อันนี้มันปู้ปู้จิงซินชัดๆ ด้วยสมองอันชาญฉลาดของคริสหรือเก๊ามู่เฉินทำให้วิเคราะห์เรื่องนี้ได้ไม่ยาก
“จะยากอะไรส่งคนผู้นี้ไปทรมานให้คายความจริงออกมา”
องค์ชายเก้าอ้ายซิ่นเจี๋ยหลัวอิ๋นถังท่าทีเย่อหยิ่งแม้จะมีใบหน้าหล่อเหลาแต่สายตาไม่เป็นมิตร
“น้องเก้า ทำอย่างนั้นก็เท่ากับไร้ความยุติธรรม เสด็จพ่อทรงสั่งสอนให้เราทั้งหมดยึดมั่นคุณธรรม คนไม่ผิดจะลงทัณฑ์ง่ายดายได้อย่างไร”
อิ๋นสือปรามเบาๆ น้ำเสียงนุ่มนวลชวนฟัง
“องค์ชายแปดมาเพื่อการนี้ ตั้งใจปกป้องเขา พูดให้พี่สี่ดูแย่ว่าพี่สี่ไร้คุณธรรมเพื่อปกป้องคนของท่าน”
อิ๋นเสียงยิ้มเหยียด
“น้องสิบสาม เจ้าประเมินพี่แปดต่ำไป ข้าไม่ได้มีเจตนากล่าวร้ายพี่สี่”
“ข้าไม่รู้จักใครทั้งนั้น ก็แค่คนเลี้ยงม้า”
เก๊ามู่เฉินแก้สถานการณ์โดยเร็ว หากปล่อยไว้ต้องมีการประลองกระบี่กันแน่
“เลี้ยงม้า?”
คนทั้งหมดอุทานออกมาพร้อมกัน
“เลี้ยงม้าอยู่ในน้ำอะเหรอ” อิ๋นถีแหนบ
“ท่านไม่รู้จักม้าน้ำหรอ” เก๊ามู่เฉินถามกลับทันควัน
คนทั้งหมดส่ายหน้าถอนหายใจ
“ข้าเห็นเจ้าลับๆ ล่อๆ ก่อนที่ข้าจะซัดฝ่ามือเข้าใส่จนตกลงไปในน้ำดีนะที่องค์ชายสามช่วยเจ้าไว้ไม่อย่างนั้นข้าจะปล่อยให้เจ้าจมน้ำตาย เจ้าผ่านองครักษ์ของข้าเข้ามาได้อย่างไร หากเป็นเพียงคนเลี้ยงม้าไร้ฝีมือ”
“ต้าชิงมีองค์ชายสามด้วยหรือ?” เก๊ามู่เฉินขมวดคิ้วดกดำ
“ข้าพลาดอะไรไปป่าวเนี้ย”
องค์ชายสิบอ้ายซิ่นเจี๋ยหลัวอิ๋นเอ๋อวิ่งเข้ามาในห้อง
“เรากำลังหารือกันว่าจะเอาเจ้าคนเลี้ยงม้าคนนี้ไปไว้ตรงไหน ที่พอจะจับตามองเขาได้ตลอดเวลา เพราะเขาทำให้พี่แปดของเจ้ากับพี่สี่บาดหมางกัน”
อิ๋นสือพูดด้วยน้ำเสียงทุ้มชวนฟังทำให้ผู้ฟังรู้สึกผ่อนคลายแต่ไม่ใช่อิ๋นเจิ้งและอิ๋นเสียง
“ข้ารับไว้เอง”
อิ๋นเอ๋อเสนอตัวทั้งๆ ที่มาทีหลังไม่รู้เรื่องอะไร
“เหอะ อย่างเจ้าน่ะหรออิ๋นเอ๋อจะจับตาใครได้ ลำพังเจ้าเองยังเอาตัวไม่รอดเล่นสนุกไปวันๆ”
อิ๋นถังสบประมาท
“ข้าช่วยจับตาแทนเขาเอง รูปร่างผอมบางราวกับอิสตรีไม่คณามือข้าหรอก”
อิ๋นถีรีบเสนอตัว
“พวกเจ้าแย่งชิงอะไรกันคนเลี้ยงม้ามีค่าพอให้เจ้าจับตาหรือว่าต้องการปกปิดอะไรกันแน่”
อิ๋นเสียงตั้งข้อสังเกตอิ๋นเสียงผู้ที่ไม่ได้มีดีแค่หน้าตาแต่ทว่าเจ้ากลยุทธ์
“อ้ายซิ่นเจี๋ยหลัวแปลว่าอะไร?”
