เหล่าสตรีอาบน้ำอยู่ต้นน้ำ บุรุษอาบน้ำอยู่ปลายน้ำ ห่างกันสองลี้ฮูหยินเฉินยังส่งคนนำผ้าเช็ดตัวและสบู่อาบน้ำมาให้พวกเขาบรรดาหญิงสาวต่างประหลาดใจเมื่อพบว่า สบู่ก้อนหนึ่งเหมือนกับไขมันหยก สามารถถูจนเกิดฟองและล้างคราบสกปรกออกจากร่างกายได้อย่างหมดจดแถมยังทิ้งกลิ่นหอมจาง ๆ ไว้อีกด้วยพวกผู้ชายก็ได้พบเช่นกัน เมื่อถูสบู่ให้เกิดฟองตั้งแต่หัวจรดเท้า ร่างกายของพวกเขาก็สะอาดหมดจดหลังจากที่ทุกคนอาบน้ำทำความสะอาดร่างกายเสร็จแล้ว โจ๊กที่เตรียมไว้สำหรับหนึ่งแสนคนก็พร้อมพอดีเพื่อป้องกันกระเพาะอาหารที่ยังอ่อนแอของพวกเขา ในโจ๊กจึงใส่เพียงไข่ไก่และเกลือเล็กน้อยเท่านั้นคนหนึ่งแสนคนที่หิวโหยมากว่าหนึ่งปี เมื่อได้ประคองถ้วยข้าวต้มร้อน ๆ ไว้ในมือ หลายคนถึงกับน้ำตาคลอเด็กน้อยคนหนึ่งที่ประคองโจ๊กข้าวขาวอยู่ในมือ ร้องไห้พูดกับสตรีว่า “ท่านแม่ นี่คือโจ๊กข้าวขาว หากท่านพ่ออยู่ได้นานอีกสักสองสามเดือน ท่านก็คงจะได้กินโจ๊กนี้ด้วย!”หญิงสาวประคองโจ๊กข้าวขาว ร้องไห้ออกมาทันที!หากพ่อของลูกในตอนนั้นยอมเป็นทหารหนีทัพหนีมาที่ด่านเจิ้นกวน...ก็คงจะมีชีวิตรอดส่วนเหล่าทหารผ่านศึกบางคนก็ลอบปาดน้ำตาอย่างเงียบ ๆ
แม่ทัพที่ชื่อสวีจือ พูดขึ้นด้วยเสียงสะอื้น เบ้าตาแดงก่ำ “แม่ทัพเฉิน ข้านำอาหารกลับไปให้ภรรยาได้หรือไม่? นางแต่งงานกับข้ามา ไม่เคยมีวันไหนได้อยู่ดีมีสุขเลย เมื่อคืนยังตกใจจนสลบไปอีก!”“นางเกือบถูกพวกเผ่าหมานฆ่า ถ้าไม่ใช่เพราะคนรับใช้เข้ามาขวางดาบ เกรงว่าคงต้องจากไปอย่างไม่มีวันกลับมาแล้ว!”เฉินขุยได้ยินดังนั้นก็ด่าสวีหวย “เจ้าแก่นี่! ครั้งก่อนที่ข้าไปถึงค่าย ข้าน่าจะแทงเขาให้ตายตั้งแต่ตอนนั้น จะได้ไม่ต้องมีคนต้องตายมากมายแบบนี้”“พวกเจ้าอยากนำอาหารกลับไปให้ครอบครัว ก็เอาไปเถิด!”“ถ้าไม่พอ บอกให้พ่อครัวทำเพิ่มได้เลย!”เหล่าผู้บังคับบัญชาหลายคนถึงกับน้ำตาคลอเบ้าในทันที ตั้งท่าจะคุกเข่าลงขอบคุณแต่เฉินขุยรีบยื่นมือมาประคองไว้พวกเขาใช้แขนเสื้อปาดน้ำตา ก่อนจะพูดด้วยเสียงสะอื้นว่า “ขอบคุณท่านแม่ทัพเฉินเป็นอย่างมาก!”เฉินขุยโบกมือ “ต่อไปวันดี ๆ แบบนี้จะมีให้มาก!”เขาไม่รบกวนการกินอาหารของพวกเขา เมื่อเขาเดินออกจากกระโจมเฉิงจื่อเซียวก็ตามเขาออกมาด้วย“ท่านน้าเขย...”เฉินขุยมองเจ้าเด็กหนุ่มตรงหน้าด้วยท่าทีไม่สบอารมณ์นักหลานสาวของเขาต้องทนลำบากมากมายเพราะเขา แถมลูกน้อยร่างกายก็อ่อน
