เทพเซียนทั่วทั้งแผ่นดินอุดรเดินทางมายังวังของเทพแห่งพฤกษาเพื่อเข้าร่วมงานดูตัวที่จัดอย่างสมฐานะเซียนตระกูลใหญ่
ในตำหนักรับรองมีบุรุษนั่งปั้นยิ้มหน้าสลอนกันเต็มไปหมด ต่างสวมใส่อาภรณ์ชั้นดีเพื่อบ่งบอกความร่ำรวยและอำนาจตระกูล
ตั้งแต่นั่งคุยเช้าจรดค่ำ ไม่มีใครเลยที่ทำให้มี่ฮวาพึงใจ ทุกคนล้วนแต่เข้ามาเพื่ออวดอ้างว่าตนทำสิ่งนั้นได้สิ่งนี้ได้ ไม่ก็พยายามหาของมาเพื่อหลอกล่อซื้อใจนาง
บ้างป้อนคำหวาน ป้อยอกันจนระคายหู หาได้มีความจริงใจสักนิด เพราะได้เห็นรูปโฉมงดงามจึงอยากได้มี่ฮวาไปประดับเรือน ราวกับนางเป็นสิ่งของ
...ไม่ดูถูกกันมากเกินไปหน่อยหรือ
สุดท้ายก็จบลงด้วยการให้เทพเซียนเหล่านั้นกลับวังของตัวเองไป โดยมี่ฮวาอ้างว่านางต้องใช้เวลาในการตัดสินใจสักหน่อย
"ไม่มีใครถูกใจเจ้าบ้างหรือ"
ชุนหรงเซินเอ่ยถาม มี่ฮวาที่นั่งฝั่งตรงข้ามก็ได้แต่ส่ายหน้า
"จะให้ข้าชอบได้อย่างไรเจ้าคะ พวกเขาถูกใจที่รูปโฉม หากแต่งให้แล้ววันหนึ่งความสวยข้าโรยราดั่งดอกไม้เหี่ยวเฉาไปตามกาล จะไม่โยนทิ้งไปเสียง่ายๆหรือเจ้าคะ"
บิดาฟังเข้าใจ นิสัยบุรุษเป็นเช่นนั้นจริง เมื่อแรกยังไม่ได้ก็จะทำทุกทางเพื่อให้ได้มา แต่หากลองได้เบื่อแล้วก็คงไม่คิดหวนคืนมาหวานชื่นดังเดิม
"เช่นนั้นเราคงต้องปล่อยให้เป็นเรื่องของวาสนาเสียแล้ว"
"ท่านพ่อจะให้ข้าสุ่มเลือกสามีหรือเจ้าคะ"
มี่ฮวาไม่พอใจ เพราะนางไม่อยากปล่อยให้อนาคตแสนสำคัญนี้เป็นเรื่องของโชคชะตา
"ก็คงต้องเป็นเช่นนั้น"
"แต่เรื่องนี้เรื่องใหญ่นะเจ้าคะ ชีวิตข้าทั้งชีวิตจะให้ไปผูกกับสามีที่เป็นใครที่ไหนก็ไม่รู้เช่นนี้เหมาะสมแล้วหรือ"
"ใจเย็นก่อนมี่เอ๋อร์ พ่อไม่ได้จะใช้วิธีส่งเดช"
ชุนหรงเซินยกจอกชาขึ้นจิบ แล้วมองตาบุตรีแสนเอาแต่ใจ
"การสุ่มเลือกนี้พ่อจะจัดเป็นการประลองกันของเทพ ส่วนจะประลองอะไร กติกาแบบไหน พ่อให้เจ้ากำหนดเองใครชนะก็ได้เจ้าไปครอง ดีหรือไม่"
บิดาบอก มี่ฮวาก็ยอมนั่งฟังดีๆ แม้จะมีอาการหายใจฟึดฟัดไม่พอใจบ้างก็ตาม
"ท่านพ่อพูดแล้วห้ามคืนคำนะเจ้าคะ"
"พ่อสัญญา จะจัดการอย่างไรแล้วแต่ใจเจ้าทั้งหมด"
ชุนหรงเซินยกจอกชาขึ้นจิบอีกครั้ง เห็นบุตรสาวที่ทำตาวาว นางคงมีแผนอะไรในใจ
แม้จะกลัดกลุ้มไม่น้อย แต่นี่คงเป็นทางที่ดีที่สุด อย่างน้อยมี่ฮวาก็ได้คนที่เหมาะเป็นสามี
ว่ากันตามตรง ชุนหรงเซินมองว่าสมควรแล้วที่ลูกจะไม่เลือกใครเลย เพราะนางงามพร้อม แม้กิริยากระด้างกระเดื่องไปบ้าง ทว่าก็ยังไม่ถึงขั้นเลวร้ายอะไร
หากคนที่จะมาเป็นคู่ชีวิตไม่มีศีลเสมอกัน คงได้หย่าขาดภายในไม่ถึงสองเดือน
