ในห้องมีกองตำราหนังสือวางกระจัดกระจายตามชั้นหนังสือและพื้น หากจะเดินจำต้องใช้เท้าเขี่ยแหวกทางหากไม่อยากเหยียบตำราบนพื้นที่ล้วนแต่เป็นตำราสำคัญ โต๊ะในสุดกลางห้องที่แดดส่องถึงอ่อนๆ แต่กระนั้นก็ยังมีฝุ่นเกาะเกรอะกรังเจ้าของห้องนั่งเขียนตำราอย่างขะมักเขม้นไม่สนใจผู้ที่ก้าวเข้ามาแม้แต่น้อย
อ้ายซิ่นเจี๋ยหลัวอิ๋นจื่อองค์ชายสามผู้รูปงาม ริมฝีปากสีแดงระเรื่อผิวขาวจนเกือบซีดทว่าผมเผ้ารุงรังเพียงแค่มัดรวบไว้ลวกๆ อย่างเร่งรีบแขนเสื้อและมือมีรอยเลอะหมึกสีดำเป็นแถบ เสื้อผ้าหน้าผมถูกละเลยไม่เรียบร้อยหรูหราประณีตเหมือนองค์ชายทั่วไป
“ข้าไม่แปลกใจเลยหากจะมีใครสักคนหายไปในห้องพี่สาม”
อิ๋นถีใช้เท้าเขี่ยตำราบนพื้นพลางมองสำรวจ ไม่บ่อยนักจะมีธุระให้มาเจอพี่สาม อิ๋นจื่อเงยหน้าขึ้นมาหันซ้ายหันขวาก่อนจะกล่าวอย่างสับสน
“ใคร มีใครหายไปในห้องข้า”
“พี่สามน้องสิบสี่แค่เปรียบเปรย ทำไมท่านปล่อยให้ห้องรกแบบนี้” อิ๋นเสียงตอบยิ้มๆ
“ข้าแค่เอาตำราทุกเล่มที่จำเป็นต้องใช้เข้ามาในห้อง นั่นเจ้าสิบสี่เจ้าเอาเท้าเขี่ยตำราเชียวหรือ”
อิ๋นจื่อลุกขึ้นและหยิบตำราที่พื้นขึ้นมาวางกองบนโต๊ะหนังสือตัวเอง เมื่อเงยหน้าก็สังเกตเห็นเก๊ามู่เฉินพลันยิ้มทันที
“เจ้า? หายดีแล้วหรือ ทำไมถึงรีบลุกเดินไปไหนมาไหนเล่า”
แววตาซื่อๆ น้ำเสียงจริงใจจนเก๊ามู่เฉินรู้สึกได้
“ข้าถูกบังคับให้เดินความจริงข้ายังขากระเพลก หัวยังเจ็บแต่คนพวกนี้ก็ยังบังคับให้ข้าเดิน”
“หากไม่ใช่คนที่เช็ดเนื้อเช็ดตัวให้เจ้าข้าคงคิดว่าเจ้าเป็นอิสตรี” ว่าเก๊ามู่เฉินว่าเสแสร้ง
อิ๋นเสียงกล่าวจบเก๊ามู่เฉินรวบคอเสื้อตัวเองแน่นและโวยวายทันที
“เห้ย นี่ท่านบังอาจจับต้องคนอื่นตอนเขาหมดสติหรอ”
“ข้านิยมหญิงงามถ้าไม่ใช่ข้าก็ไม่อยากจะแตะต้องเจ้าสักนิด หากพี่สี่ไม่สั่งมีหรือข้าจะทำ”
อิ๋นเสียงถอนหายใจ
“แล้วพวกเจ้ามีธุระอะไรกับข้าหรือ”
อิ๋นจื่อถามเมื่อเก็บตำราบนพื้นเสร็จ
“พี่สี่ พูดอะไรหน่อยสิ”
อิ๋นถีหันไปหาอิ๋นเจิ้ง
“ดูแลตัวเองด้วย”
อิ๋นเจิ้งพูดเสียงเรียบกับเก๊ามู่เฉิน
“ท่านเป็นห่วงข้าด้วย?”
เก๊ามู่เฉินหันขวับ
“ข้าหมายถึงให้ระวังตัว หากทำผิดพลาดเพียงนิด…ข้าจับตาดูเจ้าอยู่”
อิ๋นเจิ้งเชิดหน้าขึ้นส่งสายตาไม่เป็นมิตร
“พี่สี่ ข้าหมายถึงพูดกับพี่สาม” อิ๋นถีรีบขัด
“อืม…องค์ชายสามข้าเชื่อว่าท่านจะสามารถรู้ทันเล่ห์เหลี่ยมของเขา ถ้าท่านแค่เพียงเอ่ยปากมาคำเดียวว่าเขาไม่น่าไว้ใจ ข้าจะฆ่าเขาทันที”
อิ๋นจื่อมองแวบเดียวก็รู้ว่านี้คือความไม่ลงรอยของอิ๋นเจิ้งและอิ๋นสือ เขาเป็นคนช่วยเก๊ามู่เฉินขึ้นจากน้ำตอนนั้นก็พบว่าอีกฝ่ายไม่มีอาวุธและเมื่อคว้ามือเก๊ามู่เฉินและยังประคองขึ้นจากริมน้ำก็รู้ว่าอีกฝ่ายไม่เคยผ่านการฝึกฝนอะไรทั้งสิ้นไม่มีเค้าลางของคนฝึกปรือทักษะการต่อสู้อย่างหนักจนถึงกลับจะเป็นมือสังหารได้
แต่หากอิ๋นเจิ้งยังยืนยันจะสงสัย คงเพราะอีกฝ่ายระแวงไปเองจนเกินเหตุ เก๊ามู่เฉินโชคดีแค่ไหนที่ไม่เจอกับอิ๋นเจิ้งเพียงลำพัง หากเป็นเช่นนั้นเกรงว่าจะถูกฆ่าอย่างขาดเหตุผล
“น้องสี่ ข้าขาดคนช่วยหยิบจับตำราพอดี ได้เขามาก็นับว่าต้องใช้งานเพราะยังไงข้าก็เป็นคนช่วยชีวิตเขาย่อมต้องตอบแทนกันสักหน่อย”
อิ๋นจื่อพยายามยิ้มให้เก๊ามู่เฉินอย่างเป็นมิตรเพราะเห็นใจเก๊ามู่เฉินที่โชคร้ายพัวพันความขัดแย้งนี้ อิ๋นเจิ้งดูไม่ยินดีเท่าไหร่เมื่อฟังจบเพียงพยักหน้าเบาๆ และเบือนหน้าหนีคล้ายอยากจะไปเสียจากที่ตรงนี้
“พี่สาม เขามาอยู่ที่นี่ข้ามาเยี่ยมหาเขาได้ใช่ไหม”
อิ๋นเอ๋อพูดอย่างร่าเริงพลางเดินไปกอดคอเก๊ามู่เฉินเขย่าแรงๆ อิ๋นจื่อเห็นแบบนั้นก็ถอนหายใจเสียงดังชัดเจนแต่ก็อดจะยิ้มไม่ได้เช่นกัน
“แน่นอน แต่ต้องพากันออกไปเล่นด้านนอก น้องสิบข้ารู้ว่าเจ้ายังเล่นสนุกเหมือนเด็กๆ จึงกลัวว่าจะทำข้าวของในห้องเสียหาย”
“พี่สามท่านพูดเหมือนพวกข้าเป็นเด็กเล็กๆ พวกข้าไม่สร้างความเดือดร้อนให้ท่านแน่นอน”
เก๊ามู่เฉินอยากจะบอกว่าใครอยากจะเล่นกับเจ้ากัน
“งั้นข้าขอตัวก่อนองค์ชายสาม”
อิ๋นเจิ้งกล่าวพลางเหลือบตามองเก๊ามู่เฉินและเดินออกไปทันที
