"ฮือ ๆ ๆ"
น้ำผึ้งนั่งร้องไห้อยู่ที่ร้านค้าของบ้านพักคนงาน มีหาญกล้านั่งปลอบใจอยู่ข้าง ๆ บนโต๊ะมีขวดเบียร์อยู่สองขวด "ทำใจเถอะวะผึ้ง" พร้อมกับรินเบียร์ให้เธอเต็มแก้ว คนงานที่ผ่านไปผ่านมาต่างส่ายหน้าให้กับพฤติกรรมของน้ำผึ้ง เธอประกาศตัวอย่างชัดเจนว่าจะต้องเป็นเมียของนายหัวกันต์ให้ได้ แถมยังคอยดูถูกหนุ่ม ๆ คนงานที่มาจีบเธออยู่เสมอ มีแต่หาญกล้าเท่านั้นที่น้ำผึ้งคุยด้วย เพราะหาญกล้าเป็นหัวหน้าคนงานและเป็นคนสนิทของนายหัว ที่นี่เป็นราวกับชุมชนเล็ก ๆ ชุมชนหนึ่งเลยทีเดียวเพราะกันต์มีคนงานหลายสิบคนส่วนมากก็เป็นคนต่างถิ่น คนอีสานบ้าง คนพม่าบ้าง เขาจึงสร้างบ้านพักขึ้นหลายหลัง แยกชายหญิงชัดเจน แต่ถ้าใครที่เป็นผัวเมียกันกันต์ก็แยกบ้านให้อยู่เป็นสัดส่วน มีร้านค้าขายของกินของใช้ที่จำเป็นให้ด้วยจะได้ไม่ต้องเข้าเมืองบ่อย ๆ เพราะสวนผลไม้และสวนยางของกันต์อยู่ไกลจากตัวเมืองมากโข "ฮือ ฉันไม่เชื่อว่านังหน้าขาวนั่นจะจริงใจกับนายหัว" ยิ่งหาญกล้าปลอบใจน้ำผึ้งยิ่งร้องไห้เสียงดังยิ่งกว่าเดิม เขาก็ชักจะเอือมระอาเธอแล้วเหมือนกัน แม้ว่าหาญกล้าเองจะแอบชอบน้าผึ้งมานานก็ตาม "ฮือ ๆๆๆ" แต่จะให้ทำอย่างไรได้แม้ว่าน้ำผึ้งจะอ้อร้อไปบ้างแต่ที่จริงแล้วเธอเป็นคนน่ารัก และขยันทำงาน แต่เพราะโฟกัสผิดจุดไปหลงรักผู้ชายที่เขาไม่รัก ชีวิตจึงได้เป็นเช่นนี้ จะไม่ให้น้ำผึ้งร้องไห้เสียใจได้ยังไง วันนี้เป็นวันครบรอบที่เธอต้องไปเอาผ้ามาซักและไปทำความสะอาดบ้าน ขณะที่เธอกำลังจะก้าวขึ้นบันไดบ้านของนายหัวก็ได้ยินเสียงครางของผู้หญิงคนนั้นกับเสียงของนายหัวสลับกัน กลางวันแสก ๆ ยังกล้ายั่วนายหัวทำเรื่องบัดสีแบบนี้ได้ สงสัยมันเป็นแม่มดแน่ ๆ นายหัวถึงได้หลงมันนัก มิน่าล่ะช่วงหลายวันมานี้นายหัวถึงไม่ค่อยโผล่ไปที่บ้านพักคนงานเลย ปกติแล้วนายหัวกันต์จะไปนั่งตั้งวงกับพวกคนงานหนุ่ม ๆ เป็นประจำ แต่พอมีเมียแล้วก็ไม่ยอมโผล่มาเลย น้ำผึ้งคิดอย่างแค้นเคือง "อีผึ้ง ! กลับบ้าน" ป้าสายตะเบ็งเสียงเรียกน้ำผึ้ง "นี่มันกี่โมงกี่ยามแล้ว ฮึ ! มึงจะกลับดี ๆ หรือจะให้กูลากมึงกลับ" เมื่อได้ยินเสียงแม่เรียกเธอก็รีบลุกออกจากโต๊ะทันที แต่ไม่วายหยิบขวดเบียร์ที่เหลือติดมือไปด้วย ยายสายสุดแสนจะเอือมระอากับลูกสาว อายุก็ไม่ใช่น้อย ๆ ยังจะมาคร่ำครวญเพราะผู้ชายอีก ถ้ามันเป็นเด็ก ๆ แม่จะเฆี่ยนให้หลังลาย ป้าสายเกรงว่านายหัวกันต์จะรำคาญน้ำผึ้งไล่ออกจากที่นี่แล้วจะไปซุกหัวนอนที่ไหน เดินกระฟัดกระเฟียดกลับบ้านไป หาญกล้าส่ายหัวแล้วก็สั่งเบียร์มากินต่อ ช่วงเวลาหลังเลิกงานแบบนี้เขามักจะมานั่งกินเบียร์ที่ร้านค้าแห่งนี้ประจำ บางทีนายหัวกันต์ก็มาร่วมวงด้วย "พี่หาญ ๆ ! ช่วยด้วย" โพนคนงานชาวพม่าวิ่งมาหาหาญกล้าหน้าตาตื่น แม้ภาษาไทยไม่ค่อยชัดแต่ก็พอสื่อสารกันได้ "มีอะไรกันโพน !?" "ไอ้เกลูกชายผมมันเป็นไข้ ตัวร้อนจี๋เลย" หาญกล้าจึงลุกขึ้นและเดินตรงไปยังบ้านพักของโพนกับมะขิ่นซึ่งเป็นผัวเมียกันมีลูกชายวัยสามขวบกว่าด้วยกันหนึ่งคน เมื่อหาญเดินเข้าไปในบ้านก็เห็นเด็กชายตัวน้อยนอนอยู่บนฟูก มะขิ่นนั่งร้องไห้อยู่ข้าง ๆ หาญกล้านั่งลงแล้วก็เอามือคลำหน้าผากเด็กชายพบว่าร้อนมาก "ต้องแจ้งนายหัว" พูดจบก็ควักโทรศัพท์ออกมาและโทรหาเจ้านายทันที "ได้ ๆ เดี๋ยวฉันไปดู" กันต์ที่กำลังจะเข้านอนเพราะตอนนี้มันสามทุ่มกว่าแล้วก็ลุกขึ้นเปลี่ยนเสื้อผ้า "คุณกันต์จะไปไหนคะ ?" "ลูกของคนงานไม่สบายตัวร้อนจัด เดี๋ยวผมจะไปดูสักหน่อย กลอยนอนก่อนได้เลยนะเผื่ออาจจะได้พาไปโรงหมอ" "กลอยไปด้วยได้ไหมคะ ?" เขาไม่ปฏิเสธกลอยใจจึงหาเสื้อแขนยาวตัวใหญ่ของกันต์มาใส่ทับชุดนอนกระโปรงของตัวเองเพื่อกันโป๊ เพราะถ้าหากเปลี่ยนเสื้อผ้าอาจเสียเวลานาน บ้านของกันต์กับบ้านพักของคนงานอยู่ห่างกันประมาณสามกิโลเมตร ประมาณห้านาทีกันต์กับกลอยใจก็ไปถึง "นายหัวมาแล้ว !" เสียงของใครบางคนตะโกนบอก กลอยใจสงสัยว่านายหัวแปลว่าอะไรเพราะใคร ๆ ต่างก็เรียกเขาว่านายหัวกันทุกคน เก็บความสงสัยเอาไว้ในใจเดี๋ยวค่อยถามก็ได้ "นายหัวทางนี้ครับ" หาญส่งเสียงเรียกเจ้านาย กันต์กับกลอยใจจึงเดินตรงไปยังที่เด็กชายเกนอนอยู่แล้วนั่งลงข้าง ๆ กลอยใจคลำหน้าผากดูพบว่าเด็กตัวร้อนมาก ต้องทำให้ไข้ลดลงโดยเร็วที่สุดไม่งั้นอาจช็อคได้ "ต้องรีบพาไปหาหมอ" กันต์เอ่ยปากขึ้นมากำลังจะอุ้มเด็กแต่กลอยใจห้ามเอาไว้ "เดี๋ยวค่ะคุณกันต์ โรงพยาบาลอยู่ไกลไหมคะ ?" "ขับรถประมาณสามสิบนาที" "ต้องทำให้ไข้ลดก่อนค่ะ ไม่งั้นน้องอาจช็อคได้ ให้ใครไปหากะละมังใส่น้ำกับผ้าขนหนูผืนเล็กให้กลอยได้ไหมคะ ?" กันต์จึงบอกให้มะขิ่นไปเตรียมของที่กลอยใจต้องการ ระหว่างรอเธอก็ปลุกเด็กน้อยให้ตื่นขึ้น ถอดเสื้อผ้าของเขาออกเพื่อระบายความร้อน เมื่อของที่ต้องการมาแล้วกลอยใจก็จัดการเช็ดตัวให้เด็กน้อยโดยเช็ดย้อนขึ้น "มียาแก้ไข้เด็กไหมคะ ? เช็ดตัวเสร็จแล้วให้น้องทานยาด้วย" มะขิ่นจึงเดินไปหยิบยาแก้ไข้มาส่งให้กลอยใจ เธอรับมาถือไว้เพราะเช็ดตัวให้เด็กเสร็จพอดี "ใส่เสื้อผ้าให้น้องเลยค่ะ" เธอบอกแม่ของเด็ก มะขิ่นจึงใส่เสื้อผ้าให้ลูกและก็พบว่าความร้อนในตัวลูกของเธอลดลงอย่างเห็นได้ชัด เมื่อน้องใส่เสื้อผ้าเสร็จแล้ว เธอก็บอกให้มะขิ่นป้อนยาให้ลูก ตลอดเวลาเด็กน้อยไม่ร้องไห้เลยคงซึมเพราะพิษไข้ การที่พาไปโรงพยาบาลโดยที่ไม่ทำให้ไข้ลดก่อนก็อันตรายมากเพราะกว่าจะถึงโรงพยาบาลก็เกือบครึ่งชั่วโมง แล้วระหว่างนั้นถ้าเกิดช็อคขึ้นมาก็คงไม่ปลอดภัย ผ่านไปเกือบชั่วโมงแล้วไข้ของเจ้าหนูก็ไม่ขึ้นอีก ตอนแรกกันต์จะพาไปหาหมอแต่โพนกับมะขิ่นไม่อยากไปเพราะลูกตัวไม่ร้อนแล้ว กลอยใจจึงแนะนำวิธีดูแลเบื้องต้นให้หากน้องมีไข้สูงอีก "ให้ทานยาลดไข้นี่ทุกสี่ชั่วโมง ตั้งนาฬิกาปลุกไว้เลย แล้วก็เช็ดตัวให้น้อง เวลาเช็ดก็ถอดเสื้อผ้าออกให้หมด เช็ดย้อนขึ้นให้รูขุมขนเปิดเพื่อระบายความร้อน เข้าใจนะคะ ?" กลอยใจอธิบายให้มะขิ่นฟังยืดยาวพร้อมกับย้ำถามอีกรอบ มะขิ่นพยักหน้า "ถ้างั้นฉันกลับก่อนนะ มีอะไรก็ไปเรียก" กันต์เอ่ยขึ้นบ้างเพราะสังเกตเห็นว่ากลอยใจปิดปากหาวหลายครั้งแล้ว "กลับกันเถอะกลอย" เธอจึงลุกขึ้นและเดินออกจากบ้านของมะขิ่นและโพนเคียงข้างกันกับเขา ระหว่างเดินไปที่รถเธอก็ถามเขา "คุณกันต์ 'นายหัว' แปลว่าอะไร ?" "ทำไมครับ ?" "ก็..ได้ยินทุกคนเรียกคุณ นายหั้ว นายหั้ว" เขาหัวเราะให้กับสำเนียงที่เธอพยายามพูดภาษาใต้ ก็น่าเอ็นดูไปอีกแบบ "แปลว่า 'เจ้านาย' ครับ" "อือ ๆ" กลอยใจพยักหน้าอย่างเข้าใจ กันต์โอบไหล่เธออย่างรักใคร่ ท่ามกลางสายตาของคนงานหลายคนโดยเฉพาะน้ำผึ้งที่ได้ยินเสียงเอะอะจึงลงจากบ้านมาดูและเจอกับภาพบาดตาพอดี "ฮึ ! หมั่นไส้" ก่อนจะหันหลังกลับและเดินขึ้นบ้านไป "กลอยเอาความรู้มาจากใหนวิธีการทำให้ไข้ลด ?" "ในอินเตอร์เน็ตไงคะ กลอยชอบอ่านและศึกษาหาความรู้ค่ะ" เพราะเธอเป็นนักเขียนจึงต้องหมั่นหาข้อมูลเพื่อมาเป็นวัตถุดิบในงานเขียนของเธอ"พี่หาญ พี่แน่ใจแล้วใช่ไหมที่เลือกฉัน ?"น้ำผึ้งเอ่ยถามหาญกล้า ทั้งสองนั่งอยู่บนเตียงกว้าง หาญกล้าพาเธอมาเที่ยวเขื่อนเชี่ยวหลานเพื่อกระชับความสัมพันธ์ โดยที่ขออนุญาติป้าสายแม่ของน้ำผึ้งเรียบร้อยแล้วตั้งแต่ตกลงคบหาดูใจกันกับเขา น้ำผึ้งก็รู้สึกไม่สบายใจมาตลอด เพราะเธอเคยมีแฟนมาก่อน และยังเคยแอบชอบนายหัวกันต์เจ้านายของเธอ แล้วเขาก็เป็นเจ้านายของหาญกล้าด้วย เคยทำตัวไม่น่ารักและอ้อร้อมาก ๆ เรียนก็แทบไม่จบ เพราะใจแตกคบผู้ชายตั้งแต่วัยเรียน แต่สุดท้ายก็ถูกถีบหัวส่ง ต้องซมซานกลับมาหาแม่และยังดีที่นายหัวกันต์ให้เธอทำงานเล็ก ๆ น้อย ๆ ในสวน และคนที่คอยปลอบใจเธอมาตลอดก็คือผู้ชายที่อยู่ตรงหน้าคนนี้"ทำไมถามอย่างนั้นล่ะ ?"หาญกล้าไม่ตอบคำถามของเธอ แต่กลับถามคำถามเธอกลับ น้ำผึ้งสบตากับเขา พร้อมกับถอนหายใจออกมา"ก็..ฉันไม่ได้บริสุทธิ์ผุดผ่อง เคยมีผัวมาแล้วพี่ก็รู้ มีผู้หญิงที่ดี ๆ กว่าฉันตั้งเยอะแยะที่พร้อมจะเป็นเมียพี่"หาญกล้าแม้ไม่ได้ร่ำรวย แต่ก็ขยันขันแข็ง เขามีที่ดินหลายสิบไร่ที่ซื้อจากน้ำพักน้ำแรงของตัวเอง มีเงินเก็บไม่น้อย และที่สำคัญหน้าตาของเขาก็ไม่ได้ด้อยกว่าใคร ผิวคล้ำที่เกิดจากการทำงานใน
