ผลลัพธ์เท่ากับ ‘รัก’
EP.4
คนในใจ
บรรยากาศหน้าตลาดตอนเที่ยงวันไม่คึกคักเหมือนในตอนเช้าอาจเพราะไอแดดแผดแสงจ้าผู้คนจึงเลือกที่จะอยู่บ้านกันเสียมากกว่า ร้านค้าที่ตั้งร้านขายบริเวณอาคารด้านหน้าปากทางถนนตัดเข้าสู่ตลาดสดมองดูเงียบเหงาไม่น้อย ทว่าร้านหนึ่งยังคงมีลูกค้านั่งรับประทานมื้อกลางวันอย่างเนืองแน่นไม่ต่างไปจากทุกที
ยังไม่ทันที่ร่างสูงจะเดินถึงตัวคนที่มาด้วยกัน นรีก็ล่วงหน้าไปนั่งที่โต๊ะซึ่งยังว่างเว้นจากการจับจอง สายตาหลายคู่หันมองเจ้าตัวจนปราณลังเลที่จะเดินเข้าหา แต่แน่นอนว่าเขาไม่มีทางเลือก
ขณะที่หญิงสาวเอ่ยปากสั่งอาหารกับลูกจ้างร้านซึ่งกำลังยืนรอรับออร์เดอร์เขาก็นั่งลงฝั่งตรงข้าม นอกจากสายตาสนอกสนใจในความสวยชวนมองของลูกค้าไม่คุ้นหน้าแล้ว ยังมีสายตาแปลกใจชำเลืองมองเขาด้วยอีกคน
“อะไรพี่วีระ?” ชายหนุ่มโยนกุญแจรถลงบนโต๊ะ ทำทีชวนคนรู้จักพูดคุยเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจ “ไอ้เหนือไม่เข้าร้าน?”
วีระ เป็นลูกจ้างของเพื่อนสนิทเขาซึ่งเป็นเจ้าของร้านข้าวมันไก่ชื่อดังประจำอำเภอที่มีทั้งลูกค้าประจำและลูกค้าขาจร รวมถึงลูกค้ารายใหญ่รายย่อยที่สั่งอาหารอื่น ๆ สำหรับจัดเลี้ยงนอกสถานที่ในทุกเทศกาล
ขณะนี้ลูกจ้างของเพื่อนเอาแต่มองเขาสลับกับนรีด้วยสายตาประหลาดใจ แต่โชคยังดีที่สุดท้ายอีกฝ่ายเพียงพยักพเยิดไปนอกตัวร้านตอนให้คำตอบ
“ลูกพี่มานู่นแล้วครับ”
พูดจบวีระก็เร่งรีบเดินจากไปพร้อมตะโกนบอกออร์เดอร์ให้คนรับหน้าที่สับไก่หลังตู้กระจกบานยาวรับทราบ ประกอบกับคำบอกกล่าว เสียงมอเตอร์ไซค์คุ้นหูก็ทำให้ปราณต้องเอี้ยวตัวหันมองไปทางด้านหลัง นรีเองก็มองตามเช่นเดียวกัน
หญิงสาวคิดว่าตนน่าจะรู้จักกับ เหนือ ที่มีการเอ่ยถึง หากเป็นเหนือคนเดียวกับที่เป็นเพื่อนสนิทของปราณ เธอต้องรู้จักอย่างแน่นอนเพราะคนทั้งคู่เรียนด้วยกัน ทั้งยังตัวติดกันแทบจะตลอดเวลา
ห่างออกไปทางฟุตพาทหน้าร้าน ร่างโปร่งสูงกำลังดับมอเตอร์ไซค์เอาขาตั้งลงด้วยท่วงท่าทะมัดทะแมง ผิวกายขาวสะอาดตาประกอบกับเรือนผมสีอ่อนเป็นประกายยามแสงอาทิตย์ตกกระทบ ยิ่งขับให้คนที่ว่าโดดเด่นชวนมอง แม้เวลาจะล่วงผ่านไปนานนับสิบปีตั้งแต่เรียนจบ แต่แค่ได้เห็นนรีก็จำได้ทันทีว่าเป็นเหนือคนเดียวกัน
ด้านเจ้าของร้านข้าวมันไก่เองก็สังเกตเห็นกระบะสภาพสมบุกสมบันคุ้นตาตั้งแต่ร้อยเมตรก่อนมาถึงหน้าร้าน เหนือแปลกใจไม่น้อยที่วันนี้เพื่อนสนิทมาเยือนถึงที่