บิดาเดินออกจากตำหนักลูกสาว พลันนึกครึ้มอกครึ้มใจ อยากระบายความเครียดเสียหน่อย จึงนึกถึงสุราสวรรค์ที่ได้มาสองไหเมื่อคราวก่อน ซึ่งมันหมดภายในสองวันเพราะลูกๆแอบขโมยไปกินกันไม่เหลือให้เขาได้ลิ้มรส
มองออกไปด้านนอกตะวันใกล้ลับขอบฟ้าแล้ว หากจะไปก็คงต้องรีบหน่อย
เขาเดินเข้าไปที่ตำหนักกลาง เห็นฮูหยินนั่งปักผ้าอยู่ข้างหน้าต่าง
"ฮูหยิน ข้าจะไปเยี่ยมสหายแล้วอยู่ร่ำสุรากันสักหน่อย กลับอีกทีคงเป็นตอนรุ่งสาง"
ฮูหยินหันมันเลิกคิ้วมองเล็กน้อย แล้วพยักหน้า
"เดินทางปลอดภัยนะเจ้าคะ"
ชุนหรงเซินรับคำ ก่อนวาดมือกลางอากาศ หายตัวไปทันที
...
รัตติกาลมาเยือน ซีจงจวินเลิกงานแล้วก็ตรงกลับเรือนเหมือนเช่นทุกวัน
ทว่าต้องแปลกใจเมื่อพบรถลากไร้ม้าเทียมจอดอยู่หน้าทางเข้าในบริเวณข่ายอาคมที่เขากางไว้กั้นวิญญาณ
ซีจงจวินนึกไม่ออกว่าเป็นของผู้ใด จนกระทั่งเห็นคนที่นั่งด้านในเดินลงมา หน้าตาเรียกได้ว่าไม่ดูแช่มชื่นสดใสนัก
"คารวะท่านชุนหรงเซิน"
ซีจงจวินเดินเข้ามาประสานมือทั้งหกทำความเคารพ นั่นทำให้เทพแห่งพฤกษาเผยยิ้มพอใจ
"ไม่ต้องมากพิธีไป ข้ามาที่นี่ด้วยวันนี้เกิดเรื่องมากมาย อยากร่ำสุรารสเลิศคลายเครียด ท่านพอจะสงเคราะห์ได้หรือไม่"
"เช่นนั้น เชิญท่านเข้าด้านในก่อนขอรับ"
แล้วซีจงจวินก็เดินนำไปข้างในซึ่งสภาพราวกับเรือนร้างไม่เปลี่ยน หาใช่เพราะเก่าโทรมสกปรก กลับกันคือมันดูเหมือนไม่มีผู้อยู่อาศัย
ซีจงจวินพามายังห้องรับรองที่มีโต๊ะเตี้ยอยู่ตรงกลางห้อง มีประตูสองด้าน ซึ่งสามารถเปิดออกไปมองสวนที่ไม่มีอะไรเลยได้
เขาบอกให้รออยู่ในนี้แล้วรีบร้อนออกไป เกือบหนึ่งก้านธูป ซีจงจวินก็กลับเข้ามาพร้อมกับสุราสามไห อาหารและกับแกล้มหลายจาน
"มีหกมือเช่นท่านนี่ช่างสะดวกดีแท้"
ชุนหรงเซินเห็นเจ้าของเรือนถือของเข้ามาเต็มมือ หากเป็นคนปกติคงต้องวิ่งไปวิ่งมาหลายรอบ
"เชิญขอรับ"
ซีจงจวินจัดแจงวางจานบนโต๊ะ วางไหข้างตัว รินสุราใส่จอกส่งให้ชุนหรงเซิน
"ขอบคุณ"
"มิได้ขอรับ ข้าเพียงทำสิ่งที่เจ้าเรือนควรทำ"
ชุนหรงเซินไม่ได้ว่าอะไรกับคำพูดถ่อมตนของซีจงจวิน
คราวก่อนตอนที่เห็นซีจงจวินกับเป่ยหานจวินคุยกัน เขาก็นึกอยู่ว่าเทพอสูรองค์นี้คงถ่อมตนเสียจนเคย ขนาดพูดกับเทพอสูรด้วยกันก็ยังสุภาพมาก
เมื่อสุราเข้าปาก อารมณ์ตึงเครียดก็ผ่อนลง ชุนหรงเซินกระดกเข้าไปสองจอกแล้ว แต่ไม่เห็นซีจงจวินดื่มจึงรินสุราส่งให้เขาบ้าง
"ดื่มตั้งแต่หัวค่ำเช่นนี้ คงไม่เป็นอะไรหรอก ท่านมีเวลาพักให้สร่างเมาอีกหลายชั่วยาม"
ชุนหรงเซินว่าเช่นนั้น ซีจงจวินจำต้องรับจอกสุรามากระดกลงคอไปรวดเดียว ถ้วยกระเบื้องใบเล็กยิ่งดูเล็กมากๆเมื่ออยู่ในมือเทพอสูร
"อ่าาา..."
