ถึงขนาดที่อยู่ห่างจากระดับควบแก่นแท้แค่ครึ่งก้าวเท่านั้นเป็นอย่างที่คาดไว้จริง ๆฉู่เฉินพยักหน้าเล็กน้อย และชี้ไปยังเจียงเยว่ตงที่อยู่ทางด้านข้างแล้วพูดว่า “กินหมอนี่ซะ”เจ้าทึ่มทำเช่นเดิมอีกครั้ง แค่ครึ่งชั่วโมงสั้น ๆ พวกตู้เทียนหัวก็เหลือแค่โครงกระดูกเท่านั้นแต่สิ่งที่ทำให้ฉู่เฉินไม่เข้าใจมาก ๆ ก็คือลมปราณบนร่างของเจ้าทึ่มไม่มีการเปลี่ยนแปลงใด ๆ อีกเลย ตรงกันข้าม ดวงตาที่เคยดูไม่ค่อยเฉลียวฉลาดคู่นั้นของเขาราวกับฉายรัศมีแห่งสติปัญญาขึ้นมาแวบหนึ่ง“ทำไมระดับพลังของนายถึงไม่เพิ่มขึ้นแล้วล่ะ?”ฉู่เฉินมองสำรวจเจ้าทึ่มด้วยสีหน้างุนงง “ผมรู้สึกว่าเหมือนมาถึงจุดคอขวดแล้ว”เมื่อคำพูดนี้ออกมาจากปาก ฉู่เฉินก็ตกใจจนสะดุ้ง นะ...นี่เจ้าทึ่มพูดออกมาได้ด้วย? ซี้ด!วินาทีถัดมา ฉู่เฉินเหมือนจะเข้าใจอะไรบางอย่างเฉินไห่เสวียนเพิ่มพลังของเจ้าทึ่มจริง ๆ แต่ดูเหมือนตู้เทียนหัวกับเจียงเยว่ตงจะบำรุงสมองทว่าปัญหาสำคัญคือใจจริงของฉู่เฉินไม่ต้องการให้เจ้าทึ่มมีสมอง คงอยู่ในสภาพกึ่งโง่กึ่งฉลาดตลอดไปก็ดีมากอยู่แล้วนี่แม่งสิ้นเปลืองแล้วฉู่เฉินเดินวนอยู่ที่เดิมด้วยความกังวลใจ ขบคิดอย่างหน
ในตอนนี้เอง ต้วนหลิงเวยรีบวิ่งมาที่ภูเขาด้านหลัง ก่อนจะมาหาฉู่เฉินแล้วพูดว่า “นายท่าน เซียวจี้หงกับเซียวเฟิงมาขอพบค่ะ คุณคิดว่า...”ฉู่เฉินครุ่นคิดเล็กน้อยแล้วพยักหน้ากล่าวว่า “ให้พวกเขาเข้ามาเถอะ”ไม่นานนัก ต้วนหลิงเวยก็พาเซียวจี้หงกับเซียวเฟิงสองอาหลานมาที่ภูเขาด้านหลังเมื่อเซียวจี้หงเห็นเจ้าทึ่มที่มีเลือดเปื้อนเต็มปาก รวมถึงโครงกระดูกเต็มพื้น เขาก็อึ้งไปก่อน แล้วรีบเบือนหน้าหนีไปอีกทาง ไม่กล้ามองตรง ๆ“ฉู่เฉิน ขอร้องละ ช่วยน้องสาวของฉันด้วยเถอะ กะ...เกรงว่าเธอจะไม่ไหวแล้วจริง ๆ”เซียวเฟิงก้าวมาข้างหน้า แล้วประสานมืออ้อนวอนฉู่เฉิน เซียวจี้หงก็รีบเดินเข้ามาแล้วเอ่ยด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความจริงใจว่า “คุณฉู่ ทั้งหมดเป็นเพราะเสวี่ยอิ๋งยังเยาว์วัยไม่รู้ความ ถึงได้ล่วงเกินคุณฉู่ ขอให้คุณใจกว้าง อย่าลดตัวไปทะเลาะกับเธอเลยครับ”เซียวจี้หงกล่าวจบก็โค้งคำนับให้ฉู่เฉินสามครั้งต่อหน้าทุกคนฉู่เฉินส่ายหน้าติดต่อกันแล้วเอ่ยว่า “ขอโทษด้วยครับ ผมช่วยเรื่องนี้ไม่ได้แล้วจริง ๆ เชิญพวกคุณกลับไปเถอะครับ”เมื่อได้ยินคำพูดนี้ เซียวเฟิงกับเซียวจี้หงก็ร้อนใจทันที คุกเข่าต่อหน้าฉู่เฉินดังตุบกัน