“รักษาสุขภาพด้วยพี่สาม”
อิ๋นเสียงกล่าวลาและรีบตามไปเช่นกัน
เพียงไม่นานห้องก็เงียบอีกครั้ง องค์ชายคนอื่นๆ ตามออกไปจนหมด เก๊ามู่เฉินสังเกตเห็นอิ๋นจื่อถอนหายใจอย่างโล่งอก ในที่สุดเขาก็ส่งยิ้มให้เก๊ามู่เฉินและผายมือไปทางเก้าอี้ ตรงกันข้ามกับที่เขานั่งจ้องมองใบหน้าของเก๊ามู่เฉินอย่างค้นคว้า
“นั่งสิ ข้าอยากถามสักไม่กี่คำถาม สบายใจเถอะข้าสัญญาจะทำทุกอย่างอย่างยุติธรรมที่สุด”
ปักกิ่ง ปี2023คริสยกเป้สะพายหลังล้วงมือเข้าไปในกระเป๋ากางเกงทั้งสองข้างห่อไหลด้วยความหนาว ริมฝีปากสีแดง ยังแดงได้อีกด้วยอากาศที่เย็นลงเรื่อยๆ สายลมพัดเอาเกล็ดหิมะโปรยปรายเป็นแนวเฉียงตามลม ดอกเหมยสีแดงสดยืนหยัดอยู่บนกิ่งต้นที่ไร้ใบ กี่ปีกันนะที่เขาแวะมาที่นี่หวังบมๆ แล้งๆ ว่าจะได้พบใครข้างหน้านั้นเป็นวัดเสียนเหลียงสื่อวัดที่เป็นอนุสรณ์สถานที่จักรพรรดิหย่งเจิ้งสร้างไว้สำหรับระลึกถึงองค์ชายสิบสาม คริสยืนนิ่งไม่ว่าจะมากี่ครั้งเขาก็อดขำไม่ได้กับรู้วาด จะว่ารูปเหมือนก็ไม่น่าใช่ ไม่มีส่วนเหมือนองค์ชายสิบสามผู้นั้นแม้แต่น้อย หากเจ้าตัวมาเห็นคงหัวเราะท้องแข็งและก็คงจะอยากเปลี่ยนรูปวาดรูปนี้ทิ้งไป ป้ายวิญญาณที่สลักอักษรจีนชัดเจนมองไปหากจำไม่ผิดนั้นมันลายมือของจักรพรรดิหย่งเจิ้ง จุดธูปบูชาเหมือนอย่างที่เคยทำองค์ชายคนอื่นไม่มีสิ่งใดเหลือไว้ให้จดจำมีเพียงบันทึกหรือตำราขององค์ชายสามแต่ก็นั่นแหละไม่ได้ออกมาสู่สายตาสาธารณชน คริสเดินไปทรุดกายลงนั่งที่ม้านั่งตัวยาวสีแดงขัดมันดื่มด่ำกับบรรยากาศ จะว่าฝันไปก็ชัดเจนเขากลับมาอีกครั้งหลังจากที่นอนโคม่านับเดือนมีเพียงศรัทธาเดียวของแม่ของเขาที่ไม่ยอมถอดเค