เก๊ามู่เฉินเลิกคิ้วพูดตัดบทลดความตึงเครียด
“ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า ข้าชอบเขา ข้าชอบเขา พี่สี่อย่าใจแคบไปหน่อยเลยให้เขาไปอยู่จวนข้าเถอะ”
อิ๋นเอ๋อหัวเราะดังลั่นดวงตาเป็นประกาย ทำให้ใบหน้าใสน่ามองยามหัวเราะร่า
อิ๋นเจิ้งขมวดคิ้วคมดวงตากร้าว
“เจ้าอยากรู้ไปทำไมกัน”
อิ๋นเสียงและอิ๋นถีกลั้นหัวเราะกับท่าทีขึงขังของอิ๋นเจิ้ง อิ๋นถังส่ายหน้าไปมาด้วยความเบื่อหน่าย
“อ้ายซิ่นเจี๋ยหลัวเป็นราชตระกูลในราชวงศ์ชิง ซึ่งมีเชื้อสายแมนจูในภาษาแมนจูแปลว่า...ทอง”
อิ๋นสืออธิบายสายตาเอ็นดูส่งมายังเก๊ามู่เฉินที่ทำตาปริบๆ นั่งตั้งใจฟังคำอธิบาย ทั้งน้ำเสียงที่นุ่มนวลและท่าที่อ่อนโยนทำให้คำพูดน่าเชื่อถือ ต้องเป็นคนแบบไหนกันที่สมบูรณ์แบบขนาดนี้
“อย่าเปลี่ยนเรื่อง”
อิ๋นเจิ้งหันกลับมามองตาเก๊ามู่เฉินใส่สายตากดดันอย่างเห็นได้ชัด เก๋ามู่เฉินเก็บอาการไม่แสดงสีหน้าว่าไม่พอใจแบบที่เขาทำทุกครั้งที่ผ่านมากับเพื่อนๆ
แต่ก็โต้ตอบคำพูดอย่างใจเย็น
“ข้ายืนยันว่าข้าแค่คนเลี้ยงม้า ไม่รู้จักใคร”
“หากพูดแค่นี้ก็บริสุทธิ์ ก็คงไม่ต้องมีการพิสูจน์เกิดขึ้น”
“ข้าไม่มีอาวุธติดกายสักชิ้นท่านไม่สังเกตหรือ”
อิ๋นถีเลิกคิ้วมองเก๊ามู่เฉินอย่างสนใจพลางอมยิ้ม คนผู้นี้กล้าไม่เบาจริงๆ
“พี่สี่ น้องสิบสามขออาสาจับตาดูเขาเอง”
อิ๋นเสียงพูดอีกครั้ง
“เดี๋ยวๆ ข้าเสนอตัวก่อนทำไมจะชิงตัดหน้ากันแบบนี้” อิ๋นเอ๋อโวยวาย
“หากเป็นพี่สามเล่า? เขา…ช่วงนี้วุ่นวายกับการเขียนหนังสือคงไม่สนใจเรื่องพวกนี้และพี่สามยุติธรรมที่สุด ไหนๆ เขาก็เป็นคนเจอคนผู้นี้ก็ควรรับผิดชอบ จะอยู่หรือตายก็เป็นพี่สามที่ช่วยชีวิตเขาไว้”
อิ๋นถีเสนอพลางกวาดสายตามองหน้าองค์ชายที่เหลือเป็นเชิงถามความเห็นแต่ไม่มีใครคัดค้านมีเพียงเก๊ามู่เฉินที่ยังมีสีหน้างุนงงและครุ่นคิดคนเดียว
องค์ชายสาม? นึกว่าจะไม่มีบทบาทและเป็นตัวประกอบซะอีก
“พี่สาม อือไม่เลวทีเดียวเขาไม่ได้มีข้อขัดแย้งกับใครในพวกเรา แต่มีพี่สามคนเดียวที่ยังไม่มีชายาเกรงว่าหากให้เจ้าลูกหมาน้อยตกน้ำไปอยู่กับเขา จะยิ่งสร้างความวุ่นวายให้กับพี่สาม”
องค์ชายแปดอิ๋นสือ แบ่งรับแบ่งสู้
