อิ๋นถีที่ดื่มไปมากแล้วกำลังมองเก๊ามู่เฉินที่ยามนี้ไม่สนใจจะดื่มจะกินต่อแล้ว ทำเพียงวุ่นวายกับกระดาษกับที่อิ๋นถังให้มา อิ๋นถีเท้าคางบนโต๊ะมองเก๊ามู่เฉินที่มือตวัดพู่กันไปมาปากพึมพำ
“เจ้าทำอะไร”
“เรียบร้อย เอคือหนึ่งจุดหกสามศูนย์สามและบีคือหนึ่งจุดแปดสี่สามหนึ่ง”
เก๊ามู่เฉินลุกขึ้นชูกระดาษสองใบโห่ร้องด้วยความดีใจจนองค์ชายทั้งสามสะดุ้งโหยง อิ๋นถังทำสุรากระฉอกโดนมือก็ขมวดคิ้วหันมาตำหนิเขา
“เป็นบ้าอะไรอีก”
“มีเรื่องน่าสนใจหรือเก๊ามู่เฉิน”
อิ๋นเอ๋อรีบเข้ามาดูเสียงอ้อแอ้ไม่บอกก็รู้ว่าเมามาย
“ดูนี่ ดูไว้ ของขวัญขอบคุณสำหรับองค์ชายสามจากเจ้าคนเลี้ยงม้าผู้แสนกตัญญู” กล่าวชื่นชมตัวเองหน้าด้านๆ
อิ๋นถีที่มองอยู่ตลอดก็หัวเราะเบาๆ
“เจ้านี่จะว่าไปก็มีอารมณ์ขันใครกันจะยอมรับน้ำใจจากคนเลี้ยงม้าแล้วถือว่าเป็นบุญคุณ”
“หา ข้ารื้อฟื้นแทบตายกว่าจะไขคำตอบได้”
ลำพังองค์ชายสามผู้นั้นที่ไม่รู้ว่าใช้เวลากี่เดือนกี่วันจึงเห็นกระดาษถูกทิ้งบนพื้นห้องเกลื่อนกลาด
“อืมมมเห็นจะจริง จะเอาไปให้พี่สามเลยหรือไม่”
“ไม่ ข้าต้องถามเขาสักนิด ว่ามันสำคัญหรือไม่”
“ข้าเคยได้ยินว่าเสด็จพ่อมอบหมายบางอย่างให้พี่สามไขความกระจ่างแต่ผ่านไปสามเดือนเขายังหาคำตอบไม่ได้ เสด็จพ่อจึงมอบหมายงานเขียนหนังสือแทน เขาร้อนใจถึงขนาดมาพึ่งพาพี่แปดแต่กลับไม่ได้คำตอบเช่นกัน ตอนนี้เขาเขียนหนังสือนั้นได้หนึ่งปีแล้ว”
อิ๋นถังเล่าเหมือนไม่สนใจ งั้นนี้หมายความว่าโจทย์นั้นผ่านมาหนึ่งปีแล้ว เกินไปแล้ว ใครจะมานั่งจมกับอะไรแบบนี้หนึ่งปี งั้นก็คงสำคัญ ไม่ต้องถามอะไรอีกแล้วมั้ง
“เรื่องพวกนั้นทำแล้วได้ประโยชน์อะไรกันข้าไม่เข้าใจพี่สามจริงๆ” อิ๋นถังกล่าว
“ท่านไม่มีทางเข้าใจแน่ สิ่งที่องค์ชายสามทำนั้นยิ่งใหญ่ขนาดไหน มันไม่ใช่แค่หนังสือทั่วไปแน่นอน วันข้างหน้านี่คือทองคำแท้ๆ จากอดีต”
เก๊ามู่เฉินอยากจะบอกว่าสิ่งที่องค์ชายสามทำมีคุณค่าพอๆ กับการสร้างกำแพงเมืองจีน
“ข้าไม่อยากจะเข้าใจ”
อิ๋นถังเบือนหน้าหนีสายตาชื่นชมของเก๊ามู่เฉินเสีย ตัวเขามีอะไรเทียบพี่สามได้องค์ชายที่พ่อไม่รัก ดีหน่อยที่พี่แปดพยายามกล่อมเกลาเขาด้วยคำพูดอ่อนโยน
“ท่านไม่อยากก็ไม่อยาก ข้าไปแล้ว ขอบพระคุณจริงๆ องค์ชายเก้า”
