ผู้ช่วยคนสนิทของพ่อเลี้ยงภวินยืนอยู่ไม่ห่าง เหลือบสายตาหันไปมองโดยรอบก่อนจะชะงักไปเมื่อเห็นใบหน้าของคนที่คุ้นเคย มินนี่เป็นลูกสาวรุ่นน้องคนสนิทของนายแม่แห่งไร่ภวิน เธอชอบพ่อเลี้ยงมาตั้งแต่เด็ก เดินตามต้อย ๆ แต่ทว่าฝ่ายชายกลับตั้งแง่ และแสดงท่าทีรำคาญอย่างเห็นได้ชัดเจน ทั้งที่หญิงสาวใบหน้างดงามราวกับนางในวรรณคดี ผิวพรรณผ่องใส การศึกษาระดับปริญญาโท ดีกรีนักเรียนนอก
"พ่อเลี้ยงครับผมว่าเย็นนี้เราพักผ่อนกันดีไหมครับ"
เขาหันไปมองพ่อเลี้ยงก่อนจะเอ่ยออกมาด้วยความหวังดี จำได้เลือนรางว่าเมื่อสองปีก่อนทั้งสองคนเคยมีสัญญาบางอย่างต่อกัน ซึ่งไม่รู้ว่าฝ่ายชายอาจจะพูดไปโดยไม่คิดหรือเปล่า แต่ทว่าฝ่ายหญิงมีความคาดหวังกับสิ่งนั้น ซึ่งเขาคิดว่าเธอน่าจะกลับมาทวงคำสัญญาด้วยตัวเอง
"จะไปพักผ่อนทำไม อายุก็ไม่ใช่น้อย ๆ แล้วนะ จะตายวันตายพรุ่งก็ไม่รู้ หาความสุขให้ตัวเองดิวะ และความสุขของฉันก็คือการได้แดกเหล้า เข้าใจป่ะ"
"เอ่อ... คือผมว่า..."
"ทำไม...มีอะไร"
เขาเลิกคิ้วจ้องมองใบหน้าของผู้ช่วยคนสนิทด้วยความสงสัย ปฏิกิริยาบางอย่างของเขาทำให้พ่อเลี้ยงแห่งไร่ภวินรู้สึกเอะใจ เห็นสายตาของเขาที่มองไปข้างหลังก็ทำให้ชายหนุ่มเริ่มรู้สึกว่าสถานการณ์ไม่ค่อยจะดีสักเท่าไหร่
"หันไปดูสิครับ"
เสียงกระซิบลอดไรฟันทำให้พ่อเลี้ยงภวินต้องรีบหันกลับไปมอง และเมื่อเห็นใบหน้าของหญิงสาวที่ไปเรียนต่อเมืองนอกถึงสองปียืนอยู่ตรงนั้น ก็เบิกตากว้างออกมาด้วยความตกใจ
"มินนี่!"
"สวัสดีค่ะพ่อเลี้ยง กำลังเปิดไหเหล้าดองสุดพิเศษเหรอคะ ว้าว! ขอดื่มด้วยได้ไหมคะ"
หญิงสาวกอดอกเดินเข้ามายืนอยู่ใกล้ชายหนุ่ม ก่อนจะใช้ใบหน้าจ้องมองไปยังไหเหล้าดองของพ่อเลี้ยงด้วยความสนใจ ถ้าเลิกไม่ได้เธอก็จะเข้าร่วมเลยแล้วกัน ก็ลองดูว่าใครจะชนะใคร
"เฮ้ย ๆ อย่ามายุ่งกับของของฉันนะ"
"ไหก็ตั้งใหญ่แบ่งกันสิคะ อีกอย่างมินนี่ไปเรียนเมืองนอกกลับมา พ่อเลี้ยงจะไม่ฉลองความสำเร็จของมินนี่หน่อยเหรอคะ"
"ก็ไปจัดปาร์ตี้ ไม่ใช่มายุ่งกับเหล้าของฉัน"
