Masuk"คุณมาร์คัส!" อันนาร้องเสียงหลง พยายามจะถอยหลังหนีแต่ก็ไม่มีที่ให้ไปอีก เพราะข้างหลังคือประตูห้องน้ำที่เธอเพิ่งจะเดินออกมา มาร์คัสดันประตูให้ปิดสนิท แล้วหันมามองเธอด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความเจ้าเล่ห์
"อย่าเพิ่งตกใจไปสิ" มาร์คัสพูดเสียงนุ่มทุ้ม แล้วค่อยๆ เดินเข้ามาหาเธอช้าๆ "แค่คิดถึง" อันนาถึงกับเขินจนหน้าแดงไปหมด เธอกำผ้าขนหนูที่นุ่งกระโจมอกไว้แน่น "คุณมาร์คัส...อันนายังไม่ได้แต่งตัวเลยนะคะ" อันนาแม่รู้ว่าเป็นเพียงลูกแกะในกำมือของหมาป่าที่อยากจะขย้ำเธอ แต่เธอก็ยังทำท่าทำทีต่อรองต่อให้รู้ว่าจะหนีไม่พ้น มาร์คัสไม่สนใจคำพูดของเธอ เขายื่นมือออกมาแล้วค่อยๆ ลูบผมที่เปียกชื้นของอันนาอย่างแผ่วเบา "ไม่เป็นไรหรอก สวยดี" มาร์คัสยังคงใช้มือเกลี่ยไปที่ปอยผมลูบไล้ไปที่ใบหน้าของอันนาเชยคางของเธอให้เงยหน้าขึ้นมามองสบตากับเขา คำพูดของเขาทำให้อันนารู้สึกร้อนผ่าวไปทั่วทั้งใบหน้า มาร์คัสโน้มตัวลงมาใกล้ แล้วก้มลงจูบที่หน้าผากของเธออย่างอ่อนโยน ก่อนจะไล่ลงมาที่ปลายจมูกและริมฝีปากนุ่มของอันนา "คุณมาร์คัส...อือ" อันนาร้องครางในลำคอ เมื่อเขาเริ่มจูบอย่างดูดดื่มและเร่าร้อน เธอไม่ได้ขัดขืน แต่กลับตอบรับสัมผัสของเขาอย่างเต็มใจในตลอดช่วงเวลาสี่เดือนมาร์คัสไม่เคยแสดงออกถึงท่าทีใจร้ายกับเธอเลย ช่วยกินมันเข้าไปให้ฉันหน่อยสิมาทัชพูดเสียงแหบพร่าแล้วปลดเข็มขัดออกหลังจากนั้นมือหนักก็รูดซิปแล้วควักอะไรบางอย่างออกมา คุณมาร์คัส....อันนาเรียกมาคัดเสียงแผ่วเบาเพราะรู้สึกเขินอายแต่เธอก็ไม่ได้ปฏิเสธที่จะมอบความสุขทางกายให้กลับมาร์คัสเหมือนกับวันแรก ทั้งสองคนใช้เวลาอยู่ด้วยกันในห้องนั้นเนิ่นนาน จนเมื่ออันนาเริ่มรู้สึกหิว มาร์คัสจึงยอมปล่อยเธอให้ไปแต่งตัว และเขาเองก็ไปอาบน้ำเช่นกัน เมื่อทั้งสองคนแต่งตัวเสร็จเรียบร้อย มาร์คัสก็พาอันนาขึ้นรถเพื่อไปที่บาร์หรูของเพื่อนเขาตามที่ตั้งใจไว้ บรรยากาศภายในรถดูอบอุ่นและผ่อนคลาย อันนารู้สึกมีความสุขและปลอดภัยทุกครั้งที่ได้อยู่กับเขา "คุณมาร์คัสคะ" อันนาเรียกเขาเสียงเบา "คืนนี้เราจะกลับกันกี่โมงคะ"อันนาถามขึ้นเหมือนมีเรื่องราวบางอย่างภายในใจ "ทำไม...