ณ ไร่ภวิน
ร่างสูงโปร่งเดินจ้ำอ้าวไปยังโรงบ่มไวน์ซึ่งอยู่ใจกลางไร่องุ่นที่มีพื้นที่เกือบร้อยไร่ ไร่ภวินเป็นไร่องุ่นที่ใหญ่ที่สุดในแถบภาคเหนือ กว้างขวางสมกับเป็นเศรษฐีของเมืองเหนือ ซึ่งมีเจ้าของเป็นหนุ่มหล่ออายุอานามได้ 40 ปีแล้ว เป็นหนุ่มโสดที่หญิงสาวทั้งหลายต่างหมายปองอยากจะเป็นเจ้าของหัวใจ แต่ทว่าความเป็นจริงแล้ว ภายใต้ภาพลักษณ์ที่ทุกคนมองว่าเขาเป็นคนสุขุม ดูน่าค้นหา เป็นที่นับหน้าถือตาของทุกคน แท้จริงแล้ว...
"อย่าลืมเอาไวน์ไปส่งในเมืองด้วยนะ ร้านเขาเพิ่งโทรมาว่าอยากจะได้เพิ่ม"
"ได้ครับพ่อเลี้ยง เดี๋ยวผมจัดการให้ไม่เกิน 16:00 น."
"ดีมาก แล้วองุ่นที่จะต้องส่งที่ห้างล่ะ ทางนั้นโทรมาเร่งแล้วนะ"
"ออกไปส่งเรียบร้อยแล้วครับ ตอนนี้น่าจะใกล้ถึงแล้ว"
พ่อเลี้ยงภวินพยักหน้าออกมาอย่างพอใจ หันไปมองโดยรอบก่อนจะพ่นลมหายใจออกมาเล็กน้อย วันนี้เขาทำงานแทบทั้งวันไม่ได้พัก สงสัยเย็นนี้จะต้องผ่อนคลายสักหน่อยแล้ว
"ถ้าอย่างนั้นก็ไปจัดการเรื่องส่งไวน์ในเมืองให้เรียบร้อย เจอกัน 5 โมงที่เดิม วันนี้จะเปิดไหดองเหล้าสุดพิเศษ ไม่เมาไม่กลับโว้ย"
"แต่นายแม่สั่งไว้ว่าไม่อยากให้พ่อเลี้ยงดื่มเยอะเกินไปนะครับ เกี่ยวข้องกับสุขภาพด้วย"
"แล้วแกจะไปบอกแม่ฉันทำไมเล่า ทำงานเป็นผู้ช่วยก็อยู่เป็นหน่อย ไม่ใช่ใครถามอะไรก็บอกไปซะหมด เฮ้อ! ไม่รู้แหละฉันจะดื่ม เจอกันนะ"
"ได้ครับพ่อเลี้ยง"
กรโค้งตัวเล็กน้อยก่อนจะมองตามพ่อเลี้ยงที่เดินออกไปจากโรงบ่มไวน์จนลับสายตา เขาเป็นผู้ช่วยคนสนิทที่ทำงานอยู่ไร่นี้มานานหลายปีแล้ว อยู่ตั้งแต่คุณภวินเริ่มที่จะทำโรงบ่มไวน์ใหม่ ๆ จนตอนนี้มีแบรนด์เป็นของตัวเอง ส่งออกทั้งในประเทศ และนอกประเทศ เรียกได้ว่าร่ำรวยเป็นมหาเศรษฐีคนหนึ่ง แต่ติดตรงที่ไม่มีเมียเป็นตัวเป็นตนสักที
"เฮ้อ! จะตอบคำถามนายแม่ยังไงเนี่ย"
ทางด้านของนายแม่ หรือคุณพุทรา คุณแม่ของพ่อเลี้ยงแห่งไร่ภวิน ท่านเป็นคนที่จิตใจดี พนักงานที่ไร่แห่งนี้รักท่านกันทุกคน แต่โดยส่วนใหญ่ท่านจะใช้ชีวิตอยู่ในเมืองเสียมากกว่า เพราะว่านายท่านอยู่ดูแลคุณแม่อยู่ที่คฤหาสน์ในตัวเมือง นายแม่จึงจำเป็นต้องไปอยู่กับสามี ส่วนลูกชายทำไร่อยู่นอกเมือง จึงทำให้ทั้งสามคนพ่อแม่ลูกไม่ได้อยู่ด้วยกัน ทว่าก็ไปมาหาสู่กันตลอด
"นายแม่คะ มีคนมาขอพบค่ะ"
"ใครกัน... ให้เข้ามาสิ"
คุณพุทราเอ่ยออกมาก่อนจะวางกระดาษหนังสือพิมพ์ไว้ที่โต๊ะ จากนั้นก็ขยับตัวลุกขึ้นจากโซฟาตัวโปรด เดินตามแม่บ้านออกไปข้างนอกเพื่อต้อนรับแขกที่มาเยือนยังไร่ภวินแห่งนี้
"เชิญเลยค่ะคุณมินนี่"
"มินนี่เหรอ..."