เมรัยฤทธิ์ร้อนเพียงจอกเดียว ซีจงจวินถึงกับเสียจริต เผลอปล่อยเสียงคำรามต่ำออกมา
"สุรานี้รสดีจริงเชียว" ชุนหรงเซินเอ่ยขณะเงยหน้ามองซีจงจวินหยิบไหขึ้นรินให้แขก
เปลือกตาคู่นั้นกะพริบเปิดปิดถี่ คงเริ่มกะระยะไม่ถูก จนน้ำสุราสีอ่อนล้นจอกเล็กน้อย
...ซีจงจวินคออ่อนขนาดนี้เชียวหรือนี่
"ซีจงจวิน ท่านเคยดื่มสุราเพียงครั้งเดียวใช่หรือไม่"
"ขอรับ ครานั้นดื่มหนึ่งจอก.. ไม่คิดดื่มอีกหมื่นปีขอรับ"
"เช่นนั้นวันนี้ดื่มสักห้าจอกเป็นอย่างไร"
"..."
ซีจงจวินไม่ตอบ แต่ผงกหัวขึ้นลงอยู่หลายครั้ง
บุรุษตัวเท่าขุนเขามโหฬาร แพ้ฤทธิ์น้ำเมาจิบเดียวเช่นนี้ก็มีด้วย
ไม่แปลกที่ชุนหรงเซินจะมองซีจงจวินด้วยสายตาประหลาด เพราะไม่ว่าจะเทพหรือมารต่างก็มีธรรมเนียมดื่มสุรา ดื่มกันทุกโอกาส แทบจะดื่มแทนน้ำเปล่า
จะหาคนคออ่อนมากๆได้ คงมีแต่พวกเด็กเล็กๆเท่านั้น
จอกที่สองผ่านไป ใบหน้าสีแดงอ่อนเริ่มกลายเป็นสีแดงเข้ม
ผู้มาเยือนรู้แล้วว่าเจ้าเรือนคงเริ่มสติเลือนลาง ส่วนตัวเขาไม่ได้รู้สึกอะไรเลย คล้ายกินน้ำผลไม้เข้าไป
"ซีจงจวิน ท่านไหวหรือไม่"
คนถูกถามไม่ตอบ เพียงหลับตาแล้วพยักหน้าช้าๆ
"เช่นนั้นอีกสักจอกดีหรือไม่"
เขาริน ซีจงจวินรับมาดื่มอีก เพียงครู่ที่น้ำเมาออกฤทธิ์ก็แทบจะฟุบหน้าลงกับโต๊ะ
"ท่านนี่ ทั้งที่ตัวใหญ่โตน่าตาดุออกปานนี้ เหตุใดถึงคออ่อนนัก"
"..."
"เห้อ.. ข้าพึ่งเคยเจอบุรุษคออ่อนเช่นนี้ หากเราไม่ตกลงเป็นมิตรต่อกัน คงอันตรายมากทีเดียว"
".......ไม่ทราบ...ขอรับ"
?