“เลือกมาเจ้าจะอยู่กับใคร”
อิ๋นเจิ้ง ที่ยังมีสีหน้าเรียบเฉยทว่าน้ำเสียงกดดันยิ่งนัก
“ข้าเลือกได้หรือ”
จะต้องตามน้ำไปใช่ไหมในเมื่อมาถึงขั้นนี้แล้วจะไปทางไหนได้
“ได้ องค์ชายสาม”
เอาละว่ะ เอาองค์ชายโนเนมที่ไม่เคยเห็นในซีรี่ย์นี่แหละ อาจจะดีก็ได้ แต่ว่าก็ว่าเหอะซีรี่ย์แม่งเชื่อได้ป่าวว่ะ
“พี่สี่ ต้องอาศัยท่านแล้วแหละ ลำพังพวกเราก็ไม่กล้าจะรบกวนพี่สาม แล้วอีกอย่างท่านก็อยากจะพิสูจน์ว่าเก๊ามู่เฉินเป็นคนที่ถูกส่งมาสอดแนมจวนของท่าน”
อิ๋นถีขอร้องแกมบังคับ
“ทำไมข้าต้องทำแบบนั้นด้วยแค่ข้าบั่นคอเขาซ่ะ ก็ไม่ต้องไปพูดกับองค์ชายสามที่วันๆ หมกมุ่นอยู่แต่ตำราอะไรนั้น ข้าไม่เห็นว่าคนอย่างองค์ชายสามนั้นจะมีประโยชน์อะไรนอกจากเขียนหนังสือ และเป็นลูกที่เสด็จพ่อโปรดปราน”
นี้หย่งเจิ้งนี่คือหยงเจิ้งผู้ที่ไม่เคยญาติดีกับใครเลย ยกเว้นคู่จิ้นของเขาองค์ชายสิบสาม ไม่รู้จะรักอะไรนักหนาน้องแท้ๆก็ไม่ใช่
“การที่ไม่ยุ่งเรื่องของคนอื่นคือข้อดีของพี่สามเราควรหาประโยชน์จากการไม่ยุ่งเรื่องคนอื่นของเขา”
อิ๋นเสียงให้เหตุผล มีเขาคนเดียวเท่านั้นที่ใช้เหตุผลคุยกับอิ๋นเจิ้งได้ ถ้าไม่ใช่เขาแล้วจะใคร
องค์ชายทั้งหกที่กำลังจะใช้เก๊ามู่เฉินเพื่อหาคนที่ต้องรับผิดชอบความบาดหมางนี้
พวกเขาต่างคนต่างที่ต้องการจะบอกกับอีกฝ่ายว่า อีกฝ่ายคิดผิด
ปักกิ่ง ปี2023คริสยกเป้สะพายหลังล้วงมือเข้าไปในกระเป๋ากางเกงทั้งสองข้างห่อไหลด้วยความหนาว ริมฝีปากสีแดง ยังแดงได้อีกด้วยอากาศที่เย็นลงเรื่อยๆ สายลมพัดเอาเกล็ดหิมะโปรยปรายเป็นแนวเฉียงตามลม ดอกเหมยสีแดงสดยืนหยัดอยู่บนกิ่งต้นที่ไร้ใบ กี่ปีกันนะที่เขาแวะมาที่นี่หวังบมๆ แล้งๆ ว่าจะได้พบใครข้างหน้านั้นเป็นวัดเสียนเหลียงสื่อวัดที่เป็นอนุสรณ์สถานที่จักรพรรดิหย่งเจิ้งสร้างไว้สำหรับระลึกถึงองค์ชายสิบสาม คริสยืนนิ่งไม่ว่าจะมากี่ครั้งเขาก็อดขำไม่ได้กับรู้วาด จะว่ารูปเหมือนก็ไม่น่าใช่ ไม่มีส่วนเหมือนองค์ชายสิบสามผู้นั้นแม้แต่น้อย หากเจ้าตัวมาเห็นคงหัวเราะท้องแข็งและก็คงจะอยากเปลี่ยนรูปวาดรูปนี้ทิ้งไป ป้ายวิญญาณที่สลักอักษรจีนชัดเจนมองไปหากจำไม่ผิดนั้นมันลายมือของจักรพรรดิหย่งเจิ้ง