คืนนั้น หลังจากได้เห็นว่าดอกไม้ที่มี่ฮวาสร้างขึ้นไปอยู่บนเตียงของซีจงจวิน ชุนหรงเซินก็รีบกลับทันทีไม่อยู่ต่อหรือนำสุราติดมือไปด้วยสักไห
เขารีบไปตระเตรียมจัดการกิจธุระที่จำเป็นทั้งหมด สะสางทุกสิ่งให้พร้อมสำหรับงานแต่งโดยเร็ว
อย่างไรเสียก็ต้องเอาซีจงจวินมาเป็นลูกเขยให้ได้!
เย็นวันต่อมาชุนหรงเซินเรียกตัวมี่ฮวาให้ออกจากห้อง ออกอุบายว่าจะพาไปเที่ยวสูดอากาศในที่ดีๆ แล้วจึงพานางขึ้นรถลากเหาะข้ามแดนมา
แม้จะเตรียมการไว้หมดแล้ว แต่เรื่องนี้ทั้งฮูหยินและลูกสาวทั้งแปดไม่มีใครรู้เลยสักคน
มี่ฮวาเองก็ยังแปลกใจที่จู่ๆบิดาพานางออกมาที่ไกลๆ ทั้งที่เมื่อก่อนแทบไม่ให้ออกจากตำหนักด้วยซ้ำ
"เรากำลังจะไปไหนกันหรือเจ้าคะ"
เสียงหวานเอ่ยถาม ชุนหรงเซินหันมาแย้มยิ้มให้ ตอบคำถามแบบตั้งใจเลี่ยง "ไปในที่ที่จะทำให้เจ้ามีความสุข"
"แล้วมันที่ไหนกันเล่าท่านพ่อ"
"เดี๋ยวถึงแล้วพ่อจะบอก"
เหตุใดบิดาถึงไม่ยอมตอบตามตรงกันนะ..
ผ่านไปเกือบสองชั่วยาม รถลากไร้ม้าเทียมร่อนลงจอดที่หน้าเรือนหลังหนึ่ง
มี่ฮวาและชุนหรงเซินลงจากรถ ตอนนั้นดวงตะวันได้หายลับไปแล้ว ท้องฟ้าครึ้มมีดวงดาวส่องให้แสงไม่สว่างเอาเสียเลย
คนทั้งสองยืนนิ่งในความมืดไร้แสงไร้เสียง ราวกับที่นี่ไร้ผู้คน ครึ่งก้านธูปต่อมาจึงปรากฏเงาร่างของตัวอะไรสักอย่างคล้ายสัตว์ใหญ่กำลังมุ่งหน้ามาทางนี้
มี่ฮวาเริ่มกลัว นางตัวสั่นเทายืนอยู่หลังบิดา กระทั่งร่างที่ลงมาจากท้องฟ้าสีดำมาหยุดยืนอยู่หน้าทั้งสอง
เซียนสตรีทำตาโต เผลอส่งเสียงร้องเบาๆด้วยความตกใจ ทว่าเมื่อหันไปมองหน้าชุนหรงเซิน เขากลับส่งยิ้มเป็นมิตรให้อีกฝ่ายเสียอย่างนั้น
"ท่านชุนหรงเซิน"
เทพอสูรประสานมือทั้งหก ก่อนจะหยุดชะงักเล็กน้อยเมื่อเห็นว่าผู้มาเยือนไม่ได้มาคนเดียว
ในความมืดมิด ตาของซีจงจวินไม่ได้ทำงานแย่ลง เขามองเห็นชัดเจนว่าคนที่ยืนอยู่ด้านหลังเป็นใคร
นางคือเซียนบุปผาผู้นั้น...
แม้นางจะไม่เคยมองหน้าสบตากันตรงๆเลย ไม่ว่าจะครั้งนั้นที่หน้าบันไดขึ้นเขาสวรรค์ หรือตอนนี้ที่หน้าเรือนของเขาก็ตาม
..ก็ยังเป็นเขาที่จดจำฝังจิต ไม่คิดลืม..