ซีจงจวินพูดเบาๆคล้ายคนละเมอ แล้วยังตอบรับไปคนละทิศละทางอีก เล่นเอาคนฟังขมวดคิ้วย่นหน้าผาก
"ไม่ทราบอะไรของท่าน"
คราวนี้อีกฝ่ายเงยหน้าขึ้นเล็กน้อย แต่ไม่ได้สบตาชุนหรงเซิน เขามองเลยไป คล้ายจะพูดกับกำแพงด้านหลัง
"ไม่ทราบ....คออ่อน....ทำไม"
คนฟังถึงกับพรูลมหายใจ เขาเมาแล้วแน่ เพราะนอกจากสีหน้าท่าทางแล้ว ยังคุยไม่รู้เรื่องอีกต่างหาก
"ประโยคนั้นข้าไม่ได้ถามท่านหรอกซีจงจวิน และข้าก็พูดจบไปนานแล้วด้วย"
ไม่มีการตอบรับใดๆ เทพอสูรเอาแต่นั่งโยกศีรษะไปมา
หากให้เทียบกัน ลูกสาวทั้งแปดของเขายังคอแข็งกว่าเทพอสูรองค์นี้เสียอีก
พูดถึงลูกสาวแล้ว เขาก็นึกถึงเรื่องที่มี่ฮวาพูดคราวก่อนขึ้นมา...
ชุนหรงเซินแม้ปากจะบอกว่าไว้ใจซีจงจวิน แต่ไม่ใช่เสียทุกส่วน
"ที่ท่านช่วยข้าเมื่อคราวก่อนนั่น ต้องการให้ข้าตอบแทนอย่างไรหรือ"
ซีจงจวินได้ยินคำถาม เขาเงยหน้าขึ้นมาปรือตามองอีกฝ่าย ศีรษะยังโงนเงนต้องทิ้งช่วงไว้ถึงครึ่งก้านธูปกว่าจะยอมเปิดปากอีกรอบ เพราะสมองมึนจนทำงานช้าลงไปทุกส่วน
"....อะไร...."
"ก็ที่ท่านช่วยข้าไว้อย่างไรเล่า หวังให้ข้าทำอะไรให้ท่านหรือเปล่า"
คราวนี้ซีจงจวินแหงนหน้าขึ้นจนสุด ก่อนจะสะบัดหัวไปมาแรงๆ
"ไม่..."
เสียงนั้นดังขึ้นเล็กน้อย แล้วมือข้างหนึ่งก็หยิบไหข้างตัวมาเทสุราจนล้นจอก
".....ไม่....มี..."
เขาว่า กระดกถ้วยกระเบื้องอีกหน ดูท่าชายผู้นี้เมาจริงๆ เริ่มอาการหนักแล้วด้วย
"เช่นนั้นท่านช่วยข้าเพราะเหตุใด แล้วยังให้สุราสวรรค์กับข้าอีก ไม่ใจดีเกินไปหน่อยหรือ"
"คนเจ็บ......ข้า..ช่วย..."
เพราะเห็นว่าเจ็บเลยช่วยเอาไว้เฉยหรือ? เป็นเขาที่ระแวงมากไปเองหรอกหรือนี่
ซีจงจวินเริ่มรินสุรากระดกอีกจอก ชุนหรงเซินเข้าใจแล้วว่าเขาเป็นคนเช่นนี้จริงๆ จึงไม่ติดใจอะไรอีก ยกจอกของตนขึ้นดื่มบ้าง
ต่างคนต่างดื่มไม่มีใครว่าอะไร ชุนหรงเซินเองก็อยากรู้ว่าซีจงจวินจะดื่มได้มากที่สุดเท่าไหร่
..ถึงจะเมาตั้งแต่จอกแรกก็เถิด
"ข้าละทุกข์ใจนัก ลูกสาวตกเป็นขี้ปากคน ทั้งเผ่าเทพเผ่ามาร พอจะหาสามีให้ก็ดันเจอแต่คนไม่จริงใจ ข้าละจนปัญญา"
สุราหมดไปหนึ่งไห ในจำนวนนั้นมีส่วนที่ซีจงจวินดื่มไปเพียงหกจอกเท่านั้น
ชุนหรงเซินยังมีสติดีอยู่ แต่เมื่อดื่มมากๆก็รู้สึกอยากระบายปัญหาออกไปให้ใครสักคนฟัง
"ข้าต้องทำอย่างไรถึงจะเจอคนที่รักลูกสาวข้าจริงๆได้ คนที่จะไม่ทิ้งนางไปแม้ยามลำบาก"
ซีจงจวินนั่งเอาหน้าฟุบโต๊ะแต่ดวงตาทั้งสองข้างยังไม่ปิดสนิท
"......ยาก...หา..น้อย..."
