ผลลัพธ์เท่ากับ ‘รัก’
EP.5
ไม่ใช่เมีย
วันต่อมา
เมื่อวานไม่มีอะไรเกิดขึ้นเป็นพิเศษ ปราณส่งนรีที่บ้านเรียบร้อยก็กลับออกไปในทันที กว่ากระบะคันเดิมจะจอดสนิทลงที่หน้าตัวบ้านก็ปาไปเกือบสี่ทุ่ม แน่นอนว่าทั้งสองไม่ได้เจอกัน
วันนี้เจ้าของบ้านเข้าสวนตั้งแต่หัวรุ่ง หญิงสาวตื่นมาไม่เจอใครจึงอดคิดไม่ได้ว่า หากเขาไม่ได้ไปทำงานเช้าเป็นปกติ ก็คงไม่พ้นเลี่ยงที่จะเจอหน้ากัน
ตัวบ้านเงียบเชียบได้ยินเพียงเสียงแว่วมาจากที่ไกล ๆ ไอแดดยามสายสาดจ้าผ่านทางช่องแสงที่มีอยู่หลายจุดทั่วทั้งบ้าน มองผ่านหน้าต่างบานกระจกเห็นเพียงผืนนาขจีเขียวสดมองไปไกลสุดลูกหูลูกตา ต้นไม้ใบหญ้าไหวลู่พลิ้วเอนตามกระแสลม
นรีหยุดยืนนิ่งทอดสายตามองทัศนียภาพด้านนอกนานกว่านาทีโดยไม่รู้ตัว ทุกสิ่งให้ความรู้สึกถึงความเป็นชนบทของจริง ยิ่งย้ำเตือนในเรื่องที่ว่าเธอจะต้องใช้ชีวิตที่นี่ต่อไปอีกหลายเดือน
นรีเกิดและโตที่กรุงเทพฯ อีกทั้งเป็นคนประเภทชื่นชอบการใช้ชีวิตท่ามกลางแสงสีเสียง โปรดปรานความหรูหราสะดวกสบาย จำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าเดินทางออกต่างจังหวัดครั้งสุดท้ายตั้งแต่เมื่อไร รู้แค่ว่านานมากพอจะทำให้ความทรงจำครั้งที่ว่าเลือนหายไปกับกาลเวลา
วันนี้หญิงสาวคิดว่าจะลองไปตลาดด้วยตัวเองเพราะที่บ้านไม่มีอะไรให้กิน ผิดจากเมื่อวานที่ซื้อมื้อเย็นมาเตรียมไว้จึงไม่ต้องวิ่งหา กระนั้นสถานที่ที่ว่าก็อยู่ไม่ไกลจากตัวบ้านเท่าไรนัก ขับรถครู่เดียวก็คงถึง
นรีไม่ได้เอารถส่วนตัวมาจากกรุงเทพฯ ด้วยทางบ้านจะต้องเข้าใจว่าเธอไม่อยู่ที่ประเทศไทย รถหรูคันโปรดจึงจอดจำศีลอยู่ในโรงจอดเพื่อเป็นเครื่องยืนยันกับพ่อแม่ว่าจะไม่มีใครได้ใช้งานไปอีกนาน
พ่อกับแม่ไม่ใช่คนประเภทเข้าใจหรือยอมรับข้อผิดพลาดอะไรได้ง่าย ๆ นรีไม่แน่ใจหากบอกความจริงกับพวกท่านเหตุการณ์จะออกมาในรูปแบบใด เธอกลัวเหลือเกินว่าจะไม่เป็นอย่างที่ใจคิด การหนีปัญหาอาจไม่ใช่ทางเลือกที่ดีที่สุด แต่ก็ดีเท่าที่คิดได้ในปัจจุบันแล้ว
อย่างน้อยระหว่างที่กำลังอุ้มท้องก็สบายใจได้ว่าตัดปัญหาข้อสำคัญไปได้หนึ่งอย่าง การมาอยู่กับปราณไม่ใช่เรื่องน่าพึงพอใจ แต่อีกฝ่ายไม่ใช่คนประหลาดหรือผู้ชายประเภทพิลึกกึกกือ ปราณก็คนปกติ แค่เขาและเธอไม่ชอบหน้ากันมันก็เท่านั้น
และถึงจะเป็นเช่นนั้น นรีก็ไม่ได้คาดหวังจะได้รับการปฏิบัติเลิศเลออะไรจากเขาตั้งแต่แรก ฉะนั้นเธออยู่คนเดียวได้สบาย
