หลังจากทานข้าวกันเสร็จ คุณท่านหลิวก็เอ่ยขึ้น
" เตชิน หลานก็แต่งงานแล้ว รีบๆมีเหลนให้ปู่อุ้มนะ แล้วก็อย่าเอาแต่ทำงานจนลืมหนูณัชชาล่ะ หนูณัชชาเองก็ด้วยอย่ามัวแต่ทำงานจนไม่มีเวลาให้เตชิน เข้าใจมั้ย ปู่แก่แล้วเห็นคนอื่นอุ้มหลาน อุ้มเหลนก็อยากจะอุ้มกับเขาบ้าง " เตชินนั่งฟังนิ่ง ตอบเพียง " ครับ " ส่วนณัชชาเธอยิ้มอย่างเขินอายพร้อมกับเอ่ยว่า " ค่ะ " เธอแอบเยาะเย้ยพิมในใจ คิดว่าพิมคงจะเสียใจและอิจฉาเธอที่ทุกคนดีต่อเธอ แต่เมื่อเหลือบมองมาทางพิมเธอก็ต้องผิดหวัง เมื่อพิมนั่งนิ่ง ยิ้มอย่างสดใส ไม่มีร่องรอยของความอิจฉาริษยาใดๆเลย และดู เหมือนพิมจะไม่รู้สึกรู้สาอะไรเลยสักนิด จนเธอเริ่มสงสัย ในความสัมพันธ์ของพิมกับ เตชิน จากนั้นเตชินจึงเอ่ยขึ้นว่า " นี่ก็ดึกมากแล้ว ผมกับพิม ขอตัวกลับก่อนนะครับ " พูดจบเขาก็จับมือพิมลุกออกจากโต๊ะอาหารไป ณัชชามองหน้าคุณหญิงจารวีด้วยสีหน้าผิดหวังและแฝงไปด้วยความเสียใจ คุณหญิงจารวีมองเธออย่างเห็นใจ แล้วเขาก็ลุกจากเก้าอี้ตามเตชินไปแล้วเอ่ยเรียก " เตชิน ลูกจะรีบกลับไปทำไมในเมื่อที่นี่ก็คือบ้านของลูก วันนี้ลูกนอนที่นี่เถอะนะ " เตชินคิดไว้แล้วว่าต้องเป็นแบบนี้ เขาจึงหันมามองพิมแล้วเอ่ยกับแม่เขาว่า " คงไม่สะดวกครับ เพราะผมไม่อยากทำให้พิมรู้สึกลำบากใจ " ได้ยินดังนั้นคุณหญิงจารวีโกรธมากที่ลูกชายเห็นผู้หญิงคนอื่นดีกว่าผู้เป็นแม่ แต่เขาก็คุมอารมณ์ไว้ยิ้มขึ้นแล้วเอ่ย " งั้นก่อนกลับลูกมานั่งคุยกับแม่สักครู่ได้มั้ย แม่มีเรื่องจะคุยด้วย " จากนั้นก็เลื่อนสายตามามองพิมแล้วเอ่ย " หนูพิมคงไม่ว่าอะไรใช่มั้ยจ้ะ " พิมยิ้มขึ้นมาอย่างกระอักกระอ่วนใจแล้วเอ่ย " มะ ไม่ ไม่ว่าค่ะ ตามสบายเลย " แล้วเธอก็หันไปเอ่ยกับเตชินอย่างระมัดระวังว่า " ฉัน ฉันกลับไปรอคุณที่รถนะคะ " พูดจบเธอก็รีบเดินออกไปทันที พร้อมกับหายใจออกมาอย่างโล่งอก เตชินมองตามแผ่นหลังของเธอด้วยความไม่พอใจ คุณหญิงจารวียิ้มอย่างพอใจ แล้วเอ่ยกับลูกชายว่า " ไปนั่งคุยกับแม่ที่ห้องรับแขกหน่อย แม่มีเรื่องจะปรึกษา " " ครับ " แล้วเขาก็เดินตามผู้เป็นแม่ไป พอนั่งลง สาวใช้ก็เข้ามาเสิร์ฟน้ำแครอททันที คุณหญิงจึงยื่นน้ำแครอทไปให้ลูกชายพร้อมกับเอ่ยว่า " แม่เห็นว่าลูกไม่ได้กลับมาบ้านนานแล้ว แม่เลยเตรียมน้ำแครอทที่ลูกชอบคั้นไว้ให้ " เตชินไม่แสดงอารมณ์ใดออกมา บนใบหน้ามีแต่ความเย็นชา ที่ยากจะคาดเดาอารมณ์ได้ แล้วรับน้ำแครอทมาดื่มจนหมดแก้ว คุณหญิง จารวีจึงเอ่ยต่อว่า " คุณปู่อยากอุ้มเหลน แม่กับพ่อเองก็อยากได้หลาน ตามพินายกรรมที่คุณยายระบุไว้ ทายาทที่จะรับมรดกได้ ต้องเป็นทายาทที่เป็นผู้ชาย และมีครอบครัวมีลูกกับภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมายเท่านั้น แม่ขอโทษนะเตชิน ที่ต้องทำแบบนี้ คืนนี้ลูกนอนกับหนูณัชชาที่นี่แล้วกันนะ จะได้รีบมีลูกและรับมรดกทั้งหมดของคุณยายส่วนหนูพิม ลูกไม่ต้องห่วงหรอก แม่จะอนุญาตให้ลูกแต่งงานกับเธออย่างถูกต้องตามประเพณี " จากนั้นคุณหญิงจารวีก็กวักมือเรียกณัชชาที่แอบอยู่ออกมา เธอนั่งลงข้างๆเตชิน เตชินเริ่มรู้สึกคอแห้ง คลั่งเนื้อคลั่งตัว ร่างกายร้อนผ่าว เขารู้ได้ทันทีว่าถูกวางยา เขามองไปยังผู้เป็นแม่แล้วฝืนเอ่ยขึ้น " ไม่คิดว่า คุณแม่ จะใช้วิธี สกปรกแบบนี้ คุณยังมีความเป็น แม่ คนอยู่มั้ย " คุณหญิงจารวีรู้สึกผิดต่อลูกชาย แต่ก็สงสารลูกสะใภ้ ที่แต่งเข้ามาก็ถูกทอดทิ้งไปตั้งแต่คืนแรก และคิดว่าจะทำการใดใจต้องนิ่งและเด็ดขาด เขาเองก็ทำเพื่อลูกชาย จากนั้นเขาก็ไม่มองลูกชายอีกแล้วหันมาเอ่ยกับณัชชาว่า " หนูณัชชา แม่ฝากดูแลเตชินด้วยนะ พาเขาไปพักผ่อนเถอะ ส่วนทางนั้นแม่จะจัดการเอง " " ค่ะ " ณัชชาเอ่ยตอบ แล้วพยุงร่างของเตชินให้ลุกขึ้นพร้อมกับเอ่ย " อาการคุณดูไม่ค่อยดี ขึ้นไปนอนบนห้องเถอะค่ะ " แต่เตชินกลับมองเธอด้วยแววตาแดงก่ำ ราวกับอยากจะฆ่าเธอ เตชินพยายามควบคุมสติ แล้วผลักณัชชาออกไปอย่างแรงจนเธอล้มลงบนพื้น แล้วเขาก็รีบวิ่งออกไปจากคฤหาสน์อย่างทุลักทุเล เห็นแม่ของตัวเองยืนคุยกับพิมและผู้ช่วยคัง เขาก็รีบเข้าไปผลักแม่จนล้ม แล้วเอ่ยเสียงดุดัน " นับจากวันนี้ไป คุณกับผม เราขาดกัน " เอ่ยจบ เขาก็จับข้อมือพิมแล้วลากเธอเข้าไปในรถทันที พร้อมกับเอ่ยกับผู้ช่วยว่า " ออกรถ " พิมงงมากไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น เมื่อกี้เธอยังเห็นเขาอยู่ในสภาพดีๆอยู่เลย