“อนาคตไม่แน่คืออะไร...แอบคุยอยู่กับใคร” คิ้วหนาขมวดเข้าหากันแล้วจ้องมองลึกที่ใบหน้าหวาน
“ไม่แน่ๆ ก็คืออาจจะมีไง จะมายุ่งอะไรด้วยวะ”
“ห้ามมี...” จู่ๆ เพทายก็พูดด้วยน้ำเสียงเยียบเย็นจนเธอรู้สึกขนลุกวาบขึ้นมาทันที ทำไมนะทั้งน้ำเสียงและแววตาของเพทายในตอนนี้มันช่างน่ากลัวเหลือเกิน
“ห้ามมีอะไร”
“ผัว...ห้ามเธอมีผัว”
“อะไรอีกเนี่ย กวนประสาทอยู่ได้ มาห้ามอะไรฉัน จะมาขัดขวางความสุขกันหรือไง”
“เพราะความสุขของเธอต้องมีฉันอยู่ในนั้นด้วย” จู่ๆ เพทายก็พูดจาประหลาด เธอไม่เข้าใจในสิ่งที่เขาบอกเลยแม้แต่นิดเดียว และจังหวะนั้นก็เห็นว่าคนตัวโตทำหน้างองุ้มราวกับกำลังงอนเธอทั้งๆ ที่เธอไม่ได้ผิดอะไรเลย
“อะไรกันเพ...อย่ามาหันหลังให้กันนะ” มือน้อยจับร่างหนาให้เขาหันกลับมา แต่ตอนนี้เพทายเลือกที่จะนอนตะแคงไปอีกข้างแล้วไม่สนใจเธออีกต่อไป
“จะนอน...เธอง่วงแล้วไม่ใช่เหรอ นอนไปสิ...จะมายุ่งอะไรด้วย” เพทายหลับตาลงไม่สนใจเสียงแหลมๆ ของมานิตาอีกต่อไป
“อะไรของนายวะ เอาใจยากจริงๆ ผู้ชายคนนี้ อยากนอนก็นอนไปเลย” ว่าจบร่างเล็กก็ลุกขึ้นไปปิดไฟห้องนอน ทำให้บรรยากาศภายในห้องเงียบสงัด มีเพียงเสียงฝนจากทางด้านนอกที่ไม่มีทีท่าจะหยุดตกเลย ช่วงนี้เป็นหน้ามรสุมทำให้ฝนตกเกือบทุกวัน
“เพ...นอนยัง”
ไร้เสียงตอบรับจากคนข้างกายจนเธอชำเลืองมองเสี้ยวใบหน้าหล่อเหลา แต่เพราะเขาตะแคงข้างจึงเห็นแค่แผ่นหลังกว้างที่หันมาทางเธอ
“เพ...งอนอะไร...อย่าเงียบสิ ฉันรู้นะว่าคนอย่างนายไม่นอนเวลานี้หรอก” มานิตาตะแคงข้างกลับมาแล้วมองแผ่นหลังกว้างของชายหนุ่ม มันกว้างจริงๆ นะ จนเตียงขนาดหกฟุตของเธอเล็กลงไปเลย
นิ้วเรียวจิ้มที่แผ่นหลังกว้างเพราะหวังให้เขาหันกลับมา เธอไม่ชินที่เพทายจอมกะล่อนทำตัวเงียบแบบนี้ ปกติเขาจะชอบกวนประสาทเธอตลอด
“เพ...”
เมื่อไร้การตอบรับมานิตาจึงผุดลุกขึ้นมามองเขาและเห็นว่าเพทายหลับตาอยู่ แต่เธอรู้ว่าเขากำลังแกล้งหลับต่างหาก
“เพ...อย่ามาแกล้งนอนสิ” มือน้อยเขย่าลำแขนใหญ่ แต่คนตัวโตกลับไม่ไหวติงราวกับไม่อยากสนใจเธออีกต่อไป “เดี๋ยวให้กินนม แต่หันมาคุยกันก่อน”
ไม่รู้ว่าทำไมเธอต้องพูดแบบนั้นจนอยากตบปากตัวเองสักสิบที เพราะในจังหวะนั้นเธอคิดอะไรไม่ออก รู้เพียงแค่ว่าไม่อยากให้เพทายงอนไปมากกว่านี้
“จริงเหรอ” ใบหน้าหล่อเหลาหันมามองพร้อมกับฉีกยิ้มกว้างราวกับอาการแง่งอนเมื่อครู่ไม่เคยเกิดขึ้น แม้ตอนนี้ภายในห้องจะมืดมิดแค่ไหน ทว่ายังมีแสงจากดวงจันทร์ที่ส่องเข้ามาจนเห็นใบหน้าหล่อเหลาอยู่ดี
“ยิ้มอะไร”
“ก็เธอบอกจะให้เรากินนม”
“ฉันหมายถึงนมกล่อง ฉันมีในตู้เย็นหลายกล่องเลย จะเอารสอะไรล่ะ” ไม่รู้ทำไมต้องเขินขนาดนี้ด้วย ยิ่งได้เห็นรอยยิ้มของเขาหัวใจของเธอก็เต้นโครมครามไม่เป็นจังหวะอีกแล้ว
“อะไรอะ เธอหลอกฉันเหรอมิลค์กี้”
“หลอกตรงไหน ก็นมไหม นายบอกต้องกินนมก่อนนอน นี่ไงในตู้เย็นเดินไปหยิบได้เลย ฉันตุนไว้หลายกล่อง จะเอารสไรเลือกเอา”
“ไม่อยากกินในตู้เย็นอะ” เพทายบอกเสียงอ่อย จากนั้นก็ผุดลุกขึ้นมานั่งมองใบหน้าหวานอีกครั้ง ก่อนจะใช้ปลายนิ้วหนาจิ้มที่เหนือหน้าอกของเธอ “อยากกินตรงนี้”
แม้แสงสว่างจะน้อยนิดแต่มานิตาก็รู้ดีว่าเพทายกำลังจ้องมองอะไร เห็นดังนั้นเธอจึงเอามือทั้งสองข้างไขว้ปิดบังหน้าอกของตัวเองไว้ไม่ให้เขาใช้สายตากะลิ้มกะเหลี่ยมอง
“บ้าไหม เพื่อนกันใครเขามาพูดอะไรแบบนี้”
“ไม่อยากเป็นเพื่อนแล้วอะ ขอเป็น ‘ผัว’ ได้ไหม”
“ฮะ!”
