แชร์

chapter 16

last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-01-03 14:31:13

“คนอะไรจะหนักขนาดนี้เนี่ย” เก้าเทียนรุ่ยอดบ่นมิได้ เพราะน้ำหนักที่ทิ้งลงมาทำให้เขายืดตัวแทบมิขึ้น สองขาก็สั่น หากเพียงแค่ลมหายใจมิทันจะหมด ความหนักที่เจอก็ลดน้อยลงไปและยังจะพาท่านแม่ทัพไปที่ถังน้ำได้โดยง่ายอีกด้วย

“หากมิคิดว่าคนข้างนอกจะรีบเข้ามาจับกุมข้านะ ข้าจะปล่อยให้ท่านล้มคะมำหัวจุ่มลงไปในถังน้ำอุ่นผสมยาไปเลย” หากสิ่งที่เขาทำได้นะหรือ พยายามประคองร่างที่สูงเพรียวเอาไว้ ขณะเดียวกันก็พยายามยกขาของอีกฝ่ายให้เข้าไปอยู่ในถังน้ำอุ่นผสมยาที่กว่าจะเสร็จ ก็ทำเอาเก้าเทียนรุ่ยถึงกับได้เหงื่อ

จัดให้อีกฝ่ายแช่น้ำอุ่นผสมยาสมุนไพรพร้อมกับจัดท่าทางให้ท่านแม่ทัพจมอยู่ในน้ำยามากที่สุดได้แล้ว เก้าเทียนรุ่ยก็ยืนหายใจหอบแรงอยู่ครู่หนึ่งพร้อมกับคิดว่าจะทำอย่างไรต่อไป

จุ่มมือลงไปในน้ำก็เห็นว่าสำหรับท่านแม่ทัพใหญ่คงจะกระตุ้นเลือดลมให้ไหลเวียนได้ดี หากสำหรับตัวเขาแล้วมันร้อนไปสักเล็กน้อย หากทำอย่างที่คิดไว้ตอนแรก ลงแช่สมุนไพรเพื่อช่วยนวดกระตุ้นร่างกายให้อีกฝ่ายคงจะ...มิไหว จะใช้มือตักน้ำมาราดรดบนไหล่ แผ่นหลังและหน้าอกบางส่วนอาจจะทำให้มือมีปัญหาได้ น่าจะต้องใช้ผ้าผืนเล็กมาช่วย คิดได้อย่างนั้นก็รีบไปค้นหาผ้าที่พอเหมาะมือและไม่อุ้มน้ำไว้มากเกินไปมาจุ่มน้ำอุ่นผสมยาในถังแล้วโปะไปบนร่างกายของท่านแม่ทัพ

“ข้ามาอยู่ที่นี่ก็...เจ็ดวันแล้วนะ ในหนึ่งวันหากข้ามิไปดูลูกน้องของท่านพรวนดิน รดน้ำผักที่ข้าต้องเป็นคนปลูกเอง...ก็ต้องไปหาซื้อยามาต้มให้กับท่านดื่มและก็อยู่แต่ในห้องนี้กับท่านโดยมีรองแม่ทัพและคนของท่านคอยจับตามองอยู่ตลอดเวลา คิดถึงท่านแม่ก็ไปหามิได้ ท่านรู้บ้างไหมว่าข้าเหงาแค่ไหน นี่หากท่านยอมฟื้นมาทะเลาะกับข้าบ้าง มิดีหรืออย่างไร มันแต่นอนอยู่นั่นแหละ นี่หากข้ากับท่านแม่ถูกคนพวกนั้นรู้เข้า ใคร...ใครหน้าไหนจะช่วยปกป้องพวกข้าฮึ”

มิรู้ทำไมเขาถึงคิดว่าสตรีนางนั้นจะมิเชื่อว่าเก้าเทียนรุ่ยกับมารดาสิ้นชีพแล้ว อาจเป็นเพราะคำกล่าวที่...หากยังมิตายก็ต้องเห็นหน้า ตายก็ต้องเห็นศพก็เป็นไปได้ อีกทั้งความแน่นอนคือความมิแน่นอน แม้ทุกครั้งที่ทำการรักษาผู้คน จะปกปิดชื่อแซ่ของตนเองกับท่านแม่เอาไว้ แต่ใครจะไปรู้ได้ละว่า สิ่งที่ปกปิดไว้จะเป็นความลับได้ตลอดไป หากเมื่อใดที่เขารักษาท่านแม่ทัพเป็นผลสำเร็จ...ย่อมมิอาจปกปิดชื่อเสียงที่มีได้ ถึงตอนนั้นก็มิอาจทำอย่างที่คิดได้แล้ว มินานสตรีนางนั้นก็จะต้องรู้และตามหาตัวจน

