยู่บ่อยๆ จึงบรรจงเช็ดให้เขาอย่างแผ่วเบาโดยไม่รู้ว่าความอ่อนโยนนี้ทำให้เพทายอดใจเต้นแรงไม่ได้
“มือเบาจังนะ”
“ฮะ...”
“ถ้ามาให้เช็ดบ่อยๆ ได้ไหม”
“อะไร...อย่ามามโนได้มะ ให้แค่วันนี้วันเดียวย่ะ ใกล้แห้งละนายเอาไปเช็ดเองเถอะ” มือน้อยโยนผ้าเช็ดผมลงบนบ่ากว้างก่อนจะล้มตัวลงไปนอนบนที่นอนอีกครั้ง แต่ดวงตากลมโตกลับชำเลืองมองคนตัวโตที่ขยี้ผมตัวเองอีกสองสามครั้ง
“หึหึ...”
“นี่เพทาย...ไปใส่ชุดให้มันเรียบร้อยได้ไหม” มานิตาร้องโวยเมื่อเห็นว่าเพทายเดินไปเดินมาจนเธอกลัวว่าผ้าที่พันอยู่ที่เอวของเขามันจะร่วงลงมา
“ไม่อยากใส่ชุดซ้ำ ฉันนอนไม่ได้หรอกถ้าต้องใส่ชุดเดิม”
“แต่นายโป๊นะ ไม่อายไง” เสียงหวานบอกอย่างตะกุกตะกักเมื่อร่างใหญ่อยู่ใกล้เธอแค่นี้ ใครมันจะไปต้านทานความหล่อเหลาของเพทายได้
“ไม่อาย...แล้วเธอล่ะ”
“ฉะ...ฉันทำไม”
“เห็นงี้เสียวไหม...” เสียงเข้มบอกอย่างกระเส่าจนเธอร้อนวูบวาบไปทั้งตัว
“ทำไมชอบพูดจาลามก ไอ้บ้าเพ!” ว่าจบมือน้อยก็หยิบหมอนขึ้นมาปาใส่ร่างใหญ่ของเพทายที่นั่งอยู่ปลายเตียง
“ลามกกับเธอคนเดียวไง”
“ฉันไม่พูดกับนายแล้ว ฉันจะนอน...” ร่างเล็กซุกตัวอยู่ใต้ผ้าห่มแล้วตะแคงนอน เพราะไม่อยากสนใจกับคำพูดและสายตาของเพทายที่ชอบมองเธออย่างประหลาด
“งั้นขอนอนด้วยนะ” เสียงทุ้มบอกก่อนจะเลื่อนตัวมานอนซุกผ้าห่มกับมานิตาอย่างรวดเร็วจนเธอไม่ทันได้ทักท้วงอะไร
“นี่นาย...ลงไปนอนข้างล่างสิ จะมานอนบนเตียงกับฉันได้ยังไง นายเป็นผู้ชาย ฉันเป็นผู้หญิงนะ อีกอย่างห้องนี้มันก็ห้องของฉันด้วย” มานิตาหันขวับมามองเพทายโดยที่ไม่ทันได้ระวังเลยว่าใบหน้าของเธอกับเขาเมื่อหันมาจะอยู่ใกล้กันขนาดไหน
“ขอนอนบนเตียงด้วยคนนะ ข้างล่างพื้นมันเย็น ฉันนอนไม่ได้หรอก” ขณะที่พูดมือหนาของเพทายก็เลื่อนมาวางที่สะโพกสวยพร้อมกับใช้ปลายนิ้วเคล้นคลึงไปมาอย่างแผ่วเบา
“อ๊ะ...ทำอะไร”
“เปล่าสักหน่อย”
“เปล่าก็เอามือออกจากสะโพกของฉันได้แล้ว จะมาบีบทำไมเนี่ย” มือน้อยเลื่อนไปวางทับที่มือหนาภายใต้ผ้าห่ม จากนั้นก็พยายามดันมือแกร่งออก แต่เหมือนว่าเขาจะขืนมันเอาไว้
“ขอจับไม่ได้เหรอ ทำไมตัวเล็กแต่สะโพกใหญ่จัง” เสียงทุ้มบอกอย่างกระเส่า
“อย่ามาจับนะ เอามือออกไปนะเพ”
“จับแค่ตรงนี้เองไม่ได้เหรอ พอดีฉันขาดความอบอุ่น เธอช่วยให้ความอบอุ่นฉันได้ไหม” ใบหน้าคมคายจ้องมองใบหน้าหวานอย่างไม่วางตา หลังอาบน้ำยามที่เห็นหญิงสาวปล่อยผมมันยิ่งทำให้เธอดูเซ็กซี่ยิ่งกว่าเดิม
“เองบ้าอะไร...”