วันนี้กลอยใจตื่นขึ้นมาแต่เช้า อาการแพ้ท้องของเธอหายไปแล้วตั้งแต่กลับมาจากกรุงเทพ ฯ เธอตัดสินใจขายบ้านหลังนั้นเพราะอยากทิ้งทุกอย่างเอาไว้ให้เป็นแค่ความทรงจำ เธอจะลงหลักปักฐานที่นี่ อยู่กับคนที่เธอรักตลอดไป"คุณกลอย"เสียงของกุหลาบเรียกเธอให้ออกจากภวังค์ กุหลาบเดินเข้ามาพร้อมกับน้ำผึ้ง"แต่งตัวเสร็จแล้วใช่ไหมคะ พี่ผึ้ง กุหลาบ ?""เสร็จแล้วจ้ะคุณกลอย"น้ำผึ้งเป็นคนตอบ กลอยใจจึงหันไปสำรวจความเรียบร้อยของสองสาว น้ำผึ้งกับกุหลาบในชุดเดรสตัวยาวสีโอโรส เปิดไหล่โชว์ผิวสีน้ำผึ้งได้อย่างชวนมอง"สวยจัง สวยกว่าเจ้าสาวอีกนะเนี่ย"กลอยใจเอ่ยชม"ไม่จริงหรอกจ้ะ คุณกลอยสวยที่สุด ใช่ไหมพี่ผึ้ง ?"กุหลาบพูดแย้งออกมา พร้อมกับขอความเห็นจากน้ำผึ้ง "ใช่ วันนี้คุณกลอยสวยมาก ผู้หญิงทั้งจังหวัดก็ไม่มีใครสู้"กลอยใจหัวเราะให้กับคำชมที่จริงใจของน้ำผึ้ง เธออยู่ในชุดเจ้าสาว สีขาวบริสุทธิ์ แม้ว่าตอนนี้จะท้องได้สิบหกสัปดาห์หรือสี่เดือนแล้ว แต่หน้าท้องของเธอก็ยังแบนราบราวกับคนไม่ได้ท้อง ป้าสุนีย์บอกว่าเป็นเพราะท้องสาว"เราออกไปกันเถอะ"กลอยใจเอ่ยชวนสองสาว ทั้งสามคนจึงได้เดินออกไปจากห้องพร้อมกัน งานแต่งของกันต์กับกลอ
หาญกล้ากับเมธีได้แต่มองหน้ากันเมื่อเห็นพฤติกรรมของกันต์ คนที่เมียกำลังท้องจะมีอาการแปลก ๆ แบบนี้ทุกคนล่ะมั้งเมื่อน้ำผึ้งกับกุหลาบเห็นนายหัวโผล่หน้าเข้าไปในห้องพวกเธอจึงหยุดเลือกชุด แล้วก็พากันหลบออกมาจากห้องนั้น ปล่อยให้สองผัวเมียได้อยู่กันตามลำพังกันต์ปีนขึ้นไปบนเตียงเขาค่อย ๆ ก้มลงจูบที่ริมฝีปากของเมียรัก เธอลืมตาตื่นขึ้นมาเพราะรู้สึกได้ว่ามีคนรบกวน ในตอนแรกกลอยใจคิดว่าเป็นกุหลาบกับน้ำผึ้งแต่พอเป็นกันต์ซึ่งตอนนี้เขาใช้ร่างกายใหญ่โตคร่อมร่างเธอเอาไว้ เธอจึงหลับตาลงและคิดจะนอนต่อ แต่กันต์ก้มลงซุกไซ้ซอกคอของเธอ กลอยใจขนลุกซู่และเข้าใจได้ทันทีว่าสามีต้องการอะไร"พี่กันต์.."