เข้าสู่ระบบ“แดกเข้าไป สั่งมาแล้วก็แดกให้หมด อย่าลืมว่าร้านจำกัดเวลา”
เห็นบรรยากาศเริ่มมาคุ เซฟเลยคีบเนื้อย่างใส่ถ้วยผมไม่ยั้ง จนผมต้องหันไปแหวลั่น ก็ไอ้อันที่มันตักมาให้นี่ ผมไม่ได้สั่งมานะ!
กลุ่มเราเริ่มกลับมาหัวเราะครึกครื้น พาให้บรรยากาศผ่อนคลายลงมาก ตอนนี้ผมโดนเพื่อนบอยคอตหัวเดียวกระเทียมลีบไปแล้ว เลยได้แต่หันไปหาไต้ฝุ่นผู้ช่วยเพียงหนึ่งเดียวคนนี้
“ช่วยกินหน่อย”
“อืม”
ไต้ฝุ่นตอบสั้น ๆ พลางช่วยกินหมูในถ้วยผมจริง ๆ ผมแสยะยิ้มมุมปากใส่เพื่อนทั้งสาม ท่าทางสื่อว่าพวกมึงทำอะไรกูไม่ได้หรอก!
“...” เพื่อนสามคนที่รู้สึกหมั่นไส้บางคน
กินกันเสร็จก็ถึงเวลาเช็กบิล ไต้ฝุ่นเป็นคนเดินหยิบบิลไปจ่ายเงิน โดยที่มีผมตามหลังไปด้วย เห็นยอดเงินค่าอาหารเกือบครึ่งหมื่นผมก็ได้แต่สูดปากเบา ๆ
“เดี๋ยวฉันช่วยออกในส่วนของเปากับโอบแทนนะ”
ผมออกปากอย่างเกรงใจ ไต้ฝุ่นจะเลี้ยงผมกับเซฟอันนี้ผมไม่ติดอะไร เพราะเขาก็ควรทำจริง ๆ ทว่าโอบกับเปานั้นเป็นแค่ผลพลอยได้
“ไม่ต้อง” ไต้ฝุ่นยื่นบัตรเครดิตไปให้พนักงาน
“ไต้ฝุ่น เดี๋ยวพวกกูโอนให้นะ คนละเท่าไร” ทัพเดินตามหลังออกมา ทำท่าทางกดโทรศัพท์ยิก ๆ คาดว่าคงเตรียมจะโอนค่าอาหารคืน
“ไม่ต้อง” คำตอบเดิมอีกครั้ง พาให้เมษากับทัพเงยหน้ามองเขาด้วยสายตาแปลกประหลาด
พวกเขาคบกันมานานแล้ว แม้จะรู้ว่าบ้านไต้ฝุ่นรวย แต่เพื่อความเท่าเทียมและไม่ให้กลายเป็นการเกาะเพื่อนกิน ทุกครั้งที่กินมื้อใหญ่ก็จะจบลงที่การหารกันเสมอ นี่เลยทำให้พวกเขาคบกันมาได้นานขนาดนี้
“ทำไม?” ทัพทำหน้างุนงง เบนสายตามองพวกผมที่กำลังคุยเล่นกันอยู่ ก่อนจะทำหน้าเข้าใจอะไรบางอย่าง “มึงจะเลี้ยงฉลองที่มีแฟนหรือไง”
“อืม”
“...” พวกผมสี่คนที่ได้รู้ความจริงว่า ไต้ฝุ่นเลี้ยงข้าวทำไมก็อึ้งกิมกี่
แม้ทัพจะเข้าใจเหตุผลที่ไต้ฝุ่นเลี้ยงข้าว แต่กลับเป็นเมษาที่เหมือนจะไม่ยินยอมนัก “กูไม่ได้อยากกินของฟรี เดี๋ยวโอนให้”
“แล้วแต่” ไต้ฝุ่นตอบราบเรียบ ไม่ได้สนใจเพื่อนที่หน้าหมองไปเล็กน้อย ทั้งยังหันไปบอกราคาอาหารให้อีกฝ่ายเสียด้วย