ยังไม่ทันที่คนตัวเล็กจะได้พูดอะไรต่อ มือหนาก็จับที่ไหล่บางก่อนจะกดร่างเล็กลงที่นอนโดยมีเขาคร่อมเธอเอาไว้
“จะ...จะทำอะไร” ดวงตาสวยกลอกไปมาอย่างประมาณ ท่าทีเอาจริงของเพทายทำเอาเธอทั้งกลัวและตื่นเต้นในเวลาเดียวกัน ตอนนี้ดวงตาของเขาไม่มีคำว่าล้อเล่นอีกต่อไป
“ถ้าไม่อยากโดนเสียบก็ให้ดูดนมก่อน สัญญาจะทำอย่างเดียว”
“พูดบ้าอะไรเนี่ย!” ร่างบอบบางสั่นไหวไปหมด ก็เพทายเล่นบอกความต้องการชัดเจนแบบนี้ แล้วถ้าชายหนุ่มทำขึ้นมาจริงๆ เธอจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน เกิดมาแฟนสักคนก็ยังไม่เคยมีแต่จะให้เพื่อนสนิทมาดูดนมเนี่ยนะ มันใช่เรื่องไหม
“เลือกเอามิลค์กี้ หรืออยากได้ทั้งสองอย่าง ฉันทำให้ได้นะ” เพทายเผยอปากพูดแต่สายตาของเขากลับมองทั้งหน้าอกและใบหน้าหวานสลับกันไปมา
“มะ...ไม่ได้ มันไม่ถูกต้อง”
“ถูก...ถูกที่สุดแล้ว เงี่ย...ว่ะ ยิ่งเห็นหน้าเธอยิ่งเงี่ย...”
“เพ”
“สัญญาว่าจะแค่ดูดนม ถ้าเธอไม่ยอมฉันไม่ทำอย่างอื่น” น้ำเสียงเข้มบอกอย่างกระเส่าขณะที่มือหนาเริ่มล้วงเข้าไปใต้เสื้อยืดตัวเก่งของมานิตา
ฝ่ามือร้อนค่อยๆ ไต่เข้ามาเรื่อยๆ จนกระทั่งมาหยุดที่ทรวงอกอิ่มซึ่งมีบราเซียร์ไร้โครงปกปิดเอาไว้ ลมหายใจสายเริ่มติดขัดเพราะตั้งแต่เกิดมาไม่เคยมีใครรุกรานร่างกายของเธอเท่านี้มาก่อน
“ใส่ชั้นในตอนนอนด้วยเหรอ” เขาร้องถามด้วยน้ำเสียงแหบพร่า
“ปกติไม่ใส่ แต่นายมานอนด้วยไงเลยใส่ จะให้เดินโท่งๆ ออกมาไง” “คราวหลังไม่ต้องใส่หรอก ฉันขี้เกียจถอด” กึก!! เสียงตะขอชั้นในหลุดออกจากกันจนเธอใจหายวาบ ไม่รู้ว่าฝ่ามือของเขาเลื่อนไปปลดตอนไหน แต่รู้ว่ามันเร็วมาก ขนาดเธอที่ใส่ทุกวันยังปลดตะขอออกช้ากว่าเขาอีก “เพ” “นมใหญ่จังวะมิลค์กี้” มือหนาจับหมับที่หนาอกอิ่ม มันเต็มมือของเขา ขนาดฝ่ามือหนาใหญ่หน้าอกของเธอกลับใหญ่กว่ามือเขาอีก ทั้งปลิ้นไปตามร่องนิ้วยามที่กำลังบีบเคล้น “อ๊ะ...อย่าบีบอย่างนั้นสิเจ็บ” เสียงหวานร้องครางออกมาเมื่อมือหนาทำการเคล้นคลึงอย่างแรงจนหน้าอกสวยบดบี้ไปตามแรงบีบ “นมโคตรใหญ่ เหี้xเหอะ ไม่มีผัวมาถึงตอนนี้ได้ไงวะ” เสียงเข้มสบถออกมาอย่างแหบพร่า “เจ็บ...บีบแรงเกินไปแล้ว” “ขอเลียนะ” “ฮะ” ไม่ทันได้พูดอะไรต่อมือหนาของเพทายก็จัดการถอดเสื้อยืดตัวเล็กของมานิตาออกทันที จนเผยให้เห็นอกอิ่มที่ลอยเด่นชูชันท้ากับแสงจันทร์ที่สาดส่องเข้ามา “ขอเลียหน่อย ฉันหิวนม” ว่าจบใบหน้าหล่อเหลาของเพทายก็โน้มลงมาใกล้กับหน้าอกสวยจนเธอรับร
บทที่ 3ผู้ชายจากแอปฯ หาคู่ เมื่อคืนนี้หลังจากที่เพทายออกจากห้องของเธอไป เธอก็พยายามติดต่อหาเขาแต่เหมือนว่าชายหนุ่มไม่สนใจที่จะรับสาย จนเธอนอนไม่หลับตลอดทั้งคืนทำเอาพะว้าพะวังไปหมดกลัวว่าจะเกิดอันตรายอะไรกับเขา “เป็นอะไรอะมิลค์กี้ ทำหน้ายังกับตูด” ญาณินที่ตามมาทีหลังเดินเข้ามาหาเพื่อนรักที่หน้าบูดบึงราวกับมีเรื่องอะไรให้คิดอย่างนั้น “เปล่า” “เปล่าแต่ใต้ตาดำมากเว่อร์ ไปอดหลับอดนอนจากไหนมาเนี่ย ไหนว่าเมื่อวานง่วงแล้วไง ฮั่นแน่...