“งั้นขอจับนมได้มะ สัญญาว่าจะไม่จับอย่างอื่น” คำขอของเพทายทำเอาเธออึ้ง ใครจะคิดว่าวันหนึ่งเพื่อนของตัวเองจะกล้ามาขออะไรแบบนี้ แถมคนคนนี้ยังหน้าตาหล่ออย่างหาตัวจับยากอีก โอ๊ยตาย...ชีวิตของมานิตาจะต้องเจอกับอะไรเนี่ย
“บ้าไหม ออกไปให้ห่างๆ เลยนะ เตียงตั้งใหญ่เบียดเข้ามาทำไม” มือบางเปลี่ยนมาดันอกแกร่ง แต่เหมือนยิ่งดันมือหนาของเขาก็ยิ่งรั้งร่างบางให้เข้าหามากกว่าเดิม
“งั้นไม่จับกะได้ แต่ขอ ‘ดูดนม’ ได้ไหม หิวนมอะ...ฉันต้องกินนมก่อนนอนถึงจะนอนหลับได้”
“ไม่ดีตรงไหน ฉันทำอะไรผิดล่ะ” “นี่นายยังไม่รู้ตัวเลยเหรอ นายปล้ำฉันนะ นายยังมีหน้ามาบอกตัวเองไม่ผิดอีกเหรอ” ใบหน้าหวานแดงก่ำเพราะไม่เข้าใจคนตัวโตที่ไม่ยอมสำนึกอะไรเลย “ก็บอกจะรับผิดชอบเธอก็เล่นหนีหายหน้าไปเป็นอาทิตย์เนี่ย ตอนงานแต่งเพทายกับมิลค์กี้เธอก็เอาแต่หลบหน้าฉัน” วาโยไม่รู้ใจของผู้หญิงคนหนึ่ง การที่หญิงสาวหลบหน้าเขามันทำให้เขากระวนกระวายใจอย่างบอกไม่ถูก “ฉันบอกแล้วไงว่าถ้านายแค่อยากรับผิดชอบก็ลืมๆ เรื่องคืนนั้นไปเถอะ ฉันไม่ได้คิดอะไรแล้ว” หญิงสาวหันไปทางอื่นพร้อมกับความรู้สึกที่เจ็บลึก เธอไม่ต้องการแค่นั้น มันอาจจะดูโลภเกินไปแต่ใครจะทนอยู่กับผู้ชายที่แค่ต้องการรับผิดชอบเราแค่นั้นล่ะ “แล้วต้องการอะไรอีกหือ” เสียงเข้มบอกอย่างออดอ้อนเมื่อคนตัวเล็กกำลังทำเหมือนงอนเขาเสียนี่ “เปล่า” “ถ้างั้นบอกรักก่อนสิ ละเดี๋ยวจะให้อย่างอื่นด้วย” จู่ๆ ชายหนุ่มก็โพล่งบางอย่างออกมา ญาณินเลยเงยหน้ามองคนตัวโตอย่างสงสัยกับคำพูดของเขา “อะไรของนาย” “รักฉันไม่ใช่ไง ไม่คิดจะบอกรักผัวตัวเองหน่อยเหรอ” คำพูดของวาโยสร้างคว
“ถ้านายต้องการแค่รับผิดชอบฉันไม่เอาหรอก เพราะฉันไม่อยากอยู่กับคนที่ไม่ได้รักฉัน ปล่อยนะ ฉันโทร.ให้ที่บ้านมารับแล้ว ฉันจะไม่รบกวนคนอย่างนายอีกต่อไป!” ก่อนจากวาโยเห็นว่าญาณินมีน้ำตาที่ขอบตาจนอยากจะเอามือหนาไปปาดคราบน้ำตาของคนตัวเล็ก แต่ก็ต้องชะงักมือกลับเพราะถ้าทำอะไรมากกว่านี้เธออาจจะโกรธ วาโยมองญาณินที่เดินออกจากห้องด้วยหัวใจที่หดหู่ ไม่รู้ทำไมคำพูดของเธอมันฉายเข้ามาในความคิดซ้ำๆ ถ้าเธอไม่ต้องการความรับผิดชอบแล้วต้องการอะไรกันแน่ ตั้งแต่เกิดเหตุการณ์วันนั้นญาณินก็แทบไม่ได้ออกไปไหน จนกระทั่งเพิ่งผ่านพ้นงานแต่งของเพื่อนรักอย่างมานิตายิ่งได้เห็นว่าเพื่อนมีความสุขเธอก็ยินดี แต่สักพักก็รู้สึกหดหู่ใจเมื่อหันมามองความรักของตัวเอง เธอไม่รู้ว่าควรจะทำอย่างไรต่อดี