แชร์

บทที่ 5 五

ผู้เขียน: PinkyPaw
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2024-12-03 12:26:51

"เหงาเป็นอย่างไรหรือขอรับ"

คำถามนั้นทำให้คนตอบถึงกับสะอึก ถ้อยคำทั้งหมดจุกอยู่ที่คอ

เทพอสูรผู้นี้ตายด้านไปแล้วอย่างนั้นหรือ..

"ความเหงาก็คือห้วงอารมณ์หนึ่ง เป็นความรู้สึกอ้างว้างเดียวดาย จนเจ็บหน่วงในใจ"

ชุนหรงเซินขยายความขึ้นเล็กน้อย แต่นั่นก็ยังไม่คลายความสงสัยได้มากพอ ซีจงจวินจึงถามต่อ

"แล้วเมื่อใดถึงจะรู้สึกเหงาหรือขอรับ"

"ก็.. อย่างตอนที่อยากคุยกับใครสักคนแล้วไม่มีคนให้พูดด้วย หรือไม่มีคนที่ทำให้รู้สึกสบายใจอยู่ด้วย ทำให้คิดถึงจนรู้สึกโหวงเหวงในใจอะไรเทือกนั้น"

หลังจากอธิบายไปแล้ว ซีจงจวินเพียงมองชุนหรงเซินนิ่งๆเช่นเดิม สีหน้าเขาไม่บ่งบอกสิ่งใดเลย

แต่มือข้างหนึ่งเลื่อนขึ้นมากุมอกซ้ายเอาไว้ ราวกับจะถามหัวใจว่าเป็นอย่างไรบ้าง..

"เช่นนั้น ข้าก็รู้สึกเหงาแล้วขอรับ"

ท่าทางของซีจงจวินทำให้เทพเซียนแห่งผืนป่าเข้าใจขึ้นมาทันที

นึกถอนคำพูดในใจที่ว่าเขาตายด้าน เพราะซีจงจวินยังมีหัวใจรับรู้ความรู้สึก เพียงแต่ไม่รู้จักมันเท่านั้น

"ท่านเองก็เหงาเป็น คิดถึงเป็นเหมือนกันสินะ"

"ขอรับ ข้าคิดถึงขอรับ"

"ท่านคิดถึงผู้ใดหรือ"

คำถามของชุนหรงเซินทำให้ซีจงจวินชะงักไป เขาทวนคิดคำพูดของตนก่อนหน้านี้แล้วก็ไม่ค่อยเข้าใจนัก

คิดถึง..ใครกัน...?

"ข้าก็ไม่รู้ขอรับ"

เขาคิดถึงจริงๆ แต่ไม่รู้ว่าคิดถึงใคร เหตุใดจึงเป็นเช่นนั้น?

"ท่านจะไม่รู้ว่าคิดถึงผู้ใดอยู่ได้อย่างไร"

คำถามนั้นทำให้ซีจงจวินกุมหัวใจแน่นขึ้น ราวกับจะห้ามไม่ให้มันบีบตัวแรงไปมากกว่านี้

"ข้า...เหมือนจะลืมอะไรไปบางอย่างขอรับ แต่ไม่รู้ว่าคืออะไร คิดว่าคงเป็นคนที่ข้าคิดถึง"

คราวนี้ความเงียบได้เริ่มโรยตัวลงรอบกายอีกครั้ง เป็นความเงียบที่ทำให้อึดอัด กระอักกระอ่วนจนทำตัวไม่ถูก

ดูเหมือนชุนหรงเซินจะเผลอไปจี้จุดบางอย่างเข้าโดยไม่ตั้งใจ

ซีจงจวินคงไม่รู้ตัวว่าตอนนี้ดวงตาของเขาฉายแววเศร้าสร้อย แสนโศกอาลัยเพียงใด

คิดถึงแต่ไม่รู้ว่าถึงใคร มันต่างอะไรกันกับการคะนึงหาผู้ล่วงลับไปแล้ว

เพราะไม่อาจรับรู้ถึงตัวตนของคนที่เรานึกถึงได้...