แอบคุยกับใครหรือเปล่า” นิ้วเรียวของญาณินชี้หน้าของเพื่อนราวกับกำลังจับผิด “เปล่า...เมื่อคืนฟ้ามันร้องดังเลยนอนไม่หลับ” มานิตาเลือกที่จะโกหกไป ถ้าไปบอกใครต่อใครว่าเมื่อคืนเพทายอยู่กับเธอมีหวังโดนล้อยันลูกบวชอย่างแน่นอน “อย่างนั้นเหรอ ไม่ได้โกหกแน่ใช่ไหม” “โกหกแล้วได้อะไรล่ะ ว่าแต่เห็นเพบ้างไหม” ตั้งแต่เธอมามหาวิทยาลัยก็ไม่เจอเพทายเลย เขาหายไปตั้งแต่เมื่อคืนไม่รู้ตอนนี้ไปอยู่ที่ไหน “ยังนะ ปกติมันไม่เคยขาดเรียนนะ ไม่รู้วันนี้ไปไหน อาจจะติดธุระเปล่า” ญาณินหันไปมองรอบบริเวณ เพื่อหาเพทายแต
“จะอยู่บ้านไหมนะ” ร่างอวบอั๋นเดินทอดน่องไปที่หน้าบ้านหลังขนาดกลางซึ่งมีรถหรูของเพทายจอดเอาไว้อยู่ หรูจริงๆ หรูชนิดที่ขัดกับขนาดของบ้านเลยด้วยซ้ำ ติ๊งน๋อง!! นิ้วเรียวเล็กจัดการกดลงไปที่ออดหน้าบ้านของเพทายด้วยอาการหัวใจเต้นรัว และคาดหวังให้คนในบ้านเดินออกมาเปิดจนกระทั่งเธอพบกับร่างใหญ่ของเพทายที่เดินเปลือยท่อนบนเดินออกมาที่หน้าบ้าน ใบหน้าหวานฉีกยิ้มออกมาเมื่อเห็นว่าชายหนุ่มยังปกติดีอยู่ ไม่ได้เกิดอะไรขึ้นกับเขา เธอเริ่มสบายใจขึ้นทั้งๆ ที่เมื่อคืนเป็นห่วงเพทายจะแย่ “มาทำไม” ประโยคแรกที่เพทายถามทำเอามานิตาหุบยิ้มแทบไม่ทัน และรู้สึกหน้าชาเมื่อตอนนี้เธอทำตัวเหมือนแขกไม่ได้รับเชิญของเขา “ก็ฉันทักนายไปนายไม่ตอบ ก็เลยอยากรู้ว่าโอเคอยู่ไหม” เสียงหวานถามอย่างตะกุกตะกักเพราะไม่อยากบอกตรงๆ ว่ากำลังห่วงผู้ชายคนนี้ใจจะขาด “เหรอ...ยังไม่ตายก็แล้วกัน อยากรู้แค่นี้ใช่ไหม งั้นกลับไปได้แล้ว ฉันจะนอน” เสียงเข้มบอกอย่างรำคาญ จากนั้นชายหนุ่มก็เลือกจะหันหลังกลับไป จนมานิตารู้สึกเฟลเล็กน้อย ทว่าจังหวะที่เธอโดนไล่ฝนก็ดันมาตกพอดี
“เดี๋ยวเดินไปเอาให้ เธอขึ้นไปอาบห้องฉันนะ ข้างล่างฟักบัวมันเสียฉันยังไม่ได้ซื้อสายมาเปลี่ยน” เพทายบอก คนตัวเล็กอ้าปากค้างเพราะเธอไม่เคยขึ้นไปที่ห้องของเพทายเลยสักครั้งเดียว ตอนที่เคยมาก็นอนกันแต่ข้างล่างมาตลอด “เอ่อ...มันยังพออาบได้ไหมข้างล่าง ฉันว่าฉันอาบข้างล่างดีกว่านะ” มานิตายิ้มแห้งออกมา “จะเรื่องมากอะไรวะมิลค์กี้ อาบที่ไหนก็อาบไปเถอะ หรือเธอกลัว” ว่าจบร่างใหญ่ก็ค่อยๆ เดินเข้ามาใกล้จนเธอถอยหลังออกมาอย่างกลัวๆ พอหวนนึกถึงเรื่องของเมื่อคืนใบหน้าหวานก็แดงซ่านพร้อมกับหัวใจที่เต้นรัว “กลัวอะไร อย่ามามั่ว คนอย่างฉันเหรอจะกลัวนาย” เสียงหวานบอกอย่างแข็งๆ เพื่อกลบเกลื่อนความรู้สึกของตัวเอง “นึกว่ากลัวฉันจะดูดนมเธออีก” ใบหน้าหล่อเหลาของเพทายก้มต่ำมองที่ทรวงอกของหญิงสาวอย่างไม่วางตา ทำให้ใบหน้าหวานเห่อร้อนขึ้นมาเมื่อนึกถึงยามที่ปากหยักของเขาอ้างับยอดอกของเธอ นี่ล่ะมั้งที่เข้าบอกว่าเพื่อนกันไม่ควรทำแบบนี้ เพราะถ้าอยู่ในสถานการณ์บางอย่างอาจจะกลืนไม่เข้าคายไม่ออกแบบนี้ “ไอ้บ้า!!” “หึหึ...”เพทายมองร่างเล็กที่ก้าวขึ้นไปบนห้อง
