ผลลัพธ์เท่ากับ ‘รัก’
EP.6
พยายามปรับตัว
แพขนตาเรียงตัวสวยกะพริบช้า ก่อนเปลือกตาบางจะขยับเปิดในที่สุดหลังจากเป็นลมหมดสติไปครู่ใหญ่ นรีตั้งท่าจะลุกขึ้นในทันทีที่สติกลับคืน ทว่าคนซึ่งนั่งชันเข่าอยู่ที่พื้นข้างโซฟาก็ดันไหล่ให้ล้มลงนอนตามเดิม ทั้งอีกฝ่ายยังจ่อยาดมไว้ใต้จมูกของเธออีกครั้ง
“เรามาอยู่บ้านได้ไง?”
เสียงหวานพึมพำถามเจ้าของบ้าน ไม่ลืมที่จะดึงเอายาลมยาหอมมาถือไว้เอง นรีเพิ่งเห็นก็ตอนนี้ว่านอกจากพัดลมตั้งพื้นแล้ว คนตรงหน้ายังโบกพัดสานเป็นจังหวะช้า ๆ ให้เธออีกด้วย แต่การกระทำที่ว่ากลับหยุดลงเมื่อเขาเห็นเธอมองด้วยความพิศวงเหลือประมาณ
สองหนุ่มสาวประสานสายตากันเงียบเชียบ แม้ไร้แววแห่งความโรแมนติกใด ๆ แต่แค่ปราณไม่หน้านิ่วคิ้วขมวดใส่นรีก็นับได้ว่าดีมากแล้ว นัยน์ตาสงบนิ่งไร้อารมณ์ยังคงทอดมอง เป็นหญิงสาวเองที่ละจากการจดจ้อง
ทว่าผ่านไปกว่านาที บรรยากาศระหว่างคนทั้งคู่ก็ยังคงเงียบจนน่าอึดอัดใจ นรีจึงเป็นฝ่ายเอ่ยปากชวนคุยอีกครั้ง
“ปราณพาเรากลับเหรอ?” เธอจำได้ว่าได้เห็นหน้าเขาก่อนสติจะดับวูบลง
“เธอเดินออกไป?” ปราณตั้งคำถามแทนที่จะตอบกลับ แม้พอเดาสถานการณ์ออก แต่เขาอดคิดไม่ได้ว่าผู้หญิงแบบนรีไม่น่าจะยอมเดินฝ่าแดดร้อน ๆ เพื่อไปที่หน้าตลาดด้วยตัวเอง
“เราไม่มีรถ แถมรถหน้าบ้านก็ขับไม่เป็น มันน่าจะพังแล้วด้วยซ้ำ” นรีค้อนมองอีกฝ่ายด้วยสายตาคล้ายจะตำหนิ ก่อนจะเริ่มบ่นงึมงำ “บ้านก็อยู่ลึกขนาดนี้ กว่าจะเดินถึงปากซอย กว่าจะเจอวินสักคัน ข้าวก็ไม่มีให้…”
“เดี๋ยวพรุ่งนี้จะยืมรถเพื่อนมาให้ใช้” ไม่ทันที่นรีจะบ่นจบ ปราณก็หยัดกายขึ้นยืน เขาเดินเข้าครัวไปทำอะไรสักอย่าง ก่อนกลับออกมาพร้อมจานกับช้อนส้อมวางลงบนโต๊ะโดยไม่คิดขยายความ
เจ้าของเรือนร่างบอบบางชันกายขึ้นนั่งอย่างช้า ๆ นรีเพิ่งสังเกตเห็นกล่องข้าวกับส้มหนึ่งถุงวางอยู่บนโต๊ะ เห็นแล้วก็อดไม่ได้ที่จะเงยหน้าขึ้นมอง ทว่ายังไม่ทันจะได้ถามเพื่อความแน่ใจ ปราณก็คว้ากุญแจรถตั้งท่าจะกลับออกไปด้านนอก
“เดี๋ยวสิ…”
“กลางวัน” เจ้าของบ้านหยุดยืนตรงหน้าประตู ชำเลืองมองกลับก่อนเอ่ยต่อเสียงเรียบ “เราจะเข้ามาอีกรอบ เธอไม่ต้องไปไหน”
แม้ปราณอยากจะต่อประโยคว่า ‘แดดร้อนอย่างกับอยู่ในนรก ผิวบางแบบนรีคงทนไม่ไหว’ ทั้งเวลานี้นรีกำลังตั้งครรภ์สุขภาพร่างกายอาจอ่อนแอลงด้วยอีกประการ หากแต่สุดท้ายก็ไม่มีคำใดหลุดลอดออกจากปาก คว้าหมวกได้เขาก็เดินออกจากบ้านทันที
นรีรู้สึกประหลาดใจไม่น้อยที่ไม่มีคำค่อนขอดถากถางให้ได้ยิน ลังเลแค่ชั่วอึดใจเธอก็รีบเดินตามไปถึงหน้าประตู ทันได้เห็นร่างสูงกระโดดขึ้นรถกระบะติดเครื่องสตาร์ตพอดิบพอดี
ปราณสังเกตเห็นนรีกำลังโบกมือเรียก ก็จำต้องลดกระจกลง “อะไร?”
