หลังจากพ่อแม่ตายไป เย่มู่มู่ก็ใช้ชีวิตอย่างเลอะ ๆ เลือน ๆ มาตลอดจึงไม่ได้สังเกตเห็นแต่แรกว่าในบ้านมีสิ่งของเพิ่มขึ้นมาโดยไร้สาเหตุยกตัวอย่างเช่นบางครั้งก็เป็นกระดาษเหลืองโบราณที่เขียนรายงานเกี่ยวกับการรบ ภัยแล้งและทุพภิกขภัยด้วยอักษรตัวเต็มบางคราก็เป็นเศษชามกระเบื้องเก่า ๆ ที่แตกไปครึ่งหนึ่งมีหนหนึ่งที่จู่ ๆ ในบ้านก็มีเศษดาบเปื้อนเลือดปรากฏขึ้นมาเธอถึงได้ค้นพบด้วยความตกอกตกใจ นึกว่าในบ้านมีผีแล้วเสียอีก!วันนี้ตอนกลางวันแสก ๆ ในบ้านอยู่ดี ๆ ก็มีเสื้อชั้นในยุคโบราณเปื้อนเลือดโผล่มา เสื้อชั้นในตัวนั้นมีสีออกเหลืองเปื้อนคราบเหงื่อไคลมือเธอไปสัมผัสโดนเข้าพอดี~อ้าก~เสื้อยังอุ่นอยู่เลย!เลือดก็อุ่นเหมือนกัน!เย่มู่มู่กรีดร้องเสียงหลงด้วยความตกใจนานทีเดียว จนกระทั่งในบ้านไม่มีสิ่งของโผล่มาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ยอีก เธอถึงสงบสติเย็นลงได้เย่มู่มู่หยิบเสื้อชั้นในขึ้นมาอย่างระมัดระวัง แน่ใจว่าเป็นเสื้อชั้นในแบบโบราณ เป็นของผู้ชาย เจ้าของเสื้อชั้นในตัวนี้สูงเกินหนึ่งร้อยแปดสิบเซนติเมตร ช่วงไหล่กว้างจุดที่เสื้อชั้นในปรากฏขึ้นคือ พาดอยู่บนปากแจกันดอกไม้ใบเขื่องตรงมุมห้องรับแขก
จ้านเฉิงอิ้นหันขวับไปทางนั้น แจกันเขรอะฝุ่นตรงมุมผนังมีน้ำพุ่งออกมาไม่หยุดน้ำพุ่งรุนแรงมาก สาดถูกอาภรณ์ของเขากับหมอซ่งจนเปียกชุ่มเขาผุดลุกขึ้นยืน มือสองข้างกำแน่นจนสั่นน้อย ๆ“นี่ คือน้ำงั้นรึ?”ทุกคนไม่ได้เห็นน้ำมาครึ่งค่อนปีแล้ว หมอซ่งใช้สองมือกอบน้ำมาดื่มหวานเย็นชุ่มชื้น เป็นน้ำจริง ๆ ด้วย!เขาร้องเสียงดังด้วยความพลุ่งพล่านใจ “ท่านแม่ทัพ เป็นน้ำจริง ๆ ด้วย!”เหล่าทหารในด่านเจิ้นกวนเฝ้ารอน้ำทุกวัน รอมาครึ่งค่อนปีแล้วขุดหาแหล่งน้ำใต้ดิน ขุดไปสิบกว่าบ่อ ขุดลงไปลึกเกินสามสิบจั้ง[1]แล้วก็เจอแต่ทรายเหลืองแห้ง ๆ ไม่เจอน้ำแต่อย่างใดหมอซ่งนำชามแตกเป็นรูมารองน้ำให้แม่ทัพ ประคองด้วยสองมือที่สั่นระริก“ท่านแม่ทัพ ท่านลองชิมดูสิ”จ้านเฉิงอิ้นใช้มือข้างเดียวรับมาจิบคำหนึ่ง หวานเย็นชื่นใจ เป็นน้ำสะอาดเขาดื่มรวดเดียวจนหมด!“สวรรค์ประทานน้ำอมฤต สวรรค์ไม่ได้ต้องการให้กองทัพตระกูลจ้านของข้าพินาศ!”สิ้นคำ นายทหารหลายนายก็ถลาเข้ามาด้วยความยินดี ใช้สองมือรองน้ำดื่มอึก ๆ ๆหมอซ่งรองน้ำให้แม่ทัพอีกชาม ส่งมาให้เขาดื่มนายทหารหลายนายนั้นดื่มน้ำไปพลางเอ่ยด้วยความยินดี “ท่านแม่ทัพ เทพยดาบ