“ข้างล่างเย็นจัง มันเปียกๆ ด้วย” เพราะวันนี้อยู่บ้านชายหนุ่มเลยใส่แค่กางเกงขาสั้น ส่งผลให้เนื้อกายของเธอแนบชิดกับตักแกร่งแบบไม่มีอะไรมากั้น “ปะ...ปล่อยนะ ฉันจะไปแต่งตัว” มือน้อยๆ พยายามยันอกแกร่งให้ออกห่าง เพราะแค่นี้ร่างกายของเธอและเขามันก็แนบชิดจนแทบไม่มีช่องว่างอะไรอีกแล้ว “เธอทำให้ฉันตื่นนะมิลค์กี้...” “อะไรตื่น...อะไร” ดวงตาของหญิงสาวกลอกไปมาอย่างตื่นเต้นโดยที่หัวใจเธอกำลังเต้นอย่างรุนแรงราวกับกลองชุด “หึหึ...” “ยิ้มอะไรปล่อยนะ” มานิตาท้วงออกมาเมื่อเห็นรอยยิ้มที่แสนเจ้าเล่ห์ของคนตัวโต “กลีบของเธอมันโดนขาฉันด้วยอะ” เพทายขบเม้มริมฝีปากของตัวเองเบาๆ แต่มันโคตรเซ็กซี่จนหญิงสาวเจ้าตัวสั่นระริก แถมคำพูดชวนเสียวที่ได้ฟังมันยิ่งทำให้เธอทำตัวไม่ถูก “กะ...กลีบอะไร นายคิดลามกอยู่เหรอ” “เอาจริงในสภาพนี้ บรรยากาศแบบนี้ ใครไม่คิดลามกบ้าง หรือเธอไม่คิดบอกหน่อยนะ” เพทายก้มมองคนตรงหน้าเขายิ้มออกมาจนเห็นฟันซี่สวย “ไม่คิดๆ ไม่คิดอะไรทั้งนั้น ปล่อยนะ!!” “พิสูจน์กันไหมว่าเธอไม่คิด” “พิสูจน์อะ
บทที่ 4ข้ามเส้นเขต ‘เพื่อน’“เชี่ย! ไอ้เพ...ทำไมมิลค์กี้มันหุ่นดีจังวะ ถ้ากูไม่มาเหล่สาวที่สระว่ายน้ำนะ กูไม่รู้เลยนะว่ามิลค์กี้มันจะหุ่นดีขนาดนี้” เสียงร้องอึ้งๆ ของวาโยทำให้เพทายหยุดมอง ปกติเขารู้อยู่แล้วว่ามานิตาชอบเล่นกีฬา เธอเล่นเก่งทุกชนิดจนหาตัวจับได้ยากจังหวะที่มานิตากำลังรวบผมเพื่อใส่หมวกว่ายน้ำ เขาเห็นเธอหายใจแรงจนบางอย่างที่ใหญ่โตขยับทำเอาคนหื่นอย่างเขาเกิดความรู้สึกบางอย่าง“ไปจ้องมันทำไมวะ”“เอ้า!! ก็มันสวยอะ เรียนด้วยกันมาตั้งสี่ปีกูเพิ่งรู้นะเนี่ยว่ามิลค์กี้มันสวยขนาดนี้ ถ้ารู้งี้กูเตาะมันตั้งแต่ปีหนึ่งแล้ว” วาโยบอกอย่างเสียดาย แต่ถ้าให้มาจีบตอนนี้มันก็เหมือนจะไม่ทันแล้วเพราะรู้เช่นเห็นชาติกันหมดแล้ว“คิดไปเรื่อยว่ะ” เพทายทำเหมือนรำคาญเสียงของวาโย แต่สายตาของเขากลับชำเลืองมองคนตัวเล็กที่อย่างอื่นไม่เล็กเลยสักนิดเดียว จนอยากจะเอาวาโยไปเก็บไม่ให้เห็นมานิตาในตอนนี้“มึงล่ะไม่คิดอะไรกับมันบ้างเหรอ มึงสนิทกับมันมากกว่ากูอีก” วาโยหันมามองเพทายที่ทำเหมือนไม่ได้สนใจมานิตา มันเอาแต่ก้มหน้าแล้วจัดการถอดชุดคลุมออกเพื่อจะลงไปว่ายน้ำบ้าง“คิดอะไร”“เคลมมัน...”“เวรเหอะ คิดเหี้xไรว
“ไม่เอาแล้ว ฉันกลัว” จังหวะที่หญิงสาวกำลังจะพลิกตัวเพื่อลงจากเตียง มือหนาของอีกคนก็ล็อกเอวบางเอาไว้พร้อมกดให้จมกับที่นอนทันที จนเธอหมดหนทางหนีทีรอด“อย่าหนีเลย เปล่าประโยชน์ ข้างนอกฝนก็ตก ปล่อยให้ฉันเอาเถอะ”“ไอ้บ้า พูดเหมือนฉันง่ายอย่างนั้นแหละ เพื่อนกันใครเขาทำแบบนี้วะ” มานิตาร้องโวย ตอนนี้เธอได้สติทุกอย่างแล้ว และจะไม่ปล่อยให้ตัณหาเข้ามาครอบงำความคิดเหมือนเมื่อครู่อีก“มันเลยคำว่าเพื่อนไปแล้ววะ ห...ก็เลียให้แล้ว ยังคิดว่าเป็นเพื่อนอีกเหรอวะ” เพทายร้องโวยเมื่อคนตัวเล็กกำลังต่อต้านเขา และไม่เข้าใจเธอที่ดูเหมือนจะชอบสัมผัสที่เขามอบให้แต่ตอนนี้กลับมาร้องแรกแหกกระเชอราวกับเขากำลังข่มขืนเธออย่างนั้นแหละ“ไม่เอาแล้ว กลัว...