แม้จะเคอะเขินจนสองข้างแก้มร้อนผ่าว แต่นรีก็กลั้นใจตั้งคำถามที่ไม่คิดมาก่อนว่าชีวิตนี้จะต้องถามกับอีกฝ่าย
“ปราณจะกลับมาหาเรากี่โมง?”
“…”
คำถามชิดเชื้อประหนึ่งเป็นผัวเมียกันจริง ๆ ทำเอาคนบนรถแผ่นสะดุดอยู่หลายวินาที ยิ่งเห็นนรีกำลังยืนนิ่งรอคำตอบอย่างใจจดใจจ่อ ทั้งพยายามจะยิ้มให้ เขาก็รู้สึกใบ้กินไปกันใหญ่
“ปราณจะซื้อของกินมาให้เราใช่ไหม?” ดวงหน้าผุดผาดยังคงปั้นยิ้มหวานที่ดูน่ากลัวเกินไปนิดหากมองจากความสัมพันธ์ระหว่างคนทั้งคู่
แต่ปราณไม่สามารถปฏิเสธได้ว่าวันนี้ที่ได้เห็นอีกฝ่ายแต่งกายด้วยชุดธรรมดา ซ้ำผิวหน้าผ่องขาวยังปราศจากเครื่องสำอาง ช่างเป็นอะไรแปลกตา อีกทั้งมายิ้มให้กันแบบนี้ ไม่ถูกโรคกันแค่ไหน ผู้ชายอย่างเขาก็เกือบเสียเชิงได้เหมือนกัน…
“ปราณ…”
“เดี๋ยวซื้อเข้ามาให้”
ชายหนุ่มตัดจบบทสนทนา ด้วยไม่อยากได้ยินเสียงหวาน ๆ ของนรีอีก ขนาดเขาปิดกระจกแล้วรีบเคลื่อนรถออกจากหน้าบ้าน คนตรงนั้นก็ยังส่งท้ายด้วยการโบกมือลาอย่างกระตือรือร้นผิดวิสัย
คิ้วหนาขมวดชิดตลอดทางที่ขับออกสู่ปากซอย แม้จังหวะแรกจะมีความรู้สึกขนลุกขนพองที่ได้เห็นอีกฝ่ายในมุมเช่นนี้ แต่คิดอีกทีก็ไม่น่าแปลกอะไร…
นรีคงกำลังพยายามปรับตัวเข้าหา ในขณะที่เขาเองต่างหากเป็นฝ่ายตั้งแง่กับคนที่ว่ามากเกินไป…
เสียงถอนหายใจดังขึ้นครั้งแล้วครั้งเล่า กระแสความคิดยังไหลวนอยู่ในหัวนานหลายนาที ก็นานพอที่จะได้ข้อสรุปว่าบางทีเขาอาจต้องลดทิฐิ และยอมถอยก้าวหนึ่งด้วยเช่นเดียวกัน
เสียงแจ้งเตือนจากสมาร์ตโฟนดังขึ้นในตอนที่รถเคลื่อนตัวถึงหน้าปากซอย มือหนาก็ฉวยคว้าหน้าจอขึ้นดูในทันที ปกติปราณไม่ค่อยให้ความสนใจกับเครื่องมือติดต่อสื่อสารที่กำลังถืออยู่ แต่ริมฝีปากกลับต้องเม้มเข้าหากันเมื่อได้เห็นการแจ้งเตือนว่าใครบางคนได้เพิ่มเพื่อนเข้ามาจากแอปพลิเคชันสำหรับติดต่อ
ห้องแชตปริศนาระบุบอกชื่อ ‘Naree’
จะเป็นนรีไหนไปได้อีก นอกจากคนที่เขาเองเป็นฝ่ายใช้วิธีโบราณด้วยการจดคอนแท็กต์ติดต่อหย่อนไว้ในถุงกล่องข้าวเมื่อครู่นี้
ชายหนุ่มโยนโทรศัพท์ไว้ที่เบาะข้างคนขับราวกับไม่คิดจะใส่ใจ ทว่าการแจ้งเตือนกลับดังขึ้นอีกครั้ง ก่อนจะเด้งติดกันรัว ๆ
แม้จะยังแสร้งไม่สนใจ แต่เขาก็เมินได้ไม่นาน…
ตาคมหลุบลงมองหน้าจอซึ่งเงียบสนิทไปครู่ใหญ่ เสียงจิ๊จ๊ะขัดใจในความรู้สึกตัวเองดังขึ้น ก่อนสุดท้ายจะฉวยคว้าขึ้นเปิดดูเพื่อตัดรำคาญ