เก๊ามู่เฉินรีบลุกขึ้นคว้ากระดาษแผ่นนั้นเตรียมวิ่งแต่อิ๋นถีคว้าแขนไว้และตบบ่าเบาๆ
“ข้าไปด้วย ให้พี่เก้าและพี่สิบดื่มต่อไปเถอะ”
อิ๋นเอ่อที่ผงกหัวขึ้นมาดูแล้วก็ฟุบหน้าลงบนโต๊ะเหมือนเดิม อิ๋นถังถอนใจยาว
เก๊ามู่เฉินร่าเริงนำกระดาษกลับไปทางจวนองค์ชายสามแต่เมื่อเข้าไปในห้องกลับพบองค์ชายสี่อิ๋นเจิ้งนั่งจิบชาพร้อมอิ๋นเสียงและอิ๋นจื่อ อิ๋นเจิ้งขมวดคิ้วกล่าวเสียงเข้มทั้งยังมองเก๊ามู่เฉินตั้งแต่หัวจรดเท้าเมื่อเก๊ามู่เฉินเข้ามาใกล้ก็พลันหรี่ตาลง
“หึ กลิ่นสุราดอกท้อของเสด็จพ่อ ชีวิตเจ้าช่างดีเหลือเกินเจ้าคนเลี้ยงม้านอกจากไม่ตายแล้วยังมีโอกาสร่ำสุรา”
เก๊ามู่เฉินกลอกตาคนอะไรจำได้แม้กระทั่งกลิ่นและชื่อสุรา แต่ไม่ได้สนใจเดินผ่านไปและวางแผ่นกระดาษลงบนโต๊ะอิ๋นจื่อ ไว้เขาซดชากับองค์ชายสี่เสร็จก็คงมาเห็นเองแหละ ส่วนเขาขอหนีก่อนละกันเหม็นขี้หน้าใครบางคน
“เจ้าไปไหนมา”
เมื่อเห็นว่าเก๊ามู่เฉินสนใจสิ่งอื่นนอกจากเขา
อิ๋นเจิ้งกล่าวเรียบๆ แต่กลับทำให้เขารู้สึกร้อนใจเล็กน้อย อิ๋นถีจึงกล่าวแทรกและนั่งร่วมโต๊ะ เก๊ามู่เฉินเห็นโอกาสจึงออกไปทันที
“เขาไปกับข้า ข้าวานให้เขาไปเป็นเพื่อนข้ากับพี่สิบไปหาพี่เก้า”
“ข้าไม่ได้ถามเจ้าอิ๋นถี”
“เขาเพิ่งจะหัดดื่มสุราคงเมามาย เลยรีบไปนอน ไม่ยอมตอบคำถามพี่สี่ที่เจ้ากี้เจ้าการกับ…. คนเลี้ยงม้า”
“เจ้าดูจะออกรับแทนเขานะอิ๋นถี มีลับลมคมในอะไรกัน”
อิ๋นเสียงกระแอมเบาๆ
“พี่สี่ข้าอาสาดูเขาให้เองดีไหม” อิ๋นเจิ้งยกมือปราม
“เจ้าเก้าเจ้าสิบสี่ก็แค่ม้าล่อ เจ้าแปดอิ๋นสือนั่นต่างหากที่ข้าไม่วางใจ”
“เลิกมองคนอื่นในแง่ร้ายได้แล้ว พี่แปดมีคุณธรรมสูงส่งเขาไม่มีทางทำเรื่องไม่ดีลับหลัง”
อิ๋นเจิ้งเจ็บแปลบในใจหากเป็นคนอื่นพูดประโยคนี้ออกมาเขาคงแค่ยิ้มหยันแต่นี่น้องแท้ๆ อย่างอิ๋นถีกลับชื่นชมคนที่เป็นศัตรูของเขาต่อหน้าเขา
ปักกิ่ง ปี2023คริสยกเป้สะพายหลังล้วงมือเข้าไปในกระเป๋ากางเกงทั้งสองข้างห่อไหลด้วยความหนาว ริมฝีปากสีแดง ยังแดงได้อีกด้วยอากาศที่เย็นลงเรื่อยๆ สายลมพัดเอาเกล็ดหิมะโปรยปรายเป็นแนวเฉียงตามลม ดอกเหมยสีแดงสดยืนหยัดอยู่บนกิ่งต้นที่ไร้ใบ กี่ปีกันนะที่เขาแวะมาที่นี่หวังบมๆ แล้งๆ ว่าจะได้พบใครข้างหน้านั้นเป็นวัดเสียนเหลียงสื่อวัดที่เป็นอนุสรณ์สถานที่จักรพรรดิหย่งเจิ้งสร้างไว้สำหรับระลึกถึงองค์ชายสิบสาม