“ข้ากล่าวผิดไปแล้ว...ข้ามิได้หวังให้ท่านช่วยเหลือจริง ๆ หรอกนะ หากเพียงแค่อยากให้ท่านรีบฟื้น ท่านรู้ไหมว่าท่านเป็นที่รักของผู้ใดบ้าง มีแต่คนอยากให้ท่านฟื้นมาทั้งนั้น ท่านจะทอดทิ้งพวกเขาให้ต้องทนทุกข์กับการรอคอยจริงหรือ รู้ไหมว่าทหารที่อยู่ด้านนอก ก็มีบ้างนะที่หลุดปากกล่าวออกมาว่าท่านเข้มงวดและเด็ดขาดมาก มีหลายอย่างที่พวกเขาคิดว่าท่านทำเกินไป หากก็มีมิน้อยที่กล่าวว่า ท่านเป็นคนยุติธรรม เมื่อมีคนทำผิด ท่านมิสนใจว่าคนผู้นั้นเป็นลูกหลานผู้ใด มีฐานะและยศถาบรรดาศักดิ์แค่ไหน เมื่อทำผิดต้องรับโทษทัณฑ์”

หากเรือนของท่านแม่มีคนเช่นนี้บ้างก็คงจะดี เขากับท่านแม่จะได้มิต้องตกระกำลำบากเช่นนี้ แต่ก็นะ...มิมีใครกำหนดสิ่งที่จะเกิดขึ้นได้

“ตอนนี้...พวกเขาเสียขวัญเสียกำลังใจ ท่านเป็นนายของพวกเขา ท่านจะทอดทิ้งพวกเขาได้ลงคอเชียวเหรอ” ที่กล่าวออกไปก็มิรู้ว่าจะได้ผลหรือเปล่านะ หากคิดว่าการชวนอีกฝ่ายที่ยังคงหลับมิได้สติอยู่พูดคุยบ้าง จะช่วยไปปลุกคนขี้เซาให้รีบตื่นขึ้นมา มีเรื่องอีกมากมายที่เขาอยากจะนำมาบอกเล่าให้อีกฝ่ายได้ฟัง หากคงต้องรอแช่สมุนไพรในครั้งต่อไปแล้วล่ะ ด้วยว่าตอนนี้น้ำยาในถังมันเริ่มเย็นแล้วควรนำคนป่วยขึ้นไปนอนพัก

“น้ำเริ่มจะเย็นแล้ว เอาไว้ข้าค่อยหาเรื่องอื่นมาเล่าให้ท่านฟังอีกนะ” แต่เฉพาะตอนที่ท่านแม่ทัพยังมิฟื้นนะ “ตอนนี้ร่างกายท่านได้ยาช่วยกระตุ้น ทำให้เลือดลมในกายที่มันติดขัดอยู่ไหลเวียน หากหลังจากนี้...คงมิมีใครช่วยท่านได้แล้วนอกจากตัวท่านเอง”

สมุนไพรที่แช่และผักที่ทำหน้าที่ราวกับเป็นยารักษาที่เขาปรุงให้กินเข้าไป อย่างไรก็เพียงแค่กระตุ้นและทำการซ่อมแซมรักษา หากนั่นมิใช่สิ่งที่สำคัญที่สุด เก้าเทียนรุ่ยคิดว่าเหตุที่ท่านแม่ทัพยังมิฟื้น ก็เนื่องมาจากใจที่คงจะยังมิพร้อมที่จะตื่น มิรู้ว่าได้ไปเจอเรื่องหนักหนาอะไรขึ้นมา ถึงได้หมดใจจนมิยอมตื่นมาเช่นนี้ แต่ก็นะ...คนเราย่อมมีเรื่องให้ยิ้มอย่างมีความสุข หากก็มีเรื่องให้ทุกข์ใจเช่นกัน ในตอนนี้เขาควรทำหน้าที่ของตนเองให้ดี ไม่มัวไปคิดวุ่นวายกับเรื่องของผู้อื่น นั่นคือสิ่งที่ดีที่สุดแล้ว 

เก้าเทียนรุ่ยประคองท่านแม่ทัพให้ลุกขึ้นเพื่อจะพาออกจากถังน้ำเพื่อชำระล้างยาและสวมใส่อาภรณ์ตัวใหม่ ทว่า...