"ท่านอยากร่ำสุราไหม ให้ข้าอยู่เป็นเพื่อนคุยจนฟ้าสางเลยดีหรือไม่"

เทพแห่งพงไพรเอ่ยชวนด้วยคิดว่าควรเปลี่ยนบรรยากาศ เพราะเขาคอแข็งและเมื่อเหล้าเข้าปากทีไรทุกสิ่งรอบตัวล้วนสวยงามมีแต่เรื่องสนุกสนาน

"ท่านเจ็บอยู่ห้ามดื่มสุราขอรับ และพรุ่งนี้ข้ามีงานแต่เช้า ไม่อาจดื่มสุราได้ขอรับ"

"แต่หากไม่ร่ำสุราแล้วเราจะทำอะไรต่อดีเล่า อีกตั้งหนึ่งชั่วยามกว่าพระอาทิตย์จะขึ้น"

"เช่นนั้นข้าจะชงชาให้ท่านดื่มแทนขอรับ ส่วนสุราหากท่านอยากดื่ม เกรงว่าข้าคงต้องให้ท่านนำกลับไปดื่มที่บ้านของท่านเองขอรับ ข้าดื่มไม่ได้จริงๆ"

ได้ยินเจ้าของเรือนเอ่ยท่าทางจริงจังแล้วชุนหรงเซินก็รีบโบกมือปฏิเสธทันที

"ข้ามารบกวนถึงขนาดนี้ยังจะให้ของมาอีก ท่านจะใจดีเกินไปแล้ว"

"หาใช่ความใจดีขอรับ สุรานี้ข้ามีเป็นร้อยไห เก็บไว้ไม่ได้ทำอะไร จะยกให้ท่านไปก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่แล้วยังได้ทำให้ห้องนี้หายรกอีกด้วยขอรับ"

ปกติเซียนจากตระกูลใหญ่เช่นชุนหรงเซิน จะมีแต่คนคอยหาสิ่งที่ดีที่สุดมาประเคนให้ ไม่เคยมีใครให้ของเหลือไม่ได้ใช้อย่างที่ซีจงจวินทำมาก่อน

แต่เมื่อมองดูแล้ว ซีจงจวินไม่ได้มีเจตนาจะเหยียดหยามเกียรติเทพหรืออะไร เขาเพียงไม่มีความคิดที่ซับซ้อนมากพอจึงคิดว่าให้ไปก็ไม่มีปัญหา

"เช่นนั้นข้าก็ขอรับไว้เพียงสองไหเท่านั้น ที่เหลือหากอยากดื่มอีกข้าคงต้องมาขอรบกวนดื่มที่นี่"

แปลกจริง.. ซีจงจวินเคยรักษาทั้งเทพและมารที่โดนวิญญาณทำร้ายอยู่บ้าง แต่เมื่อฟื้นแล้วพวกเขาก็มักจะจากไปโดยเร็ว

ไม่มีผู้ใดมาอยู่พูดคุย เดินชมเรือนเช่นที่ชุนหรงเซินทำมาก่อน

"หากท่านต้องการก็ย่อมได้ขอรับ แต่คงต้องมาตั้งแต่ยังฟ้าไม่มืดและกลับตอนเช้านะขอรับ เพราะตอนกลางวันข้าทำงานส่วนตอนกลางคืนคงปล่อยท่านกลับคนเดียวไม่ได้ขอรับ"

ชุนหรงเซินมองแล้วก็ได้แต่ยิ้ม บุรุษผู้นี้เป็นคนเคร่งครัดและซื่อตรงมากทีเดียว คิดอย่างไรเขาก็พูดบอกจนหมด

เทพอสูรซีจงจวิน แม้รูปกายอัปลักษณ์น่ากลัว แต่จิตใจเขาก็พอจะเรียกได้ว่าดีงามเท่าเซียนชั้นสูงผู้หนึ่งกระมัง

"ย่อมได้"

...

