ปู่ของเตชินรู้ข่าวว่าหลานชายแต่งงานแล้ว
ก็รีบบินมาไทยทันที เมื่อผู้ช่วยคังรู้ก็รีบมารายงายเตชินทันทีเช่นกัน เตชินว่ายน้ำอยู่สระว่ายน้ำหลังบ้าน เมื่อเขาเงยหน้าขึ้นเหนือน้ำ เดินขึ้นมาจากสระ เตรียมจะไปอาบน้ำล้างตัว ผู้ช่วยคังก็เอ่ยขึ้น " คุณชายครับ คืนนี้คุณหญิงให้คุณกลับบ้านครับ บอกว่าคุณท่านหลิวมาไทย อยากให้กลับไปร่วมทานข้าวพร้อมหน้าพร้อมตาครับ " เตชินหยุดชะงัก แววตาฉายแววแข็งกร้าวและดูร้ายกาจขึ้นมาทันที แล้วเอ่ย " ในที่สุด พวกเขาก็ใช้คุณปู่ มาเป็นเครื่องมือบังคับให้ผมกลับบ้านจนได้ " ผู้ช่วยคังกลัวเจ้านายจะไม่ยอมกลับไปเขาจึงเอ่ยขึ้นอย่างระมัดระวังว่า " คุณชายไม่ได้กลับบ้านเป็นเดือนแล้ว กลับไปพบคุณท่านหลิวสักหน่อย ไม่ดีเหรอครับ " เตชินยิ้มเย็นแล้วเอ่ย " อืม ดีเหมือนกัน จะได้รู้ว่าณัชชากับคุณแม่ คิดวางแผนจะทำอะไรต่อ " " คุณไปเตรียมรถเถอะ " พูดจบเขาก็เดินเข้าไปอาบน้ำแต่ก็ไม่ลืมที่จะหันมากำชับกับผู้ช่วยคังว่า " อ้อ แล้วอย่าลืมบอกแม่บ้านด้วยล่ะ ให้เธอเตรียมตัวตามผมกลับไปบ้าน แล้วคุณช่วยเตรียมชุดดีๆให้เธอไว้สำหรับดินเนอร์ครอบครัวในค่ำคืนนี้ด้วย " ผู้ช่วยคังยืนมองเจ้านายตัวเองอย่าง งงงัน ด้วยความไม่เข้าใจ และเดาไม่ออกว่าผู้เป็นนายกำลังคิดจะทำอะไรกันแน่ แต่ก็ไม่กล้าถามอะไรอีกต่อไปจึงได้แต่เอ่ยตอบว่า " ครับ " แล้วไปทำตามที่เจ้านายสั่ง พิมกำลังตากผ้าอยู่ เมื่อเห็นผู้ช่วยคังเดินเข้ามาหา เธอจึงหันมาถามเขาว่า " คุณคังมาหาฉัน มีอะไรหรือเปล่าคะ " ผู้ช่วยคังจึงเอ่ยว่า " คืนนี้คุณชายจะกลับไปทานข้าวที่บ้าน คฤหาสน์ตระกูล อัศววัฒน์สกุล คุณชายให้คุณตามไปด้วย คุณเตรียมตัวไว้ดีๆล่ะ " พิมถึงกับงง มองหน้าผู้ช่วยคัง แล้วเอ่ยถามขึ้น " ทำไมฉันต้องไปด้วยคะ ไปช่วยเสิร์ฟอาหาร เหรอ หรือต้องไปช่วยทำงานบ้าน " " ผมเองก็ไม่ทราบรายละเอียดครับ เอาเป็นว่าถึงเวลา เราก็จะได้รู้พร้อมกัน " " อ่อ ค่ะ " เธอเอ่ยออกมาอย่างไม่เต็มใจ เพราะเธอไม่อยากไปข้างนอก แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ เพราะเป็นคำสั่งเจ้านาย