และแม่ของเขาก็ออกมาบอกเองว่าเขาจะนอนกับภรรยาที่บ้าน แต่ตอนนี้กลับ กลับมาในสภาพนี้ แล้วเธอก็เริ่มคิดอะไรได้ จึงเอ่ยถามขึ้นอย่างระมัดระวังตัว พร้อมกับถอยห่างออกไปจากเขา " คุณ คุณชาย คุณถูกวางยาเหรอ คุณต้องควบสตินะ อย่าทำอะไรฉันเด็ดขาด " ผู้ช่วยคังเห็นว่าเจ้านายตัวเองยังมีสติอยู่จึงเอ่ยถามขึ้น " คุณชาย ไปโรงพยาบาลก่อนมั้ยครับ " " ไม่ต้อง กลับบ้านเลย " " ครับ " แล้วผู้ช่วยก็รีบขับรถกลับไปบ้านอย่างไว พิมนั่งชิดมุมกระจก ด้วยความหวาดกลัว เธอก็เคยได้ยินมาว่าคนที่ถูกวางยาปลุกกำหนัดจะทำอะไรลงไปโดยไม่รู้ตัว เธอเลยค่อนข้างที่จะระวังตัวพร้อมกับกำมือแน่นเพื่อป้องกันตัว เธอสั่นกลัวจนไม่รู้ว่าผู้ช่วยคังขับรถเร็วแค่ไหน ใช้เวลาเพียงไม่นานก็ถึงบ้าน เธอรีบลงจากรถเตรียมตัวจะเดินกลับไปที่ห้องของตัวเอง แต่ถูกผู้ช่วยคังหยุดไว้แล้วเอ่ย " คุณพิม คุณช่วยไปเตรียมน้ำเย็นในอ่างห้องคุณชายให้หน่อย แล้วช่วยไปเตรียมเกลือแร่เย็นๆให้คุณชายดื่มด้วย " เธอจะปฏิเสธก็ไม่ได้ ได้แต่พึมพำในใจอย่างไม่พอใจว่า [ นี่ผู้ช่วยคังคิดอะไรอยู่ กะจะส่งเนื้อเข้าปากจระเข้หรือไง เฮ่ย ช่างเหอะ คิดซะว่าวันนี้เรียนรู้วิชาเอาตัวรอดจากสถานการณ์จริงก็แล้วกัน ] เธอพยายามคิดและมองโลกในแง่บวกแล้วเอ่ยตอบว่า " ได้ค่ะ " แล้วเธอก็รีบเดินนำขึ้นไป นำน้ำมาเติมในอ่าง ผู้ช่วยคังพยุงเตชินขึ้นมาแล้วพาไปแช่น้ำเย็น เพื่อให้ร่างกายที่ร้อนรุ่มค่อยๆทุเลาลง เขาเองก็ไม่เคยมีประสบการณ์ทางด้านนี้มาก่อน จากนั้นจึงหันไปเอ่ยกับพิมว่า " คุณพิม คุณอยู่ดูแลคุณชายนะ เดี๋ยวผมจะโทรตามหมอมาให้ " พิมที่ได้ยินดังนั้นก็ตื่นตระหนกขึ้นมาทันทีลนลานอยู่ไม่สุข รีบเอ่ยขึ้น " คะ? เดี๋ยวค่ะ คุณคัง คือฉัน... " เธอพูดไม่ทันจบผู้ช่วยคังก็ปิดประตูเสียงดัง " ปัง! " ไม่อยู่ฟังเธอพูดอีก แล้วเขาก็รีบออกจากห้องไปทันที เขาไม่รู้ว่าที่เจ้านายของเขาไม่ยอมไปโรงพยาบาลเพราะอะไร นอกจากจะเป็นเพราะพิมแล้ว เขาคิดไม่ออกแล้วจริงๆ เขาคิดว่าเจ้านายของเขาคงจะสนใจในตัวพิมเข้าแล้ว เลยต้องการที่จะใช้โอกาสนี้อยู่กับพิมให้ข้าวสารกลายเป็นข้าวสุก เมื่อคิดได้ดังนั้น เขาจึงตัดสินใจทิ้งให้พิมอยู่ ตามลำพังกับคุณชายเขา พิมกำมือแน่นด้วยความโมโห จนควบคุมอารมณ์ไม่ไหวแล้ว จึงเอาน้ำเย็นฉีดใส่หน้าของเตชิน แล้วเอ่ยอย่างโมโห " คุณเตชิน คุณและลูกน้องรวมหัวกันใช่มั้ย ฉันไม่ได้เป็นคนวางยาคุณ ทำไมต้องให้ฉันมารับเคราะห์กรรมแทนด้วย ทำไมคุณถึงไม่ไประบายกับคนที่เขาวางยาคุณ " พูดจบเธอก็เดินออกมา เตชินที่สติยังคงเหลือน้อยนิด คว้าข้อมือเธอมาจับไว้ แล้วลุกจากอ่าง ลากเธอไปบนเตียง เธอตกใจกลัวจนตัวสั่นพร้อมกับเอ่ยตะคอกเสียงดัง " คุณเตชิน คุณมีสติหน่อยสิ ฉันพิม คนใช้ของคุณนะ คุณเตชิน ได้โปรด ปล่อยฉัน ได้โปรดควบคุมสติหน่อยสิ " ตอนนี้เตชินรู้เพียงว่าต้องการดับร้อนภายในใจร่างกายต้องการปลดปล่อย เขาเริ่มฉีกเสื้อผ้าพิมทิ้งอย่างป่าเถื่อน พิมกลัวจนร้องให้ไม่หยุด เมื่อเขาก้มลงมาจูบเธอ เธอจึงตัดสินใจกัดปากเขาจนเลือดไหลออกมา แต่เขาก็ไม่ยอมปล่อย เธอจึงรวบรวมเรี่ยวแรงทั้งหมดที่มี ยกฝ่ามือขึ้นแล้วตีลงที่ท้ายทอยเขาแรงๆ เหมือนอย่างในหนังที่เธอเคยดู แม้จะเป็นการทดลองครั้งแรก เพื่อให้ตัวเองรอดจากเตชินในครั้งนี้ และดูเหมือนจะสำเร็จได้ผลดีด้วย เตชินสลบลงบนตัวเธอทันที เธอจึงผลักเขาออก แล้วเช็คดูว่าเขายังหายใจอยู่หรือเปล่า เมื่อเตชินยังมีลมหายใจ เธอถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก แล้วพ่นลมหายใจออกทางปากอย่างเหนื่อยหน่ายกับเหตุการณ์วันนี้ แล้วมองเตชินที่นอนสลบอยู่เอ่ยอย่างโมโหว่า " พรุ่งนี้ คุณเตรียมจ่ายค่าทำขวัญและค่าจ้างที่นอกเหนือจากงานในหน้าที่แม่บ้านอื่นๆด้วยแล้วกัน " แล้วเธอก็เดินไปเปิดประตู ออกจากห้องของเตชินไป" ก็สั่งสอนแบบนี้ไง "เคอร์ฟิวจับณชาขึ้นมานั่งบนตักแล้วจูบเธอทันที ณชาตกใจจนดวงตาเบิกกว้างป้าใจเดินเข้ามาส่งพิซซ่าในห้องเจอเข้ากับฉากนี้พอดี แกจึงหมุนตัวหันหลังจะเดินออกไปแบบเงียบๆเคอร์ฟิวถอนริมฝีปากออกจากริมฝีปากณชาแล้วเอ่ย" ป้าไม่ต้องออกไปหรอก คุณณชาเธอหิวจนจะกลืนกินผมอยู่แล้ว "" พี่พูดอะไรน่ะ "เธอเอ่ยอย่างหน้านิ่วคิ้วขมวดพร้อมกับทุบตีอกของเขาหนึ่งทีป้าใจยิ้มเจื่อนแล้วหมุนตัวเดินเข้ามาวางพิซซ่าลงบนโต๊ะจากนั้นก็หมุนตัวเดินออกไป