รุ่งสาง ซีจงจวินพาเทพพฤกษาออกเดินทางไปยังชายแดนทางเหนือเพื่อข้ามเขตแดน ก่อนไปทำงานที่บันไดทางขึ้นเขาสวรรค์

ระหว่างทางทั้งสองพบเทพอสูรอีกองค์ที่พึ่งเลิกงาน นามว่าเป่ยหานจวิน

ซีจงจวินเข้าไปทักทาย พูดคุยจนรู้เรื่องราวทั้งหมด เป่ยหานจวินเห็นว่าซีจงจวินจะไปทำงานสายจึงอาสาพาชุนหรงเซินข้ามไปแทน

"ท่านเทพอสูรมีนามว่าอะไรหรือ"

ชุนเซินหรงเอ่ยถามเทพบุรุษร่างโต ทั่วกายปกคลุมด้วยขนหนาดำขลับ ม่านตาสีน้ำเงินด้านในลูกตาสีดำหันมามองสบก่อนเอ่ยตอบอย่างนอบน้อม

"ข้ามีนามว่าเป่ยหานจวินขอรับ"

"เป่ยหานจวิน จะเป็นอะไรหรือไม่หากข้าถามคำถามท่านสักหน่อยระหว่างเดินทาง"

"เชิญท่านเทพถามได้เลยขอรับ"

ชุนหรงเซินเห็นท่าทางอ่อนน้อมของเทพอสูรแล้วความรู้สึกกลัวหายเป็นปลิดทิ้ง พวกเขาล้วนถูกฝึกฝนมาดี ผิดกับรูปลักษณ์แข็งกระด้างภายนอกโดยสิ้นเชิง

"ข้าอยากรู้ว่าเป่ยหานจวินมีภรรยาหรือไม่"

"มีแล้วขอรับ ภรรยาข้าเป็นอสูรแมวป่าขอรับ"

คำตอบนั้นทำให้คนฟังเลิกคิ้วสูงขึ้นอีกเล็กน้อย

ทั้งที่เป่ยหานจวินมีภรรยาแล้ว แต่บ้านของซีจงจวินกลับไร้ผู้คน เทพอสูรไม่ได้เป็นเหมือนกันทุกองค์หรอกหรือ?

"แล้วเทพอสูรองค์อื่นเล่า"

"ล้วนมีภรรยาแล้วทั้งนั้นขอรับ ในบรรดาเราทั้งสี่มีแค่ซีจงจวินที่ไม่เคยมีคนเคียงข้างมาตั้งแต่มหาเทพสร้างร่างเนื้อให้ขอรับ"

เป็นเช่นนี้เอง..

"ข้าขอถามอีกข้อได้หรือไม่"

"เชิญขอรับ"

"ที่เรือนของท่านตกแต่งอย่างไร มีแขกมาเยือนมากหรือน้อย"

เป่ยหานจวินได้ยินคำถามก็นึกสงสัยว่าเทพเซียนผู้นี้เป็นอะไร ปกติเขาไม่เคยเห็นใครที่อยากรู้เรื่องของเทพอสูรเท่านี้

"เรือนข้าเป็นเรือนไม้ธรรมดาขอรับ สิ่งของหรูหรามีไม่มาก แล้วแต่ภรรยาจะเลือกสรรมาจัดไว้ แขกส่วนใหญ่เป็นอสูรเด็กที่มาเล่นเป็นเพื่อนลูกๆข้าเกือบทุกวัน และสัตว์อสูรในระแวกนั้นที่แวะเวียนมาเยี่ยมบ้างขอรับ"

ที่แท้เทพอสูรก็มีชีวิตปกติดังเช่นเทพเซียน มาร หรือชาวบ้านมนุษย์ธรรมดาเช่นกัน

คงมีแต่ซีจงจวินที่ใช้ชีวิตเงียบเหงาเพียงลำพังเช่นนั้นเพราะไม่มีใคร...

ไม่นาน เป่ยหานจวินก็พาชุนหรงเซินข้ามภูเขาสูงอันเป็นปราการธรรมชาติกั้นระหว่างแผ่นดินอุดรและแผ่นดินใหญ่มา เข้าเขตเมืองแล้วชุนหรงเซินก็บอกทางจนกระทั่งมาถึงวัง

"ขอบคุณท่านมาก หากมีโอกาสข้าจะตอบแทนแน่นอน"

"ไม่ลำบากท่านขอรับ หากจะตอบแทนคงต้องตอบแทนซีจงจวิน ข้าเพียงรับช่วงต่อจากเขา พาท่านมาส่งยังที่หมายเท่านั้น"

แล้วเป่ยหานจวินก็ประสานมือคำนับ เอ่ยลาก่อนเหาะขึ้นฟ้ากลับแผ่นดินใหญ่ไป มีเทพเจ้าของวังพฤกษามองตาม จากนั้นจึงเดินกลับเข้าไป