แล้วผู้ช่วยคังก็หันหลังเดินออกไป พิมก็หันมาตากผ้าต่อ ตอนเย็น พิมแต่งตัวเรียบร้อย นั่งรอเตชินลงมา เธอไม่เข้าใจว่าทำไมต้องให้เธอใส่ชุดสวยๆแบบนี้ จะบอกว่าไม่ชอบก็คงไม่ใช่ แต่เธอรู้สึกแปลกๆและไม่สบายใจมากกว่า เมื่อเตชินลงมาเธอจึงลุกขึ้นแล้วมายืนรอเขาอยู่ข้างๆผู้ช่วยคัง เมื่อเตชินเห็นเธอในลุคสาวสวยก็เผลอมองเธอตาไม่กะพริบแวบหนึ่ง จากนั้นก็หันไปทางอื่นอย่างเย็นชา เมื่อลงมาถึง ผู้ช่วยคังก็รีบเอ่ยขอความเห็นขึ้น " เอ่อ คุณชายชุดนี้ของคุณพิม ผ่านมั้ยครับ " เขาจึงเอ่ยอย่างเย็นชา น้ำเสียงเรียบเฉยราวกับขี้เกียจว่า " ผ่านหรือไม่ผ่าน มาถามตอนนี้จะมีประโยชน์อะไร ไปเถอะ " " ครับ " แล้วทั้งสามคน ก็เดินออกจากบ้าน ไปขึ้นรถทันที ระหว่างทาง ภายในรถเงียบสนิท จนได้ยินเสียงหายใจของกันและกัน พิมอึดอัดใจอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน แต่เธอก็แสร้งทำตัวปกติ ราวกับไม่อึดอัดอะไร เตชินที่หลับตาอยู่ จู่ๆก็เอ่ยถามขึ้น " คุณชื่อ พิม ใช่มั้ย " เธอล่ะนับถือเขาจริงๆ อยู่บ้านเขาเป็นเดือนแล้วเพิ่งจะมาถามชื่อเธอตอนนี้ เธอจึงตอบเขาไปว่า " ค่ะ " แล้วเขาก็เอ่ยต่อว่า " คืนนี้คุณนั่งทานข้าวเป็นเพื่อนผม ร่วมกับครอบครัวผมหน่อยนะ คุณไม่จำเป็นต้องพูดอะไรแค่นั่งทานข้าวเฉยๆอย่างเงียบๆ หากใครถามอะไรคุณ ผมจะตอบแทนเอง แล้วก็เวลาผมพูดอะไร คุณก็แค่เออออตามผมไปแค่นั้นพอ " ประโยคที่เตชินเอ่ย เหมือนเป็นประโยคขอร้อง แต่เอาเข้าจริงๆมันคือประโยคคำสั่ง ที่ไม่เปิดโอกาสให้เธอได้ปฏิเสธเลย เธอจึงทำได้แค่เอ่ยอย่างจำใจ ว่า " ค่ะ " ผู้ช่วยคัง มองพวกเขาผ่านกระจกหลัง เขารู้สึกแปลกๆ ที่คุณชายเขาปฏิบัติต่อพิมดีกว่าคนอื่น แต่อีกใจกลับคิดว่าคงเป็นเพราะพิมดูเป็นเด็กซื่อๆเชื่อฟังแถมยังทำงานดีอีก เลยทำให้คุณชายประทับใจเลือกที่จะใช้งานเธออย่างเหมาะสม ดูแล้วเธอมีประโยชน์หลายอย่างเลยทีเดียว ด้วยรูปร่างหน้าตาสามารถพาออกงานได้ ไม่ต้องกลัวว่าเธอจะเกาะติดตามตื้อ ไม่ต้องกังวลว่าจะสลัดไม่หลุด เพราะเธอเป็นแม่บ้าน เป็นสาวใช้ส่วนตัวของคุณชาย คิดๆดูแล้วถือว่าคุ้มค่าจ้างที่คุณชายจ้างเธอมาทีเดียว