คุณพุทราได้ยินชื่ออันคุ้นเคยก็ยิ้มกว้างออกมา ก่อนจะรีบเดินออกไปหาหญิงสาวที่ชื่อมินนี่ เธอเป็นลูกสาวของรุ่นน้องคนสนิท รู้จักกันมาตั้งแต่มินนี่ตัวเล็กนิดเดียว และเด็กคนนี้กับลูกชายของเธอก็คุ้นเคยกันดี แต่ทว่าไอ้ตัวดีบอกว่าไม่ชอบน้องสักเท่าไหร่ เพราะว่าน้องชอบตามติดแล้วก็ตื้อไม่หยุด ซึ่งไม่รู้ว่าตอนนี้จะเปลี่ยนความคิดหรือยัง
"คุณป้าสวัสดีค่ะ"
มินนี่สาวสวยดีกรีนักเรียนนอก เธอเป็นลูกสาวของรุ่นน้องคนสนิทคุณพุทรา เห็นกันมาตั้งแต่เด็กตัวเธอเองค่อนข้างจะสนิทสนมกับคนที่ไร่แห่งนี้ รวมถึงนายแม่ของไร่ภวินด้วย เมื่อสองปีก่อนครอบครัวของเธอส่งให้ไปเรียนปริญญาโทที่เมืองนอก แต่ทว่าตอนนั้นหญิงสาวดื้อดึงไม่ยอมไป แต่ไม่รู้ว่าอะไรมาดลใจ ทำให้หญิงสาวยินยอมที่จะไปเรียนต่อเกือบสองปี ซึ่งทางผู้ใหญ่ก็ไม่มีใครรู้คำตอบทำไมอยู่ ๆ เธอถึงยอมไป
"หนูมินนี่ ไม่เจอกันตั้งสองปีเลยป้าคิดถึง"
คุณพุทรารีบเข้าไปสวมกอดหญิงสาวด้วยความคิดถึงสุดหัวใจ โดยปกติถ้าเธอไม่ได้ไปเรียนต่อที่เมืองนอก ก็จะมาวนเวียนอยู่ที่ไร่ไม่ไปไหนหรอก ทั้งสองคนสวมกอดกันด้วยความคิดถึงอยู่นานพอควร ก่อนจะผละออกจากกัน เอ่ยไถ่ถามด้วยความห่วงใยกัน และกันเสมอมา
"คิดถึงคุณป้าเหมือนกันค่ะ"
"กลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย"
"มาถึงเมื่อเช้าเองค่ะ มินนี่ว่าจะแวะมาหาพ่อเลี้ยงก่อน แล้วเดี๋ยวค่อยกลับไปพักผ่อนค่ะ"
หญิงสาวยิ้มกว้างออกมาก่อนจะหันซ้าย แลขวามองหาพ่อเลี้ยงแห่งไร่ภวิน ไม่รู้ว่าตอนนี้ไปทำงานอยู่มุมไหนของไร่ ก็แค่แวะมาทักทายอีกเดี๋ยวอาจจะต้องกลับไปนอนพักผ่อน เนื่องจากว่าเดินทางข้ามน้ำข้ามทะเลมา นอนก็ไม่ค่อยหลับเพราะไม่คุ้นเคยกับการอยู่บนเครื่องบินนาน ๆ
"น่าจะอยู่โรงบ่มไวน์นะ ไปหาพี่เขาสิคงคิดถึงหนูจะแย่แล้วมั้ง"
คุณพุทรายิ้มกริ่มเพราะรู้ดีว่าสาวน้อยดีกรีนักเรียนนอกรู้สึกดีกับลูกชายหัวแก้วหัวแหวนของเธอขนาดไหน แต่ที่ผ่านมาเชียร์ไม่ขึ้นเพราะว่าลูกชายตัวดีตั้งแง่อคติกับมินนี่มาแต่ไหนแต่ไร ทว่ากลับมาคราวนี้หญิงสาวสวยสะพรั่งดูโตเป็นผู้ใหญ่ อาจจะสามารถมัดใจลูกชายตัวดีก็เป็นได้
"เกรงว่าจะโดนด่าเอาน่ะสิคะ"