แม้จะสนิทชิดเชื้อกันดี แต่เพื่อนมักแวะเวียนไปหาที่บ้านมากกว่าเพราะน้องสาวเจ้าตัวอยู่ที่นั่น ทั้งคู่เป็นทองแผ่นเดียวกันตั้งแต่เขากับปายซึ่งเป็นน้องสาวคนเดียวของปราณแต่งงานกันไปเมื่อหลายปีก่อน
นานทีปีหนเพื่อนสนิทควบด้วยตำแหน่งพี่เขยจะโผล่มาเจอกันที่ร้านเขาสักที อีกทั้งวันนี้คนที่ว่ายังนั่งร่วมโต๊ะกับผู้หญิงคนหนึ่งที่มองในแวบแรกก็ถึงกับต้องเลื่อนหัวคิ้วชนกัน
ไอ้ปราณไม่น่าจะชอบผู้หญิงแต่งตัวหรูหราหมาเห่าแบบนั้น
ทว่าเมื่อมองข้ามบ่าสหายซี้ และได้สบตากับหญิงสาวเต็มตาเหนือก็จำนรีได้ทันที เห็นแล้วถึงกับเดินสะดุดฟุตพาทเกือบได้ล้มคว่ำคะมำหงาย
จะไม่ให้เขาตกใจได้อย่างไร…
คนซึ่งไม่ได้สนิทสนมกับทั้งเขาและเพื่อนอย่างนรี เหตุใดจึงมาโผล่อยู่ที่นี่ มานั่งกินข้าวร้านเขาในตอนนี้ ซ้ำยังมากับไอ้ปราณที่เกลียดขี้หน้ากันยิ่งกว่าอะไร หันมองหน้าเพื่อนอีกที เหนือก็รู้ว่าคงไม่ใช่สถานการณ์ปกติอย่างแน่นอน…
สีหน้าเซ็งจัดของปราณแทบจะบ่งบอกความรู้สึกทุกอย่าง ปกติเจ้าตัวก็มีอารมณ์หงุดหงิดบ้างตามประสาคนไม่มีเมีย ฟีลใกล้เคียงคนวัยทอง แต่วันนี้น่าจะหงุดหงิดกว่าทุกวัน…
“นรีมาทำอะไรที่นี่?”
เจ้าของร้านเดินถึงตัวคนทั้งคู่ก็เอ่ยปากทักทายลูกค้าคนใหม่ทันที ทว่าหางตากลับเหล่มองอีกคนที่ถึงกับหันหน้าหนี เปิดน้ำเปล่ากระดกดื่มรวดเดียวเกือบหมดขวด
นรีเห็นคนซึ่งนั่งอยู่ด้วยกันเสียอาการจนออกนอกหน้า ก็จำต้องเป็นฝ่ายรีบเฉลยข้อข้องใจให้คนรอคำตอบฟัง
“เรามาทำธุระ”
“ทำธุระที่นี่?”
“อืม”
นรีพยายามจะยิ้มให้เพื่อผูกมิตรกับเพื่อนเก่า แม้จะยังมีแววประหลาดใจในสายตาเขา แต่โชคดีที่เหนือเป็นคนยิ้มเก่งเป็นทุนเดิมและไม่ได้เป็นประสาทเหมือนคนบางคน แค่เขายิ้มตอบ เธอก็รู้สึกปลอดโปร่งโล่งใจ อย่างน้อยน่าจะได้เพื่อนไว้คุยแก้เบื่อตอนอยู่ที่นี่
แต่เมื่อมองเห็นสายตาของปราณที่ราวกับจะส่งสารบางผ่านทางโทรจิต นรีก็เพิ่งรู้ว่าอีกฝ่ายกำลังคิดเห็นเช่นไร และเธอก็ต้องตกอยู่ในสภาวะกลืนไม่เข้าคายไม่ออกในวินาทีเดียวกัน เมื่อระลึกได้ว่าความสัมพันธ์ระหว่างทั้งคู่ในตอนนี้ค่อนข้างที่จะอธิบายยากมาก
หากใช้ชีวิตที่นี่จนครบกำหนดคลอดจริง เหนือจะต้องรู้อย่างแน่นอนว่าเธอกำลังตั้งครรภ์ และอาจรู้ไปถึงเด็กในท้องเป็นลูกของปราณ
“ลูกพี่!”
เสียงลูกจ้างร้านดังขึ้น ส่งผลให้ร่างสูงที่ยืนอยู่ข้างโต๊ะหันไปให้ความสนใจ เจ้าของร้านพยักหน้าตอบกลับเสียงเรียก ก่อนเอ่ยถามนรีด้วยความเร่งรีบ
“อยู่หลายวันรึเปล่า?”