พ่อเลี้ยงภวินรีบปิดไหเหล้าบ๊วยของตัวเอง ก่อนจะสะกิดให้ผู้ช่วยคนสนิทรีบเอาไปเก็บซ่อนไว้ ไม่อย่างนั้นยัยมินนี่ตัวดีอาจจะเอาของมีค่าของเขาไปทำลาย หรือไม่อย่างนั้นจะมาร่วมแจมด้วย ซึ่งเขาไม่ชอบให้เด็กตัวแค่นี้กินเหล้าเมายา มันไม่เหมาะสมสักเท่าไหร่
"กรเอาไปเก็บดิ"
"ได้ครับพ่อเลี้ยง"
"เอาไปเก็บทำไมคะ ไหน ๆ ก็เปิดแล้วขอมินนี่ชิมหน่อยสิ พ่อเลี้ยงโรงบ่มไวน์หมักดองด้วยตัวเองขนาดนี้ มันต้องอร่อยแน่เลยค่ะ"
เธอเอ่ยออกมาด้วยความยั่วโมโหชายตรงหน้า พ่อเลี้ยงภวินเป็นคนที่ชอบดื่มเหล้าเป็นชีวิตจิตใจ แต่ไม่ชอบให้คนรอบข้างโดยเฉพาะมินนี่ดื่ม เนื่องจากว่าเธอเป็นผู้หญิงมันดูไม่เหมาะสมสักเท่าไหร่
"เธอยังเป็นเด็กจะมาดื่มเหล้าได้ยังไง ใครสั่งใครสอนไม่ทราบ"
เขาจ้องมองใบหน้าของหญิงสาวด้วยความไม่ค่อยพอใจสักเท่าไหร่ และยิ่งแสดงท่าทีโกรธมินนี่ก็ยิ่งได้ใจ พูดจาประชดประชันเพื่อให้เขาทวีคูณความโกรธเธอมากขึ้นไปอีก
"เด็กอะไรกันคะ อายุตั้ง 25 ปีแล้ว มีผัวได้แล้วนะคะรู้หรือเปล่า"
"ไปเรียนเมืองนอกเมืองนามาสองปี ปากดีขึ้นเยอะเลยนะ หึ"
หญิงสาวยิ้มมุมปากออกมาด้วยความเจ้าเล่ห์ ขยับตัวเข้าไปแนบชิดใกล้พ่อเลี้ยงแห่งไร่ภวิน ก่อนจะซบใบหน้าสวยลงกับไหล่กว้าง
"ไม่ได้ปากดีอย่างเดียวนะคะ อย่างอื่นก็ดีนะ"
"ยะ...ยัยมินนี่!"
"เมื่อสองปีก่อนพ่อเลี้ยงสัญญาอะไรกับมินนี่ไว้คะจำได้หรือเปล่า"
หญิงสาวจ้องมองใบหน้าของชายหนุ่ม ก่อนจะเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงจริงจัง เธอมาทวงสัญญาที่เขารับปากเอาไว้ ก่อนหน้านี้หญิงสาวไม่ได้มีความคิดที่อยากจะไปเรียนต่อเมืองนอก แต่เพราะประโยคคำพูดของเขาทำให้เธอยอมที่จะทิ้งบ้านเกิด แล้วไปเรียนตามสิ่งที่พ่อแม่คาดหวังใช้เวลาตั้งสองปี
"สัญญาอะไร ไม่เคยพูดอะไรนะ"
พ่อเลี้ยงภวินตีมึนก่อนจะหันไปมองต้นไม้ใบหญ้าเพราะไม่กล้าสบตากับหญิงสาว ทำไมเขาถึงจะจำไม่ได้ว่ารับปากอะไรกับเธอไว้ คำสัญญาที่ผู้ส่ง ๆ ไม่ได้คิดจริงจัง แต่ทว่าอีกฝ่ายน่าจะคิดไปไกลแล้ว
'ทำไมเธอถึงไม่ไปเรียนต่อเมืองนอก พ่อกับแม่อุตส่าห์จะส่งเรียน ควรที่จะไปเอาความรู้นะ'
'ถ้าเกิดมินนี่ไปเรียนเมืองนอกพ่อเลี้ยงก็จะเหงา เพราะฉะนั้นไม่ไปค่ะ'
