Masuk"ป๊อบ" สาวน้อยแสนซนวัยใส ค่อย ๆ หลงรัก "กานต์" หนุ่มน้อยผู้มุ่งมั่นตั้งใจทำสิ่งต่าง ๆ อย่างถึงที่สุด ที่เป็นเพื่อนสนิทเพียงคนเดียว ทีละนิดทีละหน่อย จนหัวปักหัวปำ ถลำไปจนเกินเส้นของคำว่า "เพื่อน"
Lihat lebih banyak“วิ่ง... วิ่ง... วิ่งเร็ว” เสียงแหลมของเด็กสาว ตะโกนดังลั่นไกลจากท้ายซอยเล็ก ๆ ที่กั้นสุดไว้ด้วยกำแพงสูงหนา ราวกับว่ามียักษ์กำลังวิ่งไล่จับเด็กกิน
“ให้เค้าวิ่งไปไหน ...เค้าต้องวิ่งไปไหน?” เด็กหนุ่มเลิ่กลั่กมองซ้ายขวา ไม่รู้จุดหมายที่จะวิ่ง เพราะทั้งซอยแค่วิ่งจ้วงไม่กี่ก้าวก็สุดทางจะไปต่อได้ “ป้าแก้วมาแล้ว กานต์ต้องวิ่ง ป๊อบจะถ่วงป้าแก้วให้” เด็กสาวยืนกรานสกัดกั้นคนตัวโตกว่า ที่ถือไม้เรียวยาว เดินเยื้องย่องช้า ๆ มุ่งสายตามาทางเด็กหนุ่มที่ยังหาทางหนีไม่เจอ เด็กสาวกางแขนกั้น ยืนกรานขวางทางอาวุธของป้าแก้ว ที่สายตามองล็อกเป้าเด็กหนุ่มไว้เป็นที่เรียบร้อย “ป้าแก้วคะ ป้าแก้วฟังป๊อบก่อนนะคะ ป๊อบเองค่ะที่พากานต์ไป กานต์ไม่ผิดเลยนะคะ ป้าแก้วอย่าตีกานต์เลยนะคะ” เด็กสาวตัวเล็กนัยน์ตากลมโต ใบหน้าเรียวกลมเหมือนลูกกีวี่ ผิวขาวซีดเผือดอมชมพูเพราะความตื่นเต้น ยังคงยืนกราน ยกแขนเล็กทั้งสองข้างกั้นอย่างไม่ลดละ “หนูป๊อบหลบไปลูก ป้าต้องตีเจ้ากานต์ ถ้าป้าไม่ตี เขาก็จะทำอีก” เสียงแข็งจากหญิงวัยสี่สิบต้น ที่ใบหน้าแทบจะไม่มีริ้วรอย ทั้งรูปร่างสูงโปร่ง ราวกับเคยเป็นนางแบบมาก่อน ยืนสาวเรียวไม้โต้กลับเสียงเล็กจิ๋วที่ยืนขวางอยู่ตรงหน้า “หยุดอยู่ตรงนั้น!” เสียงแข็งทุ้ม ตะโกนข้ามร่างที่ขวางทาง พร้อมชี้ไม้เรียวไปยังเป้าหมาย จนหยุดนิ่ง เด็กหนุ่มที่กำลังชั่งใจว่าจะหนีหรือจะยอม ชะงักตัวแข็งทื่อ เมื่อได้เห็นปลายไม้เรียวชี้มาที่เขา “แต่ ... แม่อย่าตีป๊อบนะครับ” เด็กหนุ่มย่างเท้าช้า ก้มหน้าย้อนกลับมาหาไม้เรียว ด้วยสีหน้าฝืนใจสุด ๆ “แม่บอกกี่ครั้งแล้ว ว่าอย่าแอบไปเล่นน้ำ...” “แต่ป้าแก้วคะ...” “หนูป๊อบไม่ต้องพูดลูก เดี๋ยวป้าจัดการเอง” “แต่...” “กานต์ทำผิด แม่ต้องตีกานต์นะ กานต์เข้าใจแม่ใช่ไหมลูก” แม่ย่อตัวมองหน้าเด็กหนุ่ม ด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความอ่อนโยน “ครับแม่ ... แต่แม่สัญญาก่อนจะว่าไม่ตีป๊อบ” เด็กหนุ่มเงยหน้ารับผิด