“ก็คงหลายวัน…” ทว่าคราวนี้นรีอึกอักตอบได้ไม่เต็มเสียง
“งั้นไว้ค่อยคุยกัน”
เหนือยิ้มกว้างให้เพื่อนเก่า พร้อมกันก็วางมือบีบบ่ากว้างของปราณคล้ายจะให้กำลังใจ ก่อนจะละจากไปเพราะเสียงเรียกหายังคงดัง บ่งบอกว่าตัวเขามีเรื่องให้ต้องรีบไปจัดการ
บรรยากาศรอบตัวยังคงมีเสียงพูดคุยจอแจ ทว่าที่โต๊ะของสองคนกลับเงียบเชียบลงโดยพลัน มีเพียงสายตาเท่านั้นที่ประสานกันด้วยความรู้สึกกระอักกระอ่วน
ปราณที่ก็รู้สึกจะเป็นบ้าอยู่ก่อนแล้ว ตอนนี้ความรู้สึกที่ว่ายิ่งทวีคูณไปกันใหญ่ เขารู้ดีว่าคงไม่สามารถเก็บเรื่องนรีกับลูกเป็นความลับได้ อย่างน้อยก็กับคนซึ่งเป็นเพื่อนสนิท แค่เห็นสายตาเคลือบแคลงใจของไอ้เหนือ ก็รู้ว่าไม่ช้าก็เร็วมันจะต้องมาเค้นเอาความจริงอย่างแน่นอน
ครึ่งชั่วโมงต่อมา
“นู่นซูเปอร์มาร์เก็ต” ปราณชี้บอกไปยังทิศทางหนึ่ง ตาคมชำเลืองมองคนที่ยืนอยู่ข้างกันซึ่งกำลังยกมือขึ้นป้องแสงแดดก่อนเอ่ยเสริมเสียงเรียบ “หรูสุดแล้วในละแวกนี้”
ซูเปอร์มาร์เก็ตที่ว่าเป็นอาคารชั้นเดียวขนาดไม่เล็กไม่ใหญ่เกินไปนัก สภาพอาคารสีสันหลุดล่อนเป็นด่างดวงบ่งบอกถึงอายุอานามซึ่งคงผ่านร้อนผ่านหนาวมาแล้วหลายสิบปี
เห็นสีหน้าแปลกประหลาดของนรีแล้ว ปราณก็แอบนึกขำอยู่ในใจ คนซึ่งคงเดินแต่ห้างหรูตามไลฟ์สไตล์การดำเนินชีวิตที่เคยได้เห็น คงไม่คุ้นชินกับอะไรประเภทนี้กระมัง คนพื้นที่อย่างเขายังคงพยายามตีหน้าขึงขังตอนพยักพเยิดไปอีกทาง
“ส่วนนู่นตลาดสด มีทุกอย่างที่ชาวบ้านเขากินกัน หมูเห็ดเป็ดไก่มีหมด แต่ไอ้ประเภทเนื้อชั้นดีหรือวัตถุดิบนำเข้าเกรดพรีเมียม ต้องขอแสดงความเสียใจด้วยเพราะที่นี่คงไม่มี”
ประโยคท้ายที่ราวกับจะเหน็บแนมทำเอาคนฟังเงยหน้าหันมอง นัยน์ตาสีอ่อนของหญิงสาวหรี่ลงเล็กน้อย นรีรู้ทันว่าปราณกำลังกวนประสาท แต่แค่เห็นว่าเธอกำลังมองเจ้าตัวก็ทำทีชี้โบ๊ชี้เบ๊ไปทางอื่น
“นั่นร้านวัสดุช่างเผื่อสนใจ”
เขาเห็นเธอแมนนักหรือยังไง?