"นี่ลูกสาวข้า มี่ฮวา วันนี้เราสองพ่อลูกต้องรบกวนท่านแล้ว"
"หาใช่เรื่องใหญ่ขอรับ เชิญท่านทั้งสองด้านในก่อน"
ซีจงจวินผายมือขวาสามข้างให้ เดินนำเข้าไปในเรือน พลันตะเกียงไฟทั่วเรือนที่มืดสนิทมีแสงส่องสว่างขึ้นเอง
มี่ฮวารั้งแขนเสื้อของพ่อเอาไว้ ด้วยไม่ไว้วางใจบุรุษผู้นั้น
"อย่าห่วงเลยมี่เอ๋อร์ เขาไม่ทำอะไรหรอก เข้าไปด้านในกันเถิด"
ชุนหรงเซินจับมือลูกบีบเบาๆ สุดท้ายมี่ฮวาที่ยืนตัวสั่นอยู่ต้องค่อยๆก้าวขาตามไปบ้าง ระหว่างนั้นก็ขบคิดไม่หยุดว่าเหตุใดบิดาถึงพานางมาที่นี่
..กระทั่งฝ่าเท้าขาวเรียวก้าวพ้นธรณีประตูเข้ามา มี่ฮวาก็ต้องชะงักค้างไปทันที
...กลิ่นนี้ นางจำได้
บิดายืนยิ้มอยู่ตรงหน้า พร้อมกับเทพอสูรที่ทำหน้างงอยู่ข้างกัน
"มี่เอ๋อร์ จำกลิ่นนี้ได้หรือไม่"
เสียงของชุนหรงเซินแทบไม่เข้าหัวนางเลย กลีบปากสีชมพูอ่อนสั่นระริกยากจะควบคุม
...เหตุใดถึงเป็นเช่นนี้...
มี่ฮวาพลันได้สติขึ้นมา พุ่งทะยานผ่านหน้าทั้งสองเข้าไปด้านใน ตามกลิ่นหอมแรงจนกระทั่งมาหยุดอยู่หน้าห้องหนึ่ง
มือเลื่อนเปิดบานประตู และสิ่งที่เห็นก็ทำให้รู้สึกราวกับมีใครเอาค้อนมาทุบศีรษะนางจนตื้อ
ดอกไม้ของนาง..อยู่บนเตียงใครไม่รู้...
มันยังคงเบ่งบานงดงาม ไม่มีรอยช้ำ กระจายกลิ่นหอมฟุ้งแม้อยู่มาหลายวันโดยไม่มีสิ่งใดหล่อเลี้ยงชีวิต
ใบหน้าขาวยิ่งซีดเผือดเมื่อได้ยินเสียงเข้มดังตามมาด้านหลัง
"ท่านมีธุระอะไรกับห้องนอนข้าหรือขอรับ"
มี่ฮวาหันมองคนพูด ดวงตาสีเขียวหยกจ้องสบกับดวงแก้วสีทองสว่างวาววับในลูกตาสีดำสนิท
เทพอสูรผู้นี้ นำดอกไม้ของนางมาไว้ในห้องได้อย่างไร!!!
"นี่มันอะไรกัน!!"
มี่ฮวาหันไปถลึงตามองบิดาสลับกับเจ้าเรือนด้วยแรงโทสะพลุ่งพล่านทันที จนชุนหรงเซินต้องรีบปราม
"เจ้าก็เห็นอยู่ว่าดอกไม้ของเจ้าอยู่ที่นี่ ในห้องของซีจงจวินผู้นี้ จะหมายความอย่างไรได้อีกเล่า"
คราวนี้ซีจงจวินงงหนักกว่าเดิม ดอกไม้นี้มันทำไมอย่างนั้นหรือ
"เจ้า!! เหตุใดมันถึงมาอยู่ที่นี่ได้!!?"
คราวนี้มี่ฮวาลืมความกลัวจนหมดสิ้น นางหันไปขึ้นเสียงใส่ซีจงจวินพร้อมกับชี้ไปที่เตียงหลังนั้นแทน
แต่คนถูกถามหาได้รับรู้อารมณ์ถึงฉุนเฉียว เขากะพริบตามองนางอย่างไม่เข้าใจว่าเหตุใดถึงพูดเสียงดังเช่นนั้น
"สงบใจลงก่อนมี่เอ๋อร์ อย่าได้ทำตัวเสียมารยาทเช่นนั้น" ชุนหรงเซินปรามลูกสาวก่อนหันมาหาซีจงจวิน "เรามาค่อยๆคุยกันที่ห้องรับรองดีหรือไม่"
ได้ยินแล้ว เจ้าของเรือนยอมเปิดทางให้ เดินนำไปยังอีกห้องไม่ไกลกันนัก
"เชิญขอรับ"
สุดท้ายมี่ฮวายอมข่มความขุ่นเคืองไว้ เดินตามมานั่งบนเบาะที่จัดไว้ข้างชุนหรงเซิน แต่ก็ยังไม่วายตวัดหางตาค้อนใส่เทพอสูรแมงป่องยักษ์
ซีจงจวินก็มองกลับเช่นกัน แต่สายตาเขาหาได้มีความหมายอื่นใดนอกจากหลงใหล ราวกับจะกลืนกินนางเข้าไปทั้งตัว
"เจ้ามองอะไรนักหนากัน!!"