เมื่อถึงคฤหาสน์ ตระกูลอัศววัฒน์สกุล พวกเขาก็ลงจากรถ เตชินก็เริ่มเล่นละครกวนประสาทณัชชากับผู้เป็นแม่ เขายื่นมือออกมาพร้อมกับเอ่ยถามพิมว่า " พร้อมหรือยัง " พิมไม่เข้าใจ ว่าจำเป็นถึงขนาดต้องจับมือถือแขนกันเลยเหรอ เธอจึงเอ่ยขึ้นอย่างจริงจัง " ไม่เหมือนที่ตกลงกันไว้ในรถเลยนะคะ " คำพูดและท่าทางของเธอดูสง่าน่าเกรงขามจน เตชินรู้สึกได้ เขาจึงเลิกคิ้วขึ้นแล้วเอ่ยว่า " ตามที่คุยกันไว้คือ คุณต้องเออออตามผม " พิมถึงกับหมดคำจะพูด เธอจึงยื่นมือไปวางลงบนฝ่ามือของเขา เล่นละครตามเขาไป เตชินจูงมือพิมเข้าไปในบ้าน ณัชชากับคุณหญิงจารวีดีใจมากที่ลูกชายยอมกลับมา แต่เมื่อเห็นคนที่เดินเข้ามาพร้อมกับเตชิน แถมเตชินยังจูงมือผู้หญิงมาด้วยความทะนุถนอม พวกเขาก็โกรธขึ้นมาทันที ณัชชามองพิมด้วยแววตาเกลียดชัง ท่าทางนิ่งเฉยไม่เอ่ยอะไร บนโต๊ะอาหารทุกคนจ้องมองเตชินกับพิมตาไม่กะพริบ เตชินจึงเอ่ยขึ้น " สวัสดีครับคุณปู่ สวัสดีครับคุณพ่อคุณแม่ วันนี้ผมพาภรรยาที่ผมรักมาแนะนำให้ทุกคนได้รู้จัก เธอชื่อพิม พวกเรารักกันและอยู่ด้วยกันก่อนที่ผมจะ แต่งงานกับณัชชาแล้วครับ อนุญาตให้พวกเราแต่งงานกันด้วยนะครับ " พิมและผู้ช่วยคังที่ได้ยินก็ถึงกับเงิบไป ไม่คิดว่าเตชินจะพูดแบบนี้ เธอจะยกมือขึ้นมาปฏิเสธแต่เตชินกลับจับมือเธอไว้แน่น หันมามองเธอแล้วยิ้มให้เธอพร้อมกับเอ่ยอย่างอ่อนโยนว่า " พิมคุณไม่กลัวนะ คุณปู่คุณพ่อคุณแม่ท่านเข้าใจ จากนี้ไปเราจะได้อยู่ด้วยกันตลอดไปแล้ว และไม่ต้องอยู่อย่างหลบๆซ่อนๆอีกต่อไป คุณคือภรรยาคนเดียวที่ผมยอมรับและเต็มใจที่จะแต่งงานด้วย และเป็นคุณคนเดียวที่ผมจะพาออกงานสังคมรู้มั้ย " ณัชชากำชายกระโปรงที่อยู่ใต้โต๊ะแน่น จนฝ่ามือขาวซีดไปด้วยความโกรธ ที่เตชินพยายามจะหักหน้าเธอต่อหน้าพ่อแม่และปู่ของเขา แต่สีหน้าเธอกลับดูปกติไม่ทุกร้อนอะไร เธอแสร้งยิ้มแล้วเอ่ยขึ้นอย่างใจกว้าง " ในเมื่อมาถึงขั้นนี้แล้ว ก็ให้เธอเป็นภรรยาอีกคนของพี่เตชินเถอะค่ะ จะได้ช่วยกันแบ่งเบาภาระงานและช่วยกันดูแลพี่เตชินแบบนี้ดีมั้ยคะคุณพิม " พิม มึนตืบไม่ตอบอะไร