ฉู่เฉินกล่าวจบก็ปล่อยให้เซียงเฟิงกับเซียวจี้หงอึ้งอยู่ที่เดิม แล้วพาเจ้าทึ่มเดินไปทางประตูหน้าเมื่อเห็นว่าฉู่เฉินไม่ยอมช่วยเหลือ เซียวจี้หงก็เอ่ยด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความสิ้นหวังว่า “เสี่ยวเฟิง จะทำยังไงดี คุณฉู่เขา...”เซียวเฟิงสูดลมหายใจลึกแล้วพูดว่า “ขอร้องคนอื่น”พูดจบก็ล้วงโทรศัพท์ออกมา แล้วโทรศัพท์ไปหาถานเฟยกับโฮ่วเจี้ยนอิงในสายโทรศัพท์ เซียวเฟิงเล่าสั้น ๆ ถึงความร้ายแรง พอโฮ่วเจี้ยนอิงกับถานเฟยฟังจบก็รีบมาที่วิลล่าเฟิ่งหมิงทันทีเมื่อได้ยินว่าเซียวเฟิงเชิญถานเฟยกับโฮ่วเจี้ยนอิงมา ฉู่เฉินก็รู้สึกจนใจอยู่พักใหญ่ ได้แต่เชิญทั้งสี่คนเข้าไปในห้องรับแขกหลังจากนั่งลงแล้ว ถานเฟยก็เอ่ยปากพูดก่อน “คุณฉู่ คุณเองก็รู้ว่าผู้บังคับบัญชาสูงสุดโฮ่วทุ่มเทไปไม่น้อยเพื่อที่จะอบรมฝึกฝนเซียวเสวี่ยอิ๋ง เดิมทีอยากให้เธอได้ฝึกฝนประสบการณ์ แต่ไม่คิดว่า...”พูดถึงตรงนี้ ถานเฟยก็ทอดสายตาไปที่โฮ่วเจี้ยนอิงฝ่ายหลังรีบลุกขึ้นมากล่าวว่า “คุณฉู่ ตลอดมาผมโฮ่วเจี้ยนอิงไม่เคยขอร้องใครมาก่อน แต่ครั้งนี้ผมขอร้องคุณฉู่จากใจจริง ช่วยชีวิตเสวี่ยอิ๋งด้วยเถอะครับ”โฮ่วเจี้ยนอิงพูดจบก็โค้งคำนับฉู่เฉินติดกัน
เมื่อฉู่เฉินลงมือ เซียวเสวี่ยอิ๋งที่ยังคงหมดสติอยู่ก็ส่งเสียงครางเบา ๆ ด้วยความเจ็บปวด คิ้วเรียวทั้งสองข้างขมวดเข้าหากันแน่นฉู่เฉินจับชีพจรของเซียวเสวี่ยอิ๋งอีกครั้ง ตอนนี้เลือดลมภายในร่างของเซียวเสวี่ยอิ๋งเริ่มปั่นป่วนอย่างหนักภายใต้การออกฤทธิ์ของผงร้อยบุปผาสาเหตุที่เธอหมดสติอยู่ตอนนี้เป็นเพราะพิษของผงร้อยบุปผากำลังออกฤทธิ์แต่ผ่านไปไม่นานมากนัก เธอก็จะฟื้นขึ้นมา แต่เซียวเสวี่ยอิ๋งที่ฟื้นขึ้นมาแล้ว เกรงว่ามีแต่จะคลุ้มคลั่งยิ่งว่าหญิงหม้ายที่อยู่ในบ้านว่าง ๆ เพียงลำพังมาหลายสิบปีด้วยเหตุนี้เอง ฉู่เฉินไม่กล้าเสียเวลาเลย เขาถอดเสื้อผ้าของเซียวเสวี่ยอิ๋งอย่างรวดเร็ววินาทีถัดมา ทิวทัศน์อันวาบหวามที่ไร้ขีดจำกัดก็ลอดเข้าสู่สายตา เรือนร่างที่แทบจะสมบูรณ์แบบปรากฏขึ้นต่อหน้าฉู่เฉิน จำเป็นต้องพูดว่ากายาหงส์หยกเพลิงที่หาได้ยากยิ่งมีผิวพรรณเหนือกว่าผู้หญิงทั่วไปอย่างมาก โดยเฉพาะยอดอกอันงดงามนั้นยิ่งอวบอิ่มงดงามเป็นเรือนร่างที่สมบูรณ์แบบจริง ๆ ด้วย สมแล้วที่เป็นคุณสมบัติร่างกายที่สมบูรณ์แบบจริง ๆ ด้วยขณะที่ฉู่เฉินลอบถอนหายใจอยู่ในใจ เขาก็อุ้มเซียวเสวี่ยอิ๋งขึ้นแล้วมาที่ถังอาบน้ำเ