จ้านเฉิงอิ้นมองสายตาแน่วแน่ กล่าวด้วยน้ำเสียงหนักแน่นว่า “เป็นไปไม่ได้! ท่านเทพเป็นเทพองค์เดียวในโลก!”มั่วฝานยักไหล่ พลางวางขวดเปล่าลง“ข้าก็แค่พูดไปอย่างนั้น เพราะกองทัพธงเหลืองไม่เพียงแต่มีอาวุธที่ล้ำหน้าเท่านั้น”“กองทัพธงเหลืองยังมีเสบียงอาหาร...ที่จำนวนคนในกองทัพเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ก็เพราะชาวบ้านใกล้จะอดตายกันหมด ขอแค่มีคนให้ข้าวกิน ไม่ใช่แค่ยอมเข้าร่วมกองทัพ แต่ถึงขั้นยอมสละชีวิตให้ด้วยซ้ำ!”“ยังมีอีกเรื่องหนึ่งที่ยังไม่ได้บอกท่าน แม่ทัพลู่เคยนำทหารสองแสนไปต่อสู้กับกองทัพธงเหลืองเมื่อครึ่งเดือนก่อน แต่พ่ายแพ้...”“ตอนนั้นกองทัพธงเหลืองมีคนแค่หลักหมื่นเท่านั้น เหตุที่ไม่มีข่าวแพร่ออกไป เพราะทางราชสำนักปิดเรื่องนี้ไว้”“ตอนนี้กองกำลังภายใต้แม่ทัพลู่ ไม่เหลือสองแสนอีกแล้ว คงราว ๆ หนึ่งแสนห้าหมื่นเท่านั้น”“หากพวกเขาไม่เปลี่ยนอาวุธยุทโธปกรณ์ที่ดีกว่านี้ การเผชิญหน้ากับกองทัพธงเหลืองจะไม่มีทางชนะได้!”“ท่านแม่ทัพ คิดว่าวิธีนี้คล้ายกับวิธีที่ท่านใช้ในการปกป้องด่านเจิ้นกวนจากศัตรูหรือไม่?”เมื่อคำพูดของมั่วฝานจบลงแล้ว คิ้วของจ้านเฉิงอิ้นก็ขมวดแน่น ใบหน้าหล่อเหลาของเขาเต็มไปด
เจียงหยวนอดไม่ได้ที่จะเอ่ยถามขึ้นว่า “รัฐทายาท ท่านไม่กลัวหรือว่าฝ่ายนั้นก็มีท่านเทพเหมือนกัน?”“ถึงจะมี แต่จะแข็งแกร่งกว่าท่านเทพของเราหรือไม่เล่า?”เจียงหยวนย่อมปกป้องท่านเทพของฝ่ายตน“แน่นอนว่าไม่มี!”“นั่นก็พอแล้ว!”“ไป กลับจวนไปพักผ่อนกัน!”*ในที่สุดเย่มู่มู่ก็ได้รับอาวุธชุดที่สามในครั้งนี้ มีหน้าไม้ราชวงศ์ฉินจำนวนห้าหมื่นคัน ดาบม่อเตาเตาสามหมื่นเล่ม ลูกธนูหนึ่งล้านห้าแสนดอกอาวุธหลากหลายชนิด เช่น หอก โล่ เกอ และง้าว...อย่างละหนึ่งพันชิ้นชุดเกราะอีกห้าพันชุด!ยังมีดาบเหิงเตาราชวงศ์ถังส่งมาอีกสองพันกว่าเล่ม ซึ่งทั้งหมดลับคมพร้อมใช้งานเขานำดาบเหิงเตาราชวงศ์ถังเหล่านี้มาให้เย่มู่มู่ลอง หากเธอไม่รับ ก็จะส่งคืนกลับไปเย่มู่มู่ชักดาบเหิงเตาราชวงศ์ถังออกมาทดลอง!เพียงโบกดาบ เสียงแหวกอากาศก็ดังขึ้นดาบเหิงเตาราชวงศ์ถังมีคมดาบที่แหลมคม ลับคมทางด้านซ้าย ตัวดาบยาวมาก กว่าหนึ่งหนึ่งจุดหกหมี่...น้ำหนักเบากว่าดาบม่อเตา สะดวกต่อการพกพาเย่มู่มู่รับดาบเหิงเตาราชวงศ์ถังสองพันเล่มไว้ทั้งหมด และสั่งเพิ่มอีกสามหมื่นเล่มเธอคิดว่าจ้านเฉิงอิ้นและพลทหารใต้บัญชาของเขาน่าจะชื่นชอบ