"ถ้ามันด่าหนูขึ้นมา หนูก็ด่ามันคืนสิลูก กลัวอะไรป้าอยู่ตรงนี้ทั้งคน ป้าพร้อมปกป้องหนูอยู่แล้ว"
"ถ้ามีคุณป้าให้ท้ายแบบนี้ มินนี่ก็ไม่กลัวอะไรแล้วค่ะ ถ้าอย่างนั้นเดี๋ยวมินนี่ไปหาพ่อเลี้ยงก่อนนะคะ เดี๋ยวมาคุยด้วยค่ะ"
"จ้ะลูกรีบไปเถอะ"
คุณพุทรารีบเชียร์ให้มินนี่ไปหาลูกชายตัวดีที่ตอนนี้น่าจะอยู่บริเวณโรงบ่มไวน์ ชีวิตของชายหนุ่มในวัย 40 ปี วนเวียนอยู่แต่ในไร่ไม่ออกไปไหนหรอก เพื่อนสนิทก็มีธุรกิจเป็นของตัวเอง เดือนไหนก็เจอกันสักทีหนึ่ง เรียกว่าชีวิตส่วนใหญ่ของพ่อเลี้ยงไร่องุ่นอยู่แต่กับงาน และก็ไหเหล้าดองสูตรพิเศษ
มินนี่ขับรถกอล์ฟตรงเข้ามาใจกลางไร่ ซึ่งเธอรู้ว่าโรงบ่มไวน์อยู่ส่วนไหนของพื้นที่ ไร่ภวินแห่งนี้มีพื้นที่ 100 ไร่ ถ้าไม่ใช่คนที่อยู่มานานแบบเธอก็น่าจะหลงอยู่แหละ
"อยู่ตรงไหนนะ"
เธอจอดรถตรงหน้าโรงบ่มไวน์ ก่อนจะก้าวขาลงไปจากรถกอล์ฟ เดินเข้าไปข้างในก็เจอแต่พนักงาน ซึ่งพวกเขาบอกว่าพ่อเลี้ยงออกไปสักพักแล้ว หญิงสาวจึงเดินวนไปโดยรอบก่อนจะชะงักไป เมื่อเห็นพ่อเลี้ยงหิ้วอะไรบางอย่างออกมาจากโกดัง
"คืนนี้แหละ กูจะได้กินเหล้าบ๊วยฉ่ำ ๆ ใส่วอดก้าราคาแพง พูดแล้วเปรี้ยวปากว่ะ..."
มินนี่ยืนอยู่ไม่ไกลกอดอกจ้องมองไปยังชายหนุ่มก่อนจะถอนหายใจออกมาด้วยความเหนื่อยใจสองปีที่ผ่านมาก็นึกว่าจะเลิกเหล้าแล้วซะอีก สรุปพ่อเลี้ยงแห่งไร่ภวินก็ยังเป็นขี้เหล้าเหมือนเดิมไม่มีเปลี่ยน
"เฮ้อ! เมาอีกแล้วเหรอพ่อเลี้ยง"
หกปีต่อมา...บอกเลยว่าไร่ภวินแห่งนี้มีแต่ความวุ่นวายของจริง เมื่อหกปีที่แล้วเธอได้ให้กำเนิดบุตรชายคนแรกของบ้าน ชื่อหนูน้อยภูมินทร์แข็งแรงสมบูรณ์ เป็นที่รักใคร่ของทุกคนในไร่ รวมถึงคุณปู่คุณย่าคุณตา และคุณยายด้วย แต่ทว่า..."อย่าแย่งกันดิ! พี่บอกว่าอย่าแย่งกันไง!"เสียงตะโกนเสียงดังลั่นของภูมินทร์ดังขึ้น จนคนเป็นแม่ถึงกับต้องหันไปมอง เด็กแฝดจอมซนทั้งสามคนกำลังแย่งของเล่นกันอยู่ ทั้งที่คนเป็นพ่อซื้อมาให้เหมือนกันแล้ว เล่นเอาปวดหัวทั้งวันทั้งคืน จนรู้สึกท้อไปหมด"เอามาเดี๋ยวนี้เลยนะ""ก็ภูวดลมีแล้วไม่ใช่เหรอ อยู่ตรงนั้นไงทำไมไม่เล่น จะมาแย่งของเราทำไม""เอาให้น้องไปเถอะภูเวียง""ไม่ให้หรอก