จ้านเฉิงอิ้นยัดกล่องข้าวใส่อกพวกเขา “เดี๋ยวท่านเทพก็ประทานอาหารให้ข้าอีกนั่นแหละ พวกเจ้ารับไว้เถอะ”นายทหารทั้งสิบคนมองหน้ากัน อยากบ่ายเบี่ยง แต่แล้วก็นึกถึงคนในครอบครัวที่หิวโหยจนเหลือเพียงลมหายใจรวยรินรู้สึกว่าในอกหนักอึ้งนับพันชั่ง!อู๋ซานหลางที่ในครอบครัวมีลูกชายอายุยังน้อยใกล้จะหิวตายรับมาคนแรกเขาคุกเข่าลงข้างหนึ่ง เอ่ยทั้งน้ำตาคลอหน่วย “ขอบคุณท่านแม่ทัพ ข้าสามารถเอากลับไปส่งที่บ้านก่อนได้หรือไม่ ภรรยากับลูกข้าหิวจนใกล้จะไม่ไหวแล้ว”จ้านเฉิงอิ้นพยักหน้า “รีบเอาไปส่งเถอะ!”อู๋ซานหลางกอดกล่องข้าววิ่งกลับบ้านไปก่อนนายทหารอีกเก้านายซ่อนกล่องข้าวไว้ในอก นำอาหารกลับไปส่งที่บ้านจ้านเฉิงอิ้นกำชับให้พวกเขากลับมาเร็วหน่อย จะได้มากินโจ๊กด้วยกันอย่าดูแคลนข้าวกับอาหารหนึ่งกล่องเชียว ถ้านำไปต้มเป็นโจ๊ก คนทั้งครอบครัวรับประทานอย่างประหยัดก็สามารถเก็บไว้กินได้สองวัน ช่วยให้ไม่อดตายในช่วงหลายวันนี้หากผสมใบไม้เปลือกไม้ลงไปยังสามารถเก็บไว้ได้นานกว่านั้นช่วงเวลาหนึ่งก้านธูปผ่านไป นายทหารทั้งสิบก็กลับมา แต่ละคนมีสีหน้าเคร่งเครียด ขอบตาแดงเรื่อหลังนั่งลง อาหลี่ก็ยกหม้อโจ๊กเข้ามาข้
หลังเย่มู่มู่โยนอาหารหมดอายุลงไปจนหมดก็ขึ้นไปชั้นบนหน้าจอโทรศัพท์มือถือของเธอสว่างขึ้นไม่หยุด เป็นคุณอาคุณลุงในครอบครัวเธอโทรมาพ่อแม่ล่วงลับ เธอกลายเป็นเด็กกำพร้า คุณอาคุณลุงร่วมมือกับคุณย่ามาหาถึงบ้าน หมายจะฮุบทรัพย์สินของเธอโชคดีที่คุณพ่อคาดการณ์ไว้ล่วงหน้าจึงทิ้งพินัยกรรมเอาไว้ในโถงตั้งโลงศพของคุณพ่อคุณแม่ คุณอาคุณลุงรวมถึงคุณย่ากดดันให้เธอมอบทรัพย์สินของคุณพ่อออกไปยังอ้างเสียสวยหรูว่าจะช่วยดูแลให้เธอบอกว่าเธอเป็นผู้หญิง ต้องแต่งงานไม่ช้าก็เร็ว จะบริหารบริษัทใหญ่มูลค่าหลายหมื่นล้านได้อย่างไรห้องชุดสิบกว่าห้อง ร้านค้าหลายร้านกับตึกปล่อยเช่าอีกสองตึกบอกให้เธอส่งมอบทั้งหมดนั้นออกไปให้พี่น้องของคุณพ่อแบ่งสรรปันส่วนกันคุณพ่อไม่ใช่ผู้ถือหุ้นเพียงหนึ่งเดียวของบริษัท แต่เป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ที่สุด ถือหุ้นสามสิบกว่าเปอร์เซ็นต์เย่มู่มู่ขอให้ผู้ถือหุ้นรายอื่นช่วยออกหน้า ช่วยเธอปกป้องทรัพย์สมบัติเอาไว้เธอไม่เข้าร่วมการบริหาร รับแค่เงินปันผลเท่านั้นเธอสละสิทธิ์ในการบริหาร ผู้ถือหุ้นรายอื่นย่อมยินดีอยู่แล้วบอดี้การ์ดปรากฏตัวขึ้นในโถงตั้งโลงศพจึงควบคุมสถานการณ์เอาไว้ได้
เย่มู่มู่ตื่นขึ้นมาก็เป็นตอนกลางคืนแล้ว เธอนอนอยู่บนโซฟาในห้องนอนของพ่อแม่ บนหมอนยังคงเปียกชื้นเธอคิดถึงพวกเขามากเกินไปจนร้องไห้ระหว่างหลับฝันอีกแล้วตีสองครึ่ง ตอนลงมาชั้นล่างไฟในห้องรับแขกยังคงสว่างอยู่แต่มีกระดาษเหลืองโบราณเพิ่มมาหลายแผ่นอ้าก!เจ้าแจกันนี่เอาขยะมาทิ้งในบ้านอีกแล้ว!