“ปลายข้าวนี้เป็นข้าวใหม่หรือข้าวเก่า?” เย่มู่มู่เอ่ยถาม“เป็นข้าวใหม่ครับ เป็นฤดูเดียวกันกับข้าวสารที่ผมขายให้คุณ”“ปลายข้าวจากโรงงานของพี่เขยผมที่ขายให้คุณจะไม่เป็นที่จับตามองของทางการแน่นอน”ปลายข้าวในแต่ละปีมักถูกขายให้โรงงานผลิตอาหารสัตว์ จะไม่นำเข้าตลาด แต่ปีนี้ คนเลี้ยงหมูลดน้อยลง โรงงานผลิตอาหารสัตว์จึงลดการผลิต ดังนั้นปลายข้าวจึงเหลือมากขึ้นพี่เขยของเขาที่เป็นเจ้าของโรงงาน มองกองปลายข้าวเหล่านี้ กังวลจนกินไม่ได้ นอนไม่หลับเขาได้แต่ลองขายให้เย่มู่มู่ดู!เย่มู่มู่ถามเขาว่า “ตอนนี้มีปลายข้าวเหลืออยู่เท่าไหร่?”“มีเยอะเลยครับ ราว ๆ ห้าร้อยตัน!”“ถ้างั้นฉันขอซื้อทั้งหมด คุณไปเอาปลายข้าวไปส่งที่บ้านพักตากอากาศ!”“ได้เลยครับ!”หลังจากพูดคุยกับเจ้าของร้านขายข้าวเสร็จแล้ว เย่มู่มู่ก็ได้รับข้อความจากนักออกแบบร้านขายวัตถุโบราณบอกว่า การปรับปรุงพื้นหลังและตกแต่งภายในร้านเรียบร้อยแล้ว พร้อมส่งวิดีโอถ่ายทั่วร้านมาให้เธอตรวจสอบตู้สินค้าไม้สีดำสนิท แท่นจัดวางโชว์สินค้า ห้องน้ำชา...การตกแต่งสไตล์จีนโบราณที่แฝงไว้ด้วยกลิ่นอายของประวัติศาสตร์ ช่างเข้ากันได้ดีกับบรรยากาศของร้านขา
เขาให้ลูกน้องยกหอกตั้งตรง แล้วฟันฉับไปในแนวนอนเสียงแกรกดังขึ้น หอกทองสัมฤทธิ์ยาวหักออกในทันทีผู้บังคับบัญชาทั้งเก้าคนเบิกตากว้าง จ้องดาบเหิงเตาราชวงศ์ถังในมือของเฉิงจื่อเซียว“นี่...นี่มันอาวุธแหลมคมรวมกับเฉือนเหล็กได้เหมือนโคลน!”จ้านเฉิงอิ้นและเฉินขุยกับพรรคพวก ได้ยินเสียงการเคลื่อนไหวจากด้านนอก จึงพากันออกมาดู เมื่อเห็นเฉิงจื่อเซียวใบหน้าเต็มไปด้วยความตกตะลึง ดวงตาดูคล้ายมีความบ้าคลั่งเล็กน้อย พลางมองดาบในมือของเขา...ไม่ใช่แค่เขา คนอื่น ๆ ในหมู่ผู้บังคับบัญชาเองก็ต้องตกตะลึงกับความคมกริบของดาบเหิงเตาราชวงศ์ถังเช่นกัน!เมื่อเห็นจ้านเฉิงอิ้นเดินออกมา ผู้บังคับบัญชาทั้งเก้าคนจึงพากันยกกำปั้นขึ้นคารวะอย่างพร้อมเพรียง “ท่านแม่ทัพใหญ่!”จ้านเฉิงอิ้นยิ้มเล็กน้อยพร้อมพยักหน้า “ทุกคนคิดว่าอาวุธชุดนี้เป็นอย่างไรบ้าง?”เฉิงจื่อเซียวกำดาบเหิงเตาราชวงศ์ถังในมือแน่น ไม่ยอมปล่อยจากมือ“ท่านแม่ทัพใหญ่ ดาบเล่มนี้คมกริบยิ่งนัก ทั่วต้าฉี่...ไม่สิ ทั่วทั้งหัวเซี่ยก็คงไม่มีดาบเล่มไหนเทียบได้~”เขามองไปยังกองดาบหลายพันเล่มที่วางอยู่บนพื้นในใจก็ตื้นตันหากได้ติดอาวุธดาบเหล่านี้ให้กับทหารใต