'ฉันเหนื่อยจะพูดกับเธอแล้วนะ'
'ถ้าเกิดพ่อเลี้ยงอยากให้มินนี่ไปเรียนที่เมืองนอกก็ต้องมีอะไรมาแลกเปลี่ยนนะคะ'
'จะเอาอะไรล่ะ'
'ถ้ามินนี่ยอมไปเรียนปริญญาโทที่เมืองนอก เรียนจบเมื่อไหร่พ่อเลี้ยงจะต้องยอมแต่งงานกับมินนี่'
'โห! ทำไมฉันจะต้องแต่งงานกับเธอด้วย'
'ถ้างั้นมินนี่ก็ไม่ไปค่ะ จะเฝ้าพ่อเลี้ยงอยู่ที่ไร่นี่แหละไม่ไปไหนหรอก ระยะเวลาต้องสองปี ถ้าเกิดว่ามินนี่ไปแล้วพ่อเลี้ยงหนีไปแต่งงานมินนี่ก็อกหักสิ'
'อยู่มาอายุขนาดนี้ล่ะ ฉันไม่ได้อยากมีเมียซะหน่อย ก็ได้ถ้าเธอเรียนจบกลับมาฉันจะแต่งงานด้วยก็แล้วกัน เพราะฉะนั้นไปได้แล้วอย่ามาเกะกะอยู่แถวนี้รำคาญ'
'สัญญาแล้วนะคะ'
'เออ ๆ สัญญาก็ได้วะ'
หญิงสาวจ้องมองใบหน้าของชายหนุ่มด้วยความกดดัน และคาดคั้นเอาคำตอบจากเขา ดูเหมือนว่าพ่อเลี้ยงแห่งไร่ภวินกำลังตีมึนทำเหมือนว่าสัญญาที่เคยให้ไว้กับเธอเป็นเหมือนประโยคเลื่อนลอย
"พ่อเลี้ยงอายุเท่าไหร่แล้วคะ"
"หืม ฉันเหรอ ปีนี้ก็ 40 แล้วไง ถามทำไม"
เขาจ้องมองใบหน้าของคนตัวเล็กด้วยความมึนงง อยู่ ๆ ก็มาถามอายุกันซะงั้น แต่ถึงแม้ว่าอายุจะขึ้นเลข 4 แต่เขาก็ยังดูภูมิฐาน ยังเป็นที่หมายปองของสาว ๆ แถมยังร่ำรวยเป็นเศรษฐี ใครจะไม่หลงใหลบ้างล่ะ
"อายุเยอะแล้วนะคะเนี่ย แต่ไม่คิดเลยว่าจะพูดจาไม่มีสัจจะ แบบนี้ถ้าพวกลูกน้อง พนักงานคนอื่น ๆ เขารู้ ว่าพ่อเลี้ยงแห่งไร่ภวินหลอกเด็ก ว้าว! อับอายเขามากเลยนะคะ"
พ่อเลี้ยงภวินถึงกับอ้าปากค้างอย่างพูดไม่ออก รู้สึกเหมือนกับว่าเด็กอายุ 25 ปีกำลังถอนหงอก ถ้าพูดมาขนาดนี้ด่าเขาเลยดีกว่า
"นี่เธอ...! เธอกล้าดียังไงมาด่าฉัน"
"เมื่อกี้มีประโยคไหนที่ด่าคะ มีไหมคะพี่กร"
"ไม่มีนะครับ"
กรเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงเรียบ เขาพอรู้การเอาตัวรอดในการอยู่ที่ไร่แห่งนี้พอสมควร ถึงแม้ว่าพ่อเลี้ยงจะเป็นเจ้าของไร่ และมีอำนาจใหญ่ที่สุด แต่เชื่อเถอะว่าผู้หญิงที่อยู่เคียงข้างเขาตอนนี้ มีอำนาจมากกว่าที่คิด และเป็นคนเดียวที่เอาพ่อเลี้ยงแห่งไร่ภวินอยู่หมัด
"ไอ้กร มึงย้ายฝั่งเหรอ..."
"ผมอยู่เคียงข้างความถูกต้องครับ"
"ไอ้...!"