ซีจงจวินไม่ได้รับรู้ว่านางกำลังโกรธ คิดว่านางถามคำถามจึงตอบไปเฉยๆ
"เพราะท่านงามมาก ข้าจึงมองขอรับ"
คราวนี้คนฟังหน้าขึ้นสี หาใช่เขินอายแต่เป็นโกรธจัด
เมื่อเห็นปฏิกิริยาของนาง เขาก็รีบเอ่ยถามต่อด้วยความเป็นห่วงทันที
"ร่างกายท่านไม่แข็งแรงหรือขอรับ ไยหน้าแดงคล้ายไข้จับเช่นนั้น หรือเพราะท่านตะโกนมากไปขอรับ"
"นี่เจ้า!!"
มี่ฮวาถลึงตาจ้องซีจงจวิน กระฟัดกระเฟียดด้วยนึกว่าเขาตั้งใจพูดยียวน
"เอาล่ะๆ มาเข้าเรื่องกันก่อนดีกว่านะ"
เสียงชุนหรงเซินเอ่ยห้ามทัพอีกครั้ง มี่ฮวาจึงยอมนั่งลงเฉยๆทั้งที่มือจิกกำ ขยำชุดกระโปรงจนยับย่น
"ที่พ่อให้เจ้ามาที่นี่วันนี้ด้วย เจ้าคงรู้แล้วว่าเป็นเพราะอะไร เช่นนั้นพ่อจะไม่ถามให้มากความอีก เพียงจะพามาดูตัวเจ้าบ่าวเท่านั้น"
!!!!
มี่ฮวาตะลึงตกใจราวหัวใจจะหลุดออกมา นางหันขวับมองบิดาทันที ก่อนเริ่มเปิดปากว่าเสียงดังขึ้นอีก
"นี่ท่านพ่อจะให้ข้าแต่งให้เจ้านี่จริงๆหรือ!!?"
สรรพนามที่เรียกช่างหยาบคาย มี่ฮวาเผลอสะบัดมือชี้หน้าซีจงจวินด้วย
ส่วนคนที่กำลังถูกพูดถึงอยู่นั้นไม่ได้ถือสาอะไร เพียงขมวดคิ้วเข้าหากันเล็กน้อย
"ท่านชุนหรงเซิน... หมายความว่าอย่างไรขอรับ"
"ซีจงจวิน ท่านคงไม่รู้ว่าดอกไม้ที่ท่านเก็บได้เมื่อคืนก่อนเป็นดอกไม้ที่มี่ฮวาลูกสาวข้าเสกขึ้นมาเพื่อจะใช้ในงานเลือกเจ้าบ่าวของนาง"
ชุนหรงเซินเริ่มเล่าเรื่อง ตอนนั้นมี่ฮวาพยายามจะเอ่ยขัดแต่ก็ต้องถูกบิดาหันมาทำสายตาดุใส่เพื่อให้นางสงบปากสงบคำ
"กติกามีอยู่ว่าผู้ที่หามันเจอและพากลับมาคืนได้โดยไม่ทำให้ดอกไม้เสียหายจะได้นางไปเป็นชายา ...ซึ่งตอนนี้ ท่านถือว่าผ่านการทดสอบนั้นแล้ว ข้าจึงพานางมาดูตัวและตกลงกันเรื่องพิธีแต่งงาน"
ซีจงจวินฟังแล้วก็นิ่งอึ้งทำอะไรไม่ถูก ต่างจากมี่ฮวาที่เมื่อได้ยินคำว่าพิธีแต่งงานก็ระงับโทสะไว้ไม่อยู่
"ข้าไม่แต่ง!! เขาไม่ได้นำดอกไม้มามอบให้ข้าในคืนนั้นสักหน่อย ท่านพ่อจะมาบังคับข้าเช่นนี้ไม่ถูกนะเจ้าคะ"
"ก็ใครใช้ให้เจ้าเสกให้มันมาอยู่ที่แผ่นดินใหญ่นี่กันเล่า! เจ้าแสร้งไม่เห็นผิด บิดคำพูดเช่นนี้ ไม่อายบ้างหรือมี่เอ๋อร์!!"
"ข้าหาได้บิดพลิ้วเจ้าค่ะ เรื่องนี้จบตั้งแต่วันนั้นแล้ว ไม่แต่งก็คือไม่แต่งเจ้าค่ะ!!!"
มี่ฮวาลุกขึ้นยืนค้านหัวชนฝา นางกัดฟันพูดทั้งที่ยังจ้องบิดาตาไม่กะพริบ ทางฝั่งชุนหรงเซินเองก็เริ่มมีน้ำโหแล้วเช่นกัน
แต่ตอนนั้นเอง.. ซีจงจวินไม่ได้ฟังเลยว่าทั้งสองพูดสิ่งใดกันบ้าง สติเขาเลื่อนลอยหลุดไปตั้งแต่ตอนที่ชุนหรงเซินบอกว่าเขาจะได้เป็นเจ้าบ่าวของมี่ฮวา
เซียนสตรีแสนงามผู้นี้..กำลังจะแต่งให้เขา...