จ้านเฉิงอิ้นขี่ม้าไปที่คันนาของพื้นที่เพาะปลูก เมื่อชาวบ้านเห็นเขา ก็พากันคุกเข่าลง!จ้านเฉิงอิ้นรีบให้เหล่าราษฎรลุกขึ้นมาหลังทุกคนลุกขึ้นมา ก็แยกย้ายกันไปไถหว่านที่นาอย่างกระตือรือร้นจ้านเฉิงอิ้นเห็นมั่วฝานกำลังบุกตะลุยอย่างอิสรเสรีอยู่ในทุ่งหญ้ารกร้างเขาค้นพบเคล็ดลับในการขับรถไถแล้ว จึงใช้งานรถไถได้อย่างคุ้นเคยในรถมีแอร์ เย็นสบายอย่างมาก แถมยังสามารถเปิดเพลงได้ด้วยด้วยเหตุนี้ เขาจึงขับตะบึงรถไถไปในทุ่งนาอย่างรวดเร็วดั่งสายฟ้า พร้อมเสียงหัวเราะอันเบิกบาน!เมื่อจวงเหลียงเห็นจ้านเฉิงอิ้นมาตรวจการ ก็เดินเข้ามาด้วยรอยยิ้ม ประสานคารวะต่อเขา“ท่านแม่ทัพ ต่อให้พื้นที่ว่างทั้งหมดถูกเพาะปลูกแล้ว เสบียงอาหารที่เพาะปลูกออกมาก็ยังไม่เพียงพอให้คนในเมืองได้รับประทานขอรับ!”จ้านเฉิงอิ้นมองไปรอบ ๆ ที่เชิงเขามีพื้นที่ว่างอยู่บริเวณหนึ่งจำนวนคนในด่านเจิ้นกวนเพิ่มขึ้นไม่หยุด ต่อให้บุกเบิกที่ดินทั้งหมด เสบียงที่เพาะปลูกออกมาก็ยังไม่เพียงพอให้ราษฎรทั้งเมืองกิน“ท่านแม่ทัพ ข้าอยากจะขยายด่านเจิ้นกวนออกไปอีกสามเท่า! แต่จะกินบริเวณไปถึงอาณาเขตของเผ่าหมาน และแคว้นฉู่และฉีทั้งสองแคว้นขอรับ”จ้
มือของเขาสั่นเล็กน้อยเป็นความตื่นเต้น!เมื่อก่อนทำตัวเป็นเต่าหดหัว ถูกเผ่าหมานรังแกมาหนึ่งปียามนี้ได้โอกาสเชิดหน้าชูตาแล้ว!สาแกใจยิ่งนัก!หลังเถียนฉินออกจากจวนแม่ทัพ เฉินขุย เฉินอู่ เฉินจวิ้นหลิน แม้แต่มั่วฝานก็มาแล้วแม่ทัพทั้งหลายหายใจหอบ พุ่งตรงไปที่ห้องหนังสือของจวนแม่ทัพทันทีที่เฉินขุยเข้าไปในห้องหนังสือ ก็ตะโกนว่า “ท่านแม่ทัพ ไม่ดีแล้วขอรับ ฮ่องเต้มีราชโองการลงมา!”มั่วฝานที่ลงมาจากรถไถนา วิ่งมาจนสีหน้าแดงก่ำเขาหาเก้าอี้มานั่งลงอย่างไม่ใส่ใจ เปิดพัดลมตัวน้อยออก แล้วพูดวัตถุประสงค์ที่มาออกมา“ข้าเดาไม่ผิด ฮ่องเต้น้อยสั่งให้เจ้านำทัพกลับเมืองหลวง เพื่อปราบกองทัพธงเหลือง!”จ้านเฉิงอิ้นขมวดคิ้วถามว่า “แม่ทัพลู่เล่า? เหตุใดจึงต้องให้ข้ากลับเมืองหลวงด้วย?”“เขาแพ้อีกแล้ว กองทัพธงเหลืองมีห้าแสนคนแล้ว!”ทันใดนั้น ไม่เพียงเฉินขุยและเฉินอู่ ทว่าแม้แต่เฉินจวิ้นหลินและเหอหงก็ประหลาดใจแล้ว…กองทัพตระกูลจ้านของพวกเขาต่อสู้อย่างยากลำบากมานานเพียงนี้ ก็ยังมีกำลังทหารเพียงแสนสี่หมื่นนายเท่านั้นกองทัพธงเหลืองเพิ่งจัดตั้งได้เพียงสามเดือน จู่ ๆ ก็ขยายกำลังทหารไปถึงห้าแสนนายแล้ว!