ตอนค่ำ
ตอนกลางวันเจ้าของบ้านไม่ได้กลับมาตามคำบอกกล่าว ปราณให้คนมาส่งข้าวส่งน้ำให้แทน จากการพูดภาษาถิ่นของดีลิเวอรีจำเป็น นรีเดาว่าคงเป็นคนงานที่สวน แต่ที่ชายหนุ่มไม่กลับมาด้วยตนเองไม่แน่ใจนักว่าเป็นเพราะสาเหตุใด
อาจเพราะรอยยิ้มพิมพ์ใจของเธอเมื่อช่วงสายที่ผ่านมา ปราณคงประทับใจสุดขีดถึงขั้นเลี่ยงที่จะเจอหน้า หากเป็นสาเหตุนั้นจริงนรีก็ไม่แปลกใจ เพราะขนาดตัวเธอก็ขนพองสยองเกล้าในการกระทำของตัวเองเช่นเดียวกัน
เวลาล่วงผ่านอย่างเชื่องช้าจนในที่สุดรัตติกาลก็มาเยือน ทันทีที่เสียงเครื่องยนต์รถจอดสนิทลงนอกตัวบ้าน หญิงสาวที่กำลังนอนเล่นบนเตียงด้วยความรู้สึกเหี่ยวเฉามาตลอดทั้งวันก็ถึงกับรีบลุกเดินไปเปิดผ้าม่านแง้มมอง และได้เห็นไฟหน้ารถดับลงพอดี
คนขับลงจากรถในสภาพถอดเสื้อเหลือเพียงกางเกงขายาวตัวเดียว แต่ก่อนจะได้ลอบมองต่ออีกสักอึดใจก็พลันต้องรีบกระตุกผ้าม่านปิด เพราะคนซึ่งเธอกำลังลอบสังเกตการณ์ดูเหมือนจะเห็นการถ้ำมองนี้เข้าให้แล้ว
นรีเดินวนซ้ายทีขวาทีตัดสินใจไม่ถูกว่าควรลงไปทักทาย พ่อของลูกแต่ไม่ใช่สามีของเธอดีหรือไม่ ทว่าลังเลแค่ครู่เธอก็เดินออกจากห้องส่วนตัว ซึ่งก็ไม่ใช่ห้องหับของเธอจริง ๆ ห้องนี้เป็นพื้นที่ส่วนตัวของน้องสาวปราณที่ชื่อว่า ปาย
ปายแต่งงานย้ายไปอยู่กับสามีได้หลายปีตามคำบอกเล่าจากพี่ชาย และบังเอิญสามีคนที่ว่าก็คือเหนือซึ่งนรีเองก็รู้จัก เพื่อนรักสองคนคงจะมีความสัมพันธ์แน่นแฟ้นดังเช่นวันวาน ซ้ำน่าจะชิดใกล้มากกว่าเดิมด้วยซ้ำไป
นรีลงบันไดมาถึงชั้นล่างของตัวบ้านในจังหวะเดียวกับที่ปราณกำลังรูดซิปกางเกงพอดี แต่โชคดีที่เขาหันเห็นเธอเสียก่อน
“ทำไมตัวเปื้อนโคลนแบบนั้น?” อันที่จริงนรีอยากถามว่าเขาอาบโคลนมาหรืออย่างไรมากกว่า สภาพผิวกายมอมแมมเปรอะเปื้อนด้วยคราบโคลนทำเอาคิ้วบางย่นเข้าหากัน
เจ้าของเรือนร่างกำยำใช้มือปาดดินโคลนบางส่วนที่ยังแห้งกรังติดอยู่กับร่างกายท่อนบน ก่อนตอบกลับด้วยสีหน้ากวนอารมณ์
“ถ้าเธอรับไม่ได้ก็ทำใจเผื่อไว้หน่อย นี่สภาพปกติของเรา” ปราณพูดส่งเดชไปอย่างนั้นด้วยพลั้งเผลอลืมตัวว่าตอนนี้เขาต้องพยายามเริ่มปรับตัวเข้าหาอีกฝ่าย แต่อย่างที่เห็นว่าไม่สามารถห้ามปากไว้ได้ทัน
สภาพปกติของเขาที่ไหน…