เธอยืนนิ่งไม่ไวติ่ง อึ้งกับเรื่องราวที่เกิดขึ้น ไม่รู้ว่าหลังจากนี้ชีวิตเธอจะดำเนินไปในทิศทางไหน เธอยากที่จะยอมรับ ที่อยู่ๆก็ถูกยัดเยียดความเป็นภรรยารอง หรือภาษาชาวบ้านเรียกเมียน้อยนั่นเอง คุณท่านหลิวได้ยินดังนั้นก็เอ่ยชมณัชชาและเห็นด้วยกับการที่หลานชายจะมีภรรยาสองคน " หนูณัชชาช่างใจกว้างจริงๆ อาเตชินเอ้ย การที่หาผู้หญิงใจกว้างอย่างหนูณัชชานั้นไม่ใช่ง่ายๆเลยนะ ต้องถนอมไว้ให้ดีๆ มาๆพาหนูพิมมานั่งทานข้าวด้วยกันเถอะ เรื่องอื่นไว้ค่อยคุยทีหลัง ตอนนี้ปู่หิวจนไส้กิ่วละ " " ครับ " เตชินเอ่ยตอบอย่างยิ้มๆ ตอนนี้พิมสับสนมาก ว่าควรจะลุกขึ้นมาต่อต้านปฏิเสธว่าไม่ใช่อย่างที่ทุกคนเข้าใจ หรือควรจะเล่นไปตามน้ำต่อดี เตชินพาเธอไปนั่งแล้วทำท่าทางรักใคร่อย่างสนิทสนมเหมือนกำลังหอมแก้มเธอโชว์หวานให้ทุกคนดู แต่ความจริงเขากระซิบข้างหูเธอว่า " มีสติหน่อย เล่นไปตามน้ำก่อน ผมไม่คิดจะมีภรรยาพร้อมกันสองคนหรอก คุณไม่ต้องคิดมาก " ได้ยินแบบนี้พิมเหมือนจะรู้สึกโล่งใจขึ้นมาหน่อย แต่เธอก็ไม่เข้าใจว่า เขากับภรรยามีปัญหาอะไรกันกันแน่ และเธอก็เพิ่งจะรู้ว่าเขามีภรรยาแล้ว แล้วทำไมถึงแยกกันอยู่ เป็นข้อสงสัยที่ยังคาอยู่ในใจของเธอ" ก็สั่งสอนแบบนี้ไง "เคอร์ฟิวจับณชาขึ้นมานั่งบนตักแล้วจูบเธอทันที ณชาตกใจจนดวงตาเบิกกว้างป้าใจเดินเข้ามาส่งพิซซ่าในห้องเจอเข้ากับฉากนี้พอดี แกจึงหมุนตัวหันหลังจะเดินออกไปแบบเงียบๆเคอร์ฟิวถอนริมฝีปากออกจากริมฝีปากณชาแล้วเอ่ย" ป้าไม่ต้องออกไปหรอก คุณณชาเธอหิวจนจะกลืนกินผมอยู่แล้ว "" พี่พูดอะไรน่ะ "เธอเอ่ยอย่างหน้านิ่วคิ้วขมวดพร้อมกับทุบตีอกของเขาหนึ่งทีป้าใจยิ้มเจื่อนแล้วหมุนตัวเดินเข้ามาวางพิซซ่าลงบนโต๊ะจากนั้นก็หมุนตัวเดินออกไป ปล่อยให้ทั้งสองได้อยู่ด้วยกันตามลำพังเคอร์ฟิววางณชาลงนั่งข้างๆแล้วเปิดกล่องพิซซ่าออกมาหยิบพิซซ่าขึ้นมาหนึ่งชิ้นแล้วเอ่ยกับณชาที่นั่งแข็งทื่ออย่างทำอะไรไม่ถูก" หิวไม่ใช่เหรอ อ้าปากสิ "ณชาเหลือบมองเขาอย่างหน้านิ่วแล้วเอ่ยเสียงขุ่น" ฉันทานเองได้ "เธอขยับมือจะหยิบพิซซ่ามาทานเอง แต่เคอร์ฟิวกลับจับมือเธอไว้แล้วเอ่ย" พี่อยากป้อน อ้าปาก ถ้าไม่อ้าปากพี่จะใช้ปากป้อนแล้วนะ "ณชาได้แต่มองแรงใส่เขาแล้วยอมอ้าปากให้เขาป้อน เขายิ้มแล้วเอ่ย" เชื่อฟังแบบนี้ค่อยน่ารักหน่อย "เคอร์ฟิวป้อนไปยิ้มไปอย่างพอใจ ณชาทานจนอิ่มลืมความโมโหและความไม่พอใจไปหมดสิ้น แล้วเปลี่ยนม
เช้าวันรุ่งขึ้น ป๊อบกับณัชชาลากกระเป๋าเดินทางออกมาจากห้อง แล้วไปเคาะประตูห้องลูกสาวณชาที่ยังหลับอยู่บนเตียง พอได้ยินเสียงเคาะประตูเธอก็ค่อยๆลืมตาขึ้นมาแล้วลุกมานั่งหาว จากนั้นก็ลงจากเตียงเดินไปเปิดประตูให้พ่อกับแม่ด้วยท่าทางงัวเงียเธอหาวออกมาอีกครั้ง แล้วยื่นมือไปเปิดประตู เมื่อเห็นว่าพ่อกับแม่กำลังจะออกเดินทางแล้วเธอจึงเอ่ยขึ้น" คุณพ่อคุณแม่จะไปแล้วเหรอคะ ทำไมไปเช้าจัง "ณัชชายิ้มอ่อนแล้วเอ่ย" ต้องไปไกล ลงจากเครื่องเสร็จก็ต้องนั่งรถไปต่ออีกแล้วต่อด้วยนั่งเรือไปเกาะก็ต้องไปให้ทันเวลา พ่อกับแม่แค่จะมาบอกให้ลูกรู้ว่าจะออกไปแล้ว อีกเรื่องนะ เวลาไปเข้าค่ายเตรียมยาที่จำเป็นไว้ให้พร้อมด้วย เแล้วก็อาหมวกแก๊ปกับเสื้อแขนยาวไปด้วยนะ "" ค่ะ คุณพ่อกับคุณแม่ไปเที่ยวให้สนุกนะคะ "ณัชชากับป๊อบพยักหน้าเบาๆ จากนั้นป๊อบก็เอ่ยกำชับลูกสาวอีกครั้งด้วยความเป็นห่วงว่า" เวลาอยู่ในค่ายน่ะ ดูแลตัวเองให้ดีๆนะ อย่าไปนั่งใกล้ผู้ชายคนอื่น ยกเว้นพี่เคอร์ฟิวของลูก เข้าใจมั้ย "เขาเป็นพ่อที่ค่อนข้างหวงลูกสาวมากคนหนึ่ง ถึงแม้ลูกสาวเขาจะห้าวๆแต่มันก็ไม่ได้ทำให้พ่ออย่างเขาหวงลูกสาวน้อยลงเลยณชารู้และเข้าใจดีว่
ทุกคนเริ่มจับอุปกรณ์ ทานข้าวกันอย่างเงียบๆ ระหว่างทานข้าวพิมมองหน้าลูกชายแล้วเอ่ยถามขึ้น" เคอร์ฟิว เปิดเทอมแล้วเป็นยังไงบ้าง อยู่โรงเรียนได้เจอกับน้องณชาบ้างมั้ย "เคอร์ฟิวได้ยินดังนั้นจึงยิ้มอ่อนออกมาแล้วเอ่ยตอบแม่ว่า" ก็ดีครับ อยู่โรงเรียนผมกับน้องอยู่คนละชั้น เรียนกันคนละตึกเลยไม่ค่อยได้เจอกันครับ "เตชินหันมามองลูกชายที่มีใบหน้าหล่อกระชากลากใจราวกับออกมาจากแม่พิมพ์เดียวกันกับเขาแล้วเอ่ยเสียงเรียบ" ยังไงน้องก็เป็นคู่หมั้นลูก ลูกก็ดูแลน้องให้ดีๆอย่าเปิดโอกาสให้หนุ่มคนอื่นมาสร้างความสัมพันธ์ใกล้ชิดสนิทสนม