เค้าโครงหน้าคมคาย ยิ่งดูหล่อเหลาโดดเด่นขึ้นแต่สีหน้ากลับเย็นชามาตลอด กลายเป็นหนุ่มหล่อสุดเย็นชาประจำโรงเรียนมัธยมปลายแห่งนี้ไปแล้วแน่นอนว่า เขาเดินทางด้วยจักรยานสาธารณะ หรือไม่ก็นั่งรถประจำทาง ทั้งเนื้อทั้งตัวไม่มีของแบรนด์เนมเลยไม่เหมือนกับเพื่อนร่วมชั้นคนอื่น ๆ ที่พอเข้าเรียนปุ๊บก็รู้เลยว่า พ่อแม่ทำอาชีพอะไร มาจากตระกูลไหน ตระกูลมีกิจการอะไรบ้างเพื่อนร่วมชั้นคนอื่น ๆ ล้วนแต่ร่ำรวยหรือมีฐานะสูงส่งส่วนเขาพื้นเพธรรมดา การแต่งตัวก็สบาย ๆโรงเรียนมัธยมปลายแห่งนี้ไม่มีเครื่องแบบนักเรียน เพื่อนคนอื่น ๆ ใส่แต่แบรนด์หรู หรือไม่ก็ชุดสั่งตัดส่วนเขาใส่เสื้อผ้าแผงลอยข้างทาง!อาศัยหน้าตาแบกล้วน ๆพอดูออกว่าที่บ้านไม่มีเงิน ก็ถูกนักเรียนเกเรหมายหัวเพื่อนร่วมชั้นที่มายั่วโมโห หัวเราะอย่างโอหัง “โธ่เอ๊ย กล้าทำหน้าบึ้งใส่ฉันเหรอ!”“มา ๆ ๆ วันนี้พวกเราสั่งสอนมันหน่อย ลากตัวมันขึ้นรถไปที่นอกเมือง”หลันซีเยว่ตัวสั่นด้วยความกลัวอย่างเห็นได้ชัด แต่ก็ยังคงขวางอยู่ข้างหน้าเขา“พวกนายกล้าเหรอ ถ้าวันนี้พวกนายกล้าแตะต้องเขาแม้แต่นิดเดียว ฉันจะโทรแจ้งตำรวจ!”ทันใดนั้นนักเรียนหลายคนก็หัวเราะล
เมื่อรถของเย่มู่มู่และหลูหมิงเคลื่อนตัวออกไป ลู่ฉิงยวนยังคงยืนสง่าอยู่ริมถนน มองส่งจนรถลับสายตาไป ครั้งนี้ก็ใช่ว่าจะไม่ได้อะไรเลย อย่างน้อยเขาก็ได้ช่องทางการติดต่อของเธอมาเย่มู่มู่ตอนห้าขวบไม่ยอมรับเขา~ไม่นึกเลยว่าพออายุยี่สิบปี เย่มู่มู่ก็ยังคงไม่ชอบเขาเหมือนเดิมผู้หญิงเพียงคนเดียว กลับเป็นคนที่ทำให้เขาพ่ายแพ้ถึงสองครั้งในชีวิตนี้หลังจากขึ้นรถแล้ว ลู่ฉิงยวนก็ถามหัวหน้าบอดี้การ์ดด้วยสีหน้าเรียบเฉย “บอดี้การ์ดที่อยู่กับเย่มู่มู่คนนั้น เป็นคนของสายไหนกันแน่?”หัวหน้าทีมบอดี้การ์ดยังนึกถึงชายคนนั้น ออกหมัดฉับไว รุนแรง นั่นไม่ใช่ฝีมือของคนธรรมดาแน่นอน“เป็นนักสู้มืออาชีพครับ ที่สำคัญคือเป็นประเภทที่ทุกกระบวนท่าล้วนมุ่งเอาชีวิต! นั่นไม่ใช่ฝีมือของพวกเรียนกังฟูหรือซานต้าวิธีที่เขาลงมือ ผมไม่เคยเห็นที่ไหนมาก่อนเลย!”ลู่ฉิงยวนขมวดคิ้วเล็กน้อย แค่คนเดียวก็สามารถล้มบอดี้การ์ดของเขาทั้งหมดลงไปกองกับพื้นได้เดิมทีเขายังเป็นห่วงเย่มู่มู่ กลัวว่าเด็กกำพร้าตัวคนเดียวอย่างเธอจะถูกรายล้อมไปด้วยฝูงหมาป่าและเสือร้ายแต่ตอนนี้ ดูเหมือนว่าความกังวลของเขาจะไม่จำเป็นเสียแล้วการที่สามารถอัด
“คุณคู่ควรกับผู้หญิงที่ดีกว่านี้นะคะ ส่วนฉัน... ไม่ได้สนใจเรื่องแต่งงานเพื่อเชื่อมสัมพันธ์อะไรแบบนั้นเลยค่ะ!”เธอกำลังจะหันหลังเดินจากไป แต่เสียงของลู่ฉิงยวนก็เย็นเยียบลงหลายส่วน เขาถามด้วยน้ำเสียงแหบพร่าว่า “ทำไม?”เย่มู่มู่หันกลับไปมองเขา“ทำไมถึงปฏิเสธผม คุณรู้ไหมว่าคุณกำลังจะพลาดอะไรไป?”“คุณไม่ชอบผม หรือคิดว่าเราไม่มีความรู้สึกต่อกันงั้นเหรอ!”เย่มู่มู่ตอบด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “ขอโทษนะคะคุณลู่ มันไม่เกี่ยวกับคุณเลยค่ะ การที่ต้องสร้างครอบครัวกับผู้ชายที่แทบไม่รู้จักกันดี แค่คิด...ฉันก็รับไม่ได้แล้วค่ะ!”“สุดท้ายแล้ว ก็ยังเป็นเพราะคุณไม่ชอบผมใช่ไหม? มู่มู่ อย่าดื้อนักเลย ความรู้สึกน่ะมันสร้างกันได้นะ...”เย่มู่มู่ขมวดคิ้ว มองไปยังลู่ฉิงยวนเขาทั้งหนุ่ม ทั้งรวย อาศัยความสามารถของตัวเองล้วน ๆ สร้างหลิ่วอวิ๋นกรุ๊ปจนยิ่งใหญ่ได้อย่างทุกวันนี้เขายอดเยี่ยมมากบางทีในอนาคตเธออาจจะต้องเสียใจ ที่ตัวเองพลาดมหาเศรษฐีโสดผู้เพียบพร้อมทั้งความสามารถและฐานะระดับเพชรยอดมงกุฎคนนี้ไปแต่ ตอนนี้ในหัวของเธอมีแต่เรื่องหาเงิน และเรื่องการช่วยจ้านเฉิงอิ้นรวบรวมใต้หล้าให้เป็นปึกแผ่นในคติประจำใจ
“แน่นอนว่าพวกเธอก็จะไม่บังคับลูก ๆ ถ้าไม่ชอบ ก็ปฏิเสธได้!”“ต่อมา คุณแม่เกิดอุบัติเหตุ ผมถูกบ้านตาไปรับเลี้ยง ไอ้สารเลวนั่นเริ่มฟ้องร้องยาวนานกว่าสิบปี เพียงเพื่อล้มล้างพินัยกรรมของแม่!”“ระหว่างนั้น เพื่อเพิ่มอำนาจต่อรองในมือผม ป้าหลินจึงมอบหุ้นห้าเปอร์เซ็นต์ในมือของเธอให้ผมโดยไม่คิดค่าตอบแทน”“ผมเคยถามเธอ ว่าต้องการอะไรเป็นการตอบแทนไหม์”“เธอขอให้ผมดูแลคุณให้ดี หากวันใดวันหนึ่งพวกเขาสามีภรรยาเกิดเรื่องอะไรขึ้น คุณก็จะกลายเป็นเด็กกำพร้า ต้องถูกคนตระกูลเย่รังแกแน่ ๆ เธอหวังว่าผมจะรับปากว่าจะดูแลคุณให้ดีไปชั่วชีวิต!”น้ำตาของเย่มู่มู่ร่วงเผาะ ๆเธอไม่คิดเลยว่า คุณแม่ได้วางแผนเพื่อเธอไว้แต่เนิ่น ๆ แล้วเพื่อเดิมพันกับโอกาสอันน้อยนิดนั้น ใช้หุ้นห้าเปอร์เซ็นต์ของลู่ซื่อกรุ๊ป แลกกับคำมั่นสัญญาเพื่อเธอพ่อแม่ของเธอรักเธอมาก“ลู่ฉีหยางตามหาคุณ ข่มขู่คุณ! นอกจากจะหมายตาฟู่ลี่กรุ๊ปที่เป็นคู่ค้ารายใหญ่แล้ว ยังมีอีกอย่าง พวกเขารู้ว่าแม่ของคุณมีหุ้นห้าเปอร์เซ็นต์!”“ผมเปิดเผยรายชื่อผู้ถือหุ้นสิบอันดับแรกของบริษัทต่อสาธารณะ พวกเขาก็ยังคงไม่เชื่อ!”“อยากจะยึดหุ้นห้าเปอร์เซ็นต์นั้นมาเป็นขอ
ตอนที่เธออายุประมาณห้าขวบ เคยพบเคยพบลู่ฉิงยวนครั้งหนึ่งตอนนั้นเป็นการประชุมประจำปีขององค์กร ลู่ฉิงยวนถูกลุงพามาจากเมืองหลวงเพื่อเข้าร่วมการประชุมประจำปีของฟู่ลี่กรุ๊ปเวลานั้นแม่ถามเธอว่า “ชอบพี่ชายตัวน้อยคนนั้นไหมจ๊ะ? ให้เขาเป็นแฟนของหนูดีไหม?”ตอนนั้นเธอยังเด็กเกินไป ฟันยังไม่ทันขึ้นครบเธอกำลังกินเค้กก้อนเล็ก ๆ พลางถามมารดาด้วยท่าทางน่ารัก “คุณแม่คะ แฟนคืออะไรเหรอคะ กินได้หรือเปล่า?”ผลลัพธ์ก็คือคำพูดประโยคนี้ทำให้ลุงของลู่ฉิงยวนกับบิดาของเธอรู้สึกขบขัน!