LOGINบ้านของวายุ (ต่างจังหวัด)
13:25 น.
"ลุงวินป้าจ๋าพี่วายุมาแล้วค่ะ!" เป็นเสียงเด็กสาววัยสิบแปดปีที่มีหน้าตาสะสวยและหุ่นดี ไม่ใช่สวยธรรมดา แต่เรียกได้ว่าสวยมากเลยทีเดียว เธอตะโกนบอกผู้เป็นลุงแท้ๆกับป้าสะใภ้ที่อยู่หลังบ้านเมื่อเห็นรถคันหรูสีดำคุ้นตาของคนเป็นพี่ชายหรือลูกพี่ลูกน้องของเธอขับเข้ามาจอดอยู่หน้าบ้าน
...ซึ่งเด็กสาวคนดังกล่าวเธอมีนามว่า พระพาย เธอเองไม่ต่างจากวายุที่คนเป็นลุงแท้ๆกับป้าสะใภ้ได้รับมาเลี้ยงดูเช่นกัน เนื่องจากพ่อของเธอได้เสียไปเมื่อสามปีก่อนด้วยโรคร้าย ส่วนแม่ของเธอได้เสียไปตั้งแต่เธออายุได้สองขวบด้วยโรคประจำตัว เธอจึงไม่เหลือใครนอกจากพี่ชายของพ่อหรือลุงแท้ๆกับป้าสะใภ้ที่ยังไม่มีลูก พวกเขาทั้งสองคนจึงรับเธอมาเลี้ยงดูและรักเธอกับวายุเสมือนลูกของพวกเขาจริงๆ...
และไม่รอช้าพระพายรีบวิ่งไปหาคนเป็นพี่ชายกับว่าที่พี่สะใภ้ที่กำลังลงจากรถ
"สวัสดีค่ะพี่วายุ" เมื่อวิ่งมาถึง พระพายจึงเอ่ยสวัสดีพร้อมกับพนมมือน้อยๆไหว้พี่ชาย ก่อนจะหันไปทักทายว่าที่พี่สะใภ้ที่อายุรุ่นราวคราวเดียวกันด้วยใบหน้ายิ้มๆ
"หวัดดี เราชื่อพระพายนะ เป็นน้องพี่วายุ"
"หวัดดีจ้ะ เราชื่อมิรา เป็นแฟนพี่วายุ" มิราเอ่ยทักทายและแนะนำตัวเองกลับด้วยใบหน้ายิ้มเช่นกัน
"ไม่ต้องบอกก็รู้แล้วจ้า พี่วายุโทรมาบอกลุงวินแล้ว แต่มิราหน้าตาน่ารักมากเลยนะ พี่ชายพายเนี้ยตาถึงจริงๆ" ซึ่งพระพายก็รู้ว่ามิราเป็นลูกคุณหนูที่พี่ชายของเธอเป็นบอดี้การ์ดให้ แต่ถึงแม้ว่ามิราจะเป็นลูกคุณหนู แต่เท่าที่เธอเห็นมิราไม่ได้มีท่าทีวางตัวหรือท่าทีเย่อหยิ่งแต่อย่างใด กลับกันมิรากลับดูเข้าถึงง่าย พูดจาก็เป็นกันเอง และดูไม่ถือตัวเลยแม้แต่น้อย คนที่บ้านคงจะสอนมาดี ไม่เหมือนกับพวกคุณหนูเอาแต่ใจที่ถูกพ่อแม่เลี้ยงตามใจเหมือนในละครหลังข่าวที่เธอเคยดู
"เข้าไปคุยกันต่อในบ้านดีกว่านะเด็กๆ" วายุที่ยืนดูสองสาวคุยกันก็พูดขึ้นมา เพราะตอนนี้บ่ายกว่าแล้ว แดดมันแรงคุยตรงนี้คงไม่สะดวก หลักๆคือเป็นห่วงเมียเด็กที่ตอนนี้แก้มสองข้างแดงก่ำเป็นลูกตำลึงสุขไปแล้ว คงจะร้อนเพราะฤทธิ์แดด
"ค่ะ/ค่ะ" สองสาวจึงพยักหน้าตอบพร้อมกันทันที