อยากกลับเร็วเหรอ" มาร์คัสถามด้วยน้ำเสียงติดตลก "เปล่าค่ะ" อันนาส่ายหน้ายิ้มๆ "แค่อยากอยู่กับคุณมาร์คัสให้นานกว่านี้" เดี๋ยวนี้อันนารู้จักหยอดคำหวานใส่มาร์คัสเพราะเธอหลงรักผู้ชายตรงหน้าอย่างเต็มหัวใจมาร์คัสให้ความอบอุ่นในแบบที่พ่อของเธอไม่เคยให้ ให้ความปลอดภัยและให้ชีวิตแม้ในช่วงแรกจะเริ่มต้นไม่สวยงามแต่หลังจากวันระยะเวลาที่อยู่ด้วยกันมามันแสดงออกให้เห็นถึงความใส่ใจและความอ่อนโยนภายในตัวของมาร์คัส คำพูดของอันนาทำให้มาร์คัสยิ้มอย่างพอใจ เขาเอื้อมมือไปจับมือของเธอไว้แล้วกุมไว้แน่นมาร์คัสมองเห็นความน่ารักที่อันนามีให้ใน ทุก ๆ วันหัวใจน้ำแข็งของมาร์คัสมันกำลังหลอมละลายจนแทบจะไม่เหลือเป็นกำแพง "งั้นก็ไม่ต้องกังวลเรื่องเวลาหรอก...วันนี้เราจะอยู่ด้วยกันทั้งคืน" เมื่อมาถึงบาร์หรูของเพื่อน มาร์คัสก็พาอันนาเข้าไปในโซนวีไอพีที่มีความเป็นส่วนตัวสูง อันนาที่ปกติไม่เคยเข้าบาร์ ก็รู้สึกตื่นเต้นและประหลาดใจกับบรรยากาศที่หรูหราและมีชีวิตชีวา มาร์คัสแนะนำเพื่อนๆ ของเขาให้อันนารู้จัก ซึ่งแต่ละคนก็ล้วนเป็นนักธุรกิจหนุ่มหล่อที่ดูดีมีเสน่ห์ "นี่ อันนา เมียของกูเอง" มาร์คัสแนะนำด้วยน้ำเสียงที่ภาคภูมิใจ "อะไรนะ!"ทุกคนต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันอย่างพร้อมเพรียงเมื่อมาร์คัสแนะนำอันนาว่าคือภรรยาของเขา "ใครวะเนี่ย สวยชิบหายเลย" อีกคนเสริมหลังจากตกตะลึงที่อยู่ดีๆมาเฟียขาโหดอย่างมาร์คัสประกาศว่ามีภรรยาเพราะการประกาศเช่นนี้แปลว่าชีวิตของผู้หญิงคนนี้จะเปลี่ยนไปตลอดกาลท่ามกลางศัตรูที่จ้องจะเล่นงานมาร์คัสตลอดเวลา "เออ อันนาเมียกูเอง พวกมึงจะเสียงดังทำไมวะ..!" "โอ้โห! ไอ้มาร์คัส! สุดท้ายก็ยอมสละโสดนาธานหันมาแซวเพื่อนอย่างมาร์คัส มาร์คัสแอบหงุดหงิดที่เพื่อน ๆ ต่างพากันถามเขายกใหญ่ ว่าจัดงานแต่งตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่เห็นเคยเชิญเพื่อนแต่ละคนไปเลย ทุกคนก็พูดไม่หยุดแต่พอทุกคนหันมามองหน้าอันนาก็รู้แล้วว่าทำไมมาคัดถึงได้ยอมรับอันนาเป็นภรรยาก็หน้าตาจะซวยสูงขาวสไตล์เหมือนลูกครึ่ง เพื่อนๆ ของมาร์คัสต่างก็อวยพรให้กับทั้งสองคน อันนารู้สึกเขินอายแต่ก็มีความสุขอย่างบอกไม่ถูก เธอรู้สึกว่ามาร์คัสให้เกียรติเธอมาก และไม่เคยปิดบังเรื่องราวความสัมพันธ์ของพวกเขากับใครเลย คืนนั้นทั้งคืน อันนากับมาร์คัสใช้เวลาอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข มาร์คัสไม่ยอมให้ใครมาเข้าใกล้เธอ และคอยดูแลเธออย่างดีตลอดเวลา อันนารู้สึกว่าตัวเองคือผู้หญิงที่โชคดีที่สุดในโลกที่ได้เจอผู้ชายที่รักเธอมากขนาดนี้ เพื่อนๆ ของมาร์คัสพากันแซวไม่หยุด แต่ทุกคนก็ยอมรับในความน่ารักน่าชังของอันนา เธอเป็นผู้หญิงที่ดูสวยหวานและครบเครื่องจริง ๆ ในขณะที่ทุกคนกำลังพูดคุยกันอย่างสนุกสนานนั้นเอง... เสียงดนตรีในบาร์ก็ค่อยๆ เบาลง และมีผู้หญิงคนหนึ่งปรากฏตัวขึ้นที่ทางเข้าโซนวีไอพี เธอสวยสง่าราวกับเจ้าหญิงในเทพนิยาย ดวงตาของเธอหวานซึ้งและมีรอยยิ้มที่อ่อนโยนบนใบหน้า ทุกคนที่เห็นเธอถึงกับตะลึงงันไปชั่วขณะ มาร์คัสที่กำลังหัวเราะอยู่กับเพื่อนๆ ก็หันไปมองตามสายตาของทุกคน รอยยิ้มบนใบหน้าของเขาค่อยๆ หายไป เขามองไปหน้าที่คุ้นเคยแม้จะยืนอยู่ห่างไกลแต่มาร์คัสก็จำได้ ดวงตาที่เคยเต็มไปด้วยความสุข กลับกลายเป็นความรู้สึกที่หลากหลาย ทั้งความตกใจ ความคิดถึง และความเจ็บปวด ผู้หญิงคนนั้นเดินเข้ามาใกล้ แล้วหยุดยืนอยู่ตรงหน้ามาร์คัสด้วยรอยยิ้มที่อ่อนโยน เธอคือ ลลิสา คนรักเก่าของมาร์คัส ผู้หญิงเพียงคนเดียวที่ไม่เคยเลือนหายไปจากหัวใจของเขาได้เลย ผู้หญิงเพียงคนเดียวที่มาร์คัสคิดถึงนะโหยหาตลอดเวลาแม้ว่าเธอจะเลือกแต่งงานไปกับผู้ชายคนอื่นเพื่อครอบครัวที่สมบูรณ์แบบและความมั่นคงที่เธออยากได้ "มาร์คัส..." ลลิสาเรียกชื่อเขาเสียงแผ่วเสียงที่แผ่วเบานี้พูดชื่อมาร์คัสด้วยความโหยหาและคิดถึงราวกับรู้จักกันมาเนิ่นนาน ทุกคนในที่นั้นต่างก็อึ้งไปชั่วขณะ เพราะไม่มีใครคิดว่าลลิสาจะกลับมา หลังจากที่เธอหายไปจากชีวิตของมาร์คัสเกือบสิบปี อันนาที่ยืนอยู่ข้างมาร์คัสก็ถึงกับหน้าซีดเผือด เธอรู้สึกถึงบางอย่างที่ไม่ชอบมาพากลในสายตาของมาร์คัสที่มองไปยังลลิสา สายตาที่เธอไม่เคยได้รับจากมาร์คัสนอกจากความเอ็นดูเมื่อไหร่ที่เขาต้องการจะใช้ร่างกายของเธอถึงจะได้คำพูดที่หวานหยดย้อยทุกครั้งที่อยู่ด้วยกันบนเตียงแสนเร่าร้อน...เรื่องในคืนนั้นที่ผ่านมาผ่านมาแล้วเกือบสองเดือนกว่า อันนาที่สอบเทอมสุดท้ายจนเสร็จเรียบร้อยก็รอฟังผลว่าเธอจะสอบสำเร็จหรือติดตัวไหนบ้าง ความสัมพันธ์ของอันนากับมาร์คัสมันกลับมาเย็นชาดูเหมือนไร้หัวใจในทุกคืนอันนาแยกห้องนอนกับมาร์คัสนับจากวันที่ลาริสากลับมาและแสดงตัวว่าเป็นรักแรกของมาเทส