คริสยืนนิ่งไม่ว่าจะมากี่ครั้งเขาก็อดขำไม่ได้กับรู้วาด จะว่ารูปเหมือนก็ไม่น่าใช่ ไม่มีส่วนเหมือนองค์ชายสิบสามผู้นั้นแม้แต่น้อย หากเจ้าตัวมาเห็นคงหัวเราะท้องแข็งและก็คงจะอยากเปลี่ยนรูปวาดรูปนี้ทิ้งไป ป้ายวิญญาณที่สลักอักษรจีนชัดเจนมองไปหากจำไม่ผิดนั้นมันลายมือของจักรพรรดิหย่งเจิ้ง จุดธูปบูชาเหมือนอย่างที่เคยทำองค์ชายคนอื่นไม่มีสิ่งใดเหลือไว้ให้จดจำมีเพียงบันทึกหรือตำราขององค์ชายสามแต่ก็นั่นแหละไม่ได้ออกมาสู่สายตาสาธารณชน คริสเดินไปทรุดกายลงนั่งที่ม้านั่งตัวยาวสีแดงขัดมันดื่มด่ำกับบรรยากาศ จะว่าฝันไปก็ชัดเจนเขากลับมาอีกครั้งหลังจากที่นอนโคม่านับเดือนมีเพียงศรัทธาเดียวของแม่ของเขาที่ไม่ยอมถอดเค
ชิงหยุนเนีย: เข้าคำถามดีกว่า มีใครในใจไหม ชอบใครเป็นพิเศษไหมในบรรดาองค์ชายทั้งเจ็ดเก๊ามู่เฉิน: ความจริงแล้วชอบพี่แปด เราชอบผู้ชายอบอุ่น แต่อดคิดไม่ได้ว่ามีอะไรซ่อนอยู่รึเปล่า เพราะพี่แปดเหมือนจะมีอะไรอยู่ภายในใจชิงหยุนเนีย: ก็คงเป็นบทขี้โกงของเขานั่นแหละเก๊ามู่เฉิน: องค์ชายสิบสามก็ดูดีเป็นคนที่ไม่อะไร ด้วยประวัติแล้วน่าสงสาร ถ้าเก๊ามู่เฉินจะรู้ประวัติขององค์ชายสิบสามแล้วจะสงสารก็ไม่แปลก องค์ชายสิบสามอยู่ด้วยแล้วไม่ต้องกดดันอะไร ถึงจะเข้าข้างพี่สี่แต่ก็ไม่ได้แย่งชิงอะไรกับเขา ถ้าหากจะคบเป็นเพื่อนก็คงจะดี แต่รู้สึกอบอุ่นใจเมื่อเข้าใกล้เขาชิงหยุนเนีย: แล้วองค์ชายสิบสี่ล่ะคะเก๊ามู่เฉิน: องค์ชายสิบสี่กับองค์ชายสิบ มีส่วนคล้ายกันทำให้เห็นเขาแล้วอดยิ้มไม่ได้ องค์ชายสิบสี่ชอบช่วยเหลือไปไหนไปกัน แต่ก็ไม่ได้ลึกซึ้งถึงกับเข้าใกล้แล้วต้องใจสั่น ส่วนองค์ชายสิบมักจะกระตือรือร้นเสมอเลยทำให้คิดว่ามีเขาอยู่ใกล้ๆ แล้วอุ่นใจชิงหยุนเนีย: คนไหนที่ไม่อยากเข้าใกล้ที่สุดเก๊ามู่เฉิน: ถ้าหากรู้สึกว่ากดดันคงเป็นองค์ชายสี่ ด้วยสายตาเฉยชาทำให้กลัวหัวหดแต่เวลารุกมาแต่ละทีใจสั่นได้เหมือนกัน แค่ตาคมๆ กับท่าที