จนทำให้น้องหวั่นไหวนะลูก ลูกผู้ชายต้องกล้าแสดงตัวหน่อย เข้าใจมั้ย "เคอร์ฟิวเอ่บตอบรับคำด้วยสีหน้าเรียบเฉยเพียงสั้นๆว่า" ครับ "" นี่ คุณสอนอะไรลูกน่ะ หนูณชายังเด็กก็ต้องมีเพื่อนทั้งผู้หญิงและผู้ชายเป็นธรรมดา การหมั้นหมายเป็นการตกลงกันของพวกเรา หากลูกหรือหนูณชาไม่ได้ชอบพอกันก็ต้องยกเลิกไป มันไม่สามารถบังคับกันได้ค่ะ "พิมเอ่ยออกมาตรงๆโดยที่ไม่รู้เลยว่าเจ้าลูกชายของเธอนั้นเริ่มแอบณชาเข้าแล้วและจริงจังกับการเป็นคู่หมั้นนี้มากเตชินจึงโต้ตอบกับพิมว่า" ลูกชายเราหล่อแถมยังเป็นปร
พอออกมาจากสนามกอล์ฟ ทั้งสองครอบครัวก็ไปทานข้าวด้วยกัน ในร้านอาหารชื่อดังสุดหรูที่ตั้งอยู่ใจกลางเมืองที่เป็นแหล่งร้านอาหารสำหรับคนรวยซึ่งตัวอาคารติดด้วยกระจกสะท้อนความร้อน ทำให้คนข้างในสามารถมองเห็นวิวบ้านเมืองและตึกสูงข้างนอกได้อย่างสวยงามในขณะทานข้าวทั้งสองครอบครัวนั่งทานข้าวกันอย่างมีความสุข ณชากับเคอร์ฟิวก็นั่งทานข้าวบนเก้าอี้อย่างเรียบร้อยโดยที่ไม่รบกวนหรือเล่นซนเลย10 ปี ต่อมา.......ณ โรงเรียนนานาชาติชื่อดังแห่งหนึ่งของประเทศ เป็นแหล่งรวมการเรียนรู้ของเด็กนักเรียนอินเตอร์จำนวนมากมีหลากหลายภาษา หลากหลายวัฒนธรรมและหลากหลายชนชาติมาเรียนร่วมกันเมื่อถึงเวลาเลิกเรียนเด็กนักเรียนต่างทยอยกันเดินออกมาจากอาคารเรียน รอผู้ปกครองมารับบางคนบางกลุ่มที่บ้านใกล้โรงเรียนก็ออกจากโรงเรียนเดินเท้ากลับตามทางฟุตบาทเคอร์ฟิวกับกลุ่มเพื่อนๆกำลังเดินออกมาจากห้องเรียนลงไปยังใต้อาคาร ชุดนักเรียนชายโรงเรียนนี้ ประกอบไปด้วยเสื้อเชิ้ตแขนสั้นสีขาว เสื้อสูทสีดำ มีตราสัญลักษณ์โรงเรียนปัก มีเน็กไทและกางเกงขายาวลายสก๊อตสีดำส่วนณชาที่เป็นรุ่นน้องของเคอร์ฟิวก็กำลังเดินลงจากอาคารเรียนเช่นกันแต่อยู่คนละตึกในต