จุดธูปบูชาเหมือนอย่างที่เคยทำองค์ชายคนอื่นไม่มีสิ่งใดเหลือไว้ให้จดจำมีเพียงบันทึกหรือตำราขององค์ชายสามแต่ก็นั่นแหละไม่ได้ออกมาสู่สายตาสาธารณชน คริสเดินไปทรุดกายลงนั่งที่ม้านั่งตัวยาวสีแดงขัดมันดื่มด่ำกับบรรยากาศ จะว่าฝันไปก็ชัดเจนเขากลับมาอีกครั้งหลังจากที่นอนโคม่านับเดือนมีเพียงศรัทธาเดียวของแม่ของเขาที่ไม่ยอมถอดเค
ชิงหยุนเนีย: เข้าคำถามดีกว่า มีใครในใจไหม ชอบใครเป็นพิเศษไหมในบรรดาองค์ชายทั้งเจ็ดเก๊ามู่เฉิน: ความจริงแล้วชอบพี่แปด เราชอบผู้ชายอบอุ่น แต่อดคิดไม่ได้ว่ามีอะไรซ่อนอยู่รึเปล่า เพราะพี่แปดเหมือนจะมีอะไรอยู่ภายในใจชิงหยุนเนีย: ก็คงเป็นบทขี้โกงของเขานั่นแหละเก๊ามู่เฉิน: องค์ชายสิบสามก็ดูดีเป็นคนที่ไม่อะไร ด้วยประวัติแล้วน่าสงสาร ถ้าเก๊ามู่เฉินจะรู้ประวัติขององค์ชายสิบสามแล้วจะสงสารก็ไม่แปลก องค์ชายสิบสามอยู่ด้วยแล้วไม่ต้องกดดันอะไร ถึงจะเข้าข้างพี่สี่แต่ก็ไม่ได้แย่งชิงอะไรกับเขา ถ้าหากจะคบเป็นเพื่อนก็คงจะดี แต่รู้สึกอบอุ่นใจเมื่อเข้าใกล้เขาชิงหยุนเนีย: แล้วองค์ชายสิบสี่ล่ะคะเก๊ามู่เฉิน: องค์ชายสิบสี่กับองค์ชายสิบ มีส่วนคล้ายกันทำให้เห็นเขาแล้วอดยิ้มไม่ได้ องค์ชายสิบสี่ชอบช่วยเหลือไปไหนไปกัน แต่ก็ไม่ได้ลึกซึ้งถึงกับเข้าใกล้แล้วต้องใจสั่น ส่วนองค์ชายสิบมักจะกระตือรือร้นเสมอเลยทำให้คิดว่ามีเขาอยู่ใกล้ๆ แล้วอุ่นใจชิงหยุนเนีย: คนไหนที่ไม่อยากเข้าใกล้ที่สุดเก๊ามู่เฉิน: ถ้าหากรู้สึกว่ากดดันคงเป็นองค์ชายสี่ ด้วยสายตาเฉยชาทำให้กลัวหัวหดแต่เวลารุกมาแต่ละทีใจสั่นได้เหมือนกัน แค่ตาคมๆ กับท่าที
ชิงหยุนเนีย: ในชิงหยุนเนียยังจะตามหมอหลวงอีกไหมคะอิ๋นเจิ้ง: อันนี้งดสปอยครับ แต่ก็นั่นแหละนะ ไรท์ก็ยังติดภาพจำใช้ให้ตามหมอหลวงเหมือนเดิมชิงหยุนเนีย: ฮ่าฮ่าฮ่า ยอมไปเถอะค่ะเฉิงหยิงน้องสาวคนสวยรับหน้าที่พิธีกร คอยถามคำถามในครั้งนี้เฉิงหยิงนั่งลงประจำตำแหน่ง อิ๋นเอ๋อกับอิ๋นถีแบกลำโพงบลูทูธเปิดทำนองคาราโอเกะเพลงเธอเคยรักฉันจริงๆ หรือเปล่า คลอเบาๆ ด้านหลังเฉิงหยิง: เธอเคยรักฉันจริงๆ รึเปล่า~ อย่างที่ฉันรักเธอหรือเปล่า~อิ๋นจื่อ: เล่นตลกอะไรกันอิ๋นถี: โถ่พี่สามกำลังสนุกเชียวอิ๋นเอ๋อผลักไหล่อิ๋นถี พากันดึงกันออกไปแต่ทิ้งเพลงที่เปิดคลอไว้อิ๋นเอ๋อ: พี่สามเขาเขิน เราไปก่อนดีกว่าอิ๋นจื่อ: เข้าเรื่องสักทีเถอะ เอาแต่เล่นอยู่ได้ เห้อเฉิงหยิง: แบบนี้ประจำเลยพี่สามของเรา เฉิงหยิงไม่ถามแล้ว งอนแล้วอิ๋นจื่อ: เห้ยไม่ได้นะ เดี๋ยวไรท์ไม่จ่ายค่าตัว มู่เฉินนน นายมาช่วยฉันหน่อยสิเก๊ามู่เฉินเดินเข้ามาในฉากมือยังถือพิซซ่าเก๊ามู่เฉิน: ยังไม่ถึงคิวผมนี่ ว่าแต่สองคนทะเลาะอะไรกันอีก ทำไมเฉิงหยิงน่างอเชียว พี่สามเอาใจแฟนหน่อยไม่ได้รึไงอิ๋นจื่อ: เออน่ะ มันหมดช่วงเวลางานของฉันแล้ว กำลังจะได้พักเชียวจะงอ
ชิงหยุนเนีย: ตอนที่เอามีดจี้คอหยุนเนียคิดอะไรอยู่หรอคะอิ๋นถัง: ถ้าเป็นตามบทแล้วก็สงสัยเหมือนกันว่าทำไมต้องเป็นหยุนเนีย ทำไมไม่ไปจี้ชายาเอกหรือพวกชายารอง ทำไมต้องไปจี้แค่เก๋อเก๋อ นี่แสดงว่าคนอื่นเขามองออกกันทั้งหมดว่าพี่สี่มีใจให้เก๋อเก๋อชิงหยุนเนีย: ฮ่าฮ่าฮ่ามองออกกันหรอคะ ทำไมหยุนเนียไม่รู้สึกว่าเขารักหยุนเนียเลย ออกจะรักเจ้าหมาน้อยนั้นมากกว่าอิ๋นถัง: ฮ่าฮ่าฮ่า อันนี้ไหน้ำส้มแตกใช่ไหมครับ พี่สี่น่าจะดีใจนะเนี้ย ช่างเขาเถอะเรามาพูดเรื่องของเราดีกว่าชิงหยุนเนีย: คิดอย่างไรกับเจ้าหมาน้อยเก๊ามู่เฉิน องค์ชายเก้าเป็นคนที่ซึนที่สุดในเรื่องนี้ ก็เลยอยากรู้ว่ารู้สึกยังไงกับนายเอกของเราอิ๋นถัง: ถ้าตามบทที่ไรท์บอกมานะครับ ก็ต้องซึนอะครับแต่ก็แอบมีรักแท้ดูแลไม่ได้ เสียสละเพราะเขาหลายอย่าง ปกป้องเก๊ามู่เฉินแม่แต่ตอนตายก็ยังอยากอยู่ข้างเขาตลอดชิงหยุนเนีย: นี่มันบทพระเอกนี่คะอิ๋นถัง: ฮ่าฮ่าฮ่า ถ้ายกให้ผมก็ยินดีรับไว้ ผมปกป้องเขาอย่างดี แต่สุดท้ายก็ต้องตายถ้าเป็นเรื่องจริงก็คงเจ็บปวดน่าดูเฉิงหยิงน้องสาวคนสวยรับหน้าที่พิธีกร คอยถามคำถามในครั้งนี้เฉิงหยิง: ความละมุนนี้ได้จะได๋มาเฉิงหยิงหุบยิ