แต่ว่าเธอกับลู่ฉิงยวนเคยพบกันแค่เพียงครั้งนี้ครั้งเดียวเท่านั้น แล้วก็ไม่เคยพบกันอีกเลยตอนนั้นพ่อกับแม่ของเธอประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ ลู่ฉิงยวนไม่ได้มาไว้ทุกข์ ทว่าลุงของเขาส่งของมาร่วมพิธี!แต่ว่าคนไม่ได้มา!แน่นอนว่าเย่มู่มู่สามารถเข้าใจได้ พอหมดอำนาจคนก็ลาจาก เด็กกำพร้าเช่นเธอไม่ค่าพอที่จะแสวงหาผลประโยชน์โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเธอถอนตัวจากการบริหารฟู่ลี่กรุ๊ปทุกคนรู้ดีว่าเอาอกเอาใจเธอไปก็ไม่มีประโยชน์ตอนที่พ่อแม่ของเธอยังมีชีวิตอยู่ มีคนไปมาหาสู่อยู่บ้างทว่าหลังจากที่พ่อแม่ของเธอเสียชีวิต ก็ไม่มีใครมาสนใจอีกเล
คิดไม่ถึงเลยว่าคุณผู้หญิงหลิวจะทำให้เป็นเรื่องราวใหญ่โตและสู้ยิบตา จนคุณชายลู่รู้สึกเสียใจในภายหลังเขาคุกเข่าลงต่อหน้าคุณผู้หญิงหลิว ตบหน้า และสารภาพด้วยน้ำตานองหน้าบอกว่าไม่ยินยอมหย่าร้าง ขอร้องให้คุณผู้หญิงหลิวให้โอกาสเขาอีกสักครั้งหนึ่งเพื่อแสดงความจริงใจ เขาจึงลบข้อมูลการติดต่อของผู้หญิงทุกคนทิ้งไปจนหมด ต่อหน้าคุณผู้หญิงหลิวทั้งยังเปิดเผยข่าวอื้อฉาวของนักแสดงที่เคยมาก่อเรื่องต่อหน้าคุณผู้หญิงหลิว และทำลายอาชีพของเธอ!นอกจากนี้ยังทำให้ผู้หญิงอีกคนหนึ่งต้องตกงาน และถูกแบนในธุรกิจนั้นด้วยเขาเอาบ้าน และรถที่จ่ายเงินซื้อให้กับคุณหญิงลู่ กลับคืนมาทั้งหมด!บางทีคณผู้ชายลู่อาจจะแสดงเก่งจนเกินไป บางทีลูกอาจจะเล็กจนเกินไป จึงไม่อยากให้ลูกที่พอเกิดมาก็กลายเป็นครอบครัวแม่เลี้ยงเดี่ยวคุณผู้หญิงหลิวจึงใจอ่อนเธอยอมรับคุณผู้ชายลู่ และชิงบริษัทที่อยู่ในมือของคุณชายลู่กลับคืนมาญาติพี่น้องและเพื่อนที่คุณชายลู่เอาเข้ามาก่อนหน้านี้ ถูกไล่ออกไปจนหมดเชิญพนักงานเก่ากลับเข้ามาโรงงานภายใต้การบริหารของคุณผู้หญิงลู่ กลับมาฟื้นฟูอีกครั้งและในครั้งนี้ คุณผู้หญิงหลิวได้บีบคุณผู้ชายลู่ให้ล
หากว่าทางจ้านเฉิงอิ้นสามารถเอาชนะการรบได้ เธอจะต้องเฉลิมฉลองให้สักครั้งอย่างแน่นอนเธอกับหลูหมิงคืนจักรยานไฟฟ้าอย่างมีความสุข และขึ้นรถแท็กซี่เพื่อมุ่งหน้าไปยังสถานีรถไฟความเร็วสูงฮ่าวอี้และเสี่ยวเฉิงที่เฝ้าดูกระบวนการทั้งหมดอยู่ เมื่อเห็นพวกเขาขึ้นรถแท็กซี่ไป ก็ขับรถตามไปอยู่ห่าง ๆจนถึงวันนี้หวังเสี่ยวเฉิงก็ยังไม่อาจเข้าใจได้ เรื่องที่ว่าเจ้านายของตนเองเป็นผู้บำเพ็ญเซียน“พี่ นี่ผมกำลังฝันอยู่ใช่ไหม คุณหนูเย่เป็นนักศึกษาที่อายุยังน้อยแล้วก็สวยขนาดนี้ คิดไม่ถึงเลยว่าเธอจะเป็นผู้บำเพ็ญเซียน เหลือเชื่อเกินไปแล้ว”“พี่ว่า ผมต้องฝากตัวเป็นศิษย์กับเธอหรือเปล่า ไม่อย่างนั้นไปขอให้เธอทดสอบหินวิญญาณให้ดีไหม ไม่แน่ผมอาจมีความสามารถในการบำเพ็ญเซียนเหมือนกันก็ได้?”ฮ่าวอี้กำลังมองคนปัญญาอ่อนที่ฝันกลางวันมาตลอดทั้งวัน “หุบปาก เย่มู่มู่เป็นแค่คนธรรมดาคนหนึ่งเท่านั้น!”“ผมรู้อยู่แล้วน่า ว่าเธอเป็นแค่ผู้บำเพ็ญเซียนที่ซ่อนตัวเป็นคนธรรมดาเท่านั้น พี่ว่าตอนนี้เธอบรรลุถึงขั้นไหนแล้ว?”“ฝึกลมปราณ สร้างรากฐาน หรือว่าแก่นปราณทองคำ? สามารถดูดซับสายฟ้า เคลื่อนย้ายพายุฝน ขั้นต่อไปก็พลักภูเขาผลิกทะเล
