อีกด้านหนึ่ง ฉู่เฉินผลักประตูห้องเข้าไป เขาพึ่งเดินไปถึงห้องโถง ก็เห็นต้วนหลิงเวยสวมชุดกี่เพ้าสีแดงเพลิงที่เปิดคอเล็กน้อย พิงพนักแขนของโซฟาไว้อยู่รอยผ่าที่ชายกระโปรงของเธอหยุดลงตรงบริเวณต้นขา เผยให้เห็นขาอันขาวราวกับหิมะของเธอที่ปกปิดไว้อย่างแน่นหนาด้วยถุงน่องไหมสีขาวดวงตาที่กระตือรือร้นและน่าหลงใหลคู่หนึ่งจ้องมองไปที่ฉู่เฉินด้วยท่าทีมึนงงเธอดมกลิ่น เธอยังสามารถสัมผัสได้ถึงกลิ่นหอมที่คละคลุ้งในห้องอีกด้านหนึ่ง ต้วนหลิงเวยสวมใส่ชุดคนรับใช้ นอนตะแคงบนเตียงโดยกางลำตัวที่สวยงามออก เท้าสีชมพูของเธอเปลือยเปล่า มองดูฉู่เฉินด้วยดวงตาที่สวยงามเช่นเดียวกันซี้ดๆ!ดุดัน!ฉู่เฉินสัมผัสถึงพลังงานอันตรายบางอย่างที่จะพยายามจะดูดเขา“พวกเธอ...”ฉู่เฉินยืนอยู่ข้างหน้าประตู ไม่ได้ก้าวไปข้างหน้า แต่เขากลับถามด้วยความกลัดกลุ้มใจเมื่อคืนที่ทำศึกรักกัน สองพี่น้องนักฆ่านี่คงไม่ได้ถูกเขาพิชิตใช่ไหม?โดยเฉพาะยัยคนเล็กต้วนหลิงเวยนั้น ภายในใจของเธอจะซ่อนความเคียดแค้นและความโกรธไว้มากขนาดไหนกันนะ?ในเมื่อการพูดคุยสองครั้งล้วนแต่ไม่เป็นมิตรแม้ว่าคืนเมื่อวานการพูดคุยจะถือว่าไหลลื่น แต่นี่ไม่ได้หม
ขณะนี้ทุกท่วงท่าที่สองพี่น้องกำลังทำอยู่นั้น ช่างยั่วยวนเหลือเกินโดยเฉพาะต้วนหลิงเวย ที่ดูน่าหลงใหลและเย้ายวนใจยิ่งกว่า ด้วยดวงตาที่สวยงามระยิบระยับราวกับน้ำในฤดูใบไม้ร่วง ทำให้ผู้คนรู้สึกทนไม่ได้ในฐานะที่เป็นนักฆ่าชั้นเลิศ เธอเข้าใจผู้ชายมากที่สุดแล้ววินาทีต่อมา ก็เห็นเพียงแต่ต้วนหลิงเวยที่เอียงศีรษะ และเอียงคอที่เหมือนหยกของเธอไปข้างหน้าริมฝีปากสีแดง เธอคาบองุ่นไว้ แล้วเข้าไปใกล้ๆ ริมฝีปากของฉู่เฉินด้วยการดูดริมฝีปากอย่างอ่อนโยนและการใช้ลิ้นอย่างชาญฉลาด องุ่นที่ปอกเปลือกแล้วก็ถูกส่งเข้าไปในปากของฉู่เฉินน้ำองุ่นค่อยๆ ไหลออกมาจากมุมปากของต้วนหลิงเวยอย่างช้าๆ หลังจากนั้นก็ค่อยๆ ไหลลงไปคอเสื้อของเธอ เทคนิคนี้มันสุดยอดไปเลยแม้แต่ฉู่เฉินก็ยังสูดหายใจเข้าลึกๆ เขาแอบตกใจคนที่เคยได้รับการฝึกฝนนี่ไม่เหมือนใครจริงๆ ถ้าหากเทียบกับกู้รั่วเสวี่ยและหลินชือหย่าที่เป็นมือใหม่ต้วนหลิงเสวี่ยก็กะพริบตายั่วยวนเช่นกัน เลียนแบบการกระทำของต้วนหลิงเวยด้วยการป้อนองุ่นเข้าปากของฉู่เฉิน แต่เมื่อเปรียบเทียบกันแล้ว การเคลื่อนไหวของเธอก็ดูเกร็งและอึดอัดกว่ามากขนาดเปลือกองุ่นก็ยังปอกไม่เรียบร้