ผมมองพวกเขาเงียบ ๆ ไม่กล้าสอดปาก ผมก็พอรู้มาก่อนแล้วว่าไต้ฝุ่นนิสัยค่อนข้างขรึม ไม่เห็นหัวใครสุด ๆ แต่ไม่คิดว่ากับเพื่อนสนิทเขาก็ทำแบบเดียวกัน
หลังจากจ่ายเงินเสร็จ ทัพก็ขอตัวแล้วลากเมษาที่ฟึดฟัดออกไปทันที พวกผมมองตามแต่ละคน มีคำพูดที่อัดแน่นอยู่เต็มอก
อ่า หรือว่าผมจะทำอะไรที่ไม่ควรไปแล้วหรือเปล่านะ ผมไม่พูดออกมา ไม่ได้หมายความว่าเพื่อนคนอื่นจะไม่พูด
“ไอ้เมษาอะไรนั่น ทำท่าอย่างกับชอบมึง” เซฟเอ่ยขึ้น
เผชิญหน้ากับสายตาสี่คู่ ไต้ฝุ่นก็ส่ายหน้าเล็กน้อย “ก็ปกตินั่นแหละ กูชินแล้ว”
ท่าทางของไต้ฝุ่นทำราวกับไม่ได้สนใจอะไรมากนัก เซฟเลยไม่ได้พูดอะไรออกมาต่อ ตอนนี้บรรยากาศกำลังดี ไม่ควรไปกวนให้ขุ่นอีกรอบ
แม้ไต้ฝุ่นจะบอกว่าไม่มีอะไร แต่พวกผมสี่คนที่เป็นคนนอกนั้นมองออกอย่างชัดเจน และคิดว่าทัพก็น่าจะมองออกเช่นกัน ถึงได้รีบลากตัวอีกฝ่ายออกไปแบบนี้
ในเมื่อมันเป็นเรื่องของพวกเขาสามคน คนนอกแบบพวกผมก็ได้แต่เงียบปากไป ไม่สมควรที่จะเอ่ยขึ้นมาอีกครั้งให้เกิดความรู้สึกไม่ดีต่อกัน
กินมื้อใหญ่กันเสร็จ ตอนนี้เป็นเวลาบ่ายโมงกว่า ไหน ๆ ก็มาห้างกันแล้ว พวกเราทั้งห้าคนเลยยกโขยงกันไปโรงหนังต่อ โดยไม่มีใครถามความเห็นผมสักคน
“...”
เมื่อคืนไม่ได้นอน แล้ววันนี้ยังต้องโดนเพื่อนลากไปทั่ว ผมได้แต่ปิดปากเงียบอย่างไม่กล้าคัดค้าน
จะค้านได้ไง ก็ดูเพื่อน ๆ ที่กำลังสนุกสิ ไหนจะไต้ฝุ่นที่กลมกลืนเข้ากับกลุ่มพวกผมเป็นอย่างดีนี่อีก ทั้งที่ตอนแรกผมละกลัวว่าพวกเขาจะเขม่นกัน จนเที่ยวไม่สนุกซะแล้ว
ไม่รู้ทำไม แต่ผมอยากให้เขาสนิทกับเพื่อนอีกสามคนของผมมากกว่านี้เหมือนกัน
หนังที่กำลังจะฉายรอบถัดไปเป็นหนังผี แน่นอนว่าคนกลัวผีแบบผมย่อมไม่อยากดูอยู่แล้ว แต่ก็นั่นแหละ ยิ่งค้านพวกเซฟมันก็ยิ่งชอบเลย
“ไม่อยากดูเหรอ” ไต้ฝุ่นหันมาถามผม
“ใช่” ผมตอบกลับ พลางส่งสายตาอ้อนวอนใส่คนที่น่าจะอยู่ข้างผมตลอดกาลคนนี้
ไต้ฝุ่นประสานสายตากลับ ทำท่าทางครุ่นคิดจริงจัง ก่อนจะหันไปหาเซฟ “เอาเรื่องนี้แหละ”
“...”