ต้องเป็นอะไรที่ดีมากแน่...
ในใจซีจงจวินรู้สึกเบาหวิว ราวกับกำลังล่องลอยอยู่ในห้วงมนตราพิศวง
ดวงตากะพริบขึ้นลงช้าๆ มองดวงหน้างามขึ้นสี ไม่รู้ว่าด้วยเหตุใดจึงเป็นเช่นนั้น แต่ซีจงจวินเป็นห่วงเหลือเกินว่านางจะป่วยไข้
มือข้างหนึ่งในหกข้างนั้นจึงถือวิสาสะ ยื่นไปสัมผัสเบาๆที่แก้มนางโดยที่เจ้าตัวไม่ได้มีเจตนาจะล่วงเกินใดๆ
"..."
ทันทีที่นิ้วเขาโดนผิวเนื้อนุ่ม ทุกอย่างหยุดชะงัก มี่ฮวาพึ่งรู้สึกตัว เลื่อนสายตามามองเขาเช่นเดียวกับชุนหรงเซิน
"ท่านไม่ได้ป่วยจริงๆใช่ไหมขอรับ"
"..."
"ท่านกระหายน้ำหรือไม่ขอรับ หรือหากท่านร้อนข้าจะไปหาพัดมาให้"
มี่ฮวาได้แต่อ้าปากค้าง พูดไม่ออก ว่าไม่ได้ ราวกับนางหาเสียงตัวเองไม่เจอ
สายตาของซีจงจวินหวานละไม เต็มไปด้วยความห่วงใยจากใจจริง นั่นทำให้ชุนหรงเซินถึงกับลืมความโมโหที่มีต่อบุตรสาวไปชั่วขณะทีเดียว
"นางหน้าแดงเพราะโมโหน่ะซีจงจวิน"
เขาอธิบาย นั่นทำให้ซีจงจวินยอมผละมือออก หันมามองชุนหรงเซินด้วยความไม่เข้าใจ ก่อนหันหน้าไปหามี่ฮวาอีกครั้ง
"ท่านโมโหสิ่งใดหรือขอรับ"
!!!!!
"ยังจะมีหน้ามาถามอีก! ข้าก็โมโหเจ้าอย่างไรเล่า เจ้าเทพอสูรอัปลักษณ์!!!"
มี่ฮวาถึงกับตวาดลั่น พร้อมทั้งชี้หน้าซีจงจวินอย่างเหลืออด
ไม่รู้เหตุใดบุรุษผู้นี้ถึงได้โง่เง่านัก แสดงออกชัดเจนขนาดนี้ยังไม่รู้เรื่องอีก!!
เทพอสูรอึ้งเล็กน้อย แม้จะชินเสียแล้วที่ถูกมองว่าน่าเกลียดน่ากลัว ทว่าพอถูกนางว่าตรงๆเช่นนี้ หัวใจที่ไม่เคยสั่นไหวก็กลับบีบรัดจนเจ็บอก
"ข้าทำสิ่งใดให้ท่านโมโหหรือขอรับ"
"หึ! โง่เง่าต่ำช้าสิ้นดี! เจ้าเก็บดอกไม้นั่นมาคงคิดว่านำเรื่องไปบอกท่านพ่อแล้วข้าจะยอมแต่งให้เช่นนั้นสินะ ฝันไปเถิดข้าไม่แต่ง!! ต่อให้เจ้าหลอกล่อ ป้อยอท่านพ่อจนน้ำลายหมดปากข้าก็ไม่แต่ง!!!"
นางประกาศกร้าวก่อนจะวิ่งออกไปทันที
ประหลาดเหลือเกินที่คำของมี่ฮวาทำให้ซีจงจวินเกิดความรู้สึกบางอย่างในใจ
..แต่เขาไม่รู้ว่ามันคืออะไร...
..ไม่รู้ตัวเสียด้วยซ้ำว่าตนเผลอทำสีหน้าแบบไหนออกมา...
...เหตุใดนางต้องด่าทอเขาด้วย เขาทำสิ่งใดผิดหรือ...