เมื่อได้ยินคำพูดนี้เข้า คนในตระกูลเซียวต่างรู้สึกกระอักกระอ่วนใจอยู่พักใหญ่“น้องฉู่ นั่งลงดื่มชาเถอะ นะ...นายคงเหนื่อยแล้ว”ไม่ว่าอย่างไรเซียวเฟิงก็รู้สึกว่าคำพูดนี้ของตัวเองฟังดูแปลกนิดหน่อยฉู่เฉินโบกมือให้เซียวเฟิงแล้วกล่าวว่า “ไม่ละครับ ผมกลับไปแล้วยังมีเรื่องสำคัญอีกหลายเรื่องต้องจัดการ พวกคุณคอยดูแลอารมณ์ของเธอให้มาก ๆ เถอะครับ ผมคิดว่าเธออาจจะยอมรับความจริงไม่ได้ในช่วงเวลาสั้น ๆ”“อย่าเห็นว่าพิษของเธอถูกถอนแล้ว แต่ว่ายังเกิดความผันผวนทางอารมณ์ได้ ถ้าเกิดปั่นป่วนมากเกินไปก็อาจจะกำเริบซ้ำอีกก็ได้นะครับ”หลังจากกล่าวจบแล้ว ฉู่เฉินก็กำชับอีกไม่กี่ประโยคถึงค่อยกล่าวอำลาแล้วจากไป......อีกทางด้านหนึ่ง ตรงส่วนลึกของภูเขาหลางจีซวีศาลาไป๋อวิ๋นเจี้ยนบนยอดเขาหลักของวังเทียนเจี้ยน ชายชราสามคนนั่งล้อมวงอยู่ในศาลาพักร้อน ปรมาจารย์ว่านเจี้ยนเจ้าสำนักวังเทียนเจี้ยน ท่านธรรมาจารย์สำนักชิงอวิ๋นอาจารย์ของคุณชายเซียวเหยา รวมไปถึงหัวหน้าไป๋เหมยจากจวนเทียนเยว่ แต่ละคนต่างทำหน้าหนักอึ้ง หลายวันที่ผ่านมานี้ ไม่เพียงแต่หอการค้ากิเลนที่วังเทียนเจี้ยนให้การสนับสนุนประสบกับความเสียหายอย่างหน
ภายใต้ม่านรัตติกาล ท่านธรรมาจารย์สำนักชิงอวิ๋นและพวกไป๋เหมยค่อย ๆ ร่อนลงจากท้องฟ้า ลงมาบนเนินเขาลูกเล็กที่อยู่ห่างจากวิลล่าเฟิ่งหมิงหลายร้อยเมตร หลังจากมองวิลล่าเฟิ่งหมิงที่มีหมอกขาวพวยพุ่งอยู่ไกล ๆ ดวงตาของไป๋เหมยกับปรมาจารย์ว่านเจี้ยนต่างก็ส่องประกายขึ้นมาพร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมาย เป็นแดนมงคลถ้ำสวรรค์จริง ๆ ด้วย นอกจากนี้ยังเป็นน้ำพุสวรรค์เนตรมังกรที่เทียบเคียงได้กับแดนมงคลยิ่งใหญ่ทั้งสี่ของภูเขาหลางจีซวี“โลกมนุษย์ธรรมดามีแดนมงคลถ้ำสวรรค์ระดับนี้ได้ด้วยเหรอเนี่ย?” นัยน์ตาของปรมาจารย์ว่านเจี๋ยฉายแววละโมบขึ้นมา“ตอนนี้พวกคุณเชื่อแล้วใช่ไหม ฆ่าฉู่เฉินทิ้งแล้วแบ่งแดนมงคลถ้ำสวรรค์กันดีไหม?”ท่านธรรมาจารย์สำนักชิงอวิ๋นเอ่ยอย่างเรียบนิ่ง“สมควรฆ่าหมอนี่!” “ถ้าไม่ฆ่าหมอนี่ โลกแห่งการหยั่งรู้ของเรายังมีหน้าอยู่อีกเหรอ” ไป๋เหมยกับปรมาจารย์ว่นเจี้ยนที่ไม่เห็นด้วยกับการฆ่าฉู่เฉินมาโดยตลอด เวลานี้ก็พากันพยักหน้า“การแข่งขันศิลปะการต่อสู้ต้องให้พี่ว่านเจี๋ยสิ้นเปลืองสมองแล้ว พอถึงตอนนั้นผมจะส่งลูกศิษย์มาฆ่าหมอนี่เอง” ท่านธรรมาจารย์สำนักชิงอวิ๋นเอ่ยพลางหัวเราะหยัน.....คืนนั้น
“ลั่วเทียนเต๋อ นายไม่ต้องกังวล ที่ให้ฉู่เฉินมาไม่ใช่เพื่อสนับสนุนเขา แต่เพื่อฆ่าเขา”หลิงเสวี่ยคล้ายกับดูออกถึงความกังวลใจของคนตระกูลลั่วเลยพูดเสริมขึ้นมาอีกหนึ่งประโยคเมื่อได้ยินคำพูดนี้ ลั่วเทียนเต๋อกับคนตระกูลลั่วถึงได้พรูลมหายใจยาว ๆ “ศิษย์พี่หลิงเสวี่ยกล่าวหนักไปแล้วครับ ทุกสิ่งทุกอย่างของตระกูลลั่วเราล้วนเป็นสิ่งที่วังเทียนเจี่ยนมอบให้ ไม่ว่าจะให้ตระกูลลั่วของเราทำอย่างไร