หกปีต่อมา...บอกเลยว่าไร่ภวินแห่งนี้มีแต่ความวุ่นวายของจริง เมื่อหกปีที่แล้วเธอได้ให้กำเนิดบุตรชายคนแรกของบ้าน ชื่อหนูน้อยภูมินทร์แข็งแรงสมบูรณ์ เป็นที่รักใคร่ของทุกคนในไร่ รวมถึงคุณปู่คุณย่าคุณตา และคุณยายด้วย แต่ทว่า..."อย่าแย่งกันดิ! พี่บอกว่าอย่าแย่งกันไง!"เสียงตะโกนเสียงดังลั่นของภูมินทร์ดังขึ้น จนคนเป็นแม่ถึงกับต้องหันไปมอง เด็กแฝดจอมซนทั้งสามคนกำลังแย่งของเล่นกันอยู่ ทั้งที่คนเป็นพ่อซื้อมาให้เหมือนกันแล้ว เล่นเอาปวดหัวทั้งวันทั้งคืน จนรู้สึกท้อไปหมด"เอามาเดี๋ยวนี้เลยนะ""ก็ภูวดลมีแล้วไม่ใช่เหรอ อยู่ตรงนั้นไงทำไมไม่เล่น จะมาแย่งของเราทำไม""เอาให้น้องไปเถอะภูเวียง""ไม่ให้หรอก ทำไมต้องให้ด้วย""ภูพิงค์ก็ไม่ให้หรอก ของตัวเองก็มีเล่นสิ ไม่อย่างนั้นจะฟ้องแม่นะ"เด็กน้อยอายุอานามได้สี่ขวบกว่า ซึ่งคลอดออกมาเป็นเด็กแฝดสาม กำลังทำการเจรจาแย่งของเล่นกันอยู่ มันจะมีอยู่คนหนึ่งที่ไม่ยอมใคร จะต้องให้ได้ดั่งใจทุกอย่าง จนพี่น้องด้วยกันถึงกับเอือม"พี่ภูมินทร์ดูสิ พวกเขาไม่ให้ของเล่นผม""ของเราก็อยู่นี่ไง มันก็เหมือนกันแหละดูสิ ไม่ได้มีอะไรแตกต่างกันเลยสักนิด ทำไมเราถึงต้องอยากไปเล่นของคนอ
ใช้เวลาในการอยู่ในงานแต่งเกือบทั้งวัน จนในที่สุดทั้งสองคนก็ได้กลับขึ้นมาพักผ่อนยังห้องนอนของตัวเอง ซึ่งตอนนี้มินนี่ได้อาบน้ำแต่งตัวเสร็จเรียบร้อยแล้ว นั่งอยู่บนที่นอนโดยที่ชายหนุ่มสวมกอดเธออยู่ทางด้านหลัง จ้องมองของขวัญตรงหน้าก่อนจะถอนหายใจออกมา"ทำไมของขวัญเยอะขนาดนี้เนี่ย คืนนี้เราจะแกะกันหมดไหมคะ""ก็ค่อย ๆ แกะก็ได้ไม่ต้องรีบหรอก ของส่วนใหญ่ก็น่าจะเป็นสินค้าที่สามารถเก็บไว้ได้นาน ถ้าไม่ไหวก็นอนพักผ่อนก่อน พรุ่งนี้ถ้าหนูว่างก็ค่อยมานั่งแกะก็ได้""เดี๋ยวคืนนี้จะลองนั่งแกะดูค่ะ ถ้าเกิดว่าไม่ไหวพรุ่งนี้ค่อยตื่นมาแกะต่อ ว่าแต่มินนี่มีของขวัญวันแต่งงานให้พ่อเลี้ยงด้วยนะคะ ไม่รู้ว่าจะอยากได้หรือเปล่า"เธอเงยหน้าขึ้นมองสบตากับชายคนรัก ก่อนจะยิ้มมุมปากออกมาด้วยความเจ้าเล่ห์ จนทำให้พ่อเลี้ยงภวินถึงกับมึนงงในท่าทีของเธอ เพราะดูเหมือนว่าจะมีอะไรเซอร์ไพรส์เขา"อยากได้สิ อะไรที่หนูให้พี่ก็อยากได้ทั้งนั้น แล้วทำไมยิ้มเจ้าเล่ห์แบบนั้น เริ่มระแวงแล้วนะ""เห็นหนูเป็นคนยังไงเนี่ย นี่ค่ะเอาไปแกะดู"เธอส่งกล่องบางอย่างไปให้เขาในมือ เป็นกล่องเล็กนิดเดียวไม่ได้ดูมีราคาอะไรหรอก แต่เชื่อเถอะมันมีความหมายกั
และในที่สุดวันนี้ก็มาถึง ฤกษ์งามยามดีในการแต่งงานของคู่บ่าวสาว ระหว่างพ่อเลี้ยงแห่งไร่ภวิน กับหนูมินนี่ สาวสวยดีกรีนักเรียนนอก ทุกคนจะทราบดีว่าเธอแอบชอบพ่อเลี้ยงภวินมาแต่ไหนแต่ไร ตามติดตั้งแต่เด็กจนในที่สุดเธอก็สมหวัง ทั้งสองคนได้เข้าพิธีแต่งงานในเช้าอันสดใส ฤกษ์งามยามดีคือเวลา 9:09 น.ขบวนขันหมากเคลื่อนที่เข้ามาในบ้านหลังใหญ่ใจกลางไร่ โดยข้างในนั้นมีคุณพ่อคุณแม่ของเจ้าสาวรออยู่ ส่วนมินนี่เธออยู่ในชุดไทย ประดับตกแต่งด้วยเครื่องทองดูสวยงามเหมือนหลุดออกมาจากในนิยาย"พี่เขามาแล้วลูก""มาแล้วเหรอคะคุณแม่"หญิงสาวจ้องมองออกไปยังประตูด้วยความตื่นเต้น ก่อนจะมองสบตากับว่าที่เจ้าบ่าว ซึ่งเมื่อชายหนุ่มเห็นใบหน้าของว่าที่ภรรยา ก็ยิ้มออกมาทันทีแถมยังมองตาแทบไม่กระพริบ จนคุณแม่ต้องสะกิด"มาเปิดประตูเงินประตูทองก่อน มองน้องตาค้างเชียวนะ รีบ ๆ เอาซองให้เขาไป จะได้เข้าไปหาน้องไง""ได้ครับแม่"เขารีบส่งซองไปให้เด็กที่ถือประตูเงินประตูทอง ต่อรองกันอยู่พักใหญ่ และในที่สุดเขาก็ได้เข้าไปถึงในตัวบ้าน ซึ่งข้างในนั้นถูกตระเตรียมไว้สำหรับพิธีการในวันนี้"มินนี่... ทำไมหนูสวยจัง""พ่อเลี้ยงก็หล่อค่ะ"และเมื่อช
และในที่สุดเรื่องราวเลวร้ายทุกอย่างก็ผ่านไปได้ด้วยดี สองพี่น้องถูกพ่อกำนันส่งไปเรียนต่อที่เมืองนอกเป็นเวลาประมาณสามปี จะได้ดัดนิสัยให้เรียนรู้การใช้ชีวิตอยู่ด้วยตัวเอง คงเลี้ยงแบบตามใจมานาน จนรู้ว่านิสัยเสียจนกู่ไม่กลับ ถึงได้ส่งไปดัดสันดานด้วยการให้ใช้ชีวิตด้วยตัวเองสักพัก"คนสวยของพี่ ไปเดินเล่นกันไหมคะ"วันนี้พ่อเลี้ยงภวินมีเวลาให้กับว่าที่ภรรยาทั้งวัน งานแต่งงานของเขาทั้งสองคนจะจัดขึ้นในอีกไม่กี่วันข้างหน้านี้ สถานที่ถูกตระเตรียมไว้เรียบร้อยแล้ว โดยมีผู้ใหญ่เป็นคนจัดสรรให้ทุกอย่าง"ไปสิคะ"เธอยื่นมือไปให้ชายหนุ่มจับตรงหน้า พ่อเลี้ยงภวินยิ้มกว้างออกมาก่อนจะกุมมือคนรักเอาไว้ พากันเดินออกจากตัวบ้าน ขับรถกอล์ฟวนเล่นในไร่พรางคุยกันไป"ไหนบอกว่าพาไปเดินเล่นไงคะ ขับรถวนเป็นรอบแล้วมั้ง""ใจเย็นสิคะ เดี๋ยวพี่พาหนูไปเดินเยอะก็บ่นอีกว่าเหนื่อย ขับรถเที่ยวเล่นแบบนี้ก็ดีนี่ อากาศเย็นสบายหนูจะได้ไม่ต้องเหนื่อยด้วย""ก็จริงนะคะ ช่วงนี้รู้สึกสบายใจขึ้นเยอะเลย ไม่มีใครมาตามก่อกวน ทำตัวเป็นสตอล์คเกอร์ ได้ใช้ชีวิตในแบบที่ต้องการ ได้อยู่กับผู้ชายที่รัก เป็นชีวิตที่สงบสุขดีนะคะ"เธอยิ้มออกมาก่อนจะยื่น