ชุนหรงเซินมองซีจงจวินแวบหนึ่งก่อนวิ่งตามลูกออกมา
..มีหลายสิ่งผิดจากที่เขาคาดคิดไปมาก
อย่างแรกคือไม่คิดว่าลูกสาวสุดที่รักจะหาญกล้าถึงเพียงนี้ หากเป็นผู้อื่นอย่าว่าแต่สตรีเลย แม้แต่เซียนบุรุษก็ยังหวาดกลัวอำนาจเทพอสูร ไม่อาจมายืนชี้หน้าด่าปาวๆเช่นนี้หรอก
และอีกข้อที่คิดไม่ถึง คือซีจงจวินอ่อนโยนกับมี่ฮวามากนัก สายตาของเทพอสูรไร้ความแค้นเคืองใดๆแม้ถูกว่าไปขนาดนั้น
ที่หน้าเรือน ชุนหรงเซินจับข้อมือบุตรสาวเอาไว้ กลัวนางจะวิ่งออกไปถึงป่าแล้วจะได้รับอันตราย
"กลับไปคุยกันให้รู้เรื่องเดี๋ยวนี้นะมี่เอ๋อร์!"
"ไม่! ท่านพ่อไม่ฟังความต้องการของข้า ไม่ฟังหัวใจของข้าเลย! ท่านไม่คิดหรือว่าหากต้องมาอยู่ที่นี่กับบุรุษคนนั้นข้าจะต้องทุกข์ใจขนาดไหน ไม่คิดหรือว่าข้าจะต้องทนกับคำครหาอีกมากเท่าใด ท่านไม่คิดเลยหรือ!!!"
หลังฟังจบ สายตาที่ส่งไปให้บุตรสาวหาใช่ความโกรธ แต่เป็นความอบอุ่นที่แฝงมาพร้อมกับน้ำเสียงนุ่มทุ้ม
"พ่อคิดดีแล้ว.. คิดดีแล้วจริงๆมี่เอ๋อร์ พ่อรักเจ้าขนาดนี้ ถึงได้เลือกสิ่งที่ดีที่สุดให้เจ้า ซีจงจวินเป็นคนดีมากจริงๆ และพ่อเชื่อว่าเขาจะทำให้ลูกมีความสุขได้แน่"
ชุนหรงเซินเริ่มคลายมือที่กุมข้อมือลูกออก แล้วเปลี่ยนเป็นลูบหัวนางเบาๆ
"ลูกรู้หรือไม่ว่าที่นี่ที่ไหน ที่นี่คือชายแดนแผ่นดินใหญ่ซึ่งติดกับแดนประจิม ลูกเห็นหรือไม่ว่าที่นี่ไม่มีอะไรเลย ไม่มีใครจะมาพูดนู่นพูดนี่ให้ลูกรำคาญหูอีก ที่ตรงนี้จะเป็นเหมือนโลกอีกใบ มีแค่เจ้าและสามีเพียงสองคน ไร้ปัญหา ไร้ทุกข์ มีแต่สุขตลอดกาล"
มี่ฮวาใจอ่อนยวบ น้ำตารื้นท่วมเมื่อได้ยินพ่อพูดเช่นนั้น นางส่ายหน้ารัวไม่อยากจะยอมรับ
"เชื่อพ่อสักครั้งเถิดมี่เอ๋อร์ แล้วลูกจะเข้าใจเองว่าสิ่งที่พ่อทำไปนั้นมันเพื่อตัวลูกทั้งหมด"
"ลูกไม่อยากแต่งกับคนน่ากลัวเช่นนั้น ลูกไม่ไว้ใจเขา แค่ได้ยินเสียงก็สั่นผวาแล้ว ท่านพ่อได้โปรดช่วยลูกด้วย" มี่ฮวาซบอกพ่อ ปล่อยน้ำตาร่วงหล่นเป็นสาย
น้ำตานั้นเกิดความความเสียใจ...
เสียใจที่พ่อเลือกสามีอัปลักษณ์ให้...
"มี่เอ๋อร์ คนเราดูกันแค่เพียงเปลือกไม่ได้หรอกนะ จิตใจเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด ลูกอยู่กับซีจงจวินไปก็จะเห็นเอง พ่อมั่นใจว่าเขาจะทำให้ลูกมีความสุขมากๆ ลืมเรื่องวุ่นวายที่แดนอุดร ลืมคำพูดปรามาสถากถาง ลืมคนที่ทำให้ลูกต้องเป็นเช่นนี้เสียเถิด"
..เทพอสูรตนนั้น จะทำให้นางมีความสุขได้จริงหรือ...