จะกลับหอ”“อย่าดื้อได้ไหม กูเงี่ย...แล้วเนี่ย”“ไอ้เพ ฉันมองว่านายทะลึ่งแต่ไม่คิดว่าจะขนาดนี้นะ” มานิตาจ้องมองคนตัวโตที่เอาแต่พูดเรื่องใต้สะดือจนเธอเสียวซ่านไปทั่วสรรพางค์แล้ว“ก็ยอมให้เอาสักทีดิ จะได้เลิกทะลึ่ง นอนลงมิลค์กี้ ก่อนที่ฉันจะอดทนไม่ไหว”“ไม่”“ชอบให้ใช้กำลังเหรอวะ” ว่าจบมือหนาก็กดร่างทั้งร่างของหญิงสาวให้นอนราบกับที่นอนอย่างรวดเร็ว“เราไม่ได้เป็นอะไรกันนะ แ
มานิตาหันมองคนตัวโตที่ทำหน้าตาหงุดหงิดใส่เธอ เขาทำเหมือนเธอไปทำความผิดทั้งๆ ที่ตัวเองจ้องจะปล้ำคนอื่นเขาไม่หยุดหย่อน“เป็นอะไรญาณิน...”(พ่อจะจับฉันแต่งงาน แต่ฉันไม่อยากแต่งเลย ฉันไม่อยากแต่งงานกับใครก็ไม่รู้ ช่วยฉันด้วย ฮือๆ)“ใจเย็นนะ” ขณะที่พูดอยู่นั้นร่างหนาของเพทายก็โน้มลงมาซุกไซ้ที่ซอกคอหอมกรุ่นของมานิตาจนเธอต้องมองค้อนที่ชายหนุ่มทำแบบนี้ทั้งๆ ที่เธอกำลังคุยธุระกับเพื่อนอยู่ “อ๊ะ...”(แกเป็นอะไรหรือเปล่า น้ำเสียงดูไม่ดีเลย)“ปะ...เปล่าเมื่อกี้เดินไปเอาของแล้วเกือบลื่นน่ะ” เสียงหวานร้องแก้ตัวแต่สายตาก็จ้องมองคนตัวโตที่กำลังเอามือหนามาเคล้นคลึงอกเปลือยของเธอราวกับมันเป็นของเล่นสุดโปรดปรานของเขา(อ้าวเหรอ งั้นคืนนี้ขอไปนอนที่หอด้วยได้ไหม ฉันอยู่คนเดียวไม่ได้จริงๆ)“เอ่อ...”(ฉันนั่งแท็กซี่แล้ว อีกน่าจะครึ่งชั่วโมงถึงหอเธอนะลงมารับด้วยนะ)‘เวรละ’ มานิตาสบถอยู่ในใจเมื่อเพื่อนรักกำลังมาที่หอ แต่ตัวเธอเนี่ยอยู่บ้านเพทายจะทำยังไงล่ะทีนี้ เรื่องนี้จะปล่อยให้ใครรู้ไม่ได้“เอ่อ...งั้นก็ไม่ต้องรีบนะ ฝนตกแล้วถนนมันลื่น”(อืม...ไว้ถ้าถึงจะทักไปนะ ลงมารับด้วยนะ)“อะเค...”“ไม่บอกไปวะว่าไม่อยู่
“ไม่ดีตรงไหน ฉันทำอะไรผิดล่ะ” “นี่นายยังไม่รู้ตัวเลยเหรอ นายปล้ำฉันนะ นายยังมีหน้ามาบอกตัวเองไม่ผิดอีกเหรอ” ใบหน้าหวานแดงก่ำเพราะไม่เข้าใจคนตัวโตที่ไม่ยอมสำนึกอะไรเลย “ก็บอกจะรับผิดชอบเธอก็เล่นหนีหายหน้าไปเป็นอาทิตย์เนี่ย ตอนงานแต่งเพทายกับมิลค์กี้เธอก็เอาแต่หลบหน้าฉัน” วาโยไม่รู้ใจของผู้หญิงคนหนึ่ง การที่หญิงสาวหลบหน้าเขามันทำให้เขากระวนกระวายใจอย่างบอกไม่ถูก “ฉันบอกแล้วไงว่าถ้านายแค่อยากรับผิดชอบก็ลืมๆ เรื่องคืนนั้นไปเถอะ ฉันไม่ได้คิดอะไรแล้ว” หญิงสาวหันไปทางอื่นพร้อมกับความรู้สึกที่เจ็บลึก เธอไม่ต้องการแค่นั้น มันอาจจะดูโลภเกินไปแต่ใครจะทนอยู่กับผู้ชายที่แค่ต้องการรับผิดชอบเราแค่นั้นล่ะ “แล้วต้องการอะไรอีกหือ” เสียงเข้มบอกอย่างออดอ้อนเมื่อคนตัวเล็กกำลังทำเหมือนงอนเขาเสียนี่ “เปล่า” “ถ้างั้นบอกรักก่อนสิ ละเดี๋ยวจะให้อย่างอื่นด้วย” จู่ๆ ชายหนุ่มก็โพล่งบางอย่างออกมา ญาณินเลยเงยหน้ามองคนตัวโตอย่างสงสัยกับคำพูดของเขา “อะไรของนาย” “รักฉันไม่ใช่ไง ไม่คิดจะบอกรักผัวตัวเองหน่อยเหรอ” คำพูดของวาโยสร้างคว