ในตำหนักกลาง ภรรยาและลูกสาวต่างหันมามองเขาเป็นตาเดียวเมื่อได้ยินเสียงเปิดประตู รู้ได้ทันทีว่าพวกนางที่นั่งรอเขาทั้งคืนคงเป็นห่วงมาก

"ท่านพี่"

"ท่านพ่อ"

เหล่าเซียนสตรีวิ่งเข้ามากอดเขา มองพวกนางแล้วหัวใจชุ่มชื้นดั่งต้นไม้ได้น้ำหล่อเลี้ยง

"ท่านพี่หายไปไหนมาเจ้าคะ แล้วเหตุใดถึงได้บาดเจ็บเช่นนี้"

ฮูหยินเอ่ยทั้งน้ำตาคลอเบ้าเมื่อเห็นผ้าพันแผลหนารอบขาของสามี ชุนหรงเซินจึงลูบหัวกอดปลอบนางให้ใจเย็นลง

"เมื่อวานข้าไปเข้าเฝ้ามหาเทพ อยู่ที่นั่นนานไปหน่อย ขากลับตอนมืดเลยถูกวิญญาณทำร้ายแต่มีคนช่วยเอาไว้และให้พักรักษาตัวอยู่ที่เรือนของเขา"

"เขาผู้นั้นช่างมีน้ำใจงดงามนัก ไม่รู้จะตอบแทนอย่างไรถึงจะเทียบเท่าบุญคุณครั้งนี้เลย"

เหมยกุยเอ่ยขึ้น บุตรสาวที่เหลือเองก็มีท่าทางเห็นดีเห็นงามด้วยว่าสมควรตอบแทนบุญคุณ

"ไม่เพียงแค่ช่วยหรอกนะ บุรุษผู้นั้นยังมอบสุราสวรรค์ที่ได้จากมหาเทพให้พ่อด้วย"

แล้วชุนเซินหรงก็เสกไหสุราสีขาวขึ้นมาสองไห ให้ลูกๆตะลึงงันจนเผลอทำตาโต

"เขาช่างจิตใจงดงามอะไรเช่นนี้"

ไป่เหอเอ่ยชมขณะที่มี่ฮวาเริ่มขมวดคิ้วมองด้วยสีหน้าเหมือนไม่วางใจ

"ท่านพ่อ บุรุษผู้นั้นเป็นใครหรือเจ้าคะ"

ชุนหรงเซินมองตาของลูกสาวคนเล็ก ดูก็รู้ว่านางคงเริ่มตะขิดตะขวงใจ

"เป็นเทพองค์หนึ่งที่รับใช้องค์มหาเทพเท่านั้น"

เขาได้แต่บอกไปเช่นนั้น ไม่กล้าพูดว่าเป็นเทพอสูร เกรงว่าลูกและภรรยาจะหวาดกลัว ระแวงสงสัยเพราะเดิมทีเทพอสูรไม่เคยมีข่าวลือดีๆเหมือนเทพองค์อื่น

"เทพองค์นั้นจะไม่ใจดีเกินไปหน่อยหรือ รักษาอาการเจ็บให้ท่านแล้วยังให้ของล้ำค่าเช่นนี้มาทั้งที่ไม่ได้รู้จักกันมาก่อน ข้ารู้สึกว่าเขาไม่น่าไว้ใจเลยเจ้าค่ะ"

..มันก็จริงของนาง..

คำของมี่ฮวาทำให้คนอื่นๆฉุกคิดตามแล้วก็เริ่มไม่ไว้ใจผู้มีบุญคุณขึ้นมา เพราะกลัวว่าบิดาของพวกนางจะถูกหลอก

"พ่อไม่คิดเช่นนั้น"

"ท่านพ่อไว้ใจเขาเกินไปหรือไม่เจ้าคะ"

"อย่าห่วงอะไรให้มากเลยมี่เอ๋อร์ หากเมื่อคืนเขาไม่มาช่วย ป่านนี้จิตพ่อคงแตกดับไปแล้ว"

"จริงอย่างที่ท่านว่า ลูกอย่าคิดกับผู้มีพระคุณเช่นนั้นเลยมี่เอ๋อร์"