“มีร้านทำผมไหม?” เพียงแค่นรีตั้งคำถาม ปราณก็ถึงกับเดาะลิ้นเบนตามองไปทางอื่น
“อยู่ฟากนู้น ใกล้ ๆ สถานีรถไฟ” เขาชี้บอกทาง ก่อนจะค้านเสียงในประโยคถัดมา “ท้องแบบนี้ไม่เห็นต้องทำผงทำผม แดดก็ร้อน ๆ จะออกมานู่นนี่เพื่อ…”
“ช่างฝีมือดีไหม?” นรีตัดบท
“ไม่รู้ พอดีวัน ๆ เก็บแต่ทุเรียน” ปราณเองก็สามารถต่อความได้อย่างรวดเร็วชนิดไม่มีติดขัด
สองหนุ่มสาวมองตากันหลายวินาที ก่อนที่นรีจะเป็นฝ่ายถอนหายใจกับคำตอบที่ราวกับจะยียวนอยู่ในที นอกจากมีนัดกับหมอสูติฯ แล้ว ในอนาคตอันใกล้เธออาจมีแนวโน้มต้องเข้าพบจิตแพทย์ด้วยเสียแล้วกระมัง
ขณะเดียวกันปราณก็ยังคงชี้ต่อไปอีกทางซึ่งเป็นอาคารถัดจากหน้าร้านข้าวมันไก่ที่สองคนกำลังยืนคุยกัน
“นั่นร้านเกษตรภัณฑ์”
ไม่จำเป็นต้องบอกนรีก็รู้ เพราะบนอาคารที่ว่ามีป้ายตัวเบ้อเร่อกำกับอยู่ที่ด้านบน
“ร้านไอ้เหนือ”
“ร้านของเหนือเหรอ?”
ทว่าเมื่อได้ฟังการขยายความนรีก็ถึงกับต้องมองกลับไปยังทิศทางเดิม และได้เห็นคนซึ่งทั้งคู่กำลังพูดถึงเดินออกมาจากด้านในพอดี แต่ปราณไม่ได้สนใจจะให้ข้อมูลเพิ่มเติม เขาผละเดินไปแล้วโดยไม่แม้แต่จะเอ่ยปากเรียก
ปากอิ่มเม้มเข้าหากัน ขมวดคิ้วมองตามหลังคนซึ่งเดินด้วยท่าทางผึ่งผายห่างออกไป ทั้งยังส่งเสียงตะโกนทักทายคนรู้จักอย่างอารมณ์ดี รอยยิ้มระบายกว้างที่เคยได้เห็นเมื่อนานมาแล้วยังเหมือนเดิม ปราณยังคงอัธยาศัยดีกับคนอื่นเสมอ
คงมีแค่เธอ… ที่อีกฝ่ายมักจะเตรียมตั้งป้อมโจมตีตลอดเวลา
ระหว่างก้าวเท้าเดินตามยังไม่ทันจะถึงตัว ก็พบว่าร่างสูงกำลังหยุดคุยกับผู้หญิงคนหนึ่ง นรีที่ไม่ทันคิดอะไรเดินมาหยุดลงที่ข้างกัน ก่อนจะได้เห็นว่าขณะนี้เขามีสีหน้ากระอักกระอ่วนเพียงใด
“ใครเหรอปราณ?” คนซึ่งชายหนุ่มหยุดคุยด้วยเป็นฝ่ายเอ่ยทำลายความเงียบขึ้นก่อน สายตาเจือแววประหลาดใจหันมองที่นรี
ระหว่างที่หญิงสาวทั้งสองยิ้มให้กันเพื่อแสดงความเป็นมิตร ผู้ชายหนึ่งเดียวในที่นี้กลับรู้สึกใกล้จะบ้าเต็มที
ปราณรู้ดีว่าไม่ช้าก็เร็ว ดุจดาว จะต้องได้ยินข่าวเรื่องของนรีซึ่งหลายเดือนต่อจากนี้จะต้องมาอยู่อาศัยบ้านเดียวกับเขา แต่ไม่คิดว่าจะได้เจอหน้ากันเร็วขนาดนี้ ชายหนุ่มนอนก่ายหน้าผากคิดไม่ตกมาตลอดคืน
จะบอกคนที่ตัวเขาเองมีใจให้อย่างไรว่าตอนนี้…
เขากำลังจะเป็นพ่อคน
นรีมองเห็นความห่วงหาอาทรเจือในแววตาของคนซึ่งกำลังทอดสายตามองบุคคลที่สาม ประกอบกับความประหม่าของเจ้าตัวที่เธอถึงขั้นสัมผัสได้ จึงตัดสินใจเป็นฝ่ายให้คำตอบแทน
