หลี่จิงจิงไม่คิดว่าฉู่เฉินจะพูดง่ายขนาดนี้ พอรู้สึกตื่นเต้น เธอก็กอดฉู่เฉินไว้แน่นเหมือนกับปลาหมึกยักษ์……อีกด้านหนึ่ง หญิงวัยกลางคนกลับเข้ามาในห้องด้วยใจที่กังวล หลังจากลังเลอยู่นานจึงพูดกับฟางอวี่เจิ้งอย่างระมัดระวังว่า “ประ...ประธานฟางคะ ผู้อำนวยการหลี่กับฉู่...”ยังไม่ทันที่เธอจะพูดจบ ฟางอวี่เจิ้งก็พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา “สิ่งที่เธอควรจะรู้ เธอสามารถรู้ได้ แต่สิ่งที่ไม่ควรรู้ ก็ควรทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น”“ถ้าหากมีข่าวลือหลุดออกไป ฉันว่าเธอคงจะทำงานเป็นตัวแทนการแพทย์ไม่ได้อีกต่อไปแล้ว”คำพูดแค่ประโยคเดียว ทำให้หญิงวัยกลางคนตกใจจนรีบเงียบปากทันทีเธอเป็นแค่ตัวแทนการแพทย์ให้กับโรงงานผลิตยาแห่งหนึ่ง ครั้งนี้เธอมาหาฟางอวี่เจิ้งโดยเฉพาะ เพื่อหวังจะให้ยาที่โรงงานของเธอผลิตส่งเข้าโรงพยาบาลประชาชนพอดีว่าฟางอวี่เจิ้งเองก็อยากเชิญฉู่เฉินมาทานข้าวอยู่แล้ว จึงพาเธอมาด้วยแต่ผู้หญิงคนนี้หวงเนื้อหวงตัวเกินไป เมื่อกี้ฟางอวี่เจิ้งแค่สัมผัสหลังมือของเธอ เธอก็รีบชักมือกลับราวกับว่าทำอะไรผิดหากฟางอวี่เจิ้งรู้แต่แรกว่าเธอเป็นผู้หญิงที่ไม่ยอมถวายกายให้เช่นนี้ เขาคงไม่พาเธอมาที่นี่หาเหาใส
เจียงถิง?ฉู่เฉินขมวดคิ้ว วางแก้วเหล้าในมือลงแล้วเปิดประตูห้องส่วนตัว มองออกไปที่ระเบียงทางเดินเมื่อเห็นเจียงถิงในสภาพเสื้อผ้าไม่เรียบร้อย วิ่งออกมาจากห้องส่วนตัวตรงปลายสุดของระเบียงทางเดินโดยที่ผมเผ้ายุ่งเหยิง ยังมีชายร่างกำยำที่สวมชุดคล่องตัวตามหลังเธอมาอีกสองคนเกิดอะไรขึ้น?ยังไม่ทันได้คิดอะไรมาก ฉู่เฉินก็ก้าวออกไปข้างหน้า ปกป้องเจียงถิงไว้ข้างหลังทันที“คุณฉู่?”เจียงถิงมองฉู่เฉินด้วยความตกใจ เธอเองก็ไม่คาดคิดว่าจะเจอฉู่เฉินในเวลานี้ฉู่เฉินเบนศีรษะเล็กน้อย มองเจียงถิงที่ยังตกใจไม่หาย เสื้อผ้าตรงช่วงอกถูกฉีกขาดจนหมด เผยให้เห็นชุดชั้นในลายลูกไม้สีดำด้านใน ก่อนจะขมวดคิ้วถามว่า “เกิดอะไรขึ้นกันแน่ครับ?”“ด้วยอิทธิพลของตระกูลหลูในเจียงจง ยังมีคนกล้าใช้กำลังกับ คุณอีกเหรอ?”เจียงถิงได้ยินคำพูดนี้ ดวงหน้าเล็กก็แดงขึ้นมา กัดริมฝีปากก่อนเอ่ยว่า “คือว่า... คนในห้องส่วนตัวนั้นไม่ใช่คนของเจียงจง ได้ยินว่าเป็นผู้มีอิทธิพลใหญ่ของบริษัทสื่อแห่งหนึ่งค่ะ”“ผู้อำนวยการสถานีของเราให้ฉันมาดื่มเป็นเพื่อน แต่ฉันเองก็คิดไม่ถึงเลยว่าฉันเพิ่งจะนั่งลง เขาก็ลวนลามฉันแล้ว แถม...แถมยังจะล่วงเกินฉั