“ท่าน!” เก้าเทียนรุ่ยได้แต่กะพริบตาปริบ ๆ มองคนตรงหน้าอย่างตื่นตะลึงและคิดอันใดมิออก ก่อนปากจะเอ่ยพึมพำเสียงแผ่วเบาไปว่า...

“ท่านฟื้นแล้ว”

ทั้ง ๆ ที่เฝ้ารอคอยให้ท่านแม่ทัพฟื้นคืนสติขึ้นมาโดยเร็ว หากเมื่อถึงตอนที่อีกฝ่ายมายืนอยู่ตรงหน้า เก้าเทียนรุ่ยกลับรู้สึกว่ามันเหนือความคาดหมายจนมิรู้ว่าจะตั้งตัวรับเช่นไร หากสิ่งหนึ่งที่เขารู้สึกได้ยามเมื่อได้สบกับดวงตาสีดำสนิทราวกับมีแรงดึงดูดเข้าหาอย่างมหาศาลคือความน่ากลัว...ที่มันทำให้เขาคิดได้เพียงแค่อย่างเดียว ควรไปจากที่แห่งนี้! ทว่า...

เก้าเทียนรุ่ยยังมิทันจะรู้ตัวว่าเกิดสิ่งใดขึ้น กายเล็กเพรียวก็ไปยืนชิดกับท่านแม่ทัพโดยมีแขนกำยำโอบรัดรอบเอว เมื่อเงยหน้าขึ้นหมายจะประท้วง อีกฝ่ายก็โน้มใบหน้าลงมากระซิบที่ข้างหูเสียงแหบแห้งด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยพลังอำนาจ

“น่าสนใจดี”

อะไร...อย่าว่ากันเลยนะ การเรียนหนังสือเขาฉลาดมิน้อย ถึงจะมิได้ที่หนึ่งสองสาม หากก็ติดหนึ่งในสิบตลอด แต่กับการใช้ชีวิต เขาเป็นคนที่เรียกได้ว่า ค่อนข้างที่จะโง่มาก มักตามผู้อื่นมิทัน อย่างเช่นคราวนี้ที่ได้แต่ยืนงง กว่าจะรู้ว่าเกิดสิ่งใดขึ้นก็เมื่อรับรู้ว่าริมฝีปากถูกปิด

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • ปลูกรักฮูหยินแม่ทัพปีศาจ   chapter 124 - จบ

    “แล้วเด็กสองคนนั้น” เสวียนลิ่วหลางเอ่ยถามเพราะหนานชวนส่งข่าวให้รู้บ้างแล้ว“ดูเป็นเด็กดีอยู่ขอรับ” นับตั้งแต่ที่เขาอยู่กับเสวียนลิ่วหลางมา มิเพียงแค่ร่างกายที่เปลี่ยนไป หากรับรู้ว่าภายในกายเริ่มมีพลังลมปราณมากพอที่จะสัมผัสได้ว่าใครมีวรยุทธ์และพอจะมองออกว่าผู้ใดมาดีหรือร้าย ทำให้มองออกว่าเด็กน้อยสองคนเป็นเด็กดีจริง ๆ จึงยินดีเป็นอย่างมากที่มารดามีคนดี ๆ มาคอยดูแล“แล้วท่านพี่ละขอรับ พบเจอเรื่องใดหรือไม่”หากเสวียนลิ่วหลางมิทันจะได้บอกกล่าวเรื่องที่ได้ไปตรวจสอบมา...มิได้มีสิ่งใดร้ายแรง ก็เป็นพวกมารปลายแถวกับเผ่าปีศาจที่มิชอบหน้ากันมาทะเลาะกัน แล้วกลุ่มจอมยุทธ์รุ่นใหม่เขาอยากแสดงว่าตนมีฝีมือเท่านั้น ก็มีบางคนเดินเข้ามา“มาทำไม” เสวียนลิ่วหลางเอ่ยเสียงเข้มดุ หากเด็กน้อยตรงหน้ากลับมิสนใจแล้วยังจะส่งยิ้มให้กับเก้าเทียนรุ่ยเพื่อยั่วโทสะยักษ์ใหญ่ตรงหน้าอีกด้วย“มิได้มาหาเจ้าเสียหน่อย มาหานั่น...” ปากเล็กสีแดงสดบุ้ยใบ้ไปทางเก้าเทียนรุ่ย “ต่างหากล่ะ...คิดถึงมากเลย”“ที่นี่เรือนข้า...ไปคิดถึงไกล ๆ หากมิอยากถูกจับโยนออกไป”“กล้ารึ...ข้าพี่ชายสองนะ เจ้ากล้าทำร้ายพี่ชายเมียเจ้ารึ”“ฮึ! พี่ชายที่นอก