ทว่าเสียงร้องเพลงอย่างอารมณ์ดีเป็นอันต้องงันชะงักลงเมื่อเดินออกมาที่ด้านนอกตัวบ้าน และได้พบว่ารถคันที่จอดอยู่ในโรงจอดเป็นกระบะรุ่นเก่าสีแดงมองดูบุโรทั่งเกินกว่าจะขับได้ สภาพตัวถังเกรอะกรังไปด้วยคราบสนิมเกาะ เป็นรถเก่าที่ราวกับหลุดออกมาจากโฆษณายุคแปดศูนย์ คะเนด้วยสายตาเดาได้ในทันทีว่าไม่น่าจะอยู่ในสภาพใช้งานได้ ถึงต่อให้ใช้ได้เธอก็ขับรถเกียร์กระปุกไม่เป็นอยู่ดี
ร่างแบบบางยืนนิ่งค้างอยู่ครู่ หันมองไปรอบตัวด้วยความรู้สึกตื่นกังวล ตัวบ้านตั้งอยู่เข้ามาในซอยลึก รอบบริเวณคงเป็นที่นาของใครสักคน แต่ไม่รู้ว่าเจ้าของนั้นอยู่ที่ไหน
สมองตั้งข้อสันนิษฐานขึ้นในทันทีว่าห่างออกไปในรัศมีหนึ่งกิโลเมตรอาจไม่มีบ้านคน เพราะเสียงรถราแว่วมาจากที่ไกล ๆ เท่านั้น ถนนเส้นเล็กที่ตัดผ่านหน้าบ้านไม่มีแม้เค้าของเครื่องยนต์รถสักคันดังใกล้เข้ามา
ใจฉุกคิดขึ้นได้ในตอนนี้เองว่าเธอยังไม่มีคอนแท็กต์ติดต่อกับเจ้าของบ้านแม้แต่ช่องทางเดียว ครั้นจะถามเพื่อนเรื่องส่วนตัวของเขาอีกครั้งก็อาจประหลาดเกินไป แค่เธอขอที่อยู่เขามาก็น่าแปลกมากพออยู่แล้ว และหากจะถามหาเหนือ ก็ไม่แน่ใจนักว่าปราณจะพอใจ…
ใจหนึ่งนรีคิดว่าจะสั่งอาหารผ่านแอปพลิเคชันจัดส่งแบบดีลิเวอรี แต่อีกใจก็อยากออกไปเปิดหูเปิดตาดูรอบตลาดว่ามีอะไรน่าสนใจบ้าง เพราะอย่างไรเธอก็ว่างตลอดทั้งวัน อีกทั้งเมื่อวานนั่งรถเข้าบ้านก็ใช้เวลาไม่นาน นรีคิดว่าไม่เหลือบ่ากว่าแรงที่จะลองเดินไปปากซอย สุดท้ายเธอจึงตัดสินใจคว้ารองเท้ามาสวม ทั้งไม่ลืมที่จะหยิบร่มติดมือไปด้วยหนึ่งคัน
หน้าตลาด
ช่วงสายของวันหน้าตลาดยังคงคึกคักด้วยบรรดาพ่อค้าแม่ขาย ร้านค้ายังคงเปิดให้บริการเต็มรอบบริเวณ ร้านข้าวมันไก่ซึ่งเป็นกิจการส่งต่อรุ่นต่อรุ่นของเหนือก็ยังคงเนืองแน่นด้วยลูกค้าหน้าเก่าเจ้าประจำเช่นเคยไม่ต่างไปจากทุกวัน
ทว่ามีอยู่คน… ที่ก็เป็นลูกค้าประจำเหมือนกัน แต่คนที่ว่าไม่ได้มาเยือนถึงร้านบ่อยนัก ปกติแล้วปราณจะสั่งอาหารให้คนเอาเข้าไปให้ที่สวน แต่วันนี้มาแปลก เหนือรู้สึกประหลาดใจที่ได้เห็นเพื่อนกำลังนั่งกระดิกขาตักข้าวเข้าปากอย่างเร่งร้อนอยู่ตรงหน้า
ปราณรู้ตัวว่ากำลังโดนจ้องด้วยแววตาสงสัยใคร่รู้ก็แสร้งเอ่ยปากถามถึงน้องสาวแท้ ๆ ซึ่งเข้ากรุงเทพฯ ไปทำธุระตั้งแต่เมื่อสัปดาห์ก่อน
“น้องกูกลับเมื่อไหร่?”