แค่วังเทียนเจี่ยนพูดมาประโยคเดียวก็พอครับ”ลั่วเทียนเต๋อพูดจบถึงค่อยลุกขึ้นมาด้วยความโล่งใจ จากนั้นก็หยิบบัตรเชิญว่างเปล่าใบหนึ่งจากในลิ้นชัก พอเขียนชื่อของฉู่เฉินอย่างรวดเร็วแล้วค่อยหันตัวไปส่งให้ถึงมือลั่วเสี่ยวเทียน“แกส่งบัตรเชิญใบนี้ไปให้จินเจิ้นหลงคืนนี้เลย บอกเขาว่าจะต้องพาฉู่เฉินมาเข้าร่วมการแข่งขันศิลปะการต่อสู้ให้ได้” ลั่วเสี่ยวเทียนพยักหน้าอย่างหนักแน่นแล้วพูดว่า “ครับ”หลังจากรับบัตรเชิญมาแล้ว ลั่วเสี่ยวเทียนมุ่งหน้าไปยังเจียงจงด้วยความเร่งรีบ.....เช้าวันรุ่งขึ้น ฉู่เฉินกำลังรับประทานอาหารเช้าอยู่ เจ้าทึ่มก็พาจินเจิ้นหลงเดินเข้ามาในห้องโถง “นายท่าน มีคนมาหาครับ”เสียงของเจ้าทึ่มแหบแห
“คุณฉู่ เท่าที่ผมรู้มา ในครั้งนี้ไม่เพียงคนจากวงการต่อสู้ที่เข้าร่วมเท่านั้น ยังมีคนจากโลกแห่งการบำเพ็ญพรตไม่น้อยก็เข้าร่วมเช่นกัน คุณต้องระวังตัวไว้หน่อยนะครับ”จินเจิ้นหลงกล่าวด้วยสีหน้ากังวลใจเป็นอย่างมากฉู่เฉินพยักหน้าเล็กน้อยแล้วเอาบุหรี่หนึ่งม้วนขึ้นมาจุดสูบ พ่นควันเป็นวงแหวนออกมาหลายวง จากนั้นเอ่ยถาม “นอกจากตระกูลจินของพวกคุณ คนจากเจียงจงของเราที่เข้าร่วมการแข่งขันศิลปะการต่อสู้ในครั้งนี้มีเยอะไหม?”ได้ยินคำถามของฉู่เฉินแล้ว จินเจิ้นหลงฝืนยิ้มพร้อมส่ายหน้าตอบ “นอกจากตระกูลจินของพวกผมแล้ว ก็มีแต่คุณฉู่คนเดียวแล้วครับ ศิลปะการต่อสู้แห่งเจียงจงตกต่ำลง และไม่มียอดฝีมือระดับมหาปรมาจารย์ยุทธ์มาเป็นเวลาหลายทศวรรษแล้ว ยิ่งไม่ต้องพูดถึงระดับฝึกปราณชั้นหกหรือระดับพลังที่สูงกว่านั้นเลยครับ”“เฮ้อ ที่จริงตระกูลจินของผมก็เป็นได้แค่คนชมอยู่ข้างเวทีเท่านั้น ไม่มีคุณสมบัติขึ้นเวทีประลองแม้แต่น้อยเลยครับ”ฉู่เฉินพยักหน้าอย่างไม่ใส่ใจและกล่าวต่อ “ความจริงแล้วหมัดพิชิตมังกรตระกูลจินของคุณก็เรียกได้ว่าเป็นวิชาที่ไร้การสืบทอดสู่รุ่นต่อไป ช่างน่าเสียดาย”จินเจิ้นหลงได้ยินดังนั้น ก็กล่าวด้วยสีห
“ได้ค่ะ ขอบคุณมากนะคะคุณฉู่”หลินเยว่หรูขอบคุณเป็นล้นพ้นแล้ววางสายไปแต่หลินเจิ้งไท่ที่อยู่ทางด้านข้างกลับมองไปยังฉู่เฉินด้วยความสงสัยเขาอยู่ระดับสร้างรากฐานชั้นเจ็ด แต่หลินเยว่หรูกลับให้ฉู่เฉินช่วยต่อกรกับยอดฝีมือระดับสร้างรากฐานชั้นเก้าเหรอ?ลูกสาวของเขาคงไม่ได้โดนฉู่เฉินเอาจนโง่งมไปแล้วใช่ไหม?