"ไม่ อย่าเอาเข็มมาถูกตัว ฮื่ออ"
เอดานยอมหลังเกือบหักอุ้มคุณหนูที่กำลังร้องไห้ไม่เอาใครขึ้นมาอุ้ม แล้วพยักหน้าให้หมอเดินเข้ามาเจาะเลือดเธอไปตรวจ ตัวไม่เบาเลยนะคิดว่าตอนนั่งตักหนักที่สุดแล้วตอนอุ้มนี้ยิ่งกว่าเป็นร้อยเท่าเห็นทีออกจากโรงพยาบาลคราวนี้เขาคงต้องเสนอเรื่องลดน้ำหนักให้กับเธอ
สาวน้อยที่ยังอยู่ในชุดนอนร้องไห้ไม่ฟังใครดิ้นขลุกขลักอยู่ในอ้อมกอดของบอดี้การ์ด ถ้าเวลาอื่นเธอคงอายม้วนต้วนไปแล้ว แต่ตอนนี้เข็มต้องหนีไปให้พ้นไอ้เจ้าเข็มอันใหญ่ที่กำลังจะเข้ามาใกล้เธอให้ได้ซะก่อน พวกหมอพวกพยาบาลบ้าไม่ยอมฟังที่เธอพูดบ้างเลย
"ให้หมอเจาะเลือดนะครับ จะได้หาย"
เสียงของเขานุ่มนวลลงพยายามอ่อนโยนให้เหมือนที่มอร์แกนเคยทำถึงจะดูขัดไปบ้างแต่ก็ดูดีกว่าตอนก่อนเยอะ พร้อมกับเม็ดเหงื่อที่ผุดขึ้นบนใบหน้าแสดงความหนักที่เขาต้องแบกรับเอาไว้ ไม่ไหวทั้งที่ออกกำลังกายทุกวันกล้ามเนื้อแน่นเปรี๊ยะทั้งตัวก็ไม่ได้ช่วยอะไรได้เลย
"ไม่เชื่อ ไม่เจาะ"
สองแขนโอบรัดรอบคอของบอดี้การ์ดแน่นขึ้นจนใบหน้าของเขาเปลี่ยนสี เธอส่ายหน้าไปมาอยู่กับซอกคอเขาจนผมเผ้าที่ไม่ได้หวียุ่งยิ่งกว่าเดิม น้ำตาที่ไหลออกมาพร้อมน้ำหมูกก็เลอะเทอะหน้าตาของเธอและไหล่ของเขา
"ถ้าคุณหนูดื้อจะไม่มีใครรักนะครับ"
"ลูกจันทร์ไม่สน"
"เจาะเลือดก่อนนะครับ แล้วเดี๋ยวเราไปเดินเล่นที่สวนสาธารณะกัน"
สิ่งเดียวที่เด็กน้อยเคยขอเขาแล้วเขาไม่ทำเพราะเธอไม่ได้ขอเหมือนเด็กทั่วไป เธอขออะไรที่มากกว่าการเดินเล่นทั่วไปและมันก็เสี่ยงสำหรับเขาที่มีหน้าที่แค่ดูแลความปลอดภัยของเจ้านายไม่ได้ต้องไปดูแลความรู้สึกทางใจของเจ้านายไปด้วยซะหน่อยโดยเฉพาะเด็กผู้หญิงตัวจ้ำม่ำที่กำลังจะโตเป็นสาว
"สองคนนะ สัญญาแล้ว"
เสียงร้องไห้หยุดลงในพริบตา กลั้นอาการสะอื้นเอาไว้ในลำคอเอ่ยถามเรื่องที่เธออยากให้เป็นจริงมานานแล้ว ดวงตาที่เคยตี่ลืมแป๋วขึ้นมาเท่าไข่ห่าน
"ครับ สัญญา"
เอดานชูนิ้วก้อยขึ้นมาส่งสัญญาณเกี่ยวก้อยสัญญากับเด็กน้อย ลูกจันทร์มองแล้วก็ยิ้มพร้อมกับหอมแก้มเขาไปหนึ่งฟอดเท่านั้นแหละแก้มของเธอก็แดงแจ๋ขึ้นมามันแดงยิ่งกว่าลูกตำลึงสุกซะอีก
แขนอวบๆ ถูกยื่นออกไปโดยอัตโนมัติให้หมอจัดการทำอะไรก็ได้โดยไม่มีความเจ็บปวดมีแต่รอยยิ้มกับแก้มแดงๆ ที่ไม่มีพิษไข้เข้ามาช่วยเร่งความแดงนั่นเลยมีแต่ความหื่นของเด็กน้อยที่เกินตัว ไม่รู้ไปได้เชื้อแบบนี้มาจากไหน
ลูกจันทร์ถูกจับนอนโรงพยาบาลนานเป็นอาทิตย์เพราะเธอเป็นอีสุกอีใสแต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้ความอวบอั๋นของเธอลดน้อยลงเธอเด็กน้อยยังคงกินเก่งเหมือนเดิมไม่ว่าจะนอนป่วยอยู่ในโรงพยาบาลหรือกลับมานอนรักษาตัวที่บ้านก็ตาม เธอยังคงกินอิ่มนอนสบายสมเป็นลูกพ่อเดย์
"แม่แคท แผลพวกนี้จะหายไหมคะ"
เด็กตัวอ้วนที่เพิ่งจะได้ส่องกระจกเป็นครั้งแรกหลังจากที่กลับจากโรงพยาบาลมาอยู่บ้านได้เป็นอาทิตย์แล้ว เพราะเธอได้แต่อยู่ในห้องนอนไม่ได้ออกไปข้างนอกเลยและกระจกในห้องก็ถูกขนออกไปจนหมดเพิ่งจะเอากลับมาไว้ที่ก็เมื่อตะกี้นี้เอง ลูกจันทร์มองสะเก็ดดำๆ บนตัวและที่ใบหน้าด้วยความสงสัยเธอไม่คิดว่ามันจะเยอะขนาดนี้เพราะไม่ได้รู้สึกเจ็บปวดอะไรมากมาย
"หายสิจ๊ะ"
แคทธารีนกอดลูกสาวของเธอเพื่อใช้ความอบอุ่นแห่งรักรักษาทุกสิ่ง เธอเป็นเพียงไม่กี่คนที่เข้ามาคอยดูแลลูกจันทร์เพราะคนในบ้านอีกจำนวนหนึ่งต้องแบ่งไปดูลูกคนอื่นของเธอที่ต้องแยกเลี้ยงด้วยกลัวจะติดไข้จากลูกจันทร์
"แล้วหนูจะเล่นกับน้องๆ ได้วันไหนคะ หนูสัญญากับน้องหนูดาเอาไว้ว่าจะเล่นตุ๊กตากัน"
สาวจ้ำม่ำกอดแม่แคทของเธอตอบ พลันเหลือบไปเห็นตุ๊กตาตัวโปรดที่เอาไว้เล่นกับน้องสาวหลายวันแล้วที่ไม่ได้เจอหน้ากันและก็เลยวันนัดที่จะเล่นด้วยกันมาแล้วด้วยป่านนี้ลินดาคงงอนเธอไปแล้ว
"อีกสองสามวันนะคะ"
พูดยังไม่ทันขาดคำลูกสาวของเธอก็เปิดประตูวิ่งออกไปทั้งที่ตกลงกันแล้วว่าจะอยู่ในห้องนี้ไม่ไปไหนจนกว่าจะหายดี
"ป๊ะป๊าจะพาพี่เอดานไปไหน ป๊ะป๊า"
ลูกจันทร์ได้ยินเสียงคนคุยกัน เสียงนั่นคุ้นหูจนเธอรีบวิ่งออกมา แต่มันช้าไปทั้งพ่อของเธอและเอดานเดินลงไปถึงประตูหน้าบ้านแล้วและเสียงของเธอคงไปไม่ถึงเขาถึงได้ไม่มีใครหันมาเลย บอดี้การ์ดคนนี้ก็เหลือเกินตั้งแต่กลับมาจากโรงพยาบาลก็ไม่เคยมาให้เห็นหน้าเลยทำเป็นหลบหน้ากัน
"ลูกจันทร์ ป๊ะป๊ารีบไปทำงานนะคะ เดี๋ยวก็กลับ"
สามีของเธอมีงานด่วนมาเป็นอาทิตย์แล้วและทอยลูกน้องคนสนิทของเขาก็ถูกส่งตัวไปดูงานอีกที เธอเองก็ไม่ไว้ใจให้เขาออกไปนอกบ้านโดยปราศจากคนรู้ใจก็เลยส่งเอดานไปคอยดูแลเขา