“หึ วันใดวันหนึ่ง ฉันกับพี่สาวฉันจะทำให้นายไม่อยากออกจากบ้านตั้งฟ้าสางยันตะวันตก”ต้วนหลิงเวยพูดออกมาด้วยความมั่นใจเรื่องอื่นเธออาจจะไม่แน่ใจ แต่เรื่องรับมือกับผู้ชาย เธอทำได้แน่นอนไม่อย่างนั้น ตอนที่เธอตามล่าหัวหน้าแอฟริกาไม่รู้ตั้งกี่ครั้ง ทำไมเธอไม่เสียตัวล่ะ?“งั้นฉันจะรอการกระทำของพวกเธอนะ”ฉู่เฉินยิ้มอย่างร้ายกาจ เอามือลูบไปที่จมูกของต้วนหลิงเวย หลังจากนั้นเขาก็เดินออกไป ต้วนหลิงเสวี่ยมองไปที่ต้วนหลิงเวยที่ดูผิดหวัง เธอก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา “พี่บอกเธอแล้วว่าอาจจะมีบางเรื่องที่ไม่คาดคิดแทรกเข้ามา อีกทั้งสาวสวยรอบกายของนายท่านมากมาย หากอยากจะมัดใจเขาให้อยู่หมัด นั่นไม่เรื่องง่ายเลย”ต้วนหลิงเวยส่งเสียงหึในลำคอ “ฮึ! ฉันไม่เชื่อหรอกนะว่าในโลกนี้จะมีผู้ชายที่ฉันเอาไม่อยู่”พูดจบเธอก็หยิบเชอร์รี่ในจานยัดเข้าไปในปากของเธอ พร้อมทั้งเคี้ยวอย่างโมโห……อีกด้านหนึ่ง ตอนที่ฉู่เฉินผลักประตูออกจากบ้านใหญ่ฉู่เฉิน หลี่ฮุยยังคงคุกเข่าอยู่ข้างนอกประตูอย่างเชื่อฟัง“ว้าว คุณชายหลี่คุกเข่ามั่นคงดีจริงๆ นะเนี่ย”ฉู่เฉินยิ้มเห็นฟันให้กับหลี่ฮุย หลี่ฮุยสกัดกั้นความโกรธไว้ในใจ ก้มหั
“ฉู่...”“ชู่!”ฉู่เฉินเหลือบมองไปที่หลี่เจี้ยนเย่ที่นอนตะแคงอยู่ เขาเอามือทำท่าชู่ใส่จางหลิงจางหลิงก็เข้าใจโดยทันที ดูแล้วนี่น่าจะไม่ใช่ครั้งแรกที่ฉู่เฉินทำแบบนี้ ดูคล่องแคล่วจริงๆเพี้ยะ!ในตอนที่จางหลิงดึงฉู่เฉินเพื่อเตรียมตัวไปอาบน้ำ ฉู่เฉินก็ยกมือขึ้นมา แล้วฟาดเข้าไปที่ก้นงอนของเธอ“อ๊ะ!”จางหลิงตกใจเป็นอย่างมาก เธอถึงร้องออกมาทันทีหลี่เจี้ยนเย่ราวกับว่าได้ยินเสียงอะไร เขาขยับหัว แต่ก็ไม่ได้ลุกขึ้นมา แต่เสียงกรนเบาลงไปอย่างเห็นได้ชัดนี่ทำให้จางหลิงกังวล ถ้าหลี่เจี้ยนเย่ตื่นมาตอนนี้ แล้วเห็นฉู่เฉินที่อยู่ข้างๆ เธอไม่อยากจะคิดเลยว่าจุดจบจะเป็นอย่างไรแม้ว่าหลี่เจี้ยนเย่อยากจะยกเธอให้ฉู่เฉิน แต่ไม่มีทางจะใช้วิธีแบบนี้ที่ให้เขาเห็นกับตาแน่นอนอีกอย่างหนึ่งแม้ว่าหลี่เจี้ยนเย่จะจับจุดอ่อนของฉู่เฉินได้แล้ว แต่อีกด้านหนึ่งฉู่เฉินรับ “ของขวัญ” ที่ชิ้นใหญ่ขนาดนี้ เขาอาจจะต้องทำอะไรบางอย่างเพื่อตระกูลหลี่หรือเปล่า?แต่การที่แอบกินลับๆ แบบนี้ ฉู่เฉินไม่จำเป็นต้องรับผิดชอบอะไร“มากับฉันค่ะ”จางหลิงกระซิบเบาๆ ข้างๆ หูของฉู่เฉินจากนั้นเธอก็ดึงฉู่เฉินและเดินอย่างย่องออกจากห้องน