คงหมายถึง หายากและมีน้อยกระมัง
"ใช่ไหมเล่า ท่านก็รู้ว่าคนแบบนั้นหายากขนาดไหน นี่ข้าหาทั่วแดนอุดรแล้วยังไม่พบเลย"
"....มาก"
คำตอบที่เว้นระยะไว้เสียนาน กับการขยับใบหน้าขึ้นลงถูไถกับโต๊ะช้าๆ ทำให้คนมองหลุดขำเสียยกใหญ่
"ท่านนี่ เวลาข้าเครียดก็ยังทำให้หายเครียดได้ดีจริงเชียว"
"...ดี....ดี..."
ยิ่งตอบเสียงยานเขาก็ยิ่งขำ ชุนหรงเซินชอบใจในความซื่อของบุรุษตรงหน้ายิ่งนัก
สักพักซีจงจวินก็เงยหน้าขึ้นมาพยายามนั่งตัวตรงอีกครั้ง ก่อนปลดอาภรณ์ให้หลวมสบายมากขึ้น
"ท่านร้อนหรือ"
".....มากๆๆๆ ...."
คนพูดหลับตาส่ายศีรษะโคลงเคลง เสื้อตัวใหญ่ที่ไม่มีแขนเปิดออก เผยให้เห็นแผงอกกว้างและหน้าท้องเต็มไปด้วยกล้ามเนื้อ ที่บัดนี้เริ่มมีเม็ดเหงื่อผุดขึ้นเกาะกลิ้งไปมา
ชุนหรงเซินเลิกคิ้วสูงขึ้น มองร่างกายท่อนบนของอีกฝ่ายซึ่งเต็มไปด้วยรอยแผลเป็นจากสงคราม
รอยแผลจากหอกดาบทั้งเล็กและใหญ่มีอยู่ทั่วตัวเป็นเรื่องปกติ แต่ที่น่าสงสัยคือรอยแผลเหวอะเป็นทางดูแล้วคล้ายรอยไหม้
แผลนั้นคลุมพื้นที่ตั้งแต่บริเวณกลางหลัง ไล่ไปจนถึงสีข้างด้านขวา รูปร่างประหลาดคล้ายรอยบากแต่กลับขาดช่วงตรงปลาย
รอยแผลเป็นสีดำ เอกลักษณ์เช่นนี้ต้องมาจากอาวุธของเผ่ามารราตรีแน่
"ท่านเคยทำสงครามกับเผ่ามารราตรีด้วยหรือ"
พักหนึ่ง ซีจงจวินหันมาขมวดคิ้วเล็กน้อย ก่อนจะส่ายหน้ารัวปฏิเสธ
"แผลนี้เกิดจากวิชาของเผ่ามารราตรีแน่ หากไม่ได้ทำศึกกับพวกเขา แล้วท่านมีมันได้อย่างไร"
"ข้า.....จำ..ไม่รู้..."
คงหมายถึงจำไม่ได้กระมัง
"เหตุใดถึงจำไม่ได้"
"แม่น้ำ...แม่น้ำ......ลืมเลือน.."