“ปิดกองแล้วววว เย้!”อิ๋นจื่อตะโกนดังลั่นโยนพู่กันกระเด็นหายไปพร้อมดึงหนวดปลอมออก อิ๋นถีถอนหายใจยาว อิ๋นสือลุกขึ้นบิดขี้เกียจไปมาวางม้วนกระดาษที่เป็นบทนิยายลงบนโต๊ะ“เห้อ จะว่าไปบทองค์ชายแปดน้อยไปหน่อยจริงๆ”“พี่แปดต้องตำหนิไรท์แล้วแหละ เรื่องหน้าขอแบบจัดเต็ม” อิ๋นเอ๋อพูดไปหัวเราะไป“ในที่สุดก็จบลงเสียที ว่าแต่พี่อิ๋นจื่อเราเสียน้ำตากี่หยดครับ” อิ๋นถีโอบไหล่อิ๋นจื่อ“แหม่ก็พระเอกอะเนอะก็ต้องมีน้ำตากันบ้าง นายเอกว่าไง”เก๊ามู่เฉินอ้าปากงับเอาพิซซ่าชิ้นโตหันมามองค้อนอิ๋นจื่อ อิ๋งถังเบ้ปากไปทางอิ๋นเสีย“ใครจะสู้พี่สิบสามได้ล่ะ นู้นนั่งไขว่ห้างอยู่นั้น ผมได้จุ๊บเขาได้จูบ”“บังเอิญหรอกน่า” เก๊ามู่เฉินพูดยิ้มๆ“หึย ไม่บังเอิญฉันเอาจริง” อิ๋นเสียงยิ้มมุมปาก“ไรท์ก็เหลือเกิน ตอนเขียนบทผมแอบได้ยินว่าจะกระจายบทให้ได้อี๋อ๋อกับนายเอกทุกคน แต่ถึงเวลาไอ้คนที่อดก็อดกันไปเลย” อิ๋นถีกลอกตา“ผมไม่ใช่ผู้ชายโครมเขียวนะคุ๊ณ แหม่จะกระจายตั้งเจ็ดคน ผมดูหลายใจอะ แต่ตอนจบแท้ๆ นายเอกก็ไม่ได้ออกกับเขา อย่างน้อยขอเป็นวิญญาณยืนหลังฉากจางๆ สักวิก็ยังดี”“ก็ดีแล้วไง นายจะได้มานั่งกินพิซซ่าอยู่นี่ไง” อิ๋นเจิ้งถอดแว่
“มันคือของที่ต้ากงเหวินคนนั้นคิดว่ามันจะพาเขากลับบ้านได้”จักรพรรดิหย่งเจิ้งขมวดคิ้ว“มันไม่มีทาง ของชิ้นเล็กแค่นี้จะพาไปไหนได้อย่างไร”“แล้วควรจะทำอย่างไรเล่า” จื่อจวินหวังทอดถอนใจ“เราทำอะไรไม่ได้แล้ว จะคิดอย่างไรจะคิดไปทางไหนก็คือต้ากงเหวินเขาไม่อยู่แล้ว หรือจะคิดแบบเข้าข้างตัวเองเขาก็คงแค่ความทรงจำหายไปจึงจำพวกเราไม่ได้ ก็เพียงแค่ทำใจเสียก็เท่านั้น” เหลียนชินหวังปลอบใจคนทั้งหมด“ไม่แน่นะบางทีความทรงจำเขากลับมา เขาอาจจำเราได้ขึ้นมาสักวันตอนนี้แค่เพียงเก็บเรื่องราวดีๆ ที่เคยมีเขาไว้ในความทรงจำก็พอ”อี๋ชินหวังพูดขึ้นอย่างคนที่มีความหวัง จื่อจวินหวังเงยหน้าขึ้นด้านบนเหมือนกลัวว่าหยาดน้ำตาจะไหลริน“ข้าไม่มีทางยอมแพ้”“ข้าไม่เชื่อว่าเขาจะจำเราไม่ได้ พี่สะใภ้ท่านมีวิธีใดบ้างที่จะทำให้เขาจำเราได้”ชิงหยุนเนียถอนหายใจยาว“หากว่าสวินชินหวังอยากจะลองดูข้าก็ไม่ขัด ท่านก็แค่เพียงแวะเวียนมา บอกเล่าเรื่องราวก่อนหน้าที่เคยมีร่วมกันให้กับองค์ชายใหญ่ต้ากงเหวินฟัง ไม่แน่เขาอาจจะจำได้แต่ข้าไม่คอนเฟิร์มนะ”“ห๊ะ คอนเฟิร์ม? พี่สะใภ้ท่านหมายความว่าอย่างไร คอนเฟิร์ม”“อ๋อ ไม่มีอะไร ข้าก็แค่พลั้งปากไป เอาเ