“นรีนะคะ เป็นเพื่อนของปราณค่ะ” ริมฝีปากอิ่มระบายยิ้มหวาน ทั้งยังรีบเบียดกายเข้าแทรกระหว่างคนทั้งคู่
ปราณที่ยังคงใบ้กินได้แต่หลุบตามองคนที่เกิดจะอัธยาศัยดีขึ้นมากะทันหัน เขาค่อนข้างประหลาดใจที่ได้เห็นนรีผูกมิตรกับคนอื่นง่ายดายเช่นนี้ ต่างจากที่เคยได้เห็นเมื่อนานมาแล้วชนิดแทบไม่ใช่คนเดียวกัน
“พอดีต้องมาทำธุระที่นี่น่ะค่ะ อาจจะได้เจอหน้ากันบ่อย ๆ ฝากตัวด้วยนะคะ” เสียงเจื้อยแจ้วของนรียังคงฟังดูเป็นมิตรจนน่าตกใจ แม้ปราณจะแอบขมวดคิ้วในใจ แต่ทำได้เพียงพยักหน้าตามน้ำไปตามเรื่องตามราว
“นรีเป็นเพื่อนเรา มาจากกรุงเทพฯ”
“ยินดีที่ได้รู้จักนะคะคุณนรี ดุจดาวค่ะ” เมื่อได้ฟังคำยืนยัน ดุจดาวก็เผยยิ้มกว้างให้คนแปลกหน้าอีกครั้ง ทว่ายังคงเงยขึ้นมองเขาด้วยสายตาประหลาด… แน่นอนว่าประหลาดไปกว่าทุกที…
ปราณรู้ว่าดุจดาวยังคงข้องใจ แต่สถานการณ์เช่นนี้เขาไม่อาจอธิบายอย่างเป็นจริงเป็นจังได้ สุดท้ายจึงหลบสายตาหันหานรี แสร้งเอ่ยเรื่องเท็จประหนึ่งทั้งคู่ไม่ได้อาศัยอยู่บ้านเดียวกัน
“เดี๋ยวเราไปส่ง”
“ไปสิ” ถึงตัวคนที่ว่าก็รีบพยักหน้ารับอย่างกระตือรือร้น ช่วยพ่อของลูกในท้องเล่นละครตบตาอย่างเป็นจริงเป็นจัง
นรีไม่ใช่คนโง่ เธอมองปราดเดียวก็รู้ว่าดุจดาวคงเป็นคนที่ปราณหมายตาต้องใจ แต่ค่อนข้างชัดว่าสองคนน่าจะไม่ใช่แฟน ถ้าหากเป็นแฟนจริง ปราณคงไม่อาจหาญถึงขั้นจะไปส่งหญิงอื่นต่อหน้าต่อตาคนรัก
“จะไปเลยเหรอ?”
ขณะเดียวกันดุจดาวถึงกับเลิกคิ้วมองคนซึ่งให้ความสนใจในตัวเธอมานมนาน แต่เพราะเธอเองเป็นฝ่ายลังเลใจด้วยยังไม่สามารถตัดขาดกับผู้ชายอีกคนได้ระหว่างทั้งคู่จึงไม่มีสถานะ ทว่าเมื่อได้เจอปราณอยู่กับผู้หญิงคนอื่น ก็ไม่คิดว่าจะพลั้งเผลอแสดงอาการบางอย่างโดยไม่รู้ตัว
“ปราณจะไปส่งคุณนรีเหรอ?”
“ไว้ค่อยคุยนะดาว เราต้องเข้าสวนต่อ”
ปราณตอบกลับด้วยการพยักหน้าส่ง ๆ แม้จะมองท่าทีคนคุ้นเคยออก แต่เขาต้องการเวลาคิดหาคำพูดดี ๆ ให้ได้เสียก่อนจึงตัดสินใจยุติการสนทนาเพียงเท่านี้
ร่างสูงผละจากวงสนทนาเป็นคนแรก เหลือเพียงผู้หญิงสองคนที่หันมองหน้ากันเอง นรีพยายามปั้นยิ้มเพื่อแสดงความเป็นมิตรอีกครั้งก่อนจำต้องรีบเดินตามปราณไปอีกคน
ทิ้งให้คนด้านหลังทอดสายตามองตาม ทั้งความฉงนสงสัยเริ่มเกาะกุมเข้าสู่จิตใจ ดุจดาวไม่เชื่อในคำบอกกล่าวที่เพิ่งได้ยิน อาจประกอบกับท่าทางลนลานของปราณก็ด้วยที่ทำให้ตีความได้เช่นนั้น แม้เธอจะมีคำถาม แต่ก็ทำได้เพียงเก็บไว้ที่ข้างใน