“น่าจะอาทิตย์หน้า”
“ทำไมไปนานนัก?”
“ทำไมนรีถึงมาอยู่นี่?”
เห็นทีการเบี่ยงประเด็นจะไม่ได้ผลดีเท่าที่ควร ไอ้เหนือกับตัวเขาสนิทสนมกันมานานรู้ไส้รู้พุงกันทุกเรื่อง แค่มองปราดเดียวคงเดาได้ว่ามีเหตุการณ์ผิดปกติบางอย่างเกิดขึ้น
“มาทำธุระ”
“ธุระอะไร? แล้วทำไมถึงไปอยู่กับมึง?”
“เดี๋ยวค่อยเล่า”
“เกิดอะไรขึ้น?”
ช้อนถูกแย่งไปจากมือ ทั้งจานข้าวที่พร่องไปได้แค่ส่วนหนึ่งก็ด้วย บ่งชัดว่าเพื่อนคงไม่เลิกตั้งศาลสอบสวนง่าย ๆ ปราณเงียบอยู่แค่ครู่เดียว ก็ตัดสินใจบอกความจริง
“นรีท้อง”
“ท้องกับใคร?” ความตระหนกฉายในแววตาคู่สนทนา ปราณคิดว่าไอ้เหนือต้องเดาได้แน่ มันแค่ถามเพื่อความชัวร์ก็เท่านั้น ถึงตัวเขาเองก็คร้านจะปิดบัง
“ท้องกับกู”
เมื่อได้รับคำยืนยันที่แน่นอน เพื่อนสนิทควบด้วยตำแหน่งน้องเขยหันขวับมองรอบตัวทันที ก่อนจะลากเก้าอี้ขยับเข้าประชิด กระซิบเสียงถามต่ออย่างร้อนรน
“มึงไปได้กันเมื่อไหร่? ทำไมกูไม่รู้?”
“มึงถามเหมือนพ่อกู”
“พาไปเจอลุงหมานมาแล้ว?”
“อืม”
“จะแต่งงาน?”
“ตอนแรกคิดว่างั้น แต่เจ้าตัวเขาไม่อยากแต่ง”
“เดี๋ยว ๆ มึงอยากแต่งงานกับนรี?”
นาทีนี้ไม่ใช่แค่เหนือที่กำลังหน้านิ่วคิ้วขมวด ฟังข้อสันนิษฐานของเพื่อนแล้ว ปราณก็ขมวดคิ้วมองกลับด้วยความรู้สึกเดียวกัน
“กูเนี่ยนะ อยากแต่งกับนรี?”
“ก็มึงพูด”
“เขาท้อง แถมยังมาหากูถึงนี่ คิดเป็นอะไรไปได้อีก?” ว่าที่คุณพ่อป้ายแดงยกมือขึ้นเสยผม สีหน้าเคร่งเครียดกว่าทุกครั้งที่เคยได้เห็น
“แล้วทำไมนรีไม่แต่ง? เดี๋ยวก่อน สรุปมึงไปได้กับเขาตั้งแต่เมื่อไหร่?” ขณะที่เหนือยังคงสับสนงุนงงในเรื่องราวที่ได้ฟัง ปราณก็ถึงคราวอ้ำอึ้งทำทีเสมองไปทางอื่น
“สรุปว่าได้กันตั้งแต่เมื่อไหร่?” คำถามเดิมยังคงถูกถามย้ำเมื่อไม่ได้รับการขยายความ
ปราณที่ไม่อยากเล่าถึงเหตุการณ์ราหูอมจันทร์ในคืนนั้นพลันหยัดกายขึ้นยืน วางเงินจ่ายค่าข้าวให้เพื่อนเสร็จปุ๊บก็คว้าถุงข้าวที่สั่งไว้เตรียมชิ่งการสนทนาทันที
“นรีคงอยู่ยาวจนคลอด ถ้าปายกลับมาแล้วบอกกูด้วย”
“เดี๋ยว อย่าเพิ่งไป”
“กูจะเข้าสวน” แน่อยู่แล้วว่าเขาโกหก
แต่เดินหนีได้ไม่กี่ก้าวก็ถูกคว้าไหล่ไว้ได้ทัน สายตาเพื่อนยังคงหรี่มองด้วยความคับอกข้องใจ
“มึงกับเขาไปได้กันยังไง?”