****
หนึ่งก้านธูป เป็นเวลาเท่ากับสิบห้านาที
ค่ำวันหนึ่งในวสันตฤดู มี่ฮวามายืนรอสามีหน้าประตูบ้าน เห็นเขากลับช้ากว่าปกติก็นึกเป็นห่วงขึ้นมาราวสามก้านธูปผ่านไปเขาก็ยังไม่มาทำเอานางร้อนใจไปหมด พวกลูกๆหิวจนทนไม่ไหวเลยพากันกินข้าวเย็นไปก่อนแล้ว เหลือแต่นางที่ยังรอกินพร้อมสามีทำไมถึงชักช้านัก..เพียงหลังจากนั้นไม่นาน ปรากฏเงาร่างดำๆบนท้องฟ้าตรงหลังบ้าน ซีจงจวินเห็นมี่ฮวามองออกไปยังทางที่เขากลับทุกวันก็แปลกใจ"มี่ฮวา ข้ากลับมาแล้ว"ได้ยินเสียงเรียกนางจึงหันหลังเดินมาหาด้วยสีหน้าขุ่นเคือง"ไปไหนมา""ข้าไปช่วยสัตว์อสูรอพยพอยู่เลยกลับช้า"ได้ยินคำเขาบอก นางหรี่ตามองเล็กน้อยคล้ายไม่ค่อยพอใจนัก"สัตว์อสูรที่ไหน""ตรงทางไปเขาสวรรค์นั่นแหละ พอดีข้าผ่านไปเห็นว่านางกำลังลำบากกับการย้ายถิ่นเลยช่วยไว้"เขาชี้แจงด้วยสีหน้างง ขณะอีกคนสะดุดใจในประโยคเมื่อครู่ แต่สุดท้ายก็ต้องถอนหายใจยอมรามือจากการเค้นถาม"เช่นนั้นก็แล้วไป วันนี้พวกลูกๆหิวจนรอเราไม่ไหว แต่ข้ายังไม่ได้กินข้าวเพราะรอท่าน" นางเข้ามาควงแขนเขาไว้ เอาใบหน้าถูไถออดอ้อนทำเอาสามีต้องอมยิ้มการทำแบบนั้นเขาคิดว่านางตั้งใจทำตัวน่ารัก แต่กลับกันนางกำลังแอบดมกลิ่นที่ติดตัวเขามาต่างหากในใจยังรู
เจ็ดร้อยปีผ่านไป..ซวนเฟยกับกับชิงเหลียงอายุพันสามร้อยปีแล้ว ร่างกายกลายเป็นหนุ่มน้อยไม่ใช่เด็กตัวกะเปี๊ยกอีกต่อไปทั้งคู่ยังคงตั้งใจทำงานอย่างขยันขันแข็ง ในเรือนมีนายน้อยและคุณหนูเพิ่มขึ้นมาอีกหลายคนจนทั้งสองกลายสภาพจากคนรับใช้เป็นพี่เลี้ยงเด็กโดยสมบูรณ์"ถูตรงนั้นให้ดีๆล่ะ"ซวนเฟยสั่งแมวป่าน้อยที่มักจะถูพื้นบ้านด้วยความเร็วเกินไปจนไม่แน่ใจว่าสะอาดจริงหรือไม่"เจ้าค่าาา ทราบแล้วเจ้าค่ะท่านหัวหน้า" นางตอบกลับมาเสียงประชดเหมือนเคย"เจ้าด้วย บนเพดานยังมีฝุ่นอยู่เลย" คราวนี้หันไปว่าเจ้ากวางผา"ข้าจะปีนขึ้นเช็ดเดี๋ยวนี้เจ้าค่ะ" อสูรกวางผาตอบก่อนวิ่งไปหยิบไม้ปัดฝุ่นอย่างเร็วเพราะเจ้านายทั้งสองขยันมีลูกกันมาก เมื่อคนในบ้านเพิ่มงานก็เพิ่มตาม นายท่านจึงไปเสาะหาอสูรรับใช้ใหม่มาทำงานบ้าน ส่วนซวนเฟยกับชิงเหลียงมีหน้าที่อย่างเดียวคือเฝ้าจับตาดูลูกๆให้เจ้าวิหควายุเดินตรวจความเรียบร้อยตามส่วนต่างๆไปเรื่อย นายท่านของมันได้ขยายเรือนออกไปกว้างกว่าเดิมหลายส่วน ยิ่งทำความดีความชอบปกป้องยุทธภพด้วยแล้ว ยิ่งได้รับประทานรางวัลอย่างงาม ที่ดินอันกว้างใหญ่ไพศาลนี้ทำให้ต้องใช้เวลาเดินตรวจตรานานขึ้น"ซวนเฟย! ซ