ไอ้เวร ขอถอนคำพูดว่าเขาจะอยู่ข้างผมตลอดกาล ไอ้คนพวกนี้ก็เหมือนกันหมด เห็นผมกลัวก็ชอบมาแกล้งกันอยู่เรื่อย
และแล้วก็ถึงเวลาเข้าโรงหนัง ผมทำหน้าบูด สะบัดหน้าเป็นเชิงงอนพวกมัน เลยโดนฝ่ามือพิฆาตเข้าเต็มกระบาลจนเห็นดาวไปเลย
“ชิ” ผมสบถเบา ๆ ยกมือลูบหัวที่โดนตบ ท่าทางน้อยอกน้อยใจเพื่อน
“เจ็บเหรอ” ไต้ฝุ่นยกมือมาลูบหลังศีรษะผมเบา ๆ
“หึ” ผมส่งเสียงประชด สะบัดใบหน้าหนี
นี่ก็อีกคน แทนที่จะช่วยกัน กลับไปเห็นดีเห็นงามกับสามคนนั้นอีก
“ไม่ต้องไปโอ๋มันหรอก หนังผีเด็กอนุบาลแบบนี้ก็ยังกลัว อ่อนว่ะ” เปาพูดล้อเลียน
ผมชูนิ้วกลางกระแทกหน้ามัน แต่แล้วก็ต้องรีบเก็บลงเมื่อนึกขึ้นได้ว่าไต้ฝุ่นก็อยู่ด้วย ท่าทางแบบนี้มันออกจะไร้มารยาทไปสักหน่อย
ทั้งห้าคนมาถึงก็นั่งประจำที่ตัวเอง ที่ของพวกเราอยู่หลังสุด ติดทางเดินตรงกลาง โดยที่แรกผมให้ไต้ฝุ่นนั่ง ตามด้วยผม เซฟ เปา และโอบ ตามลำดับ
แน่นอนสิ คนขี้กลัวแบบผมยังไงก็ต้องมีคนนั่งปิดอยู่แล้วปะ แต่จะให้ไต้ฝุ่นไปนั่งติดเพื่อนคนอื่นที่เพิ่งรู้จักกันวันนี้ ผมก็กลัวเขาจะอึดอัด เพราะงั้นลำดับการนั่งแบบนี้ดูค่อนข้างโอเคกว่า
ผมหันซ้ายหันขวามองสองคน คนหนึ่งเพื่อนสนิทต่างคณะ อีกคนก็แฟน (ปลอม) อย่างหมายมาด พวกมันจ้องจะแกล้งผม เดี๋ยวรอให้ผีโผล่ก่อนเถอะ ผมจะกรี๊ดใส่ให้หูแตกทั้งคู่ไปเลย
ใครจะไปคิดว่าโฆษณามันจะยาวเป็นครึ่งชั่วโมงขนาดนี้ ผมปรือตามองจอตรงหน้า บวกกับแอร์เย็นฉ่ำที่เป่ารดจนสบายไปทั้งตัว ในที่สุดผมก็คอพับลงไปอย่างง่ายดาย ท่ามกลางสติอันพร่าเลือน ผมรับรู้ว่ามีฝ่ามือหนาคู่หนึ่งประคองศีรษะให้ไปพิงไหล่อีกฝ่าย แม้จะอยากลืมตามอง แต่ตอนนี้ไม่ไหวแล้วจริง ๆ
อืม กลิ่นนี้...
**
“ไม่อยากจะเชื่อเลย! ดูหนังผีมึงก็ยังหลับได้ทั้งเรื่อง” โอบพูดขึ้นมาด้วยท่าทางเหลือเชื่อ มองผมตาโต
“แหม พอมีแฟนแล้วมึงอ้อนจังวะ มาอ้อนพ่อมึงนี่มา” เปาพูดพลางอ้าแขนออก ทำท่าบอกให้เข้าไปหา
“อ้อนหน้ามึงสิ” ผมค้อนตาใส่เพื่อน
พวกมันคงไม่รู้ แต่ไต้ฝุ่นรู้ว่าผมไม่ได้นอนเลยทั้งคืน ถึงอย่างนั้นเขาก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา
พวกเราใช้เวลาไปกับการเดินเที่ยวห้างตั้งแต่เที่ยง จนกระทั่งสี่ห้าโมงเย็นถึงค่อยพากันกลับ
ไต้ฝุ่นไม่ยอมปล่อยให้ผมกลับกับเพื่อน ไม่ว่าจะค้านยังไงก็ไม่เป็นผล เลยต้องตามใจเขาอย่างช่วยไม่ได้ สุดท้ายผมต้องโบกมือลาเพื่อนสนิทไปพร้อมกับสายตาเห็นใจจากพวกมัน
ทั้งที่ก่อความผิดร่วมกัน แต่ตอนนี้พวกมันกลับทำเหมือนไม่ใช่เรื่องของตัวเองแล้ว ให้ตาย แบบนี้เรียกเพื่อนแท้สินะ!
พอเหลือกันสองคนผมถึงได้หันมามองหน้าไต้ฝุ่นอีกครั้ง นี่ก็อีกคน ไหนบอกว่าแค่แฟนหลอก ๆ ไง
เข้าใจแหละว่าอยากทำให้เหมือน แต่นี่ก็เทกแคร์มากเกินไปหน่อยไหม ผมไม่ค่อยชินซะด้วยสิ แล้วก็ไม่อยากชินด้วย
เพราะถ้าชินขึ้นมา แล้ววันหนึ่งผมกับเขา...
“เป็นอะไร”
ไต้ฝุ่นถามขึ้นมาเมื่อเห็นว่าผมมองหน้าเขานิ่ง ผมส่ายหน้าเบา ๆ แล้วเดินนำไป “กลับกันเถอะ ง่วง”
“นอนขนาดนั้นยังง่วงอีก?”
“ฉันไม่ได้นอนทั้งคืนเลยนะ!”
“แล้วทำไมไม่นอน เรื่องในเพจเหรอ”
“ก็ใช่แหละ”
ผมตอบกลับ อันที่จริงมันก็มีหลายเรื่อง ทั้งเรื่องไต้ฝุ่น เรื่องเพจ เรื่องเพื่อนสามคน พอคิดวนไปมารู้ตัวอีกทีก็เช้าแล้ว ได้นอนในโรงหนังไปแค่สองชั่วโมง มันพอที่ไหนกัน
ไม่รู้ว่าเผลอหลับไปตอนไหน แต่ผมกับไต้ฝุ่นกลับถูกปลุกขึ้นมาด้วยเสียงเรียกเข้าที่ดังไม่หยุดในช่วงเช้ามืด ริงโทนนี้ไม่ใช่โทรศัพท์ผมแน่นอน“รับโทรศัพท์สิ!” ผมฟาดเข้าที่อกไต้ฝุ่นอย่างไม่เบาแรงด้วยเหตุการณ์เมื่อคืนที่อารมณ์ค้างคา ทั้งยังนอนไม่ค่อยหลับ เพิ่งหลับได้ไม่นานก็ยังโดนปลุกแต่เช้าอีก รวม ๆ แล้วเลยทำให้ผมรู้สึกหงุดหงิดอย่างบอกไม่ถูกผมพลิกตัวหนีไปอีกทาง ยกผ้าห่มขึ้นมาคลุมโปง ซุกหน้าลงกับหมอน ต้องการตัดขาดจากสิ่งรบกวนทั้งหมด“พี่ฝน อือ ทำไมเช้าจัง ผมไม่อยากปลุกคิริน เฮ้อ ก็ได้”แม้จะมุดเข้าผ้าห่ม แต่ก็ยังได้ยินเสียงพูดคุยของไต้ฝุ่นอยู่ดี ถึงจะจับใจความไม่ได้จนเหมือนเสียงหึ่ง ๆ ของแมลง อีกทั้งมือหนายังลูบศีรษะผมไปมา นั่นยิ่งทำให้ผมหลับไม่ลงเท่าไร“คิริน ตื่นเร็ว” ไต้ฝุ่นกระซิบข้างหัว แขนหนายื่นมาดึงผมเข้าไปกอดทั้งตัว“ไม่” ผมตอบสั้น ๆ ในใจหงุดหงิดสุดขีดที่ถูกรบกวนการนอนเมื่อกี้ตอนสายเรียกเข้าดัง ผมลืมตามองออกไปนอกหน้าต่าง เห็นว่าท้องฟ้ายังสลัวอยู่เลย มันน่าจะยังไม่ห
แฟนเก่าเมษาผมกับเดอะแก๊งทำหน้าทึ่ง รู้สึกว้าวมากที่เมษามีแฟนเก่าหล่อขนาดนี้ พึงรู้ไว้ว่าชายรักชายไม่ได้มีกันอยู่เกลื่อนสังคมขนาดนั้น การที่จะหาคนไทป์เดียวกันทั้งยังหน้าตาดีนี่มันยากพอกับการงมเข็มในมหาสมุทรเลยนะ“สเปกเพื่อนมึงนี่สูงใช้ได้” เซฟพูดออกมาอย่างไม่ได้ใส่ใจ“มึงอย่ามองแต่หน้าตา ไอ้ห่านั่นแม่งชอบทำร้ายร่างกาย” ทัพขมวดคิ้วแน่น ทำท่าจะลุกออกไปทว่ากลับโดนไต้ฝุ่นกดบ่าเอาไว้“ตอนนั้นเราช่วยให้เมษามันหลุดออกมาจากไอ้เวรนั่นได้แล้ว มันก็สัญญาว่าจะไม่มายุ่งกับเมษาอีก การที่ทั้งคู่อยู่ด้วยกันแบบนี้ อาจเป็นไปได้ที่เพื่อนมึงกลับไปหามันเอง เพราะงั้นครั้งนี้ให้มันเรียนรู้ด้วยตัวเองซะ หรือมึงจะตามไปช่วยตลอดชีวิตกัน” ประโยคยาวเหยียดถูกกล่าวออกมาสิ่งที่ไต้ฝุ่นพูดออกมาค่อนข้างมีเหตุผลมากเลยทีเดียว“แต่ว่า...” ทัพมีท่าทางลังเลอย่างเห็นได้ชัดผมที่มองอยู่นานก็รู้สึกจนใจแทนเขาเหมือนกัน จากที่ดู ทัพเป็นคนรักเพื่อนมากจริง ๆ ขนาดวันที่เมษาโดนไต้ฝุ่นเปิดโปง หรือแม้แ
“ไปกัน”ไต้ฝุ่นมองหน้าผม มือหนาแบออกมาด้านหน้า ไม่ต้องให้พูดซ้ำสองก็รู้ว่าต้องทำอะไร ผมวางมือลงบนฝ่ามืออีกฝ่าย จากนั้นก็ถูกเขาจูงเดินออกไปทางหน้าโรงแรมที่เพื่อน ๆ รออยู่แม้จะมีสายตามากมายทั้งจากพนักงานหรือจากแขกคนอื่นที่มองมา กลับไม่ได้ทำให้ผมกับเขาปล่อยมือออกจากกันแต่อย่างใด ไม่สิ ต้องบอกว่าไต้ฝุ่นไม่ยอมปล่อยต่างหากไอ้ตัวผมมันก็หน้าบางราวกับกระดาษ ส่วนคุณชายด้านข้างนี่ยิ่งกว่าอิฐโบกด้วยปูนเสียอีก นอกจากไม่อายที่มีคนมองแล้ว กลับยังเชิดคอขึ้นท่าทางมั่นใจสุดขีดนี่คือพลังของคนหล่อและรวยสินะ ที่เขาว่ามีตังค์จะทำอะไรก็ไม่ผิดนี่โคตรจริงถึงผมจะสตรีมให้แฟนคลับดูบ่อย ๆ ทว่าตอนนั้นผมไม่ได้เห็นสายตาของพวกเขาเสียหน่อย กระทั่งมาอยู่กับไต้ฝุ่นก็ถูกคนที่มหาวิทยาลัยจ้องตลอด แต่ไม่ว่ายังไงก็ไม่ชินอยู่ดีคิดอะไรเพลิน ๆ ผมที่เดินหาเศษเหรียญตามพื้นก็ชนเข้ากลางหลังของไต้ฝุ่นเมื่ออีกฝ่ายหยุดกะทันหัน“หยุดทำไม” ผมชะโงกหัวออกไปมอง เห็นเป็นหญิงสาวหน้าตาสะสวยคนหนึ่ง ถึงผมจะไม่ค่อยตามแฟชั่น แต่ก็มองออกว่าท
หลังจากเรื่องวุ่นวายทั้งหลายผ่านพ้นไป ในที่สุดก็มาถึงวันสุดท้ายของการสอบปลายภาคสักที!ชีวิตของผมที่เคยราบเรียบมาตลอด กระทั่งมาเจอเข้ากับไต้ฝุ่นกราฟชีวิตก็กลายเป็นขึ้นลงอย่างกับคลื่นสัญญาณชีพ ทำเอาเหนื่อยสุด ๆ และเพื่อผ่อนคลายความเหนื่อยที่สะสมมาตลอดเทอมวันนี้พวกเราเลยกะว่าจะไปทะเลกัน!ไปมันหลังสอบเสร็จนี่แหละ ขอแค่หลังจากนี้อย่ามีอะไรมาขัดอีกก็พอ ไม่งั้นผมจะลงไปนอนดิ้นกับพื้นแน่นอนตอนนี้ผมกำลังยืนรอแฟนคนนั้นที่ทั้งหล่อและฉลาดทำข้อสอบวิชาสุดท้ายอยู่หน้าห้องจนขาแข็งไปหมด ให้ตายเหอะ เพื่อนเขาออกมากันจนจะหมดแล้ว เมื่อไรเขาจะเสร็จเนี่ย!เมื่อก่อนไต้ฝุ่นมักไปไหนมาไหนกับเพื่อนสนิทเท่านั้น แม้แต่วิชาเรียนก็ลงคล้ายกันหมด แน่นอนว่าในห้องสอบย่อมต้องมีเพื่อนของเขา ทว่าตอนนี้กลับเหลือแค่ทัพคนเดียวเท่านั้น ส่วนเมษาก็หายหน้าไปเลยตั้งแต่วันที่เขามาโวยวายในโรงอาหารวันนั้นจากการเลียบ ๆ เคียง ๆ ถามอาจารย์ ก็ได้ความว่าเขาดร็อปเรียนไปและก็ไม่รู้ว่าจะกลับมาตอนไหนผมพอเข้าใจเขานะ เพราะถ้าลองเปลี่ยนมาเป็นตัวเองก็คงไม่กล้ามาเรีย