หากลุงแดงคนงานที่สวนไม่ซัดเหล้าขาวแต่หัววัน จนเมาไม่รู้เรื่องแล้วขับมอเตอร์ไซค์ลงข้างทางออกจากสวนซึ่งเป็นแอ่งโคลนขนาดใหญ่ ไอ้ปราณคงไม่ต้องลำบากลุยโคลนลงไปช่วยคนแก่ขึ้นมาเช่นนี้ และดันมีแค่เขาที่เห็นเข้ากับสถานการณ์ที่ว่าพอดี เลยต้องรับเคราะห์กรรมอย่างเห็นนี่ไง
นรีแสร้งเมินอารมณ์ขึ้น ๆ ลง ๆ ของคนที่เมื่อกลางวันยังคุยแบบคนปกติได้อยู่เลยแท้ ๆ ก่อนเป็นฝ่ายพาเปลี่ยนเรื่องเสียเอง
“ปราณกินข้าวรึยัง?”
ปราณเงยหน้าขึ้นสบตา และก่อนหมาจะได้เพ่นพ่านออกจากปากอีกครั้งเขาก็สามารถปิดกรงไว้ได้ทัน เพียงตอบกลับด้วยการพยักหน้าส่ง ๆ
“กินแล้ว”
“เมื่อเย็นคนที่เอาของมาส่งซื้อก๋วยเตี๋ยวมาให้ตั้งสองถุง เรากินไม่หมดเลยเก็บไว้ให้” นรีไม่พูดเปล่าแต่รีบเดินไปทางครัว แต่คนด้านหลังกลับชิงปฏิเสธ
“ไม่ต้อง”
“หรือกินแตงโมไหม?”
“ไม่เอา”
“เดี๋ยวสิ…”
นรีหันมองคู่สนทนาอีกที อีกฝ่ายก็ผละขึ้นชั้นบนโดยไม่คิดสนใจเธออีก ไม่กี่วินาทีต่อมาก็ได้ยินเสียงเปิดปิดประตูห้องน้ำบ่งบอกว่าเขาคงเร่งรีบไปจัดการชำระล้างร่างกาย
แม้ไม่ได้พิศวาสอยากสนทนาพาทีกับปราณ แต่เพราะเขาเป็นคนเดียวที่เธอได้เจอหน้าตลอดทั้งวัน หากไม่นับคนนำข้าวมาส่ง แน่นอนว่าเธออยากหาเรื่องชวนเขาคุยบ้าง จะว่าเหงาก็ไม่ผิดนักแม้เวลาเพิ่งล่วงผ่านไปแค่วันสองวันก็ตาม
แต่ลองคิดอีกที… การพยายามเข้าหาของนรีอาจปุบปับเกินไป เธอยังไม่รู้ว่าอีกฝ่ายมีความคิดเห็นเช่นไร ระหว่างคนทั้งคู่อาจต้องค่อยเป็นค่อยไปมากกว่านี้ จากจะเดินตามขึ้นด้านบน สองเท้าก็เบี่ยงทิศเดินออกสู่ภายนอกตัวบ้านแทน
ด้านนอกสภาพอากาศกำลังดี มีลมพัดผ่านแผ่วเบาไม่ถึงกับหนาวเย็น ทว่าที่ข้างในของนรีกลับสะท้านสั่นไปถึงขั้วหัวใจ…
โดยรอบบริเวณไม่มีเสียงใดรบกวน บนถนนเส้นเล็ก ตลอดจนที่นารอบด้านล้วนไร้สัญญาณชีพของสิ่งมีชีวิต ความสงัดเงียบยิ่งทำให้หญิงสาวตกอยู่ในสภาวะอ้างว้างเปลี่ยวเหงาจับใจ
เธอหยุดยืนกอดอกเงยหน้ามองฟากฟ้าไร้เมฆหมอกปกคลุม ไร้ตึกระฟ้าบดบังทัศนียภาพวิจิตรงดงาม อีกทั้งวันนี้เป็นคืนเดือนแรมส่งผลให้เวิ้งเวหาเป็นสีดำทะมึนประหนึ่งภาพวาดพู่กันสีน้ำของจิตรกรเอกผู้ล่วงลับสักคน
นรียังคงยืนเหม่ออยู่นานไม่คิดขยับเดินไปไหน ระหว่างเธอกับความมืดมิด มีเพียงความคิดเท่านั้นที่กำลังทำงาน…
แม้พยายามคิดให้ช้าลง แม้พยายามจะจัดการกับปัญหา แต่ก็อดคิดไม่ได้ว่าเธอจะก้าวผ่านช่วงเวลาแห่งความเปราะบางของชีวิตด้วยตัวคนเดียวได้อย่างไร
หญิงสาวลอยล่องอยู่ในกระแสแห่งการครุ่นคิด ความกรุ่นกังวลเกาะกุมไปทั่วทั้งดวงจิตดวงใจ มือข้างหนึ่งวางประทับเหนือหน้าท้องซึ่ง ณ ขณะนี้ยังคงแบนราบ
แต่ก็อาจเพราะสิ่งมีชีวิตน้อย ๆ ในท้องของเธอกระมังที่ทำให้ในความมืดยังคงมีแสงสว่าง แม้แสงที่ว่าจะเป็นเพียงจุดเล็ก ๆ แต่ก็ทำให้กลีบปากอิ่มยิ้มขึ้นได้ ลูกอาจเปรียบได้ดุจดั่งดาวดวงน้อยที่มองเห็นได้ด้วยตาเปล่าบนฟากฟ้า แม้อยู่ท่ามกลางความทะมึนมืด ทว่าก็ยังงดงาม
นาทีนี้การมองโลกในแง่ดีอาจเป็นทางออกเดียวที่จะพยุงความรู้สึกของเธอไว้ได้ ระหว่างการดำเนินไปของเรื่องไม่คาดฝันที่ได้เกิดขึ้นแล้ว เธออาจกำลังได้รับของขวัญที่ดีที่สุดในชีวิต ของขวัญที่ได้รับโดยไม่มีเวลาให้ได้เตรียมใจ…
ห่างออกไปทางด้านหลังของหญิงสาว…
ผ่านไปนับสิบนาทีที่เจ้าของบ้านทอดสายตามองคนซึ่งยืนนิ่งไม่ไหวติงอยู่ที่ด้านนอก กายกำยำขยับขึ้นยืนในจังหวะหนึ่งหลังจากนั่งรับลมบนขอบหน้าต่างชั้นสองอยู่นาน
ตอนนี้เป็นเวลาดึก อุณหภูมิกำลังลดต่ำลง อากาศเย็นจนกระจกเริ่มขึ้นฝ้า ทั้งความชื้นอาจทำให้คนบางคนเจ็บป่วยได้หากมัวแต่ยืนตากน้ำค้างรับลมอยู่เช่นนั้น
ไม่ถึงนาทีปราณก็เปิดประตูออกสู่นอกตัวบ้าน จงใจทำเสียงดังให้นรีรู้สึกตัวจนคนที่ว่าสะดุ้งตื่นจากภวังค์หันมอง
“เข้าบ้านได้แล้ว” เขาออกคำสั่งเสียงเรียบ
ก่อนสาวเท้าเดินผ่านคนตัวเล็กไปจนถึงประตูรั้วสีขาวสูงเพียงระดับอกเพื่อจัดการล็อกรั้วด้วยแม่กุญแจ ทั้งที่ปกติแล้วเขาไม่เคยคิดจะล็อกมันสักวัน ทว่าจัดการรั้วเรียบร้อย หันกลับอีกทีนรีก็ยังคงยืนนิ่งอยู่ที่ตำแหน่งเดิม
คนซึ่งอุ้มท้องลูกของเขาสวมใส่เพียงชุดนอนบางเบา แม้ไม่ใช่ชุดเซ็กซี่โป๊เปลือยโชว์สัดส่วนทรวดทรง แม้กระโปรงจะยาวเกือบถึงเข่า แต่แค่เห็นเรียวแขนเรียวขาสลักเสลาบอบบาง ปราณก็อดคิดไม่ได้ว่าเศษผ้าแค่นั้นจะช่วยห่อหุ้มเนื้อหนังมังสาของมนุษย์ทั้งคนได้อย่างไร
อากาศเย็นเช่นนี้ น้ำค้างลงแบบนี้…
เหตุใดอีกฝ่ายถึงได้ยืนบื้อ ไม่กลับเข้าบ้านเข้าช่องสักที
ตอนพิเศษ 5เจ้าตัวน้อยที่เรียกว่ารักหลายปีผ่านไปบรรยากาศในสวนยามบ่ายคล้อยของวันไม่ต่างไปจากทุกทีแสงอาทิตย์นวลตาสาดส่องลอดผ่านกิ่งก้านผอมบางของไม้ใหญ่จนเกิดเป็นร่มเงา สายลมพัดโชยผ่านไม่ขาดสายส่งผลให้ใบไม้ร่วงกราวจากด้านบน ลานดินละลานตาด้วยสีสันของใบไม้แห้งที่ยังไม่ได้รับการเก็บกวาด เสียงนกร้องดังคลอผสานไปกับเสียงเสียดสีของใบไม้ ทุกอย่างยังคงดำเนินไปในแบบที่ควรจะเป็น…หากที่ต่างคงเป็นเพราะตอนนี้ปอป่านลูกชายตัวน้อยของนรีและปราณกำลังอยู่ในวัยเดินเตาะแตะ เสียงหัวเราะของเจ้าตัวน้อยดังผสานไปกับเสียงเด็กอีกคนที่กำลังวิ่งเล่นอยู่ด้วยกัน หากเด็กชายอีกคนตัวโตกว่าเพราะอายุอานามมากกว่าหลายปีนรีในชุดคลุมท้องตัวยาว ส่งเสียงเรียก จ๋อม ให้จูงมือน้องกลับมานั่งที่แคร่ไม้หน้าบ้าน พร้อมวางผลไม้ซึ่งได้รับการปอกเปลือกเรียบร้อยแล้วรอให้เด็ก ๆ ได้กินตอนนี้หญิงสาวท้องแก่ใกล้คลอดเต็มทีเดินเหินไม่ค่อยสะดวกเท่าไรนัก จะลุกจะยืนก็ต้องระมัดระวัง โชคดีที่ช่วงนี้ได้จ๋อมหลานชายของเหนือเข้ามาช่วยเลี้ยงปอป่านในช่วงปิดภาคเรียน มิเช่นนั้นคงทำอะไรได้ไม่สะดวก“จ๋อมกินได้เลยนะ เดี๋ยวอาไปเอาของกินเล่นมาเพิ่มให้” นรีลูบหัว
ตอนพิเศษ 4คู่กัดสิบปีก่อน นรีเบื่อเต็มทีกับการต้องอดทนฟังเสียงเพื่อนสนิทร้องห่มร้องไห้เพราะเรื่องแฟน ลูกตาลสะอึกสะอื้นไม่หยุดมาร่วมชั่วโมงเข้าให้แล้วตลอดทั้งเช้าที่ผ่านมา “ถ้ามันไม่คุย วันนี้ฉันจะพาแกไปคุยให้รู้เรื่องเอง”เจ้าของเรือนร่างสะโอดสะองในชุดนิสิตขนาดพอดีตัวผุดกายขึ้นยืน คว้ากระเป๋าขึ้นคล้องแขน ตั้งท่าจะดึงลากเพื่อนซี้ให้เดินไปด้วยกัน แต่ลูกตาลกลับส่ายหน้าหวือ“คุยที่นี่เหรอ? ไม่เอาหรอกแก”“ไม่คุยที่นี่แล้วจะคุยที่ไหน? ในเมื่อแกไปหาที่ห้องมันก็ไม่ยอมคุย” ดวงหน้าอ่อนหวานเอ่ยทั้งเสียงหงุดหงิดเต็มทนมัน ที่นรีว่าคือ โชกุน เพื่อนร่วมคณะฯ ที่เห็นหน้ากันมาตั้งแต่ปีหนึ่ง ยันตอนนี้ล่วงเข้าปีที่สาม นรีก็ไม่คิดว่าลูกตาลจะไปคบกับคนที่ว่าได้ลง นอกจากเป็นพวกเจ้าชู้ตัวพ่อแล้ว ยังเที่ยวกลางคืนเก่งยิ่งกว่าอะไร ลับหลังคนเป็นแฟนอาจนอกลู่นอกทางได้ไม่ยากเย็นหากมองจากนิสัยที่เคยได้เห็นนรีเบื่อหน่ายกับความเป็นนักรักของเพื่อนเต็มที สเปกที่ลูกตาลชื่นชอบนั้น กี่ที ๆ ก็ลงเอยด้วยการน้ำตานอง… “เดี๋ยววันนี้ฉันจะลองไปคุยอีกที” ลูกตาลยังคงดึงดันย้ำในคำเดิม พลางก็ปาดน้ำตาออกจา