“ข้าวก็ไม่ได้แดก ตังค์ก็ต้องจ่าย ยังต้องมาโดนมึงสอบสวนอีก?”
“ยังไง?”
“…”
ไม่ทันที่ปราณจะได้ให้คำตอบ ทั้งคู่ก็ชะงักกันไปเมื่อสังเกตเห็นใครบางคนกำลังยืนสั่งหมูปิ้งรถเข็นห่างออกไปไม่ไกลเท่าไรนัก คนตรงนั้นเป็นคนเดียวกันกับที่กำลังตกเป็นประเด็นในหัวข้อสนทนา
เจ้าของร้านข้าวมันไก่หัวเราะเสียงแปร่ง รีบขยับเข้ากอดคอคนข้าง ๆ ทันที เหนือคิดไม่ออกว่าปราณกับนรีจะใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันได้อย่างไร ภาพการปะทะคารมเมื่อครั้งอดีตระหว่างคนทั้งคู่ฉายวนในห้วงคิดตอนเอ่ยแซวด้วยสีหน้าเป็นกังวลระคนขบขัน
“นั่นเมียมึง”
“ไม่ใช่เมียกู”
ปราณตอบกลับทั้งสีหน้าไร้อารมณ์ ก่อนจะสาวเท้าดุ่มเดินไปหาคนที่ว่า โดยมีเหนือตามมาด้วยอีกคน
วันนี้ร่างเพรียวบางสวมใส่เพียงสายเดี่ยวผ้าฝ้ายแต่งชายระบายสีขาวกับกางเกงขาสั้นสีเข้ม ไม่ได้หยิบจับชุดหรูหราอลังการมาใส่เหมือนอย่างเมื่อวานด้วยเกรงว่าจะเป็นจุดสนใจ
นรีคิดมาตลอดทั้งคืนว่า การอยู่แบบเงียบเชียบไม่กระโตกกระตาก ทำตัวให้กลมกลืนกับคนอื่นคงดีกว่าต้องตกเป็นที่พูดถึง แม้ในสังคมที่เธอไม่ได้คิดจะใช้ชีวิตอยู่ระยะยาวก็ตามที
หญิงสาวยกแขนขึ้นปาดความชื้นของเม็ดเหงื่อที่ผุดซึมเต็มกรอบหน้า ร่มคันใหญ่ไม่ได้ช่วยให้ความรุ่มร้อนจากอุณหภูมิอากาศทุเลาลงแม้แต่น้อย อาจประกอบกับการต้องย่ำเท้าเดินกว่ากิโลฯ ก่อนได้เจอกับวินมอเตอร์ไซค์ที่ขับผ่านพอดีก็ด้วย ส่งผลให้ตอนนี้เธอเริ่มรู้สึกวิงเวียน
ช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมานรีเกิดอาการเช่นนี้อยู่บ่อยครั้ง เกิดแม้ในเวลาที่แทบไม่ได้ขยับตัวทำอะไร แต่วันนี้เล่นเดินเท้ากลางแดดจ้าจะรู้สึกหน้ามืดคงไม่แปลก
ทว่าในจังหวะที่ใครสักคนเดินเข้าหาจวนจะถึงตัว ร่างแบบบางก็เซวูบไปด้านข้างแทบล้มลงกอง หากไม่ได้ใครคนที่ว่ารับตัวไว้ได้ทัน
“นรี?”