ทำไมต้องให้ด้วย""ภูพิงค์ก็ไม่ให้หรอก ของตัวเองก็มีเล่นสิ ไม่อย่างนั้นจะฟ้องแม่นะ"เด็กน้อยอายุอานามได้สี่ขวบกว่า ซึ่งคลอดออกมาเป็นเด็กแฝดสาม กำลังทำการเจรจาแย่งของเล่นกันอยู่ มันจะมีอยู่คนหนึ่งที่ไม่ยอมใคร จะต้องให้ได้ดั่งใจทุกอย่าง จนพี่น้องด้วยกันถึงกับเอือม"พี่ภูมินทร์ดูสิ พวกเขาไม่ให้ของเล่นผม""ของเราก็อยู่นี่ไง มันก็เหมือนกันแหละดูสิ ไม่ได้มีอะไรแตกต่างกันเลยสักนิด ทำไมเราถึงต้องอยากไปเล่นของคนอ
ใช้เวลาในการอยู่ในงานแต่งเกือบทั้งวัน จนในที่สุดทั้งสองคนก็ได้กลับขึ้นมาพักผ่อนยังห้องนอนของตัวเอง ซึ่งตอนนี้มินนี่ได้อาบน้ำแต่งตัวเสร็จเรียบร้อยแล้ว นั่งอยู่บนที่นอนโดยที่ชายหนุ่มสวมกอดเธออยู่ทางด้านหลัง จ้องมองของขวัญตรงหน้าก่อนจะถอนหายใจออกมา"ทำไมของขวัญเยอะขนาดนี้เนี่ย คืนนี้เราจะแกะกันหมดไหมคะ""ก็ค่อย ๆ แกะก็ได้ไม่ต้องรีบหรอก ของส่วนใหญ่ก็น่าจะเป็นสินค้าที่สามารถเก็บไว้ได้นาน ถ้าไม่ไหวก็นอนพักผ่อนก่อน พรุ่งนี้ถ้าหนูว่างก็ค่อยมานั่งแกะก็ได้""เดี๋ยวคืนนี้จะลองนั่งแกะดูค่ะ ถ้าเกิดว่าไม่ไหวพรุ่งนี้ค่อยตื่นมาแกะต่อ ว่าแต่มินนี่มีของขวัญวันแต่งงานให้พ่อเลี้ยงด้วยนะคะ ไม่รู้ว่าจะอยากได้หรือเปล่า"เธอเงยหน้าขึ้นมองสบตากับชายคนรัก ก่อนจะยิ้มมุมปากออกมาด้วยความเจ้าเล่ห์ จนทำให้พ่อเลี้ยงภวินถึงกับมึนงงในท่าทีของเธอ เพราะดูเหมือนว่าจะมีอะไรเซอร์ไพรส์เขา"อยากได้สิ อะไรที่หนูให้พี่ก็อยากได้ทั้งนั้น แล้วทำไมยิ้มเจ้าเล่ห์แบบนั้น เริ่มระแวงแล้วนะ""เห็นหนูเป็นคนยังไงเนี่ย นี่ค่ะเอาไปแกะดู"เธอส่งกล่องบางอย่างไปให้เขาในมือ เป็นกล่องเล็กนิดเดียวไม่ได้ดูมีราคาอะไรหรอก แต่เชื่อเถอะมันมีความหมายกั
และในที่สุดวันนี้ก็มาถึง ฤกษ์งามยามดีในการแต่งงานของคู่บ่าวสาว ระหว่างพ่อเลี้ยงแห่งไร่ภวิน กับหนูมินนี่ สาวสวยดีกรีนักเรียนนอก ทุกคนจะทราบดีว่าเธอแอบชอบพ่อเลี้ยงภวินมาแต่ไหนแต่ไร ตามติดตั้งแต่เด็กจนในที่สุดเธอก็สมหวัง ทั้งสองคนได้เข้าพิธีแต่งงานในเช้าอันสดใส ฤกษ์งามยามดีคือเวลา 9:09 น.