ต่อให้เป็นช่วงที่ตระกูลหลูรุ่งเรืองที่สุดก็ไม่อาจเทียบได้เลยตอนนี้คนเดียวที่ปกป้องเธอได้อาจจะมีแค่ฉู่เฉินเท่านั้น ถ้าเกิดตอนนี้แม้แต่ฉู่เฉินไม่อยากช่วยเธอละก็ ถ้าอย่างนั้นวันนี้เธอก็ยากจะหนีรอดจากกรงเล็บมารแล้วจริง ๆแทนที่เธอจะถูกบีบบังคับให้ยอมพลีกายให้ชายแก่วัยห้าสิบกว่าอย่างหลัวจื้อหย่ง เธอยอมให้ฉู่เฉินเอาเปรียบดีกว่า พลีกายเหมือนกัน ใครจะไม่อยากหาคนที่หนุ่มแน่นล่ะ? ยิ่งไปกว่านั้น เธอเคยรับรู้ถึงอำนาจอิทธิพลของฉู่เฉินในเจียงจงด้วยตัวเองมาแล้ว โทรศัพท์แค่ไม่กี่สายก็สามารถกดตระกูลหลูจนโงหัวไม่ขึ้นได้ สำหรับเจียงถิงแล้ว การติดตามบุคคลเช่นนี้ก็เป็นเกราะป้องกันที่มองไม่เห็นอย่างหนึ่ง! อย่างน้อยต่อไป ผู้อำนวยการสถานีของพวกเธอย่อมไม่กล้าอ้างชื่อต่าง ๆ สั่งให้เธอไปเป็นเพื่อนดื่มกับชายแก่มากตัณหาเหล่านั้นแน่นอนฉู่เฉินค่อย ๆ หันตัวไปมองชายวัยกลางคนที่สวมชุดสูท ผูกเนกไทเอียง ๆ ไว้ทรงผมหัวล้านกลางศีรษะ อายุราว ๆ ห้าสิบปีที่อยู่ด้านหลัง“พูดกับแกนั่นแหละ หยุดเดี๋ยวนี้นะ!”ชายวัยกลางคนเอามือชี้ไปที่ฉู่เฉิน ตะคอกด้วยความโกรธเกรี้ยว สาวเท้าพุ่งเข้ามาอย่างเร็วไวเวลานี้เอง คนอื่น ๆ ใน
ฉู่เฉินได้ยินคำกล่าวก็หันหน้าไปมองหลัวจื้อหย่งแวบหนึ่ง ก่อนจะจูงเจียงถิงกลับไปยังห้องส่วนตัวเทียนจื่อหมายเลขหนึ่งโดยไม่หันหน้ากลับไปอีก เมื่อมองแผ่นหลังที่เดินไปอย่างสง่าผ่าเผยของฉู่เฉิน หลัวจื้อหย่งก็โกรธจนอกกระเพื่อมแรง แต่ว่าก่อนที่กำลังเสริมจะมาถึง เขายังไม่กล้าไปหาเรื่องฉู่เฉินจริง ๆต้องรู้เอาไว้ว่า บอดี้การ์ดสองคนข้างกายเขานั้นเป็นยอดฝีมือระดับฝึกปราณชั้นห้า แต่ถูกฉู่เฉินจัดการจนไม่รู้ว่าเป็นหรือตายแล้วคนธรรมดาอย่างเขาบุกเข้าไปก็ไม่ต่างอะไรกับการรนหาที่ตาย“คุณหลัว คุณไม่เป็นไรใช่ไหม กลับไปพักผ่อนที่ห้องก่อนเถอะครับ ผมจะส่งคนไปดูไอ้หมอนั่นเอง”ผู้อำนวยการสถานีจางกัดฟันกรอดพลางมองไปทางห้องส่วนตัวเทียนจื่อหมายเลขหนึ่ง“ไม่จำเป็น อีกไม่นานคนของฉันก็มาถึงแล้ว”หลวงจื้อหย่งกล่าวด้วยความมั่นใจเต็มเปี่ยม.....เมื่อกลับมาถึงห้องส่วนตัวเทียนจื่อหมายเลขหนึ่ง ฟางอวี่เจิ้งเห็นฉู่เฉินจูงสาวงามหยาดฟ้ามาดินอีกคนกลับเข้ามาในห้องก็ยิ่งยากจะปกปิดความอิจฉาบนใบหน้าถ้าหมอนี่จะโชคดี ขวางอย่างไรก็ขวางไม่อยู่จริง ๆ!เพิ่งจัดการกับหลี่จิงจิงไป นี่ก็มีพิธีกรสาวสวยมาอีกคน ถ้าเกิดสุขภาพร่า
ไม่อย่างนั้นก็คงยืนหยัดในสถานที่แบบนั้นไม่ได้เลยโดยเฉพาะสาวงามหยาดฟ้ามาดินที่หุ่นดีหน้าตาสะสวยอย่างเจียงถิงยิ่งยากจะหนีพื้นเงื้อมมือมารไปได้“วางใจเถอะค่ะ ต่อไปติดตามคุณฉู่แล้ว ต่อให้จางหมิงมีความกล้ากว่านี้อีกสิบเท่า เขาก็ไม่กล้ามอบคุณให้ใครอีก” เมื่อหลี่จิงจิงเอ่ยคำพูดนี้ออกมา เจียงถิงก็อดตัวสั่นเทิ้มไม่ได้เธอไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าจะต้องมีอะไรกับฉู่เฉินด้วย “แหม ยังจะเขินอีก มีอะไรต้องเขินด้วย” หลี่จิงจิงเห็นดวงหน้าเล็กของเจียงถิงพลันแดงไปจนถึงลำคอ ทำท่าทางหลุบตาลง เกรงว่าคงจะเขินอายกับคำพูดเมื่อกี้ของตัวเองเธอเม้มปากยิ้มแล้วพูดว่า “ผู้หญิงอย่างเราอยู่ในสังคมที่คนกินกันเองนี้ ถ้าอยากยืนหยัดได้อย่างมั่นคง อยากเดินไปได้ไกลก็ต้องพึ่งพาผู้ชายที่มีความสามารถสักคนสองคน”“คุณฉู่ทั้งเป็นหนุ่มหล่อทั้งร่ำรวยมาก มีอะไรไม่ดีกัน ถ้าฉันยังสาวกว่านี้อีกสักหน่อย ไม่ว่ายังไงก็ต้องตามจีบเขาให้ได้ก่อนแล้วค่อยว่ากัน”หลี่จิงจิงพูดพลางยื่นมือเล็ก ๆ ข้ามเจียงถิงไปจับฉู่เฉินไว้แล้วยังออกแรงบีบสองทีหืม...ฉู่เฉินกำลังดื่มน้ำแกงไก่อยู่ ทันใดนั้นเขารู้สึกได้ว่าเหมือนมีคนลวนลามตัวเอง แต่ยังไม่
สายตาสองคู่ประสานกัน ฉู่เฉินตะลึงงัน หยวนคุนก็ตะลึงงันเช่นกันพูดตามตรง ความประทับใจที่หยวนคุนมอบให้ฉู่เฉินถือว่าไม่เลวเลย นอกจากนี้เรื่องการบูรณะสะพานเจียง ฉู่เฉินก็นึกถึงคนคนนี้อยู่เหมือนกันเพียงแต่คิดไม่ถึงว่าจะเจอหน้ากันครั้งที่สองภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ยิ่งคิดไม่ถึงว่าหยวนคุนจะมีบารมีสูงส่งขนาดนี้ในเจียงจง ขนาดเมื่อกี้ฟางอวี่เจิ้งก็ยังบอกใบ้ชัดเจนว่าให้เขายอมแพ้หยวนคุนถึงอย่างไรฟางอวี่เจิ้งก็รู้ความสัมพันธ์ระหว่างฉู่เฉินกับเฉียวเทียนฉี่ นั่นก็หมายความว่าในความคิดของฟางอวี่เจิ้ง แม้แต่เฉียวเทียนฉี่ก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของหยวนคุนในบางด้าน สมาคมหงเหมินมีขุมอำนาจมากขนาดนี้จริง ๆ เหรอ?“เป็นคุณ?” หยวนคุนเป็นฝ่ายทำลายความเงียบก่อน เอ่ยด้วยเสียงหัวเราะสดใสว่า “ดูเหมือนว่าผมกับน้องชายจะมีวาสนาต่อกันจริง ๆ ด้วย”ฉู่เฉินก็ยิ้มเช่นกัน ก่อนจะชี้ไปยังเก้าอี้ว่างข้าง ๆ แล้วพูดว่า “คุณหยวน เชิญนั่งครับ”"ขอบคุณครับ"หยวนคุนประสานหมัดคารวะฉู่เฉิน จากนั้นก็นั่งลงบนเก้าอี้ท่ามกลางสายตาประหลาดใจของพวกหลัวจื้อหย่งและจางหมิงเมื่อเขานั่งลงไปอย่างไม่ใส่ใจแบบนี้ ทำเอาหลัวจื้อหย่งมีสีหน้าหลาก
หยวนคุนเอ่ยด้วยรอยยิ้มเรียบนิ่งว่า “คุณฉู่โปรดวางใจ สมาคมหงเหมินไม่ใช่สถานที่ไร้กฎเกณฑ์”หยวนคุนพูดจบ สีหน้าพลันเย็นชาขึ้นมา ก่อนจะเบนศีรษะเล็กน้อยแล้วพูดกับถังหลงที่อยู่ข้างหลังว่า “หลัวจื้อหย่งลวนลามสุภาพสตรี ลงโทษตามกฎสมาคม!”“ครับ!”ถังหลงตอบรับคำ ก่อนจะก้าวไปหาหลัวจื้อหย่ง“ไว้ชีวิตด้วยครับ คุณฉู่... ผมผิดไปแล้ว ขอร้องล่ะ ช่วยพูดให้ผมด้วยเถอะ ผมผิดไปแล้วจริง ๆ ผมมันไม่ใช่คน... อ๊าก!”หลัวจื้อหย่งเพิ่งพูดได้ครึ่งเดียวก็เห็นถังหลงเข้ามาใกล้ ก่อนจะยื่นมือไปจับแขนของหลัวจื้อหย่ง แล้วใช้เข่าข้างหนึ่งกระแทกเข้าที่ลำคอของหลัวจื้อหย่ง“กร๊อบ!” เสียงดังชัดเจน ถังหลงกระชากแขนข้างหนึ่งของหลัวจื้อหย่งลงมาอย่างรุนแรงหลัวจื้อหย่งเจ็บจนร้องโหยหวน หมดสติไปทันทีถังหลงโยนแขนโชกเลือดให้ชายชุดดำคนหนึ่งที่อยู่ทางด้านข้าง ก่อนจะเอามือชี้ไปที่หลัวจื้อหย่งแล้วพูดกับสองคนที่อยู่ข้างหลังว่า “พาตัวไป!” “ครับ!”พวกเขาหามหลัวจื้อหย่งที่บาดเจ็บจนลุกไม่ไหว แล้วเดินออกไปจากห้องส่วนตัวอย่างรวดเร็วแม้แต่ฉู่เฉินที่เห็นฉากนี้ก็อดเลิกคิ้วไม่ได้ มองไปทางหยวนคุนด้วยความประหลาดใจอย่างมากหยวนคุนยิ้มเล
สัมผัสที่นุ่มลื่นทำให้ฉู่เฉินอดมองไปทางเจียงถิงด้วยความประหลาดใจไม่ได้ยัยนี่คงไม่ได้โดนอะไรกระตุ้นมาใช่ไหม?ทำไมจู่ ๆ ถึงได้โผเข้ามาในอ้อมกอดเองล่ะ“คุณฉู่ ฉันมีข้อสงสัยมาตลอด ทำไมก่อนหน้านี้คุณถึงช่วยตระกูลหลูคว้าโครงการบูรณะสะพานเจียงมาได้ล่ะ ฉันคิดว่าด้วยเส้นสายของคุณฉู่ ไม่เห็นจำเป็นต้องเอาใจตระกูลหลูเลยนะ?” เจียงถิงพูดพลางค่อย ๆ ลุกขึ้นมาจากที่นั่งข้างคนขับ ก่อนจะโน้มตัวลงมานั่งคร่อมตักของฉู่เฉินทันทีเส้นผมสีดำเต็มศีรษะของเธอปล่อยสยายลงมา กลิ่นหอมสดชื่นโชยเข้ามาในจมูกของฉู่เฉินริมฝีปากเล็กสีเชอร์รี่นั้นพลันแตะบนริมฝีปากของฉู่เฉินราวกับแมลงปอสัมผัสน้ำ ก่อนจะผละออกมาอย่างรวดเร็วหน้าอกนุ่มนิ่มสองข้างแนบชิดหน้าอกของฉู่เฉิน“คุณคิดว่ายังไงล่ะ?”ฉู่เฉินยิ้มเล็กน้อย ยื่นมือไปลูบคลำเอวบางของเจียงถิงจำเป็นต้องพูดว่าถึงแม้เจียงถิงจะเป็นพี่สะใภ้ของเจียงอิ่ง แต่ความจริงแล้ว เธออายุน้อยกว่าเจียงอิ่งสองปีไม่ว่าจะเป็นรูปร่างหรือว่าผิวพรรณล้วนดูแลรักษาได้ดีกว่าเจียงอิ่งนอกจากนี้ด้วยลักษณะงานของเจียงถิง ทำให้ตัวเธอมีความสง่างามเป็นเอกลักษณ์พิธีกร ตรงกันข้ามกับสไตล์ใสซื่อบริสุท
“คุณแสร้งเป็นไม่รู้เรื่องอะไร เมื่อคืนคุณยังดูฝืนใจอยู่เลยไม่ใช่เหรอ? เพิ่งผ่านไปแค่หนึ่งวัน เปลี่ยนเยอะเกินไปหน่อยมั้ง”ขณะกล่าว ฉู่เฉินก็ค่อยๆ ผลักหลิงเสวี่ยออกและมองสำรวจเธอด้วยสายตาพิจารณา“ฉันแค่อยากจะยืนยันเรื่องหนึ่ง”หลิงเสวี่ยเม้มริมฝีปากสีแดง แต่มือยังไม่หยุดเคลื่อนไหว ในพริบตาเดียวก็ฉีกกางเกงของฉู่เฉินออกอย่างรวดเร็วคล่องแคล่วถ้าไม่ใช่เพราะเมื่อวานฉู่เฉินได้ทดลองขับเองแล้ว ส่วนใหญ่คงคิดว่าหลิงเสวี่ยเป็นคนที่ชำนาญไม่รอให้ฉู่เฉินเอ่ยปาก โทรศัพท์มือถือข้างตัวก็ดังขึ้น เมื่อก้มมองลงไปก็เห็นว่าเป็นสายจากหลินเยว่หรู ฉู่เฉินดึงกางเกงที่ถูกหลิงเสวี่ยฉีกออก ก่อนเดินไปยังอีกด้านหนึ่งแล้วรับโทรศัพท์“คุณฉู่ ฉันอยู่ห้องข้างๆ ห้องคุณนี่เอง เดี๋ยวฉันส่งหมายเลขห้องให้คุณนะคะ”ทันทีที่รับสายก็ได้ยินเสียงหอบหายใจเย้ายวนของหลินเยว่หรูดังมาจากอีกฝั่งซี้ด!ฉู่เฉินสามารถสัมผัสถึงไฟปรารถนาของหลินเยว่หรูผ่านทางสายโทรศัพท์ได้ติ๊ง!วินาทีต่อมา โทรศัพท์มือถือของฉู่เฉินก็มีเสียงแจ้งเตือนดังขึ้น เป็นข้อความจากหลินเยว่หรูที่มีแค่หมายเลขห้องง่ายๆ หมายเลขเดียวฉู่เฉินเก็บโทรศัพท์ ดึงกางเกง
อีกด้านหนึ่ง หลังจากที่ลั่วหัวเอ๋อร์อาบน้ำอุ่นแล้ว นุ่งแค่ผ้าเช็ดตัวผืนเดียวและนอนเล่นโทรศัพท์อยู่บนเตียงครู่หนึ่ง ยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกว่าการขอความช่วยเหลือจากฉู่เฉินดูจะไม่ค่อยน่าเชื่อถือนักจึงหยิบโทรศัพท์โทรหาคุณตาหลินเจิ้งไท่ทันทีอย่ามองว่าโลกแห่งการหยั่งรู้จะเป็นโลกนอกอาณาเขต แต่สัญญาณโทรศัพท์ก็ยังเชื่อมต่อกันได้อย่างรวดเร็ว จากนั้น ปลายสายก็มีเสียงหนักแน่นของหลินเจิ้งไท่ดังขึ้น “หัวเอ๋อร์ใช่ไหม?”“คุณตา หนูเองค่ะ”ลั่วหัวเอ๋อร์ตอบรับ แล้วจึงเล่าเรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้นกับตระกูลลั่วให้หลินเจิ้งไท่ฟังอย่างละเอียดสุดท้ายเธอก็กล่าวกับหลินเจิ้งไท่ว่า “คุณตาคะ หนูเป็นห่วงว่าคนแซ่ฉู่ที่แม่เรียกมาอาจจะแก้ปัญหาของตระกูลลั่วไม่ได้ ถึงแม้ว่าตอนนี้หนูกับแม่จะหนีออกมาแล้ว แต่น้องชายของหนูก็ยังพักรักษาตัวอยู่ในบ้านค่ะ”“อีกอย่าง ก็ไม่สามารถปล่อยให้พ่อของหนูเป็นอะไรไปได้ ไม่งั้นคุณตาก็มาที่นี่ด้วยตัวเองได้ไหมคะ?”หลินเจิ้งไท่อีกฝั่งเงียบไปนาน จากนั้นจึงกล่าวด้วยรอยยิ้มขมขื่นว่า “หัวเอ๋อร์ หลานคิดมากไปแล้ว มีคุณฉู่อยู่ เขาเก่งกว่าตาของหลานมากนัก แต่...”หลินเจิ้งไท่เล็กน้อย ก่อนจะกล่
เพียะ!เสียงดังสนั่นดังขึ้นอีกครั้ง ตู้หรงเฉิงถูกฉู่เฉินตบจนล้มคว่ำลงกับพื้น หน้าผากกระแทกพื้นอย่างแรงจนหัวโนห้อเลือดขนาดเท่าลูกซาลาเปาทันที!ใบหน้าที่หล่อเหลาแต่เดิมนั้น ขณะนี้ดูเหมือนเทพเจ้าแห่งอายุวัฒนะในภาพวาด“แม่งเอ๊ย คนชั้นต่ำอย่างแกร่วมมือกับเขาใช่ไหม! ยังไม่ไสหัวไปอีก!”ตู้หรงเฉิงกุมศีรษะตรงที่ปูดโนขึ้นมา กัดฟันจ้องมองผู้หญิงเจ้ามารยา และพยายามลุกขึ้นจากพื้นอย่างยากลำบากเขาเป็นถึงคุณชายใหญ่แห่งตระกูลตู้ กลับถูกทำให้เสียหน้า ความแค้นนี้ ไม่ว่าอย่างไรเขาก็ต้องชำระ!