จากนั้นพระพายก็โอบเอวของมิราพากันเดินเข้าไปในบ้าน พลางพูดคุยกันไปด้วยอย่างสนิทสนม โดยมีวายุเดินถือกระเป๋าสัมภาระของคนรักและของตัวเองตามหลังเด็กสาวสองคนไปติดๆ ปากหนากระตุกยิ้มมุมปากด้วยความเอ็นดูเด็กสาวทั้งสองคนที่ดูจะสนิทสนมกันเร็วและเข้ากันได้ดี เห็นแบบนั้นก็พาให้เขามีความสุข
ภายในบ้าน"ทานข้าวเที่ยงกันมาหรือยังคะ" เป็นเสียงป้าสะใภ้ที่มีนามว่า ป้าจ๋า เอ่ยถามคนรักของหลานชายที่นั่งอยู่บนโซฟาอีกตัวเยื้องกับตัวที่เธอและสามีนั่งอยู่ ซึ่งในคราแรกหลังจากที่เอ่ยทักทายสวัสดีกันเสร็จเธอกับสามีตั้งท่าจะนั่งพื้นแล้วด้วยซ้ำเพราะอยากให้เกียรติแฟนสาวของหลานชาย เพราะถึงอย่างไรเด็กสาวก็มีศักดิ์เป็นเจ้านายของหลานชาย แต่ก็ถูกเด็กสาวห้ามไว้ จึงต้องนั่งบนโซฟาตามความต้องการของเด็กสาว
"หนูกับพี่วายุเราแวะทานข้าวเที่ยงกันเรียบร้อยแล้วค่ะ" มิราตอบด้วยใบหน้ายิ้มๆ ไม่ได้ดูอึดอัดหรือประหม่าแต่อย่างใดที่ต้องมาสนทนากับผู้ใหญ่ทางฝั่งคนรัก
หลังจากนั้นก็เริ่มมีบทสนทนาต่อไปเรื่อยๆพร้อมกับรอยยิ้มและเสียงหัวเราะในบทสนทนานั้นๆ และเมื่อต่างคนต่างพูดคุยกันไปได้สักพัก คนเป็นหลานชายที่มักจะไม่ค่อยพูด ได้แต่เป็นผู้รับฟังที่ดี ก็ได้หันไปพูดกับคนเป็นน้องสาวที่นั่งอยู่บนโซฟาฝั่งตรงข้าม
"มหาลัยที่เราสมัครเอาไว้ อาทิตย์หน้าจะเปิดสอบเข้าแล้วไม่ใช่เหรอ พรุ่งนี้พี่จะกลับแล้ว งั้นเราก็เข้ากรุงเทพพร้อมพี่เลยแล้วกัน" ที่เขาพูดเหมือนรู้ทุกเรื่องเกี่ยวกับน้องสาว นั่นก็เพราะเขาเป็นคนส่งเสียเลี้ยงดูค่าเล่าเรียนของน้องสาวมาตลอดตั้งแต่ที่พ่อของเธอเสียโดยอยู่ในความปกครองของผู้เป็นลุงและป้า ซึ่งหลังจากนี้คนเป็นน้องก็ต้องอยู่ในความปกครองของเขาแบบเต็มตัวเพราะเธอต้องไปเรียนต่อมหาลัยที่กรุงเทพ ซึ่งเขาก็ได้ปรึกษาหาลือกันแล้วว่าเด็กหัวดีอย่างพระพายสอบติดแน่นอน โดยจะให้พระพายไปพักอาศัยอยู่ที่คอนโดของเขาในระหว่างที่เรียนมหาลัย ส่วนตัวเขาก็อยู่ที่คฤหาสน์หรือบ้านพักบอดี้การ์ดเช่นเดิม
"ดีเลย เข้ากรุงเทพพร้อมพี่เขาลุงจะได้ไม่ต้องเป็นห่วง" คนเป็นลุง หรือ ลุงวิน ที่เป็นคนพูดน้อยเหมือนกัน ก็พูดสมทบขึ้นมาทันที เพราะเขาเองก็เป็นห่วงไม่อยากให้หลานสาวต้องเดินทางเข้ากรุงเทพคนเดียวด้วยรถโดยสาร หากจะให้เขาไปส่งก็เกรงว่าจะขับรถไม่ไหว กว่าจะไปถึงกรุงเทพโรคเก๊าท์คงกำเริบกันพอดี