แต่พอขบคิดให้ละเอียด ด้วยสถานะของฉู่เฉินในตอนนี้ ระดับสร้างรากฐานชั้นเก้ายังไม่อยู่ในสายตาเขาจริง ๆ ต่อให้ฉู่เฉินเป็นแค่คนธรรมดา แต่ใครจะกล้าแตะต้องเขาแม้กระทั่งปลายนิ้ว? “หัวหน้าจ้าว เมื่อกี้คุณบอกว่าจะพาผมไปส่งที่เจียงจงเหรอครับ?” ฉู่เฉินวางโทรศัพท์ลง จิบชาแล้วเอ่ยอย่างเรียบนิ่ง “แน่นอนสิครับ ไม่ว่าเมื่อไหร่ที่คุณฉู่มาที่เมืองชิงหลง ผมกับผู้เฒ่าหลินจะต้องออกมาต้อนรับสิบลี้ ไปส่งสิบลี้อย่างแน่นอน” จ้าวเต๋อฉวนพรูลมหายใจยาวออกมา ในที่สุดก็จะได้ส่งไอ้ตัวซวยคนนี้ออกไปสักทีเมื่อเห็นฉู่เฉินกับหลิงเสวี่ยลุกขึ้น หลินเจิ้งไท่ก็รีบตามไป คนทั้งกลุ่มมุ่งหน้าตรงไปทางทางออกฝั่งตะวันตกเฉียงเหนือของเจียงจงทันที ......อีกทางด้านหนึ่ง หลินเยว่หรูเพิ่งจะวางโทรศัพท์ลง ลั่วเทียนเต๋อก็ตบโต๊ะด้วย
“คุณฉู่ ตอนนี้ลูกชายของฉันฟื้นแล้ว หมอบอกว่าพักอีกหน่อยก็ไม่เป็นอะไรแล้ว ที่ฉันโทรหาคุณครั้งนี้ ไม่ใช่เพราะเรื่องนี้ แต่...”เมื่อกล่าวถึงตรงนี้ หลินเยว่หรูลังเลอยู่นาน ก่อนจะกล่าวต่อ “ไม่ทราบว่าช่วงนี้คุณฉู่พอจะมีเวลาว่างไหมคะ?”“ช่วงนี้... คงไม่มีเวลาไปไปเยี่ยมเยียนเส้นทางที่ร่มรื่นของคุณหรอกครับ”ขณะที่ฉู่เฉินกล่าว ก็หันศีรษะไปมองหลิงเสวี่ยที่อยู่ข้างๆเมื่อเทียบกับหลิงเสวี่ยแล้ว สุดท้ายหลินเยว่หรูก็ยังด้อยกว่าอยู่ระดับหนึ่งไม่ต้องพูดถึงอย่างอื่น แค่ในแง่ของความอดทน แม้ว่าหลิงเสวี่ยจะเป็นมือใหม่ แต่ความอดทนของเธอก็ดีกว่าหลินเยว่หรูไม่น้อยหลังจากศึกหนักเมื่อคืนนี้ หลิงเสวี่ยไม่เพียงแต่ไม่อ่อนเปลี้ยเพลียแรง แต่กลับได้รับการพัฒนาอย่างลึกซึ้ง ยิ่งกว่านั้น หลิงเสวี่ยยังมีร่างกายพิเศษซึ่งมีคุณสมบัติในการบำรุงฉู่เฉินไม่น้อยเมื่อเปรียบเทียบกันแล้ว หลินเยว่หรูยังคงมีร่างกายเป็นกระถางรับซึ่งเป็นเพียงการเล่นสนุกเท่านั้นและฉู่เฉินก็ไม่ได้รับผลประโยชน์ใดๆหลินเยว่หรูที่ปลายสายเงียบไปชั่วขณะ ก่อนจะสูดลมหายใจเข้าลึกๆ แล้วกล่าวว่า “คุณฉู่คะ ฉัน... ฉันมีเรื่องอยากจะขอความช่วยเหลือจากคุณค่ะ
แม้แต่ฉู่เฉินเองก็รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย เมืองเล็กๆ ในโลกแห่งการหยั่งรู้ใหญ่โตขนาดนี้เลยเหรอ?งั้นจะยังเดินเที่ยวทำไม มันเดินให้ทั่วไม่ได้อยู่แล้ว“หัวหน้าจ้าว ศูนย์กระจายวัตถุดิบยาของเมืองชิงหลงอยู่ที่ไหนครับ พาผมไปดูหน่อย”ฉู่เฉินกล่าวเสียงเรียบแม้จะค้นหาในคลังวัตถุดิบยาของสำนักชิงอวิ๋นและคลังยาของวังเทียนเจี้ยนแล้ว ฉู่เฉินก็ยังคงไม่พบหญ้าเทียนเซียง สถานการณ์ของอวี้ลู่เริ่มไม่มั่นคงขึ้นเรื่อยๆ แล้ว จำเป็นต้องหาวิธีโดยเร็วที่สุดและเอาหญ้าเทียนเซียงอีกสองต้นมาให้ได้“ไม่ทราบว่าคุณฉู่ต้องการซื้อวัตถุดิบยาอะไรครับ ถ้าเป็นไปได้ ผมอยากจะมอบมันให้กับคุณฉู่ครับ”จ้าวเต๋อฉวนกล่าวด้วยสีหน้าประจบสอพลอตราบใดที่ฉู่เฉินพอใจ บางทีอาจจะไล่เขาออกไปได้เร็วขึ้น“หญ้าเทียนเซียง”ฉู่เฉินกล่าวเสียงเรียบออกมาสามคำ ทั้งจ้าวเต๋อฉวนและหลินเจิ้งไท่ต่างก็ชะงักไป แต่ในวินาทีต่อมา สีหน้าของทั้งสองก็กลับมาเป็นปกติในทันที“คุณฉู่ครับ วัตถุดิบยาแบบนี้ ในเมืองชิงหลงเราก็ไม่มีเช่นกัน ถ้าไม่เชื่อ คุณสามารถตามผมไปที่ตรวจสอบที่ถนนขายวัตถุดิบยาด้วยตนเองได้เลยครับ!”