ลลิสาพยายามปรากฏตัวทุกที่ที่มาคัดไปแม้อันนาจะไม่ได้ตามไปด้วยเธอก็พอรู้ว่าตอนนี้มาร์คัสกำลังพยายามเว้นช่องว่างระหว่างเธอและเขา"คืนนี้เธอนอนก่อนเลยนะไม่ต้องรอฉันแล้วก็กลับไปนอนที่ห้องของเธอได้ฉันอยากนอนคนเดียว" น้ำเสียงทุ้มต่ำเย็นชาถูกพ่นออกมาจากปากหนา มาร์คัสที่พยายามตีตัวออกห่างอันนาเขาอยากใช้เวลาอยู่กับตัวเองให้มากขึ้นเพื่อเคลียร์หัวใจของตัวเอง "ค่ะ" อันนาตอบกลับเสียงเรียบ หลังจากเสร็จภารกิจบนเตียงมาร์คัสก็พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาใส่เธอ และไล่ให้เธอกลับมานอนที่ห้องและมันเป็นอย่างนี้เสมอมาตลอดสองเดือนกว่า ๆ หัวใจของอันนาเจ็บปวดเกินทนเธอหลับไปพร้อมกับคราบน้ำตาในทุกคืนและเธอรู้ว่าผู้ชายคนนี้ไม่ใช่ของของเธอเธอไม่มีสิทธิ์ที่จะหึงหวงหรือรั้งเขาเอาไว้"อดทนสิอันนา อีกแค่ห้าเดือนสุดท้ายแค่ ห้าเดือนสุดท้ายเท่าน
มาร์คัสที่เห็นอันนาในสภาพที่โอนเอนไปมาอย่างน่าเวทนา หัวใจของเขาก็บีบรัดด้วยความเจ็บปวดและความโกรธที่ผสมปนเปกัน เขากำหมัดแน่นจนเส้นเลือดปูดโปนเขากัดฟันแน่นเพื่อระงับอารมณ์โกรธกับคนตรงหน้าที่ไร้สติ ก่อนจะเดินตรงไปหาเธออย่างรวดเร็วโดยไม่สนใจสายตาของใครก็ตาม"เฮ้ย! นี่คุณเป็นใคร" คริสที่กำลังพูดคุยกับอันนาอยู่เห็นมาร์คัสเดินเข้ามาด้วยสีหน้าคุกคามก็รีบเข้ามาขวางหน้าไว้ "คุณไม่มีสิทธิ์เข้ามาทำแบบนี้ในบาร์ผม"มาร์คัสหยุดยืนอยู่ตรงหน้าคริส แล้วมองเขาด้วยสายตาที่เย็นชา "หลีกไปซะ ก่อนที่กูจะไม่มีความอดทน" น้ำเสียงของเขาทุ้มต่ำและเต็มไปด้วยอำนาจ จนคริสรู้สึกได้ถึงรังสีอำมหิตที่แผ่ออกมา"นี่มันไม่ใช่เรื่องของคุณ" คริสยืนกรานเสียงแข็งที่จะไม่ให้มาร์คัสเข้าใกล้อันนา"นี่คือเมียกู ของกู!" มาร์คัสตะโกนเสียงดังลั่น แล้วผลักคริสออกไปอย่างแรง จนเขาล้มลงไปกองกับพื้น อันนาที่ได้ยินคำว่า "เมีย" ก็ถึงกับน้ำตาไหลอาบแก้ม เธอส่ายหน้าไปมาอย่างเมามายด้วยฤทธิ์แอลกอฮอล์และบวกกับความเสียใจสติของอันนาเธอไม่อยู่กับร่องกับรอย"ฮึก...เมีย...ฮึก...คุณไม่เคยเห็นอันนาเป็น..เมีย..." อันนาพูดพึมพำด้วยความเจ็บปวดคำพูดของอั