ทางด้านนรีเมื่อขึ้นมานั่งอยู่ข้างกันบนรถคันเดิม ก็ได้เห็นเข้ากับสีหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออกยิ่งกว่าเมื่อชั่วโมงก่อนของคนข้างกาย ปราณกำลังมองผ่านกระจกไปยังทิศทางที่ทั้งคู่เพิ่งเดินจากมา
จากสายตาที่ได้เห็นค่อนข้างชัดว่านรีไม่ได้คิดไปเอง ดูเหมือนว่าเธอกำลังจะสร้างปัญหาให้เขาเข้าแล้วจริง ๆ
ตอนพิเศษ 5เจ้าตัวน้อยที่เรียกว่ารักหลายปีผ่านไปบรรยากาศในสวนยามบ่ายคล้อยของวันไม่ต่างไปจากทุกทีแสงอาทิตย์นวลตาสาดส่องลอดผ่านกิ่งก้านผอมบางของไม้ใหญ่จนเกิดเป็นร่มเงา สายลมพัดโชยผ่านไม่ขาดสายส่งผลให้ใบไม้ร่วงกราวจากด้านบน ลานดินละลานตาด้วยสีสันของใบไม้แห้งที่ยังไม่ได้รับการเก็บกวาด เสียงนกร้องดังคลอผสานไปกับเสียงเสียดสีของใบไม้ ทุกอย่างยังคงดำเนินไปในแบบที่ควรจะเป็น…หากที่ต่างคงเป็นเพราะตอนนี้ปอป่านลูกชายตัวน้อยของนรีและปราณกำลังอยู่ในวัยเดินเตาะแตะ เสียงหัวเราะของเจ้าตัวน้อยดังผสานไปกับเสียงเด็กอีกคนที่กำลังวิ่งเล่นอยู่ด้วยกัน หากเด็กชายอีกคนตัวโตกว่าเพราะอายุอานามมากกว่าหลายปีนรีในชุดคลุมท้องตัวยาว ส่งเสียงเรียก จ๋อม ให้จูงมือน้องกลับมานั่งที่แคร่ไม้หน้าบ้าน พร้อมวางผลไม้ซึ่งได้รับการปอกเปลือกเรียบร้อยแล้วรอให้เด็ก ๆ ได้กินตอนนี้หญิงสาวท้องแก่ใกล้คลอดเต็มทีเดินเหินไม่ค่อยสะดวกเท่าไรนัก จะลุกจะยืนก็ต้องระมัดระวัง โชคดีที่ช่วงนี้ได้จ๋อมหลานชายของเหนือเข้ามาช่วยเลี้ยงปอป่านในช่วงปิดภาคเรียน มิเช่นนั้นคงทำอะไรได้ไม่สะดวก“จ๋อมกินได้เลยนะ เดี๋ยวอาไปเอาของกินเล่นมาเพิ่มให้” นรีลูบหัว
ตอนพิเศษ 4คู่กัดสิบปีก่อน นรีเบื่อเต็มทีกับการต้องอดทนฟังเสียงเพื่อนสนิทร้องห่มร้องไห้เพราะเรื่องแฟน ลูกตาลสะอึกสะอื้นไม่หยุดมาร่วมชั่วโมงเข้าให้แล้วตลอดทั้งเช้าที่ผ่านมา “ถ้ามันไม่คุย วันนี้ฉันจะพาแกไปคุยให้รู้เรื่องเอง”เจ้าของเรือนร่างสะโอดสะองในชุดนิสิตขนาดพอดีตัวผุดกายขึ้นยืน คว้ากระเป๋าขึ้นคล้องแขน ตั้งท่าจะดึงลากเพื่อนซี้ให้เดินไปด้วยกัน แต่ลูกตาลกลับส่ายหน้าหวือ“คุยที่นี่เหรอ? ไม่เอาหรอกแก”“ไม่คุยที่นี่แล้วจะคุยที่ไหน? ในเมื่อแกไปหาที่ห้องมันก็ไม่ยอมคุย” ดวงหน้าอ่อนหวานเอ่ยทั้งเสียงหงุดหงิดเต็มทนมัน ที่นรีว่าคือ โชกุน เพื่อนร่วมคณะฯ ที่เห็นหน้ากันมาตั้งแต่ปีหนึ่ง ยันตอนนี้ล่วงเข้าปีที่สาม นรีก็ไม่คิดว่าลูกตาลจะไปคบกับคนที่ว่าได้ลง นอกจากเป็นพวกเจ้าชู้ตัวพ่อแล้ว ยังเที่ยวกลางคืนเก่งยิ่งกว่าอะไร ลับหลังคนเป็นแฟนอาจนอกลู่นอกทางได้ไม่ยากเย็นหากมองจากนิสัยที่เคยได้เห็นนรีเบื่อหน่ายกับความเป็นนักรักของเพื่อนเต็มที สเปกที่ลูกตาลชื่นชอบนั้น กี่ที ๆ ก็ลงเอยด้วยการน้ำตานอง… “เดี๋ยววันนี้ฉันจะลองไปคุยอีกที” ลูกตาลยังคงดึงดันย้ำในคำเดิม พลางก็ปาดน้ำตาออกจา