เมื่อฉู่เฉินได้ยินก็หรี่ตาลง สายตาพิจารณาของ
“กลับเหรอ? ไม่ต้องรีบ ผมกำลังอยากไปเดินเล่นในเมืองพอดี”ฉู่เฉินเอามือข้างหนึ่งไพล่หลังและชี้ไปที่เมืองชิงหลงซึ่งอยู่ไม่ไกลอะไรนะ?หยาดเหงื่อเม็ดเล็กผุดขึ้นที่ขมับของจ้าวเต๋อฉวนทันที มองไปทางฉู่เฉินแล้วกล่าวว่า “คุณฉู่ครับ เมืองชิงหลงทรุดโทรมมาก เกรงว่ามันจะไม่เข้าตาของคุณฉู่หรอกครับ”ฉู่เฉินแค่นเสียงเย็น มองสำรวจจ้าวเต๋อฉวนและกล่าวว่า “นี่เป็นครั้งที่สองแล้วที่สำนักชิงอวิ๋นของคุณเป็นฝ่ายยั่วยุผม คุณคิดว่าผมฉู่เฉินเป็นคนยังไง? ที่พวกคุณเรียกมาก็มา ไล่ไปก็ไปงั้นเหรอ?”หลังจากที่กล่าวคำนี้ออกมา แม้แต่จ้าวเต๋อฉวนก็ยังยืนตะลึงอยู่กับที่“ฉู่เฉิน แกอย่ารังแกคนอื่นมากเกินไปนัก”หลินฮ่าวกัดฟันจ้องฉู่เฉินด้วยความโกรธฉู่เฉินคนนี้ไม่ใช่แค่คำว่าเกินไปสองคำจะมาอธิบายได้แล้ว แทบจะไม่เห็นใครอยู่ในสายตาเลยในเมืองชิงหลง ไม่ต้องพูดถึงการตบคนตระกูลหลินของพวกเขา และยังข่มขู่ครั้งแล้วครั้งเล่า นี่มันอวดดีเกินไปแล้วในขณะนี้ จู่ๆ จ้าวเต๋อฉวนก็สัมผัสได้ถึงกลิ่นอายอันน่าสะพรึงกลัวหลายสายกำลังสอดส่องมาทางนี้ ในใจพลันหนักอึ้ง ก่อนจะยกเท้าเตะหลินฮ่าวลงไปกองกับพื้น“นี่แกมีสิทธิ์อะไรมาพูด?”ตอนนี้ใน
สิ้นเสียงของฉู่เฉิน ก็ตบใบหน้าอีกด้านของหลินฮ่าว ตบซ้ำไปสองครั้งเสียงดังสนั่น“ไอ้คนแซ่ฉู่!”หลินฮ่าวโกรธจัดจนแทบคลั่ง!เห็นชัดว่าเขาพาคนมาดักฆ่าฉู่เฉิน แต่ผลลัพธ์ล่ะ?ฉู่เฉินไม่ได้รับบาดเจ็บแม้แต่น้อย แต่เขากลับโดนตบหน้าไปหกเจ็ดครั้งติดต่อกันจนแก้มบวมเป่งแล้วเขาจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน?“ฉู่เฉิน ฉันแนะนำให้แกทำแต่พอดี ไม่งั้น...”เมื่อหลินเจิ้งไท่กล่าวไปได้เพียงครึ่งประโยค ฉู่เฉินก็หันขวับมามองหลินเจิ้งไท่และกล่าวแทรกด้วยรอยยิ้มเยาะ “ถ้าคุณไม่พูด ผมคงเกือบลืมคุณไปแล้ว”“เมื่อกี้คุณเพิ่งพูดว่าอะไรนะ? ฆ่าผม?”เพียะ เพียะ!ตบที่รวดเร็วราวกับสายฟ้าฟาดลงบนใบหน้าชราของหลินเจิ้งไท่อย่างจังเสียงตบดังสนั่นสองครั้งติดต่อกัน หลินเจิ้งไท่ตกตะลึง และทุกคนในตระกูลหลินต่างก็ตกตะลึงเช่นกันหลินเจิ้งไท่ลูบใบหน้าชราที่ถูกตบจนแดงก่ำด้วยความไม่เชื่อ ราวกับตกอยู่ในภวังค์ไปชั่วขณะเขาเป็นใคร?เขาอยู่ไหน?นี่คือในเมืองชิงหลง และตระกูลหลินก็เป็นหนึ่งในสามตระกูลใหญ่ของเมืองชิงหลง ยิ่งไปกว่านั้นเขายังเป็นผู้นำตระกูลหลินไม่ต้องพูดถึงการโดนตบเลย ปกติแล้วใครจะกล้าแม้แต่มาขึ้นเสียงกับเขา?แล้ววันนี้