ตอนพิเศษ 3ราหูอมจันทร์ 3นรีรู้สึกสั่นไหวอยู่ในอกกับภาพเครื่องเพศของอีกฝ่ายซึ่งขณะนี้ผงาดตั้งลำอวดโชว์ความเป็นชาย ใจดวงน้อยเต้นรัวไม่เป็นส่ำกับความใหญ่โตสมตัวของเจ้าของ อายุก็ตั้งขนาดนี้ แต่นรียังไม่เคยมีโอกาสได้เห็นของจริง และของจริงที่ได้เห็นก็น่าประทับจิตประทับใจ ชวนให้รู้สึกหวามสั่นไปทั้งกาย…ขณะเดียวกันปราณกำลังใส่เครื่องป้องกันโดยไม่คิดถามความเห็นให้เสียเวลา หากนรีไม่ต้องการในสิ่งเดียวกับเขา เจ้าตัวคงร้องประท้วง ทว่าจากสายตาฉ่ำเยิ้มที่ทอดมอง ปราณสามารถตัดสินความรู้สึกหญิงสาวได้ด้วยตัวเองร่างสูงคลานขึ้นเตียงโดยมีของแข็งผงกหัวตามการเคลื่อนไหว ท่อนขาแข็งแรงเคลื่อนเข้าแทรกระหว่างสองขาเรียวงาม มือก็นวดเอ็นเนื้อไปพลางขณะที่คนเมาได้แต่หลุบตามองแท่งเนื้อลำโต ก่อนเมินหันหนีด้วยความเขินอาย นรีไม่ได้คิดว่าเหตุการณ์จะดำเนินมาถึงขั้นนี้ และแม้ใจจะอยากปฏิเสธ ทว่าอีกความรู้สึกดันมีมากกว่าปราณโน้มตัวเข้าหาเจ้าของกลิ่นกายหอมหวาน คลอเคลียจูบเข้าที่ซอกคอผ่องขาว เสียงพร่ากระซิบที่ข้างกกหูเล็กแผ่วเบา“เรื่องวันนี้ถ้าเธออาย สัญญาว่าเราจะไม่บอกใคร”คนฟังหันมอง ส่งเสียงอึกอักถามราวกับไม่เข้าใจในสิ่
ตอนพิเศษ 2ราหูอมจันทร์ 2 ยี่สิบนาทีต่อมา นรีหลับ หลับไปทั้งยังอยู่ในการประคองกอดของคนตัวโตปราณพยายามปลุกเรียกเท่าไรก็ไร้การตอบสนอง มีเพียงการส่งเสียง ‘อืม’ ในลำคอเท่านั้น และเพราะตอนนี้เขาเหนื่อย ร่างกายต้องการนอนพักเต็มที ประกอบกับดูเวลาแล้วจึงจำใจต้องพานรีกลับที่พักไปด้วยเตียงของโรงแรมตั้งกว้าง นอนสองคนไม่น่ามีปัญหา…อย่างไรก็คงไม่มีใครคิดอยากจะขึ้นคร่อมเหนือร่างของใคร… แต่เพียงแค่ประตูห้องปิดลง คนในอ้อมแขนกลับเปิดเปลือกตาขึ้นมอง แพขนตาเรียงตัวสวยกะพริบเพียงสองสามที กายอ่อนระทวยบนสองแขนของชายหนุ่มก็แข็งเกร็งขึ้นทั้งอย่างนั้น ตาคมหลุบมองดวงหน้าผุดผาดเรื่อแดงของคนที่สติเริ่มกลับมา พร้อมทั้งจำต้องรีบปล่อยอีกฝ่ายลงยืนบนพื้นทันที ก่อนใครจะเข้าใจผิดคิดว่าเขาเป็นคนประเภทชอบลักหลับ “เธอหลับ ปลุกเท่าไหร่ก็ไม่ตื่น” ปราณขยายความการกระทำด้วยน้ำเสียงราบเรียบไร้อารมณ์“อือ” คู่สนทนาผงกหัวรับ สีหน้ายังคงมึนงงกับอาการของตนเองราวกับไม่คิดติดใจอะไร ทว่าเพียงต้องยืนบนรองเท้าส้นสูง ปลีน่องเรียวเล็กก็เซวูบแทบล้มลงกองในวินาทีนี้นรีทำได้เพียงสะบัดศีรษะไล่คว