ขบวนขันหมากเคลื่อนที่เข้ามาในบ้านหลังใหญ่ใจกลางไร่ โดยข้างในนั้นมีคุณพ่อคุณแม่ของเจ้าสาวรออยู่ ส่วนมินนี่เธออยู่ในชุดไทย ประดับตกแต่งด้วยเครื่องทองดูสวยงามเหมือนหลุดออกมาจากในนิยาย"พี่เขามาแล้วลูก""มาแล้วเหรอคะคุณแม่"หญิงสาวจ้องมองออกไปยังประตูด้วยความตื่นเต้น ก่อนจะมองสบตากับว่าที่เจ้าบ่าว ซึ่งเมื่อชายหนุ่มเห็นใบหน้าของว่าที่ภรรยา ก็ยิ้มออกมาทันทีแถมยังมองตาแทบไม่กระพริบ จนคุณแม่ต้องสะกิด"มาเปิดประตูเงินประตูทองก่อน มองน้องตาค้างเชียวนะ รีบ ๆ เอาซองให้เขาไป จะได้เข้าไปหาน้องไง""ได้ครับแม่"เขารีบส่งซองไปให้เด็กที่ถือประตูเงินประตูทอง ต่อรองกันอยู่พักใหญ่ และในที่สุดเขาก็ได้เข้าไปถึงในตัวบ้าน ซึ่งข้างในนั้นถูกตระเตรียมไว้สำหรับพิธีการในวันนี้"มินนี่... ทำไมหนูสวยจัง""พ่อเลี้ยงก็หล่อค่ะ"และเมื่อช
และในที่สุดเรื่องราวเลวร้ายทุกอย่างก็ผ่านไปได้ด้วยดี สองพี่น้องถูกพ่อกำนันส่งไปเรียนต่อที่เมืองนอกเป็นเวลาประมาณสามปี จะได้ดัดนิสัยให้เรียนรู้การใช้ชีวิตอยู่ด้วยตัวเอง คงเลี้ยงแบบตามใจมานาน จนรู้ว่านิสัยเสียจนกู่ไม่กลับ ถึงได้ส่งไปดัดสันดานด้วยการให้ใช้ชีวิตด้วยตัวเองสักพัก"คนสวยของพี่ ไปเดินเล่นกันไหมคะ"วันนี้พ่อเลี้ยงภวินมีเวลาให้กับว่าที่ภรรยาทั้งวัน งานแต่งงานของเขาทั้งสองคนจะจัดขึ้นในอีกไม่กี่วันข้างหน้านี้ สถานที่ถูกตระเตรียมไว้เรียบร้อยแล้ว โดยมีผู้ใหญ่เป็นคนจัดสรรให้ทุกอย่าง"ไปสิคะ"เธอยื่นมือไปให้ชายหนุ่มจับตรงหน้า พ่อเลี้ยงภวินยิ้มกว้างออกมาก่อนจะกุมมือคนรักเอาไว้ พากันเดินออกจากตัวบ้าน ขับรถกอล์ฟวนเล่นในไร่พรางคุยกันไป"ไหนบอกว่าพาไปเดินเล่นไงคะ ขับรถวนเป็นรอบแล้วมั้ง""ใจเย็นสิคะ เดี๋ยวพี่พาหนูไปเดินเยอะก็บ่นอีกว่าเหนื่อย ขับรถเที่ยวเล่นแบบนี้ก็ดีนี่ อากาศเย็นสบายหนูจะได้ไม่ต้องเหนื่อยด้วย""ก็จริงนะคะ ช่วงนี้รู้สึกสบายใจขึ้นเยอะเลย ไม่มีใครมาตามก่อกวน ทำตัวเป็นสตอล์คเกอร์ ได้ใช้ชีวิตในแบบที่ต้องการ ได้อยู่กับผู้ชายที่รัก เป็นชีวิตที่สงบสุขดีนะคะ"เธอยิ้มออกมาก่อนจะยื่น