"ป๊ะป๊าพาพี่เอดานไปทำไม ใครจะดูแลลูกจันทร์"
ร่างอวบเดินกลับเข้าห้องพร้อมอมลมมาเต็มสองแก้มทิ้งตัวลงนอนบนเตียง เสียงสปริงของเตียงนอนเหมือนกับหักอยู่ข้างในแต่ก็ไม่ส่งเสียงออกมาอีกเพราะถูกแม่ลูกขนุนทับเอาไว้
"แม่แคทอยู่ตรงนี้ แม่แคทดูแลลูกจันทร์เองนะคะ เอดานต้องไปทำงาน"
เธอพยายามจะเข้ามากอดลูกสาว ลูกจันทร์ติดเอดานมากไม่แปลกที่จะน้อยใจที่พ่อพาคนสนิทออกไปต่อหน้าต่อตา
"ไม่เหมือนกัน"
ร่างอวบพลิกหันขวับดึงผ้าห่มขึ้นมาคุมตัวไม่พูดไม่จากับใครอีก ไม่มีใครเข้าใจจิตใจของเธอที่ต้องการเพียงเอดานให้มาคอยดูแลเท่านั้นและเขาก็ยังติดสัญญากับเธออยู่ด้วยจะมาทิ้งกันไปแบบนี้ได้ยังไงไอ้ผู้ชายไม่ได้เรื่อง
เธอรับช่อดอกไม้แล้วเดินออกจากร้าน สะบัดหน้าใส่คนที่นินทาเธอ ยังไงเธอก็ไม่ได้ทำให้ใครเดือดร้อน ความอวบอั๋นของเธอมันก็อยู่บนตัวเธอไม่ได้ไปอยู่บนปากใครจะไปใส่ใจทำไม และอีกอย่างเอดานก็เป็นคนที่โชคดีที่สุดที่มีเธอคอยสนใจในทุกเรื่องของเขาดีกว่าจะมามีพวกขี้นินทานี้ไปคอยดูแล"วันวาเลนไทน์ทั้งที่ ก็ต้องมีดอกไม้ ลูกจันทร์เตรียมให้พี่เอเลยนะคะ"ลูกจันทร์นั่งรออยู่ตรงหน้าบ้านในมุมมืดโดยโกหกแม่แพรว่าจะมาดูดาวแต่เธอมานั่งรอผู้ชาย วันนี้ยังไงก็ต้องเจอไม่ว่าจะนานแค่ไหนแต่พอผ่านไปได้สักพัก"ยังไม่กลับมาอีก"ด้วยความเอาแต่ใจเสียงบ่นก็เลยดังออกมา เธอรักษาน้ำหนักได้คงที่ตลอดมาแต่ตอนนี้กำลังเริ่มหงุดหงิดเพราะต้องมายืนนานและก็เลยเวลากินของว่างก่อนเข้านอนมาแล้วด้วยแต่ก็ไม่เกิดผลถึงเธอจะบ่นไปเขาก็ยังไม่มาอยู่ดี เด็กสาวนั่งลงต่อและเริ่มคิดทบทวนถึงวันเก่าๆ เพื่อฆ่าเวลา โดยเฉพาะคิดถึงเขาหลังจากเหตุการณ์วันนั้นเมื่อห้าปีที่แล้วเธอกับเอดานก็ห่างกันมาตลอดเพราะมอร์แกนผู้เป็นพ่อของเธอมาเจอเข้าจนเอดานเดินหนีออกจากห้องไปและเขาเองก็พยายามหลบหน้าเธอด้วยแต่ใครจะไปหมดความพยายามทิ้งรักอันแสนสวยงามในวัยเด็กได้ลงก็เธอมันร