“ถ้านายต้องการแค่รับผิดชอบฉันไม่เอาหรอก เพราะฉันไม่อยากอยู่กับคนที่ไม่ได้รักฉัน ปล่อยนะ ฉันโทร.ให้ที่บ้านมารับแล้ว ฉันจะไม่รบกวนคนอย่างนายอีกต่อไป!” ก่อนจากวาโยเห็นว่าญาณินมีน้ำตาที่ขอบตาจนอยากจะเอามือหนาไปปาดคราบน้ำตาของคนตัวเล็ก แต่ก็ต้องชะงักมือกลับเพราะถ้าทำอะไรมากกว่านี้เธออาจจะโกรธ วาโยมองญาณินที่เดินออกจากห้องด้วยหัวใจที่หดหู่ ไม่รู้ทำไมคำพูดของเธอมันฉายเข้ามาในความคิดซ้ำๆ ถ้าเธอไม่ต้องการความรับผิดชอบแล้วต้องการอะไรกันแน่ ตั้งแต่เกิดเหตุการณ์วันนั้นญาณินก็แทบไม่ได้ออกไปไหน จนกระทั่งเพิ่งผ่านพ้นงานแต่งของเพื่อนรักอย่างมานิตายิ่งได้เห็นว่าเพื่อนมีความสุขเธอก็ยินดี แต่สักพักก็รู้สึกหดหู่ใจเมื่อหันมามองความรักของตัวเอง เธอไม่รู้ว่าควรจะทำอย่างไรต่อดี ความบริสุทธิ์ก็ถูกวาโยช่วงชิงไปจนไม่เหลือชิ้นดี ถามว่ารู้สึกดีไหมคงตอบว่าใช่ มันไม่ใช่แค่ความสัมพันธ์ทางกายแต่มันมากกว่านั้น เธอชอบวาโยมาตั้งนานแล้ว นานจนจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าเริ่มชอบตอนไหน ตลอดระยะเวลาการเป็นเพื่อนกันเธอพยายามไม่สนิทกับชายหนุ่มมากไปกว่าเพื่อนคนอื่นในกลุ่มเพราะกลัวว่าสักวันความรู้ส
ลำกายหนากระเสือกกระสนเข้ามาในโพรงสาวอย่างรุนแรงจนเขารับรู้ว่าคนตัวเล็กกำลังกระตุกอย่างรุนแรงพร้อมกับเสียงกรีดร้องเป็นทางยาวที่บ่งบอกถึงความสุข “กรี๊ด” มือน้อยที่จับที่ต้นแขนแกร่งที่เอื้อมมาบีบเคล้นอกอิ่ม “เสร็จแล้วเหรอ ตอดแรงขนาดนี้” วาโยกระหยิ่มยิ้มเมื่อเห็นคนตัวเล็กสุขสมแล้ว ต่อไปถึงตาของเขาบ้าง และคืนนี้มันจะไม่จบเพียงเท่านี้อย่างแน่นอน วาโยเปลี่ยนท่าให้คนตัวเล็กนอนคว่ำ จากนั้นเขาก็จัดการยกสะโพกสวยขึ้นเพื่อรับกับเอ็นร้อนที่เยิ้มไปด้วยคราบน้ำรักของเธอ จากนั้นก็สวนมันเข้าไปในโพรงสาวที่ยังคงแน่นหนึบอย่างแรง “อ๊า...เจ็บ” “ทั้งเจ็บทั้งเสียวเลย” วาโยคุกเข่าแล้วเสยตัวตนร้องเข้าไปอย่างแรงจนใบหน้าหวานลู่แนบกับที่นอนหนานุ่มเพราะหมดเรี่ยวแรงจะทำอะไรต่อไป “อ๊ะ...จะทำอะไรโย” “ท่าหมาไง คราวก่อนเธอบอกฉันปากหมา วันนี้ฉันเลยจะเอาท่าหมาให้เธอดู” วาโยมองเอ็นร้อนที่ผลุบเข้าออกมาโพรงสาวจากทางด้านหลัง มันยิ่งทำให้เขาซาบซ่านอย่างไม่เคยเกิดขึ้นกับใครมาก่อน การที่ได้กระแทกเข้าไปในกายสาวที่ตัวเองชอบมาตั้งแต่ปีหนึ่ง ก็เพิ่มความดุ
“หึหึ...ทำตัวน่ายั่วขนาดนี้ผู้ชายที่ไหนจะทนได้” “แต่นายเป็นเพื่อนฉัน นายต้องทนได้สิ เพื่อนกันใครเขาทำแบบนี้” “ไอ้เพมันยังทำกับมิลค์กี้ ทำไมฉันจะทำกับเธอไม่ได้วะ เลิกเอาคำว่าเพื่อนมาพูดได้แล้วไหม เข้าไปอยู่ในตัวแบบนี้คำว่าเพื่อนมันขาดสะบั้นไปตั้งนานแล้ว” วาโยตะโกนบอกที่คนตัวเล็กชอบย้ำคำว่าเพื่อนกับเขายิ่งนัก อยากเป็นอะไรหนักหนาเพื่อนเนี่ย “อยากเป็นอะไรหนักหนากับคำว่าเพื่อน ให้เป็นผัวเหอะ เดี๋ยวจะเลี้ยงอย่างดีเลย” “ไอ้วาโย” “เปลี่ยนจากเรียกไอ้ไปเรียกผัวแทนได้ไหม นับตั้งแต่นี้เธอเป็นเมียฉันละ ถ้ายังพูดเพื่อนๆ อะไรอีก เดี๋ยวจับปล้ำไม่ให้เห็นเดือนเห็นตะวันเลย” วาโยร้องขู่เพราะจะจัดการคนตัวเล็กที่ชอบเอาคำว่าเพื่อนมาอ้างตลอด ตอนนี้หญิงสาวได้สติแล้ว แต่ร่างกายเบื้องล่างตอดขนาดนี้ คำว่าเพื่อนมันก็ไม่ต้องจำเป็นแล้วไหม ญาณินรีบหุบปากของตัวเองทันทีเมื่อเจอคำขู่ของวาโย แถมชายหนุ่มยังกระหน่ำสะโพกสอบเข้ามาอย่างรุนแรง มือบางทั้งสองข้างจิกลงบนที่นอนหนานุ่ม ส่วนใบหน้าหวานหลับพริ้มเมื่อความเจ็บแปรเปลี่ยนเป็นความเสียวซ่านไปทั่วเรือนร่าง