เพียงข้างกายเขาไม่มียอดฝีมืออยู่ จึงทำอะไรฉู่เฉินไม่ได้เลยดังคำกล่าวที่ว่าคนฉลาดจะไม่ดันทุรังในสถานการณ์ที่เสียเปรียบ ตู้หรงเฉิงจึงตัดสินใจและคุกเข่าลงต่อหน้าฉู่เฉินเสียงดังตุบ“ท่านผู้อาวุโส เป็นความผิดของผมที่ตาไร้แววมารบกวนการพักผ่อนของท่านผู้อาวุโส หวังว่าท่านผู้อาวุโสจะจะไม่ถือโทษ และโปรดยกโทษให้ผมสักครั้งด้วยเถอะครับ”ตู้หรงเฉิงสมแล้วที่เป็นทายาทของตระกูลผู้บำเพ็ญพรต เข้าใจความหมายของคำสี่คำอย่างประนีประนอมอย่างถ่องแท้ ก่อนจะก้มศีรษะโขกพื้นเสียงดังปั่กๆ ๆโดยไม่พูดอะไรอีกเมื่อเห็นฉากนี้ กลุ่มชายหนุ่ม
ปัง!สิ้นเสียงของตู้หรงเฉิง ฉู่เฉินก็ลุกขึ้นทันที จิกผมเขาและกระแทกกับโต๊ะน้ำชาอย่างแรง!เมื่อเกิดเสียงดังปังขึ้น โต๊ะน้ำชากระจกในโซนพักผ่อนก็ถูกตู้หรงเฉิงกระแทกจนแตกละเอียด“ตระกูลตู้เก่งมากเลยงั้นเหรอ? ใครให้คุณกล้าเข้ามาถึงก็โวยวายเสียงดัง?”ขณะกล่าว ฉู่เฉินก็จิกผมของตู้หรงเฉิงแล้วดึงเขาขึ้นมาจากพื้น ในขณะนี้ ใบหน้าหล่อเหลาของตู้หรงเฉิงเต็มไปด้วยเศษแก้วและคราบเลือดเขาตกตะลึงไปทั้งคน ไม่ว่าจะมองยังไง ฉู่เฉินก็ไม่ดูเหมือนคนที่จะใช้กำลังเมื่อมีเรื่องขัดแย้งยิ่งกว่านั้น เมื่อกี้เขาได้แสดงตัวแล้วว่าเขาคือคุณชายของตระกูลตู้ฉู่เฉินกล้าลงมือกับเขาได้ยังไง?“แค่ตระกูลผู้บำเพ็ญพรตเล็กๆ ก็คิดว่าตัวเองไร้เทียมทานแล้วงั้นเหรอ? ยังกล้าเข้ามายุ่งกับชู้รักของผมอีก คุณรู้สึกว่าชีวิตยาวนานไปหรือว่าอยากตายตั้งแต่ยังหนุ่ม? ”ทันทีที่คำเหล่านี้กล่าวออกมา สีหน้าของหลิงเสวี่ยก็ดูน่าเกลียดขึ้นมาทันทีเธอได้กลายเป็นชู้รักของฉู่เฉินได้ยังไง?เมื่อคืนเธอโดนบังคับไม่ใช่เหรอ?“แก…แกกล้า…”พลั่ก!ไม่รอให้ตู้หรงเฉิงกล่าวจบ ฉู่เฉินก็ได้จิกผมของเขาแล้วตีเข่าใส่ร่างของตู้หรงเฉิงหงายหลังอย่างแรง ถู
ชายหนุ่มหญิงสาวเหล่านี้แต่ละคนล้วนมีกลิ่นอายของผู้บำเพ็ญเพียร ต่อให้เป็นคนที่มีพลังฝึกปรืออ่อนด้อยที่สุดก็มีพลังฝึกปรือราว ๆ ระดับหลอมปราณชั้นแปดต่อให้เป็นปรมาจารย์ที่สามารถสั่นคลอนทั้งเมือง เมื่ออยู่ต่อหน้าพวกเขาก็ไม่มีค่าพอให้เอ่ยถึงเลย และตู้หรงเฉิงก็เป็นตัวตนที่อยู่จุดสูงสุดในกลุ่มพวกเขา ด่าตู้หรงเฉิงก็เท่ากับด่าพวกเขาทุกคน!สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ พวกเขาดูไม่ออกจริง ๆ ว่าฉู่เฉินมีอะไรโดดเด่นเหนือคนอื่น ราวกับว่าไม่มีแม้กระทั่งคลื่นพลังลมปราณเลยสักนิดดัยว คนธรรมดาคนหนึ่งถึงกับกล้าสบประมาทผู้บำเพ็ญเพียรเนี่ยนะ? “ไอ้หนู คุณบ้าดีเดือดมากเลยนะ”ตู้หรงเฉิงหรี่ตา ลมปราณระดับสร้างรากฐานชั้นหนึ่งรอบกายพลันระเบิดออกมา พรืด!หลิงเสวี่ยที่นั่งอยู่ข้างฉู่เฉินเห็นแบบนั้นก็แทบจะหลุดหัวเราะออกมาทันทีระดับสร้างฐานชั้นหนึ่งก็ไม่เลวจริง ๆ แต่นั่นต้องดูด้วยว่าเทียบกับใคร อย่าว่าแต่ฉู่เฉินเลย แค่เธอก็สามารถตบตู้หรงเฉิงให้ตายได้ในฝ่ามือเดียว! เพียงแต่ว่า ตอนที่ออกจากโลกแห่งการหยั่งรู้ ฉู่เฉินใช้ยันต์ซ่อนวิญญาณเก็บซ่อนลมปราณของพวกเธอสองคนไว้ ดังนั้นดูแล้วถึงไม่ต่างอะไรจากคนธรรมดาต้องพูดว