ช่วงมรสุมชีวิตหมดลงแล้วสำหรับสาวน้อยลูกจันทร์ความสดใสกับชีวิตปกติของเธอกลับคืนมาแล้วและหลังจากหายดีเธอก็มาโรงเรียนทันที เหนือเรื่องกินก็มีเรื่องเรียนที่เธอถนัดและเก่งแต่ก็มีสิ่งมากวนใจเธอตั้งแต่วันแรกที่กลับมาเรียนจนถึงวันนี้ คนที่มารับเธอประจำแทบทุกวันกลับเปลี่ยนหน้าไปจากหนุ่มหล่อในดวงใจกลายเป็นย่ามาลีหญิงสาวสูงวัยและคนขับรถที่ไม่เคยพูดกับเธอเลย มันไม่มีความสุขและก็ไม่มีใครบอกว่าเขาหายไปไหนทั้งที่เธอถามหาทุกวัน"ชุดนี้ไม่สวย""ชุดนี้ก็ไม่ได้""เอดาน มาช่วยลูกจันทร์เลือกชุดหน่อย"เด็กสาววัยสิบขวบทิ้งเสื้อผ้าที่เอาออกมาลองลงตรงหน้ากระจกบานใหญ่อย่างตัดพ้อคนที่หายหน้าไป ถ้าเขาอยู่ป่านนี้เธอได้ชุดไปงานโรงเรียนแล้วเพราะเขาจะพยักหน้าตั้งแต่เธอใส่ชุดแรก เขามักจะพูดว่าดูดีเหมาะสมที่สุดทำให้เธอมั่นใจไม่ใช่มาลองแล้วลองอีกชุดแล้วชุดเล่าแบบนี้"ได้เวลาดื่มนมแล้วครับคุณหนู"เสียงเคาะประตูดังขึ้นและประตูก็ค่อยๆ เปิดออก ชายร่างสูงใหญ่ราวนักกีฬาเดินถือแก้วนมแก้วใหญ่เข้ามาภายในห้องแทนป้ามาลีที่เดินขึ้นบันไดแทบจะไม่ไหวอยู่แล้ว เขาไม่ได้อยากมาเพราะเหนื่อยล้าจากงานหนักมาเต็มทนแต่พอเดินเข้าบ้านมาเห็นคนแก
"ไม่ อย่าเอาเข็มมาถูกตัว ฮื่ออ"เอดานยอมหลังเกือบหักอุ้มคุณหนูที่กำลังร้องไห้ไม่เอาใครขึ้นมาอุ้ม แล้วพยักหน้าให้หมอเดินเข้ามาเจาะเลือดเธอไปตรวจ ตัวไม่เบาเลยนะคิดว่าตอนนั่งตักหนักที่สุดแล้วตอนอุ้มนี้ยิ่งกว่าเป็นร้อยเท่าเห็นทีออกจากโรงพยาบาลคราวนี้เขาคงต้องเสนอเรื่องลดน้ำหนักให้กับเธอสาวน้อยที่ยังอยู่ในชุดนอนร้องไห้ไม่ฟังใครดิ้นขลุกขลักอยู่ในอ้อมกอดของบอดี้การ์ด ถ้าเวลาอื่นเธอคงอายม้วนต้วนไปแล้ว แต่ตอนนี้เข็มต้องหนีไปให้พ้นไอ้เจ้าเข็มอันใหญ่ที่กำลังจะเข้ามาใกล้เธอให้ได้ซะก่อน พวกหมอพวกพยาบาลบ้าไม่ยอมฟังที่เธอพูดบ้างเลย"ให้หมอเจาะเลือดนะครับ จะได้หาย"เสียงของเขานุ่มนวลลงพยายามอ่อนโยนให้เหมือนที่มอร์แกนเคยทำถึงจะดูขัดไปบ้างแต่ก็ดูดีกว่าตอนก่อนเยอะ พร้อมกับเม็ดเหงื่อที่ผุดขึ้นบนใบหน้าแสดงความหนักที่เขาต้องแบกรับเอาไว้ ไม่ไหวทั้งที่ออกกำลังกายทุกวันกล้ามเนื้อแน่นเปรี๊ยะทั้งตัวก็ไม่ได้ช่วยอะไรได้เลย"ไม่เชื่อ ไม่เจาะ"สองแขนโอบรัดรอบคอของบอดี้การ์ดแน่นขึ้นจนใบหน้าของเขาเปลี่ยนสี เธอส่ายหน้าไปมาอยู่กับซอกคอเขาจนผมเผ้าที่ไม่ได้หวียุ่งยิ่งกว่าเดิม น้ำตาที่ไหลออกมาพร้อมน้ำหมูกก็เลอะเทอะหน้าตา