ใบหน้าหล่อเหลาโน้มลงมาซุกไซ้ที่ซอกคอหอมกรุ่นจากนั้นปากหยักก็ทำรอยที่ต้นคอหญิงสาวอยู่หลายจุด ก่อนจะมาหยุดที่อกอิ่มชูชันท้าทายปากของเขาเหลือเกิน จ๊วบ!! มือหนาของวาโยรวบอกอิ่มเอาไว้ในมือแล้วใช้ปากหยักเข้าครอบครองป้านสีหวานที่ล่อตาล่อใจของเขาเหลือเกิน เม็ดเล็กแต่ชูชันรับกับปากหนาได้เป็นอย่างดี “อ๊า...อย่ากัดนะ” ญาณินร้องเสียงลงเมื่อวาโยใช้ฟันคมๆ งับลงไปด้วยแรงที่ไม่มากไม่น้อยเกินจนคนตัวเล็กที่รับรู้ถึงสัมผัสรู้สึกสั่นสะท้านไปทั่วสรรพางค์ “แม่งโคตรชอบเลยรู้ไหม เด้งรับปากฉิบหายเลย” ตอนนี้วาโยสลัดความคิดว่าที่เพื่อนไม่ควรเล่นเพื่อน แต่วันนี้มันอดใจไม่ไหวจริงๆ ในเมื่อญาณินสวยสดเหลือเกิน “อ๊า...อ๊ะ...โย” “หือ อะไรจ๊ะ” วาโยเหลือบตามองคนตัวเล็กที่กำลังร้องครวญครางราวกับกำลังจะขาดใจ “เสียว” “เดี๋ยวได้เสียวกว่านี้แน่ๆ เลยคนสวย” ว่าจบวาโยก็ชันร่างกายสูงของตัวเองขึ้นเพื่อจัดการเผด็จศึกคนตัวเล็กสักที เสียเพื่อนเขาก็เอาถ้ามันทำให้ได้ตัวของหญิงสาวมาไว้ในครอบครอง ถ้ารู้ว่าเธอสวยขนาดนี้ไม่ให้เป็นเพื่อนหรอก
“ไว้ญาณินตื่นขึ้นมากูจะบอกความเลวของพวกมึงให้หมดเลย ให้เลิกคบพวกมึงซะ” ว่าจบวาโยก็พาคนตัวเล็กออกมาจากโต๊ะ จากนั้นก็พาเดินเข้าไปหลังร้านที่มีห้องพักรับรองที่เวลล์สร้างเอาไว้ มีอยู่สามสี่ห้องเพื่อเอาไว้รองรับเพื่อนๆ ที่อาจจะเมาแล้วกลับไม่ไหว “เกิดอะไรขึ้นวะวาโย” เวลล์ที่เพิ่งไปรับลูกค้ามาเดินมาเจอวาโยกำลังโอบญาณินเข้ามาข้างในด้วยสภาพราวกับกำลังละเมอ “ไม่รู้ว่าเพื่อนของญาณินเอาอะไรให้เธอกิน เธอเลยมีสภาพนี้ ผมขอยืมห้องก่อนได้ไหมจะให้ไอ้ตัวเล็กมันเข้าไปพักก่อนแล้วค่อยกลับบ้าน” “เออได้ดิ จัดการเองได้ไหม เฮียมีรับลูกค้าเยอะวันนี้” “ครับไม่เป็นไร แค่ให้ยืมห้องผมก็ซึ้งน้ำใจละ” วาโยกล่าวขอบคุณเวลล์ที่เป็นเพื่อนพี่ชายคนหนึ่ง วาโยลากคนตัวเล็กเข้าไปพักผ่อนในห้องเพราะหวังให้หญิงสาวคืนสติโดยไว ไม่รู้พวกนั้นมันเอาอะไรให้ญาณินกินกันแน่ทำไมอาการของหญิงสาวถึงแปลกๆ อย่างนี้ “นอนก่อนนะญาณิน เดี๋ยวหาผ้ามาเช็ดให้” ร่างกายของหญิงสาวเริ่มร้อนขึ้นจนเขาอดเป็นห่วงไม่ได้ แต่ยังไม่ทันจะได้เดินไปไหนมือน้อยๆ ก็คว้าหมับที่ข้อมือทันที “วาโ