ข้อความพวกนี้เพิ่งถูกโพสต์ได้ไม่นาน ในเมื่อพวกเราเห็นแล้ว คนอื่นย่อมต้องเห็นเช่นกัน โดยเฉพาะคนต้นเรื่องที่กำลังเดินดุ่มเข้ามาในโรงอาหารด้วยใบหน้าโกรธจัด“ไต้ฝุ่น ทำไมต้องทำกันขนาดนี้ด้วย” มาถึงเมษาก็ตรงเข้าหาไต้ฝุ่นทันที ทั้งดวงตาและใบหน้าแดงก่ำ หยาดน้ำตาเอ่อคลอ “มึงเกลียดกูขนาดนั้นเลยเหรอ”ไต้ฝุ่นมองหน้าเพื่อนตัวเล็กแล้วพูดเสียงเรียบ “กูไม่เคยเกลียดมึง แต่เป็นมึงที่ทำตัวเองนะ”“กูทำตัวเองยังไง ทั้งหมดมันก็เพราะกูชอบมึงนะไต้ฝุ่น!” ยิ่งพูดเสียงก็ยิ่งดังขึ้นเรื่อย ๆตอนนี้เป็นเวลาพักเที่ยง นักศึกษาของทั้งคณะแทบจะมากองอยู่ที่นี่กันหมด เพราะงั้นคนที่เห็นเหตุการณ์นี้เรียกได้ว่าไม่น้อยเลย“กูควรดีใจงั้นสิ?” ไต้ฝุ่นประชด “มึงคิดว่าที่ตัวเองทำมันถูกต้องงั้นเหรอ”เมื่อโดนความกดดันจากไต้ฝุ่น เมษาสะอึกก่อนจะเถียงเสียงแข็ง “ถึงมันจะผิด แต่มึงต้องทำขนาดนั้นเลยหรือไง ให้พวกมันออกมาโพสต์ประจาน นี่กะจะไม่ให้กูมีที่ยืนแล้วใช่ไหม!”“แล้
กลางดึกไต้ฝุ่นก็ถูกพี่สาวบังเกิดเกล้าปล่อยตัวกลับมาในสภาพเดียวกับทหารผ่านศึก พอเห็นว่าผมยังคงเล่นโทรศัพท์อยู่เขาก็รีบพุ่งตัวมานอนทับ พลางถูหน้าไปมากับอกผมอย่างออดอ้อน“เหนื่อย”ถึงจะแอบหนักกับขนาดตัวของเขาที่ใหญ่กว่า แต่ก็ไม่ได้บ่นอะไรออกไป ผมโอบแขนไปที่หลังเขา มือก็ลูบปลอบไปมาพลางชวนคุยไปด้วย “จะว่าไปแล้ว olive_2 ที่ใช้ตั้งชื่อแชตนี่ชื่อแมวเหรอ ทำไมวันนี้ไม่เห็นเลยละ”นี่เป็นเรื่องที่ผมสงสัยมานานแล้ว ทั้งรูปโพรไฟล์ก็ยังเป็นแมวดำอีกด้วย คนแบบไต้ฝุ่นถ้าไม่ใช่สิ่งที่ชอบจริง ๆ เขาไม่น่าเอามาตั้งแบบนี้แน่นอน“อืม มันชื่อโอลีฟ เป็นแมวตัวแรกแล้วก็ตายไปตอนอายุได้สองขวบ” ไต้ฝุ่นซุกหน้าพูดกับอกผมด้วยน้ำเสียงอู้อี้ เลยเดาไม่ออกว่าเขารู้สึกยังไงตอนพูดออกมา“โทษที” ผมกระซิบ เลื่อนมือขึ้นมาลูบศีรษะเขาเบา ๆ“ปลอบหน่อย” จู่ ๆ ไต้ฝุ่นก็เงยหน้าพรวดพลางยื่นหน้ามาหอมแก้มผมเสียเต็มปอด ไม่ว่าจะมองจากมุมไหนก็ไม่มีเค้าของความเสียใจจนต้องปลอบเลยสักนิด“เอาความเห็นใจ

![นายบำเรอของมาเฟีย [Mpreg]](https://acfs1.goodnovel.com/dist/src/assets/images/book/43949cad-default_cover.png)