เธอเดินเข้าไปในห้องรับแขกชั้นล่างด้วยความเดือดดาล คว้ากระดาษเหลืองเขรอะฝุ่นแผ่นนั้นลงมาตัวอักษรเป็นแบบตัวเต็ม เขียนตามแนวตั้งลักษณะรอยหมึกขาด ๆ หาย ๆ เหมือนใช้ขี้เถ้าเขียนรอบก่อนมีแค่ไม่กี่ตัวอักษร รอบนี้กลับเขียนมายาวพรืด รอยพู่กันคมกริบ ตัวอักษรหวัดฉวัดเฉวียนมีทั้งหมดสี่หน้ากระดาษ เธอไม่รู้ว่าเขียนอะไรบ้างใช้โทรศัพท์มือถือถ่ายรูปเอาเข้าโปรแกรมแปลภาษาค่อยทราบว่าคือคำอธิษฐานขอพรแคว้นต้าฉี่ รัชศกชูหยวนปีที่สาม กองทัพตระกูลจ้านพิทักษ์ด่านสำคัญบริเวณชายแดน ถูกกองทัพสามแสนของเผ่าหมานปิดล้อมกลายเป็นเมืองที่ปิดตายทหารหาญสองแสนคนพลีชีพในสมรภูมิเหลือเพียงสองหมื่นคนด่านเจิ้นกวนเกิดภัยแล้งรุนแรง แม่น้ำเหือดแห้งพืชพรรณเฉาตายราษฎรเพาะปลูกไร้ผลเก็บเกี่ยว กินเปลือกไม้ใบหญ้าจนหมดเกลี้ยงในเมื
เมื่อเห็นกองทองคำที่เหลืองอร่ามกองนี้ แม้ว่าเธอจะไม่ได้หลงใหลในเงินตรา แต่ก็ยากที่จะปล่อยออกจากมือใครจะสามารถปฏิเสธเครื่องประดับอัญมณีได้ล่ะ?เธอวิ่งไปสัมผัสกับก้อนทองคำอย่างมีความสุข แล้วลองสวมสร้อยข้อมือทองคำมีสร้อยคอหลายเส้นห้อยอยู่รอบคอของเธอ เส้นผมของเธอก็ประดับประดาเต็มไปด้วยปิ่นปักผมทองและปิ่นระย้ารวยแล้ว!ตามราคาทองคำในปัจจุบัน ทองคำกองนี้มีมูลค่าหลายสิบล้านยิ่งเป็นของโบราณ เมื่อเอาไปขาย ก็ยิ่งประเมินค่าไม่ได้อ๊า หนิงกวนโหวช่างเป็นคนดีจริง ๆ!ตอนนี้เธอชอบการช่วยเหลือคนเสียแล้วสิ!ชอบทำบุญสุด ๆ!ชอบเลี้ยงคนโบราณหนึ่งแสนคน!ไม่หวังอะไรอย่างอื่น การได้มองดูทองคำเหลืองอร่ามระยิบระยับแสนน่ารัก ก็ทำให้เธอมีความสุขเป็นอย่างยิ่งแล้ว!*เย่มู่มู่ยกลังไม้ใบใหญ่สามใบลงมาจากชั้นบน แล้วนำทองคำออกมาจัดระเบียบแค่ทองก้อน เหรียญทอง ทองหยวนเป่า ก็ใส่เต็มสองลังใหญ่แล้วจากนั้นก็นำลังใบใหญ่อีกใบมาใส่เครื่องประดับมุกและทอง แยกใส่ถุงซิปล็อค แล้ววางไว้เป็นระเบียบแต่ใส่ไม่หมดมันไม่สามารถใส่ให้หมดได้อยู่แล้ว!ของที่เหลือล้วนเป็นของที่ทำด้วยทองคำ รวมถึงชุดจอกสุรากาสุรา กาสุราแ
ทหารสิบนายเดินกลับมาจากบ้าน พวกเขาขอบตาแดงก่ำ ต่างผ่านการร้องไห้มาเมื่อวานนี้สีหน้าของพวกเขาแต่ละคนเต็มไปด้วยความโศกเศร้าปนความสิ้นหวังทว่าตอนนี้กลับเต็มไปด้วยความมีชีวิตชีวา ต่อให้ขอบตาจะแดงก่ำ แต่ปากกลับฉีกยิ้มพวกเขากำลังรอให้เย่มู่มู่ส่งน้ำมาให้!ในเวลานี้ ที่หน้าประตูจวนแม่ทัพเกิดเสียงดังวุ่นวาย มีผู้ลี้ภัยกำลังสร้างปัญหาจ้านเฉิงอิ้นให้เถียนฉินออกไปดูพวกเขาออกไปได้ไม่นาน คนที่มารวมตัวกันสร้างปัญหาก็ยิ่งมากขึ้นเรื่อย ๆ เสียงดังเข้ามาในจวนด้านในได้ยินกันชัดเจนจ้านเฉิงอิ้นลุกขึ้น เพิ่งจะเดินมาถึงหน้าประตู ก็ได้ยินเสียงทุกคนร้องตะโกนว่า “ขอท่านแม่ทัพได้โปรดเปิดยุ้งฉางแจกจ่ายธัญพืชออกมาด้วยเถอะ”“ท่านแม่ทัพ ทั้งที่จวนของท่านมีข้าวสาร เหตุใดต้องซ่อนไว้กินเพียงคนเดียว? หรือว่าท่านอยากจะมองดูชาวบ้านด่านเจิ้นกวนหิวตายทั้งเป็นไปต่อหน้าต่อตาหรือ?”“ท่านแม่ทัพ ได้โปรดช่วยพวกชาวบ้านด้วยเถอะ พวกเราไม่อยากหิวตาย!”หน้าประตูจวนแม่ทัพ ชาวบ้านที่สร้างปัญหาก็มีถึงสองร้อยคนแล้ว!ผู้นำก็คือชายที่มีนามว่าหลิวซื่อ ภายใต้ใบหน้ายาวนั้นคือดวงตาสามขาวและโหนกแก้มโดดเด่นเขารู้จักกับพ่อที่แลก