ตอนพิเศษ 1ราหูอมจันทร์ 1เพนต์เฮาส์หรูบนชั้นสูงสุดของตัวอาคารแห่งหนึ่งใจกลางเมืองหลวงของประเทศเป็นสถานที่ที่หญิงสาวไม่อยากเหยียบย่างเข้าใกล้เท่าไรนัก หากไม่ใช่เพราะต้องมาร่วมงานวันเกิดเพื่อนสนิทอย่าง ลูกตาล อย่างไรนรีก็คงไม่มา เพราะเจ้าของที่พักสุดหรูซึ่งเป็นแฟนหนุ่มของเพื่อนสนิท เป็นผู้ชายประเภทเจ้าชู้ ซ้ำยังชอบทำร้ายจิตใจคนเป็นแฟนอยู่บ่อยครั้ง ร่างผอมบางในชุดเดรสสีครีมสั้นเหนือเข่ายืนทอดอารมณ์กอดอกอยู่ทางมุมหนึ่งของระเบียงบนตึกสูงระฟ้ามาได้สักพักแล้ว เวลาล่วงผ่านเที่ยงคืน ค็อกเทลสีฟ้าสวยในมือหมดไปอีกแก้ว แต่เสียงเพลงรวมถึงแสงไฟจากด้านในก็ยังไม่มีทีท่าจะยุติลงนรีเริ่มรู้สึกมึนศีรษะ ตลอดหลายชั่วโมงที่ผ่านมาเธอใช้เครื่องดื่มผสมแอลกอฮอล์ชนิดนี้ฆ่าเวลาระหว่างรอเพื่อนทะเลาะกับแฟน แม้ว่าวันนี้เป็นวันเกิดเจ้าตัวก็ตามที และหลังจากยืนทอดอารมณ์เพียงลำพังอยู่นาน ก็ต้องสะดุ้งสุดตัวเมื่อมีชายสองคนมาหยุดยืนที่ข้าง ๆ “คุณนรีไม่เข้าไปด้านในเหรอครับ? หนาวนะ” “เข้าไปนั่งจอยกับพวกเราดีกว่านะครับ” “ไม่เป็นไรค่ะ ขอบคุณ” ปากอิ่มยิ้มให้คู่สนทนา ก่อนรอยยิ้มที่ว่าจะคลายล
ผลลัพธ์เท่ากับ ‘รัก’EP.47ผลลัพธ์เท่ากับรัก ตอนเย็น บรรยากาศในสวนตาหมานไม่มีอะไรต่างไปจากเดิมกับที่เคยเป็น รอบบริเวณมีเด็ก ๆ ลูกของคนงานวิ่งเล่นส่งเสียงเจี๊ยวจ๊าวกันเหมือนทุกวัน หลังจากติดต่อกับชิปปิงเรื่องการส่งออกผลิตผลลอตใหม่เรียบร้อยปราณก็เดินออกจากห้องทำงานในตอนเย็น วันนี้เขากับนรีมีนัดกินมื้อเย็นกับน้องสาวและคนเป็นสามีตาคมกวาดมองไปโดยรอบก็ทันได้เห็นร่างแบบบางคุ้นตายืนอุ้มลูกชายแนบไว้กับอก เสียงใจดีของนรีกำลังพูดคุยกับเด็กชายตัวเล็กคนหนึ่งที่วิ่งเล่นอยู่กับเพื่อน หญิงสาวแอบควักเงินจากกระเป๋ากระโปรงส่งต่อให้เด็กคนที่ว่าเป็นค่าขนมไม่ต่างจากทุกที คนมองพลันผุดยิ้มกว้างกับภาพที่ได้เห็น ปัจจุบันไม่มีใครในสวนตาหมานไม่รู้จักเมียของปราณ และไม่ใช่แค่ที่สวน หากแต่ในตลาดต่างก็รู้กันถ้วนหน้าว่านรีเป็นใคร ด้วยความช่วยเหลือในการกระจายข่าวของมดและกระถินที่ประกาศบอกชาวบ้านให้รู้ทั่วกันว่าสองหนุ่มสาวเป็นสามีภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมายตั้งแต่เมื่อปีกลาย และได้ร่วมงานมงคลสมรสหลังจากนรีคลอดลูกได้ไม่นานเพื่อยืนยันว่าข่าวดังกล่าวเป็นความจริง ร่างสูงเดินเข้าหาคนเป็นเมี