เอ่ยออกมาเสียงแผ่วใช้สองแขนคล้องคอเขาและโน้มตัวของสามีลงมา ก่อนจะเผยอปากรับรอยจูบจากเขา กันต์แทรกลิ้นร้อน ๆ เข้าไปในโพรงปากของเธอ กลอยใจก็ใช้ลิ้นเล็กดูดดึงลิ้นของเขาอย่างไม่ยอมแพ้ ทั้งสองคนส่งเสียงอือในลำคอ ตั้งแต่กลอยใจท้องทั้งสองคนก็ไม่ได้ใกล้ชิดหรือแสดงความรักต่อกันเลย แลกจูบกันเนิ่นนานเหมือนกันต์จะรู้ตัวเพราะนึกถึงคำพูดของคุณหมอขึ้นมาได้ จึงผละริมฝีปากบางออกจากริมฝีปากนุ่ม "พอก่อน"กันต์เอ่ยปากออกมาเสียงแหบพร่
เมื่อมาถึงผับของนทีแล้วเขาก็เปิดห้อง VIP ให้กับทุกคน และสั่งเครื่องดื่มมาให้แบบจัดเต็ม หาญกล้าชอบใจมาก เมธีเองก็สนุก ส่วนกันต์นั้นในตอนแรกเขาก็ไม่กล้าเมาได้แต่หันไปมองหน้าภรรยา "พี่กันต์อยากดื่มก็ดื่มเลยค่ะ"กลอยใจบอกกับสามีเสียงอ่อนโยน เธอเองก็นึกเห็นใจเขาไม่น้อย เพราะตั้งแต่รู้ว่าเธอตั้งครรภ์เขาก็เข้าหน้าเธอไม่ติดเลย เพราะนอกจากเธอจะเหม็นกลิ่นตัวเขาแล้วยังเข้าหน้าเธอไม่ติดอีกด้วย เพิ่งจะมีสองสามวันมานี่แหละที่เธอการดีขึ้นเธอจึงไม่ค่อยหงุดหงิดใส่เขาเมื่อเมียรักอนุญาติกันต์จึงจัดเต็ม ชนแก้วกับเมธี หาญกล้าแล้วก็นทีด้วยความสนุกสนาน แหกปากร้องคาราโอเกะแบบไม่สนคีย์ ดูท่าทางสนุกสนานของสามีแล้วกลอยใจก็พลอยมีความสุขไปด้วย เธอเข้าไปเช็คยอดวิวของนิยายและใช้โอกาสนี้เขียนนิยายสักหน่อย ตั้งแต่แพ้ท้องเธอก็ไม่ได้อัพนิยายมาเป็นอาทิตย์แล้ว มีรี้ดเข้ามาคอมเมนต์ทวงตอนต่อไปอยู่หลายคน แม้จะมีเสียงดังอยู่รอบตัวก็ไม่ใช่ปัญหา ขอแค่อารมณ์มาไอเดียผุด กลอยใจก็สามารถเขียนนิยายได้ทุกที่"เป็นไงบ้าง ?"เมธีถามกุหลาบอย่างเป็นห่วง เห็นท่าทางพะอืดพะอมของเธอแล้วเขาก็ทั้งขำแล้วก็สงสาร "ไม่เป็นไร ดีขึ้นแล้วค่ะ"เธอย
เมื่อหนุ่ม ๆ ขึ้นรถเรียบร้อยแล้ว จึงไปรับสามสาวที่ร้านเสริมสวย กลอยใจมองสามีไม่วางตาเพราะลุคนี้เขาดูหล่อเหลา ชุดสูทพอดีตัวสีเทาเข้มส่งให้ร่างสูงกำยำของกันต์ดูเปลี่ยนไป แม้ความหล่อคมเข้มยังอยู่ แต่ที่เพิ่มมาอีกก็คือความอ่อนละมุนอบอุ่นอบอวลไปทั่วร่าง กันต์เองก็เขินกับสายตาของเมียรักและก็อดตะลึงกับความสวยของเมียไม่ได้ ชุดราตรีสีชมพูอ่อน