เมื่อพ่อได้ยินคำพูดนั้นก็โกรธเป็นอย่างมาก ไล่ญาติ ๆ ทุกคนออกจากบริษัทแล้วก็จัดทำพินัยกรรมล่วงหน้าทรัพย์สินของเขา พี่น้องกับหลาน ๆ ไม่มีใครได้ไปสักสตางค์เดียวพอพวกนั้นรู้ว่าไม่ได้อะไรจากพินัยกรรม พยายามโทรหาเย่มู่มู่ก็ไม่ติด ก็เลยเริ่มวนเวียนอยู่ที่หน้าหมู่บ้าน หวังจะเจอเธอเย่ซินไม่รู้ว่ารออยู่หน้าหมู่บ้านนานแค่ไหน จนสุดท้ายก็ดันเจอเธอที่กำลังจะออกไปข้างนอกเขารีบพาผู้ชายวัยกลางคนมาพบเธอทันทีเย่มู่มู่ขมวดคิ้วถามเสียงเย็นชา “มีเรื่องอะไร?”เย่ซินยิ้มอย่างกระตือรือร้น“มู่มู่ เรามานั่งคุยกันหน่อย พี่จะแนะนำคนให้เธอรู้จัก คุณหวัง เขาเพิ่งหย่าเมื่อเดือนที่แล้ว ตอนนี้เป็นหนุ่มโสดสุดฮอตเลยนะ!”“ดูสิ คุณหวังทั้งสุขุมและมั่นคง ภายนอกก็ดูภูมิฐาน เขาเป็นเจ้าของใหญ่ของหัวหวังกรุ๊ป...”“เหมาะกับเธอที่สุดแล้ว!”คุณหวังที่พูดถึงนั้นหัวล้านกลางศีรษะ พุงก็ใหญ่จนดูอ้วนกว่าปกติ ดูแล้วอายุมากกว่าพ่อของเธอเสียอีกอายุอย่างน้อยก็คงห้าสิบห้าปีขึ้นไปเขาสวมแหวนทองวงใหญ่ มืออ้วน ๆ ของเขาลูบคางแล้วมองเย่มู่มู่ตั้งแต่หัวจรดเท้าด้วยสายตาหื่นกามเมื่อเห็นว่าเธอมีผิวขาวเนียน รูปร่างผอมเพรียว โดยเ
เขาชี้ตนด้วยความจองหอง จากนั้นก็โพล่งหัวเราะฮ่า ๆ ออกมา“ฮ่า เจ้าคิดจะฆ่าข้า? เลิกไร้เดียงสาได้แล้ว!”“ข้าเป็นคนโปรดของฝ่าบาทในตอนนี้ เป็นน้องชายของสวีกุ้ยเฟย เป็นผู้กุมอำนาจที่แท้จริงของกองกำลังรักษาพระองค์ ไม่คิดเลยว่ารัฐทายาทที่ถูกแทนที่ได้ทุกเมื่อเช่นเจ้า คิดจะฆ่าข้า ไร้เดียง...”แม่ทัพคนอื่น ๆ เห็นหน้าปากแสนอัปลักษณ์ของเขาแล้ว สีหน้าก็ปั้นยากเป็นอย่างมากมั่วฝานผ่อนลมหายใจหนัก มือกำด้ามจับดาบม่อเตาไว้แน่น กำลังพยายามควบคุมไฟโทสะของตนเอาไว้สุดกำลังขณะที่สวีอี้หัวเราะอย่างยโสโอหังเป็นอย่างมาก...ฟิ้ว...ธนูทดกำลังในมือของหยางชิงเหอ ยิงเข้ากลางอกของสวีอวี้นางสะบัดมือ “ยิงครั้งแรกไม่มีประสบการณ์!”“ข้าไม่เคยเห็นผู้ใดที่ยโสโอหังเช่นนี้มาก่อน! อดกลั้นไม่ไหวจริง ๆ ก็เลยลงมือ!”สวีอี้คิดไม่ถึงว่า จะมีคนกล้าฆ่าเขาจริง ๆดวงตาเขาเบิกกว้าง มองเลือดสดที่พุ่งออกมาจากหน้าอกของตนด้วยนัยน์ตาราวกับกลอง เลือดเปื้อนชุดแดงไปหมด“ไม่...ไม่คิดเลยว่าเจ้าจะกล้าฆ่าข้า”“ข้าคือรองผู้บัญชาการของกองกำลังรักษาพระองค์ พวกเจ้าฆ่าข้า ไม่คิดจะมีชีวิตอยู่แล้วใช่หรือไม่...”“ทะ ทหาร ฆ่าพวกเขาให้หมด!
“รองผู้บัญชาการแซ่สวีนามอี้ เป็นน้องชายของสนมสวี!”“คนผู้นี้เป็นคนยโสโอหัง ผิวเผินกองกำลังรักษาพระองค์มีผู้บัญชาการลั่วคอยสั่งการ ทว่าผู้ที่กุมอำนาจจริง ๆ คือสวีอี้ ตอนที่เรากับผู้บัญชาการลั่วมา เพิ่งนำคนมาเพียงสองร้อยคน ทว่าครานี้ไม่คิดเลยว่าสวีอี้จะมาพร้อมกับคนสองพันคน”“ท่านแม่ทัพ บุญคุณความแค้นของท่านกับแม่ทัพสวี คนทั้งราชสำนักต่างรู้กันทั่ว ตอนนี้ลูกชายเขามา ไม่ได้มีเจตนาดีแน่!”จ้านเฉิงอิ้นไม่มีภาพจำดี ๆ กับตระกูลสวีเท่าไรนักไม่ว่าจะเป็นสวีหวยหรือสวีกุ้ยเฟย แม้แต่กองกำลังเก่าของสวีหวยที่บากหน้ามาพึ่งกองทัพตระกูลจ้าน คนพวกนี้ไม่มีผู้ใดเลยที่จิตใจสงบเถียนฉินที่อยู่เบื้องหลังจ้านเฉิงอิ้นอดไม่ได้ที่จะกล่าวขึ้นมาว่า “กงกง นี่เป็นกองทัพตระกูลจ้าน กองกำลังสองพันนายของเขานั่นยังจะต่อต้านได้อีกหรือ?”หวงกงกงสำลักไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็พลันฉีกยิ้มพลางพูดคล้อยตามไปด้วย “ใช่ เราประมาทแล้ว”จ้านเฉินอิ้นพาหวงกงกง เถียนฉินและสวี่หมิงกลับไปพวกมั่วฝาน เฉินขุย เฉินอู่ ซ่งตั๋วและหยางชิงเหอรออยู่หน้าประตูแล้วภายในห้องโถงหารือ สวีอี้รองผู้บัญชาการกองกำลังรักษาพระองค์นั่งอยู่ในที่นั่งประทาน
ทำงานให้กองทัพตระกูลจ้านยังมีเสบียงอาหารให้อีกจะได้ข้าวสารหกชั่งทุกเดือน หากนำกลับไปต้มเป็นโจ๊ก บวกกับแผ่นแป้ง เสบียงอาหารหนึ่งเดือนของครอบครัวหนึ่งก็จะประหยัดเก็บไว้ได้เป็นกองทัพตระกูลจ้านที่ให้โอกาสพวกเขาได้มีชีวิตอยู่ต่อชาวบ้านดีใจกันเป็นอย่างมาก!บุรุษกระโดดลงไปอาบน้ำในคูน้ำสตรีซักผ้า และล้างเนื้อล้างตัวอยู่ริมแม่น้ำผงซักฟอก น้ำยาซักผ้า สบู่ ครีมอาบน้ำ ของเบ็ดเตล็ดเหล่านี้นำกลับมาใช้ประโยชน์อีกครั้งส่วนนายทหารที่ฆ่าคนได้เยอะของกองทัพธงเหลือง ไม่มัวแต่แลกข้าวสารอีกต่อไปทว่าเริ่มแลกเป็นพัดลม ไฟฉาย สบู่หอม ผ้าขนหนู...นายทหารของกองทัพธงเหลืองที่ได้พัดลมและของเล็ก ๆ น้อย ๆ ตื่นตะลึงเป็นอย่างมากเจ้าสิ่งนี้พัดลมเย็นออกมาได้ด้วยหรือ?ไฟฉาย ตอนกลางคืนส่องแสงสว่างได้ ไม่จำเป็นต้องจุดเทียนสบู่หอมและครีมอาบน้ำช่างเปิดโลกใหม่แก่พวกเขาจริง ๆผมที่แห้งและเป็นสังกะตัง สางไม่ออก ใช้แชมพูและครีมนวดผมคู่กัน ไม่คิดเลยว่าจะสางได้อย่างไหลลื่นแล้วหนำซ้ำยังมีกลิ่นหอมด้วยพวกเขาเข้าใจแล้วว่า เหตุใดทุกครั้งที่ลงสนามรบฆ่าศัตรู ทหารผ่านศึกของกองทัพตระกูลจ้านจะบุกรุดหน้าไปอย่างตื่นเต้
