공유

บทที่ 4 ช้า ๆ ได้พร้าสองเล่มงาม

작가: LADY-ZOMBIE
last update 최신 업데이트: 2024-12-20 22:54:40

บทที่ 4 ช้า ๆ ได้พร้าสองเล่มงาม

เตโชมองดูรถยนต์คันหรูที่จอดอยู่ใต้เพนต์เฮาส์ด้วยสายตาวาววับ ก่อนจะวิ่งเข้าไปกอดคุณป๋าที่กำลังยืนมองตัวเองอยู่ด้วยความดีใจว่า “ขอบคุณครับคุณป๋า!!” ภาคย์ย่อตัวรับตัวเด็กหนุ่มไว้ในอ้อมกอด ก่อนจะเอ่ยด้วยเสียงอารมณ์ดีว่า

“คราวนี้หนูจะได้ขับรถพาป๋าไปเที่ยวได้แล้ว” เมื่อได้ยินเตโชก็มีนัยน์ตาวาววับ ก่อนจะเอ่ยด้วยเสียงเอาใจว่า

“แน่นอนครับ คุณป๋าอยากไปที่ไหน เดี๋ยวหนูจะขับพาไปเอง” เมื่อได้ยินภาคย์ก็ยกยิ้มเอ็นดู ก่อนจะลูบหัวอีกฝ่าย “ถ้าอย่างนั้นคุณป๋าว่างไหมครับ เราออกไปขับรถเล่นกัน?” เมื่อได้ยินภาคย์ก็ยกยิ้มอ่อน ก่อนจะเอ่ยด้วยเสียงหยอกเย้าว่า 

“เรามีใบขับขี่แล้วหรือ?” เมื่อได้ยินเตโชก็เบิกตากว้างอย่างคนเพิ่งนึกได้ ก่อนจะยู่ปากแล้วพูดด้วยเสียงเล็กเสียงน้อยว่า

“ถ้าอย่างนั้นเอาไว้เตไปทำใบขับขี่แล้ว ถ้าวันไหนคุณป๋าว่างเราออกไปขับรถเล่นกันนะครับ?” เมื่อได้ยินภาคย์ก็ยกยิ้มอ่อน เด็กหนุ่มไม่เร่งรัดตัวเองให้ทำอย่างที่ใจต้องการ แต่เลือกที่จะหาวันว่างของภาคย์เองทำเอาภาคย์พออกพอใจลึกๆ ไม่ได้ที่เด็กหนุ่มฉลาดคิดฉลาดพูดให้ตัวเองพอใจอยู่เสมอ

“โอเคค่ะ” เมื่อได้ยินเตโชก็กอดแขนพาคุณป๋าไปดูรถคันใหม่ ก่อนจะเจิมรถคันใหม่จนขย่มโยกไปพักใหญ่

....................................

ภายในบ้านหลังหนึ่งร่างของคนสองคนกำลังนั่งคุยกันภายในสวนด้วยท่าทางเคร่งขรึม คนหนึ่งมีใบหน้าหวานติดน่ารัก อีกคนมีใบหน้าสวยดูเย่อหยิ่งเล็กน้อย ก่อนที่หนึ่งในนั้นจะพูดด้วยเสียงจริงจังว่า “ดูเหมือนว่าคุณท่านเขาจะรับเด็กใหม่เข้ามา” ชายหนุ่มใบหน้าหวานนาม ‘อี้’ เอ่ยด้วยเสียงไม่สบอารมณ์ ก่อนที่ชายตรงหน้าจะเอ่ยด้วยเสียงเย็นชาว่า 

“ของใหม่ก็แบบนี้ไม่นานท่านก็เบื่อ เราแค่ต้องรอโอกาส” เมื่อได้ยินสิ่งที่ ‘เพียว’ เอ่ยอี้ก็มีสีหน้าบูดบึ้ง ก่อนจะเอ่ยด้วยเสียงไม่สบอารมณ์ว่า

“แล้วเราต้องรอไปอีกเมื่อไร แค่ทุกวันนี้หน้าท่านฉันยังไม่ได้เจอมาหลายสัปดาห์แล้วนะ!!” เพียวจ้องมองอี้ด้วยสายตาติดรำคาญ ถ้าไม่ติดว่ารู้จักกันมานาน มีหรือที่ตนจะทนมองพฤติกรรมเหมือนคนสิ้นคิดของคนตรงหน้าอย่างนี้

“เมื่อไรก็เมื่อนั้น อยากเป็นเหมือนเนย์หรือ? ตามติดท่านมากๆ ระวังจะโดนเขี่ยทิ้งไปอีกคน” เมื่อได้ยินสีหน้าของอี้ก็บิดเบี้ยว มีแววตาของความหวาดกลัวที่จะโดนเขี่ยทิ้งจางๆ เรื่องของเนย์เป็นที่พูดถึงอยู่สักพัก เพราะเจ้าตัวเล่าเรื่องนี้ให้เพื่อนอีกคนฟัง แล้วมีหรือที่เพื่อนคนนั้นจะไม่แพร่ข่าว เพราะฉะนั้นเมื่อได้ยินว่าเนย์โดนเขี่ยทิ้งอย่างไร วันนี้อี้และเพียวถึงได้นัดมาเจอกันที่บ้านแบบนี้