"เอางั้นก็ได้ค่ะ" พระพายเธอได้หมด ผู้ใหญ่ว่าไงเธอก็ว่าตามนั้น
"งั้นพายไปเก็บกระเป๋าเถอะลูก พรุ่งนี้จะได้เข้ากรุงเทพพร้อมพี่เขาเลย" คนเป็นป้าเอ่ยเสนอสมทบต่ออีกคน เธอเองก็หายห่วงที่คนเป็นหลานไม่ต้องเดินทางเข้ากรุงเทพคนเดียวแล้ว
หลังจากนั้นพระพายก็ไปเก็บสัมภาระจำเป็นของตัวเองเพื่อเตรียมตัวเดินทางเข้ากรุงเทพพรุ่งนี้พร้อมพี่ชาย
"แล้วพระพายจะสอบเข้ามหาลัยอะไรเหรอคะ" คล้อยหลังพระพาย มิราก็เอ่ยถามขึ้นมา พลางกวาดสายตามองทุกคนในที่นี้ไม่ได้เจาะจงว่าถามใคร
"มหาลัยเดียวกันกับหนูนั่นแหละครับ แต่คนละคณะ" เป็นวายุที่เอ่ยตอบคำถามของคนรักด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน พลางยกมือหนาข้างหนึ่งขึ้นมาลูบศีรษะเล็กเบาๆอย่างรักใคร่ทะนุถนอม จนคนเป็นลุงและป้าที่มองอยู่ยิ้มตามกับความอ่อนโยนของหลานชายที่ปฏิบัติต่อเด็กสาว ซึ่งพวกเขาไม่เคยเห็นหลานชายอ่อนโยนกับใครเช่นนี้มาก่อน
"จริงเหรอคะ แต่น่าเสียดายที่ไม่ได้สอบเข้าคณะเดียวกัน ว่าแต่พระพายจะสอบเข้าคณะอะไรเหรอคะ" ซึ่งตัวเธอนั้นจะสอบเข้าคณะบริหารตามที่ได้ตั้งใจเอาไว้ว่าถ้าเรียนจบจะได้มาช่วยบริหารธุรกิจต่อจากผู้เป็นพ่อ
"นิเทศศาสตร์ครับ" วายุเอ่ยตอบขณะที่มือหนายังคงลูบศีรษะเล็กอยู่อย่างนั้น มองเด็กสาวด้วยสายตารักใคร่เอ็นดู จนคนเป็นลุงกับป้าที่มองอยู่ยิ้มตามไม่หยุด เห็นหลานมีความสุขพวกเขาสองคนก็พลอยมีความสุขไปด้วย...
(ป่วนหัวใจนายบอดี้การ์ดหน้านิ่ง)ภายในห้องนอนของวายุหลังจากที่พูดคุยกับลุงและป้าสะใภ้เสร็จ วายุก็พาเด็กสาวขึ้นมาพักผ่อนบนห้องนอนของเขา"นั่งรถมาเหนื่อยๆ อากาศก็ร้อน พี่ว่าหนูไปอาบน้ำก่อนดีกว่านะครับจะได้สดชื่น" วายุเอ่ยบอกพลางเดินไปหยิบผ้าขนหนูที่พับเก็บไว้ในตูเสื้อผ้าของตัวเองออกมา ก่อนจะเดินกลับมาหาเด็กสาวที่กำลังกวาดสายตามองไปรอบๆห้องของเขา"พี่วายุชอบสีเทากับสีดำเหรอคะ ห้องของพี่ถึงได้คลุมโทนสีเทาดำหมดเลย" มิราไม่ได้สนใจคำพูดของคนตัวโตเลย ปากถามแต่สายตากวาดมองไปรอบๆห้องของเขาอย่างซุกซน พลางยื่นมือไปรับผ้าขนหนูที่เขายื่นให้ ซึ่งแม้กระทั่งผ้าขนหนูที่เขาให้มาก็ยังเป็นสีเทา"ใช่ครับ" เขาตอบก่อนจะปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตสีดำที่สวมใส่อยู่ แล้วถอดออกโยนทิ้งลงตระกร้าที่วางอยู่ข้างตู้เสื้อผ้า ตามด้วยถอดเข็มขัดราคาแพง แต่ทว่าขณะที่เขากำลังจะปลดกระดุมกางเกง เด็กสาวก็ดันเอ่ยขัดขึ้นมา"พะ พี่วายุถอดเสื้อผ้าทำไมคะ" รู้สึกร้อนๆหนาวๆขึ้นมาเสียดื้อๆเมื่อเห็นอีกคนยืนถอดเสื้อผ้าต่อหน้าต่อตา"อาบน้ำก็ต้องถอดเสื้อผ้าสิครับ จะอาบทั้งเสื้อผ้าได้ยังไงกัน" "อ๋อ พี่วายุจะอาบน้ำก่อนใช่ไหมคะ งั้นเดี๋ยวน้องไปรอข
(ป่วนหัวใจนายบอดี้การ์ดหน้านิ่ง)ภายในห้องนอนของวายุหลังจากที่พูดคุยกับลุงและป้าสะใภ้เสร็จ วายุก็พาเด็กสาวขึ้นมาพักผ่อนบนห้องนอนของเขา"นั่งรถมาเหนื่อยๆ อากาศก็ร้อน พี่ว่าหนูไปอาบน้ำก่อนดีกว่านะครับจะได้สดชื่น" วายุเอ่ยบอกพลางเดินไปหยิบผ้าขนหนูที่พับเก็บไว้ในตูเสื้อผ้าของตัวเองออกมา ก่อนจะเดินกลับมาหาเด็กสาวที่กำลังกวาดสายตามองไปรอบๆห้องของเขา"พี่วายุชอบสีเทากับสีดำเหรอคะ ห้องของพี่ถึงได้คลุมโทนสีเทาดำหมดเลย" มิราไม่ได้สนใจคำพูดของคนตัวโตเลย ปากถามแต่สายตากวาดมองไปรอบๆห้องของเขาอย่างซุกซน พลางยื่นมือไปรับผ้าขนหนูที่เขายื่นให้ ซึ่งแม้กระทั่งผ้าขนหนูที่เขาให้มาก็ยังเป็นสีเทา"ใช่ครับ" เขาตอบก่อนจะปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตสีดำที่สวมใส่อยู่ แล้วถอดออกโยนทิ้งลงตระกร้าที่วางอยู่ข้างตู้เสื้อผ้า ตามด้วยถอดเข็มขัดราคาแพง แต่ทว่าขณะที่เขากำลังจะปลดกระดุมกางเกง เด็กสาวก็ดันเอ่ยขัดขึ้นมา"พะ พี่วายุถอดเสื้อผ้าทำไมคะ" รู้สึกร้อนๆหนาวๆขึ้นมาเสียดื้อๆเมื่อเห็นอีกคนยืนถอดเสื้อผ้าต่อหน้าต่อตา"อาบน้ำก็ต้องถอดเสื้อผ้าสิครับ จะอาบทั้งเสื้อผ้าได้ยังไงกัน" "อ๋อ พี่วายุจะอาบน้ำก่อนใช่ไหมคะ งั้นเดี๋ยวน้องไปรอข
บ้านของวายุ (ต่างจังหวัด)13:25 น."ลุงวินป้าจ๋าพี่วายุมาแล้วค่ะ!" เป็นเสียงเด็กสาววัยสิบแปดปีที่มีหน้าตาสะสวยและหุ่นดี ไม่ใช่สวยธรรมดา แต่เรียกได้ว่าสวยมากเลยทีเดียว เธอตะโกนบอกผู้เป็นลุงแท้ๆกับป้าสะใภ้ที่อยู่หลังบ้านเมื่อเห็นรถคันหรูสีดำคุ้นตาของคนเป็นพี่ชายหรือลูกพี่ลูกน้องของเธอขับเข้ามาจอดอยู่หน้าบ้าน...