ฮ่าวอี้อัดบทสนทนาของพวกเขาเอาไว้เขาได้ยินเย่มู่มู่บอกว่า หลูซีซื้อของให้เพื่อนของเขาได้!เพื่อนของเขา?ตามที่พวกเขาสืบเจอ หลูซีไม่มีเพื่อนเลยสักคนคนสนิทเพียงหนึ่งเดียวบนโลกใบนี้ มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นในบัญชีเครือข่ายโซเชียลออกไลน์ ยิ่งไม่มีเพื่อนสนิทที่ติดตามกันคนที่เขาส่งของให้เป็นใครกันแน่?การค้นพบจุดนี้ ทำให้ฮ่าวตี้อดไม่ได้ที่จะตั้งใจฟังต่อไปทว่า เย่มู่มู่กับหลูซีกลับไม่ได้พูดคุยกันอีกหลังรถจากรถเมื่อมาถึงคฤหาสน์ จางเฉินซีก็อดรนทนไม่ไหวที่จะมาหาเย่มู่มู่“เถ้าแก่ คุณอ่านหนังสือแผนงานหรือยัง? เป็นยังไงบ้างครับ คิดจะลงทุนในบริษัทไหน?”“โปรเจกต์ยิงลูกศรเพลิงลงทุนได้ไหม?”“รอบแรกเดิมทีหนึ่งหมื่นล้าน แต่ผมกดมาได้ห้าพันล้าน ถ้าเรายิงสำเร็จ ต่อไปก็จะมีออเดอร์เข้ามาไม่ขาดสาย”เย่มู่มู่เลือกโปรเจกต์เครื่องจักรเอไอ และโปรเจกต์รถยนต์สะเทินอากาศสะเทินบกกำไรของโปรเจกต์ลูกศรเพลิงน้อยนิดยังไม่ชัดเจนพอต้องรอหารือกันทว่าหุ่นยนต์เอไอ และรถที่ใช้สะเทินอากาศสะเทินบก ขุดเงินเธอหนึ่งหมื่นล้านไปจนเกลี้ยงเธอไม่มีเงินอีกแล้วอ๊า ๆ ๆ...เย่มู่มู่ขาดเงินทุกวัน มักจะขาดเงินอยู่บ่
“นี่ตั้งห้าร้อยล้านเชียวนะ!”“คุณชายจาง จะโอนให้เถ้าแก่คุณภายในสามวัน ผมขอกลับไปรวบรวมเงินก่อน!”จางเฉินซีพยักหน้า “ได้ กลับไปเถอะ”เถ้าแก่อวี้เดือดดาล พลางเดินออกไปพร้อมก่นด่าผู้ปกครองคนอื่นอีกห้าคน คนที่ตื่นตาที่สุดก็ยังเป็นนายธนาคาร เขาบอกว่าจะกลับไปรวบรวมเงินผู้ปกครองที่เหลือเห็นดังนั้น ต่างก็ยินดีประนีประนอมเป็นการส่วนตัว และจะให้ค่าทำขวัญก้อนหนึ่งขอเพียงปล่อยลูกบ้านพวกเขาไปจางเฉินซีตอบตกลง ขอแค่เงินเข้าบัญชี เรื่องอื่นก็พูดง่ายอย่าคิดจะเบี้ยวหนี้เชียว!ถึงยังไงถ้าเบี้ยวหนี้จริง ๆ ล่วงเกินตระกูลจางแห่งโลกการลงทุนไม่ต้องพูดถึง ต่อไปหากลูกของพวกเขาเกิดเรื่องอะไรขึ้น ก็เท่ากับหาเรื่องใส่ตัวแล้วสุดท้าย ผู้อำนวยการโรงเรียนฉีกยิ้มพลางส่งผู้ปกครองพวกนี้กลับไปเขารับรองกับเย่มู่มู่ซ้ำแล้วซ้ำเล่าว่า จะเพิ่มความปลอดภัยของพวกเด็ก ๆ ในโรงเรียนให้ดียิ่งขึ้นยังดีที่หลูซีเป็นนักเรียนที่มีจิตสำนึกของความยุติธรรมเขามีความสามารถทว่าไม่เคยรังแกเพื่อนนักเรียนเมื่อเดินออกมาจากห้องทำงานของผู้อำนวยการโรงเรียน จางเฉินซีก็ฉีกยิ้มพร้อมพูดกับหลูซีว่า “มองไม่ออกเลย ว่านายมีความสามารถแต
