“อนาคตไม่แน่คืออะไร...แอบคุยอยู่กับใคร” คิ้วหนาขมวดเข้าหากันแล้วจ้องมองลึกที่ใบหน้าหวาน
“ไม่แน่ๆ ก็คืออาจจะมีไง จะมายุ่งอะไรด้วยวะ”
“ห้ามมี...” จู่ๆ เพทายก็พูดด้วยน้ำเสียงเยียบเย็นจนเธอรู้สึกขนลุกวาบขึ้นมาทันที ทำไมนะทั้งน้ำเสียงและแววตาของเพทายในตอนนี้มันช่างน่ากลัวเหลือเกิน
“ห้ามมีอะไร”
“ผัว...ห้ามเธอมีผัว”
“อะไรอีกเนี่ย กวนประสาทอยู่ได้ มาห้ามอะไรฉัน จะมาขัดขวางความสุขกันหรือไง”
“เพราะความสุขของเธอต้องมีฉันอยู่ในนั้นด้วย” จู่ๆ เพทายก็พูดจาประหลาด เธอไม่เข้าใจในสิ่งที่เขาบอกเลยแม้แต่นิดเดียว และจังหวะนั้นก็เห็นว่าคนตัวโตทำหน้างองุ้มราวกับกำลังงอนเธอทั้งๆ ที่เธอไม่ได้ผิดอะไรเลย
“อะไรกันเพ...อย่ามาหันหลังให้กันนะ” มือน้อยจับร่างหนาให้เขาหันกลับมา แต่ตอนนี้เพทายเลือกที่จะนอนตะแคงไปอีกข้างแล้วไม่สนใจเธออีกต่อไป
“จะนอน...เธอง่วงแล้วไม่ใช่เหรอ นอนไปสิ...จะมายุ่งอะไรด้วย” เพทายหลับตาลงไม่สนใจเสียงแหลมๆ ของมานิตาอีกต่อไป
“อะไรของนายวะ เอาใจยากจริงๆ ผู้ชายคนนี้ อยากนอนก็นอนไปเลย” ว่าจบร่างเล็กก็ลุกขึ้นไปปิดไฟห้องนอน ทำให้บรรยากาศภายในห้องเงียบสงัด มีเพียงเสียงฝนจากทางด้านนอกที่ไม่มีทีท่าจะหยุดตกเลย ช่วงนี้เป็นหน้ามรสุมทำให้ฝนตกเกือบทุกวัน
“เพ...นอนยัง”
ไร้เสียงตอบรับจากคนข้างกายจนเธอชำเลืองมองเสี้ยวใบหน้าหล่อเหลา แต่เพราะเขาตะแคงข้างจึงเห็นแค่แผ่นหลังกว้างที่หันมาทางเธอ
“เพ...งอนอะไร...อย่าเงียบสิ ฉันรู้นะว่าคนอย่างนายไม่นอนเวลานี้หรอก” มานิตาตะแคงข้างกลับมาแล้วมองแผ่นหลังกว้างของชายหนุ่ม มันกว้างจริงๆ นะ จนเตียงขนาดหกฟุตของเธอเล็กลงไปเลย
นิ้วเรียวจิ้มที่แผ่นหลังกว้างเพราะหวังให้เขาหันกลับมา เธอไม่ชินที่เพทายจอมกะล่อนทำตัวเงียบแบบนี้ ปกติเขาจะชอบกวนประสาทเธอตลอด
“เพ...”