  • ปลูกรักฮูหยินแม่ทัพปีศาจ   chapter 123

    “อึก...อ้ายฉี!” ชิงชวนร้องเรียกด้วยความเกรี้ยวกราดเพราะยังมิทันได้เตรียมกายรับอ้ายฉีก็แทรกแท่งใหญ่ร้อนเข้ามาอย่างรวดเร็ว แล้วยังจะหัวเราะร่าพร้อมกับกลั่นแกล้งเขาด้วยการขยับกายออกแล้วเคลื่อนกลับเข้าไปใหม่จนสุด“ไอ้เจ้าบ้าอ้ายฉี!”“อา...ข้ามันคนบ้านี่น่า เขาว่าคนบ้าทำอะไรก็มิผิด” ว่าแล้วอ้ายฉีก็เร่งเคลื่อนกายจู่โจมเข้าในพื้นที่เร้นลับของชิงชวนอย่างหนักหน่วงซ้ำแล้วซ้ำเล่า...จากนุ่มนวลกลับเป็นรุนแรงเมื่อถูกผนังอ่อนนุ่มบีบรัด“เจ้าว่า...ข้าจะบ้าได้มากกว่านี้ไหมอาชวน”“หยุดทำอย่างที่เจ้าคิดเลยนะอ้ายฉี” ชิงชวนห้ามปรามเมื่อพอจะรู้ว่าอีกฝ่ายคิดทำการสิ่งใด เขามิอยากเดินออกจากห้องพักอย่างอับอายเพราะถูกอีกฝ่ายจับกดจนเตียงพังอย่างเช่นโรงเตี้ยมที่ก่อนหน้าอ้ายฉีเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อยขณะกล่าวออกไป “ข้ายังมิได้คิดอะไรสักหน่อย”“ฮึ! เจ้าอย่าคิดว่าข้าจะมิล่วงรู้ ข้าอยู่กับเจ้ามานานเท่าใดแล้ว ยามนี้หากมิใช่เพราะคิดว่าเดินทางกันพอแล้วกับในยุทธภพมีเรื่องมากมายชวนปวดหัว คิดว่าเจ้ากับข้าจะคิดกลับไปหาท่านแม่ทัพ...นายท่านกับคุณชายหรือไงกัน”“ครั้งนี้ข้ายอมก็ได้” หากมิใช่เพราะจะทำให้ชิงชวนอับอาย แต่เขาสัมผัสได้ว