ความบริสุทธิ์ก็ถูกวาโยช่วงชิงไปจนไม่เหลือชิ้นดี ถามว่ารู้สึกดีไหมคงตอบว่าใช่ มันไม่ใช่แค่ความสัมพันธ์ทางกายแต่มันมากกว่านั้น เธอชอบวาโยมาตั้งนานแล้ว นานจนจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าเริ่มชอบตอนไหน ตลอดระยะเวลาการเป็นเพื่อนกันเธอพยายามไม่สนิทกับชายหนุ่มมากไปกว่าเพื่อนคนอื่นในกลุ่มเพราะกลัวว่าสักวันความรู้ส
ลำกายหนากระเสือกกระสนเข้ามาในโพรงสาวอย่างรุนแรงจนเขารับรู้ว่าคนตัวเล็กกำลังกระตุกอย่างรุนแรงพร้อมกับเสียงกรีดร้องเป็นทางยาวที่บ่งบอกถึงความสุข “กรี๊ด” มือน้อยที่จับที่ต้นแขนแกร่งที่เอื้อมมาบีบเคล้นอกอิ่ม “เสร็จแล้วเหรอ ตอดแรงขนาดนี้” วาโยกระหยิ่มยิ้มเมื่อเห็นคนตัวเล็กสุขสมแล้ว ต่อไปถึงตาของเขาบ้าง และคืนนี้มันจะไม่จบเพียงเท่านี้อย่างแน่นอน วาโยเปลี่ยนท่าให้คนตัวเล็กนอนคว่ำ จากนั้นเขาก็จัดการยกสะโพกสวยขึ้นเพื่อรับกับเอ็นร้อนที่เยิ้มไปด้วยคราบน้ำรักของเธอ จากนั้นก็สวนมันเข้าไปในโพรงสาวที่ยังคงแน่นหนึบอย่างแรง “อ๊า...เจ็บ” “ทั้งเจ็บทั้งเสียวเลย” วาโยคุกเข่าแล้วเสยตัวตนร้องเข้าไปอย่างแรงจนใบหน้าหวานลู่แนบกับที่นอนหนานุ่มเพราะหมดเรี่ยวแรงจะทำอะไรต่อไป “อ๊ะ...จะทำอะไรโย” “ท่าหมาไง คราวก่อนเธอบอกฉันปากหมา วันนี้ฉันเลยจะเอาท่าหมาให้เธอดู” วาโยมองเอ็นร้อนที่ผลุบเข้าออกมาโพรงสาวจากทางด้านหลัง มันยิ่งทำให้เขาซาบซ่านอย่างไม่เคยเกิดขึ้นกับใครมาก่อน การที่ได้กระแทกเข้าไปในกายสาวที่ตัวเองชอบมาตั้งแต่ปีหนึ่ง ก็เพิ่มความดุ
“หึหึ...ทำตัวน่ายั่วขนาดนี้ผู้ชายที่ไหนจะทนได้” “แต่นายเป็นเพื่อนฉัน นายต้องทนได้สิ เพื่อนกันใครเขาทำแบบนี้” “ไอ้เพมันยังทำกับมิลค์กี้ ทำไมฉันจะทำกับเธอไม่ได้วะ เลิกเอาคำว่าเพื่อนมาพูดได้แล้วไหม เข้าไปอยู่ในตัวแบบนี้คำว่าเพื่อนมันขาดสะบั้นไปตั้งนานแล้ว” วาโยตะโกนบอกที่คนตัวเล็กชอบย้ำคำว่าเพื่อนกับเขายิ่งนัก อยากเป็นอะไรหนักหนาเพื่อนเนี่ย “อยากเป็นอะไรหนักหนากับคำว่าเพื่อน ให้เป็นผัวเหอะ เดี๋ยวจะเลี้ยงอย่างดีเลย” “ไอ้วาโย” “เปลี่ยนจากเรียกไอ้ไปเรียกผัวแทนได้ไหม นับตั้งแต่นี้เธอเป็นเมียฉันละ ถ้ายังพูดเพื่อนๆ อะไรอีก เดี๋ยวจับปล้ำไม่ให้เห็นเดือนเห็นตะวันเลย” วาโยร้องขู่เพราะจะจัดการคนตัวเล็กที่ชอบเอาคำว่าเพื่อนมาอ้างตลอด ตอนนี้หญิงสาวได้สติแล้ว แต่ร่างกายเบื้องล่างตอดขนาดนี้ คำว่าเพื่อนมันก็ไม่ต้องจำเป็นแล้วไหม ญาณินรีบหุบปากของตัวเองทันทีเมื่อเจอคำขู่ของวาโย แถมชายหนุ่มยังกระหน่ำสะโพกสอบเข้ามาอย่างรุนแรง มือบางทั้งสองข้างจิกลงบนที่นอนหนานุ่ม ส่วนใบหน้าหวานหลับพริ้มเมื่อความเจ็บแปรเปลี่ยนเป็นความเสียวซ่านไปทั่วเรือนร่าง