ตอนพิเศษ 3ราหูอมจันทร์ 3นรีรู้สึกสั่นไหวอยู่ในอกกับภาพเครื่องเพศของอีกฝ่ายซึ่งขณะนี้ผงาดตั้งลำอวดโชว์ความเป็นชาย ใจดวงน้อยเต้นรัวไม่เป็นส่ำกับความใหญ่โตสมตัวของเจ้าของ อายุก็ตั้งขนาดนี้ แต่นรียังไม่เคยมีโอกาสได้เห็นของจริง และของจริงที่ได้เห็นก็น่าประทับจิตประทับใจ ชวนให้รู้สึกหวามสั่นไปทั้งกาย…ขณะเดียวกันปราณกำลังใส่เครื่องป้องกันโดยไม่คิดถามความเห็นให้เสียเวลา หากนรีไม่ต้องการในสิ่งเดียวกับเขา เจ้าตัวคงร้องประท้วง ทว่าจากสายตาฉ่ำเยิ้มที่ทอดมอง ปราณสามารถตัดสินความรู้สึกหญิงสาวได้ด้วยตัวเองร่างสูงคลานขึ้นเตียงโดยมีของแข็งผงกหัวตามการเคลื่อนไหว ท่อนขาแข็งแรงเคลื่อนเข้าแทรกระหว่างสองขาเรียวงาม มือก็นวดเอ็นเนื้อไปพลางขณะที่คนเมาได้แต่หลุบตามองแท่งเนื้อลำโต ก่อนเมินหันหนีด้วยความเขินอาย นรีไม่ได้คิดว่าเหตุการณ์จะดำเนินมาถึงขั้นนี้ และแม้ใจจะอยากปฏิเสธ ทว่าอีกความรู้สึกดันมีมากกว่าปราณโน้มตัวเข้าหาเจ้าของกลิ่นกายหอมหวาน คลอเคลียจูบเข้าที่ซอกคอผ่องขาว เสียงพร่ากระซิบที่ข้างกกหูเล็กแผ่วเบา“เรื่องวันนี้ถ้าเธออาย สัญญาว่าเราจะไม่บอกใคร”คนฟังหันมอง ส่งเสียงอึกอักถามราวกับไม่เข้าใจในสิ่
ตอนพิเศษ 2ราหูอมจันทร์ 2 ยี่สิบนาทีต่อมา นรีหลับ หลับไปทั้งยังอยู่ในการประคองกอดของคนตัวโตปราณพยายามปลุกเรียกเท่าไรก็ไร้การตอบสนอง มีเพียงการส่งเสียง ‘อืม’ ในลำคอเท่านั้น และเพราะตอนนี้เขาเหนื่อย ร่างกายต้องการนอนพักเต็มที ประกอบกับดูเวลาแล้วจึงจำใจต้องพานรีกลับที่พักไปด้วยเตียงของโรงแรมตั้งกว้าง นอนสองคนไม่น่ามีปัญหา…อย่างไรก็คงไม่มีใครคิดอยากจะขึ้นคร่อมเหนือร่างของใคร… แต่เพียงแค่ประตูห้องปิดลง คนในอ้อมแขนกลับเปิดเปลือกตาขึ้นมอง แพขนตาเรียงตัวสวยกะพริบเพียงสองสามที กายอ่อนระทวยบนสองแขนของชายหนุ่มก็แข็งเกร็งขึ้นทั้งอย่างนั้น ตาคมหลุบมองดวงหน้าผุดผาดเรื่อแดงของคนที่สติเริ่มกลับมา พร้อมทั้งจำต้องรีบปล่อยอีกฝ่ายลงยืนบนพื้นทันที ก่อนใครจะเข้าใจผิดคิดว่าเขาเป็นคนประเภทชอบลักหลับ “เธอหลับ ปลุกเท่าไหร่ก็ไม่ตื่น” ปราณขยายความการกระทำด้วยน้ำเสียงราบเรียบไร้อารมณ์“อือ” คู่สนทนาผงกหัวรับ สีหน้ายังคงมึนงงกับอาการของตนเองราวกับไม่คิดติดใจอะไร ทว่าเพียงต้องยืนบนรองเท้าส้นสูง ปลีน่องเรียวเล็กก็เซวูบแทบล้มลงกองในวินาทีนี้นรีทำได้เพียงสะบัดศีรษะไล่คว