“แค่กๆ!”จางหลิงปิ๊งไอเดียในยามคับขัน ส่งเสียงกระแอมผ่านม่านหลี่เจี้ยนเย่ค่อยๆ ลืมตาขึ้นมา หันไปมองทางมุ้งแวบหนึ่ง ขมวดคิ้วพูดว่า “ดึกขนาดนี้แล้ว ยังไม่อาบน้ำอีก?”“อา… ใช่ อากาศร้อนแล้ว เนื้อตัวมีแต่เหงื่อ ไม่อาบน้ำก็นอนไม่ได้ ใช่สิ คะ… คุณหลับแล้วไม่ใช่เหรอ”จางหลิงแทบจะตึงเกร็งไปทั้งตัวแล้ว หากหลี่เจี้ยนเย่เปิดม่านขึ้น เขาก็จะเห็นฉู่เฉินที่ยืนอยู่ข้างหลังเธออย่างชัดเจน!“อืม ผมมาสูดอากาศหน่อย เราอาบน้ำด้วยกันดีกว่า”พูดจบ หลี่เจี้ยนเย่ยื่นมือออกไปจะเปิดม่านขึ้น เขาไม่ได้อาบน้ำแบบสามีภรรยากับจางหลิงมานานแล้ว วันนี้จังหวะเหมาะพอดี ถือโอกาสนี้ปลดปล่อยอารมณ์และความเครียดไปด้วย“หยุดนะ!”หัวใจของจางหลิงแทบจะกระเด็นออกมาแล้ว เธอตวาดเสียงดังลั่นออกไปโดยไม่รู้ตัว หลี่เจี้ยนเย่ถึงกับอึ้งงัน เขาเลิกคิ้ว มองเข้าไปหลังม่านอย่างสงสัยเอ๊ะ?ทำไมรู้สึกเหมือนจางหลิงตัวสูงขึ้นสิบกว่าเซนติเมตรในพริบตาเลยล่ะเงานั่นสูงกว่าหลี่เจี้ยนเย่ด้วยซ้ำ นี่มันอะไรกันภายใต้การขับเคลื่อนแห่งความสงสัย หลี่เจี้ยนเย่สาวเท้าเดินไปข้างหน้า แล้วเขาก็พบว่าพอเงาร่างของเขาสาดสะท้อนบนผ้าม่าน ส่วนสูงของเขาก็เหม
ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง จึงเงยหน้ามองโคมไฟบนเพดาน แสงไฟนี่ก็ประหลาดจริงๆ ส่องเงาคนคนเดียวให้กลายเป็นสองคนได้จากนั้นก็หยิบโฟมล้างหน้าบนชั้นวาง และเปิดก๊อกน้ำล้างหน้าชั่วขณะหนึ่ง เสียงน้ำซู่ซ่าทั้งขึ้นพร้อมกันทั้งจากอ่างล้างหน้าและอ่างอาบน้ำ หลี่เจี้ยนเย่ไม่สงสัยอะไร เพียงล้างหน้าเสร็จ จากนั้นก็เดินเอื่อยเฉื่อยออกจากห้องน้ำไปจางหลิงได้ยินเสียงปิดประตู ก็อึ้งค้างด้วยความมึนงงฉู่เฉินจะโชคดีเกินไปแล้วมั้ง ถ้าเมื่อกี้หลี่เจี้ยนเย่เปิดม่าน ถึงแม้จะเห็นแค่แวบเดียว เธอกับฉู่เฉินจบเห่แน่นอน“ทำไมดูคุณเหมือนจะกลัวมาก”ฉู่เฉินโน้มตัวลงมาข้างหูของจางหลิง กระซิบถามด้วยน้ำเสียงกระเส่าเร่าร้อน“ละ… แล้วคุณไม่กลัวเหรอ มีแค่ผ้าม่านกั้นไว้อย่างนี้”ตอนนี้จางหลิงไม่ใช่แค่ขาสั่น แม้แต่เสียงพูดยังติดๆ ขัดๆ ไปด้วย น่ากลัวเกินไปแล้ว นี่ไม่ใช่สถานการณ์ชวนหวาดเสียวแล้ว แต่เรียกว่าสถานการณ์ชวนหวาดกลัวมากกว่า“ไม่เป็นไร ถึงเขามาเจอเข้าก็ไม่เป็นไร ถึงยังไงคุณก็เป็นฝ่ายยั่วผมเอง”ฉู่เฉินยิ้มอย่างร้ายกาจจางหลิงได้ยินอย่างนั้นก็อยู่ไม่ติดกระทั่งหนึ่งชั่วโมงกว่าผ่านไป ฉู่เฉินจึงได้กระโดดออกจากหน้าต่างห้อง
หลังจากเดินผ่านเส้นทางภูเขาด้านหน้าคฤหาสน์ ทั้งสองเดินมาถึงประตูของอาคารไม้สูงใหญ่หลังหนึ่งเวลานี้ แสงไฟในอาคารสว่างเจิดจ้า สองข้างทางมีชายหนุ่มร่างกายกำยำ สวมใส่ชุดสีดำยืนเรียงรายกันอยู่ยี่สิบกว่าคนบนเก้าอี้ไท่ซือที่อยู่ตรงกลางห้องโถงใหญ่ ชายชราผมขาวอายุราวเจ็ดสิบปีคนหนึ่งนั่งอยู่บนนั้นแม้ชายชราจะอายุมากแล้ว แต่ดวงตาพยัคฆ์คู่นั้นกลับยังคงมีประกายเจิดจรัส ให้ความรู้สึกมีบารมีน่าเกรงขามเขาผู้นี้ก็คือผู้กุมอำนาจตระกูลหยางแห่งเมืองหลงเฉิง นายท่านใหญ่แห่งตระกูลหยาง หยางติ่งเทียน!