ปล่อยให้ทั้งสองได้อยู่ด้วยกันตามลำพังเคอร์ฟิววางณชาลงนั่งข้างๆแล้วเปิดกล่องพิซซ่าออกมาหยิบพิซซ่าขึ้นมาหนึ่งชิ้นแล้วเอ่ยกับณชาที่นั่งแข็งทื่ออย่างทำอะไรไม่ถูก" หิวไม่ใช่เหรอ อ้าปากสิ "ณชาเหลือบมองเขาอย่างหน้านิ่วแล้วเอ่ยเสียงขุ่น" ฉันทานเองได้ "เธอขยับมือจะหยิบพิซซ่ามาทานเอง แต่เคอร์ฟิวกลับจับมือเธอไว้แล้วเอ่ย" พี่อยากป้อน อ้าปาก ถ้าไม่อ้าปากพี่จะใช้ปากป้อนแล้วนะ "ณชาได้แต่มองแรงใส่เขาแล้วยอมอ้าปากให้เขาป้อน เขายิ้มแล้วเอ่ย" เชื่อฟังแบบนี้ค่อยน่ารักหน่อย "เคอร์ฟิวป้อนไปยิ้มไปอย่างพอใจ ณชาทานจนอิ่มลืมความโมโหและความไม่พอใจไปหมดสิ้น แล้วเปลี่ยนม
เช้าวันรุ่งขึ้น ป๊อบกับณัชชาลากกระเป๋าเดินทางออกมาจากห้อง แล้วไปเคาะประตูห้องลูกสาวณชาที่ยังหลับอยู่บนเตียง พอได้ยินเสียงเคาะประตูเธอก็ค่อยๆลืมตาขึ้นมาแล้วลุกมานั่งหาว จากนั้นก็ลงจากเตียงเดินไปเปิดประตูให้พ่อกับแม่ด้วยท่าทางงัวเงียเธอหาวออกมาอีกครั้ง แล้วยื่นมือไปเปิดประตู เมื่อเห็นว่าพ่อกับแม่กำลังจะออกเดินทางแล้วเธอจึงเอ่ยขึ้น" คุณพ่อคุณแม่จะไปแล้วเหรอคะ ทำไมไปเช้าจัง "ณัชชายิ้มอ่อนแล้วเอ่ย" ต้องไปไกล ลงจากเครื่องเสร็จก็ต้องนั่งรถไปต่ออีกแล้วต่อด้วยนั่งเรือไปเกาะก็ต้องไปให้ทันเวลา พ่อกับแม่แค่จะมาบอกให้ลูกรู้ว่าจะออกไปแล้ว อีกเรื่องนะ เวลาไปเข้าค่ายเตรียมยาที่จำเป็นไว้ให้พร้อมด้วย เแล้วก็อาหมวกแก๊ปกับเสื้อแขนยาวไปด้วยนะ "" ค่ะ คุณพ่อกับคุณแม่ไปเที่ยวให้สนุกนะคะ "ณัชชากับป๊อบพยักหน้าเบาๆ จากนั้นป๊อบก็เอ่ยกำชับลูกสาวอีกครั้งด้วยความเป็นห่วงว่า" เวลาอยู่ในค่ายน่ะ ดูแลตัวเองให้ดีๆนะ อย่าไปนั่งใกล้ผู้ชายคนอื่น ยกเว้นพี่เคอร์ฟิวของลูก เข้าใจมั้ย "เขาเป็นพ่อที่ค่อนข้างหวงลูกสาวมากคนหนึ่ง ถึงแม้ลูกสาวเขาจะห้าวๆแต่มันก็ไม่ได้ทำให้พ่ออย่างเขาหวงลูกสาวน้อยลงเลยณชารู้และเข้าใจดีว่
ทุกคนเริ่มจับอุปกรณ์ ทานข้าวกันอย่างเงียบๆ ระหว่างทานข้าวพิมมองหน้าลูกชายแล้วเอ่ยถามขึ้น" เคอร์ฟิว เปิดเทอมแล้วเป็นยังไงบ้าง อยู่โรงเรียนได้เจอกับน้องณชาบ้างมั้ย "เคอร์ฟิวได้ยินดังนั้นจึงยิ้มอ่อนออกมาแล้วเอ่ยตอบแม่ว่า" ก็ดีครับ อยู่โรงเรียนผมกับน้องอยู่คนละชั้น เรียนกันคนละตึกเลยไม่ค่อยได้เจอกันครับ "เตชินหันมามองลูกชายที่มีใบหน้าหล่อกระชากลากใจราวกับออกมาจากแม่พิมพ์เดียวกันกับเขาแล้วเอ่ยเสียงเรียบ" ยังไงน้องก็เป็นคู่หมั้นลูก ลูกก็ดูแลน้องให้ดีๆอย่าเปิดโอกาสให้หนุ่มคนอื่นมาสร้างความสัมพันธ์ใกล้ชิดสนิทสนม จนทำให้น้องหวั่นไหวนะลูก ลูกผู้ชายต้องกล้าแสดงตัวหน่อย เข้าใจมั้ย "เคอร์ฟิวเอ่บตอบรับคำด้วยสีหน้าเรียบเฉยเพียงสั้นๆว่า" ครับ "" นี่ คุณสอนอะไรลูกน่ะ หนูณชายังเด็กก็ต้องมีเพื่อนทั้งผู้หญิงและผู้ชายเป็นธรรมดา การหมั้นหมายเป็นการตกลงกันของพวกเรา หากลูกหรือหนูณชาไม่ได้ชอบพอกันก็ต้องยกเลิกไป มันไม่สามารถบังคับกันได้ค่ะ "พิมเอ่ยออกมาตรงๆโดยที่ไม่รู้เลยว่าเจ้าลูกชายของเธอนั้นเริ่มแอบณชาเข้าแล้วและจริงจังกับการเป็นคู่หมั้นนี้มากเตชินจึงโต้ตอบกับพิมว่า" ลูกชายเราหล่อแถมยังเป็นปร
พอออกมาจากสนามกอล์ฟ ทั้งสองครอบครัวก็ไปทานข้าวด้วยกัน ในร้านอาหารชื่อดังสุดหรูที่ตั้งอยู่ใจกลางเมืองที่เป็นแหล่งร้านอาหารสำหรับคนรวยซึ่งตัวอาคารติดด้วยกระจกสะท้อนความร้อน ทำให้คนข้างในสามารถมองเห็นวิวบ้านเมืองและตึกสูงข้างนอกได้อย่างสวยงามในขณะทานข้าวทั้งสองครอบครัวนั่งทานข้าวกันอย่างมีความสุข ณชากับเคอร์ฟิวก็นั่งทานข้าวบนเก้าอี้อย่างเรียบร้อยโดยที่ไม่รบกวนหรือเล่นซนเลย10 ปี ต่อมา.......ณ โรงเรียนนานาชาติชื่อดังแห่งหนึ่งของประเทศ เป็นแหล่งรวมการเรียนรู้ของเด็กนักเรียนอินเตอร์จำนวนมากมีหลากหลายภาษา หลากหลายวัฒนธรรมและหลากหลายชนชาติมาเรียนร่วมกันเมื่อถึงเวลาเลิกเรียนเด็กนักเรียนต่างทยอยกันเดินออกมาจากอาคารเรียน รอผู้ปกครองมารับบางคนบางกลุ่มที่บ้านใกล้โรงเรียนก็ออกจากโรงเรียนเดินเท้ากลับตามทางฟุตบาทเคอร์ฟิวกับกลุ่มเพื่อนๆกำลังเดินออกมาจากห้องเรียนลงไปยังใต้อาคาร ชุดนักเรียนชายโรงเรียนนี้ ประกอบไปด้วยเสื้อเชิ้ตแขนสั้นสีขาว เสื้อสูทสีดำ มีตราสัญลักษณ์โรงเรียนปัก มีเน็กไทและกางเกงขายาวลายสก๊อตสีดำส่วนณชาที่เป็นรุ่นน้องของเคอร์ฟิวก็กำลังเดินลงจากอาคารเรียนเช่นกันแต่อยู่คนละตึกในต