สาวน้อยเงยหน้าขึ้น ร้องไห้เสียจนหน้าที่เคยสะสวยไม่น่ามอง แต่บิดาก็ยังเช็ดน้ำตาให้
"แล้วหากมันไม่เป็นอย่างที่ท่านพ่อพูดล่ะเจ้าคะ"
"หากลูกอยู่แล้วไม่มีความสุข เช่นนั้นพ่อก็จะมารับกลับบ้าน แต่อย่างน้อยก็ลองอยู่ไปก่อนสักครึ่งปีเป็นอย่างไร"
สุดท้ายแล้ว คำของชุนหรงเซินก็ทำให้ต้องใจอ่อน ยอมลงให้ในที่สุด
ครึ่งปีต่อจากนี้...จะเกิดอะไรขึ้นบ้างนะ
ค่ำวันหนึ่งในวสันตฤดู มี่ฮวามายืนรอสามีหน้าประตูบ้าน เห็นเขากลับช้ากว่าปกติก็นึกเป็นห่วงขึ้นมาราวสามก้านธูปผ่านไปเขาก็ยังไม่มาทำเอานางร้อนใจไปหมด พวกลูกๆหิวจนทนไม่ไหวเลยพากันกินข้าวเย็นไปก่อนแล้ว เหลือแต่นางที่ยังรอกินพร้อมสามีทำไมถึงชักช้านัก..เพียงหลังจากนั้นไม่นาน ปรากฏเงาร่างดำๆบนท้องฟ้าตรงหลังบ้าน ซีจงจวินเห็นมี่ฮวามองออกไปยังทางที่เขากลับทุกวันก็แปลกใจ"มี่ฮวา ข้ากลับมาแล้ว"ได้ยินเสียงเรียกนางจึงหันหลังเดินมาหาด้วยสีหน้าขุ่นเคือง"ไปไหนมา""ข้าไปช่วยสัตว์อสูรอพยพอยู่เลยกลับช้า"ได้ยินคำเขาบอก นางหรี่ตามองเล็กน้อยคล้ายไม่ค่อยพอใจนัก"สัตว์อสูรที่ไหน""ตรงทางไปเขาสวรรค์นั่นแหละ พอดีข้าผ่านไปเห็นว่านางกำลังลำบากกับการย้ายถิ่นเลยช่วยไว้"เขาชี้แจงด้วยสีหน้างง ขณะอีกคนสะดุดใจในประโยคเมื่อครู่ แต่สุดท้ายก็ต้องถอนหายใจยอมรามือจากการเค้นถาม"เช่นนั้นก็แล้วไป วันนี้พวกลูกๆหิวจนรอเราไม่ไหว แต่ข้ายังไม่ได้กินข้าวเพราะรอท่าน" นางเข้ามาควงแขนเขาไว้ เอาใบหน้าถูไถออดอ้อนทำเอาสามีต้องอมยิ้มการทำแบบนั้นเขาคิดว่านางตั้งใจทำตัวน่ารัก แต่กลับกันนางกำลังแอบดมกลิ่นที่ติดตัวเขามาต่างหากในใจยังรู
เจ็ดร้อยปีผ่านไป..ซวนเฟยกับกับชิงเหลียงอายุพันสามร้อยปีแล้ว ร่างกายกลายเป็นหนุ่มน้อยไม่ใช่เด็กตัวกะเปี๊ยกอีกต่อไปทั้งคู่ยังคงตั้งใจทำงานอย่างขยันขันแข็ง ในเรือนมีนายน้อยและคุณหนูเพิ่มขึ้นมาอีกหลายคนจนทั้งสองกลายสภาพจากคนรับใช้เป็นพี่เลี้ยงเด็กโดยสมบูรณ์"ถูตรงนั้นให้ดีๆล่ะ"ซวนเฟยสั่งแมวป่าน้อยที่มักจะถูพื้นบ้านด้วยความเร็วเกินไปจนไม่แน่ใจว่าสะอาดจริงหรือไม่"เจ้าค่าาา ทราบแล้วเจ้าค่ะท่านหัวหน้า" นางตอบกลับมาเสียงประชดเหมือนเคย"เจ้าด้วย บนเพดานยังมีฝุ่นอยู่เลย" คราวนี้หันไปว่าเจ้ากวางผา"ข้าจะปีนขึ้นเช็ดเดี๋ยวนี้เจ้าค่ะ" อสูรกวางผาตอบก่อนวิ่งไปหยิบไม้ปัดฝุ่นอย่างเร็วเพราะเจ้านายทั้งสองขยันมีลูกกันมาก เมื่อคนในบ้านเพิ่มงานก็เพิ่มตาม นายท่านจึงไปเสาะหาอสูรรับใช้ใหม่มาทำงานบ้าน ส่วนซวนเฟยกับชิงเหลียงมีหน้าที่อย่างเดียวคือเฝ้าจับตาดูลูกๆให้เจ้าวิหควายุเดินตรวจความเรียบร้อยตามส่วนต่างๆไปเรื่อย นายท่านของมันได้ขยายเรือนออกไปกว้างกว่าเดิมหลายส่วน ยิ่งทำความดีความชอบปกป้องยุทธภพด้วยแล้ว ยิ่งได้รับประทานรางวัลอย่างงาม ที่ดินอันกว้างใหญ่ไพศาลนี้ทำให้ต้องใช้เวลาเดินตรวจตรานานขึ้น"ซวนเฟย! ซ