ข้างกายเขามีชายชราอายุราวหกสิบปีคนหนึ่งในชุดสีดำนั่งอยู่ชายชรานั่งหลับตาทำสมาธิ ในมือหมุนลูกเหล็กไปเรื่อยๆ มือที่แห้งเหี่ยวดุจกิ่งไม้มีเส้นเลือดนูนชัดราวกับหนอนตัวใหญ่ชายชราชุดดำคนนี้ ก็คือหูเจี้ยนเซิง หนึ่งในสองภูติวายุดำแห่งตระกูลหยางด้านข้าง หยางเทียนหยางและหยางเทียนฉีสองพี่น้องก็นั่งอยู่ด้วยด้านล่างยังมีลูกหลานตระกูลหยางอีกสิบกว่าคนยืนเรียงรายอยู่ แต่ละคนล้วนหันมามองทางประตูด้วยสีหน้าเคร่งเครียด“หยางเทียนหลงคารวะนายท่านใหญ่!”ขณะเอ่ย หยางเทียนหลงหมอบต่ำกับพื้น คลานเข่าเข้าไปในห้องโถงใหญ่“
แต่พอเรื่องพัวพันถึงผู้บำเพ็ญพรต ถึงขั้นที่อาจดึงสำนักที่อยู่เบื้องหลังของฉู่เฉินให้เข้ามายุ่งเกี่ยวด้วย หยางติ่งเทียนจึงได้ลังเลแล้วลังเลเล่าทว่าในเมื่อแม้แต่หูเจี้ยนเซิงก็พูดอย่างนี้แล้ว ว่าฆ่าฉู่เฉินไปก็ไม่ได้นำพาความเดือดร้อนอะไรมาให้ อย่างนั้นเขาจะมัวกลัวอะไรอยู่อีก“อาวุโสหู อย่างนั้นแค้นอันใหญ่หลวงของหลานชายผมก็คงต้องฝากอาวุโสหูให้ช่วยสะสางแทนด้วย เพียงแต่ไม่รู้ว่าต้องเตรียมตัวอะไรก่อนหรือไม่”หยางติ่งเทียนถามอย่างใส่ใจการต่อสู้ระหว่างผู้บำเพ็ญพรตต่างจากนักสู้ทั่วไป ยิ่งไปกว่านั้น อีกฝ่ายยังเป็นถึงยอดฝีมือผู้ฝึกปราณขั้นเจ็ด หูเจี้ยนเซิงแม้เป็นผู้ฝึกปราณขั้นเก้า อย่างไรก็ไม่ควรประมาทเลินเล่อ“โปรดให้ผมยืมกระบี่ชื่อหลงไปใช้ นอกจากเรื่องนี้ก็ไม่มีอย่างอื่นแล้ว”หูเจี้ยนเซิงพูดกับหยางติ่งเทียนอย่างจริงจังว่า “พรุ่งนี้ก่อนอาทิตย์ลับขอบฟ้า ผมจะนำหัวของมันกลับมารายงานต่อหน้าผู้นำตระกูลให้ได้”คำพูดของเขาทำให้หยางติ่งเทียนสบายใจขึ้นมา เขารีบหันไปสั่งหยางเทียนฉีที่อยู่ข้างๆ ว่า “เทียนฉี ไปหยิบกระบี่ชื่อหลงในคลังเก็บของมา”ผ่านไปไม่นาน หยางเทียนฉีประคองกระบี่ล้ำค่าสีแดงสดที่ส่อง
เพียะ!เสียงดังสนั่นดังขึ้นอีกครั้ง ตู้หรงเฉิงถูกฉู่เฉินตบจนล้มคว่ำลงกับพื้น หน้าผากกระแทกพื้นอย่างแรงจนหัวโนห้อเลือดขนาดเท่าลูกซาลาเปาทันที!ใบหน้าที่หล่อเหลาแต่เดิมนั้น ขณะนี้ดูเหมือนเทพเจ้าแห่งอายุวัฒนะในภาพวาด“แม่งเอ๊ย คนชั้นต่ำอย่างแกร่วมมือกับเขาใช่ไหม! ยังไม่ไสหัวไปอีก!”ตู้หรงเฉิงกุมศีรษะตรงที่ปูดโนขึ้นมา กัดฟันจ้องมองผู้หญิงเจ้ามารยา และพยายามลุกขึ้นจากพื้นอย่างยากลำบากเขาเป็นถึงคุณชายใหญ่แห่งตระกูลตู้ กลับถูกทำให้เสียหน้า ความแค้นนี้ ไม่ว่าอย่างไรเขาก็ต้องชำระ!