"ท่า..ท่านป้อ!"เด็กน้อยเกอซือชี้นิ้วไปที่บิดา เอ่ยเรียกแล้วยิ้มแป้น แก้มยุ้ยๆขึ้นสีระเรื่อช่างน่าเอ็นดูคนถูกเรียกตาเป็นประกาย อุ้มลูกขึ้นมาไว้ในมืออดใจไม่ได้ต้องจูบแก้มหนักๆสักหลายที"เก่งมากลูกพ่อ"ซีจงจวินดูจะภูมิใจเหลือเกิน มี่ฮวาที่นั่งปักผ้าอยู่ไม่ไกลมองพ่อลูกเล่นกันก็พลอยยิ้มตามไปด้วย"ท่าน..แม่!""จ้า เก่งมากเสี่ยวเกอ"นางยอมวางมือจากเข็มปักผ้าแล้วมาเล่นกับลูกบ้าง เกอซือเริ่มเติบโต ช่างน่ารักน่าเอ็นดู"ท่านตา ท่านยาย ท่านป้า"เกอซือเหมือนพยายามท่องคำที่ถูกสอนมา เสร็จแล้วก็หัวเราะตบมือเพราะคนเหล่านั้นใจดีและรักเกอซือเช่นกันตั้งแต่มี่ฮวาตั้งท้อง พ่อแม่นางมาเที่ยวหาอยู่บ่อยครั้ง เมื่อคลอดเกอซือออกมาตายายก็ดูจะเห่อหลานกันมาก ขยันมาบ้านนี้จนเด็กน้อยจำได้"พ่อจ๋า วันไหนว่างๆเราพาลูกไปเยี่ยมตายายดีหรือไม่"เดี๋ยวนี้สรรพนามที่ใช้เรียกสามีเปลี่ยนไป เพราะทั้งคู่อยากให้ลูกจำได้และเรียกตาม"เช่นนั้นข้าจะทำเรื่องลางานสักสองวัน"ภรรยาว่าอย่างไรเขาไม่เคยขัดอยู่แล้ว ในเมื่อนางอยากพาลูกออกไปเที่ยวเล่นบ้างเขาก็ตามใจดีเหมือนกัน นานๆทีจะได้เปลี่ยนบรรยากาศบ้าง นางกับลูกจะได้ไม่เบื่อความอุดอู้ใน
สิบปีต่อจากนั้นมี่ฮวาตั้งครรภ์ครั้งแรก จากที่ได้รับการดูแลอย่างดี ตอนนี้สามีนางแทบไม่ให้ลุกเดินขยับไปไหนเลยด้วยซ้ำซวนเฟยกับชิงเหลียงเองก็ถูกสั่งให้ช่วยกันดูแลนางเป็นพิเศษกระทั่งลูกน้อยคลอดออกมาอย่างปลอดภัยเสียงร้องอุแว้ดังลั่นเรือน เซียนหมอสตรีมือฉมังจากแดนเทพที่ซีจงจวินไปเชิญเดินออกมาหาพ่อเด็กด้วยสีหน้ายินดี"เป็นคุณชายน้อยเจ้าค่ะ"นางบอกแล้วยื่นห่อผ้าให้ซีจงจวินอุ้ม เทพอสูรมองหน้าเด็กทารกในมือแล้วแทบกลั้นน้ำตาไม่อยู่เด็กคนนี้มีร่างกายเป็นเทพตัวขาวผ่องอมชมพูน่าทะนุถนอม แต่มีลักษณะคล้ายพ่อตรงที่บนหน้าผากมีเขาเล็กๆงอกออกมาสองคู่ ซึ่งมันจะค่อยๆขยายไปตามกาลเวลาซีจงจวินก้มลงหอมแก้มลูกเบาๆแล้วเดินเข้าไปหาภรรยาในห้องซวนเฟยมีหน้าที่ไปส่งท่านเซียนหมอ ชิงเหลียงช่วยเช็ดตัวให้มี่ฮวา ซีจงจวินนั่งลงข้างเตียงซับเหงื่อให้เล็กน้อยก่อนก้มลงจุมพิตที่หน้าผากนาง"ลูกเรา"เขายื่นเด็กน้อยให้นาง มี่ฮวารับเด็กที่ร้องไห้จ้าตั้งแต่เมื่อครู่มาไว้ในอ้อมแขน โอ๋กล่อมด้วยความรักใคร่"ตั้งชื่อว่าอะไรดีเจ้าคะ" นางถาม สามีใช้เวลาคิดครู่สั้นๆก่อนตอบเสียงนุ่มทุ้ม"เกอซือ"ได้ยินชื่อนั้นนางก็พยักหน้าเห็นด้วย ยิ้มให้