"ท่า..ท่านป้อ!"เด็กน้อยเกอซือชี้นิ้วไปที่บิดา เอ่ยเรียกแล้วยิ้มแป้น แก้มยุ้ยๆขึ้นสีระเรื่อช่างน่าเอ็นดูคนถูกเรียกตาเป็นประกาย อุ้มลูกขึ้นมาไว้ในมืออดใจไม่ได้ต้องจูบแก้มหนักๆสักหลายที"เก่งมากลูกพ่อ"ซีจงจวินดูจะภูมิใจเหลือเกิน มี่ฮวาที่นั่งปักผ้าอยู่ไม่ไกลมองพ่อลูกเล่นกันก็พลอยยิ้มตามไปด้วย"ท่าน..แม่!""จ้า เก่งมากเสี่ยวเกอ"นางยอมวางมือจากเข็มปักผ้าแล้วมาเล่นกับลูกบ้าง เกอซือเริ่มเติบโต ช่างน่ารักน่าเอ็นดู"ท่านตา ท่านยาย ท่านป้า"เกอซือเหมือนพยายามท่องคำที่ถูกสอนมา เสร็จแล้วก็หัวเราะตบมือเพราะคนเหล่านั้นใจดีและรักเกอซือเช่นกันตั้งแต่มี่ฮวาตั้งท้อง พ่อแม่นางมาเที่ยวหาอยู่บ่อยครั้ง เมื่อคลอดเกอซือออกมาตายายก็ดูจะเห่อหลานกันมาก ขยันมาบ้านนี้จนเด็กน้อยจำได้"พ่อจ๋า วันไหนว่างๆเราพาลูกไปเยี่ยมตายายดีหรือไม่"เดี๋ยวนี้สรรพนามที่ใช้เรียกสามีเปลี่ยนไป เพราะทั้งคู่อยากให้ลูกจำได้และเรียกตาม"เช่นนั้นข้าจะทำเรื่องลางานสักสองวัน"ภรรยาว่าอย่างไรเขาไม่เคยขัดอยู่แล้ว ในเมื่อนางอยากพาลูกออกไปเที่ยวเล่นบ้างเขาก็ตามใจดีเหมือนกัน นานๆทีจะได้เปลี่ยนบรรยากาศบ้าง นางกับลูกจะได้ไม่เบื่อความอุดอู้ใน
สิบปีต่อจากนั้นมี่ฮวาตั้งครรภ์ครั้งแรก จากที่ได้รับการดูแลอย่างดี ตอนนี้สามีนางแทบไม่ให้ลุกเดินขยับไปไหนเลยด้วยซ้ำซวนเฟยกับชิงเหลียงเองก็ถูกสั่งให้ช่วยกันดูแลนางเป็นพิเศษกระทั่งลูกน้อยคลอดออกมาอย่างปลอดภัยเสียงร้องอุแว้ดังลั่นเรือน เซียนหมอสตรีมือฉมังจากแดนเทพที่ซีจงจวินไปเชิญเดินออกมาหาพ่อเด็กด้วยสีหน้ายินดี"เป็นคุณชายน้อยเจ้าค่ะ"นางบอกแล้วยื่นห่อผ้าให้ซีจงจวินอุ้ม เทพอสูรมองหน้าเด็กทารกในมือแล้วแทบกลั้นน้ำตาไม่อยู่เด็กคนนี้มีร่างกายเป็นเทพตัวขาวผ่องอมชมพูน่าทะนุถนอม แต่มีลักษณะคล้ายพ่อตรงที่บนหน้าผากมีเขาเล็กๆงอกออกมาสองคู่ ซึ่งมันจะค่อยๆขยายไปตามกาลเวลาซีจงจวินก้มลงหอมแก้มลูกเบาๆแล้วเดินเข้าไปหาภรรยาในห้องซวนเฟยมีหน้าที่ไปส่งท่านเซียนหมอ ชิงเหลียงช่วยเช็ดตัวให้มี่ฮวา ซีจงจวินนั่งลงข้างเตียงซับเหงื่อให้เล็กน้อยก่อนก้มลงจุมพิตที่หน้าผากนาง"ลูกเรา"เขายื่นเด็กน้อยให้นาง มี่ฮวารับเด็กที่ร้องไห้จ้าตั้งแต่เมื่อครู่มาไว้ในอ้อมแขน โอ๋กล่อมด้วยความรักใคร่"ตั้งชื่อว่าอะไรดีเจ้าคะ" นางถาม สามีใช้เวลาคิดครู่สั้นๆก่อนตอบเสียงนุ่มทุ้ม"เกอซือ"ได้ยินชื่อนั้นนางก็พยักหน้าเห็นด้วย ยิ้มให้