ตอนพิเศษ 1ราหูอมจันทร์ 1เพนต์เฮาส์หรูบนชั้นสูงสุดของตัวอาคารแห่งหนึ่งใจกลางเมืองหลวงของประเทศเป็นสถานที่ที่หญิงสาวไม่อยากเหยียบย่างเข้าใกล้เท่าไรนัก หากไม่ใช่เพราะต้องมาร่วมงานวันเกิดเพื่อนสนิทอย่าง ลูกตาล อย่างไรนรีก็คงไม่มา เพราะเจ้าของที่พักสุดหรูซึ่งเป็นแฟนหนุ่มของเพื่อนสนิท เป็นผู้ชายประเภทเจ้าชู้ ซ้ำยังชอบทำร้ายจิตใจคนเป็นแฟนอยู่บ่อยครั้ง ร่างผอมบางในชุดเดรสสีครีมสั้นเหนือเข่ายืนทอดอารมณ์กอดอกอยู่ทางมุมหนึ่งของระเบียงบนตึกสูงระฟ้ามาได้สักพักแล้ว เวลาล่วงผ่านเที่ยงคืน ค็อกเทลสีฟ้าสวยในมือหมดไปอีกแก้ว แต่เสียงเพลงรวมถึงแสงไฟจากด้านในก็ยังไม่มีทีท่าจะยุติลงนรีเริ่มรู้สึกมึนศีรษะ ตลอดหลายชั่วโมงที่ผ่านมาเธอใช้เครื่องดื่มผสมแอลกอฮอล์ชนิดนี้ฆ่าเวลาระหว่างรอเพื่อนทะเลาะกับแฟน แม้ว่าวันนี้เป็นวันเกิดเจ้าตัวก็ตามที และหลังจากยืนทอดอารมณ์เพียงลำพังอยู่นาน ก็ต้องสะดุ้งสุดตัวเมื่อมีชายสองคนมาหยุดยืนที่ข้าง ๆ “คุณนรีไม่เข้าไปด้านในเหรอครับ? หนาวนะ” “เข้าไปนั่งจอยกับพวกเราดีกว่านะครับ” “ไม่เป็นไรค่ะ ขอบคุณ” ปากอิ่มยิ้มให้คู่สนทนา ก่อนรอยยิ้มที่ว่าจะคลายล
ผลลัพธ์เท่ากับ ‘รัก’EP.47ผลลัพธ์เท่ากับรัก ตอนเย็น บรรยากาศในสวนตาหมานไม่มีอะไรต่างไปจากเดิมกับที่เคยเป็น รอบบริเวณมีเด็ก ๆ ลูกของคนงานวิ่งเล่นส่งเสียงเจี๊ยวจ๊าวกันเหมือนทุกวัน หลังจากติดต่อกับชิปปิงเรื่องการส่งออกผลิตผลลอตใหม่เรียบร้อยปราณก็เดินออกจากห้องทำงานในตอนเย็น วันนี้เขากับนรีมีนัดกินมื้อเย็นกับน้องสาวและคนเป็นสามีตาคมกวาดมองไปโดยรอบก็ทันได้เห็นร่างแบบบางคุ้นตายืนอุ้มลูกชายแนบไว้กับอก เสียงใจดีของนรีกำลังพูดคุยกับเด็กชายตัวเล็กคนหนึ่งที่วิ่งเล่นอยู่กับเพื่อน หญิงสาวแอบควักเงินจากกระเป๋ากระโปรงส่งต่อให้เด็กคนที่ว่าเป็นค่าขนมไม่ต่างจากทุกที คนมองพลันผุดยิ้มกว้างกับภาพที่ได้เห็น ปัจจุบันไม่มีใครในสวนตาหมานไม่รู้จักเมียของปราณ และไม่ใช่แค่ที่สวน หากแต่ในตลาดต่างก็รู้กันถ้วนหน้าว่านรีเป็นใคร ด้วยความช่วยเหลือในการกระจายข่าวของมดและกระถินที่ประกาศบอกชาวบ้านให้รู้ทั่วกันว่าสองหนุ่มสาวเป็นสามีภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมายตั้งแต่เมื่อปีกลาย และได้ร่วมงานมงคลสมรสหลังจากนรีคลอดลูกได้ไม่นานเพื่อยืนยันว่าข่าวดังกล่าวเป็นความจริง ร่างสูงเดินเข้าหาคนเป็นเมี