ฮูหยินเอ่ยสมทบน้ำเสียงเย็นใจ สุดท้ายก็เป็นมี่ฮวาที่ต้องเงียบ เก็บความรู้สึกไม่สบายใจนี้ไว้คนเดียว

..ถึงอย่างไรก็ยังรู้สึกแปลกๆ ผู้มีพระคุณคนนั้นไม่น่าไว้ใจเลยจริงๆ

"อ้อ! มี่เอ๋อร์ เรื่องที่เจ้ากังวลพ่อมีทางออกให้แล้วนะ"

มี่ฮวาหยุดคิดเรื่องบุรุษที่ช่วยพ่อไว้ก่อน แล้วหันมาตั้งใจฟังสิ่งที่ชุนหรงเซินกำลังจะบอก

"เราจะจัดงานดูตัวให้เจ้ากัน"

!?

"ท่านพ่อ..จะให้ข้าดูตัว?"

"ใช่แล้ว"

"ท่านพ่ออยากให้ข้าแต่งออกไปมากนักหรือเจ้าคะ"

น้ำเสียงที่เอ่ยฟังดูก็รู้ว่าไม่พอใจ แทรกมาด้วยความน้อยใจอย่างรุนแรง

นางไม่ได้รักชอบใครที่ไหน จะให้ดูตัว แต่งงานทั้งที่ไม่รู้จักอีกฝ่ายได้อย่างไร

"เปล่าเลยมี่เอ๋อร์ เจ้าเป็นแก้วตาดวงใจพ่อ แต่เรื่องมันเป็นเช่นนี้แล้ว องค์มหาเทพยังแนะนำว่าให้เจ้าแต่งให้ใครสักคนไปเสีย พ่อเลย..."

บิดาเงียบไปครู่ มองลูกสาวที่ยืนก้มหน้าเม้มปากจนแทบห้อเลือด "แล้วหากไม่มีผู้ใดที่ลูกพึงใจล่ะเจ้าคะ"

"ลองดูสักหน่อยเถิด พ่อเชื่อว่ามันต้องมีสักคนที่เข้าตา ถูกใจเจ้าอย่างแน่นอน"

นางไม่อยากยอมรับ แต่หากมหาเทพชี้แนะมาเช่นนั้น มันก็เหลือเพียงทางเดียว

ก็ได้แต่ภาวนาว่ามันจะมีสักคน..

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • ผูกรัก ปักใจ ไม่อาจลืมเลือน   บทที่ 72 七十二

    ค่ำวันหนึ่งในวสันตฤดู มี่ฮวามายืนรอสามีหน้าประตูบ้าน เห็นเขากลับช้ากว่าปกติก็นึกเป็นห่วงขึ้นมาราวสามก้านธูปผ่านไปเขาก็ยังไม่มาทำเอานางร้อนใจไปหมด พวกลูกๆหิวจนทนไม่ไหวเลยพากันกินข้าวเย็นไปก่อนแล้ว เหลือแต่นางที่ยังรอกินพร้อมสามีทำไมถึงชักช้านัก..เพียงหลังจากนั้นไม่นาน ปรากฏเงาร่างดำๆบนท้องฟ้าตรงหลังบ้าน ซีจงจวินเห็นมี่ฮวามองออกไปยังทางที่เขากลับทุกวันก็แปลกใจ"มี่ฮวา ข้ากลับมาแล้ว"ได้ยินเสียงเรียกนางจึงหันหลังเดินมาหาด้วยสีหน้าขุ่นเคือง"ไปไหนมา""ข้าไปช่วยสัตว์อสูรอพยพอยู่เลยกลับช้า"ได้ยินคำเขาบอก นางหรี่ตามองเล็กน้อยคล้ายไม่ค่อยพอใจนัก"สัตว์อสูรที่ไหน""ตรงทางไปเขาสวรรค์นั่นแหละ พอดีข้าผ่านไปเห็นว่านางกำลังลำบากกับการย้ายถิ่นเลยช่วยไว้"เขาชี้แจงด้วยสีหน้างง ขณะอีกคนสะดุดใจในประโยคเมื่อครู่ แต่สุดท้ายก็ต้องถอนหายใจยอมรามือจากการเค้นถาม"เช่นนั้นก็แล้วไป วันนี้พวกลูกๆหิวจนรอเราไม่ไหว แต่ข้ายังไม่ได้กินข้าวเพราะรอท่าน" นางเข้ามาควงแขนเขาไว้ เอาใบหน้าถูไถออดอ้อนทำเอาสามีต้องอมยิ้มการทำแบบนั้นเขาคิดว่านางตั้งใจทำตัวน่ารัก แต่กลับกันนางกำลังแอบดมกลิ่นที่ติดตัวเขามาต่างหากในใจยังรู

  • ผูกรัก ปักใจ ไม่อาจลืมเลือน   บทที่ 71 七十一

    เจ็ดร้อยปีผ่านไป..ซวนเฟยกับกับชิงเหลียงอายุพันสามร้อยปีแล้ว ร่างกายกลายเป็นหนุ่มน้อยไม่ใช่เด็กตัวกะเปี๊ยกอีกต่อไปทั้งคู่ยังคงตั้งใจทำงานอย่างขยันขันแข็ง ในเรือนมีนายน้อยและคุณหนูเพิ่มขึ้นมาอีกหลายคนจนทั้งสองกลายสภาพจากคนรับใช้เป็นพี่เลี้ยงเด็กโดยสมบูรณ์"ถูตรงนั้นให้ดีๆล่ะ"ซวนเฟยสั่งแมวป่าน้อยที่มักจะถูพื้นบ้านด้วยความเร็วเกินไปจนไม่แน่ใจว่าสะอาดจริงหรือไม่"เจ้าค่าาา ทราบแล้วเจ้าค่ะท่านหัวหน้า" นางตอบกลับมาเสียงประชดเหมือนเคย"เจ้าด้วย บนเพดานยังมีฝุ่นอยู่เลย" คราวนี้หันไปว่าเจ้ากวางผา"ข้าจะปีนขึ้นเช็ดเดี๋ยวนี้เจ้าค่ะ" อสูรกวางผาตอบก่อนวิ่งไปหยิบไม้ปัดฝุ่นอย่างเร็วเพราะเจ้านายทั้งสองขยันมีลูกกันมาก เมื่อคนในบ้านเพิ่มงานก็เพิ่มตาม นายท่านจึงไปเสาะหาอสูรรับใช้ใหม่มาทำงานบ้าน ส่วนซวนเฟยกับชิงเหลียงมีหน้าที่อย่างเดียวคือเฝ้าจับตาดูลูกๆให้เจ้าวิหควายุเดินตรวจความเรียบร้อยตามส่วนต่างๆไปเรื่อย นายท่านของมันได้ขยายเรือนออกไปกว้างกว่าเดิมหลายส่วน ยิ่งทำความดีความชอบปกป้องยุทธภพด้วยแล้ว ยิ่งได้รับประทานรางวัลอย่างงาม ที่ดินอันกว้างใหญ่ไพศาลนี้ทำให้ต้องใช้เวลาเดินตรวจตรานานขึ้น"ซวนเฟย! ซ

  • ผูกรัก ปักใจ ไม่อาจลืมเลือน   บทที่ 70 七十

    "ท่า..ท่านป้อ!"เด็กน้อยเกอซือชี้นิ้วไปที่บิดา เอ่ยเรียกแล้วยิ้มแป้น แก้มยุ้ยๆขึ้นสีระเรื่อช่างน่าเอ็นดูคนถูกเรียกตาเป็นประกาย อุ้มลูกขึ้นมาไว้ในมืออดใจไม่ได้ต้องจูบแก้มหนักๆสักหลายที"เก่งมากลูกพ่อ"ซีจงจวินดูจะภูมิใจเหลือเกิน มี่ฮวาที่นั่งปักผ้าอยู่ไม่ไกลมองพ่อลูกเล่นกันก็พลอยยิ้มตามไปด้วย"ท่าน..แม่!""จ้า เก่งมากเสี่ยวเกอ"นางยอมวางมือจากเข็มปักผ้าแล้วมาเล่นกับลูกบ้าง เกอซือเริ่มเติบโต ช่างน่ารักน่าเอ็นดู"ท่านตา ท่านยาย ท่านป้า"เกอซือเหมือนพยายามท่องคำที่ถูกสอนมา เสร็จแล้วก็หัวเราะตบมือเพราะคนเหล่านั้นใจดีและรักเกอซือเช่นกันตั้งแต่มี่ฮวาตั้งท้อง พ่อแม่นางมาเที่ยวหาอยู่บ่อยครั้ง เมื่อคลอดเกอซือออกมาตายายก็ดูจะเห่อหลานกันมาก ขยันมาบ้านนี้จนเด็กน้อยจำได้"พ่อจ๋า วันไหนว่างๆเราพาลูกไปเยี่ยมตายายดีหรือไม่"เดี๋ยวนี้สรรพนามที่ใช้เรียกสามีเปลี่ยนไป เพราะทั้งคู่อยากให้ลูกจำได้และเรียกตาม"เช่นนั้นข้าจะทำเรื่องลางานสักสองวัน"ภรรยาว่าอย่างไรเขาไม่เคยขัดอยู่แล้ว ในเมื่อนางอยากพาลูกออกไปเที่ยวเล่นบ้างเขาก็ตามใจดีเหมือนกัน นานๆทีจะได้เปลี่ยนบรรยากาศบ้าง นางกับลูกจะได้ไม่เบื่อความอุดอู้ใน

  • ผูกรัก ปักใจ ไม่อาจลืมเลือน   บทที่ 69 六十九

    สิบปีต่อจากนั้นมี่ฮวาตั้งครรภ์ครั้งแรก จากที่ได้รับการดูแลอย่างดี ตอนนี้สามีนางแทบไม่ให้ลุกเดินขยับไปไหนเลยด้วยซ้ำซวนเฟยกับชิงเหลียงเองก็ถูกสั่งให้ช่วยกันดูแลนางเป็นพิเศษกระทั่งลูกน้อยคลอดออกมาอย่างปลอดภัยเสียงร้องอุแว้ดังลั่นเรือน เซียนหมอสตรีมือฉมังจากแดนเทพที่ซีจงจวินไปเชิญเดินออกมาหาพ่อเด็กด้วยสีหน้ายินดี"เป็นคุณชายน้อยเจ้าค่ะ"นางบอกแล้วยื่นห่อผ้าให้ซีจงจวินอุ้ม เทพอสูรมองหน้าเด็กทารกในมือแล้วแทบกลั้นน้ำตาไม่อยู่เด็กคนนี้มีร่างกายเป็นเทพตัวขาวผ่องอมชมพูน่าทะนุถนอม แต่มีลักษณะคล้ายพ่อตรงที่บนหน้าผากมีเขาเล็กๆงอกออกมาสองคู่ ซึ่งมันจะค่อยๆขยายไปตามกาลเวลาซีจงจวินก้มลงหอมแก้มลูกเบาๆแล้วเดินเข้าไปหาภรรยาในห้องซวนเฟยมีหน้าที่ไปส่งท่านเซียนหมอ ชิงเหลียงช่วยเช็ดตัวให้มี่ฮวา ซีจงจวินนั่งลงข้างเตียงซับเหงื่อให้เล็กน้อยก่อนก้มลงจุมพิตที่หน้าผากนาง"ลูกเรา"เขายื่นเด็กน้อยให้นาง มี่ฮวารับเด็กที่ร้องไห้จ้าตั้งแต่เมื่อครู่มาไว้ในอ้อมแขน โอ๋กล่อมด้วยความรักใคร่"ตั้งชื่อว่าอะไรดีเจ้าคะ" นางถาม สามีใช้เวลาคิดครู่สั้นๆก่อนตอบเสียงนุ่มทุ้ม"เกอซือ"ได้ยินชื่อนั้นนางก็พยักหน้าเห็นด้วย ยิ้มให้

  • ผูกรัก ปักใจ ไม่อาจลืมเลือน   บทที่ 68 六十八

    ผ่านไปกี่คืนวันแล้วไม่รู้ตั้งแต่ซีจงจวินได้ร่างคืนมา เขาได้เป็นเทพเฝ้าประตูสวรรค์ดังเดิม ทุกวันทำงานตามปกติคล้ายเหตุการณ์เมื่อสี่สิบกว่าปี่ก่อนไม่เคยเกิดขึ้น"ข้ากลับมาแล้ว"ตะวันพึ่งลาลับขอบฟ้าไปได้ไม่ถึงหนึ่งถ้วยชา ร่างเทพอสูรบึกบึนก็มาโผล่หน้าประตูเรียบร้อย น้ำเสียงของซีจงจวินดูร่าเริงมาก ผิดกับตอนเช้าก่อนออกไปทำงานที่จะอิดออดถ่วงเวลาอยู่นั่น"สำรับพร้อมแล้ว"ภรรยาผู้น่ารักเดินออกมาจากห้องอาหาร เนื้อตัวเป็นกลิ่นของคาวหวานคลุ้งไปหมด แต่สามีก็ยังวิ่งเข้ามาสวมกอดหอมฟัดนางเสียจนแทบล้มพับ"กินข้าวอาบน้ำก่อนซีจงจวิน"มี่ฮวาต้องรีบปราม ไม่เช่นนั้นนางจะไม่อาจหลุดจากอุ้งมือพันธนาการของสามีไปได้นับวันซีจงจวินยิ่งทำตัวเหมือนเป็นเด็กเข้าไปทุกที เขาชอบอ้อน ชอบเอาใจ จนบางครั้งมี่ฮวาก็อดคิดไม่ได้ว่าเพื่อนเขารู้ถึงตัวตนด้านนี้บ้างหรือเปล่าซีจงจวินยอมผละออกแต่โดยดี หลังจากถอดชุดเกราะออกแล้วก็มานั่งกินข้าว ไปอาบน้ำ เตรียมเข้านอนพร้อมภรรยาสุดที่รักแต่จะเรียกว่าเข้านอนเลยก็ไม่ได้เพราะก่อนหน้านั้นต้องมีกิจกรรมสำหรับคู่รักเสียก่อนซีจงจวินถึงจะยอมนอน"มี่ฮวา"สัมผัสจากปลายนิ้วสะกิดหลังเบาๆให้นางหันมาห

  • ผูกรัก ปักใจ ไม่อาจลืมเลือน   บทที่ 67 六十七

    เป็นจูบที่หวานที่สุดในชีวิตซีจงจวิน พอนางขยับเปิดปากเขาก็สอดลิ้นเข้าไปชิมรสชาติด้านใน กระหวัดเกี่ยวอย่างโหยหาเมื่อตักตวงจนมากพอแล้วมี่ฮวาผลักเขาออกเพื่อพักหายใจเล็กน้อย ดวงตายังสบประสานกันอย่างหวานฉ่ำ"เชื่อหรือยังว่าข้ารักเทพอสูรซีจงจวิน ไม่ใช่จงซีจ้านผู้นั้น"มี่ฮวารู้ว่าที่ซีจงจวินขอให้มหาเทพใส่จิตเขาลงไปในร่างของจงซีจ้านเพราะอะไรคนตอบพยักหน้าเล็กน้อย ช้อนสายตาขึ้นมองนางอย่างเด็กน้อยที่กลัวจะถูกว่าเมื่อทำผิด"ข้า.. เห็นว่าเจ้ายอมนอนกับข้าในร่างจงซีจ้าน เลยคิดว่าหากอยู่ในร่างนั้นเจ้าอาจจะชอบมากกว่า"ซีจงจวินไม่มั่นใจในตัวเองเอามากๆเลยสินะ ถึงได้มีความคิดแบบนี้มี่ฮวาระบายลมหายใจยาว กระเถิบขึ้นไปนั่งบนตักสวมกอดเขาไว้แน่นๆ ซุกหน้ากับแผ่นอกอีกรอบ"ข้าไม่สนว่าจะอยู่ในร่างไหน ขอแค่เป็นท่านก็พอ""เจ้าไม่รังเกียจข้าแล้วใช่หรือไม่""ไม่เลย ข้ากลับชอบด้วยซ้ำเวลาที่ท่านกอดข้าแบบนี้ข้ารู้สึกอบอุ่นปลอดภัย"นางชอบมือทุกข้างที่มอบความรู้สึกหลากหลายให้ มันมีความรักเจืออยู่ในทุกการกระทำร่างกายทั้งคู่ที่แนบชิดบดเบียดกันสร้างความร้อนขึ้นมา ตอนนี้ดูเหมือนว่าแค่กอดจากนางผู้เป็นที่รักเริ่มไม่เพียงพอเ

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status