เมื่อไร้การตอบรับมานิตาจึงผุดลุกขึ้นมามองเขาและเห็นว่าเพทายหลับตาอยู่ แต่เธอรู้ว่าเขากำลังแกล้งหลับต่างหาก
“เพ...อย่ามาแกล้งนอนสิ” มือน้อยเขย่าลำแขนใหญ่ แต่คนตัวโตกลับไม่ไหวติงราวกับไม่อยากสนใจเธออีกต่อไป “เดี๋ยวให้กินนม แต่หันมาคุยกันก่อน”
ไม่รู้ว่าทำไมเธอต้องพูดแบบนั้นจนอยากตบปากตัวเองสักสิบที เพราะในจังหวะนั้นเธอคิดอะไรไม่ออก รู้เพียงแค่ว่าไม่อยากให้เพทายงอนไปมากกว่านี้
“จริงเหรอ” ใบหน้าหล่อเหลาหันมามองพร้อมกับฉีกยิ้มกว้างราวกับอาการแง่งอนเมื่อครู่ไม่เคยเกิดขึ้น แม้ตอนนี้ภายในห้องจะมืดมิดแค่ไหน ทว่ายังมีแสงจากดวงจันทร์ที่ส่องเข้ามาจนเห็นใบหน้าหล่อเหลาอยู่ดี
“ยิ้มอะไร”
“ก็เธอบอกจะให้เรากินนม”
“ฉันหมายถึงนมกล่อง ฉันมีในตู้เย็นหลายกล่องเลย จะเอารสอะไรล่ะ” ไม่รู้ทำไมต้องเขินขนาดนี้ด้วย ยิ่งได้เห็นรอยยิ้มของเขาหัวใจของเธอก็เต้นโครมครามไม่เป็นจังหวะอีกแล้ว
“อะไรอะ เธอหลอกฉันเหรอมิลค์กี้”
“หลอกตรงไหน ก็นมไหม นายบอกต้องกินนมก่อนนอน นี่ไงในตู้เย็นเดินไปหยิบได้เลย ฉันตุนไว้หลายกล่อง จะเอารสไรเลือกเอา”
“ไม่อยากกินในตู้เย็นอะ” เพทายบอกเสียงอ่อย จากนั้นก็ผุดลุกขึ้นมานั่งมองใบหน้าหวานอีกครั้ง ก่อนจะใช้ปลายนิ้วหนาจิ้มที่เหนือหน้าอกของเธอ “อยากกินตรงนี้”
แม้แสงสว่างจะน้อยนิดแต่มานิตาก็รู้ดีว่าเพทายกำลังจ้องมองอะไร เห็นดังนั้นเธอจึงเอามือทั้งสองข้างไขว้ปิดบังหน้าอกของตัวเองไว้ไม่ให้เขาใช้สายตากะลิ้มกะเหลี่ยมอง
“บ้าไหม เพื่อนกันใครเขามาพูดอะไรแบบนี้”
“ไม่อยากเป็นเพื่อนแล้วอะ ขอเป็น ‘ผัว’ ได้ไหม”
“ฮะ!”
ยังไม่ทันที่คนตัวเล็กจะได้พูดอะไรต่อ มือหนาก็จับที่ไหล่บางก่อนจะกดร่างเล็กลงที่นอนโดยมีเขาคร่อมเธอเอาไว้
“จะ...จะทำอะไร” ดวงตาสวยกลอกไปมาอย่างประมาณ ท่าทีเอาจริงของเพทายทำเอาเธอทั้งกลัวและตื่นเต้นในเวลาเดียวกัน ตอนนี้ดวงตาของเขาไม่มีคำว่าล้อเล่นอีกต่อไป
“ถ้าไม่อยากโดนเสียบก็ให้ดูดนมก่อน สัญญาจะทำอย่างเดียว”
“พูดบ้าอะไรเนี่ย!” ร่างบอบบางสั่นไหวไปหมด ก็เพทายเล่นบอกความต้องการชัดเจนแบบนี้ แล้วถ้าชายหนุ่มทำขึ้นมาจริงๆ เธอจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน เกิดมาแฟนสักคนก็ยังไม่เคยมีแต่จะให้เพื่อนสนิทมาดูดนมเนี่ยนะ มันใช่เรื่องไหม
“เลือกเอามิลค์กี้ หรืออยากได้ทั้งสองอย่าง ฉันทำให้ได้นะ” เพทายเผยอปากพูดแต่สายตาของเขากลับมองทั้งหน้าอกและใบหน้าหวานสลับกันไปมา
“มะ...ไม่ได้ มันไม่ถูกต้อง”
“ถูก...ถูกที่สุดแล้ว เงี่ย...ว่ะ ยิ่งเห็นหน้าเธอยิ่งเงี่ย...”