เมื่อเห็นว่าคนในตระกูลหลินกำลังจะลงมือกับฉู่เฉินจริงๆ จ้าวเต๋อฉวนก็แทบจะกระอักเลือดออกมาสมองของกลุ่มคนนี้ช่างไม่เหมือนใครจริงๆ ฆ่าฉู่เฉิน นี่พวกเขาต้องการจะทำลายสำนักชิงอวิ๋นงั้นเหรอ?“พวกคุณตระกูลหลินอยากให้สำนักชิงอวิ๋นของผมจะถูกล้างบางมากนักใช่ไหม?”ครั้งนี้จ้าวเต๋อฉวนโกรธจัด คนอื่นมองสถานการณ์ไม่ออก เขายังพอเข้าใจได้ แต่หลินเจิ้งไท่อายุมากแล้ว ยังจะไร้เดียงสาเหมือนเด็กอีกงั้นเหรอ?เมื่อหลินเจิ้งไท่ได้ยินคำพูดนี้ก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย มองไปที่จ้าวเต๋อฉวนแล้วกล่าวว่า “หัวหน้าจ้าว คุณพูดแบบนี้ได้ยังไงครับ?”ในสายตาของเขา การฆ่าฉู่เฉินจะเป็นยังไง?อย่างไรก็ตาม ว่านโซ่วเซียนเวิงและคนอื่นๆ ต้องการหยกโลหิตกิเลน และไม่เคยบอกว่าจะปกป้อง ฉู่เฉินถ้าพวกเขาไม่แตะหยกโลหิตกิเลนเรื่องก็จบไม่ใช่เหรอ?“พูดแบบนี้ได้ยังไงน่ะเหรอ? ตราบใดที่เกิดเรื่องไม่คาดฝันกับคุณฉู่ในเมืองชิงหลง ในไม่ช้าทางสำนักว่านเซียนก็จะได้รับข่าว เมื่อถึงเวลานั้นคนที่จะมาก็ไม่ใช่แค่สำนักว่านเซียนแล้ว”“สำนักเสวียนปิง รวมถึงบรรดาสำนักใหญ่ที่โด่งดังพอๆ กับสำนักว่านเซียนต่างจะส่งคนมาที่นี่ ผมขอถามคุณว่าเมื่อถึงเวลานั้นใครจะส
สิ้นเสียง คนในตระกูลหลินต่างก้าวเท้าไปข้างหน้าและล้อมจ้าวเต๋อฉวนไว้ดูเหมือนว่าถ้าพูดไม่ถูกใจก็จะลงมือทันทีจ้าวเต๋อฉวนโกรธจนหัวเราะกับคนตระกูลหลิน มองสำรวจหลินเจิ้งไท่และกล่าวอย่างเย็นชา “ให้คำอธิบายกับคุณน่ะเหรอ? ผมจะอธิบายอะไรให้คุณล่ะ”หลินเจิ้งไท่สีหน้ามืดมน กัดฟันกล่าวว่า “พวกเราดักฆ่าฉู่เฉินที่นี่แล้วผิดอะไร? เจ้าสำนักก็เคยกล่าวไว้ ถ้าได้หยกโลหิตกิเลนมาก็เป็นประโยชน์ต่อสำนักชิงอวิ๋นของเราอย่างยิ่ง หัวหน้าจ้าวไม่รู้เหรอครับ?”“หึ ดักฆ่าฉู่เฉิน?”จ้าวเต๋อฉวนกัดฟันกรอดจนฟันแทบแตก มองหลินเจิ้งไท่อย่างเย็นชาและกล่าวว่า “พวกคุณคิดว่ามีแค่พวกคุณที่ได้รับข่าวว่าฉู่เฉินนำหยกโลหิตกิเลนเข้าสู่โลกแห่งการหยั่งรู้งั้นเหรอ?”“จนถึงตอนนี้ ฉู่เฉินยังคงปลอดภัยดี พวกคุณไม่คิดบ้างเหรอว่าทำไม?”หมายความว่ายังไง?เมื่อได้ยินเช่นนี้ หลินเจิ้งไท่ก็มองไปที่จ้าวเต๋อฉวนด้วยความไม่เข้าใจ“ไม่แปลกใจเลยที่เจ้าสำนักดูถูกพวกคุณตระกูลหลิน พวกคุณสร้างปัญหาให้เจ้าสำนักเก่งจริงๆ”ตอนนี้จ้าวเต๋อฉวนโกรธจนอยากจะด่าคน ไม่เคยเจอใครโง่งมขนาดนี้มาก่อน“หัวหน้าจ้าว หวังว่าคุณจะอธิบายให้ชัดเจนครับ”หลินเจิ้งไท่