ผ่านไปกี่คืนวันแล้วไม่รู้ตั้งแต่ซีจงจวินได้ร่างคืนมา เขาได้เป็นเทพเฝ้าประตูสวรรค์ดังเดิม ทุกวันทำงานตามปกติคล้ายเหตุการณ์เมื่อสี่สิบกว่าปี่ก่อนไม่เคยเกิดขึ้น"ข้ากลับมาแล้ว"ตะวันพึ่งลาลับขอบฟ้าไปได้ไม่ถึงหนึ่งถ้วยชา ร่างเทพอสูรบึกบึนก็มาโผล่หน้าประตูเรียบร้อย น้ำเสียงของซีจงจวินดูร่าเริงมาก ผิดกับตอนเช้าก่อนออกไปทำงานที่จะอิดออดถ่วงเวลาอยู่นั่น"สำรับพร้อมแล้ว"ภรรยาผู้น่ารักเดินออกมาจากห้องอาหาร เนื้อตัวเป็นกลิ่นของคาวหวานคลุ้งไปหมด แต่สามีก็ยังวิ่งเข้ามาสวมกอดหอมฟัดนางเสียจนแทบล้มพับ"กินข้าวอาบน้ำก่อนซีจงจวิน"มี่ฮวาต้องรีบปราม ไม่เช่นนั้นนางจะไม่อาจหลุดจากอุ้งมือพันธนาการของสามีไปได้นับวันซีจงจวินยิ่งทำตัวเหมือนเป็นเด็กเข้าไปทุกที เขาชอบอ้อน ชอบเอาใจ จนบางครั้งมี่ฮวาก็อดคิดไม่ได้ว่าเพื่อนเขารู้ถึงตัวตนด้านนี้บ้างหรือเปล่าซีจงจวินยอมผละออกแต่โดยดี หลังจากถอดชุดเกราะออกแล้วก็มานั่งกินข้าว ไปอาบน้ำ เตรียมเข้านอนพร้อมภรรยาสุดที่รักแต่จะเรียกว่าเข้านอนเลยก็ไม่ได้เพราะก่อนหน้านั้นต้องมีกิจกรรมสำหรับคู่รักเสียก่อนซีจงจวินถึงจะยอมนอน"มี่ฮวา"สัมผัสจากปลายนิ้วสะกิดหลังเบาๆให้นางหันมาห
เป็นจูบที่หวานที่สุดในชีวิตซีจงจวิน พอนางขยับเปิดปากเขาก็สอดลิ้นเข้าไปชิมรสชาติด้านใน กระหวัดเกี่ยวอย่างโหยหาเมื่อตักตวงจนมากพอแล้วมี่ฮวาผลักเขาออกเพื่อพักหายใจเล็กน้อย ดวงตายังสบประสานกันอย่างหวานฉ่ำ"เชื่อหรือยังว่าข้ารักเทพอสูรซีจงจวิน ไม่ใช่จงซีจ้านผู้นั้น"มี่ฮวารู้ว่าที่ซีจงจวินขอให้มหาเทพใส่จิตเขาลงไปในร่างของจงซีจ้านเพราะอะไรคนตอบพยักหน้าเล็กน้อย ช้อนสายตาขึ้นมองนางอย่างเด็กน้อยที่กลัวจะถูกว่าเมื่อทำผิด"ข้า.. เห็นว่าเจ้ายอมนอนกับข้าในร่างจงซีจ้าน เลยคิดว่าหากอยู่ในร่างนั้นเจ้าอาจจะชอบมากกว่า"ซีจงจวินไม่มั่นใจในตัวเองเอามากๆเลยสินะ ถึงได้มีความคิดแบบนี้มี่ฮวาระบายลมหายใจยาว กระเถิบขึ้นไปนั่งบนตักสวมกอดเขาไว้แน่นๆ ซุกหน้ากับแผ่นอกอีกรอบ"ข้าไม่สนว่าจะอยู่ในร่างไหน ขอแค่เป็นท่านก็พอ""เจ้าไม่รังเกียจข้าแล้วใช่หรือไม่""ไม่เลย ข้ากลับชอบด้วยซ้ำเวลาที่ท่านกอดข้าแบบนี้ข้ารู้สึกอบอุ่นปลอดภัย"นางชอบมือทุกข้างที่มอบความรู้สึกหลากหลายให้ มันมีความรักเจืออยู่ในทุกการกระทำร่างกายทั้งคู่ที่แนบชิดบดเบียดกันสร้างความร้อนขึ้นมา ตอนนี้ดูเหมือนว่าแค่กอดจากนางผู้เป็นที่รักเริ่มไม่เพียงพอเ