“เพ”
“สัญญาว่าจะแค่ดูดนม ถ้าเธอไม่ยอมฉันไม่ทำอย่างอื่น” น้ำเสียงเข้มบอกอย่างกระเส่าขณะที่มือหนาเริ่มล้วงเข้าไปใต้เสื้อยืดตัวเก่งของมานิตา
ฝ่ามือร้อนค่อยๆ ไต่เข้ามาเรื่อยๆ จนกระทั่งมาหยุดที่ทรวงอกอิ่มซึ่งมีบราเซียร์ไร้โครงปกปิดเอาไว้ ลมหายใจสายเริ่มติดขัดเพราะตั้งแต่เกิดมาไม่เคยมีใครรุกรานร่างกายของเธอเท่านี้มาก่อน
“ใส่ชั้นในตอนนอนด้วยเหรอ” เขาร้องถามด้วยน้ำเสียงแหบพร่า
“ไม่ดีตรงไหน ฉันทำอะไรผิดล่ะ” “นี่นายยังไม่รู้ตัวเลยเหรอ นายปล้ำฉันนะ นายยังมีหน้ามาบอกตัวเองไม่ผิดอีกเหรอ” ใบหน้าหวานแดงก่ำเพราะไม่เข้าใจคนตัวโตที่ไม่ยอมสำนึกอะไรเลย “ก็บอกจะรับผิดชอบเธอก็เล่นหนีหายหน้าไปเป็นอาทิตย์เนี่ย ตอนงานแต่งเพทายกับมิลค์กี้เธอก็เอาแต่หลบหน้าฉัน” วาโยไม่รู้ใจของผู้หญิงคนหนึ่ง การที่หญิงสาวหลบหน้าเขามันทำให้เขากระวนกระวายใจอย่างบอกไม่ถูก “ฉันบอกแล้วไงว่าถ้านายแค่อยากรับผิดชอบก็ลืมๆ เรื่องคืนนั้นไปเถอะ ฉันไม่ได้คิดอะไรแล้ว” หญิงสาวหันไปทางอื่นพร้อมกับความรู้สึกที่เจ็บลึก เธอไม่ต้องการแค่นั้น มันอาจจะดูโลภเกินไปแต่ใครจะทนอยู่กับผู้ชายที่แค่ต้องการรับผิดชอบเราแค่นั้นล่ะ “แล้วต้องการอะไรอีกหือ” เสียงเข้มบอกอย่างออดอ้อนเมื่อคนตัวเล็กกำลังทำเหมือนงอนเขาเสียนี่ “เปล่า” “ถ้างั้นบอกรักก่อนสิ ละเดี๋ยวจะให้อย่างอื่นด้วย” จู่ๆ ชายหนุ่มก็โพล่งบางอย่างออกมา ญาณินเลยเงยหน้ามองคนตัวโตอย่างสงสัยกับคำพูดของเขา “อะไรของนาย” “รักฉันไม่ใช่ไง ไม่คิดจะบอกรักผัวตัวเองหน่อยเหรอ” คำพูดของวาโยสร้างคว
“ถ้านายต้องการแค่รับผิดชอบฉันไม่เอาหรอก เพราะฉันไม่อยากอยู่กับคนที่ไม่ได้รักฉัน ปล่อยนะ ฉันโทร.ให้ที่บ้านมารับแล้ว ฉันจะไม่รบกวนคนอย่างนายอีกต่อไป!” ก่อนจากวาโยเห็นว่าญาณินมีน้ำตาที่ขอบตาจนอยากจะเอามือหนาไปปาดคราบน้ำตาของคนตัวเล็ก แต่ก็ต้องชะงักมือกลับเพราะถ้าทำอะไรมากกว่านี้เธออาจจะโกรธ วาโยมองญาณินที่เดินออกจากห้องด้วยหัวใจที่หดหู่ ไม่รู้ทำไมคำพูดของเธอมันฉายเข้ามาในความคิดซ้ำๆ ถ้าเธอไม่ต้องการความรับผิดชอบแล้วต้องการอะไรกันแน่ ตั้งแต่เกิดเหตุการณ์วันนั้นญาณินก็แทบไม่ได้ออกไปไหน จนกระทั่งเพิ่งผ่านพ้นงานแต่งของเพื่อนรักอย่างมานิตายิ่งได้เห็นว่าเพื่อนมีความสุขเธอก็ยินดี แต่สักพักก็รู้สึกหดหู่ใจเมื่อหันมามองความรักของตัวเอง เธอไม่รู้ว่าควรจะทำอย่างไรต่อดี ความบริสุทธิ์ก็ถูกวาโยช่วงชิงไปจนไม่เหลือชิ้นดี ถามว่ารู้สึกดีไหมคงตอบว่าใช่ มันไม่ใช่แค่ความสัมพันธ์ทางกายแต่มันมากกว่านั้น เธอชอบวาโยมาตั้งนานแล้ว นานจนจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าเริ่มชอบตอนไหน ตลอดระยะเวลาการเป็นเพื่อนกันเธอพยายามไม่สนิทกับชายหนุ่มมากไปกว่าเพื่อนคนอื่นในกลุ่มเพราะกลัวว่าสักวันความรู้ส
ลำกายหนากระเสือกกระสนเข้ามาในโพรงสาวอย่างรุนแรงจนเขารับรู้ว่าคนตัวเล็กกำลังกระตุกอย่างรุนแรงพร้อมกับเสียงกรีดร้องเป็นทางยาวที่บ่งบอกถึงความสุข “กรี๊ด” มือน้อยที่จับที่ต้นแขนแกร่งที่เอื้อมมาบีบเคล้นอกอิ่ม “เสร็จแล้วเหรอ ตอดแรงขนาดนี้” วาโยกระหยิ่มยิ้มเมื่อเห็นคนตัวเล็กสุขสมแล้ว ต่อไปถึงตาของเขาบ้าง และคืนนี้มันจะไม่จบเพียงเท่านี้อย่างแน่นอน วาโยเปลี่ยนท่าให้คนตัวเล็กนอนคว่ำ จากนั้นเขาก็จัดการยกสะโพกสวยขึ้นเพื่อรับกับเอ็นร้อนที่เยิ้มไปด้วยคราบน้ำรักของเธอ จากนั้นก็สวนมันเข้าไปในโพรงสาวที่ยังคงแน่นหนึบอย่างแรง “อ๊า...เจ็บ” “ทั้งเจ็บทั้งเสียวเลย” วาโยคุกเข่าแล้วเสยตัวตนร้องเข้าไปอย่างแรงจนใบหน้าหวานลู่แนบกับที่นอนหนานุ่มเพราะหมดเรี่ยวแรงจะทำอะไรต่อไป “อ๊ะ...จะทำอะไรโย” “ท่าหมาไง คราวก่อนเธอบอกฉันปากหมา วันนี้ฉันเลยจะเอาท่าหมาให้เธอดู” วาโยมองเอ็นร้อนที่ผลุบเข้าออกมาโพรงสาวจากทางด้านหลัง มันยิ่งทำให้เขาซาบซ่านอย่างไม่เคยเกิดขึ้นกับใครมาก่อน การที่ได้กระแทกเข้าไปในกายสาวที่ตัวเองชอบมาตั้งแต่ปีหนึ่ง ก็เพิ่มความดุ
“หึหึ...ทำตัวน่ายั่วขนาดนี้ผู้ชายที่ไหนจะทนได้” “แต่นายเป็นเพื่อนฉัน นายต้องทนได้สิ เพื่อนกันใครเขาทำแบบนี้” “ไอ้เพมันยังทำกับมิลค์กี้ ทำไมฉันจะทำกับเธอไม่ได้วะ เลิกเอาคำว่าเพื่อนมาพูดได้แล้วไหม เข้าไปอยู่ในตัวแบบนี้คำว่าเพื่อนมันขาดสะบั้นไปตั้งนานแล้ว” วาโยตะโกนบอกที่คนตัวเล็กชอบย้ำคำว่าเพื่อนกับเขายิ่งนัก อยากเป็นอะไรหนักหนาเพื่อนเนี่ย “อยากเป็นอะไรหนักหนากับคำว่าเพื่อน ให้เป็นผัวเหอะ เดี๋ยวจะเลี้ยงอย่างดีเลย” “ไอ้วาโย” “เปลี่ยนจากเรียกไอ้ไปเรียกผัวแทนได้ไหม นับตั้งแต่นี้เธอเป็นเมียฉันละ ถ้ายังพูดเพื่อนๆ อะไรอีก เดี๋ยวจับปล้ำไม่ให้เห็นเดือนเห็นตะวันเลย” วาโยร้องขู่เพราะจะจัดการคนตัวเล็กที่ชอบเอาคำว่าเพื่อนมาอ้างตลอด ตอนนี้หญิงสาวได้สติแล้ว แต่ร่างกายเบื้องล่างตอดขนาดนี้ คำว่าเพื่อนมันก็ไม่ต้องจำเป็นแล้วไหม ญาณินรีบหุบปากของตัวเองทันทีเมื่อเจอคำขู่ของวาโย แถมชายหนุ่มยังกระหน่ำสะโพกสอบเข้ามาอย่างรุนแรง มือบางทั้งสองข้างจิกลงบนที่นอนหนานุ่ม ส่วนใบหน้าหวานหลับพริ้มเมื่อความเจ็บแปรเปลี่ยนเป็นความเสียวซ่านไปทั่วเรือนร่าง
ใบหน้าหล่อเหลาโน้มลงมาซุกไซ้ที่ซอกคอหอมกรุ่นจากนั้นปากหยักก็ทำรอยที่ต้นคอหญิงสาวอยู่หลายจุด ก่อนจะมาหยุดที่อกอิ่มชูชันท้าทายปากของเขาเหลือเกิน จ๊วบ!! มือหนาของวาโยรวบอกอิ่มเอาไว้ในมือแล้วใช้ปากหยักเข้าครอบครองป้านสีหวานที่ล่อตาล่อใจของเขาเหลือเกิน เม็ดเล็กแต่ชูชันรับกับปากหนาได้เป็นอย่างดี “อ๊า...อย่ากัดนะ” ญาณินร้องเสียงลงเมื่อวาโยใช้ฟันคมๆ งับลงไปด้วยแรงที่ไม่มากไม่น้อยเกินจนคนตัวเล็กที่รับรู้ถึงสัมผัสรู้สึกสั่นสะท้านไปทั่วสรรพางค์ “แม่งโคตรชอบเลยรู้ไหม เด้งรับปากฉิบหายเลย” ตอนนี้วาโยสลัดความคิดว่าที่เพื่อนไม่ควรเล่นเพื่อน แต่วันนี้มันอดใจไม่ไหวจริงๆ ในเมื่อญาณินสวยสดเหลือเกิน “อ๊า...อ๊ะ...โย” “หือ อะไรจ๊ะ” วาโยเหลือบตามองคนตัวเล็กที่กำลังร้องครวญครางราวกับกำลังจะขาดใจ “เสียว” “เดี๋ยวได้เสียวกว่านี้แน่ๆ เลยคนสวย” ว่าจบวาโยก็ชันร่างกายสูงของตัวเองขึ้นเพื่อจัดการเผด็จศึกคนตัวเล็กสักที เสียเพื่อนเขาก็เอาถ้ามันทำให้ได้ตัวของหญิงสาวมาไว้ในครอบครอง ถ้ารู้ว่าเธอสวยขนาดนี้ไม่ให้เป็นเพื่อนหรอก
“ไว้ญาณินตื่นขึ้นมากูจะบอกความเลวของพวกมึงให้หมดเลย ให้เลิกคบพวกมึงซะ” ว่าจบวาโยก็พาคนตัวเล็กออกมาจากโต๊ะ จากนั้นก็พาเดินเข้าไปหลังร้านที่มีห้องพักรับรองที่เวลล์สร้างเอาไว้ มีอยู่สามสี่ห้องเพื่อเอาไว้รองรับเพื่อนๆ ที่อาจจะเมาแล้วกลับไม่ไหว “เกิดอะไรขึ้นวะวาโย” เวลล์ที่เพิ่งไปรับลูกค้ามาเดินมาเจอวาโยกำลังโอบญาณินเข้ามาข้างในด้วยสภาพราวกับกำลังละเมอ “ไม่รู้ว่าเพื่อนของญาณินเอาอะไรให้เธอกิน เธอเลยมีสภาพนี้ ผมขอยืมห้องก่อนได้ไหมจะให้ไอ้ตัวเล็กมันเข้าไปพักก่อนแล้วค่อยกลับบ้าน” “เออได้ดิ จัดการเองได้ไหม เฮียมีรับลูกค้าเยอะวันนี้” “ครับไม่เป็นไร แค่ให้ยืมห้องผมก็ซึ้งน้ำใจละ” วาโยกล่าวขอบคุณเวลล์ที่เป็นเพื่อนพี่ชายคนหนึ่ง วาโยลากคนตัวเล็กเข้าไปพักผ่อนในห้องเพราะหวังให้หญิงสาวคืนสติโดยไว ไม่รู้พวกนั้นมันเอาอะไรให้ญาณินกินกันแน่ทำไมอาการของหญิงสาวถึงแปลกๆ อย่างนี้ “นอนก่อนนะญาณิน เดี๋ยวหาผ้ามาเช็ดให้” ร่างกายของหญิงสาวเริ่มร้อนขึ้นจนเขาอดเป็นห่วงไม่ได้ แต่ยังไม่ทันจะได้เดินไปไหนมือน้อยๆ ก็คว้าหมับที่ข้อมือทันที “วาโ