“แล้วเราต้องทำอย่างไร? ไอ้เด็กใหม่นั่นกกท่านเอาไว้คนเดียวแบบนี้” เมื่อได้ยินดวงตาของเพียวก็มีร่องรอยของแผนการบางอย่าง ก่อนจะเอ่ยด้วยเสียงที่เบาลงว่า

“ไม่ต้องทำอะไร เราแค่ต้องสอนบทเรียนมันก็พอ” เมื่อได้ยินสีหน้าของอี้ก็เต็มไปด้วยความสนใจ ก่อนจะเอ่ยถามด้วยเสียงตื่นเต้นว่า

“ทำอย่างไร?” เพียวยกยิ้มที่ไม่ถึงดวงตา ก่อนจะเอ่ยขึ้นว่า

“ไม่ยาก แค่ให้เด็กนั่นรับรู้ถึงตัวตนของพวกเรา” อี้หรี่ตาลงพลางจ้องมองเพียวด้วยสายตาที่ถามว่าแล้วจะทำอย่างไร? ก่อนที่เพียวจะพูดต่อว่า “ไม่ยาก ได้ยินว่ามันได้อยู่ที่เพนต์เฮาส์ใช่ไหม ส่งรูปของท่านและคนอื่นๆ ให้มันโดยไม่ระบุชื่อสิ เชื่อเถอะว่าเด็กที่เพิ่งเข้ามาใหม่อย่างมันคงต้องมีหึงหวงท่านอย่างแน่นอน” นัยน์ตาของอี้หดตัวลง ก่อนจะยกยิ้มที่มุมปากแล้วเอ่ยขึ้นว่า

“และถ้ามันแสดงความเป็นเจ้าของต่อท่านมากๆ ไม่นานมันก็คงโดนเขี่ยทิ้งเหมือนเนย์?” เมื่อได้ยินเพียวก็พยักหน้ารับ ก่อนจะลดเสียงลงแล้วเอ่ยด้วยเสียงจริงจังว่า

“แต่เราลงมือเองไม่ได้ หากท่านรู้เรื่องขึ้นมาเราคงซวยไปด้วย” เมื่อได้ยินอี้ก็ยกยิ้มอย่างเย็นชา

“เอาล่ะ เรามีผู้สมัครที่ดีอยู่แล้วนี่ ไม่ใช่ว่าเจย์มันเป็นคนโปรดคนล่าสุดของท่านหรือ?” เมื่อได้ยินเพียวก็ยกยิ้ม ก่อนจะยกเครื่องดื่มขึ้นจิบด้วยสายตาวาววับ และเรื่องนั้นก็มีมติเห็นด้วยโดยพร้อมเพรียงกันว่าเรื่องในครั้งนี้เจย์ต้องเป็นคนลงมือ

............................

เตอยู่กับคุณป๋ามาได้เดือนกว่าแล้ว พอจะรู้จักนิสัยใจคอของอีกฝ่ายมาบ้าง วันนี้เหมือนทุกวันเตนั่งทบทวนบทเรียนเพื่อไปเตรียมสอบเทียบอย่างจริงจัง แต่จู่ๆ เสียงกริ๊งที่ประตูก็ทำให้เตตกใจ ก่อนจะเปิดออกไปดูและเห็นว่าเป็นคนจากฝ่ายนิติฯ ที่เอาพัสดุมาให้ตัวเอง เตขมวดคิ้วรับของมาด้วยสายตาแคลงใจ เพราะช่วงนี้ตนไม่ได้สั่งของอะไรเป็นพิเศษทำไมถึงมีของมาส่งได้ เตเขย่ากล่องที่ว่าพบว่าไม่ได้มีน้ำหนักมากนัก ก่อนจะวางมันไว้ที่โต๊ะเตี้ยหน้าโซฟา แล้วหรี่ตาลง ใครส่งมา? นั่นเป็นคำถามที่เตคิดไม่ตก ก่อนจะกลั้นใจหยิบเอาคัตเตอร์ออกมากรีดเปิดหน้ากล่อง แล้วต้องหรี่ตาเมื่อเห็นว่ามันเป็นรูปถ่าย เตหยิบขึ้นมาดูด้วยความสนใจ ก่อนจะส่งเสียงเหอะในลำคอด้วยสายตาที่หรี่ลง

“เหอะ” เตโชมองรูปภาพของอีกฝ่ายและคุณป๋าด้วยสายตาเยาะเย้ย ก่อนจะหรี่ตาลงอย่างขบคิด แล้วทำการซ่อนของทุกอย่างเอาไว้ในห้องเก็บของ แล้วเอ่ยด้วยเสียงและสายตาวาววับอย่างนึกสนุกว่า “มาดูกันว่าสงครามประสาทครั้งนี้ใครจะชนะ?” แล้วเตก็ทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ไม่แม้แต่จะถามคุณป๋าเกี่ยวกับการมีอยู่ของเด็กคนอื่นๆ หรือแสดงท่าทางหึงหวงแต่อย่างใด ฝั่งของเตสงบเงียบเหมือนน้ำนิ่ง แต่ไม่ใช่กับฝั่งของเจย์ที่นั่งกัดเล็บอย่างวิตกกังวล

“ผ่านมาแล้วเป็นสัปดาห์แต่ไม่เห็นท่าทีว่าเกิดอะไรขึ้นเลย” เจย์เอ่ยด้วยเสียงไม่สบอารมณ์ ก่อนที่อี้ที่นั่งอยู่ที่ร้านคาเฟ่ตรงข้ามจะมีสีหน้าราบเรียบ