พร้อมส่งสายตาอ้อนวอนแม่ ใบหน้าคมเข้มรับแสงส้มอ่อนยามพลบค่ำ สะท้อนโครงหน้าชัด และดูเหมือนว่าเขาจะได้ความสูงโปร่งจากผู้เป็นแม่มาเต็ม ๆ “ได้ แม่จะไม่ตีหนูป๊อบ แต่แม่อยากให้กานต์เข้าใจเหตุผลที่แม่ต้องตี ... กานต์รู้ใช่ไหมว่าทำไมแม่ถึงต้องตี” “รู้ครับ ... สิ่งที่ห้ามทำคือ ห้ามขึ้นต้นไม้และห้ามเล่นน้ำ ผมจำได้ดี” เด็กหนุ่มตอบกลับแม่ด้วยน้ำเสียงสำนึกผิด กระนั้นสายตาก็ยังคงมองไปยังเด็กสาว ที่ยืนก้มหน้าตัวเปียกโชกอยู่ข้างหลังแม่ “ให้แม่ตีตรงนี้หรือจะกลับไปตีที่บ้าน” เสียงอ่อนยื่นข้อเสนอ “ตรงนี้เลยครับแม่” เด็กหนุ่มยื่นรับข้อเสนอ เพราะต้องการให้มันจบ ๆ ไป จะได้เดินหน้ากันต่อเมื่อถึงบ้าน เด็กหนุ่มกอดอกยืดตัว หลับตาเม้มรอรับไม้เรียวที่กำลังจะมาถึง ฟิ้วววว ~ เสียงลมต้านไม้เรียวเร้าอารมณ์เด็กหนุ่ม ให้หลับตาหน้ายู่เกร็งตัวรับแรงกระทบของไม้เรียว เพี้ยะ! ไม้เรียวกระแทกเข้าบั้นท้ายเด็กหนุ่มด้วยเสียงหนักแน่น เด็กหนุ่มเอนตัวหนีนิดหน่อย เพื่อหวังให้แรงกระแทกเบาลง ฟิ้วววว ~ เพี้ยะ! ฟิ้วววว ~ เพี้ยะ! “เสร็จแล้วลูก ลืมตาเถอะ” สิ้นเสียงฟาดสามที ไม้เรียวยาวหล่นลงข้างตัว แม่นั่งลงข้าง ๆ ลูกชายที่เพิ่งเจ็บแสบจากการลงโทษของตัวเอง มือนุ่มคว้าประคองเด็กหนุ่ม ที่สั่นเทาด้วยความกลัวและความเจ็บเข้ามากอดอย่างอ่อนโยน “แม่ขอโทษนะ” แม่พูดข้างหูลูกชาย ร่างกายของแม่สั่นเทาไม่แพ้ลูกเลยสักนิด “ผมก็ขอโทษแม่เหมือนกันนะครับ ต่อไปผมจะไม่ทำอีกครับ” เด็กหนุ่มน้ำตาคลอ เอ่ยมั่นสัญญา “กานต์กลับไปเปลี่ยนเสื้อผ้าเถอะลูก แม่จะพาป๊อบไปส่งเอง” “ครับแม่” เด็กหนุ่มหันร่างอันบอบช้ำ ย้อนทางเพื่อจะไปยังบ้าน สายตามองมาที่เด็กสาวที่ยืนสำนึกผิดร้องไห้อยู่ “ไม่เป็นไรแล้วนะป๊อบ กานต์โอเค ป๊อบไม่ต้องร้องแล้ว” เด็กหนุ่มหยุดพูดกับเด็กสาว “เค้าขอโทษนะกานต์” เด็กสาวมองหน้า ก่อนที่แม่ของเด็กหนุ่ม จะเดินมาคว้ามือของเธอไป . . .2 สัปดาห์ผ่านไป‘ประกาศถึงนักเรียนโรงเรียนวาสอุดมวิทยาทุกคน ในวันพรุ่งนี้ในคาบเรียนที่เจ็ด จะมีการเลือกชุมนุม ณ หอประชุมศิษย์เก่าสัมพันธ์วาสวิทฯ ให้ทุกคนตรวจดูรายชื่อชุมนุมที่สนใจในรายชื่อที่แนบมาให้นี้ สวัสดี // สภานักเรียนวาสอุดมวิทยา’กานต์เปิดดูข้อความอัตโนมัติ ที่แจ้งเข้ามาในมือถือ พร้อมเพื่อน ๆ ในห้องถึงข่าวแจ้งถึงการเลือกชุมนุม เสียงกระซิบกระซาบดังขึ้นทันที เมื่อทุกคนได้อ่านข้อความดังกล่าว“มีแต่ชุมนุมที่น่าสนใจทั้งนั้นเลย”“นั่นดิ เลือกอะไรดี”“บอล มึงจะเลือกชุมนุมไรวะ”“กูว่าจะเลือกว่ายน้ำว่ะ” บอล หนุ่มน้อยที่ดูน่าจะดูแตกเนื้อหนุ่มที่สุดในกลุ่ม ผิวแดงดำแดด กับรูปร่างทรงนักกีฬา สูงใหญ่ ค่อนข้างล่ำเมื่อเทียบกับเด็กมอหนึ่ง“เออ มึงเคยไปเรียนพิเศษมาหนิ ใช่ป้ะ // นายล่ะ แคน”“เราลังเลอะ ว่าจะเลือกแลปวิทย์ฯหรือจินตคณิตดี” แคน หนุ่มน้อยผมหยิกดำ ร่างบางสูงผอม ผิวสีน้ำผึ้ง เอ่ยตอบ ด้วยท่าทางสุภาพเรียบร้อย“เราก็คิดเหมือนนายเลย แคน” เซคัล หนุ่มน้อยแว่นหนาเตอะ ตัวเล็กขาวผ่อง ตอบกลับด้วยสีหน้าตื่นเต้น เพราะน่าจะมีเพื่อนในกลุ่มลงชุมนุมด้วย“นายสองคนก็หนีจากวิทย์ฯคณิตสักหน่อยก็ไม่ได้เลยเนอ
“ไม่ปล่อย บอกมาก่อนว่าชื่ออะไร”“อ๋อ...ปานใจ” ชายหนุ่มอ่านชื่อบนหน้าอกของเธอ“งั้นพี่เรียกเรียกน้องปานใจนะ”“หนูชื่อเจสซี่ค่ะพี่ อยู่มอหนึ่งห้องแปด” เสียงแหลมแจ๋วพูดโทนสองสามสี่ แทรกขึ้นพร้อมชะโงกหน้าคั่นผู้สนทนาทั้งสอง“น้องปานใจกำลังหลบเรียนเหรอคะ ?” ชายหนุ่มผลักหน้าเจสออกจากเรดาร์ เอ่ยถามเธอด้วยน้ำเสียงหวานปนสายตาเจ้าเล่ห์“ไม่ได้หลบค่ะ กำลังเข้าเรียน” สาวน้อยตอบกลับด้วยสีหน้าที่ไม่ค่อยจะอยากคุยด้วย“หลบแหละพี่ว่า --- พี่ควรจะบอกครูดาหวันไหมนะ” ชายหนุ่มมองชะเง้อเข้าไปในห้อง ที่ครูกำลังพูดคุยกับนักเรียนอยู่“หนูว่าพี่ควรปล่อยแขนหนูก่อนค่ะ” สาวน้อยมองส่งสัญญาณมาที่แขน ที่ชายหนุ่มกำลังกำแน่น“อ่า --- พี่ลืม โอเค ปล่อยแล้ว” ชายหนุ่มยกมือขึ้นข้างตัว‘เดชผล ปานใจ’ เสียงครูเรียกเช็กชื่อในห้องดังลอดออกมาข้างนอก‘น่าจะหลบค่ะครู’ สาวน้อยผมหยิกหน้าห้องตอบกลับ และครูก็กำลังวางปากกาลงกระดาษที่ถืออยู่ในมือ เพื่อเช็กชื่อขาด“ครูครับ น้องปานใจอยู่นี่ครับ” ชายหนุ่มพูดขึ้นเสียงดัง ทำเอาคนทั้งห้องมองหันมายังต้นเสียงสาวน้อยเบิ่งตาโตเต็มไปด้วยสีหน้าตกใจ หันหน้าหนีจากกลุ่มเพื่อน ที่พยายามชะโงกหน้าผ่านช