ในขณะนี้ หลิงเสวี่ยก็รู้สึกตื่นตระหนกเล็กน้อยเช่นกันเพราะไม่ใช่แค่หลินเจิ้งไท่เท่านั้น รวมถึงยอดฝีมือของตระกูลหลินทั้งสามที่อยู่เบื้องหลังเขาต่างก็ก้าวมาข้างหน้าหนึ่งก้าวแม้ว่าตอนนี้หลิงเสวี่ยจะอยู่ระดับสร้างรากฐานขั้นแปด แต่ก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของหลินเจิ้งไท่อย่างแน่นอนยิ่งกว่านั้น เหล่าคนที่อยู่เบื้องหลังหลินเจิ้งไท่ก็ล้วนมีพลังระดับสร้างรากฐานขั้นสูงสุด ถ้าลงมือขึ้นมาจริงๆ เธอและฉู่เฉินก็ไม่มีโอกาสชนะเลยแม้แต่น้อย“ฉู่เฉิน ฉันบอกคุณนานแล้วว่าอย่าอยู่ในโลกแห่งการหยั่งรู้นานเกินไป คุณก็ไม่ฟัง”หลิงเสวี่ยกระซิบตำหนิฉู่เฉินไปพลาง มองไปรอบๆ อย่างกระวนกระวายไปพลางเมื่อเห็นว่าหลิงเสวี่ยเริ่มลนลานแล้ว หลินฮ่าวที่กำลังเอามือกุมหน้าก็ปาดเลือดที่มุมปากออก ก้าวไปข้างหน้าและมองสำรวจฉู่เฉินด้วยความดูถูกพลางกล่าวว่า “ไอ้คนแซ่ฉู่ ตอนนี้รู้แล้วหรือยังล่ะ?”ขณะกล่าว ก็กวาดตามองไปยังเหล่ายอดฝีมือของตระกูลหลินและกล่าวอย่างเย็นชา “ตอนนี้ จงส่งหยกโลหิตกิเลนมาซะ และทิ้งผู้หญิงข้างๆ แกไว้ ไม่งั้น ตาย!”ทันทีที่คำว่าตายหลุดออกมา คนในตระกูลหลินแทบจะก้าวเท้าไปข้างหน้าพร้อมกันแรงกดดันอันน่าสะพรึงกลัว
ในขณะที่คนในตระกูลหลินกำลังหัวเราะเยาะอยู่ในใจ ก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ คนแซ่ฉู่คนนี้ช่างมีดวงผู้หญิงของผู้หญิงจริงๆ“ผมเอง มีอะไรเหรอครับ?”ฉู่เฉินเหลือบมองหลินฮ่าวและคนอื่นๆ แล้วพยักหน้าเล็กน้อย“เหอะๆ มีอะไรงั้นเหรอ?”หลินฮ่าวหัวเราะอย่างเย็นชาและกล่าวว่า “ฉู่เฉิน แกคงไม่รู้ตัวว่าใกล้ถึงวาระสุดท้ายของแกแล้วสินะ?”ฉู่เฉินขมวดคิ้ว มองสำรวจหลินฮ่าวและคนอื่นๆ พร้อมกับสงสัยว่า “ใกล้ถึงวาระสุดท้าย? ดูเหมือนว่าเราจะไม่เคยมีเรื่องบาดหมางกันนะครับ?”ขณะกล่าว ฉู่เฉินและหลิงเสวี่ยต่างก็มองไปที่สมาชิกตระกูลหลินด้วยความระแวดระวังแม้ว่าคนเหล่านี้จะอยู่ในระดับสร้างรากฐานขั้นหกเท่านั้น แต่ฉู่เฉินกลับรู้สึกได้อย่างชัดเจนว่ายอดฝีมือจำนวนมากกำลังมุ่งหน้ามาทางนี้เมื่อหลินฮ่าวได้ยินเช่นนี้ ก็แค่นเสียงเย็นและกล่าวว่า “คนแซ่ฉู่ แกจะแสร้งทำเป็นไม่รู้เรื่องไปทำไม เจ้าสำนักให้เวลาแกสามวันเพื่อไปรับโทษตายที่สำนักชิงอวิ๋น แกคิดว่าแกซ่อนตัวอยู่ในโลกแห่งการหยั่งรู้แล้วจะไม่มีใครหาแกเจองั้นเหรอ?”“ฉันแนะนำให้แกส่งหยกโลหิตกิเลนมาจะดีที่สุด แล้วทิ้งผู้หญิงข้างๆ แกไว้ ไม่งั้นฉันจะฆ่าแกให้ตายอย่างไม่เหลือซาก