พ่อเลี้ยงภวินตื่นนอนตั้งแต่เช้าตรู่ อาบน้ำแต่งตัวเสร็จเรียบร้อยก็เดินออกมาจากห้องนอน กะว่าจะหาอะไรให้มินนี่กิน เนื่องจากว่าเธอคงรู้สึกเหนื่อยจนตอนนี้ยังไม่มีวี่แววจะตื่นเลย แต่ทว่าก่อนที่จะได้ทำอะไร ก็ได้ยินเสียงโวยวายดังขึ้นจากหน้าประตูบ้าน เขาเดินลงมาชั้นล่าง จ้องมองไปยังสามคนพ่อลูก ที่ตอนนี้ถือพานธูปเทียนเดินเข้ามาพร้อมกัน"กำนัน... มีอะไรหรือเปล่า""ฉันพาลูก ๆ มาขอขมาพ่อเลี้ยงภวินจ้ะ แล้วหนูมินนี่ล่ะไม่อยู่ด้วยกันเหรอ"ใบหน้าของพ่อเลี้ยงดูไม่ค่อยจะรับแขกสักเท่าไหร่ จ้องมองไปยังมังกรอย่างเคียดแค้น และรู้สึกโกรธที่เขาคิดร้ายต่อว่าที่ภรรยา"ยังไม่ตื่นหรอกเธอพักผ่อนอยู่ เอางี้ละกันกำนันกับลูกไปรอที่ห้องรับแขก เดี๋ยวผมจะไปตามมินนี่""ได้จ้ะ ตามสบายเลยนะจ๊ะ"สามคนพ่อลูกรีบพากันไปนั่งรอที่ห้องรับแขก ส่วนพ่อเลี้ยงภวินเขาเดินกลับขึ้นไปชั้นบน เปิดประตูห้องนอนเข้าไป ก่อนจะยิ้มออกมาเล็กน้อยเมื่อเห็นใบหน้าของคนรักที่ดูสดใสขึ้นจากเมื่อคืน"คนสวยยิ้มได้แล้วเหรอคะ""ค่ะ พ่อเลี้ยงตื่นไม่เรียกมินนี่เลย แล้วออกไปไหนมาคะ""ก็ว่าจะไปหาของอร่อยมาให้หนูกิน แต่ว่ากำนันกับลูกมานั่งรออยู่ข้างล่าง หนูจะออกไ
พ่อเลี้ยงภวินพาว่าที่ภรรยาเดินทางกลับมาที่ไร่ และโกรธตัวเองมากที่พาเธอไปพบเจอกับเรื่องเลวร้ายแบบนั้น ตลอดทางเขาโอบกอดเธอไว้ ทั้งรัก และห่วงกลัวว่าเธอจะคิดมาก แต่ดูจากความแสบซ่าก็น่าจะพอหายห่วงได้"พ่อเลี้ยงรู้ไหมคะว่าไอ้มังกรมันกระโจนเข้ามาหามินนี่ค่ะ มันจะปล้ำมินนี่ตรงกำแพง มินนี่ก็เลยเอาเท้าถีบท้องมันกระเด็นหงายหลังเลยค่ะ""...""แล้วจากนั้นมินนี่ก็เอาเท้ากระทืบ กระทืบ กระทืบ กระทืบมันเลยค่ะ""เรากรีดร้องอย่างกับคนโดนเชือดเพื่ออะไร พี่ก็พอรู้ว่ามินนี่สามารถเอาตัวรอดได้ ก็เลยรอดูไปก่อนว่าสองพี่น้องคิดจะทำอะไร"มินนี่ชะงักไปเล็กน้อย ก่อนจะหันไปมองใบหน้าของว่าที่สามีด้วยความสงสัยในประโยคคำพูดของเขา หมายความว่ายังไง ที่เขาบอกว่าเราดูไปก่อนว่าสองพี่น้องคิดที่จะทำอะไร"พ่อเลี้ยงหมายถึงอะไรคะ แสดงว่าเห็นแล้วใช่ไหมว่ามินนี่ถูกลากเข้าห้อง""ก็พี่รู้สึกเอะใจแล้วก็เป็นห่วงก็เลยตามออกไป พอเห็นมินนี่เดินออกห้องน้ำมากำลังจะเดินไปหา ใครจะคิดว่าจะถูกใครก็ไม่รู้ลากเข้าไปที่ห้อง พี่ให้กรถ่ายคลิปเอาไว้เป็นหลักฐาน เพราะคนที่อยู่หน้าห้องตอนนั้นคือลิ้นจี่ เห็นว่ายังไม่มีใครเข้าไปในห้องนั้นก็เลยรอดูไปก่อน