“ลูกของพวกคุณไม่ได้ทำเรื่องพรรค์นี้เป็นครั้งแรก จะต้องมีบันทึกประวัติอาชญากรรมแน่นอน!”“การโต้แย้งในชั้นศาลจริง ๆ หลูซีสามารถแก้ตัวพ้นผิดได้ แต่บันทึกประวัติอาชญากรรมของลูกพวกคุณจะต้องถูกเปิดเผยออกมาอย่างแน่นอน!”“อ้อจริงสิ เถ้าแก่ของเราไม่ใช่คนธรรมดา เธอมีบริษัทไลฟ์สดที่แข็งแกร่งที่สุดในประเทศ ยอดผู้ติดตามมากถึงสองร้อยล้าน ถ้าพูดถึงอิทธิพลที่มีต่อผู้คน พวกคุณรวมกัน ยังใช่ว่าจะสู้เธอได้!”“พูดถึงอำนาจเงิน ฉันแนะนำว่าพวกคุณอย่าเอาไข่ไปชนกับหินจะดีกว่า!”“พูดถึงภูมิหลัง พวกคุณมีแต่จะแพ้ราบคาบยิ่งขึ้นไปอีก”“ฉันหวังว่าหลังจากนี้จะไม่เห็นลูกของพวกคุณที่เมืองหลวงอีก เพราะฉันไม่กล้ารับรองว่า หลูซีเห็นพวกเขาครั้งหนึ่ง ก็จะซ้อมครั้งหนึ่ง”“พวกคุณก็รู้ดีว่า เด็กคนนี้ลงมือไม่รู้จักหนักเบา ถ้าซ้อมจนตายขึ้นมา! ก็อย่าโทษว่าฉันไม่เตือพวกคุณก็แล้วกัน!” เหวินเหลียนเยว่อยู่ในชุดชุดทำงานมาตรฐาน ใบหน้าแฝงไปด้วยรอยยิ้มเล็กน้อย วางมาดเลขามีความรู้ทว่าเมื่อกล่าวคำพูดดุเดือดรุนแรงออกมา ก็ทำเอาผู้ปกครองตำแหน่งสูงตัวสั่นเทิ้ม!พวกเขาล้วนเปลี่ยนสีหน้าอากาศเช่นฝุ่น ในห้องเงียบกริบ!หลูซีลงมือโหดเหี
“นายตายแน่!”“พวกนายกดเขาเอาไว้ จางเชา เอาไม้เบสบอลของนายมาให้ฉัน ให้ฉันตีขาเขาให้หักก่อน!”ผู้ชายร่างสูงใหญ่สี่คนเข้ามาก่อน ขณะเตรียมลงมือกดเขาเอาไว้ทันใดนั้น หลูซีที่ใบหน้าไร้ความรู้สึกก็กระโดดเตะขึ้นมาเตะในคราเดียวกระเด็นไปสี่คนใช่แล้ว!เขาเตะทีเดียวกระเด็นไปทั้งสี่คน!สี่คนนั้นถูกเตะไปบนผนังก่อนจะกลิ้งลงมา เนื่องจากมีคนหนึ่งไปตกกระทบกับอุปกรณ์กีฬา อุปกรณ์ล้มลงบนพื้นโครมคราม ๆหลังพวกเขากลิ้งไปรอบหนึ่ง ก็ไม่ลุกขึ้นมาอีกสี่คน มีสามคนที่หมดสติไปคนหนึ่งนอนร้องโอดครวญด้วยความเจ็บปวดอยู่บนพื้นผมเหลืองกับจางเชาที่เหลือเห็นอุบัติเหตุตรงหน้า ก็อึ้งกิมกี่ไปจางเชาที่ถือไม้เบสบอลอยู่ตาลายไปเลย เขากล่าวทั้งตัวสั่นเทิ้มว่า “อวี้เฟิง ไม่ถูกต้องสิ ไป...”อวี้เฟิงรั้งตัวจางเชาที่คิดจะหนีเอาไว้ ก่อนจะแย่งไม้เบสบอลมา“ตั้งแต่ฉันโตมาจนป่านนี้ ยังไม่ได้เคยกลัวใคร วันนี้เขาต้องตาย!”เขาถือไม้เบสบอลเดินเข้าไปไม้เบสบอลยังไม่ทันตีถูกหลูซี ก็ถูกเขาหักแขนในมุมที่แสนเจ้าเล่ห์ ด้วยความเร็วสูงสุดเคร้ง~ไม้เบสบอลหล่นลงมาอวี้เฟิงกอดแขนพลางถอยหลังหลายก้าว กำลังครวญครางด้วยความเจ็บปวด “
เศรษฐินีคนหนึ่งเดือดดาลจนด่าทอเย่มู่มู่“ไม่คิดเลยว่าเธอจะกล้าว่าลูกหลานตระกูลเราสมควรถูกตี เขาเป็นเด็กดีเชื่อฟังที่สุด ตอนนี้เขานอนอยู่ที่โรงพยาบาล เธอยังมาใส่ร้ายเขาอีก!”“ฉันจะบอกเธอให้นะ ถ้าลูกชายฉันเป็นอะไรไปแม้แต่น้อย เธอกับน้องชายเธอ อย่าคิดจะอยู่ที่เมืองหลวงเลย!”นายธนาคารผลักแว่นตรงหว่างคิ้ว มองประเมินใบหน้าและเรือนร่างของเย่มู่มู่ตั้งแต่หัวจรดเท้า สุดท้ายสายตาตกไปบนขาเรียวยาวของเธอเขาเผยรอยยิ้มเย็นเยียบออกมา “คืนนี้เธอไปหาห้องรับรองมาห้องหนึ่ง ขอโทษขอโพยฉันอย่างจริงใจ บางทีฉันอาจจะปล่อยเธอกับน้องชายเธอไปก็ได้!”ทันใดนั้นหลูหมิงก็กระชากคอเสื้อของนายธนาคารขึ้นมา แล้วเอ่ยขึ้นอย่างดุเดือดรุนแรงว่า “เจ้ามองอะไร มองตรงไหน?”เย่มู่มู่พูดห้าม “หลูหมิง ปล่อย…”สายตาของเขาพลันปรากฏเครื่องสังหารออกมา พร้อมปล่อยมือในทันใดเมื่อผู้ปกครองคนอื่น ๆ เห็นดังนั้น ผู้ที่ทำร้ายคนอื่นยังกล้าอวดดีแบบนี้อีก ช่างทำให้พวกเขาเปิดโลกจริง ๆแต่ไหนแต่ไรมามีแต่พวกเขาที่ข่มขู่คนอื่นมิหนำซ้ำยังไม่เคยถูกคนข่มขู่มาก่อนเสียด้วยซ้ำ อีกฝ่าเป็นเพียงคนธรรมดาไร้ชื่อเสียงคนหนึ่งทำเอาพวกเขาเดือดดาลจนควัน
นักเรียนทั้งหกคนไม่ได้อยู่ที่นี่ คาดว่าคงถูกส่งตัวไปโรงพยาบาลแล้ว“แจ้งตำรวจ! เรื่องนี้ต้องแจ้งตำรวจ! นักเรียนแบบนี้โรงเรียนจะปล่อยไว้ไม่ได้!”“ใช่! กล้าดียังไงมาทำร้ายลูกฉันจนเข้าโรงพยาบาล แค่ติดคุกยังน้อยไป ต้องประหารชีวิต!”“แล้วผู้ปกครองของเด็กคนนั้นล่ะ? ทำไมยังไม่มา? ฉันสงสัยว่าโรงเรียนนี้กับผู้ปกครองของมันต้องมีตกลงอะไรกันลับหลังแน่ ๆ ไม่งั้นเด็กแบบนี้จะถูกส่งเข้ามาเรียนได้ยังไง!”เด็กสาวที่อยู่ข้าง ๆ หลูซีถึงกับร้องไห้ออกมาด้วยความร้อนใจ“หลูซี นายพูดอะไรหน่อยสิ มันไม่ใช่แบบนั้นนะ พวกนั้นเริ่มก่อนต่างหาก!”“เหวินเหลียนเยว่ ฉันขอเตือนเธอว่าอย่าเข้ามายุ่งเรื่องนี้ เด็กหกคนนั้นยังนอนเจ็บอยู่ที่โรงพยาบาล ผลที่ตามมามันไม่ใช่สิ่งที่ตระกูลเหวินอย่างเธอจะรับไหวหรอกนะ!”ขณะที่เย่มู่มู่กำลังจะผลักประตูเข้าไป ก็พอดีกับที่จางเฉินซีโทรศัพท์เข้ามา“เจ้านาย แผนธุรกิจปล่อยจรวดนั่นดูไปถึงไหนแล้ว?”“ตอนนี้ฉันไม่มีเวลา หลูซีมีเรื่องที่โรงเรียน!”จางเฉินซีโพล่งขึ้นมาด้วยความโมโห “อะไรนะ! ใครมันกล้าทำร้ายน้องชายฉัน! เขาอยู่โรงเรียนไหนครับ ส่งที่อยู่มาเลย!”เย่มู่มู่ส่งที่อยู่ไปให้ วางสาย