เมื่อคำพูดนี้หลุดออกมา หลินซานก็อึ้งไปด้านหนึ่งคือหลินเยว่หรูกับลั่วหัวเอ๋อร์เข้าพักแล้ว อีกด้านหนึ่ง ฉู่เฉินก็เป็นแขกผู้มีเกียรติที่หลินเยว่หรูเชิญมาจะปล่อยให้ฉู่เฉินถูกเมินตรงนี้ไม่ได้หรอกใช่ไหม?แต่ตู้หรงเฉิงคนนี้ หลินซานเองก็ล่วงเกินไม่ไหวเช่นกันต่อให้เป็นตระกูลหลินก็ต้องไว้หน้าตระกูลตู้เล็กน้อย ถึงอย่างไรคนหนุนหลังของตระกูลตู้ก็แข็งแกร่งไม่ธรรมดาพอเห็นหลินซานอึ้งอยู่กับที่ ตู้หรงเฉิงก็เอ่ยด้วยสีหน้าไม่พอใจเล็กน้อยว่า “ว่ายังไง ลูกน้องตระกูลหลินอย่างคุณกล้าไม่ไว้หน้าผมด้วยเหรอ?” เมื่อคำพูดนี้ออกมา กลุ่มชายหนุ่มหญิงสาวที่อยู่รอบ ๆ ก็พากันมองไปทางหลินซานด้วยสายตาไม่เป็นมิตร ในขณะเดียวกัน ชายร่างกำยำที่แต่งกายทะ มัดทะแมงไว้ผมเกรียนคนหนึ่งก็มองหลินซานอย่างพิจารณาด้วยสายตาเย็นชาหลังจากสิ้นเสียงของตู้หรงเฉิง“คุณชายตู้เข้าใจผิดแล้วครับ ผะ...ผมแค่...”ในตอนนี้เอง ชายร่างท้วมวัยกลางคนผู้หนึ่งเดินลงมาจากชั้นสอง ก่อนจะเอ่ยตัดบทหลินซานว่า “ท่านทั้งหลาย เกิดเรื่องอะไรขึ้นเหรอครับ?”ตู้หรงเฉิงหันหน้าไปมองชายวัยกลางคนแวบหนึ่ง แล้วเอ่ยด้วยสีหน้าเย่อหยิ่งเล็กน้อยว่า “คุณเป็นเจ้าของ
หลินเยว่หรูพูดจบก็รูดคีย์การ์ดห้องทันที ก่อนจะเดินเข้าไปในห้องเพรสซิเดนเชียลสวีทลั่วหัวเอ๋อร์อึ้งไปพักหนึ่ง จากนั้นถึงค่อยเข้าใจจุดประสงค์ของหลินเยว่หรูว่าต้องการโยนเคราะห์ให้คนอื่น ลั่วหัวเอ๋อร์พยักหน้าเล็กน้อยแล้วค่อยเดินเข้าไปในห้องของตัวเอง .....อีกทางด้านหนึ่ง เมื่อหลินซานมาถึงเจียงจง ฉู่เฉินกับหลิงเสวี่ยก็เดินออกมาจากทางออกของเมืองชิงหลงที่อยู่ในเจียงจงพอดี เมื่อเห็นฉู่เฉิน หลินซานก็รีบเข้าไปต้อนรับแล้วเอ่ยด้วยใบหน้าที่เปี่ยมไปด้วยรอยยิ้มว่า “คุณฉู่ ผมได้รับคำสั่งจากคุณนายให้มารับคุณครับ” ฉู่เฉินมองหลินซานแวบหนึ่งแล้วขมวดคิ้วกล่าวว่า “คุณนาย? คุณนายไหน?”“คุณนายของบ้านชื่อหลินเยว่หรูครับ!”หลินซานรีบแนะนำตัวเองฉู่เฉินถึงค่อยพยักหน้า แล้วจูงมือหลิงเสวี่ยเดินไปยังรถเอสยูวีที่จอดอยู่ทางด้านข้าง“ไปกันเถอะ”ฉู่เฉินจูงหลิงเสวี่ยมานั่งที่เบาะหลัง แล้วออกคำสั่งอย่างเฉยชา หลินซานสตาร์ตรถทันที ก่อนจะมุ่งหน้าไปยังโรงแรมในชานเมืองปินเฉิน หลายชั่วโมงต่อมา รถก็จอดอยู่ที่หน้าประตูโรงแรม“คุณฉู่ครับ เนื่องจากโรงแรมนี้อยู่ใกล้กับตระกูลลั่วมากที่สุด ดังนั้นเลยจัดเตรียมห้องเพ