ชิงหยุนเนีย: ในชิงหยุนเนียยังจะตามหมอหลวงอีกไหมคะอิ๋นเจิ้ง: อันนี้งดสปอยครับ แต่ก็นั่นแหละนะ ไรท์ก็ยังติดภาพจำใช้ให้ตามหมอหลวงเหมือนเดิมชิงหยุนเนีย: ฮ่าฮ่าฮ่า ยอมไปเถอะค่ะเฉิงหยิงน้องสาวคนสวยรับหน้าที่พิธีกร คอยถามคำถามในครั้งนี้เฉิงหยิงนั่งลงประจำตำแหน่ง อิ๋นเอ๋อกับอิ๋นถีแบกลำโพงบลูทูธเปิดทำนองคาราโอเกะเพลงเธอเคยรักฉันจริงๆ หรือเปล่า คลอเบาๆ ด้านหลังเฉิงหยิง: เธอเคยรักฉันจริงๆ รึเปล่า~ อย่างที่ฉันรักเธอหรือเปล่า~อิ๋นจื่อ: เล่นตลกอะไรกันอิ๋นถี: โถ่พี่สามกำลังสนุกเชียวอิ๋นเอ๋อผลักไหล่อิ๋นถี พากันดึงกันออกไปแต่ทิ้งเพลงที่เปิดคลอไว้อิ๋นเอ๋อ: พี่สามเขาเขิน เราไปก่อนดีกว่าอิ๋นจื่อ: เข้าเรื่องสักทีเถอะ เอาแต่เล่นอยู่ได้ เห้อเฉิงหยิง: แบบนี้ประจำเลยพี่สามของเรา เฉิงหยิงไม่ถามแล้ว งอนแล้วอิ๋นจื่อ: เห้ยไม่ได้นะ เดี๋ยวไรท์ไม่จ่ายค่าตัว มู่เฉินนน นายมาช่วยฉันหน่อยสิเก๊ามู่เฉินเดินเข้ามาในฉากมือยังถือพิซซ่าเก๊ามู่เฉิน: ยังไม่ถึงคิวผมนี่ ว่าแต่สองคนทะเลาะอะไรกันอีก ทำไมเฉิงหยิงน่างอเชียว พี่สามเอาใจแฟนหน่อยไม่ได้รึไงอิ๋นจื่อ: เออน่ะ มันหมดช่วงเวลางานของฉันแล้ว กำลังจะได้พักเชียวจะงอ
ชิงหยุนเนีย: ตอนที่เอามีดจี้คอหยุนเนียคิดอะไรอยู่หรอคะอิ๋นถัง: ถ้าเป็นตามบทแล้วก็สงสัยเหมือนกันว่าทำไมต้องเป็นหยุนเนีย ทำไมไม่ไปจี้ชายาเอกหรือพวกชายารอง ทำไมต้องไปจี้แค่เก๋อเก๋อ นี่แสดงว่าคนอื่นเขามองออกกันทั้งหมดว่าพี่สี่มีใจให้เก๋อเก๋อชิงหยุนเนีย: ฮ่าฮ่าฮ่ามองออกกันหรอคะ ทำไมหยุนเนียไม่รู้สึกว่าเขารักหยุนเนียเลย ออกจะรักเจ้าหมาน้อยนั้นมากกว่าอิ๋นถัง: ฮ่าฮ่าฮ่า อันนี้ไหน้ำส้มแตกใช่ไหมครับ พี่สี่น่าจะดีใจนะเนี้ย ช่างเขาเถอะเรามาพูดเรื่องของเราดีกว่าชิงหยุนเนีย: คิดอย่างไรกับเจ้าหมาน้อยเก๊ามู่เฉิน องค์ชายเก้าเป็นคนที่ซึนที่สุดในเรื่องนี้ ก็เลยอยากรู้ว่ารู้สึกยังไงกับนายเอกของเราอิ๋นถัง: ถ้าตามบทที่ไรท์บอกมานะครับ ก็ต้องซึนอะครับแต่ก็แอบมีรักแท้ดูแลไม่ได้ เสียสละเพราะเขาหลายอย่าง ปกป้องเก๊ามู่เฉินแม่แต่ตอนตายก็ยังอยากอยู่ข้างเขาตลอดชิงหยุนเนีย: นี่มันบทพระเอกนี่คะอิ๋นถัง: ฮ่าฮ่าฮ่า ถ้ายกให้ผมก็ยินดีรับไว้ ผมปกป้องเขาอย่างดี แต่สุดท้ายก็ต้องตายถ้าเป็นเรื่องจริงก็คงเจ็บปวดน่าดูเฉิงหยิงน้องสาวคนสวยรับหน้าที่พิธีกร คอยถามคำถามในครั้งนี้เฉิงหยิง: ความละมุนนี้ได้จะได๋มาเฉิงหยิงหุบยิ