“แสดงว่าสิ่งที่ส่งไปยังไม่มากพอ นายลองส่งของไปอีกสิ คราวนี้เอาให้แรงกว่าเดิม” เมื่อได้ยินเจย์ก็หรี่ตา ก่อนจะเม้มปาก แล้วเอ่ยด้วยเสียงระแวดระวังว่า

“ของอะไร?” อี้ยกยิ้ม ก่อนจะเอ่ยด้วยเสียงเบาว่า

“ถ้ารูปถ่ายยังทำให้ทางนั้นดิ้นไม่ได้ เราก็ต้องเริ่มใช้วิธีอื่น”

“วิธีอะไร?” เจย์ถามอย่างสนใจ ก่อนที่อี้จะเอ่ยด้วยเสียงเบาลงอีกระดับว่า

“ขู่ให้กลัว” เมื่อได้ยินเจย์ก็นิ่งไป ก่อนจะเม้มปาก แล้วขมวดคิ้ว

“ถ้าท่านจับได้....” อี้ยกยิ้มที่ไม่ถึงดวงตา ก่อนจะเอ่ยด้วยเสียงราบเรียบว่า

“ก็แค่อย่าให้ท่านจับได้” เมื่อได้ยินเจย์มีสีหน้าแปลกไป ก่อนจะเอ่ยถามว่า

“แล้วต้องทำอย่างไร?” เมื่อได้ยินอี้ก็ยกยิ้ม ก่อนจะกระซิบถึงวิธีการ

“หาคนที่โง่ที่สุดในพวกเราแล้วเสนอแผนนี้” เมื่อได้ยินดวงตาของเจย์ก็สว่างวาบก่อนจะหลุดหัวเราะ แล้วเอ่ยด้วยเสียงอารมณ์ดีว่า

“โอเคฉันมีคนในใจแล้ว” เมื่อได้ยินทั้งคู่ก็สบตากันอย่างเข้าใจ ก่อนจะแยกย้ายกันไปทำตามแผน แน่นอนว่าเป้าหมายของเตย์คือ ‘ดิน’ เด็กเลี้ยงที่เข้ามาก่อนตัวเองไม่นาน เจ้าตัวค่อนข้างโง่และยุง่าย ที่สำคัญยังไม่ฉลาดเท่าไร เหมาะแก่การเป็นเครื่องมือในครั้งนี้ที่สุด

........................

เตโชคิดว่าทางนั้นจะส่งอะไรมาเพิ่มแต่ผ่านมาเป็นสัปดาห์แล้วกลับไร้วี่แววทำเอาเตโชอดจิปากกับความขี้ขลาดของทางนั้นไม่ได้ วันนี้ยังเหมือนทุกวันเตโชนั่งทบทวนบทเรียนเพื่อเตรียมสอบเทียบม.ปลาย และเมื่อกริ๊งที่ประตูดังขึ้นนัยน์ตาของเตโชก็เต็มไปด้วยความคาดหวัง ก่อนจะเดินออกไปรับพัสดุ คราวนี้ของข้างในค่อนข้างหนัก เตโชเชื่อว่าคงไม่ใช่แค่รูปถ่าย ตนหยิบเอาคัตเตอร์มาแกะเปิดกล่อง ก่อนจะหลุดหัวเราะ เมื่อเห็นตุ๊กตาหัวขาดเปื้อนสีแดงในกล่อง พร้อมกับข้อความที่เหมือนพรินต์ออกมาจากเครื่องที่ว่า

‘ระวังตัวเอาไว้ให้ดี’

“จิจิ ทางนั้นค่อนข้างฉลาด แต่ก็ยังโง่อยู่ดี” เตโชหยิบเอาโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายกล่องที่ว่า แล้วเอาของทั้งหมดไปซ่อนไว้ที่เดียวกันกับรูปภาพคราวที่แล้ว ก่อนจะลูบใบหน้าแล้วเอ่ยพึมพำว่า “รอดูอีกหน่อยว่าจะส่งอะไรมาเพิ่มไหม ถ้าไม่ก็ค่อยทำตามแผน” เตโชยกยิ้มเย็น เพราะเป้าหมายของเตโชจะไม่หยุดที่แค่เป็นหนึ่งในเด็กเลี้ยงของท่านแน่ๆ แต่เป้าหมายของตนยิ่งใหญ่กว่านั้น เตโชต้องได้เป็นคุณชายของอัครพิเสธ และได้เป็นคนสุดท้ายที่กอดใบทะเบียนสมรสกับคุณป๋า!!แม้จะไม่ได้รักแต่เพื่ออนาคตที่ดีกว่าเตโชเชื่อว่าตัวเองทำได้!!

คุณป๋ายังคงมาหาตัวเองทุก 2-3 วันต่อครั้ง เตโชยังคงทำตัวเหมือนปกติ ก่อนที่วันนี้จะมีของมาส่งอีกครั้ง เตโชมีนัยน์ตาวาววับ พลางมองของด้านในที่ค่อนข้างหนัก เตโชเอียงคอก่อนจะเปิดกล่อง แล้วต้องมีสีหน้าเหมือนอยากอาเจียนเมื่อกลิ่นไข่เน่าอบอวลไปทั่วห้องเมื่อเปิดกล่อง ด้านในไม่มีข้อความเขียนไว้ แต่เป็นรูปของตัวเองที่เหมือนถูกแอบถ่ายแล้วโดนกรีดใบหน้าอย่างน่าขนลุก พร้อมกับเส้นผมด้านในที่เปียกย้อมด้วยสีแดงสด เตโชหัวเราะสะใจเมื่อเห็น ก่อนจะหัวเราะในลำคอ เอาล่ะ ดูเหมือนการแสดงคงต้องเริ่มในเร็ววันนี้แล้ว

คราวนี้เตโชเก็บของที่ว่าเข้าไปที่ห้องเก็บของ ก่อนจะเดินไปหน้ากระจกแล้วลูบปลายหางตาให้แดงและบวมช้ำ ก่อนจะกะพริบตาถี่ๆ เพื่อร้องไห้พยายามร้องไห้อยู่หน้ากระจกจนตาบวม ก่อนจะเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดนอนแล้วปิดไฟทั่วทั้งเพนต์เฮาส์ พลางซ่อนตัวอยู่ในห้องนอน เตโชทำแบบนี้อยู่ราวสามวันกว่าที่คุณป๋าจะมาหาตัวเอง และใช่ แผนการเอาคืนของเตโชกำลังจะเริ่มในไม่ช้านี้

........................

ภาคย์ไม่เจอเตโชมาหลายวันแล้ว และดูเหมือนเด็กหนุ่มเองก็ไม่ได้เรียกร้องให้ตัวเองไปหา จนบางครั้งภาคย์ก็คิดว่าอยากให้เตโชทำตัวดูเหมือนเรียกร้องหาตัวเองบ้าง และเพราะแบบนั้นวันนี้ภาคย์เลยตัดสินใจมาหาเตโชที่เพนต์เฮาส์เพื่อบอกเด็กหนุ่มว่าตัวเองสามารถติดต่อกับเลขาฯ ของตนเพื่อเชิญภาคย์ให้มาทานอาหารที่บ้านได้เหมือนกัน และเมื่อมาถึงภาคย์ย่นคิ้วเมื่อพบว่าสีหน้าของเด็กหนุ่มดูแปลกไป เตโชมีรอยคล้ำใต้ตา ดวงตาบวมแดง และที่สำคัญเจ้าตัวดูปล่อยเนื้อปล่อยตัวเหมือนคนไม่อยู่กับร่องกับรอย ภาคย์เดินเข้าไปกอดอีกฝ่าย ก่อนจะเอ่ยด้วยเสียงตื่นตกใจว่า “เกิดอะไรขึ้นคะหนู?” เตโชที่ได้ยินก็เหมือนเจอที่พึ่งเจ้าตัวร้องไห้กับอกของภาคย์อย่างเงียบๆ ไม่ฟูมฟายแต่ปล่อยให้น้ำตาไหลอย่างน่าสงสารทำเอาภาคย์ตกใจรีบปลอบประโลมเจ้าตัวยกใหญ่ “ใครทำหนูร้องไห้แบบนี้คะ บอกมาป๋ามาเร็ว!!” ภาคย์พาเด็กหนุ่มมานั่งที่โซฟาก่อนจะเอ่ยถามด้วยเสียงอ่อนโยน เตโชพยายามหยุดร้องไห้ ก่อนจะปาดน้ำตาแล้วเงยหน้ามองภาคย์ด้วยสายตาลังเลว่าควรจะบอกอีกฝ่ายดีไหม ก่อนที่เตโชจะส่ายหน้า แล้วเอ่ยอย่างน่าสงสารว่า

“ไม่มีอะไรครับ แต่คืนนี้คุณป๋าค้างกับหนูได้ไหม?” เสียงตอนท้ายของเตโชสั่นเครืออย่างน่าสงสาร ทำเอาภาคย์พูดไม่ออก ร้องไห้ขนาดนี้แต่บอกว่าไม่เป็นไร ภาคย์ไม่เชื่ออย่างแน่นอน ก่อนจะกอดเด็กหนุ่มในอ้อมกอดด้วยดวงตาหรี่ลงอย่างขบคิด ก่อนจะเอ่ยปลอบว่า

“แน่นอน แต่หนูจะไม่บอกป๋าจริงๆ ใช่ไหมว่าเกิดอะไรขึ้น?” เมื่อได้ยินภาคย์จ้องมองเด็กหนุ่มที่ก้มหน้าลงด้วยความลังเล ก่อนจะเอ่ยเสียงเบาว่า

“หนูไม่รู้ว่าควรบอกคุณป๋าดีไหม เพราะกลัวว่ามันจะไปรบกวนคุณป๋า หนูแค่... แค่อยากให้คุณป๋าอยู่เป็นเพื่อนเฉยๆ ” เมื่อได้ยินนัยน์ตาของภาคย์ก็อ่อนลง ก่อนจะยกมือขึ้นลูบแก้ม ลูบหัวอีกฝ่าย แล้วเอ่ยถามด้วยเสียงอ่อนโยนว่า

“ลองบอกมาก่อนสิคะ ตอนนี้ป๋ากำลังว่าง ไม่รบกวนเลย” เมื่อได้ยินเตโชก็กัดปากอย่างชั่งใจ ภาคย์มองท่าทางนั้นด้วยสายตาอ่อนลง ก่อนจะเอ่ยกระตุ้นอีกฝ่ายไปด้วยว่า “หรือถ้าหนูไม่อยากพูดก็ไม่เป็นไร แต่คืนนี้ป๋าจะค้างกับหนูแน่นอน” เมื่อได้ยินเตโชก็เงยหน้ามองคุณป๋าด้วยสายตาโล่งใจ ก่อนจะเอ่ยบีบมือบนตักแน่น แล้วเอ่ยด้วยเสียงเบาลงว่า

“มีคนส่งของน่ากลัวมาให้หนู” เมื่อได้ยินนัยน์ตาของภาคย์แข็งตัวขึ้น ก่อนจะแปรเปลี่ยนเป็นอ่อนโยน แล้วยกมือขึ้นลูบแก้มเด็กหนุ่ม แล้วเอ่ยถามเสียงอ่อนโยน

“หนูทิ้งไปหรือยัง ขอป๋าดูหน่อยได้ไหม?” เตโชส่ายศีรษะ ก่อนจะโถมตัวเข้าไปกอดภาคย์ แล้วเอ่ยด้วยเสียงอู้อี้ว่า

“ยังครับหนูไม่กล้าทิ้ง แต่ก็ไม่รู้จะทำอย่างไรด้วย เลยเก็บเอาไว้ในห้องเก็บของ” เมื่อได้ยินนัยน์ตาของภาคย์วาบวับ ก่อนจะพาเด็กหนุ่มลุกขึ้นแล้วเดินไปที่ห้องเก็บของ เตโชก้มหน้าลงมองพื้นด้วยท่าทางหวาดกลัว ก่อนที่ภาคย์จะเปิดประตูเข้าไปในห้องเก็บของด้วยสีหน้าเย็นชา แน่นอนว่าภาคย์ได้กลิ่นไม่พึงประสงค์ แต่มองไม่เห็นว่าของอยู่ที่ไหน จึงได้หันไปมองเตโชแล้วเอ่ยถามว่า

“หนูคะ ของที่ว่าอยู่ตรงไหน?” เมื่อได้ยินเตโชก็เกร็งตัวขึ้น ก่อนจะค่อยๆ เงยหน้ามองอีกฝ่าย ริมฝีปากของเด็กหนุ่มถูกกัดอย่างแรงจนเห็นบาดแผลทำเอาภาคย์อดสงสารในใจไม่ได้ ก่อนที่เตโชจะเอ่ยด้วยเสียงเบาว่า

“จริงๆ จริงๆ แล้วคุณป๋า....”

“ให้ป๋าดูเถอะนะ” ภาคย์รู้ดีว่าเด็กหนุ่มไม่อยากสร้างภาระให้ตัวเอง แต่ก็เพราะแบบนั้นภาคย์ก็ยิ่งอยากรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ก่อนที่เตโชจะเดินเข้ามาจับมือตัวเอง แล้วพาเข้าไปในส่วนลึกของห้องเก็บของ แล้วดึงเอากล่องสามกล่องออกมาจากใต้ชั้นที่ซ่อนไว้ค่อนข้างลึก นัยน์ตาของภาคย์หดตัวลงเมื่อมองเห็นของดังกล่าว ก่อนจะดึงเด็กหนุ่มเข้ามากอด แล้วพาออกไปจากห้องเก็บของ

“หนูไม่อยากให้คุณป๋ามองว่าหนูสร้างภาพ แต่หนูไม่รู้จะทำอย่างไรดี หนูกลัวว่าจะมีของแบบนี้ส่งมาอีก แต่ก็ไม่อยากให้คุณป๋ามองว่าหนูขี้ฟ้อง” เมื่อได้ยินภาคย์ก็ถอนหายใจ ก่อนจะกดจูบที่ศีรษะของอีกฝ่าย แล้วเอ่ยด้วยเสียงปลอบโยนว่า

“ไม่เป็นไรนะคะ หนูไม่ต้องคิดมาก เดี๋ยวเรื่องที่เหลือป๋าจัดการเอง ว่าแต่วันนี้เราไม่อยู่ที่ห้องแล้วดีไหม คุณป๋าพาหนูไปนอนโรงแรมริมแม่น้ำดีไหมคะ?” เมื่อได้ยินเตโชก็มีนัยน์ตาสั่นระริกของความขอบคุณ ก่อนจะกดหน้าและพยายามฝืนยิ้มว่า

“โอเคค่ะ หนูไปแต่งตัวก่อน คุณป๋ารอหนูก่อนนะ” พูดจบเจ้าตัวก็เร่งรีบเดินไปเปลี่ยนเสื้อผ้า ภาคย์จ้องมองเด็กด้วยสายตาอ่านยาก ก่อนจะกดโทรศัพท์หาพัด แล้วเอ่ยด้วยเสียงเยือกเย็นจนน่าขนลุกว่า

“มาที่เพนต์เฮาส์ของเต ดูในห้องเก็บของ ฉันต้องการรู้ว่าใครส่งมันมาภายในวันพรุ่งนี้”

[ครับท่านประธาน] แล้วภาคย์ก็กดตัดสาย ก่อนจะหรี่ตาลงยกยิ้มมุมปาก พลางเอ่ยพึมพำว่า

“หนูฉลาดคิดจริงๆ ให้ตายสิ” แล้ววันนั้นเตโชก็ถูกภาคย์พาไปนอนที่โรงแรมหรูริมแม่น้ำ ก่อนที่ภาคย์จะหนีบตัวเองไปที่บริษัทเป็นครั้งแรก!!

+++++

Lady Zombie

26/11/67

이 책을 계속 무료로 읽어보세요.
QR 코드를 스캔하여 앱을 다운로드하세요

최신 챕터

  • (จบ)ผมอยากเป็นคุณชายไม่อยากเป็นแค่เด็กเลี้ยง (Mpreg, Yaoi)   บทสุดท้าย จับเสือมือเปล่า

    บทสุดท้าย จับเสือมือเปล่าเส้นทางของเตโชเดินมาไกลมาจริงๆ จากเด็กสลัมที่ต้องดิ้นรนอยู่ในครอบครัวเฮงซวย สู่เด็กเลี้ยงที่ต้องแย่งชิงความรักจากคุณป๋า และมาสู่แม่ของลูกที่ไร้สถานะมาหลายปี ก่อนจะกลายเป็นคุณชายของอัครพิเสธถูกต้องตามกฎหมายในปัจจุบัน เพราะแบบนั้นเตโชจึงรู้สึกว่าตัวเองโตขึ้นจากแต่ก่อนที่คิดหวังเพื่อต้องการขึ้นเป็นคุณชายของอัครพิเสธเพียงเท่านั้น ตอนนี้เตโชสงบลงแล้ว มองโลกได้กว้างขึ้น และเลี้ยงลูกด้วยความรักความห่วงใยอย่างเต็มเปี่ยม ตอนนี้อาโปอายุได้ 5 ขวบแล้ว เจ้าตัวเรียนอยู่อนุบาลสอง และนี่เป็นเพียงช่วงปิดเทอมเท่านั้น ภาคย์กับเตโชเลยตกลงกันว่าจะพาลูกชายไปเที่ยวทะเลเพื่อพักผ่อนหนีร้อนในเมืองคุณป๋าอาสาขับรถมาเองเพราะอยากออกไปเที่ยวกับครอบครัวแบบธรรมดา อาโปนั่งที่เบาะด้านหลังร้องเพลงเจื้อยแจ้วอย่างสนุกสนาน ก่อนที่เจ้าตัวจะเอ่ยขึ้นมาว่า “คุณแม่ น้องคืออะไร?ใจ๋ใจ๋บอกว่าตัวเองกำลังมีน้องล่ะ” เมื่อได้ยินสีหน้าของเตโชก็แดงก่ำเหลือมองคุณป๋าที่หัวเราะร่า ก่อนจะเอื้อมมือมาจับมือตัวเอง แล้วเอ่ยด้วยเสียงอารมณ์ดีว่า“น้องคือเพื่อนเล่นอีกคนครับ ทำไมอาโปอยากมีน้องหรือ?” เมื่อได้ยินอาโปก็ย่นคิ

  • (จบ)ผมอยากเป็นคุณชายไม่อยากเป็นแค่เด็กเลี้ยง (Mpreg, Yaoi)   บทที่ 19 ดีดลูกคิดรางแก้ว

    บทที่ 19 ดีดลูกคิดรางแก้วภายในสลัมโชคจ้องหนังสือพิมพ์ที่กำลังแปะพาดหัวข่าวการแต่งงานของยักษ์แห่งวงการยา แน่นอนว่าสิ่งที่ทำให้โชคสนใจไม่ใช่เรื่องราวความรักหวานชื่นแต่เป็นภาพของภรรยาคุณชายคนใหม่แห่งอัครพิเสธ อย่างเตโช อัครพิเสธต่างหากที่ทำให้โชคเลียริมฝีปากที่แห้งผาก ก่อนจะเอ่ยด้วยเสียงแหบพร่าว่า “ไอ้เต มึงอยู่นี่นี้เอง” ใช่โชคกำลังมองหาลูกชายคนเล็กที่หายตัวไปราว 10 กว่าปีได้ มันทิ้งให้ตัวเองต้องเผชิญกับเรื่องบัดซบหนีเอาตัวรอดคนเดียวแบบนี้ โชคยิ่งแค้นใจนัก ตนจ้องมองชื่อและนามสกุลใหญ่ที่ว่า ก่อนจะยืมมือถือของลูกน้องคนหนึ่งมากดเสิร์ชหาที่อยู่ของบ้านอัครพิเสธในวันแรกโชคมาที่บริษัทยาที่ชื่อว่า เภตรา ฟาร์มาซูติคอล ซึ่งเป็นบริษัทที่ผัวไอ้เตมันทำงานอยู่ โชคมาด้อมๆ มองๆ อยู่บริษัทอยู่หลายวันถึงได้รู้ว่ารถคันไหนเป็นรถที่ผัวไอ้เตมันนั่ง หลังจากนั้นก็พยายามสะกดรอยตามไปถึงที่บ้าน ตอนแรกโชคหาทางไปบ้านไม่เจอเพราะคาดกันหลังจากนั้นผ่านไปไม่นานก็มาถึงบ้านหลังใหญ่ โชคมองบ้านหลังใหญ่ด้วยความโลภในดวงตา ก่อนจะเผยริมฝีปากเมื่อเห็นจากไกลๆ ว่าเตโชมันออกมาพร้อมเด็กตัวเล็กอีกคนน่าจะเป็นลูกมันโชคคิดในใจ ก่อนจะเ

  • (จบ)ผมอยากเป็นคุณชายไม่อยากเป็นแค่เด็กเลี้ยง (Mpreg, Yaoi)   บทที่ 18 กิ่งทองใบหยก

    บทที่ 18 กิ่งทองใบหยกเตโชนั่งอ่านข่าวของน้ำฟ้าและวิจิตรกาลในโทรศัพท์มือถืออย่างใจเย็น รอยยิ้มมุมปากถูกยกขึ้นก่อนที่พี่เนยจะเอ่ยพร้อมกับเล่นกับน้องอาโปไปด้วยว่า “ดีแล้วค่ะที่คนเลวแบบนั้นโดนจับ” เตโชหุบยิ้มมุมปากก่อนจะเอ่ยด้วยเสียงเห็นใจว่า“สงสารก็แต่น้องน้ำตาลไม่รู้ป่านนี้เป็นอย่างไรบ้าง?” เมื่อได้ยินเนยก็ถอนหายใจ ก่อนจะเอ่ยด้วยเสียงโมโหว่า“ไม่น่าเห็นใจเลยค่ะ เด็กอะไรไม่รู้ทำไมรังแกอื่นไปทั่วแบบนั้น” เตโชพยักหน้ารับอย่างเห็นด้วยแต่ไม่ได้เอ่ยอะไรอีก ตนคิดว่าน้ำฟ้าจะจัดการกับตัวเอง แต่คิดไม่ถึงว่าน้ำตาลจะรังแกลูกชายตัวเองจริงๆ เห็นได้ชัดว่านี่น่าจะเป็นพฤติกรรมการส่งเสริมจากมารดาอย่างไม่ต้องสงสัย คงไม่มีเด็กสิบขวบที่ไหนมารังแกคนอื่นถ้านิสัยไม่เสียจริงๆ เพราะแบบนั้นเตโชจึงพูดออกมาจากใจจริงๆ ที่เป็นห่วงน้ำตาล เพราะเด็กหญิงคงเผชิญหน้ากับเรื่องเลวร้ายแบบนี้เพราะการกระทำของมารดาทั้งนั้น และไม่นานคุณป๋าก็กลับมาถึงบ้าน เตโชพาลูกชายออกไปต้อนรับเหมือนอย่างทุกวัน แต่วันนี้ต่างไปนิดหน่อยเพราะคุณป๋าดูเหมือนมีอะไรในใจ เมื่อขึ้นมาบนห้องหลังจากเตไปส่งลูกชายเข้านอน ก็เห็นภาคย์นั่งลงที่ปลายเตียงกำลังรอ

  • (จบ)ผมอยากเป็นคุณชายไม่อยากเป็นแค่เด็กเลี้ยง (Mpreg, Yaoi)   บทที่ 17 พออ้าปากก็เห็นลิ้นไก่

    บทที่ 17 พออ้าปากก็เห็นลิ้นไก่ภาคย์นั่งอ่านรายงานที่พัดส่งมาให้ตัวเองด้วยสีหน้าจริงจัง จากการสอบสวนน้ำฟ้า เธอตั้งท้องจริงหลังจากหย่ากับภาคย์มีโอกาสเป็นไปได้มากว่าเด็กคนนั้นเป็นลูกของภาคย์ แต่เรื่องนี้ก็ยังไม่แน่ชัดเมื่อในสูติบัตรของน้ำตาลในช่องพ่อถูกเว้นชื่อเอาไว้ ส่วนสาเหตุที่เธอกลับมาในช่วงสิบปีน่าจะเป็นผลมาจากครอบครัวของเธอเกิดปัญหา ตอนหย่ากันสินสมรสถูกแบ่งออกอย่างเท่าเทียมกัน และภาคย์ก็ยุติการร่วมมือระหว่างวิจิตรกาลและอัครพิเสธไปแล้วเพื่อความชัดเจน เพราะแบบนั้นตนจึงไม่ได้ใส่ใจเรื่องของวิจิตรกาลอีกต่อไป จนมาทราบตอนนี้ว่าทางวิจิตรกาลกำลังจะถูกฟ้องล้มละลาย เนื่องจากการหนีภาษีมาหลายปี “ท่านประธานอยากให้ผมสืบต่อไหมครับ?” ภาคย์วางเอกสารลงบนโต๊ะทำงาน ก่อนจะเอ่ยด้วยเสียงจริงจังว่า“ให้แม่บ้านเก็บเส้นผมของน้ำตาลมาให้อย่างลับๆ ในเมื่อน้ำฟ้าไม่ต้องการตรวจพิสูจน์ความเป็นพ่อเพื่อให้เรื่องนี้กระจ่างฉันคงต้องใช้วิธีนี้เท่านั้น”“ครับท่านประธาน” ก่อนที่ภาคย์จะเอ่ยต่อว่า“อีกเรื่องติดต่อคนจากวิจิตรกาล ฉันต้องการพูดคุยด้วยหน่อย” พัดเอ่ยตอบรับก่อนจะออกไปเหลือเพียงภาคย์ที่นั่งมองเอกสารในห้องด้วยสายต

  • (จบ)ผมอยากเป็นคุณชายไม่อยากเป็นแค่เด็กเลี้ยง (Mpreg, Yaoi)   บทที่ 16 พูดไปสองไพเบี้ย นิ่งเสียตำลึงทอง

    บทที่ 16 พูดไปสองไพเบี้ย นิ่งเสียตำลึงทอง“ตอนเราหย่ากันฉันก็ท้องน้องน้ำตาลแล้ว แต่ฉันไม่คิดจะบอกคุณ เพราะคิดว่าไม่จำเป็น แต่ดูเหมือนตอนนี้คุณจะมีลูกแล้ว ฉันแค่ไม่อยากให้น้องน้ำตาลไม่ได้รับในสิ่งที่ควรได้รับ เพราะฉะนั้นฉันมาที่นี่วันนี้เพื่อบอกให้คุณรู้ว่าคุณยังมีลูกสาวอีกคนอยู่ด้วย”“!!!!!!!!!!!!!!” ภาคย์จ้องหน้าหญิงสาวตรงหน้าด้วยสายตาตกตะลึง ก่อนจะเอ่ยด้วยเสียงแหบแห้งว่า “แล้วทำไมคุณถึงเพิ่งมาบอกผมตอนนี้น้ำฟ้า?” เมื่อได้ยินน้ำฟ้าก็ยักไหล่อย่างไม่แคร์อะไร ก่อนจะเอ่ยด้วยเสียงราบเรียบว่า“เพราะฉันไม่คิดว่าคุณจะเชิดชูลูกของเด็กเลี้ยงคนนั้นออกหน้าออกตาอย่างไรเล่า รู้แบบนี้ตอนนั้นฉันไม่หย่ากับคุณน่าจะดีกว่า” น้ำฟ้าเอ่ยพลางยกกาแฟขึ้นจิบ ก่อนจะมองใบหน้าอดีตสามีด้วยสายตาราบเรียบเย็นชา เธอกับภาคย์แต่งงานกันเพราะผลประโยชน์ของคนรุ่นเก่า ทำตามคำสัญญาบ้าบอของคนแก่ที่ไม่คิดว่าจะทำ ชีวิตรักบนเตียงของภาคย์ก็ดีไม่แย่ แค่ตอนที่หย่าเธอดันมีลูกติดท้องมาด้วยเท่านั้น“ผมอยากตรวจ DNA ” เมื่อได้ยินน้ำฟ้าก็เบ้ปากก่อนจะเอ่ยเสียงไม่ยี่หระว่า“แต่ฉันไม่อนุญาต” เมื่อได้ยินภาคย์ก็ย่นคิ้วจ้องมองเธอด้วยสายตาสงสัย ภ

  • (จบ)ผมอยากเป็นคุณชายไม่อยากเป็นแค่เด็กเลี้ยง (Mpreg, Yaoi)   บทที่ 15 ชี้นกบนปลายไม้

    บทที่ 15 ชี้นกบนปลายไม้วันนี้เหมือนทุกวันภาคย์กำลังทำงานอยู่ที่บริษัท แต่จู่ๆ พัดก็เข้ามาแล้วเอ่ยด้วยเสียงเบาว่า “ท่านประธานครับ คุณอินติดต่อมาว่าอยากขอพบท่านครับ” เมื่อได้ยินภาคย์ก็เงยขึ้นจากกองเอกสาร ก่อนจะเอ่ยด้วยเสียงสับสนว่า“อิน? ใคร?” อาจจะเพราะหลายปีแล้วที่ภาคย์ไม่ได้ติดต่อกับอีกฝ่ายทำให้ความทรงจำเลือนรางไปบ้าง ก่อนที่พัดจะเอ่ยอธิบายว่า“หนึ่งในเด็กในปกครองท่านครับ แต่เลิกติดต่อกันไปหลายปีแล้ว” เมื่อได้ยินภาคย์ก็ย่นคิ้ว ก่อนจะเอ่ยด้วยเสียงราบเรียบว่า“ทางนั้นติดต่อมาทำไม?”“ไม่บอกเหตุผลไว้ แค่ต้องการติดต่อท่านครับ” ภาคย์เอนหลังพิงพนักพิง ก่อนจะหรี่ตาลงแล้วเอ่ยด้วยเสียงราบเรียบว่า“ข้อมูลทั้งหมดของอินหลังเจ้าตัวออกจากฉันไป และตอบตกลงอีกฝ่ายเป็นเย็นนี้ที่ร้านอาหาร x ขอข้อมูลของเจ้าตัวก่อนออกไปเย็นนี้”“ได้ครับ” ภาคย์ไม่รู้ว่าอินกลับมาหาตัวเองด้วยเรื่องอะไร แต่ที่ยอมไปพบเพราะเห็นแก่ที่มีอดีตร่วมกันมาสักพักแล้วตัวเองเป็นฝ่ายบอกลาอีกฝ่ายก่อน ถ้าเป็นเรื่องเล็กน้อยภาคย์ก็ยังช่วยได้ แต่ถ้ามากกว่านั้นก็อย่าหาว่าภาคย์ใจร้ายเลยเถอะและเมื่อตอนเย็นมาถึงภาคย์ที่เพิ่งอ่านเอกสารของอินจบก็มี

더보기
좋은 소설을 무료로 찾아 읽어보세요
GoodNovel 앱에서 수많은 인기 소설을 무료로 즐기세요! 마음에 드는 책을 다운로드하고, 언제 어디서나 편하게 읽을 수 있습니다
앱에서 책을 무료로 읽어보세요
앱에서 읽으려면 QR 코드를 스캔하세요.
DMCA.com Protection Status