เมื่อลั่วเทียนเต๋อเอ่ยคำพูดนี้ออกมา ลั่วหัวเอ๋อร์ก็อดรู้สึกหนักอึ้งในใจไม่ได้!เธอเคยเจอเจ้าสำนักน้อยคนนั้นแค่ครั้งเดียว แต่ว่าต่อให้เห็นผ่าน ๆ แค่แวบเดียวเท่านั้น เธอก็ดูออกได้ไม่ยากว่า นั่นเป็นคนไร้ประโยชน์ที่ดูดีแค่ภายนอกตามมาตรฐานเลย ถ้าต้องแต่งกับผู้ชายแบบนั้นจริง ๆ ชีวิตนี้ของเธอมีหวังได้จบสิ้นแล้วไม่ใช่หรือไง?และถ้าครั้งนี้กัวเฟิงช่วยตระกูลลั่วให้ผ่านพ้นวิกฤติได้จริง ๆ เธออยากปฏิเสธการแต่งงานก็คงไม่ได้แล้ว“เจ้าสำนักน้อย? ไอ้กัวเฟิงนั่นมันตัวอะไรกัน! ลูกสาวฉันจะไปแต่งงานกับเขาได้ยังไง!”หลินเยว่หรูกัดฟันกรอด ดึงลั่วหัวเอ๋อร์ให้มาอยู่ด้านหลังตัวเอง ก่อนจะเอามือชี้หน้าลั่วเทียนเต๋อแล้วพูดว่า “ไอ้คนแซ่ลั่ว คุณเป็นคนหาเรื่องเอง เลิกลากพวกเราแม่ลูกเข้าไปเกี่ยวข้องได้แล้ว” พอลั่วเทียนเต๋อได้ยินคำพูดนี้ โทสะก็พุ่งพล่านขึ้นมาเช่นกัน ตะโกนอย่างโกรธเกรี้ยวด้วยใบหน้าแดงก่ำว่า “ดี! คุณมันแพศยาไร้ยางอาย รีบไสหัวออกไปจากบ้านตระกูลลั่วเดี๋ยวนี้เลยนะ!”“ไม่ต้องพึ่งตระกูลหลินของพวกคุณ ฉันก็จัดการเรื่องนี้ได้อยู่ดี!” อะไรนะ?หลินเยว่หรูถลึงตาใส่ลั่วเทียนเต๋อ กัดฟันกรอแล้วกล่าวว่า “คุณ
“ได้ค่ะ ขอบคุณมากนะคะคุณฉู่”หลินเยว่หรูขอบคุณเป็นล้นพ้นแล้ววางสายไปแต่หลินเจิ้งไท่ที่อยู่ทางด้านข้างกลับมองไปยังฉู่เฉินด้วยความสงสัยเขาอยู่ระดับสร้างรากฐานชั้นเจ็ด แต่หลินเยว่หรูกลับให้ฉู่เฉินช่วยต่อกรกับยอดฝีมือระดับสร้างรากฐานชั้นเก้าเหรอ?ลูกสาวของเขาคงไม่ได้โดนฉู่เฉินเอาจนโง่งมไปแล้วใช่ไหม?แต่พอขบคิดให้ละเอียด ด้วยสถานะของฉู่เฉินในตอนนี้ ระดับสร้างรากฐานชั้นเก้ายังไม่อยู่ในสายตาเขาจริง ๆ ต่อให้ฉู่เฉินเป็นแค่คนธรรมดา แต่ใครจะกล้าแตะต้องเขาแม้กระทั่งปลายนิ้ว? “หัวหน้าจ้าว เมื่อกี้คุณบอกว่าจะพาผมไปส่งที่เจียงจงเหรอครับ?” ฉู่เฉินวางโทรศัพท์ลง จิบชาแล้วเอ่ยอย่างเรียบนิ่ง “แน่นอนสิครับ ไม่ว่าเมื่อไหร่ที่คุณฉู่มาที่เมืองชิงหลง ผมกับผู้เฒ่าหลินจะต้องออกมาต้อนรับสิบลี้ ไปส่งสิบลี้อย่างแน่นอน” จ้าวเต๋อฉวนพรูลมหายใจยาวออกมา ในที่สุดก็จะได้ส่งไอ้ตัวซวยคนนี้ออกไปสักทีเมื่อเห็นฉู่เฉินกับหลิงเสวี่ยลุกขึ้น หลินเจิ้งไท่ก็รีบตามไป คนทั้งกลุ่มมุ่งหน้าตรงไปทางทางออกฝั่งตะวันตกเฉียงเหนือของเจียงจงทันที ......อีกทางด้านหนึ่ง หลินเยว่หรูเพิ่งจะวางโทรศัพท์ลง ลั่วเทียนเต๋อก็ตบโต๊ะด้วย