“ปิดกองแล้วววว เย้!”อิ๋นจื่อตะโกนดังลั่นโยนพู่กันกระเด็นหายไปพร้อมดึงหนวดปลอมออก อิ๋นถีถอนหายใจยาว อิ๋นสือลุกขึ้นบิดขี้เกียจไปมาวางม้วนกระดาษที่เป็นบทนิยายลงบนโต๊ะ“เห้อ จะว่าไปบทองค์ชายแปดน้อยไปหน่อยจริงๆ”“พี่แปดต้องตำหนิไรท์แล้วแหละ เรื่องหน้าขอแบบจัดเต็ม” อิ๋นเอ๋อพูดไปหัวเราะไป“ในที่สุดก็จบลงเสียที ว่าแต่พี่อิ๋นจื่อเราเสียน้ำตากี่หยดครับ” อิ๋นถีโอบไหล่อิ๋นจื่อ“แหม่ก็พระเอกอะเนอะก็ต้องมีน้ำตากันบ้าง นายเอกว่าไง”เก๊ามู่เฉินอ้าปากงับเอาพิซซ่าชิ้นโตหันมามองค้อนอิ๋นจื่อ อิ๋งถังเบ้ปากไปทางอิ๋นเสีย“ใครจะสู้พี่สิบสามได้ล่ะ นู้นนั่งไขว่ห้างอยู่นั้น ผมได้จุ๊บเขาได้จูบ”“บังเอิญหรอกน่า” เก๊ามู่เฉินพูดยิ้มๆ“หึย ไม่บังเอิญฉันเอาจริง” อิ๋นเสียงยิ้มมุมปาก“ไรท์ก็เหลือเกิน ตอนเขียนบทผมแอบได้ยินว่าจะกระจายบทให้ได้อี๋อ๋อกับนายเอกทุกคน แต่ถึงเวลาไอ้คนที่อดก็อดกันไปเลย” อิ๋นถีกลอกตา“ผมไม่ใช่ผู้ชายโครมเขียวนะคุ๊ณ แหม่จะกระจายตั้งเจ็ดคน ผมดูหลายใจอะ แต่ตอนจบแท้ๆ นายเอกก็ไม่ได้ออกกับเขา อย่างน้อยขอเป็นวิญญาณยืนหลังฉากจางๆ สักวิก็ยังดี”“ก็ดีแล้วไง นายจะได้มานั่งกินพิซซ่าอยู่นี่ไง” อิ๋นเจิ้งถอดแว่
“มันคือของที่ต้ากงเหวินคนนั้นคิดว่ามันจะพาเขากลับบ้านได้”จักรพรรดิหย่งเจิ้งขมวดคิ้ว“มันไม่มีทาง ของชิ้นเล็กแค่นี้จะพาไปไหนได้อย่างไร”“แล้วควรจะทำอย่างไรเล่า” จื่อจวินหวังทอดถอนใจ“เราทำอะไรไม่ได้แล้ว จะคิดอย่างไรจะคิดไปทางไหนก็คือต้ากงเหวินเขาไม่อยู่แล้ว หรือจะคิดแบบเข้าข้างตัวเองเขาก็คงแค่ความทรงจำหายไปจึงจำพวกเราไม่ได้ ก็เพียงแค่ทำใจเสียก็เท่านั้น” เหลียนชินหวังปลอบใจคนทั้งหมด“ไม่แน่นะบางทีความทรงจำเขากลับมา เขาอาจจำเราได้ขึ้นมาสักวันตอนนี้แค่เพียงเก็บเรื่องราวดีๆ ที่เคยมีเขาไว้ในความทรงจำก็พอ”อี๋ชินหวังพูดขึ้นอย่างคนที่มีความหวัง จื่อจวินหวังเงยหน้าขึ้นด้านบนเหมือนกลัวว่าหยาดน้ำตาจะไหลริน“ข้าไม่มีทางยอมแพ้”“ข้าไม่เชื่อว่าเขาจะจำเราไม่ได้ พี่สะใภ้ท่านมีวิธีใดบ้างที่จะทำให้เขาจำเราได้”ชิงหยุนเนียถอนหายใจยาว“หากว่าสวินชินหวังอยากจะลองดูข้าก็ไม่ขัด ท่านก็แค่เพียงแวะเวียนมา บอกเล่าเรื่องราวก่อนหน้าที่เคยมีร่วมกันให้กับองค์ชายใหญ่ต้ากงเหวินฟัง ไม่แน่เขาอาจจะจำได้แต่ข้าไม่คอนเฟิร์มนะ”“ห๊ะ คอนเฟิร์ม? พี่สะใภ้ท่านหมายความว่าอย่างไร คอนเฟิร์ม”“อ๋อ ไม่มีอะไร ข้าก็แค่พลั้งปากไป เอาเ