ซึ่งเด็กสาวคนดังกล่าวเธอมีนามว่า พระพาย เธอเองไม่ต่างจากวายุที่คนเป็นลุงแท้ๆกับป้าสะใภ้ได้รับมาเลี้ยงดูเช่นกัน เนื่องจากพ่อของเธอได้เสียไปเมื่อสามปีก่อนด้วยโรคร้าย ส่วนแม่ของเธอได้เสียไปตั้งแต่เธออายุได้สองขวบด้วยโรคประจำตัว เธอจึงไม่เหลือใครนอกจากพี่ชายของพ่อหรือลุงแท้ๆกับป้าสะใภ้ที่ยังไม่มีลูก พวกเขาทั้งสองคนจึงรับเธอมาเลี้ยงดูและรักเธอกับวายุเสมือนลูกของพวกเขาจริงๆ...และไม่รอช้าพระพายรีบวิ่งไปหาคนเป็นพี่ชายกับว่าที่พี่สะใภ้ที่กำลังลงจากรถ"สวัสดีค่ะพี่วายุ" เมื่อวิ่งมาถึง พระพายจึงเอ่ยสวัสดีพร้อมกับพนมมือน้อยๆไหว้พี่ชาย ก่อนจะหันไปทักทายว่าที่พี่สะใภ้ที่อายุรุ่นราวคราวเดียวกันด้วยใบหน้ายิ้มๆ"หวัดดี เราชื่อพระพายนะ เป็นน้องพี่วายุ""หวัดดีจ้ะ เราชื่อมิรา เป็นแฟนพี่วายุ" มิราเ
(ป่วนหัวใจนายบอดี้การ์ดหน้านิ่ง)"พี่วายุเป็นไงบ้างพี่" เมื่อคนเป็นนายและพี่ชายออกไปจากห้องนี้แล้ว ภีมก็รีบพุ่งตัวเข้าไปหารุ่นพี่อย่างไว แล้วช่วยประคองกายแกร่งของรุ่นพี่ให้ลุกขึ้นนั่ง "กู โอเค" วายุตอบรุ่นน้องด้วยน้ำเสียงเบาหวิว แทบจะไม่มีแรงพูด ร่างกายไร้เรี่ยวแรง สมองยังปวดหนึบด้วยฤทธิ์ยา "อดทนอีกนิดนะพี่ เดี๋ยวยาก็หมดฤทธิ์แล้ว" ภีมไม่สามารถช่วยอะไรรุ่นพี่ได้เลย เขาทำได้แค่บอกให้รุ่นพี่อดทน เพราะยาชนิดนี้ไม่มียาแก้หรือยาต้านใดๆ สุดแล้วแต่ร่างกายและความอดทนของคนที่ได้รับยานี้เข้าไปว่าจะอดทนต่อฤทธิ์ของมันได้หรือไม่"มึงอย่าปากสว่างไปบอกหนูมิล่ะ กูไม่อยากให้เมียกูต้องเป็นห่วง" วายุไม่ได้สนใจคำพูดของรุ่นน้องแต่อย่างใด เขาเลือกที่จะเอ่ยประหนึ่งเป็นคำสั่งกับรุ่นน้องแทนขณะที่ใบหน้ายังคงเหยเกด้วยความเจ็บปวด มือหนาข้างหนึ่งกุมขมับเอาไว้ มือหนาอีกข้างวางค้ำยันลงบนพื้นเพื่อเป็นหลักให้ตัวเอง"โธ่พี่ ผมไม่บอกคุณหนูหรอกหน่า อีกอย่างพี่ห่วงตัวเองก่อนเถอะ สภาพพี่ตอนนี้ดูไม่ได้เลย" ภีมรู้ดีว่าเรื่องไหนควรพูดไม่ควรพูด แต่รุ่นพี่ของเขานี่สิ ห่วงแต่คุณหนูตัวน้อยทั้งที่สภาพตัวเองตอนนี้แย่มากแทบดูไม่ได