กริ้ง ~ สิ้นเสียงสัญญาณเข้าห้องเรียนในคาบแรก หนุ่มน้อยรีบเบิ่งพรวดเข้ามาในห้องพยาบาล มองควานหาสาวน้อย จนพบร่างเล็กน้อยห่มผ้าคลุมโปงอยู่สุดห้อง“ป๊อบ เป็นไงบ้าง”“ป๊อบดีขึ้นแล้วกานต์ --- กานต์มาทำไม ทำไมไม่ไปเรียน”“กานต์กำลังจะไปเรียนแล้ว คาบแรกวิชาสุขศึกษาน่ะ ห้องข้าง ๆ นี่เอง”“อ่อ”“ว่าแต่ป๊อบห่มผ้าทำไมน่ะ หนาวเหรอ”“นิดหน่อยน่ะกานต์”“แต่ ... ป๊อบเหงื่อชุ่มเลยนะ” หนุ่มน้อยก้มลงปาดเหงื่อข้างขมับของสาวน้อย“เอิ่ม ... ป๊อบเพิ่งกินยาไป สงสัยยากำลังออกฤทธิ์ กานต์ไปเรียนเถอะ ป๊อบอยู่คนเดียวได้”หนุ่มน้อยมองออกกลับมาหน้าห้อง ที่มีกระจกใสบานใหญ่กั้น“โอเค งั้นกานต์ไปเรียนแล้วนะ ถ้ามีอะไรให้กานต์ช่วยบอกได้เลยนะ”“โอเค”หนุ่มน้อยเดินออกจากห้องจนลับสายตา สาวน้อยสาดตามองจนสุดสาย ก่อนจะถีบผ้าห่มหนาพ้นตัวสาวน้อยครุ่นคิดว่าจะออกไปเรียนดีไหม ในเมื่อตอนนี้อาการก็ปกติดีที่สุดแล้ว หรือจะนอนเป็นผักอบร้อนคนเดียวในนี้ คิดไปคิดมามันก็เหงาอยู่ไม่น้อย ที่ต้องอยู่คนเดียวในห้องที่มีเตียงว่างเรียงรายนับสิบ จนเกิดความคิดในหัวว่า ‘วันนี้ไม่มีใครป่วยเลยหรือไงนะ’เพียงไม่นานเมื่อสิ้นความคิด เสียงเปิดประตูที่เ
สาวน้อยมองซ้ายมองขวา หาเพื่อนร่วมห้องที่น่าจะคุ้นตาอยู่บ้าง แต่ก็ไม่เจอ มีเพียงคนแปลกหน้าที่ไม่รู้จัก ผ่านเธอไปอย่างมีจุดหมาย ก็คงไม่ใช่เรื่องแปลก เพราะวันที่ครูให้แนะนำตัว เธอเอาแต่ก้มหน้าก้มตา เธอจึงแทบจะจำหน้าใครในห้องไม่ได้เลย และในตอนนี้เธอรู้สึกเคว้งอย่างบอกไม่ถูก ครั้นจะเดินไปขอเข้าแถวกับกานต์ก็คงไม่ถูก จะเดินผ่านสายตาที่มองแบบเด่น ๆ ไปเดาหัวแถวข้างหน้าก็กลัวจะหน้าแตกเธอยืนงกงงท่ามกลางผู้คนผ่านไปผ่านมาเฉียดเบียดข้างกายเธอ เหงื่อที่มือผุดเม็ดออกมาจนเปียกชื้น แผ่นหลังเปียกโชกไปด้วยเม็ดเหงื่อที่ไหลเป็นทางจนเปียกแฉะ เสียงหวานของพี่แจนประชาสัมพันธ์ผ่านไมค์เริ่มแผ่วเบาภายในหู เสียงรอบข้างเริ่มค่อย ๆ แผ่วลง แต่มีเสียงอู้อี้วี้ดดังขึ้นในหู ภาพนักเรียนเข้าแถวภายหน้ากลายเป็นภาพซ้อน ที่เพิ่มจำนวนนักเรียนเพิ่มขึ้นหลายสิบเท่า ลมหายใจถี่ รู้สึกเหมือนหายใจเข้าไม่ถึงปอด“ป๊อบ !” เสียงแหลมเล็กเรียกดังลั่น นี่น่าจะเป็นเสียงเดียวที่เธอได้ยินในตอนนี้ตุ้บ !“ป๊อบ เป็นไร ลุกขึ้นก่อน ๆ” ท่อนแขนเล็กเรียวประคองแผ่นหลังเธอ ขึ้นมาจากพื้นดินกรุ่นฝุ่น ผู้คนกรู่เข้ามามุงดู เธอยังคงรู้สึกตัวอยู่ตลอดเวลา ใน