เพียงข้างกายเขาไม่มียอดฝีมืออยู่ จึงทำอะไรฉู่เฉินไม่ได้เลยดังคำกล่าวที่ว่าคนฉลาดจะไม่ดันทุรังในสถานการณ์ที่เสียเปรียบ ตู้หรงเฉิงจึงตัดสินใจและคุกเข่าลงต่อหน้าฉู่เฉินเสียงดังตุบ“ท่านผู้อาวุโส เป็นความผิดของผมที่ตาไร้แววมารบกวนการพักผ่อนของท่านผู้อาวุโส หวังว่าท่านผู้อาวุโสจะจะไม่ถือโทษ และโปรดยกโทษให้ผมสักครั้งด้วยเถอะครับ”ตู้หรงเฉิงสมแล้วที่เป็นทายาทของตระกูลผู้บำเพ็ญพรต เข้าใจความหมายของคำสี่คำอย่างประนีประนอมอย่างถ่องแท้ ก่อนจะก้มศีรษะโขกพื้นเสียงดังปั่กๆ ๆโดยไม่พูดอะไรอีกเมื่อเห็นฉากนี้ กลุ่มชายหนุ่ม
ปัง!สิ้นเสียงของตู้หรงเฉิง ฉู่เฉินก็ลุกขึ้นทันที จิกผมเขาและกระแทกกับโต๊ะน้ำชาอย่างแรง!เมื่อเกิดเสียงดังปังขึ้น โต๊ะน้ำชากระจกในโซนพักผ่อนก็ถูกตู้หรงเฉิงกระแทกจนแตกละเอียด“ตระกูลตู้เก่งมากเลยงั้นเหรอ? ใครให้คุณกล้าเข้ามาถึงก็โวยวายเสียงดัง?”ขณะกล่าว ฉู่เฉินก็จิกผมของตู้หรงเฉิงแล้วดึงเขาขึ้นมาจากพื้น ในขณะนี้ ใบหน้าหล่อเหลาของตู้หรงเฉิงเต็มไปด้วยเศษแก้วและคราบเลือดเขาตกตะลึงไปทั้งคน ไม่ว่าจะมองยังไง ฉู่เฉินก็ไม่ดูเหมือนคนที่จะใช้กำลังเมื่อมีเรื่องขัดแย้งยิ่งกว่านั้น เมื่อกี้เขาได้แสดงตัวแล้วว่าเขาคือคุณชายของตระกูลตู้ฉู่เฉินกล้าลงมือกับเขาได้ยังไง?“แค่ตระกูลผู้บำเพ็ญพรตเล็กๆ ก็คิดว่าตัวเองไร้เทียมทานแล้วงั้นเหรอ? ยังกล้าเข้ามายุ่งกับชู้รักของผมอีก คุณรู้สึกว่าชีวิตยาวนานไปหรือว่าอยากตายตั้งแต่ยังหนุ่ม? ”ทันทีที่คำเหล่านี้กล่าวออกมา สีหน้าของหลิงเสวี่ยก็ดูน่าเกลียดขึ้นมาทันทีเธอได้กลายเป็นชู้รักของฉู่เฉินได้ยังไง?เมื่อคืนเธอโดนบังคับไม่ใช่เหรอ?“แก…แกกล้า…”พลั่ก!ไม่รอให้ตู้หรงเฉิงกล่าวจบ ฉู่เฉินก็ได้จิกผมของเขาแล้วตีเข่าใส่ร่างของตู้หรงเฉิงหงายหลังอย่างแรง ถู
ชายหนุ่มหญิงสาวเหล่านี้แต่ละคนล้วนมีกลิ่นอายของผู้บำเพ็ญเพียร ต่อให้เป็นคนที่มีพลังฝึกปรืออ่อนด้อยที่สุดก็มีพลังฝึกปรือราว ๆ ระดับหลอมปราณชั้นแปดต่อให้เป็นปรมาจารย์ที่สามารถสั่นคลอนทั้งเมือง เมื่ออยู่ต่อหน้าพวกเขาก็ไม่มีค่าพอให้เอ่ยถึงเลย และตู้หรงเฉิงก็เป็นตัวตนที่อยู่จุดสูงสุดในกลุ่มพวกเขา ด่าตู้หรงเฉิงก็เท่ากับด่าพวกเขาทุกคน!สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ พวกเขาดูไม่ออกจริง ๆ ว่าฉู่เฉินมีอะไรโดดเด่นเหนือคนอื่น ราวกับว่าไม่มีแม้กระทั่งคลื่นพลังลมปราณเลยสักนิดดัยว คนธรรมดาคนหนึ่งถึงกับกล้าสบประมาทผู้บำเพ็ญเพียรเนี่ยนะ? “ไอ้หนู คุณบ้าดีเดือดมากเลยนะ”ตู้หรงเฉิงหรี่ตา ลมปราณระดับสร้างรากฐานชั้นหนึ่งรอบกายพลันระเบิดออกมา พรืด!หลิงเสวี่ยที่นั่งอยู่ข้างฉู่เฉินเห็นแบบนั้นก็แทบจะหลุดหัวเราะออกมาทันทีระดับสร้างฐานชั้นหนึ่งก็ไม่เลวจริง ๆ แต่นั่นต้องดูด้วยว่าเทียบกับใคร อย่าว่าแต่ฉู่เฉินเลย แค่เธอก็สามารถตบตู้หรงเฉิงให้ตายได้ในฝ่ามือเดียว! เพียงแต่ว่า ตอนที่ออกจากโลกแห่งการหยั่งรู้ ฉู่เฉินใช้ยันต์ซ่อนวิญญาณเก็บซ่อนลมปราณของพวกเธอสองคนไว้ ดังนั้นดูแล้วถึงไม่ต่างอะไรจากคนธรรมดาต้องพูดว
เมื่อคำพูดนี้หลุดออกมา หลินซานก็อึ้งไปด้านหนึ่งคือหลินเยว่หรูกับลั่วหัวเอ๋อร์เข้าพักแล้ว อีกด้านหนึ่ง ฉู่เฉินก็เป็นแขกผู้มีเกียรติที่หลินเยว่หรูเชิญมาจะปล่อยให้ฉู่เฉินถูกเมินตรงนี้ไม่ได้หรอกใช่ไหม?แต่ตู้หรงเฉิงคนนี้ หลินซานเองก็ล่วงเกินไม่ไหวเช่นกันต่อให้เป็นตระกูลหลินก็ต้องไว้หน้าตระกูลตู้เล็กน้อย ถึงอย่างไรคนหนุนหลังของตระกูลตู้ก็แข็งแกร่งไม่ธรรมดาพอเห็นหลินซานอึ้งอยู่กับที่ ตู้หรงเฉิงก็เอ่ยด้วยสีหน้าไม่พอใจเล็กน้อยว่า “ว่ายังไง ลูกน้องตระกูลหลินอย่างคุณกล้าไม่ไว้หน้าผมด้วยเหรอ?” เมื่อคำพูดนี้ออกมา กลุ่มชายหนุ่มหญิงสาวที่อยู่รอบ ๆ ก็พากันมองไปทางหลินซานด้วยสายตาไม่เป็นมิตร ในขณะเดียวกัน ชายร่างกำยำที่แต่งกายทะ มัดทะแมงไว้ผมเกรียนคนหนึ่งก็มองหลินซานอย่างพิจารณาด้วยสายตาเย็นชาหลังจากสิ้นเสียงของตู้หรงเฉิง“คุณชายตู้เข้าใจผิดแล้วครับ ผะ...ผมแค่...”ในตอนนี้เอง ชายร่างท้วมวัยกลางคนผู้หนึ่งเดินลงมาจากชั้นสอง ก่อนจะเอ่ยตัดบทหลินซานว่า “ท่านทั้งหลาย เกิดเรื่องอะไรขึ้นเหรอครับ?”ตู้หรงเฉิงหันหน้าไปมองชายวัยกลางคนแวบหนึ่ง แล้วเอ่ยด้วยสีหน้าเย่อหยิ่งเล็กน้อยว่า “คุณเป็นเจ้าของ
หลินเยว่หรูพูดจบก็รูดคีย์การ์ดห้องทันที ก่อนจะเดินเข้าไปในห้องเพรสซิเดนเชียลสวีทลั่วหัวเอ๋อร์อึ้งไปพักหนึ่ง จากนั้นถึงค่อยเข้าใจจุดประสงค์ของหลินเยว่หรูว่าต้องการโยนเคราะห์ให้คนอื่น ลั่วหัวเอ๋อร์พยักหน้าเล็กน้อยแล้วค่อยเดินเข้าไปในห้องของตัวเอง .....อีกทางด้านหนึ่ง เมื่อหลินซานมาถึงเจียงจง ฉู่เฉินกับหลิงเสวี่ยก็เดินออกมาจากทางออกของเมืองชิงหลงที่อยู่ในเจียงจงพอดี เมื่อเห็นฉู่เฉิน หลินซานก็รีบเข้าไปต้อนรับแล้วเอ่ยด้วยใบหน้าที่เปี่ยมไปด้วยรอยยิ้มว่า “คุณฉู่ ผมได้รับคำสั่งจากคุณนายให้มารับคุณครับ” ฉู่เฉินมองหลินซานแวบหนึ่งแล้วขมวดคิ้วกล่าวว่า “คุณนาย? คุณนายไหน?”“คุณนายของบ้านชื่อหลินเยว่หรูครับ!”หลินซานรีบแนะนำตัวเองฉู่เฉินถึงค่อยพยักหน้า แล้วจูงมือหลิงเสวี่ยเดินไปยังรถเอสยูวีที่จอดอยู่ทางด้านข้าง“ไปกันเถอะ”ฉู่เฉินจูงหลิงเสวี่ยมานั่งที่เบาะหลัง แล้วออกคำสั่งอย่างเฉยชา หลินซานสตาร์ตรถทันที ก่อนจะมุ่งหน้าไปยังโรงแรมในชานเมืองปินเฉิน หลายชั่วโมงต่อมา รถก็จอดอยู่ที่หน้าประตูโรงแรม“คุณฉู่ครับ เนื่องจากโรงแรมนี้อยู่ใกล้กับตระกูลลั่วมากที่สุด ดังนั้นเลยจัดเตรียมห้องเพ
เมื่อลั่วเทียนเต๋อเอ่ยคำพูดนี้ออกมา ลั่วหัวเอ๋อร์ก็อดรู้สึกหนักอึ้งในใจไม่ได้!เธอเคยเจอเจ้าสำนักน้อยคนนั้นแค่ครั้งเดียว แต่ว่าต่อให้เห็นผ่าน ๆ แค่แวบเดียวเท่านั้น เธอก็ดูออกได้ไม่ยากว่า นั่นเป็นคนไร้ประโยชน์ที่ดูดีแค่ภายนอกตามมาตรฐานเลย ถ้าต้องแต่งกับผู้ชายแบบนั้นจริง ๆ ชีวิตนี้ของเธอมีหวังได้จบสิ้นแล้วไม่ใช่หรือไง?และถ้าครั้งนี้กัวเฟิงช่วยตระกูลลั่วให้ผ่านพ้นวิกฤติได้จริง ๆ เธออยากปฏิเสธการแต่งงานก็คงไม่ได้แล้ว“เจ้าสำนักน้อย? ไอ้กัวเฟิงนั่นมันตัวอะไรกัน! ลูกสาวฉันจะไปแต่งงานกับเขาได้ยังไง!”หลินเยว่หรูกัดฟันกรอด ดึงลั่วหัวเอ๋อร์ให้มาอยู่ด้านหลังตัวเอง ก่อนจะเอามือชี้หน้าลั่วเทียนเต๋อแล้วพูดว่า “ไอ้คนแซ่ลั่ว คุณเป็นคนหาเรื่องเอง เลิกลากพวกเราแม่ลูกเข้าไปเกี่ยวข้องได้แล้ว” พอลั่วเทียนเต๋อได้ยินคำพูดนี้ โทสะก็พุ่งพล่านขึ้นมาเช่นกัน ตะโกนอย่างโกรธเกรี้ยวด้วยใบหน้าแดงก่ำว่า “ดี! คุณมันแพศยาไร้ยางอาย รีบไสหัวออกไปจากบ้านตระกูลลั่วเดี๋ยวนี้เลยนะ!”“ไม่ต้องพึ่งตระกูลหลินของพวกคุณ ฉันก็จัดการเรื่องนี้ได้อยู่ดี!” อะไรนะ?หลินเยว่หรูถลึงตาใส่ลั่วเทียนเต๋อ กัดฟันกรอแล้วกล่าวว่า “คุณ
“ได้ค่ะ ขอบคุณมากนะคะคุณฉู่”หลินเยว่หรูขอบคุณเป็นล้นพ้นแล้ววางสายไปแต่หลินเจิ้งไท่ที่อยู่ทางด้านข้างกลับมองไปยังฉู่เฉินด้วยความสงสัยเขาอยู่ระดับสร้างรากฐานชั้นเจ็ด แต่หลินเยว่หรูกลับให้ฉู่เฉินช่วยต่อกรกับยอดฝีมือระดับสร้างรากฐานชั้นเก้าเหรอ?ลูกสาวของเขาคงไม่ได้โดนฉู่เฉินเอาจนโง่งมไปแล้วใช่ไหม?แต่พอขบคิดให้ละเอียด ด้วยสถานะของฉู่เฉินในตอนนี้ ระดับสร้างรากฐานชั้นเก้ายังไม่อยู่ในสายตาเขาจริง ๆ ต่อให้ฉู่เฉินเป็นแค่คนธรรมดา แต่ใครจะกล้าแตะต้องเขาแม้กระทั่งปลายนิ้ว? “หัวหน้าจ้าว เมื่อกี้คุณบอกว่าจะพาผมไปส่งที่เจียงจงเหรอครับ?” ฉู่เฉินวางโทรศัพท์ลง จิบชาแล้วเอ่ยอย่างเรียบนิ่ง “แน่นอนสิครับ ไม่ว่าเมื่อไหร่ที่คุณฉู่มาที่เมืองชิงหลง ผมกับผู้เฒ่าหลินจะต้องออกมาต้อนรับสิบลี้ ไปส่งสิบลี้อย่างแน่นอน” จ้าวเต๋อฉวนพรูลมหายใจยาวออกมา ในที่สุดก็จะได้ส่งไอ้ตัวซวยคนนี้ออกไปสักทีเมื่อเห็นฉู่เฉินกับหลิงเสวี่ยลุกขึ้น หลินเจิ้งไท่ก็รีบตามไป คนทั้งกลุ่มมุ่งหน้าตรงไปทางทางออกฝั่งตะวันตกเฉียงเหนือของเจียงจงทันที ......อีกทางด้านหนึ่ง หลินเยว่หรูเพิ่งจะวางโทรศัพท์ลง ลั่วเทียนเต๋อก็ตบโต๊ะด้วย