ผ่านไปกี่คืนวันแล้วไม่รู้ตั้งแต่ซีจงจวินได้ร่างคืนมา เขาได้เป็นเทพเฝ้าประตูสวรรค์ดังเดิม ทุกวันทำงานตามปกติคล้ายเหตุการณ์เมื่อสี่สิบกว่าปี่ก่อนไม่เคยเกิดขึ้น"ข้ากลับมาแล้ว"ตะวันพึ่งลาลับขอบฟ้าไปได้ไม่ถึงหนึ่งถ้วยชา ร่างเทพอสูรบึกบึนก็มาโผล่หน้าประตูเรียบร้อย น้ำเสียงของซีจงจวินดูร่าเริงมาก ผิดกับตอนเช้าก่อนออกไปทำงานที่จะอิดออดถ่วงเวลาอยู่นั่น"สำรับพร้อมแล้ว"ภรรยาผู้น่ารักเดินออกมาจากห้องอาหาร เนื้อตัวเป็นกลิ่นของคาวหวานคลุ้งไปหมด แต่สามีก็ยังวิ่งเข้ามาสวมกอดหอมฟัดนางเสียจนแทบล้มพับ"กินข้าวอาบน้ำก่อนซีจงจวิน"มี่ฮวาต้องรีบปราม ไม่เช่นนั้นนางจะไม่อาจหลุดจากอุ้งมือพันธนาการของสามีไปได้นับวันซีจงจวินยิ่งทำตัวเหมือนเป็นเด็กเข้าไปทุกที เขาชอบอ้อน ชอบเอาใจ จนบางครั้งมี่ฮวาก็อดคิดไม่ได้ว่าเพื่อนเขารู้ถึงตัวตนด้านนี้บ้างหรือเปล่าซีจงจวินยอมผละออกแต่โดยดี หลังจากถอดชุดเกราะออกแล้วก็มานั่งกินข้าว ไปอาบน้ำ เตรียมเข้านอนพร้อมภรรยาสุดที่รักแต่จะเรียกว่าเข้านอนเลยก็ไม่ได้เพราะก่อนหน้านั้นต้องมีกิจกรรมสำหรับคู่รักเสียก่อนซีจงจวินถึงจะยอมนอน"มี่ฮวา"สัมผัสจากปลายนิ้วสะกิดหลังเบาๆให้นางหันมาห
เป็นจูบที่หวานที่สุดในชีวิตซีจงจวิน พอนางขยับเปิดปากเขาก็สอดลิ้นเข้าไปชิมรสชาติด้านใน กระหวัดเกี่ยวอย่างโหยหาเมื่อตักตวงจนมากพอแล้วมี่ฮวาผลักเขาออกเพื่อพักหายใจเล็กน้อย ดวงตายังสบประสานกันอย่างหวานฉ่ำ"เชื่อหรือยังว่าข้ารักเทพอสูรซีจงจวิน ไม่ใช่จงซีจ้านผู้นั้น"มี่ฮวารู้ว่าที่ซีจงจวินขอให้มหาเทพใส่จิตเขาลงไปในร่างของจงซีจ้านเพราะอะไรคนตอบพยักหน้าเล็กน้อย ช้อนสายตาขึ้นมองนางอย่างเด็กน้อยที่กลัวจะถูกว่าเมื่อทำผิด"ข้า.. เห็นว่าเจ้ายอมนอนกับข้าในร่างจงซีจ้าน เลยคิดว่าหากอยู่ในร่างนั้นเจ้าอาจจะชอบมากกว่า"ซีจงจวินไม่มั่นใจในตัวเองเอามากๆเลยสินะ ถึงได้มีความคิดแบบนี้มี่ฮวาระบายลมหายใจยาว กระเถิบขึ้นไปนั่งบนตักสวมกอดเขาไว้แน่นๆ ซุกหน้ากับแผ่นอกอีกรอบ"ข้าไม่สนว่าจะอยู่ในร่างไหน ขอแค่เป็นท่านก็พอ""เจ้าไม่รังเกียจข้าแล้วใช่หรือไม่""ไม่เลย ข้ากลับชอบด้วยซ้ำเวลาที่ท่านกอดข้าแบบนี้ข้ารู้สึกอบอุ่นปลอดภัย"นางชอบมือทุกข้างที่มอบความรู้สึกหลากหลายให้ มันมีความรักเจืออยู่ในทุกการกระทำร่างกายทั้งคู่ที่แนบชิดบดเบียดกันสร้างความร้อนขึ้นมา ตอนนี้ดูเหมือนว่าแค่กอดจากนางผู้เป็นที่รักเริ่มไม่เพียงพอเ