ชิงหยุนเนีย: เข้าคำถามดีกว่า มีใครในใจไหม ชอบใครเป็นพิเศษไหมในบรรดาองค์ชายทั้งเจ็ดเก๊ามู่เฉิน: ความจริงแล้วชอบพี่แปด เราชอบผู้ชายอบอุ่น แต่อดคิดไม่ได้ว่ามีอะไรซ่อนอยู่รึเปล่า เพราะพี่แปดเหมือนจะมีอะไรอยู่ภายในใจชิงหยุนเนีย: ก็คงเป็นบทขี้โกงของเขานั่นแหละเก๊ามู่เฉิน: องค์ชายสิบสามก็ดูดีเป็นคนที่ไม่อะไร ด้วยประวัติแล้วน่าสงสาร ถ้าเก๊ามู่เฉินจะรู้ประวัติขององค์ชายสิบสามแล้วจะสงสารก็ไม่แปลก องค์ชายสิบสามอยู่ด้วยแล้วไม่ต้องกดดันอะไร ถึงจะเข้าข้างพี่สี่แต่ก็ไม่ได้แย่งชิงอะไรกับเขา ถ้าหากจะคบเป็นเพื่อนก็คงจะดี แต่รู้สึกอบอุ่นใจเมื่อเข้าใกล้เขาชิงหยุนเนีย: แล้วองค์ชายสิบสี่ล่ะคะเก๊ามู่เฉิน: องค์ชายสิบสี่กับองค์ชายสิบ มีส่วนคล้ายกันทำให้เห็นเขาแล้วอดยิ้มไม่ได้ องค์ชายสิบสี่ชอบช่วยเหลือไปไหนไปกัน แต่ก็ไม่ได้ลึกซึ้งถึงกับเข้าใกล้แล้วต้องใจสั่น ส่วนองค์ชายสิบมักจะกระตือรือร้นเสมอเลยทำให้คิดว่ามีเขาอยู่ใกล้ๆ แล้วอุ่นใจชิงหยุนเนีย: คนไหนที่ไม่อยากเข้าใกล้ที่สุดเก๊ามู่เฉิน: ถ้าหากรู้สึกว่ากดดันคงเป็นองค์ชายสี่ ด้วยสายตาเฉยชาทำให้กลัวหัวหดแต่เวลารุกมาแต่ละทีใจสั่นได้เหมือนกัน แค่ตาคมๆ กับท่าที
ชิงหยุนเนีย: ในชิงหยุนเนียยังจะตามหมอหลวงอีกไหมคะอิ๋นเจิ้ง: อันนี้งดสปอยครับ แต่ก็นั่นแหละนะ ไรท์ก็ยังติดภาพจำใช้ให้ตามหมอหลวงเหมือนเดิมชิงหยุนเนีย: ฮ่าฮ่าฮ่า ยอมไปเถอะค่ะเฉิงหยิงน้องสาวคนสวยรับหน้าที่พิธีกร คอยถามคำถามในครั้งนี้เฉิงหยิงนั่งลงประจำตำแหน่ง อิ๋นเอ๋อกับอิ๋นถีแบกลำโพงบลูทูธเปิดทำนองคาราโอเกะเพลงเธอเคยรักฉันจริงๆ หรือเปล่า คลอเบาๆ ด้านหลังเฉิงหยิง: เธอเคยรักฉันจริงๆ รึเปล่า~ อย่างที่ฉันรักเธอหรือเปล่า~อิ๋นจื่อ: เล่นตลกอะไรกันอิ๋นถี: โถ่พี่สามกำลังสนุกเชียวอิ๋นเอ๋อผลักไหล่อิ๋นถี พากันดึงกันออกไปแต่ทิ้งเพลงที่เปิดคลอไว้อิ๋นเอ๋อ: พี่สามเขาเขิน เราไปก่อนดีกว่าอิ๋นจื่อ: เข้าเรื่องสักทีเถอะ เอาแต่เล่นอยู่ได้ เห้อเฉิงหยิง: แบบนี้ประจำเลยพี่สามของเรา เฉิงหยิงไม่ถามแล้ว งอนแล้วอิ๋นจื่อ: เห้ยไม่ได้นะ เดี๋ยวไรท์ไม่จ่ายค่าตัว มู่เฉินนน นายมาช่วยฉันหน่อยสิเก๊ามู่เฉินเดินเข้ามาในฉากมือยังถือพิซซ่าเก๊ามู่เฉิน: ยังไม่ถึงคิวผมนี่ ว่าแต่สองคนทะเลาะอะไรกันอีก ทำไมเฉิงหยิงน่างอเชียว พี่สามเอาใจแฟนหน่อยไม่ได้รึไงอิ๋นจื่อ: เออน่ะ มันหมดช่วงเวลางานของฉันแล้ว กำลังจะได้พักเชียวจะงอ