ยามเย็นณัชชากับป๊อบลงมาเดินเล่นที่ชายหาด ส่วนลูกสาวก็อยู่กับตายาบนบ้านทั้งสองนั่งดูพระอาทิตย์ตกขอบทะเลด้วยกันอย่างโรแมนติก นั่งยาวไปจนถึงช่วงเวลาโพล้เพล้เธอนั่งเอาหัวพิงไหล่ป๊อบแล้วเอ่ย" ฉันมีความสุขจังเลยค่ะ เมื่อก่อนฉันรู้สึกอิจฉาคุณพิมมากที่สามีรักสามีหลงจนยอมตามใจทุกอย่าง "ป๊อบยิ้มอ่อนแล้วเอ่ย" ต่อไปนี้คุณไม่ต้องไปอิจฉาพิมแล้ว เพราะถ้าไม่มีคุณผมก็อยู่ไม่ได้ การลองใจของคุณที่ผ่านมามันทำให้ผมรู้ว่า ผมก็เป็นสามีที่รักและหลงภรรยามากเช่นกัน ตอนที่คิดว่าคุณไม่อยู่แล้วคุณผมแทบจะเป็นบ้าจนเกือบจะเสียสติไปแล้วรู้มั้ย "" ฉันขอโทษนะ "เธอเอ่ยเสียงอ่อน" ไม่เป็นไรหรอก แค่คุณไม่จากผมไปไหน อยู่กับผม ให้ผมสัมผัส และจับต้องคุณได้แบบนี้ทุกวัน ก็พอแล้ว "ณัชชายิ้มแล้วยื่นหน้าไปหอมแก้มเขาเบาๆสบตากับเขาพร้อมกับเอ่ยอย่างซึ้งใจ" ขอบคุณค่ะ "ป๊อบสบตากับภรรยาอย่างลึกซึ้งแล้วค่อยๆโน้มหน้าเข้าไปจูบริมฝีปากเธอเบาๆจูบอย่างนุ่มนวลใจเย็น ในหัวใจของทั้งสองเต็มไปด้วยความรักที่บานฉ่ำ ตอนนี้ความปรารถนาของณัชชาเป็นจริงแล้ว เธอมีสามีที่น่ารัก ที่คอยเทคแคร์เอาอกเอาใจเธอเป็นอย่างดีมีลูกสาวที่น่ารัก มีครอบ
ณัชชาเดินออกมาจากห้องน้ำ เห็นพ่อกับแม่นั่งจ้องเธอตาเขม็งเธอยิ้มแหยๆออกออกมาพอให้เห็นฟันเล็กน้อยแล้วเดินเบี่ยงไปนั่งลงข้างๆลูก โดยไม่กล้าสบตาพ่อกับแม่อีกเธอจ้องมองใบหน้าแบเบาะอันน่ารักน่าชังที่ถูกห่อหุ้มด้วยผ้าอ้อมแล้วเอ่ย" ณชา สาวน้อยของแม่ แม่คิดถึงลูกที่สุดเลย แม่ขอโทษนะที่ไม่ได้อยู่กับลูก ลูกไม่โกรธแม่ใช่มั้ยคะ น้าพิมกับคุณพ่อดูแลหนูดีมากมั้ยคะ "เด็กน้อยทำปากจู๋ แววตาดูใสแป๋วเปล่งประกายแวววาว ขนตาดกดำยาวสวย ส่งให้ดวงตาสวยมีเสน่ห์สมกับคำชมของเคอร์ฟิวน้อยเด็กน้อยยิ้มแป้นออกมาอย่างไร้เดียงสา ทำให้ผู้เป็นคุณแม่มือใหม่ หลงรักหนักเข้าไปอีก เธอจ้องหน้าลูกด้วยรอยยิ้มแล้วเอ่ยต่อว่า" งุ้ยน่ารักน่าชังที่สุดเลย ต่อไปคุณแม่จะไม่ไปไหนแล้วนะคะ คุณแม่จะอยู่กับเบบี๋น้อยทุกวันทุกคืนเลยค่ะ "น้ำเสียงนุ่มนวลของณัชชาทำให้เด็กน้อยสัมผัสได้ถึงไออุ่นรักที่พิเศษกว่าพิมที่เป็นน้ามาก เพราะความเป็นแม่ลูกสามารถสัมผัสได้ผ่านจิตใจและความรู้สึกนั่นเองพ่อของณัชชานั่งยิ้มอ่อนบนโซฟามองลูกสาวด้วยแววตาอบอุ่นส่วนแม่ณัชชาพอเห็นว่าลูกสาวคุยกับลูกนานพอสมควรแล้วเขาจึงเอ่ยขึ้นเสียงแข็งด้วยสีหน้าจริงจัง" ณัชชาลูกท