เป็นปราณที่ขยับเข้ากอดประคองหญิงสาวเอาไว้ นัยน์ตาคมหลุบลงมองดวงหน้าผ่องขาวทว่าไร้สีเลือด แพขนตาเรียงตัวสวยกะพริบเพียงสองสามทีก็ราวกับเจ้าตัวจะสติวูบดับลง
คิ้วหนาเลื่อนเข้าหากันกับสภาพเป็นลมหมดสติของคนในอ้อมแขน ปราณหันหาเพื่อนซึ่งกำลังก้มเก็บร่มคันโตก่อนร้องบอกอย่างร้อนรน
“มึงเอากุญแจไปเปิดรถกูให้ที”
“เออ”
ขณะที่เหนือรับเอากุญแจเร่งฝีเท้านำหน้าไปยังรถคันที่ว่า ปราณก็รีบช้อนร่างบอบบางขึ้นสู่อ้อมแขนเดินตามอย่างรวดเร็ว โดยไม่ทันได้สังเกตว่า คนหลายคนรอบตัวกำลังหันมองอย่างให้ความสนใจ
จัดการพาคนเป็นลมขึ้นรถเรียบร้อย เจ้าของรถก็บอกลาเพื่อนเพียงสองสามคำ ปราณคิดว่าพานรีกลับบ้านคงดีกว่าปล่อยให้เกิดเหตุการณ์ไทยมุง
เหนือเองก็รีบโยนร่มคันโตที่ติดตัวหญิงสาวมาด้วยขึ้นท้ายรถ สายตามองตามกระบะที่ขับเคลื่อนห่างออกไปด้วยประกายตาประหลาด จู่ ๆ เขาก็เกิดจินตนาการไปว่าในอนาคตอันใกล้ นรีอาจได้เป็นเมียไอ้ปราณจริง ๆ ไม่ใช่ดังคำเอ่ยอ้างของเพื่อนที่ว่า
‘นรีไม่ใช่เมีย’
ยังไม่ทันได้คิดอะไรต่อ พ่อค้าขายหมูปิ้งก็ตะโกนเรียกเขาให้กลับไปจ่ายเงิน ผู้คนกลับไปทำกิจกรรมของตัวเองต่อเสมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่มีอยู่คนหนึ่งที่ถึงกับรีบวิ่งมาหาเขาด้วยสีหน้าแตกตื่นตกใจ
“พี่เหนือ! ผู้หญิงคนเมื่อกี้นี่ใคร? ทำไมไปกับพี่ปราณ?”
“เราไม่ต้องยุ่งหรอกน่า” เหนือรีบบอกปัดคู่สนทนาที่อยู่ในเอี๊ยมกันเปื้อนสีแดง แต่คนที่ว่ากลับยิ่งแสดงทีท่าข้องใจ
“ไม่ยุ่งไม่ได้ ถ้าพี่ยังไม่แต่งงานก็ยังเป็นว่าที่ผัวอันดับหนึ่งของกระถิน แต่นี่พี่ก็แต่งกับปายไปแล้ว แถมพี่ปราณยังมีหญิงมาวอแวอีกคน?”
เหนืออยากจะตอบจริง ๆ ว่าคนที่วอแวเขาและเพื่อนหนักกว่า กระถิน คงไม่มีอีกแล้ว แต่ก็ทำได้เพียงพาเปลี่ยนเรื่องด้วยการส่งต่อหมูปิ้งให้อีกฝ่าย
“เอาไปกิน”
“ให้กระถินเหรอ?” ลูกสาวร้านน้ำเต้าหู้ที่รู้จักกันมาร่วมยี่สิบปีเริ่มออกอาการบิดขาไปมา “ปายรู้จะเสียใจเอานะเนี่ย…”
เหนือทำได้เพียงหัวเราะเสียงดัง ก่อนยุติบทสนทนาด้วยการเดินหนีให้สิ้นเรื่อง แต่ก็ยังได้ยินเสียงเล็กแหลมร้องตามหลังไม่ต่างจากทุกที ขอให้ได้หยอดสักนิดเจ้าตัวคงมีความสุข ถึงเมียเขาอย่างปายก็เป็นเพื่อนกัน และรายนั้นก็เข้าใจธรรมชาติของกระถินเป็นอย่างดี
“พี่เหนือ ให้จริงเหรอเนี่ย?” กระถินยังคงตะโกนถามเสียงดัง
คนละแวกนี้คุ้นชินเสียงแหลมบาดแก้วหูของอีกฝ่ายกันดีจึงไม่มีใครให้ความสนใจ แต่เขาก็จำต้องหันกลับไปตอบกลับให้คนรับหายข้องใจ
“กินได้เลย ของไอ้ปราณ”
อันที่จริงเหนืออยากบอกว่าเป็นของ เมียเพื่อน
แต่คิดอีกที ไม่ให้ตัวกระจายข่าวอันดับหนึ่งในตลาดอย่างกระถินรู้เรื่องรู้ราวคงดีกว่า อีกทั้งการที่ไอ้ปราณแวะเข้าตลาดวันนี้ก็เพื่อหาซื้อข้าวให้นรีอยู่แล้ว ไอ้ถุงที่สั่งกลับจะเอาไปให้ใครอื่นได้อีก เพราะปกติก็เขานี่แหละที่แวะเวียนเอาข้าวไปส่งที่สวนตาหมานแทบทุกวัน
ก็ถ้าไม่ได้ซื้อให้คนที่ปากบอกว่าไม่ใช่เมีย…
แล้วเพื่อนจะซื้อให้ใคร?
ตอนพิเศษ 5เจ้าตัวน้อยที่เรียกว่ารักหลายปีผ่านไปบรรยากาศในสวนยามบ่ายคล้อยของวันไม่ต่างไปจากทุกทีแสงอาทิตย์นวลตาสาดส่องลอดผ่านกิ่งก้านผอมบางของไม้ใหญ่จนเกิดเป็นร่มเงา สายลมพัดโชยผ่านไม่ขาดสายส่งผลให้ใบไม้ร่วงกราวจากด้านบน ลานดินละลานตาด้วยสีสันของใบไม้แห้งที่ยังไม่ได้รับการเก็บกวาด เสียงนกร้องดังคลอผสานไปกับเสียงเสียดสีของใบไม้ ทุกอย่างยังคงดำเนินไปในแบบที่ควรจะเป็น…หากที่ต่างคงเป็นเพราะตอนนี้ปอป่านลูกชายตัวน้อยของนรีและปราณกำลังอยู่ในวัยเดินเตาะแตะ เสียงหัวเราะของเจ้าตัวน้อยดังผสานไปกับเสียงเด็กอีกคนที่กำลังวิ่งเล่นอยู่ด้วยกัน หากเด็กชายอีกคนตัวโตกว่าเพราะอายุอานามมากกว่าหลายปีนรีในชุดคลุมท้องตัวยาว ส่งเสียงเรียก จ๋อม ให้จูงมือน้องกลับมานั่งที่แคร่ไม้หน้าบ้าน พร้อมวางผลไม้ซึ่งได้รับการปอกเปลือกเรียบร้อยแล้วรอให้เด็ก ๆ ได้กินตอนนี้หญิงสาวท้องแก่ใกล้คลอดเต็มทีเดินเหินไม่ค่อยสะดวกเท่าไรนัก จะลุกจะยืนก็ต้องระมัดระวัง โชคดีที่ช่วงนี้ได้จ๋อมหลานชายของเหนือเข้ามาช่วยเลี้ยงปอป่านในช่วงปิดภาคเรียน มิเช่นนั้นคงทำอะไรได้ไม่สะดวก“จ๋อมกินได้เลยนะ เดี๋ยวอาไปเอาของกินเล่นมาเพิ่มให้” นรีลูบหัว
ตอนพิเศษ 4คู่กัดสิบปีก่อน นรีเบื่อเต็มทีกับการต้องอดทนฟังเสียงเพื่อนสนิทร้องห่มร้องไห้เพราะเรื่องแฟน ลูกตาลสะอึกสะอื้นไม่หยุดมาร่วมชั่วโมงเข้าให้แล้วตลอดทั้งเช้าที่ผ่านมา “ถ้ามันไม่คุย วันนี้ฉันจะพาแกไปคุยให้รู้เรื่องเอง”เจ้าของเรือนร่างสะโอดสะองในชุดนิสิตขนาดพอดีตัวผุดกายขึ้นยืน คว้ากระเป๋าขึ้นคล้องแขน ตั้งท่าจะดึงลากเพื่อนซี้ให้เดินไปด้วยกัน แต่ลูกตาลกลับส่ายหน้าหวือ“คุยที่นี่เหรอ? ไม่เอาหรอกแก”“ไม่คุยที่นี่แล้วจะคุยที่ไหน? ในเมื่อแกไปหาที่ห้องมันก็ไม่ยอมคุย” ดวงหน้าอ่อนหวานเอ่ยทั้งเสียงหงุดหงิดเต็มทนมัน ที่นรีว่าคือ โชกุน เพื่อนร่วมคณะฯ ที่เห็นหน้ากันมาตั้งแต่ปีหนึ่ง ยันตอนนี้ล่วงเข้าปีที่สาม นรีก็ไม่คิดว่าลูกตาลจะไปคบกับคนที่ว่าได้ลง นอกจากเป็นพวกเจ้าชู้ตัวพ่อแล้ว ยังเที่ยวกลางคืนเก่งยิ่งกว่าอะไร ลับหลังคนเป็นแฟนอาจนอกลู่นอกทางได้ไม่ยากเย็นหากมองจากนิสัยที่เคยได้เห็นนรีเบื่อหน่ายกับความเป็นนักรักของเพื่อนเต็มที สเปกที่ลูกตาลชื่นชอบนั้น กี่ที ๆ ก็ลงเอยด้วยการน้ำตานอง… “เดี๋ยววันนี้ฉันจะลองไปคุยอีกที” ลูกตาลยังคงดึงดันย้ำในคำเดิม พลางก็ปาดน้ำตาออกจา