ชิงหยุนเนีย: ตอนที่เอามีดจี้คอหยุนเนียคิดอะไรอยู่หรอคะอิ๋นถัง: ถ้าเป็นตามบทแล้วก็สงสัยเหมือนกันว่าทำไมต้องเป็นหยุนเนีย ทำไมไม่ไปจี้ชายาเอกหรือพวกชายารอง ทำไมต้องไปจี้แค่เก๋อเก๋อ นี่แสดงว่าคนอื่นเขามองออกกันทั้งหมดว่าพี่สี่มีใจให้เก๋อเก๋อชิงหยุนเนีย: ฮ่าฮ่าฮ่ามองออกกันหรอคะ ทำไมหยุนเนียไม่รู้สึกว่าเขารักหยุนเนียเลย ออกจะรักเจ้าหมาน้อยนั้นมากกว่าอิ๋นถัง: ฮ่าฮ่าฮ่า อันนี้ไหน้ำส้มแตกใช่ไหมครับ พี่สี่น่าจะดีใจนะเนี้ย ช่างเขาเถอะเรามาพูดเรื่องของเราดีกว่าชิงหยุนเนีย: คิดอย่างไรกับเจ้าหมาน้อยเก๊ามู่เฉิน องค์ชายเก้าเป็นคนที่ซึนที่สุดในเรื่องนี้ ก็เลยอยากรู้ว่ารู้สึกยังไงกับนายเอกของเราอิ๋นถัง: ถ้าตามบทที่ไรท์บอกมานะครับ ก็ต้องซึนอะครับแต่ก็แอบมีรักแท้ดูแลไม่ได้ เสียสละเพราะเขาหลายอย่าง ปกป้องเก๊ามู่เฉินแม่แต่ตอนตายก็ยังอยากอยู่ข้างเขาตลอดชิงหยุนเนีย: นี่มันบทพระเอกนี่คะอิ๋นถัง: ฮ่าฮ่าฮ่า ถ้ายกให้ผมก็ยินดีรับไว้ ผมปกป้องเขาอย่างดี แต่สุดท้ายก็ต้องตายถ้าเป็นเรื่องจริงก็คงเจ็บปวดน่าดูเฉิงหยิงน้องสาวคนสวยรับหน้าที่พิธีกร คอยถามคำถามในครั้งนี้เฉิงหยิง: ความละมุนนี้ได้จะได๋มาเฉิงหยิงหุบยิ
“ปิดกองแล้วววว เย้!”อิ๋นจื่อตะโกนดังลั่นโยนพู่กันกระเด็นหายไปพร้อมดึงหนวดปลอมออก อิ๋นถีถอนหายใจยาว อิ๋นสือลุกขึ้นบิดขี้เกียจไปมาวางม้วนกระดาษที่เป็นบทนิยายลงบนโต๊ะ“เห้อ จะว่าไปบทองค์ชายแปดน้อยไปหน่อยจริงๆ”“พี่แปดต้องตำหนิไรท์แล้วแหละ เรื่องหน้าขอแบบจัดเต็ม” อิ๋นเอ๋อพูดไปหัวเราะไป“ในที่สุดก็จบลงเสียที ว่าแต่พี่อิ๋นจื่อเราเสียน้ำตากี่หยดครับ” อิ๋นถีโอบไหล่อิ๋นจื่อ“แหม่ก็พระเอกอะเนอะก็ต้องมีน้ำตากันบ้าง