เปิดไหล่เนียนละมุน เอวคอดกิ่วและหน้าท้องแบนราบแม้ตอนนี้เธอจะท้องได้เกือบสองเดือนแล้วก็ตาม แต่รูปร่างก็ยังเพรียวระหงอยู่เช่นเดิม ส่วนน้ำผึ้งกับกุหลาบก็สวยมากเช่นกันในชุดราตรีโทนสีฟ้าอ่อนขับผิวสีน้ำผึ้งของทั้งสองให้ดูเนียนละเอียดมากขึ้น โดยเฉพาะกุหลาบแทบดูไม่ออกเลยว่าเป็นเพียงสาวน้อยในสวนในไร่คนหนึ่งเท่านั้น เมธีมองกุหลาบตาไม่กระพริบ เมื่อสามสาวขึ้นรถเรียบร้อยแล้วรถก็เคลื่อนตัวตรงไปที่โรงแรมที่จัดงานแต่งของเกมส์กับน้ำฟ้า ทั้งหกคนเดินเข้าไปในงาน ต่างก็ตกเป็นเป้าสายตาของใครหลาย ๆ คน โดยเฉพาะกลอยใจนั้นต่างก็มีสายตาอยากรู้อยากเห็นของหลายคนมองตาม"นั่นมันยัยกลอยนี่"เสียงกระซิบกระซาบของอดีตเพื่อนร่วมงานของเธอพูดคุยกัน เกมส์กับน้ำฟ้าคงเชิญคนทั้งบริษัท กลอยใจคล
"โอ้..ว่าแล้ว"หลังจากที่กลอยใจเปิดประตูรั้วเข้าไปในบ้านเธอก็อุทานออกมา บริเวณหน้าบ้านในตอนนี้หญ้าขึ้นรก ดอกไม้ต้นไม้ก็เหี่ยวเฉา ฝุ่นเกาะเต็มตรงระเบียงหน้าบ้าน และขอบหน้าต่าง และภายในบ้านก็คงไม่ต่างกัน"นี่แหละค่ะบ้านของกลอย เชิญทุกคนค่ะ"เมื่อเธอพูดจบก็ดันประตูหน้าบ้านให้เปิดกว้างออก น้ำผึ้ง กุหลาบ กันต์แล้วก็หาญกล้าจึงลากกระเป๋าเสื้อผ้าเดินเข้าไปบ้านของกลอยใจเป็นบ้านเดี่ยว สามห้องนอนสองห้องน้ำลักษณะเหมือนบ้านในหมู่บ้านจัดสรรทั่วไป เธอซื้อบ้านหลังนี้ด้วยน้ำพักน้ำแรงของตัวเอง เมื่อก่อนเธออยู่กับยายแต่พอยายเสียเธอก็เลยอยู่คนเดียว บ้านของน้ำฟ้าก็อยู่ในหมู่บ้านแห่งนี้แต่อยู่ถัดไปอีกซอย"คุณกลอย ต้องทำความสะอาดกันยกใหญ่เลยนะเนี่ย"กุหลาบเอ่ยขึ้นมา เพราะมองดูสภาพแล้วถ้าไม่ทำความสะอาดก่อนคงเข้าพักไม่ได้แน่ ๆ กลอยใจพยักหน้าเห็นด้วย เธอไปอยู่กับกันต์ก็สี่ห้าเดือนแล้ว อีกอย่างตอนไปก็ไปอย่างกะทันหันจึงไม่ได้ฝากให้ใครช่วยดูแล ค่าน้ำค่าไฟเธอก็อาศัยจ่ายผ่านช่องทางออนไลน์เอา"เดี๋ยวกลอยโทรหาบริษัทรับทำความสะอาดมาช่วยจัดการ""ไม่ต้องหรอกคุณกลอย พวกเราช่วยกันทำก็ได้จ้ะ"น้ำผึ้งพูดขึ้นมา กุหาบกับหาญก