เหตุการณ์ก่อนหน้านี้ที่มาร์คัส จะรู้ว่าอันนาหายออกไปจากคฤหาสน์ ..ในขณะเดียวกัน ที่คฤหาสน์หรูของมาร์คัส มาร์คัสที่เพิ่งจะกลับจากขับรถเล่นก็รู้สึกถึงความเงียบสงัดที่ผิดปกติป้าสมศรีที่มักจะคอยมารอรับมาร์คัสเป็นปกติทุกวันแต่วันนี้กลับดูมีบางอย่างพิรุธเปลี่ยนไปคือความเงียบสงบที่เงียบจนผิดปกติ"มีอะไรหรือเปล่าป้า อันนาล่ะนอนหรือยัง" มาร์คัสที่มาถึงก็ถามถึงอันนาเป็นคนแรกเพราะเขามีเรื่องให้คิดมากมายจนลืมโทรหาอันนาแต่พอกลับมาได้สติเขาก็รีบกลับมาที่คฤหาสน์เพราะเป็นห่วงร่างบาง"เออคือว่า.." ป้าสมศรีไม่กล้าแม้แต่จะเอื้อนเอ่ยว่าอันนาไม่ได้อยู่ที่คฤหาสน์ตั้งแต่ออกไปเรียนจนถึงเที่ยงคืนตอนนี้ก็ยังไม่ถึงที่คฤหาสน์"ป้ามีอะไรก็รีบพูดมาเถอะอ้ำอึ้งอยู่นั่นแหละฉันอยากไปพักผ่อน" มาร์คัสที่เห็นท่าทีของป้าสมศรีก็รู้สึกหงุดหงิดไม่น้อย"ฉันถามว่าอันนาอยู่ที่ไหน.!" มาร์คัสเริ่มพูดเสียงเข้มขณะที่นางปูก็อยู่ด้านหลังยืนตัวสั่นพอได้ยินเสียงที่ดุเข้มของมาร์คัส"คุณหนูอันนา ตั้งแต่ออกไปเรียนจนถึงตอนนี้ก็ยังไม่กลับมาเลยค่ะนายท่าน" ป้าสมศรีก็บอกความจริงออกไปตามตรง"ป้าว่าอะไรนะ.!" มาร์คัสที่ได้ยินว่าอันนาไม่ได้อยู่ท
อันนาในชุดราตรีสีดำที่เผยให้เห็นเรือนร่างเย้ายวนดูโดดเด่นสะดุดตา เธอไม่ได้ตั้งใจจะแต่งตัวให้เซ็กซี่ขนาดนี้ แต่พลอยกับสมหญิงเป็นคนจัดการให้ทั้งหมดตั้งแต่หัวจรดเท้า เมื่อเดินเข้ามาในผับ ทุกสายตาต่างจับจ้องมาที่เธอ อันนารู้สึกอึดอัด แต่ก็พยายามเก็บซ่อนความรู้สึกนั้นไว้ภายใต้ท่าทีที่เย็นชาและไร้อารมณ์"เห็นไหมล่ะยัยอันนา บอกแล้วว่าแกสวย" สมหญิงที่เป็นสาวสอง แต่งตัวจัดเต็มไม่แพ้กันในชุดรัดรูปสีเงินเมทัลลิกวาววับ พูดขึ้นพร้อมกับส่งสายตาให้บรรดาหนุ่มๆ ที่จ้องมองมาอย่างสนุกสนานส่วนพลอยในชุดเดรสสีแดงเพลิงที่ทั้งสวยและร้อนแรง ก็ยิ้มกริ่มอย่างพอใจ "คืนนี้พวกเราต้องเป็นดาวเด่นของงาน!"แต่สำหรับอันนาแล้ว เธอไม่รู้สึกสนุกด้วยเลยสักนิด เธอเดินไปที่บาร์แล้วสั่งเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์แรงที่สุด บาร์เทนเดอร์ส่งแก้วให้พร้อมกับรอยยิ้มกรุ้มกริ่ม แต่เธอไม่สนใจ เธอดื่มมันหมดแก้วอย่างรวดเร็วราวกับจะดับไฟในใจที่กำลังลุกโชน"อันนา... พอแล้ว" สมหญิงพยายามจะห้าม แต่ไม่ทัน เธอสั่งแก้วที่สองทันที"อยากให้ฉันลืมความเจ็บปวด ก็ต้องดื่มให้เมาไม่ใช่เหรอ" อันนาพูดด้วยน้ำเสียงที่เย็นชาพลอยกับสมหญิงมองหน้ากันด้วยค