นายเอกว่าไง”เก๊ามู่เฉินอ้าปากงับเอาพิซซ่าชิ้นโตหันมามองค้อนอิ๋นจื่อ อิ๋งถังเบ้ปากไปทางอิ๋นเสีย“ใครจะสู้พี่สิบสามได้ล่ะ นู้นนั่งไขว่ห้างอยู่นั้น ผมได้จุ๊บเขาได้จูบ”“บังเอิญหรอกน่า” เก๊ามู่เฉินพูดยิ้มๆ“หึย ไม่บังเอิญฉันเอาจริง” อิ๋นเสียงยิ้มมุมปาก“ไรท์ก็เหลือเกิน ตอนเขียนบทผมแอบได้ยินว่าจะกระจายบทให้ได้อี๋อ๋อกับนายเอกทุกคน แต่ถึงเวลาไอ้คนที่อดก็อดกันไปเลย” อิ๋นถีกลอกตา“ผมไม่ใช่ผู้ชายโครมเขียวนะคุ๊ณ แหม่จะกระจายตั้งเจ็ดคน ผมดูหลายใจอะ แต่ตอนจบแท้ๆ นายเอกก็ไม่ได้ออกกับเขา อย่างน้อยขอเป็นวิญญาณยืนหลังฉากจางๆ สักวิก็ยังดี”“ก็ดีแล้วไง นายจะได้มานั่งกินพิซซ่าอยู่นี่ไง” อิ๋นเจิ้งถอดแว่
“มันคือของที่ต้ากงเหวินคนนั้นคิดว่ามันจะพาเขากลับบ้านได้”จักรพรรดิหย่งเจิ้งขมวดคิ้ว“มันไม่มีทาง ของชิ้นเล็กแค่นี้จะพาไปไหนได้อย่างไร”“แล้วควรจะทำอย่างไรเล่า” จื่อจวินหวังทอดถอนใจ“เราทำอะไรไม่ได้แล้ว จะคิดอย่างไรจะคิดไปทางไหนก็คือต้ากงเหวินเขาไม่อยู่แล้ว หรือจะคิดแบบเข้าข้างตัวเองเขาก็คงแค่ความทรงจำหายไปจึงจำพวกเราไม่ได้ ก็เพียงแค่ทำใจเสียก็เท่านั้น” เหลียนชินหวังปลอบใจคนทั้งหมด“ไม่แน่นะบางทีความทรงจำเขากลับมา เขาอาจจำเราได้ขึ้นมาสักวันตอนนี้แค่เพียงเก็บเรื่องราวดีๆ ที่เคยมีเขาไว้ในความทรงจำก็พอ”อี๋ชินหวังพูดขึ้นอย่างคนที่มีความหวัง จื่อจวินหวังเงยหน้าขึ้นด้านบนเหมือนกลัวว่าหยาดน้ำตาจะไหลริน“ข้าไม่มีทางยอมแพ้”“ข้าไม่เชื่อว่าเขาจะจำเราไม่ได้ พี่สะใภ้ท่านมีวิธีใดบ้างที่จะทำให้เขาจำเราได้”ชิงหยุนเนียถอนหายใจยาว“หากว่าสวินชินหวังอยากจะลองดูข้าก็ไม่ขัด ท่านก็แค่เพียงแวะเวียนมา บอกเล่าเรื่องราวก่อนหน้าที่เคยมีร่วมกันให้กับองค์ชายใหญ่ต้ากงเหวินฟัง ไม่แน่เขาอาจจะจำได้แต่ข้าไม่คอนเฟิร์มนะ”“ห๊ะ คอนเฟิร์ม? พี่สะใภ้ท่านหมายความว่าอย่างไร คอนเฟิร์ม”“อ๋อ ไม่มีอะไร ข้าก็แค่พลั้งปากไป เอาเ