ยามเย็นณัชชากับป๊อบลงมาเดินเล่นที่ชายหาด ส่วนลูกสาวก็อยู่กับตายาบนบ้านทั้งสองนั่งดูพระอาทิตย์ตกขอบทะเลด้วยกันอย่างโรแมนติก นั่งยาวไปจนถึงช่วงเวลาโพล้เพล้เธอนั่งเอาหัวพิงไหล่ป๊อบแล้วเอ่ย" ฉันมีความสุขจังเลยค่ะ เมื่อก่อนฉันรู้สึกอิจฉาคุณพิมมากที่สามีรักสามีหลงจนยอมตามใจทุกอย่าง "ป๊อบยิ้มอ่อนแล้วเอ่ย" ต่อไปนี้คุณไม่ต้องไปอิจฉาพิมแล้ว เพราะถ้าไม่มีคุณผมก็อยู่ไม่ได้ การลองใจของคุณที่ผ่านมามันทำให้ผมรู้ว่า ผมก็เป็นสามีที่รักและหลงภรรยามากเช่นกัน ตอนที่คิดว่าคุณไม่อยู่แล้วคุณผมแทบจะเป็นบ้าจนเกือบจะเสียสติไปแล้วรู้มั้ย "" ฉันขอโทษนะ "เธอเอ่ยเสียงอ่อน" ไม่เป็นไรหรอก แค่คุณไม่จากผมไปไหน อยู่กับผม ให้ผมสัมผัส และจับต้องคุณได้แบบนี้ทุกวัน ก็พอแล้ว "ณัชชายิ้มแล้วยื่นหน้าไปหอมแก้มเขาเบาๆสบตากับเขาพร้อมกับเอ่ยอย่างซึ้งใจ" ขอบคุณค่ะ "ป๊อบสบตากับภรรยาอย่างลึกซึ้งแล้วค่อยๆโน้มหน้าเข้าไปจูบริมฝีปากเธอเบาๆจูบอย่างนุ่มนวลใจเย็น ในหัวใจของทั้งสองเต็มไปด้วยความรักที่บานฉ่ำ ตอนนี้ความปรารถนาของณัชชาเป็นจริงแล้ว เธอมีสามีที่น่ารัก ที่คอยเทคแคร์เอาอกเอาใจเธอเป็นอย่างดีมีลูกสาวที่น่ารัก มีครอบ
ณัชชาเดินออกมาจากห้องน้ำ เห็นพ่อกับแม่นั่งจ้องเธอตาเขม็งเธอยิ้มแหยๆออกออกมาพอให้เห็นฟันเล็กน้อยแล้วเดินเบี่ยงไปนั่งลงข้างๆลูก โดยไม่กล้าสบตาพ่อกับแม่อีกเธอจ้องมองใบหน้าแบเบาะอันน่ารักน่าชังที่ถูกห่อหุ้มด้วยผ้าอ้อมแล้วเอ่ย" ณชา สาวน้อยของแม่ แม่คิดถึงลูกที่สุดเลย แม่ขอโทษนะที่ไม่ได้อยู่กับลูก ลูกไม่โกรธแม่ใช่มั้ยคะ น้าพิมกับคุณพ่อดูแลหนูดีมากมั้ยคะ "เด็กน้อยทำปากจู๋ แววตาดูใสแป๋วเปล่งประกายแวววาว ขนตาดกดำยาวสวย ส่งให้ดวงตาสวยมีเสน่ห์สมกับคำชมของเคอร์ฟิวน้อยเด็กน้อยยิ้มแป้นออกมาอย่างไร้เดียงสา ทำให้ผู้เป็นคุณแม่มือใหม่ หลงรักหนักเข้าไปอีก เธอจ้องหน้าลูกด้วยรอยยิ้มแล้วเอ่ยต่อว่า" งุ้ยน่ารักน่าชังที่สุดเลย ต่อไปคุณแม่จะไม่ไปไหนแล้วนะคะ คุณแม่จะอยู่กับเบบี๋น้อยทุกวันทุกคืนเลยค่ะ "น้ำเสียงนุ่มนวลของณัชชาทำให้เด็กน้อยสัมผัสได้ถึงไออุ่นรักที่พิเศษกว่าพิมที่เป็นน้ามาก เพราะความเป็นแม่ลูกสามารถสัมผัสได้ผ่านจิตใจและความรู้สึกนั่นเองพ่อของณัชชานั่งยิ้มอ่อนบนโซฟามองลูกสาวด้วยแววตาอบอุ่นส่วนแม่ณัชชาพอเห็นว่าลูกสาวคุยกับลูกนานพอสมควรแล้วเขาจึงเอ่ยขึ้นเสียงแข็งด้วยสีหน้าจริงจัง" ณัชชาลูกท