แคว้นฉู่กับแคว้นฉี่ หรือแม้กระทั่งแคว้นอวี่ กับแคว้นหย่งต่างก็กำลังจับจ้องกองทัพเผ่าหมาน...ทำไมงั้นหรือ?พวกเขาต่างก็ต้องการเข้ามาแบ่งปันผลประโยชน์ของแคว้นต้าฉี่เพราะความโง่เขลาและเหี้ยมโหดของฮ่องเต้น้อย ไม่แบ่งแยกถูกผิด และพยายามทุกวิถีทางเพื่อสังหารจ้านเฉิงอิ้นพวกเขาจึงต่างคิดว่าแคว้นต้าฉี่อ่อนแอข่มเหงได้ง่าย!หากในหกแคว้น แคว้นใดที่ล้มลงไวที่สุดย่อมต้องเป็นแคว้นฉี่ที่ปราศจากจ้านเฉิงอิ้นอย่างแน่นอนดังนั้น การที่เผ่าหมานแห่งม่อเป่ยบุกโจมตีแคว้นต้าฉี่ ทุกแคว้นของหัวเซี่ยจึงจ้องกันตาเป็นมันหากว่าเผ่าหมานแห่งม่อเป่ยทำสำเร็จแคว้นฉู่กับแคว้นฉี่ก็จะถอนทัพออกจากแคว้นเยี่ยนโดยทันที และยกกำลังทหารทั้งหมดไปที่แคว้นต้าฉี่ล่าสังหารราษฎรของแคว้นต้าฉี่มาเป็นเสบียงอาหารอย่างป่าเถื่อน เพื่อเอาชีวิตรอดจากภัยแล้งสองปีที่อันตรายที่สุดหากว่าเผ่าหมานแห่งม่อเป่ยล้มเหลว ก็ไม่เป็นไรทหารเผ่าหมานที่กล้าหาญและสันทัดในการรบสองแสนคน ถึงแม้จะพ่ายแพ้ ก็สามารถลดทอนกำลังของกองทัพตระกูลจ้านลงได้เมื่อพวกเขาบุกเข้าแคว้นต้าฉี่ก็จะสะดวกมากยิ่งขึ้นจุดจบเป็นเช่นไร พวกเขาเพียงแต่ต้องใช้กลยุทธ์ดูไฟจา
ขอเพียงสามารถยึดครองทัพกระกูลจ้าน พวกเขาก็จะสามารถบุกเข้าเมืองหลวง และแช่งยิงแผ่นดินต้าฉี่มาได้ ผู้ใดจะคาดคิดเล่าว่าจะถูกจ้านเฉิงอิ้นทำให้เสียเรื่องเขามองเข้าไปยังสนามรบ ที่ยังคงโรมรันกับกองทัพตระกูลจ้าน ทหารเผ่าหมานต่อสู้ดิ้นรนอย่างยากลำบาก จะให้พวกเขายอมรับความพ่ายแพ้ ละทิ้งเมืองหลวงแห่งแคว้นต้าฉี่เช่นนี้งั้นหรือ?ไม่มีทาง!เขายกดาบม่อเตาที่อยู่ในมือ จับจ้องไปที่จ้านเฉิงอิ้นด้วยดวงตาที่แหลมคมราวกับเหยี่ยว“ข้า ม่อเป่ยอ๋อง จะไม่มีวันพ่ายแพ้อย่างแน่นอน!”จ้านเฉิงถือดาบม่อเตาด้วยมือเดียว กระชับบังเหียนม้าและเดินวนอยู่รอบ ๆ ตัวเขา“หลัวซู่ เจ้าหมดหวังแล้ว เจ้าไม่อาจเอาชนะกองทัพตระกูลจ้านได้หรอก!”“ยอมจำนนแต่โดยดีเถิด!”หลัวซู่ปักมีดลงไปในดินโคลน สายตาของเขาเย็นชา “ข้าเป็นบุรุษแห่งทุ่งหญ้า ไม่เกรงกลัวความตาย!”“เพียงแต่ข้าไม่ยินยอมเท่านั้น เหตุใดข้าจึงได้พ่ายแพ้เจ้าอย่างไร้สาระเช่นนี้ พ่ายแพ้เจ้าอย่างรวดเร็วเช่นนี้!”การศึกในครั้งนี้มีความแข็งแกร่งที่แตกต่างกันมากกองทัพตระกูลจ้านของจ้านเฉิงอิ้น ไม่ว่าจะเป็นอาวุธยุทโธปกรณ์ ขวัญกำลังใจ หรือว่าจำนวนคนที่ติดอาวุธ...ไม่ว่าจะ