วันนี้อันนาจึงอยากจะดื่มให้ลืมความทุกข์ที่เธอได้รับชีวิตของเธอมันบัดซบมากพออยู่แล้วเงินที่ มาคัสให้ตลอดสี่เดือนเดือนละแสนมันมากพอสำหรับที่เธอจะตั้งตัวใหม่ได้เลยวันนี้เธอจึงตัดสินใจหยิบบางส่วนออกมาใช้ก็คงไม่ผิด"งั้นวันนี้ฉันเลี้ยงเองนะ" อันนาเผยรอยยิ้มแต่มันก็ยังคงดูเศร้าในสายตาของเพื่อนอยู่ดีสามสาวพากันนั่งรถแท็กซี่กลับไปที่บ้านของพลอยโดยที่อันนาไม่เดินทางกลับคฤหาสน์และมาร์คัสที่มัวแต่ยุ่งกับเรื่องของลลิสา ผู้หญิงที่เป็นคนส่งข้อความปริศนามาให้เขาจนลืมสั่งให้ราเชนทร์ตามติดมาดูอันนาส่วนราเชนก็ยุ่งกับงานใต้ดินของเจ้านายทุกคนต่างพากันลืมอันนาไปหมดมาร์คัสขับรถไปยังสถานที่นัดหมายที่ลลิสาเป็นคนบอกมา มันเป็นร้านกาแฟเล็กๆ ที่เงียบสงบในซอยลึก ที่นี่เป็นสถานที่ที่พวกเขาชอบมานั่งกันบ่อยๆ สมัยยังเรียนมหาวิทยาลัย ภาพความทรงจำเก่าๆ ผุดขึ้นมาในหัวของมาร์คัสอย่างไม่ขาดสายเมื่อเดินเข้าไปในร้าน เขาก็เห็นลลิสานั่งรออยู่ที่โต๊ะมุมสุด เธอสวยเหมือนเดิม...หรืออาจจะสวยกว่าเดิมด้วยซ้ำ ลลิสายิ้มให้เขาอย่างอ่อนโยน"สวัสดีมาร์คัส"ลลิสาในชุดสีแดงเพลิงเหมือนแม่หม้ายกระดังงาลนไฟมาร์คัสเดินไปนั่งลงตรงข้ามเธอ "
เช้าวันนี้ที่คฤหาสน์หรูของมาร์คัส บรรยากาศดูอึมครึมไปหมด อันนาก้มหน้าก้มตาทานอาหารเช้าเหมือนคนอมทุกข์ ตลอดทั้งคืนเธอรู้สึกนอนไม่หลับ เพราะตอนนี้ในชีวิตของเธอเอาหัวใจไปผูกไว้ที่ข้อเท้าของผู้ชายที่ขึ้นชื่อว่าเป็นเจ้าหนี้และสามีตีตราของเธอ“อันนามีอะไรหรือเปล่า” มาร์คัสพยายามพูดให้บรรยากาศทุกอย่างมันดีขึ้น ซึ่งเขาก็รู้ว่า เขาไม่จำเป็นต้องแคร์อันนาก็ได้ แต่ความรู้สึกของเขากลับไม่เป็นอย่างนั้น“ไม่เป็นอะไรหรอกค่ะ” อันนาเงยหน้าขึ้นแล้วฝืนยิ้ม ใบหน้าที่ซีดเผือดเพราะนอนไม่หลับเกือบทั้งคืนจนร้องไห้ตาแดงบวม แม้จะถูกปกปิดด้วยเครื่องสำอาง แต่ก็ยังมองออก“ทำไมตาบวมขนาดนั้นล่ะอันนา” มาร์คัสสังเกตไปที่ดวงตาสวยที่บวมเปล่งแทบจะปิด“สงสัยเมื่อคืนอันนานอนดึกมั้งคะ นอนไม่หลับน่ะ” อันนาพูดออกไปด้วยท่าทีไม่ได้คิดอะไร เพราะในใจตอนนั้นกำลังจมดิ่งกับความเจ็บปวดที่เกิดขึ้น“ทำไมนอนไม่หลับล่ะ คิดถึงฉันหรือไง” มาร์คัสพยายามพูดหยอกเย้าให้อันนาอารมณ์ดี“ค่ะ อันนาคิดถึงคุณมาร์คัส” อันนารับสารภาพออกมาตรง ๆ เพราะเธอก็คิดว่าไม่มีอะไรจะเสียหาย ในเมื่อเธอรู้สึกว่าเธอรักมาร์คัสเข้าให้แล้วมาร์คัสที่ได้ยินคำตอบก็ถึงกับไป