  • ปลูกรักฮูหยินแม่ทัพปีศาจ   chapter 122

    “ใบหน้าเมียข้ายามนี้ช่างงดงามเหลือเกิน เร่งอีกหน่อยสิท่านพี่ ข้าอยากได้ยินเสียงร้องของอาเหว่ย” จวินต้าเกอเอ่ยยามทอดสายตามองใบหน้าที่แสดงออกถึงความสุขสมยามถูกกระแทกด้วยความต้องการ“ได้สิน้องข้า” เฮยต้าเกอตอบรับ ผนังอ่อนนุ่มช่างบีบรัดเสียจนเขาถึงหายใจหอบแรงทำให้เขาขยับโยกกายด้วยความหนักหน่วงรุนแรงตามความต้องการที่มันเพิ่มมากขึ้น...และมากขึ้นจางเหว่ยสัมผัสได้ถึงกระแสความร้อนที่ไหลพุ่งเข้าสู่ร่างกายพร้อมกับเสียงครางของเฮยต้าเกอ ก่อนคลื่นความร้อนครั้งใหม่จะถาโถมเข้าหา“ข้าถูกพี่ใหญ่กลั่นแกล้ง แล้วยังจะต้องพาหมูป่ากลับมา ระหว่างทางก็ยังจะพลัดตกลงไปในแม่น้ำด้วย กว่าจะถึงบ้านก็เหนื่อยมิใช่น้อย เมียข้าช่วยปลอบโยนข้าหน่อยนะ” จวินต้าเกอเอ่ยขณะสองมือใหญ่ลูบคลำไปทั่วร่างกายพร้อมกับใช้แท่งใหญ่ยักษ์ของตนเองกดรุกล้ำเข้าไปในร่องทางด้านหลังของจางเหว่ยยามถูกผนังอบอุ่นห่อหุ้มและรัด ความต้องการของจวินต้าเกอก็เพิ่มมากขึ้น เขาขยับกายตัวราวกับพายุฝนที่กำลังกระหน่ำสาดซัดอย่างรุนแรง“หากเมียข้ายังจะทำสีหน้าเช่นนั้น...วันนี้เราคงจะมิได้ไปหานายท่านกับคุณชายเป็นแน่” เฮยต้าเกอกล่าวขณะวางมือลูบไล้บนอกเมียรัก“ข้า

  • ปลูกรักฮูหยินแม่ทัพปีศาจ   chapter 121

    “ท่าน...ท่านพี่” จางเหว่ยเอ่ยทักสองบุรุษที่เดินเข้ามาในบ้านเสียงแผ่วเบา ด้วยอย่างไรเขาก็ยังมิชินกับการเป็นฟูเหรินของบุรุษด้วยกัน แต่มิใช่เพราะเขาจำต้องผูกพันธสัญญาหรือมิเต็มใจอยู่กับกระทิงสองพี่น้องหรอกนะ แต่เพราะใจของเขาก็รู้สึกดีกับทั้งสองคนอยู่มิน้อย ยิ่งเมื่อผ่านพ้นค่ำคืนผูกพันธสัญญาไปแล้ว เฮยต้าเกอและจวินต้าเกอก็ดูแลเขาอย่างดี“มิสบายหรือเมียข้า” เฮยต้าเกอเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง“ข้ามิได้เป็นอะไร หากแต่ท่านพี่กับท่านพี่จวิน เหตุใดถึงได้กลับมาเรือนเร็วเช่นนี้ ยังมิทันจะเที่ยงเลย ท่านมิสบาย...บาดเจ็บใช่หรือไม่” จางเหว่ยเอ่ยถามพลางมองดูว่าบุรุษตรงหน้ามีบาดแผลที่ส่วนใดของร่างกายบ้าง“มิได้เป็นเช่นนั้น วันนี้โชคดี ได้หมูป่าตัวใหญ่มา เลยคิดกันว่ารีบกลับบ้านจะดีกว่า หมูป่าตัวใหญ่เช่นนี้ถ้าได้นั่งล้อมวงกินกันหลาย ๆ คนคงจะดีมิใช่น้อย อาเหว่ยอยากพามันไปกินกับนายท่านกับคุณชายหรือไม่” เฮยต้าเกอกล่าวถึงเสวียนลิ่วหลางกับเก้าเทียนรุ่ย“แต่กว่าท่านพี่จะจับมันได้...มิง่ายเลยนะขอรับ” แม้จะดีใจที่กระทิงสองพี่น้องยังคิดถึงความรู้สึกของเขา“สัตว์มีอยู่เต็มป่า จะจับเมื่อไหร่ก็ได้ แต่นายที่ดีอย่างนายท่