(ป่วนหัวใจนายบอดี้การ์ดหน้านิ่ง)ภายในห้องใต้ดินหรือห้องเชือดผัวะ!ทันทีที่วายุโผล่หน้าเข้ามาในห้องเชือด เดชาก็ปล่อยหมัดหนักๆใส่ใบหน้าข้างขวาของวายุเต็มแรง จนใบหน้าหันไปตามแรงหมัดพร้อมกับเซไปด้านหลังจนเกือบเสียหลักล้มลงไป แต่ไม่ทันที่จะได้ตั้งหลักดี หมัดที่สองก็ตามมาใส่ใบหน้าอีกข้างเต็มแรงผัวะ!ใบหน้าของวายุหันไปตามแรงหมัดเกือบจะเสียหลักล้มลงไปอีกครั้งแต่ก็ทรงตัวเอาไว้ได้ ก่อนจะใช้หลังมือปาดน้ำคาวสีแดงที่ซึมออกมาตรงมุมปากทั้งสองข้างออกลวงๆ แล้วมองไปยังผู้เป็นนายนิ่งๆ โดยไม่พูดหรือไม่คิดจะตอบโต้กลับไป เขายอมให้ผู้เป็นนายกระทำแต่โดยดี"สองหมัดนี้แค่น้ำจิ้ม หลังจากนี้มึงเตรียมตัวรับบททดสอบของกูให้ได้ก็แล้วกันไอ้วายุ หึ" เดชาพูดด้วยน้ำเสียงกดต่ำ พูดจบก็กระตุกยิ้มร้ายเย้ยหยันคนเป็นลูกน้องที่เลี้ยงไม่เชื่อง"ผมพร้อมครับ" วายุพูดสวนไปทันทีด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่งไม่ต่างจากใบหน้า เขายังคงใจเย็น ไม่ได้มีความเกรงกลัวผู้เป็นเจ้านายและสิ่งที่ตัวเองกำลังจะเผชิญเลยแม้แต่น้อย"อวดเก่ง! ถ้ามึงพร้อมมากขนาดนี้กูก็พร้อมจัดให้มึงแบบชุดใหญ่ จัดให้แบบสมเกียรติคนเก่งอยากมึง" เดชาไม่เคยเจอใครที่กล้าหือกับเขาแ
ก๊อกๆๆๆๆ!!!!แต่แล้วเสียงเคาะประตูห้องก็ดังขึ้นด้วยฝีมือของคนนอกห้องที่กระหน่ำเคาะไม่หยุด ทำให้เด็กสาวเจ้าของห้องสะดุ้งผวาโผเข้ากอดคนตัวโตเอาไว้แน่นด้วยความตกใจ และนึกหวั่นกลัวขึ้นมา เพราะตอนนี้เธอไม่ได้อยู่ในห้องแค่คนเดียว หากใครมาเห็นเข้าคงแย่ก๊อกๆๆๆๆๆ!!!!"ยัยหนูเปิดประตูให้พ่อเดี๋ยวนี้!"เสียงเคาะประตูรัวๆดังขึ้นอีกครั้งพร้อมกับเสียงทุ้มดังกังวานของผู้เป็นพ่อ ทำให้เธอยิ่งตกใจและหวั่นกลัวหนักกว่าเดิม"พี่วายุคุณพ่อกลับมาแล้วทำยังไงดีคะ ถ้าคุณพ่อเห็นพี่วายุอยู่กับน้องแบบนี้คุณพ่อต้องไม่ปล่อยพี่วายุไปแน่ น้องกลัวค่ะ" มิราพูดด้วยความร้อนรน น้ำเสียงสั่นไปหมด ไม่คิดว่าคนเป็นพ่อจะกลับมาไวขนาดนี้ทั้งที่บอกเธอว่าจะกลับพรุ่งนี้ด้วยซ้ำ ตอนนี้เธออยู่ไม่สุขนั่งไม่ติดเลยทีเดียวเพราะกลัวว่าผู้เป็นพ่อจะทำอะไรคนรักของเธอ พลางหันไปมองทางประตูที่ตอนนี้ผู้เป็นพ่อกำลังกระหน่ำเคาะเรียกเธอไม่หยุด เธอแทบจะร้องไห้ออกมาอยู่แล้วเพราะไม่รู้จะทำยังไงกับสถานการณ์ในตอนนี้"หนูใจเย็นๆนะครับ มีพี่อยู่ตรงนี้หนูไม่ต้องกลัวอะไรทั้งนั้น มันถึงเวลาแล้วที่นายจะต้องรู้เรื่องของเราสักที" บอกกับเด็กสาวด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน