มี่ฮวาตื่นรับอรุณอันแจ่มใส ลุกมาทานสำรับเช้าพร้อมบิดามารดาและพี่ๆอย่างอารมณ์ดี
"เจ้าคงหาสามียากขึ้นอีกแน่" สองฝาแฝดไป๋หลันและหวงหลันเอ่ย มี่ฮวาเพียงยู่ปากเล็กน้อยก่อนคีบกับข้าวกินแบบไม่ใส่ใจนัก
"หากได้ไม่ดี ไม่มีเลยดีเสียกว่า" นางว่า ชุนหรงเซินก็ทำท่าหนักใจ
แม้จะโล่งที่อย่างน้อยลูกสาวก็ไม่ต้องแต่งให้คนที่ไม่เหมาะสม แต่ต่อไปคงมีข่าวลือเกี่ยวกับมี่ฮวากระจายไปทั่วอีกแน่
แล้วก็เป็นเช่นนั้นจริง เมื่อเหล่าสาวใช้กลับจากตลาดก็วิ่งเข้ามาหาพวกเขาพร้อมบอกข่าวที่เก็บได้จากการออกไปข้างนอกว่า
'ลูกสาวคนเล็กของเทพแห่งพฤกษาปฏิเสธการเลือกคู่เพื่อรอเทพแห่งแสงผู้เคยเป็นคนรักของหลานจอมมาราตรี'
ตะเกียบในมือหล่นทันทีหลังฟังจบ สาวใช้ยังบอกอีกว่า บางคนก็เล่าลือกันไปว่า
'ว่ากันว่าแม่นางมี่ฮวาต้องการให้อวี้เวินฉิงกลับมาหานาง แต่อวี้เวินฉิงไม่มานางจึงไม่เลือกชายใด'
'แม่นางมี่ฮวาไม่รู้สูงต่ำ กลั่นแกล้งเทพเซียนปั่นหัวบุรุษแล้วตัดเยื่อใยไม่ไว้ไมตรี'
'ลูกสาวเทพแห่งวสันต์ต้องการเพิ่มระดับความนิยมของตน จึงจัดงานดูตัวปลอมๆขึ้นมา'
'ตอนนี้เหล่าเทพรู้ซึ้งแล้ว ต่อให้งามเพียงใด แต่คิดร้ายหมายล่มเมือง พวกเขาไม่มีใครอยากแต่งนางเข้าวังเป็นอันขาด'
เล่าไปตามที่ได้ยินมา ทำเอาวงโต๊ะเงียบกริบไม่มีใครกล้าคีบอาหารต่อ
มี่ฮวาหงอยลงอย่างเห็นได้ชัด จากที่ตอนแรกนึกสนุกอยากแกล้งเล่นเพียงเท่านั้น ทว่ากลับได้ผลร้ายแรงกว่าที่คิด
สุดท้ายนางเดินกลับตำหนัก ไม่พูดกับใครอีกเลยจนบ่ายคล้อยชุนหรงเซินถึงเข้าไปคุยด้วย
"เป็นอย่างไรบ้าง" บิดานั่งลงข้างเตียง เห็นลูกสาวนอนซึมก็ยิ่งไม่สบายใจ
แต่เขาจะทำอะไรได้เล่า ในเมื่อผู้คนลือกันไปแล้ว ชื่อเสียงดีๆของนางเสียหายไปแล้ว
"ข้าไม่คิดว่ามันจะเป็นเช่นนี้ แค่อยากเจอคนดีๆที่รักข้าจริง เหตุใดผู้คนถึงลือกันไปว่าข้ายังรักกับท่านอวี้เวินฉิง แล้วยัง.."
..ยังสาดเสียเทเสีย ว่ากันสารพัด ข้าทำผิดมากอย่างนั้นหรือ..
มี่ฮวาหน้าบางนัก นางอับอายที่ถูกคนลือเรื่องไม่มีแก่นสารเหล่านี้
ชุนหรงเซินเองก็ทุกข์ เขาเห็นลูกสาวเจ็บใจแล้วแทบทนไม่ได้ แต่จะห้ามไม่ให้คนนินทาว่าร้ายนั้นคงเป็นไปไม่ได้เลย
"มี่เอ๋อร์ไม่ต้องห่วงนะ พ่อต้องรีบหาวิธีทำให้เจ้าไม่ตกเป็นที่ดูถูกของผู้คนให้ได้"
ผู้เป็นพ่อนั่งปลอบลูกอยู่นานทีเดียว ก่อนจะปลีกตัวออกมา ยืนมองท้องฟ้าสีส้มรำไรที่ตะวันจวนจะลับหาย ฮูหยินเดินเข้ามาหาเขา นางเองก็กำลังจะเข้าไปปลอบลูกเช่นกัน
"ท่านพี่ เราจะทำอย่างไรดีเจ้าคะ"
ภรรยาเอ่ยถาม แต่คนตอบเองก็จนปัญญา เพราะต่อจากนี้คงไม่มีใครอยากแต่งกับมี่ฮวาอีก ด้วยบุรุษเทพทุกองค์ได้เห็นมุมใจร้ายของนางแล้วก็พากันไม่พอใจ
หากเป็นเมื่อก่อน ไม่มีใครแต่งเขาก็ไม่ห่วงหรอก แต่ตอนนี้มันไม่ใช่แล้วเพราะนางจำต้องกู้หน้าและเกียรติกลับมา
"ข้าคงทำได้แค่ค่อยๆบรรเทาทุกข์ให้นางไปทีละน้อยนั่นล่ะฮูหยิน"
"แล้วเราจะทำอย่างไรให้นางร่าเริงขึ้นดีล่ะเจ้าคะ" นางถาม ชุนหรงเซินก็ขบคิด ครู่หนึ่งจึงนึกอะไรดีๆขึ้นมาได้
"ฮูหยินจำได้หรือไม่ วันนั้นที่ข้าได้สุราสวรรค์มาจากสหายใหม่ มี่ฮวาแอบกินเข้าไปแล้วก็คึกคัก ร้องรำทำเพลงเสียค่อนคืน"
"จำได้เจ้าค่ะท่านพี่ แต่นี่ท่านจะไปรบกวนผู้มีพระคุณอีกแล้วหรือ"
"ไม่ต้องห่วง ข้าจะรีบกลับมา"
แล้วชุนหรงเซินก็รีบร้อนออกไป ไม่พูดพร่ำให้เสียเวลาอีก
...
ที่เรือนของซีจงจวินปรากฏรถลากไร้ม้าเทียมอันคุ้นเคย เจ้าของเรือนพึ่งเลิกงานกลับมาก็ทักทายอย่างสนิทสนม
"ท่านชุนหรงเซิน"
เขาคำนับให้หนึ่งครั้ง ชุนหรงเซินยิ้มรับ ก่อนจะเลิกคิ้วสูงเล็กน้อยเมื่อมองไปที่แขนซ้ายสองข้างของซีจงจวิน
"ท่านไปต่อสู้กับผู้ใดมาหรือ" เขาดูสนอกสนใจแขนซ้ายกลางและแขนซ้ายล่างที่พันผ้าสีขาวตั้งแต่ข้อมือจนเกือบถึงข้อศอก
"มหาเทพทรงมอบหมายให้ข้าไล่จับราชสีห์เพลิงที่สร้างความเดือดร้อนให้กลับมาอยู่ในถิ่นเดิม นี่เป็นแผลที่ได้มาตอนสู้กับพวกมันเมื่อคืนขอรับ"
ชุนหรงเซินฟังดังนั้นก็ขุนลุกเกรียว ..ราชสีห์เพลิง แค่ชื่อก็บ่งบอกถึงความดุร้ายแล้ว
"เหตุใดถึงได้งานยากเช่นนั้น หากบาดเจ็บหนักขึ้นมาจะทำอย่างไร"
"ข้าสมควรโดนแล้วขอรับ วันก่อนข้าขาดงานทั้งวัน นี่ถือเป็นการรับโทษขอรับ"
ขาดงานทั้งวัน...ก็หมายความว่าวันก่อนเขาเวียนหัวจากการดื่มสุราจนลุกไปทำงานไม่ไหวน่ะสิ
"ข้าทำท่านลำบากแล้ว"
"ข้าไม่ลำบากขอรับ วันนี้ท่านชุนหรงเซินมาทำอะไรหรือขอรับ"
"พอดีที่เรือนข้าเกิดเรื่องขึ้น ทำให้ทุกคนต่างเศร้าหมอง บรรยากาศไม่สดชื่นเอาเสียเลย ข้าจึงว่าจะมาขอสุราสวรรค์ของท่านไปให้พวกเขา เผื่อจะช่วยคลายโศกได้บ้าง"
ซีจงจวินพยักหน้าเข้าใจ เขารีบพาแขกเข้ามาในบ้านก่อน แล้วจึงจะไปเตรียมของมารับรอง
แต่เมื่อฝ่าเท้าย่างเข้ามาภายในเรือน ชุนหรงเซินก็ต้องหยุดชะงักทันที
จมูกเขารับรู้กลิ่นหอมประหลาดสายหนึ่งที่ลอยมาแตะจมูกบางเบา จำได้ดีเพราะครั้งล่าสุดที่ได้ดมก็คือเมื่อวานตอนสาย
"ซีจงจวิน กลิ่นนี้.." ชุนหรงเซินเงยหน้ามองเทพอสูร รู้สึกประหลาดเมื่อไอบรรยากาศรอบตัวซีจงจวินเหมือนจะเปลี่ยนไปเล็กน้อย
"เมื่อคืน ตอนที่ข้าสู้กับราชสีห์เพลิงได้เจอกับดอกไม้งามดอกหนึ่งเข้า ข้าเลยพากลับมาด้วยขอรับ"
แววตาของซีจงจวินดูอ่อนลงยามเอ่ยบอก หากมองไม่ผิดเหมือนชุนหรงเซินจะเห็นว่าปากของเขาขยับยกยิ้มน้อยๆ
"พาข้าไปดูหน่อยได้หรือไม่" ชุนหรงเซินกล่าวอย่างร้อนใจ ส่วนอีกฝ่ายเพียงยิ้มสบายๆ
"ได้ขอรับ"
แล้วซีจงจวินก็เดินนำมาที่ห้องนอนของเขาเอง เมื่อบานประตูเลื่อนเปิด แขกผู้มาเยือนก็ต้องเผยยิ้มกว้างกับภาพที่เห็นตรงหน้า
..บนเตียงหลังใหญ่นั้น มีบุปผางามหอมดอกหนึ่งถูกวางบนหมอน ส่งกลิ่นอบอวลไปทั่วอีกทั้งยังอยู่ในสภาพดี ไม่มีรอยบอบช้ำเหี่ยวเฉาที่ใดเลย..
"เมื่อคืนท่านนอนข้างดอกไม้นี่หรือ"
"ใช่ขอรับ"
ซีจงจวินตอบตามตรง เขานำมันมาจากรังราชสีห์เพลิง วางไว้ข้างหมอนที่ใช้หนุนนอน มองชมอยู่เช่นนั้นจนเคลิ้มหลับไปไม่รู้ตัว
"ข้าเดาว่าแผลที่ท่านได้มา เป็นเพราะปกป้องดอกไม้ดอกนี้ด้วยใช่หรือไม่"
"ใช่ขอรับ ท่านเดาถูกได้อย่างไรหรือ"
เมื่อได้ยินคำตอบและคำถามของซีจงจวิน เทพแห่งพฤกษาก็ยิ่งยกยิ้มจนตาปิด
..มี่ฮวาช่างร้ายกาจนัก เสกให้ดอกไม้นี้มาขึ้นไกลถึงแผ่นดินใหญ่ แล้วยังไปโผล่ในรังของราชสีห์เพลิงอีก หมายจะไม่ให้ผู้ใดไปพบเข้าสินะ
แต่สุดท้าย สวรรค์ก็ยังลิขิตให้คนผู้นั้นมาเจอมันอยู่ดี..
ทว่าตัวเขาเองก็พึ่งจะพบซีจงจวินได้ไม่กี่ครั้ง พูดคุยกันก็ยังไม่มากพอจนถึงขั้นรู้ตื้นลึกหนาบางอะไร
ชุนหรงเซินคิดดังนั้นจึงหันไปถามซีจงจวินที่ยังยืนมองดอกไม้บนเตียงด้วยสายตาหลงใหล
"ซีจงจวิน เหตุใดท่านถึงเอาดอกไม้นี้มาวางบนเตียงหรือ"
คำถามไม่ได้สร้างความแปลกใจอะไรนัก ซีจงจวินยังมีสีหน้าเช่นเดิมตอนหันมาตอบ
"ข้าคิดว่าดอกไม้นี้คงบอบบางมากขอรับ เพราะตอนเจอเห็นมันวางอยู่บนกองใบไม้สุมหนา ในเรือนข้าไม่มีแจกันจะใส่น้ำหล่อเลี้ยง จะวางไว้บนโต๊ะก็กลัวมันช้ำขอรับ"
เขาก้มหน้าลงเล็กน้อย สายตาที่ส่งกลับไปที่เตียงช่างดูอ่อนโยน ราวกับสิ่งที่เขามองไม่ใช่แค่ดอกไม้...
"และอีกอย่าง ข้าคิดว่าดอกไม้งามเช่นนี้ ต้องโรยเร็วมากแน่ จึงอยากจะนอนมองมันให้นานที่สุด หากกลีบหลุดร่วงอย่างน้อยก็ยังร่วงอยู่บนเตียง ไม่ปลิวหายไปไหนขอรับ"
คำตอบของซีจงจวินเกินกว่าที่คนฟังคาดคิดไปมาก
ตอนแรกคิดว่าคนซื่อๆทื่อๆไร้อารมณ์เช่นนี้คงตอบว่าเพราะมันหอมและสวยดีเท่านั้น ไม่คิดว่าเขาจะเฝ้าถนอมมันลึกซึ้งถึงเพียงนี้
ชุนหรงเซินตัดสินใจถามคำถามสุดท้ายเพื่อลองใจเจ้าของเรือน
"ซีจงจวิน ดอกไม้นี้งามเหลือเกิน หากข้าจะขอท่านนำกลับไปให้คนที่วังได้ชมกัน ท่านจะว่าอย่างไร"
อยากรู้นักว่าคำตอบที่ได้จะเป็นเช่นไร...
ซีจงจวินนิ่งไปครู่หนึ่ง สีหน้าของเขาไม่เปลี่ยน มีเพียงแววตาที่ดูหมองลงอย่างเห็นได้ชัด
"ขออภัยท่านชุนหรงเซิน แต่ข้าคงให้ดอกไม้นี้กับท่านไม่ได้"
"สุราสวรรค์ที่แสนล้ำค่าท่านยังมอบให้ข้าง่ายดาย แล้วเหตุใดดอกไม้ดอกเดียวท่านถึงให้ข้ายืมไปเชยชมบ้างไม่ได้เล่า"
คราวนี้ซีจงจวินไม่สบตาเขา แต่กลับเดินไปคุกเข่าลงข้างเตียง เอามือข้างหนึ่งลูบไล้กลีบดอกไม้เบาๆ
..น่าแปลกที่กลีบดอกไม้แสนบอบบางไม่มีทีท่าจะช้ำหรือร่วงเลย
"เพราะว่าดอกไม้ดอกนี้มีกลิ่นที่ข้าคิดถึงขอรับ"
ชุนหรงเซินฟังแล้วแปลกใจเล็กน้อย เมื่อเขาพูดว่าคิดถึงกลิ่นดอกไม้เพียงดอกเดียว
เขาให้ค่า หวงแหนมันมากถึงเพียงนี้ ชุนหรงเซินจะกล้าลองใจต่อได้อย่างไร
"ซีจงจวิน คืนพรุ่งนี้ข้าจะมาพบท่านอีกครั้งได้หรือไม่"
"ได้ขอรับ"
ซีจงจวินตอบทั้งที่ไม่หันมามองด้วยซ้ำ ยังคงจดจ่ออยู่กับดอกไม้งามตาไม่กะพริบ
เห็นท่าทางเช่นนั้นแล้ว ชุนหรงเซินก็ยิ้มกริ่ม ในใจแทบอยากจุดพลุไฟให้ทั่วแดนอุดร
ค่ำวันหนึ่งในวสันตฤดู มี่ฮวามายืนรอสามีหน้าประตูบ้าน เห็นเขากลับช้ากว่าปกติก็นึกเป็นห่วงขึ้นมาราวสามก้านธูปผ่านไปเขาก็ยังไม่มาทำเอานางร้อนใจไปหมด พวกลูกๆหิวจนทนไม่ไหวเลยพากันกินข้าวเย็นไปก่อนแล้ว เหลือแต่นางที่ยังรอกินพร้อมสามีทำไมถึงชักช้านัก..เพียงหลังจากนั้นไม่นาน ปรากฏเงาร่างดำๆบนท้องฟ้าตรงหลังบ้าน ซีจงจวินเห็นมี่ฮวามองออกไปยังทางที่เขากลับทุกวันก็แปลกใจ"มี่ฮวา ข้ากลับมาแล้ว"ได้ยินเสียงเรียกนางจึงหันหลังเดินมาหาด้วยสีหน้าขุ่นเคือง"ไปไหนมา""ข้าไปช่วยสัตว์อสูรอพยพอยู่เลยกลับช้า"ได้ยินคำเขาบอก นางหรี่ตามองเล็กน้อยคล้ายไม่ค่อยพอใจนัก"สัตว์อสูรที่ไหน""ตรงทางไปเขาสวรรค์นั่นแหละ พอดีข้าผ่านไปเห็นว่านางกำลังลำบากกับการย้ายถิ่นเลยช่วยไว้"เขาชี้แจงด้วยสีหน้างง ขณะอีกคนสะดุดใจในประโยคเมื่อครู่ แต่สุดท้ายก็ต้องถอนหายใจยอมรามือจากการเค้นถาม"เช่นนั้นก็แล้วไป วันนี้พวกลูกๆหิวจนรอเราไม่ไหว แต่ข้ายังไม่ได้กินข้าวเพราะรอท่าน" นางเข้ามาควงแขนเขาไว้ เอาใบหน้าถูไถออดอ้อนทำเอาสามีต้องอมยิ้มการทำแบบนั้นเขาคิดว่านางตั้งใจทำตัวน่ารัก แต่กลับกันนางกำลังแอบดมกลิ่นที่ติดตัวเขามาต่างหากในใจยังรู
เจ็ดร้อยปีผ่านไป..ซวนเฟยกับกับชิงเหลียงอายุพันสามร้อยปีแล้ว ร่างกายกลายเป็นหนุ่มน้อยไม่ใช่เด็กตัวกะเปี๊ยกอีกต่อไปทั้งคู่ยังคงตั้งใจทำงานอย่างขยันขันแข็ง ในเรือนมีนายน้อยและคุณหนูเพิ่มขึ้นมาอีกหลายคนจนทั้งสองกลายสภาพจากคนรับใช้เป็นพี่เลี้ยงเด็กโดยสมบูรณ์"ถูตรงนั้นให้ดีๆล่ะ"ซวนเฟยสั่งแมวป่าน้อยที่มักจะถูพื้นบ้านด้วยความเร็วเกินไปจนไม่แน่ใจว่าสะอาดจริงหรือไม่"เจ้าค่าาา ทราบแล้วเจ้าค่ะท่านหัวหน้า" นางตอบกลับมาเสียงประชดเหมือนเคย"เจ้าด้วย บนเพดานยังมีฝุ่นอยู่เลย" คราวนี้หันไปว่าเจ้ากวางผา"ข้าจะปีนขึ้นเช็ดเดี๋ยวนี้เจ้าค่ะ" อสูรกวางผาตอบก่อนวิ่งไปหยิบไม้ปัดฝุ่นอย่างเร็วเพราะเจ้านายทั้งสองขยันมีลูกกันมาก เมื่อคนในบ้านเพิ่มงานก็เพิ่มตาม นายท่านจึงไปเสาะหาอสูรรับใช้ใหม่มาทำงานบ้าน ส่วนซวนเฟยกับชิงเหลียงมีหน้าที่อย่างเดียวคือเฝ้าจับตาดูลูกๆให้เจ้าวิหควายุเดินตรวจความเรียบร้อยตามส่วนต่างๆไปเรื่อย นายท่านของมันได้ขยายเรือนออกไปกว้างกว่าเดิมหลายส่วน ยิ่งทำความดีความชอบปกป้องยุทธภพด้วยแล้ว ยิ่งได้รับประทานรางวัลอย่างงาม ที่ดินอันกว้างใหญ่ไพศาลนี้ทำให้ต้องใช้เวลาเดินตรวจตรานานขึ้น"ซวนเฟย! ซ
"ท่า..ท่านป้อ!"เด็กน้อยเกอซือชี้นิ้วไปที่บิดา เอ่ยเรียกแล้วยิ้มแป้น แก้มยุ้ยๆขึ้นสีระเรื่อช่างน่าเอ็นดูคนถูกเรียกตาเป็นประกาย อุ้มลูกขึ้นมาไว้ในมืออดใจไม่ได้ต้องจูบแก้มหนักๆสักหลายที"เก่งมากลูกพ่อ"ซีจงจวินดูจะภูมิใจเหลือเกิน มี่ฮวาที่นั่งปักผ้าอยู่ไม่ไกลมองพ่อลูกเล่นกันก็พลอยยิ้มตามไปด้วย"ท่าน..แม่!""จ้า เก่งมากเสี่ยวเกอ"นางยอมวางมือจากเข็มปักผ้าแล้วมาเล่นกับลูกบ้าง เกอซือเริ่มเติบโต ช่างน่ารักน่าเอ็นดู"ท่านตา ท่านยาย ท่านป้า"เกอซือเหมือนพยายามท่องคำที่ถูกสอนมา เสร็จแล้วก็หัวเราะตบมือเพราะคนเหล่านั้นใจดีและรักเกอซือเช่นกันตั้งแต่มี่ฮวาตั้งท้อง พ่อแม่นางมาเที่ยวหาอยู่บ่อยครั้ง เมื่อคลอดเกอซือออกมาตายายก็ดูจะเห่อหลานกันมาก ขยันมาบ้านนี้จนเด็กน้อยจำได้"พ่อจ๋า วันไหนว่างๆเราพาลูกไปเยี่ยมตายายดีหรือไม่"เดี๋ยวนี้สรรพนามที่ใช้เรียกสามีเปลี่ยนไป เพราะทั้งคู่อยากให้ลูกจำได้และเรียกตาม"เช่นนั้นข้าจะทำเรื่องลางานสักสองวัน"ภรรยาว่าอย่างไรเขาไม่เคยขัดอยู่แล้ว ในเมื่อนางอยากพาลูกออกไปเที่ยวเล่นบ้างเขาก็ตามใจดีเหมือนกัน นานๆทีจะได้เปลี่ยนบรรยากาศบ้าง นางกับลูกจะได้ไม่เบื่อความอุดอู้ใน
สิบปีต่อจากนั้นมี่ฮวาตั้งครรภ์ครั้งแรก จากที่ได้รับการดูแลอย่างดี ตอนนี้สามีนางแทบไม่ให้ลุกเดินขยับไปไหนเลยด้วยซ้ำซวนเฟยกับชิงเหลียงเองก็ถูกสั่งให้ช่วยกันดูแลนางเป็นพิเศษกระทั่งลูกน้อยคลอดออกมาอย่างปลอดภัยเสียงร้องอุแว้ดังลั่นเรือน เซียนหมอสตรีมือฉมังจากแดนเทพที่ซีจงจวินไปเชิญเดินออกมาหาพ่อเด็กด้วยสีหน้ายินดี"เป็นคุณชายน้อยเจ้าค่ะ"นางบอกแล้วยื่นห่อผ้าให้ซีจงจวินอุ้ม เทพอสูรมองหน้าเด็กทารกในมือแล้วแทบกลั้นน้ำตาไม่อยู่เด็กคนนี้มีร่างกายเป็นเทพตัวขาวผ่องอมชมพูน่าทะนุถนอม แต่มีลักษณะคล้ายพ่อตรงที่บนหน้าผากมีเขาเล็กๆงอกออกมาสองคู่ ซึ่งมันจะค่อยๆขยายไปตามกาลเวลาซีจงจวินก้มลงหอมแก้มลูกเบาๆแล้วเดินเข้าไปหาภรรยาในห้องซวนเฟยมีหน้าที่ไปส่งท่านเซียนหมอ ชิงเหลียงช่วยเช็ดตัวให้มี่ฮวา ซีจงจวินนั่งลงข้างเตียงซับเหงื่อให้เล็กน้อยก่อนก้มลงจุมพิตที่หน้าผากนาง"ลูกเรา"เขายื่นเด็กน้อยให้นาง มี่ฮวารับเด็กที่ร้องไห้จ้าตั้งแต่เมื่อครู่มาไว้ในอ้อมแขน โอ๋กล่อมด้วยความรักใคร่"ตั้งชื่อว่าอะไรดีเจ้าคะ" นางถาม สามีใช้เวลาคิดครู่สั้นๆก่อนตอบเสียงนุ่มทุ้ม"เกอซือ"ได้ยินชื่อนั้นนางก็พยักหน้าเห็นด้วย ยิ้มให้
ผ่านไปกี่คืนวันแล้วไม่รู้ตั้งแต่ซีจงจวินได้ร่างคืนมา เขาได้เป็นเทพเฝ้าประตูสวรรค์ดังเดิม ทุกวันทำงานตามปกติคล้ายเหตุการณ์เมื่อสี่สิบกว่าปี่ก่อนไม่เคยเกิดขึ้น"ข้ากลับมาแล้ว"ตะวันพึ่งลาลับขอบฟ้าไปได้ไม่ถึงหนึ่งถ้วยชา ร่างเทพอสูรบึกบึนก็มาโผล่หน้าประตูเรียบร้อย น้ำเสียงของซีจงจวินดูร่าเริงมาก ผิดกับตอนเช้าก่อนออกไปทำงานที่จะอิดออดถ่วงเวลาอยู่นั่น"สำรับพร้อมแล้ว"ภรรยาผู้น่ารักเดินออกมาจากห้องอาหาร เนื้อตัวเป็นกลิ่นของคาวหวานคลุ้งไปหมด แต่สามีก็ยังวิ่งเข้ามาสวมกอดหอมฟัดนางเสียจนแทบล้มพับ"กินข้าวอาบน้ำก่อนซีจงจวิน"มี่ฮวาต้องรีบปราม ไม่เช่นนั้นนางจะไม่อาจหลุดจากอุ้งมือพันธนาการของสามีไปได้นับวันซีจงจวินยิ่งทำตัวเหมือนเป็นเด็กเข้าไปทุกที เขาชอบอ้อน ชอบเอาใจ จนบางครั้งมี่ฮวาก็อดคิดไม่ได้ว่าเพื่อนเขารู้ถึงตัวตนด้านนี้บ้างหรือเปล่าซีจงจวินยอมผละออกแต่โดยดี หลังจากถอดชุดเกราะออกแล้วก็มานั่งกินข้าว ไปอาบน้ำ เตรียมเข้านอนพร้อมภรรยาสุดที่รักแต่จะเรียกว่าเข้านอนเลยก็ไม่ได้เพราะก่อนหน้านั้นต้องมีกิจกรรมสำหรับคู่รักเสียก่อนซีจงจวินถึงจะยอมนอน"มี่ฮวา"สัมผัสจากปลายนิ้วสะกิดหลังเบาๆให้นางหันมาห
เป็นจูบที่หวานที่สุดในชีวิตซีจงจวิน พอนางขยับเปิดปากเขาก็สอดลิ้นเข้าไปชิมรสชาติด้านใน กระหวัดเกี่ยวอย่างโหยหาเมื่อตักตวงจนมากพอแล้วมี่ฮวาผลักเขาออกเพื่อพักหายใจเล็กน้อย ดวงตายังสบประสานกันอย่างหวานฉ่ำ"เชื่อหรือยังว่าข้ารักเทพอสูรซีจงจวิน ไม่ใช่จงซีจ้านผู้นั้น"มี่ฮวารู้ว่าที่ซีจงจวินขอให้มหาเทพใส่จิตเขาลงไปในร่างของจงซีจ้านเพราะอะไรคนตอบพยักหน้าเล็กน้อย ช้อนสายตาขึ้นมองนางอย่างเด็กน้อยที่กลัวจะถูกว่าเมื่อทำผิด"ข้า.. เห็นว่าเจ้ายอมนอนกับข้าในร่างจงซีจ้าน เลยคิดว่าหากอยู่ในร่างนั้นเจ้าอาจจะชอบมากกว่า"ซีจงจวินไม่มั่นใจในตัวเองเอามากๆเลยสินะ ถึงได้มีความคิดแบบนี้มี่ฮวาระบายลมหายใจยาว กระเถิบขึ้นไปนั่งบนตักสวมกอดเขาไว้แน่นๆ ซุกหน้ากับแผ่นอกอีกรอบ"ข้าไม่สนว่าจะอยู่ในร่างไหน ขอแค่เป็นท่านก็พอ""เจ้าไม่รังเกียจข้าแล้วใช่หรือไม่""ไม่เลย ข้ากลับชอบด้วยซ้ำเวลาที่ท่านกอดข้าแบบนี้ข้ารู้สึกอบอุ่นปลอดภัย"นางชอบมือทุกข้างที่มอบความรู้สึกหลากหลายให้ มันมีความรักเจืออยู่ในทุกการกระทำร่างกายทั้งคู่ที่แนบชิดบดเบียดกันสร้างความร้อนขึ้นมา ตอนนี้ดูเหมือนว่าแค่กอดจากนางผู้เป็นที่รักเริ่มไม่เพียงพอเ