ทั้งสองเดินทางมายังคลับของเวลล์ที่ตอนนี้หนาแน่นไปด้วยผู้คนที่เข้ามาใช้บริการ ไม่แปลกใจว่าช่วงหลังๆ กิจการของคลับเป็นไปได้อย่างดี “ไหนเพื่อนเธอเหรอ” วาโยมองไปรอบๆ เพื่อหาเพื่อนของญาณินและก็พบกับกลุ่มเพื่อนสามสี่คน และมีผู้ชายอยู่ประมาณสองคน ส่วนที่เหลือเป็นผู้หญิง “ไหนนายบอกจะไปหาพี่เวลล์ จะไปกับฉันทำไม” ญาณินหันมาแว้ดใส่เพื่อนสนิทที่เหมือนจะเดินตามไป “เฮียคงกำลังยุ่งๆ รับลูกค้า ขอไปนั่งด้วยได้ไหม” เวลล์บอกคนตัวเล็กเพราะจากสายตาที่เขาประเมินกลุ่มเพื่อนของญาณินดูไม่ค่อยน่าไว้ใจเท่าไหร่ ถ้าปล่อยให้หญิงสาวไปคนเดียวมันคงไม่ดีแน่ “โหย...อะไรของนาย” “ถ้าให้ไปเดี๋ยวเลี้ยงเหล้าด้วย โอเคไหม” ข้อเสนอของวาโยน่าสนใจ จนญาณินคลี่ยิ้มพร้อมพยักหน้ารับ มีคนเลี้ยงเหล้าใครบ้างจะไม่สนใจ ทำให้ตอนนี้ทั้งสองหนุ่มสาวเดินตรงไปยังโต๊ะที่มีกลุ่มเพื่อนสมัยมัธยมนั่งรออยู่ก่อนแล้ว “เฮ้...ญาณิน” เพื่อนผู้หญิงคนหนึ่งยกมือขึ้นเรียกเพื่อนสาว “ดีใจจังได้เจอพวกแก” ญาณินยิ้มให้กับเพื่อนที่กำลังอยู่ในห้วงอารมณ์กรึ่มๆ เพราะดื่มกันก่อนท
ตอนพิเศษYanin X Wayoขอเป็นมากกว่าเพื่อน ชีวิตที่แสนเรียบง่ายของญาณินเป็นอันต้องพังทลายลงเมื่อบิดาประกาศกร้าวให้เธอไปดูตัวคู่หมั้นของตัวเอง คู่หมั้นที่เธอไม่รู้ด้วยซ้ำว่าหน้าตาเป็นอย่างไร วันนั้นเธอร้องห่มร้องไห้ไปหามานิตาเพื่อให้เพื่อนช่วยคิดแผนการล้มเลิกการดูตัวในครั้งนี้ แต่จนแล้วจนรอดเธอก็ยังไม่กล้าที่จะไปขอความช่วยเหลือจากวาโย เพราะมันเป็นเรื่องน่าอายที่จะบอกให้วาโยมาแกล้งเป็นแฟน “เฮ้อ...” “เป็นอะไรไปญาณิน” วาโยที่นั่งกินข้าวเงยหน้าขึ้นมองเพื่อนของตัวเองที่เอาแต่นั่งหน้าเศร้าตีหน้ามึนทำเอาคนที่กำลังกินอาหารอยู่รู้สึกกร่อยขึ้นมาทันที “ไม่มีอะไร” “เอ้า!! ไม่มีอะไรได้ไง แกเอาแต่ทำหน้าซึมแบบนี้” วาโยมองเพื่อนอย่างสงสัย เพราะช่วงหลังๆ มานี่ทั้งสองไปไหนมาไหนด้วยกันบ่อยขึ้นเพราะเพทายกับมานิตาตัวติดกันราวกับปลาท่องโก๋ พวกเขาเลยกลายเป็นส่วนเกินที่ต้องมากอดคอร้องไห้เมื่อโดนเพื่อนทิ้งไปจู๋จี๋กัน “คิดๆ อะไรนิดหน่อย” “คิดอะไรวะ” วาโยที่กำลังคีบเนื้อเข้าปากมองคนตัวเล็กซึ่งกำลังสะบัดผมไปข้างหลัง จนทำให้เขามองเห็นร่องหน้าอกขอ
“รีบเปลี่ยนนะครับ ไว้ถ้ากลับมาจากทะเล เพขอจัดหนักสักน้ำนะ” ชายหนุ่มบอกอย่างมีเลศนัย จนมานิตาได้แต่หน้าแดงก่ำด้วยความเขินอาย “ค่ะ” เมื่อทั้งสี่เปลี่ยนชุดแล้ว พวกเขาก็เดินไปยังทะเลที่อยู่หน้ารีสอร์ต เสียงหัวเราะและเสียงพูดคุยทำเอาพวกเขาต่างมีความสุข “คุณแม่ขา...มาช่วยหนูก่อกองทรายหน่อยค่ะ” เสียงหวานๆ ของลูกสาวบอก จากนั้นมานิตาที่เพิ่งเป็นแบบถ่ายรูปให้กับเพทายต้องละความสนใจแล้วเดินไปหาลูกสาวลูกชายทันที “ไปช่วยลูกก่อกองทรายกันค่ะเพ...” เพทายเดินมากุมมือของมานิตาแล้วพาเดินตรงไปหาลูกสาวที่นั่งที่ทรายทันที “คุณแม่ครับ อันนี้เป็นเครื่องบินน้องมิกซ์วาดเอง” เสียงของลูกชายบอกอย่างเจี๊ยวจ๊าว ผู้ใหญ่ทั้งสองคนหันไปมอง ก็พบกับภาพเครื่องบินในจินตนาการของลูกชาย “วาดเองเหรอครับ” “ครับ” เพทายและมิลค์กี้มองหน้ากันเมื่อเห็นภาพที่ลูกชายวาด มันสวยเกินกว่าที่เด็ก 5 ขวบจะวาดด้วยซ้ำ แสดงว่าลูกชายของพวกเขาอาจจะมีพรสวรรค์ด้านนี้ “สวยจังเลย คนเก่งของแม่”มานิตาทำการหอมหัวของลูกชายหนึ่งที พร้อมที่จะมองเพทายแล้วยิ้มอ