พ่อเลี้ยงภวินตื่นนอนตั้งแต่เช้าตรู่ อาบน้ำแต่งตัวเสร็จเรียบร้อยก็เดินออกมาจากห้องนอน กะว่าจะหาอะไรให้มินนี่กิน เนื่องจากว่าเธอคงรู้สึกเหนื่อยจนตอนนี้ยังไม่มีวี่แววจะตื่นเลย แต่ทว่าก่อนที่จะได้ทำอะไร ก็ได้ยินเสียงโวยวายดังขึ้นจากหน้าประตูบ้าน เขาเดินลงมาชั้นล่าง จ้องมองไปยังสามคนพ่อลูก ที่ตอนนี้ถือพานธูปเทียนเดินเข้ามาพร้อมกัน"กำนัน... มีอะไรหรือเปล่า""ฉันพาลูก ๆ มาขอขมาพ่อเลี้ยงภวินจ้ะ แล้วหนูมินนี่ล่ะไม่อยู่ด้วยกันเหรอ"ใบหน้าของพ่อเลี้ยงดูไม่ค่อยจะรับแขกสักเท่าไหร่ จ้องมองไปยังมังกรอย่างเคียดแค้น และรู้สึกโกรธที่เขาคิดร้ายต่อว่าที่ภรรยา"ยังไม่ตื่นหรอกเธอพักผ่อนอยู่ เอางี้ละกันกำนันกับลูกไปรอที่ห้องรับแขก เดี๋ยวผมจะไปตามมินนี่""ได้จ้ะ ตามสบายเลยนะจ๊ะ"สามคนพ่อลูกรีบพากันไปนั่งรอที่ห้องรับแขก ส่วนพ่อเลี้ยงภวินเขาเดินกลับขึ้นไปชั้นบน เปิดประตูห้องนอนเข้าไป ก่อนจะยิ้มออกมาเล็กน้อยเมื่อเห็นใบหน้าของคนรักที่ดูสดใสขึ้นจากเมื่อคืน"คนสวยยิ้มได้แล้วเหรอคะ""ค่ะ พ่อเลี้ยงตื่นไม่เรียกมินนี่เลย แล้วออกไปไหนมาคะ""ก็ว่าจะไปหาของอร่อยมาให้หนูกิน แต่ว่ากำนันกับลูกมานั่งรออยู่ข้างล่าง หนูจะออกไ
พ่อเลี้ยงภวินพาว่าที่ภรรยาเดินทางกลับมาที่ไร่ และโกรธตัวเองมากที่พาเธอไปพบเจอกับเรื่องเลวร้ายแบบนั้น ตลอดทางเขาโอบกอดเธอไว้ ทั้งรัก และห่วงกลัวว่าเธอจะคิดมาก แต่ดูจากความแสบซ่าก็น่าจะพอหายห่วงได้"พ่อเลี้ยงรู้ไหมคะว่าไอ้มังกรมันกระโจนเข้ามาหามินนี่ค่ะ มันจะปล้ำมินนี่ตรงกำแพง มินนี่ก็เลยเอาเท้าถีบท้องมันกระเด็นหงายหลังเลยค่ะ""...""แล้วจากนั้นมินนี่ก็เอาเท้ากระทืบ กระทืบ กระทืบ กระทืบมันเลยค่ะ""เรากรีดร้องอย่างกับคนโดนเชือดเพื่ออะไร พี่ก็พอรู้ว่ามินนี่สามารถเอาตัวรอดได้ ก็เลยรอดูไปก่อนว่าสองพี่น้องคิดจะทำอะไร"มินนี่ชะงักไปเล็กน้อย ก่อนจะหันไปมองใบหน้าของว่าที่สามีด้วยความสงสัยในประโยคคำพูดของเขา หมายความว่ายังไง ที่เขาบอกว่าเราดูไปก่อนว่าสองพี่น้องคิดที่จะทำอะไร"พ่อเลี้ยงหมายถึงอะไรคะ แสดงว่าเห็นแล้วใช่ไหมว่ามินนี่ถูกลากเข้าห้อง""ก็พี่รู้สึกเอะใจแล้วก็เป็นห่วงก็เลยตามออกไป พอเห็นมินนี่เดินออกห้องน้ำมากำลังจะเดินไปหา ใครจะคิดว่าจะถูกใครก็ไม่รู้ลากเข้าไปที่ห้อง พี่ให้กรถ่ายคลิปเอาไว้เป็นหลักฐาน เพราะคนที่อยู่หน้าห้องตอนนั้นคือลิ้นจี่ เห็นว่ายังไม่มีใครเข้าไปในห้องนั้นก็เลยรอดูไปก่อน