ใบหน้าหล่อเหลาโน้มลงมาซุกไซ้ที่ซอกคอหอมกรุ่นจากนั้นปากหยักก็ทำรอยที่ต้นคอหญิงสาวอยู่หลายจุด ก่อนจะมาหยุดที่อกอิ่มชูชันท้าทายปากของเขาเหลือเกิน จ๊วบ!! มือหนาของวาโยรวบอกอิ่มเอาไว้ในมือแล้วใช้ปากหยักเข้าครอบครองป้านสีหวานที่ล่อตาล่อใจของเขาเหลือเกิน เม็ดเล็กแต่ชูชันรับกับปากหนาได้เป็นอย่างดี “อ๊า...อย่ากัดนะ” ญาณินร้องเสียงลงเมื่อวาโยใช้ฟันคมๆ งับลงไปด้วยแรงที่ไม่มากไม่น้อยเกินจนคนตัวเล็กที่รับรู้ถึงสัมผัสรู้สึกสั่นสะท้านไปทั่วสรรพางค์ “แม่งโคตรชอบเลยรู้ไหม เด้งรับปากฉิบหายเลย” ตอนนี้วาโยสลัดความคิดว่าที่เพื่อนไม่ควรเล่นเพื่อน แต่วันนี้มันอดใจไม่ไหวจริงๆ ในเมื่อญาณินสวยสดเหลือเกิน “อ๊า...อ๊ะ...โย” “หือ อะไรจ๊ะ” วาโยเหลือบตามองคนตัวเล็กที่กำลังร้องครวญครางราวกับกำลังจะขาดใจ “เสียว” “เดี๋ยวได้เสียวกว่านี้แน่ๆ เลยคนสวย” ว่าจบวาโยก็ชันร่างกายสูงของตัวเองขึ้นเพื่อจัดการเผด็จศึกคนตัวเล็กสักที เสียเพื่อนเขาก็เอาถ้ามันทำให้ได้ตัวของหญิงสาวมาไว้ในครอบครอง ถ้ารู้ว่าเธอสวยขนาดนี้ไม่ให้เป็นเพื่อนหรอก
“ไว้ญาณินตื่นขึ้นมากูจะบอกความเลวของพวกมึงให้หมดเลย ให้เลิกคบพวกมึงซะ” ว่าจบวาโยก็พาคนตัวเล็กออกมาจากโต๊ะ จากนั้นก็พาเดินเข้าไปหลังร้านที่มีห้องพักรับรองที่เวลล์สร้างเอาไว้ มีอยู่สามสี่ห้องเพื่อเอาไว้รองรับเพื่อนๆ ที่อาจจะเมาแล้วกลับไม่ไหว “เกิดอะไรขึ้นวะวาโย” เวลล์ที่เพิ่งไปรับลูกค้ามาเดินมาเจอวาโยกำลังโอบญาณินเข้ามาข้างในด้วยสภาพราวกับกำลังละเมอ “ไม่รู้ว่าเพื่อนของญาณินเอาอะไรให้เธอกิน เธอเลยมีสภาพนี้ ผมขอยืมห้องก่อนได้ไหมจะให้ไอ้ตัวเล็กมันเข้าไปพักก่อนแล้วค่อยกลับบ้าน” “เออได้ดิ จัดการเองได้ไหม เฮียมีรับลูกค้าเยอะวันนี้” “ครับไม่เป็นไร แค่ให้ยืมห้องผมก็ซึ้งน้ำใจละ” วาโยกล่าวขอบคุณเวลล์ที่เป็นเพื่อนพี่ชายคนหนึ่ง วาโยลากคนตัวเล็กเข้าไปพักผ่อนในห้องเพราะหวังให้หญิงสาวคืนสติโดยไว ไม่รู้พวกนั้นมันเอาอะไรให้ญาณินกินกันแน่ทำไมอาการของหญิงสาวถึงแปลกๆ อย่างนี้ “นอนก่อนนะญาณิน เดี๋ยวหาผ้ามาเช็ดให้” ร่างกายของหญิงสาวเริ่มร้อนขึ้นจนเขาอดเป็นห่วงไม่ได้ แต่ยังไม่ทันจะได้เดินไปไหนมือน้อยๆ ก็คว้าหมับที่ข้อมือทันที “วาโ