ตอนพิเศษ 3ราหูอมจันทร์ 3นรีรู้สึกสั่นไหวอยู่ในอกกับภาพเครื่องเพศของอีกฝ่ายซึ่งขณะนี้ผงาดตั้งลำอวดโชว์ความเป็นชาย ใจดวงน้อยเต้นรัวไม่เป็นส่ำกับความใหญ่โตสมตัวของเจ้าของ อายุก็ตั้งขนาดนี้ แต่นรียังไม่เคยมีโอกาสได้เห็นของจริง และของจริงที่ได้เห็นก็น่าประทับจิตประทับใจ ชวนให้รู้สึกหวามสั่นไปทั้งกาย…ขณะเดียวกันปราณกำลังใส่เครื่องป้องกันโดยไม่คิดถามความเห็นให้เสียเวลา หากนรีไม่ต้องการในสิ่งเดียวกับเขา เจ้าตัวคงร้องประท้วง ทว่าจากสายตาฉ่ำเยิ้มที่ทอดมอง ปราณสามารถตัดสินความรู้สึกหญิงสาวได้ด้วยตัวเองร่างสูงคลานขึ้นเตียงโดยมีของแข็งผงกหัวตามการเคลื่อนไหว ท่อนขาแข็งแรงเคลื่อนเข้าแทรกระหว่างสองขาเรียวงาม มือก็นวดเอ็นเนื้อไปพลางขณะที่คนเมาได้แต่หลุบตามองแท่งเนื้อลำโต ก่อนเมินหันหนีด้วยความเขินอาย นรีไม่ได้คิดว่าเหตุการณ์จะดำเนินมาถึงขั้นนี้ และแม้ใจจะอยากปฏิเสธ ทว่าอีกความรู้สึกดันมีมากกว่าปราณโน้มตัวเข้าหาเจ้าของกลิ่นกายหอมหวาน คลอเคลียจูบเข้าที่ซอกคอผ่องขาว เสียงพร่ากระซิบที่ข้างกกหูเล็กแผ่วเบา“เรื่องวันนี้ถ้าเธออาย สัญญาว่าเราจะไม่บอกใคร”คนฟังหันมอง ส่งเสียงอึกอักถามราวกับไม่เข้าใจในสิ่
ตอนพิเศษ 2ราหูอมจันทร์ 2 ยี่สิบนาทีต่อมา นรีหลับ หลับไปทั้งยังอยู่ในการประคองกอดของคนตัวโตปราณพยายามปลุกเรียกเท่าไรก็ไร้การตอบสนอง มีเพียงการส่งเสียง ‘อืม’ ในลำคอเท่านั้น และเพราะตอนนี้เขาเหนื่อย ร่างกายต้องการนอนพักเต็มที ประกอบกับดูเวลาแล้วจึงจำใจต้องพานรีกลับที่พักไปด้วยเตียงของโรงแรมตั้งกว้าง นอนสองคนไม่น่ามีปัญหา…อย่างไรก็คงไม่มีใครคิดอยากจะขึ้นคร่อมเหนือร่างของใคร… แต่เพียงแค่ประตูห้องปิดลง คนในอ้อมแขนกลับเปิดเปลือกตาขึ้นมอง แพขนตาเรียงตัวสวยกะพริบเพียงสองสามที กายอ่อนระทวยบนสองแขนของชายหนุ่มก็แข็งเกร็งขึ้นทั้งอย่างนั้น ตาคมหลุบมองดวงหน้าผุดผาดเรื่อแดงของคนที่สติเริ่มกลับมา พร้อมทั้งจำต้องรีบปล่อยอีกฝ่ายลงยืนบนพื้นทันที ก่อนใครจะเข้าใจผิดคิดว่าเขาเป็นคนประเภทชอบลักหลับ “เธอหลับ ปลุกเท่าไหร่ก็ไม่ตื่น” ปราณขยายความการกระทำด้วยน้ำเสียงราบเรียบไร้อารมณ์“อือ” คู่สนทนาผงกหัวรับ สีหน้ายังคงมึนงงกับอาการของตนเองราวกับไม่คิดติดใจอะไร ทว่าเพียงต้องยืนบนรองเท้าส้นสูง ปลีน่องเรียวเล็กก็เซวูบแทบล้มลงกองในวินาทีนี้นรีทำได้เพียงสะบัดศีรษะไล่คว