  • ปลูกรักฮูหยินแม่ทัพปีศาจ   chapter 120

    “อ่า...รอค่ำคืนนี้ก่อนนะเมียรักของข้า รุ่งสางแล้วเราต้องเร่งทำเวลา” ยามนี้จวนแม่ทัพยังมีงานให้เขาทำอยู่ อีกทั้งยังบางคนที่มิอยากให้เขาออกไปใช้ชีวิตที่อื่นก็มาคอยอ้อนวอนขอร้อง“อื้อ...” เก้าเทียนรุ่ยรับคำก่อนจะยกตนเองขึ้นเพื่อตอบรับเจ้ายักษ์ใหญ่ที่ค่อย ๆ สอดดันเข้ามาในร่างก่อนจะถอนออกอย่างเชื่องช้า แล้วย้อนกลับเข้ามาอีกครั้ง ซ้ำแล้วซ้ำเล่า ทุกครั้งจะลึกขึ้นเรื่อย ๆร่างเล็กบางไหวโยกตามแรงเคลื่อนไหว ผนังด้านในรับรู้สึกแท่งร้อนที่บุกรุกเข้ามาในกายครั้งแล้วครั้งเล่า บ้างก็เชื่องช้า บ้างก็รวดเร็ว“ท่านพี่”ใบหน้าแดงระเรื่อของเก้าเทียนรุ่ย ดวงตากลมใสที่ยามนี้ฉายแววปรารถนาอย่างชัดเจนทำให้เสวียนลิ่วหลางยิ่งถาโถมแท่งร้อนบุกรุกเข้าไปในพื้นที่หวงห้ามด้วยความปรารถนาที่รุนแรง เสียงสะท้อนของร่างกายที่กระทบกันดังทั่วห้องเช่นเดียวกับเสียงหอบของสองคนที่ดำดิ่งกับความใกล้ชิดเสวียนลิ่วหลางพลิกกายบางให้ลงนอนคว่ำ ใบหน้าเก้าเทียนรุ่ยแนบกับหมอนหนุน แขนแกร่งสอดรัดเอวเล็กขณะกดสะโพกพาแท่งเหล็กร้อนให้ดำดิ่งสอดแทรกไปในช่องทางที่อ่อนนุ่มครั้งแล้วครั้งเล่า ก่อนเสียงคำรามจะแผดดังขึ้นพร้อมกระแสความร้อนไหลพุ่งเข้าสู่

  • ปลูกรักฮูหยินแม่ทัพปีศาจ   chapter 119

    “เอาเป็นข้า...” เด็กน้อยเคลื่อนไหวกายเพียงเล็กน้อยแต่กลับรวดเร็วเสียจนแทบจะมองมิทัน เพียงแค่มิถึงหนึ่งจิบชาดูเหมือนว่าทุกคนที่ยังคงอ่อนแรงยกเว้นเสวียนลิ่วหลางก็ดีขึ้น“ข้าช่วยพวกเจ้าได้เพียงแค่นี้ ส่วนที่เหลือก็เป็นเรื่องของพวกเจ้าเองแล้ว”“เดี๋ยว!” เก้าเทียนรุ่ยร้องเรียกเด็กน้อยตรงหน้าที่หันกายจะจากไป“มีอะไรอีก ข้ามิได้คิดร้ายกับพวกเจ้านะ”“เปล่า ข้ามิได้คิดเช่นนั้น แต่...” เก้าเทียนรุ่ยขบเม้มปากเข้าหากัน มิรู้ว่ามันเป็นความรู้สึกของเขาเองหรือเปล่าที่รู้สึกคุ้นเคยกับเด็กน้อยตรงหน้าประมาณหนึ่ง จนมันอดที่จะคิดมิได้“หากเจ้ามิพูดอะไร ข้าจะไปแล้วนะ”“เจ้า...คุณเป็นหนึ่ง” เก้าเทียนรุ่ยเอ่ยเสียงแผ่วเบา“หือ...” คิ้วของเด็กน้อยเลิกขึ้น“ใช่หรือไม่”เด็กน้อยคลี่ยิ้ม ก่อนจะเอ่ยออกไปว่า “จะใช่หรือมิใช่ จะมีสิ่งใดแตกต่างไปล่ะ ในเมื่อทุกสิ่งทุกอย่างมิอาจย้อนกลับไปแก้ไขสิ่งใดได้แล้ว เจ้านั่นแหละ...ได้โอกาสแล้วก็ใช้ชีวิตนับจากนี้ไปให้มีความสุขเถอะ” กล่าวจบเด็กน้อยที่มิบอกกล่าวให้ทุกคนรู้เป็นผู้ใดจากไปพร้อมกับร่างของเสวียนลิ่วหลางที่ทรุดล้มลงศีรษะแนบชิดกับลำคอเก้าเทียนรุ่ย“ท่านพี่!”“ท่านแม่ทัพ!”

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status