“คุณฉู่ ตอนนี้ลูกชายของฉันฟื้นแล้ว หมอบอกว่าพักอีกหน่อยก็ไม่เป็นอะไรแล้ว ที่ฉันโทรหาคุณครั้งนี้ ไม่ใช่เพราะเรื่องนี้ แต่...”เมื่อกล่าวถึงตรงนี้ หลินเยว่หรูลังเลอยู่นาน ก่อนจะกล่าวต่อ “ไม่ทราบว่าช่วงนี้คุณฉู่พอจะมีเวลาว่างไหมคะ?”“ช่วงนี้... คงไม่มีเวลาไปไปเยี่ยมเยียนเส้นทางที่ร่มรื่นของคุณหรอกครับ”ขณะที่ฉู่เฉินกล่าว ก็หันศีรษะไปมองหลิงเสวี่ยที่อยู่ข้างๆเมื่อเทียบกับหลิงเสวี่ยแล้ว สุดท้ายหลินเยว่หรูก็ยังด้อยกว่าอยู่ระดับหนึ่งไม่ต้องพูดถึงอย่างอื่น แค่ในแง่ของความอดทน แม้ว่าหลิงเสวี่ยจะเป็นมือใหม่ แต่ความอดทนของเธอก็ดีกว่าหลินเยว่หรูไม่น้อยหลังจากศึกหนักเมื่อคืนนี้ หลิงเสวี่ยไม่เพียงแต่ไม่อ่อนเปลี้ยเพลียแรง แต่กลับได้รับการพัฒนาอย่างลึกซึ้ง ยิ่งกว่านั้น หลิงเสวี่ยยังมีร่างกายพิเศษซึ่งมีคุณสมบัติในการบำรุงฉู่เฉินไม่น้อยเมื่อเปรียบเทียบกันแล้ว หลินเยว่หรูยังคงมีร่างกายเป็นกระถางรับซึ่งเป็นเพียงการเล่นสนุกเท่านั้นและฉู่เฉินก็ไม่ได้รับผลประโยชน์ใดๆหลินเยว่หรูที่ปลายสายเงียบไปชั่วขณะ ก่อนจะสูดลมหายใจเข้าลึกๆ แล้วกล่าวว่า “คุณฉู่คะ ฉัน... ฉันมีเรื่องอยากจะขอความช่วยเหลือจากคุณค่ะ
แม้แต่ฉู่เฉินเองก็รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย เมืองเล็กๆ ในโลกแห่งการหยั่งรู้ใหญ่โตขนาดนี้เลยเหรอ?งั้นจะยังเดินเที่ยวทำไม มันเดินให้ทั่วไม่ได้อยู่แล้ว“หัวหน้าจ้าว ศูนย์กระจายวัตถุดิบยาของเมืองชิงหลงอยู่ที่ไหนครับ พาผมไปดูหน่อย”ฉู่เฉินกล่าวเสียงเรียบแม้จะค้นหาในคลังวัตถุดิบยาของสำนักชิงอวิ๋นและคลังยาของวังเทียนเจี้ยนแล้ว ฉู่เฉินก็ยังคงไม่พบหญ้าเทียนเซียง สถานการณ์ของอวี้ลู่เริ่มไม่มั่นคงขึ้นเรื่อยๆ แล้ว จำเป็นต้องหาวิธีโดยเร็วที่สุดและเอาหญ้าเทียนเซียงอีกสองต้นมาให้ได้“ไม่ทราบว่าคุณฉู่ต้องการซื้อวัตถุดิบยาอะไรครับ ถ้าเป็นไปได้ ผมอยากจะมอบมันให้กับคุณฉู่ครับ”จ้าวเต๋อฉวนกล่าวด้วยสีหน้าประจบสอพลอตราบใดที่ฉู่เฉินพอใจ บางทีอาจจะไล่เขาออกไปได้เร็วขึ้น“หญ้าเทียนเซียง”ฉู่เฉินกล่าวเสียงเรียบออกมาสามคำ ทั้งจ้าวเต๋อฉวนและหลินเจิ้งไท่ต่างก็ชะงักไป แต่ในวินาทีต่อมา สีหน้าของทั้งสองก็กลับมาเป็นปกติในทันที“คุณฉู่ครับ วัตถุดิบยาแบบนี้ ในเมืองชิงหลงเราก็ไม่มีเช่นกัน ถ้าไม่เชื่อ คุณสามารถตามผมไปที่ตรวจสอบที่ถนนขายวัตถุดิบยาด้วยตนเองได้เลยครับ!”เมื่อฉู่เฉินได้ยินก็หรี่ตาลง สายตาพิจารณาของ