ตอนพิเศษ 1ราหูอมจันทร์ 1เพนต์เฮาส์หรูบนชั้นสูงสุดของตัวอาคารแห่งหนึ่งใจกลางเมืองหลวงของประเทศเป็นสถานที่ที่หญิงสาวไม่อยากเหยียบย่างเข้าใกล้เท่าไรนัก หากไม่ใช่เพราะต้องมาร่วมงานวันเกิดเพื่อนสนิทอย่าง ลูกตาล อย่างไรนรีก็คงไม่มา เพราะเจ้าของที่พักสุดหรูซึ่งเป็นแฟนหนุ่มของเพื่อนสนิท เป็นผู้ชายประเภทเจ้าชู้ ซ้ำยังชอบทำร้ายจิตใจคนเป็นแฟนอยู่บ่อยครั้ง ร่างผอมบางในชุดเดรสสีครีมสั้นเหนือเข่ายืนทอดอารมณ์กอดอกอยู่ทางมุมหนึ่งของระเบียงบนตึกสูงระฟ้ามาได้สักพักแล้ว เวลาล่วงผ่านเที่ยงคืน ค็อกเทลสีฟ้าสวยในมือหมดไปอีกแก้ว แต่เสียงเพลงรวมถึงแสงไฟจากด้านในก็ยังไม่มีทีท่าจะยุติลงนรีเริ่มรู้สึกมึนศีรษะ ตลอดหลายชั่วโมงที่ผ่านมาเธอใช้เครื่องดื่มผสมแอลกอฮอล์ชนิดนี้ฆ่าเวลาระหว่างรอเพื่อนทะเลาะกับแฟน แม้ว่าวันนี้เป็นวันเกิดเจ้าตัวก็ตามที และหลังจากยืนทอดอารมณ์เพียงลำพังอยู่นาน ก็ต้องสะดุ้งสุดตัวเมื่อมีชายสองคนมาหยุดยืนที่ข้าง ๆ “คุณนรีไม่เข้าไปด้านในเหรอครับ? หนาวนะ” “เข้าไปนั่งจอยกับพวกเราดีกว่านะครับ” “ไม่เป็นไรค่ะ ขอบคุณ” ปากอิ่มยิ้มให้คู่สนทนา ก่อนรอยยิ้มที่ว่าจะคลายล
ผลลัพธ์เท่ากับ ‘รัก’EP.47ผลลัพธ์เท่ากับรัก ตอนเย็น บรรยากาศในสวนตาหมานไม่มีอะไรต่างไปจากเดิมกับที่เคยเป็น รอบบริเวณมีเด็ก ๆ ลูกของคนงานวิ่งเล่นส่งเสียงเจี๊ยวจ๊าวกันเหมือนทุกวัน หลังจากติดต่อกับชิปปิงเรื่องการส่งออกผลิตผลลอตใหม่เรียบร้อยปราณก็เดินออกจากห้องทำงานในตอนเย็น วันนี้เขากับนรีมีนัดกินมื้อเย็นกับน้องสาวและคนเป็นสามีตาคมกวาดมองไปโดยรอบก็ทันได้เห็นร่างแบบบางคุ้นตายืนอุ้มลูกชายแนบไว้กับอก เสียงใจดีของนรีกำลังพูดคุยกับเด็กชายตัวเล็กคนหนึ่งที่วิ่งเล่นอยู่กับเพื่อน หญิงสาวแอบควักเงินจากกระเป๋ากระโปรงส่งต่อให้เด็กคนที่ว่าเป็นค่าขนมไม่ต่างจากทุกที คนมองพลันผุดยิ้มกว้างกับภาพที่ได้เห็น ปัจจุบันไม่มีใครในสวนตาหมานไม่รู้จักเมียของปราณ และไม่ใช่แค่ที่สวน หากแต่ในตลาดต่างก็รู้กันถ้วนหน้าว่านรีเป็นใคร ด้วยความช่วยเหลือในการกระจายข่าวของมดและกระถินที่ประกาศบอกชาวบ้านให้รู้ทั่วกันว่าสองหนุ่มสาวเป็นสามีภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมายตั้งแต่เมื่อปีกลาย และได้ร่วมงานมงคลสมรสหลังจากนรีคลอดลูกได้ไม่นานเพื่อยืนยันว่าข่าวดังกล่าวเป็นความจริง ร่างสูงเดินเข้าหาคนเป็นเมี