"คุณหนูได้เวลาไปเรียนแล้วนะครับ"เอดานที่จำต้องช่วยผู้เป็นเจ้านายเลี้ยงลูกทั้งที่เขาเป็นบอดี้การ์ดคอยดูแลเรื่องความปลอดภัยเดินเข้ามาปลุกเด็กน้อยวัยสิบขวบที่ไม่เคยตื่นสายเลยด้วยตัวเอง สงสัยเมื่อวานเธอจะโดนคุณแม่ของเธอดุจนทำให้วันนี้งอแงไม่อยากไปเรียนอีกตามเคยและอาจจะหาข้ออ้างไปคลุกตัวในร้านขนมเขาเข้ามายืนในห้องที่ไม่ใช่แนวเจ้าหญิงเหมือนเด็กทั่วไปแต่กลับตกแต่งโทนสีขาวสะอาดตาจนเขายืนมองอยู่ชั่วครู่ถึงได้ปลุกเด็กน้อยตัวจ้ำม่ำที่นอนขดตัวกลมอยู่ใต้ผ้าห่มสีขาว ไม่ใช่ว่าไม่เคยเข้ามาในนี้แต่ระยะหลังเจ้านายฝ่ายพ่อหวงลูกสาวหนักมากจนเขาต้องห่างออกไป มองๆไปแล้วก็เหมือนผูกพันกับที่นี้เพราะนิทานไม่กี่เรื่องที่เด็กนางฟ้าตัวน้อยของบ้านนี้ชอบให้เล่าก่อนนอนแต่พอเรียกเด็กสาวที่เคยดีดตัวลุกด้วยความชอบไปโรงเรียนและอยากจะออกไปกินช๊อตโกแลตในตอนเช้าหลังอาหารหลักก็ไม่ตื่นเธอนอนนิ่งอย่างน่าประหลาดใจเขาเรียกซ้ำอีกหลายรอบแต่ในใจเริ่มกังวลเธออาจเป็นอะไรหรือกำลังเล่นอะไรเกินเด็กอีก ถ้าไม่ติดว่าเจ้านายสั่งเอาไว้ห้ามแตะต้องตัวเธอเขาคงเปิดผ้าห่มออกดูคนด้านในไปแล้วเอดานยืนมองอยู่นานสองนานปากก็เรียกเธอไม่ขาดจนคอเริ่
"ได้เวลาเข้านอนแล้วนะครับคุณหนู"เสียงเรียกจากหนุ่มหล่อที่มีหน้าที่เป็นบอดี้การ์ดคอยดูแลความปลอดภัยให้กับเธอดังขึ้นเมื่อนี่เป็นค่ำคืนแรกที่เธอจะต้องเข้านอนเพียงคนเดียวตามคำขอเชิงบังคับของผู้เป็นพ่อเลี้ยงของเธอที่ต้องการจะผลักดันให้ลูกโตเป็นผู้ใหญ่และสามารถช่วยเหลือดูแลตัวเองได้"พี่เอดานอุ้มลูกจันทร์ไปหน่อยสิคะ"เด็กสาววัยสามขวบเงยหน้าขึ้นจากหนังสือนิทานที่เธอยังอ่านไม่ออกด้วยซ้ำไปอาศัยแต่ดูรูปภาพสีสันสดใส เธออ้าแขนกว้างให้เขาพาเธอไปยังเตียงนอนที่อยู่ไม่ไกลด้วยความออดอ้อนตามประสา"ครับ"เด็กสาวถูกอุ้มขึ้นทำท่าเหมือนจะถูกโยนกรีดร้องหัวเราะออกมาอย่างสนุกสนานก่อนจะถูกวางลงบนเตียงนอน ลูกจันทร์มองชายตรงหน้าเธอด้วยความปรารถนาเกินเด็กเธออยากให้เขามาพาเข้านอนแบบนี้ทุกวันมันอบอุ่นหัวใจยังไงก็ไม่รู้แต่หน้าที่บอดี้การ์ดไม่ได้จบเพียงแค่นั้นเอดานยังต้องเล่านิทานที่ไม่ใช่งานถนัดต่ออีกสองสามเรื่องเด็กตัวน้อยถึงยอมนอนและเขาก็ได้กลับออกไปเหตุการณ์แบบนี้วนเวียนอยู่เป็นปีลูกจันทร์ถึงหายหวาดกลัวการเข้านอนเพียงคนเดียวและยอมเข้านอนเองโดยไม่ต้องมีเอดานมาส่งเข้านอน"พี่เอดาน"อีกอย่างที่เด็กวัยสามขวบทำทุกว